กล้วยไม้ในมือมาร
กล้วยไม้คือผู้หญิง...เธอคือผู้หญิงชาวจีนที่ถูกซื้อมาเป็นสาวรับใช้ตั้งแต่วัยเด็ก...นวนิยายเรื่องนี้ฉายภาพสยามประเทศใน พ.ศ. 2473
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 27


27...


“อั๊วมีข่าวดีมาบอก...”
อาเฮี่ยะตะโกนลั่นๆ วิ่งเข้ามาในครัว
“ข่าวดีอะไรของลื้อ?” อาไล้ใช้ทัพพีไม้ที่ใช้ตักข้าวต้มชี้หน้า
“ก็หลวงน่ะสิ” อาเฮี่ยะพูดไปหอบฮักๆ ไป เพราะเหน็ดเหนื่อยจากการวิ่งมาส่งข่าวล่ามาเร็ว
“หลวงทำไม?” อาไล้เร่งยิก
“ลื้ออย่าเร่งอั๊วสิ อั๊วหายใจไม่ทัน” อาเฮี่ยะโต้ตอบ
“ก็มัวแต่กระบิดกระบวนอยู่นั่นแหละ” คุณหนูโน้ยที่กำลังล้างผักอยู่เอ่ยเสียงขุ่นอย่างขัดใจ
“คือคุณหนู...” อาเฮี่ยะเอ่ยไม่ทันหมดประโยค
คุณหนูโน้ยก็ตวาดเสียงดัง “จะพูดก็รีบพูด ไม่งั้นก็หุบปากไปเลย”
“พูดๆๆ...คือหลวงมาตั้งหัวก๊อกที่หลังตลาด” อาเฮี่ยะรีบเฉลยก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้พูด
“หัวก๊อกอะไร?” อาไล้ถามพลางใช้ทัพพีไม้วนข้าวต้มที่กำลังเดือดปุดๆ
“หัวก๊อกน้ำประปา” อาเฮี่ยะยิ้มภูมิใจในข่าวที่ตนรู้มา
แต่สีหน้าคุณหนูโน้ย อาไล้ และอาลั้ง บ่งบอกความมึนงงมากกว่าจะเข้าใจประโยคนั้น
“มันคืออะไรเหรอ?” อาลั้งถามเสียงอ่อนๆ
“อะโธ่...” อาเฮี่ยะส่ายหน้ากับความไม่ทันสมัยของทั้งสาม “หัวก๊อกก็สามารถเปิดและปิด พอเปิดน้ำใสสะอาดก็จะไหลออกมา เรียกว่าน้ำประปา พอปิดน้ำก็จะหยุดไหล หลวงมาตั้งหัวก๊อกเอาไว้ให้ชาวบ้านไปรองน้ำมาใช้โดยไม่ต้องเสียตังค์”
“เราก็ใช้น้ำไม่เสียตังค์อยู่แล้ว” คุณหนูโน้ยพูดเสียงสะบัด
“แต่น้ำประปาไม่เหมือนน้ำในแม่น้ำ” อาเฮี่ยะเอ่ยอย่างผู้รู้ ถึงจะไม่รู้จริง เพียงแค่ได้ยินเขามาก็เถอะ “น้ำในแม่น้ำหาบมาแล้วต้องแกว่งสารส้มถึงจะใส แต่น้ำประปาใสสะอาดโดยไม่ต้องแกว่งสารส้ม”
“ก็ดีน่ะสิ เราจะได้ไปหาบน้ำประปาแทนการหาบน้ำจากแม่น้ำ” อาลั้งเอ่ยอย่างยินดี
“ใช่แล้ว...อาลั้งลื้อฉลาดมาก” อาเฮี่ยะชมเพื่อนสนิท
“ฉลาดตรงไหน...” คุณหนูโน้ยเบะปาก “หาบน้ำมันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ ไม่ว่าจะหาบจากที่ไหน”
แต่ในความเป็นจริง...ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คุณหนูโน้ยเอ่ย
การไปหาบน้ำจากก๊อกประปา มีคนมารอคอยน้ำประปามากมาย จึงต้องต่อคิวกันกว่าจะได้น้ำแต่ละหาบจึงชักช้าจนน่าอึดอัด แถมมีบางคนเอารัดเอาเปรียบคนอื่นด้วยการจะแซงคิว แต่อาเฮี่ยะกับอาลั้งมาด้วยกันสองคนจึงไม่ยอม อีกฝ่ายมาคนเดียวแม้ตัวจะโตกว่า ก็ต้องยอมถอย เหตุการณ์หาบน้ำประปาผ่านไปสองวัน...ยี่เสี่ยเนี้ยก็เริ่มบ่น
“พวกอีไปหาบน้ำช้าอย่างนี้ก็แย่สิ...ดูซิเสื้อผ้าซักตากไม่ทันแดด เหม็นอับไปหมด”
“จริงด้วยค่ะ ยี่เสี่ยเนี้ย” อาไล้เอ่ยสนับสนุน “ให้พวกอีแบ่งหน้าที่กัน คนหนึ่งไปหาบน้ำ คนหนึ่งไปซักผ้า จะดีกว่า”
“ลื้อพูดมาน่าคิด แต่พวกอีสองคนหาบกันมาครั้งละสองหาบ ยังใช้เวลาค่อนวันกว่าจะได้น้ำมาพอใช้ ถ้าให้คนเดียวหาบ ไม่ต้องใช้เวลาเป็นสองเท่าตัวเหรอ?” ยี่เสี่ยเนี้ยนึกคำนวณถึงเวลาที่จะต้องเสียไปกับการหาบน้ำ
อาไล้ยิ้มเหี้ยม นางมีแผนการร้ายอยู่ในใจ “ยี่เสี่ยเนี้ย อั๊วคิดได้วิธีหนึ่ง รับรองว่าสามารถทำให้หนึ่งหาบที่มีสองถังเท่ากับสามถังได้”
“อั๊วนึกไม่ออกจะหาบยังไงสามถัง” ยี่เสี่ยเนี้ยส่ายหน้า
“ไม่ยากหรอกค่ายี่เสี่ยเนี้ย แต่ยี่เสี่ยเนี้ยต้องลงทุนครั้งเดียวเท่านั้น และรับรองว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม” อาไล้เอ่ย ดวงตาเจ้าเล่ห์กลอกกลิ้ง
“ลงทุนยังไง?” ยี่เสี่ยเนี้ยถาม พลางยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ
“สั่งทำถังพิเศษ ให้ใส่น้ำได้เท่ากับถังครึ่ง เท่านี้หนึ่งหาบก็เท่ากับสามถัง ยังไงล่ะ” อาไล้ขยายความ
“อืมม์...ก็น่าคิด” ยี่เสี่ยเนี้ยเอ่ย “ยังงี้อั๊วสั่งทำถังพิเศษสองคู่ จะได้ให้พวกอีทำงานเร็วขึ้น”
อาไล้ฟังแล้วตกใจ เพราะนางตั้งใจจะแกล้งอาลั้งคนเดียว เกิดไปพ่วงเอาอาเฮี่ยะเข้า ดีไม่ดีอาเฮี่ยะถ้ารู้ว่าเป็นความคิดของตน จะไปฟ้องแม่มาเล่นงานตนอีก
“ไม่ดีค่ะไม่ดี” อาไล้รีบแย้ง
“ไม่ดียังไง?” ยี่เสี่ยเนี้ยถาม
“ไปกันสองคนอีจะพากันไถล แยกกันทำงานจะได้งานเสร็จไวๆ ให้อาเฮี่ยะไปซักผ้า อาลั้งไปหาบน้ำ จะดีกว่านะคะ” อาไล้เสนอ
“อืมม์...” ยี่เสี่ยเนี้ยนึกใคร่ครวญในใจ แล้วว่า “อั๊วว่า...ให้อาเฮี่ยะไปหาบน้ำดีกว่า เพราะอาเฮี่ยะรูปร่างสูงใหญ่กว่าอาลั้ง”
“ไม่ดีหรอกค่า...อาลั้งอีว่ายน้ำไม่เป็น ให้อีไปซักผ้าที่แม่น้ำ เกิดตกน้ำตกท่าไปจะไม่มีใครช่วย” พูดเหมือนเป็นห่วงเด็ก แต่ที่แท้จะทรมานเด็กให้หาบหนักๆ หาบจนพิกลพิการไป หรือบอบช้ำภายในไปได้ยิ่งดี...อาไล้กระหยิ่มยิ้มย่องในใจ
“ก็จริงของลื้อ...” ยี่เสี่ยเนี้ยพยักหน้า “เอาตามที่ลื้อว่า ลื้อไปจัดการตามนั้นโดยเร็ว อั๊วเบื่อเสื้อผ้าเหม็นๆ เต็มที” แล้วยี่เสี่ยเนี้ยก็หยิบเงินจากกระเป๋าเสื้อส่งให้อาไล้ กำชับว่า “ลื้อไปทำถังพิเศษเร็วๆ”

หาบเก่าว่าหนักแล้ว หาบใหม่ยิ่งหนักกว่า หนักจนอาลั้งแทบหน้ามืดเพราะต้องออกแรงหาบเกินพิกัดของคำว่าเต็มที่ แต่ที่ยิ่งแย่กว่านั้นคือความเหงา ตั้งแต่เล็กอาลั้งก็ทำงานคู่กับอาเฮี่ยะมาตลอด พอมาแยกกันทำมันดูอ้างว้างชอบกล แล้วการเข้าแถวรอรองน้ำ ก็มีคนเห็นแก่ตัวจะมาแซงคิวอาลั้ง เพราะเห็นอาลั้งตัวเล็กกว่า
“ลื้อถอยไป อั๊วจะรองน้ำ” พลางผลักไหล่อาลั้งที่ถึงคิวรองน้ำพอดี
อาลั้งไม่ยอม ผลักอีกฝ่ายกลับ แต่ก็ไม่เป็นผลทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งสะเทือนอะไร “ลื้อไปรอต่อแถวสิ มีคนอื่นรอต่อแถวอยู่เยอะแยะ ลื้อจะมาแซงแถวได้ยังไง” เสียงพูดดังๆ เพื่อเรียกร้องให้คนที่ต่อแถวอยู่ช่วยสนับสนุน
แล้วก็ได้ผล...คนที่ต่อแถวอยู่ส่งเสียงมา
“ใช่ๆๆ...ไปต่อท้ายแถวสิ”
คนที่จะแซงแถวมองเห็นมีหลายคนไม่พอใจ จึงยอมถอย แต่ก่อนถอยก็ใช้มะเหงกเขกหัวอาลั้งโป๊ก แรงจนอาลั้งเจ็บจี๊ด แต่ก็ต้องแข็งใจทำงานต่อไป
ซาเสี่ยเนี้ยเห็นอาลั้งหาบน้ำน่าเวทนา...จึงปรึกษายี่เสี่ยเนี้ยว่า
“ยี่อึ้ม...เราต่อน้ำประปามาใช้ที่บ้านดีไหม?”
“ก็ดีเหมือนกัน...แต่...” ยี่เสี่ยเนี้ยนึกขึ้นได้ว่าไม่น่าจะได้มาเปล่าๆ “ต้องเสียตังค์มั้ย”
“เสียค่าน้ำนิดหน่อย”
“ถ้าต้องเสียตังค์ อั๊วไม่เอา” ยี่เสี่ยเนี้ยส่ายหน้า “ให้อาลั้งอีไปหาบมาก็แล้วกัน”
“ยี่อึ้ม...ร้านเราเป็นร้านใหญ่ ถ้าต่อน้ำประปาก่อนร้านอื่นๆ มันก็เป็นหน้าเป็นตาของร้าน แต่ถ้ารอให้ร้านอื่นๆ ไปต่อก่อน เราจะเสียหน้านา” ซาเสี่ยเนี้ยเกลี้ยกล่อม
ยี่เสี่ยเนี้ยมีสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะเอ่ยว่า “ซาซิ่มพูดมีเหตุผล...เอาก็เอา แต่ว่า...”
“แต่ว่า...อะไรหรือ?”
“อั๊วไม่รู้ว่าจะไปทำยังไง หลวงเขาถึงจะมาต่อน้ำประปาให้” ยี่เสี่ยเนี้ยกลัวเรื่องที่ต้องติดต่อกับราชการที่สุด
ซาเสี่ยเนี้ยยิ้มเล็กน้อย “ไม่เป็นไร...เรื่องนี้อั๊วจัดการให้เอง”
เมื่อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย...ซาเสี่ยเนี้ยก็จัดการเรื่องการขอน้ำประปา แต่กว่าท่อประปาจะมาต่อให้จริงก็เป็นเวลานานถึงหกเดือน
งานหาบน้ำของอาลั้งก็ได้ยุติลง ซึ่งเป็นที่ไม่ชอบใจของอาไล้ที่สุด
“อาลั้ง ลื้อไม่ต้องไปหาบน้ำแล้ว ลื้อก็ไปซักผ้าแทนอาเฮี่ยะ ให้อาเฮี่ยะไปขายของที่หน้าร้าน” อาไล้ออกคำสั่ง เพราะถือว่าตนเป็นคนเก่าคนแก่ของที่นี่
แต่อาเฮี่ยะเถียงว่า “อั๊วจะไปซักผ้าคนเดียว ป้าไล้ไม่ต้องยุ่ง”
“อะไร...อั๊วจะช่วยให้ลื้อได้ทำงานเบาๆ ลื้อไม่ชอบเหรอ ยังจะมาถลึงตาใส่อั๊วอีก” อาไล้เอ่ยเสียงขุ่น
“บอกว่าไม่ต้องยุ่งก็ไม่ต้องยุ่ง” อาเฮี่ยะเสียงสะบัด แล้วหิ้วตะกร้าเสื้อผ้าจะไปซักที่ท่าน้ำ
“อั๊วไปช่วยซักนะ” อาลั้งออกปาก จะเดินตาม
อาเฮี่ยะหันมาห้ามว่า “ลื้อก็ไม่ต้องมาช่วยอั๊ว ลื้อทำงานในครัวไปเถอะ” ว่าแล้วรีบจ้ำอ้าวจากไป
“อีท่าทางแปลกๆ” อาไล้เอ่ยเปรยๆ
อาลั้งก็นึกเช่นนั้นในใจ...แต่ก่อนอาเฮี่ยะจะพูดคุยกับตนทุกอย่าง แต่มาระยะสองสามเดือนหลังอาเฮี่ยะเงียบขรึม ถามคำตอบคำ ไม่คุยฟุ้งก่อนนอนเหมือนแต่ก่อน
แล้วอีกสองวันต่อมา เรื่องน่าตกใจก็เกิดขึ้น!
อาเฮี่ยะหิ้วตะกร้าเสื้อผ้าออกไปซักตั้งแต่เช้ามืด จนเที่ยงยังไม่กลับมา ยี่เสี่ยเนี้ยจึงให้อาไล้ออกไปตาม แต่อาไล้กลับมาพร้อมกับตะกร้าผ้าที่ยังไม่ได้ซัก
“ลื้อเจออาเฮี่ยะมั้ย?” ยี่เสี่ยเนี้ยถามทันที ไม่รอให้อาไล้หอบหายใจก่อน
“ไม่เจอ” อาไล้หอบไปตอบไป
“หรืออีตกน้ำตายไปแล้ว” ยี่เสี่ยเนี้ยคิดในทางร้ายที่สุด
แต่คำตอบของอาไล้ร้ายเสียยิ่งกว่า “อีไม่ได้ตกน้ำตาย แต่อีหนีตามผู้ชาย”
“หา!” ยี่เสี่ยเนี้ยอุทาน
แต่ซาเสี่ยเนี้ยที่ยืนฟังอยู่ด้วย ฉุกคิด “ยี่อึ้ม...ข้าวของเงินทองยังอยู่ครบหรือเปล่า?”
“ตายจริง” ยี่เสี่ยเนี้ยตบอก แล้วรีบเดินไปยังบันไดขึ้นไปที่ห้อง
อาไล้ก็ตกใจรีบไปดูทองที่ตนเก็บหอมรอมริบซื้อซ่อนเอาไว้ แล้วร้องไห้โฮ เมื่อพบว่ามันอันตรธานหายเกลี้ยงจากที่ซ่อน ซึ่งก็คือช่องใต้เสื่อที่นอน
“อีเอาทองของอั๊วไปหมดเลย” อาไล้ร้องไห้ไปตีอกชกหัวไป

อาเฮี่ยะหนีตามผู้ชายชาวสยามไป...ผู้ชายคนนี้มาจีบอาเฮี่ยะเพราะพบอาเฮี่ยะไปซักผ้าคนเดียว คบกันได้สองเดือน อาเฮี่ยะก็ตัดสินใจหนีตามเขาตามที่เขาชวน โดยเอาทองหนักยี่สิบบาทของอาไล้ไปด้วย...นับจากนั้นมา อาลั้งก็ไม่เคยเจออาเฮี่ยะอีกเลย
อาลั้งคุกเข่าถูพื้นห้องโถงพักผ่อน อยู่ๆ ก็มีผู้ชายมาจับหมับที่ก้น
“ว้าย....” เด็กสาวอายุ 16 ปี ร้องอย่างตกใจ หันขวับไปมอง ก็เห็น...อายี่กู๋ น้องชายของยี่เสี่ยเนี้ยที่เลี้ยงนกพิราบแข่ง ยืนยิ้มยักคิ้วให้
ด้วยความโกรธ...อาลั้งก็ตบหน้าเขาฉาด
เท่านั้น...เรื่องก็เกิด
“ลื้อกล้าตบอั๊วเหรออีขี้ข้า?” ยี่กู๋ถลึงตาอย่างโกรธจัด
“ยังน้อยไป...คนลามก” อาลั้งโต้
ยี่กู๋ปราดเข้ามาจะทำมิดีมิร้ายอาลั้ง แต่เสียงของซาเสี่ยเนี้ยดังขึ้นก่อน
“มีอะไรเหรอ?”
ยี่กู๋หยุดชะงัก หันไปทางซาเสี่ยเนี้ยที่เดินลงมาจากชั้นบน “ไม่มีอะไรหรอกซาซิ่ม” แล้วเขาก็เดินออกไปจากห้องโถงพักผ่อนแห่งนั้นอย่างรวดเร็ว
“เกิดอะไรขึ้น?” ซาเสี่ยเนี้ยถามอาลั้ง พลางเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ข้างโต๊ะฝังมุก
อาลั้งอึกอัก รู้สึกอายที่จะพูดถึงพฤติกรรมของอีกฝ่าย
“อีลวนลามลื้อเหรอ?” ซาเสี่ยเนี้ยคาดเดา
อาลั้งได้แต่นิ่ง เป็นการยอมรับโดยดุษณี
ซาเสี่ยเนี้ยมองอาลั้งอย่างพินิจพิเคราะห์ แล้วต้องยอมรับในใจว่า...อาลั้งเป็นสาวแล้ว และสวยมากเสียด้วย ปีหน้าอาป้อกลับมา มาเห็นอาลั้งที่จะเติบโตยิ่งขึ้น และสวยมากขึ้น แล้วอาป้อลูกชายของนางจะตัดใจจากอาลั้งได้อย่างไร...ซาเสี่ยเนี้ยคิดอย่างหนักใจ
“ลื้อโตเป็นสาวแล้วนะอาลั้ง ลื้อต้องระมัดระวังตัวให้มากๆ ระวังยี่กู๋ด้วย อย่าอยู่ตามลำพังกับเขาสองต่อสอง” ซาเสี่ยเนี้ยเตือน
“ค่ะ...หนูจะระวัง” อาลั้งรับคำ รู้สึกอบอุ่นใจ ตั้งแต่แม่ตายไป ก็มีซาเสี่ยเนี้ยนี่แหละที่ตนรักนับถือเหมือนแม่แท้ๆ
“ไม่เพียงยี่กู๋เท่านั้น ต้องระวังผู้ชายทุกคน”
“ค่ะ...หนูจะจำไว้” อาลั้งรับคำนอบน้อม
“เอาละ ไม่มีอะไรแล้ว ลื้อไปทำงานต่อเถอะ”
“ค่ะ” อาลั้งเก็บผ้าขี้ริ้วกับถังน้ำ เข้าครัวไปอย่างสงบเสงี่ยม
ซาเสี่ยเนี้ยมองตามร่างบอบบาง แล้วได้แต่ถอนหายใจ...ตนจะทำอย่างไรดีจึงจะกำจัดอาลั้งไปจากชีวิตลูกชาย โดยที่คนทั้งสองไม่บอบช้ำ!

“อาเจ้ (พี่สาว)...ลื้อต้องช่วยอั๊วนะ” ยี่กู๋เข้ามาพบยี่เสี่ยเนี้ยที่ห้องโถงพักผ่อน พอเห็นปลอดคน ก็โพล่งออกมาทันที
“ลื้อจะให้อาเจ้ช่วยอะไร?” ยี่เสี่ยเนี้ยถาม
“อั๊วอยากมีเมียอีกคน” ยี่กู๋เอ่ยตรงๆ
“หา...!” ยี่เสี่ยเนี้ยอุทานอย่างตกใจ...ยี่กู๋มีเมียมีลูกชายหญิงรวมแล้วห้าคน ทุกคนกำลังกินกำลังนอนทั้งนั้น ลำพังยี่กู๋เลี้ยงนกพิราบแข่งขายก็ไม่พอเลี้ยงปากเลี้ยงทองทั้งเจ็ดชีวิตอยู่แล้ว ยังจะหาเมียเพิ่มมาอีกคน มันช่าง... “ลื้อจะอดตายอยู่แล้ว อั๊วต้องแอบช่วยอยู่ ให้ข้าวสาร ให้กับข้าวอยู่ทุกวัน ลื้อยังจะหาภาระเพิ่มขึ้นอีกเหรอ?”
“แต่คนนี้ไม่เป็นภาระแน่...อาเจ้” ยี่กู๋เอ่ย แววตาวิงวอนขอร้อง
“ลื้อรู้ได้ยังไง...แล้วอีเป็นใคร?” ยี่เสี่ยเนี้ยถามไปยังงั้นเอง
แต่คำตอบทำเอานางแทบสำลักน้ำชาที่ดื่ม
“อาลั้ง”
“ลื้อชอบอาลั้งเหรอ?” ยี่เสี่ยเนี้ยถาม เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ฟังผิดไป
“ใช่แล้วอาเจ้...อั๊วชอบอาลั้ง” ยี่กู๋ยิ้มกริ่ม
“แล้วอาลั้งชอบลื้อหรือเปล่า?” ยี่เสี่ยเนี้ยถามน้องชาย
“เรื่องนั้นไม่สำคัญ...ถ้าอาเจ้สั่ง อีก็ต้องยอม” ยี่กู๋เอ่ยอย่างหมายมั่นปั้นมือ
“พูดยังงี้ หมายความว่า...อาลั้งอีไม่ตกลงปลงใจกับลื้อล่ะสิ”
“อีเป็นขี้ข้าของอาเจ้ อาเจ้สั่งให้เป็น อีก็เป็น อาเจ้สั่งให้ตาย อีก็ต้องตาย” ยี่กู๋จะใช้อำนาจของพี่สาวมาข่มเขาโคขืนให้กลืนหญ้า
“อั๊วไม่ได้เป็นคนใจร้ายยังงั้น”
เห็นพี่สาวท่าทางจะไม่เอาด้วย ยี่กู๋ก็งัดไม้ตายมาใช้ คุกเข่าลงตรงหน้าพี่สาวพร้อมกับหลั่งน้ำตาเป็นเส้นสาย รำพันว่า
“อาเจ้...ลื้อจำที่เตี่ยกำลังจะตายได้ไหม...เตี่ยบอกให้อาเจ้ช่วยดูแลอั๊วที่เป็นน้องชายคนเดียวของอาเจ้ เป็นทายาทคนเดียวของตระกูล”





คำรัก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.พ. 2556, 13:39:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.พ. 2556, 13:39:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 1359





<< ตอนที่ 26   ตอนที่ 28 >>
อ้อย 13 ก.พ. 2556, 15:35:14 น.
เลวได้ใจจริงๆค่ะ


ree 14 ก.พ. 2556, 00:43:55 น.
สงสัยอาลั้งจะได้หนีจากบ้านนี้ไปด้วยความช่วยเหลือจากซาเสี่ยเนี้ยซะละมั้ง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account