บุหงาราคี by น้ำจันทร์ อัญจรี
“บัดซบ!”
เปรมินทร์สบถลั่น ไม่นึกไม่ฝันว่าเขาจะตกหลุมพรางที่เจ้าหล่อนวางไว้ถึงขนาดนี้
“อะ เอ่อ...”
อรัญญิการ์ติดอ่างกะทันหัน ใบหน้าเนียนร้อนผ่าวด้วยความอับอายรีบควานหาเสื้อผ้ามาสวมด้วยความทุลักทุเล ทว่า เมื่อหามันพบก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเพราะมันขาดวิ่นหาดีไม่ได้
“เอ้านี่ ใส่ซะ แล้วก็ไสหัวออกไปจากห้องของฉัน!”
เขาร้องสั่ง ควานหากางเกงมาสวมลวกๆ ขณะที่มืออีกข้างเสือกไสเสื้อเชิ้ตตัวเมื่อคืนให้หล่อน อรัญญิการ์รับมาสวมก็พบว่ามันไม่สามารถปกปิดเนื้อกายได้สักเท่าไรเลย
“คุณเปรมคะเอมี่...”
“อย่ามาแก้ตัว ฉันไม่อยากฟัง!!!”
เขาสบถเสียงกร้าวจ้องใบหน้าซีดเผือดเขม็ง นางฟ้าแสนบริสุทธิ์เมื่อคืนนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อลืมตาตื่นหล่อนจะกลายร่างเป็น แม่มด...แม่มดน้อยเอมี่ที่เขาไม่ปรารถนา

Tags: ผ่านพิจารณา Touch Publishing รอวางแผง

ตอน: บทที่ 9 นายบำเรอ 80% #^^ เขินนนนนนนนจัง ><

พบหนูอัญได้ที่หน้าแฟนเพจทุกวันเน้อจุ๊บๆ ^^
**************
แม่มดคนงามเบี่ยงกายหลบเขา หล่อนค่อยๆ เดินออกจากห้องน้ำโดยมีเปรมินทร์เดินตามหลังมาติดๆ แล้วทันใดนั้นอาการวิงเวียนก็เข้าโจมตีเธออีกระลอก

“คุณเปรม!!!”

คุณชายรูปงามตรงเข้าช้อนร่างแม่มดสาวไว้ได้ทันก่อนที่เจ้าหล่อนจะทรุดลงไปกองบนพื้น

“เอมี่! เป็นยังไงบ้าง ฉันว่าเธออาการหนักแล้วนะไปหาหมอดีกว่า” เขาวางร่างแน่งน้อยลงบนเตียง เจ้าหล่อนยังหลับตาปี๋ เขาเดาว่าหล่อนคงเห็นพื้นเรือนกลับทิศไปอยู่บนเพดานกระมัง

“คุณเปรม เอมี่...เอมี่ขอกุหลาบขาว ด่วนเลย หาให้หน่อยได้โปรด”

อรัญญิการ์รู้สึกเหมือนกำลังเล่นรถไฟเหาะรอบที่ร้อยติดๆ กัน มันวิงเวียนปั่นป่วนในช่องท้องจนเธออยากอาเจียนเอาเครื่องในออกมากองไว้ข้างนอก

เปรมินทร์ทำอะไรไม่ถูก เขาเดินกลับไปกลับมาใช้ความคิดว่าจะหากุหลาบขาวได้จากที่ไหนในสถานตากอากาศส่วนตัวเช่นนี้ แล้วพลันก็นึกได้ เขารีบลงไปเอาบางอย่างที่มีติดอยู่ในรถ โคโลญจ์ขวดเดิมกับคราวที่แล้วนั่นเอง เขาดีใจที่ไม่ได้ทิ้งมันไป ระหว่างทางที่เดินเข้าสู่ตัวบ้านเขาก็ทดลองประพรมกลิ่นกุหลาบบนหลังมือบ้าง ซอกคอบ้างเพื่อพิสูจน์ว่ากลิ่นมันยังคงที่หรือไม่ นั่นเพราะอากาศในรถตอนที่ไม่ได้เปิดแอร์อาจทำให้กลิ่นมันเปลี่ยนได้

“มาแล้วเอมี่!”

ตุ้บ!!!

เปรมินทร์งวยงง เขาถูกอรัญญิการเล่นทีเผลอผลักลงกลางเตียงก่อนที่เจ้าหล่อนจะทำในสิ่งที่เขา

ไม่คาดคิด

อรัญญิการ์ขึ้นคร่อมเปรมินทร์บนเตียงกว้าง หล่อนเฝ้าดอมดมทุกๆ ที่ๆ ที่ปลายประสาทรับกลิ่นรับรู้ถึงกลิ่นหอมของกุหลาบบางเบา หล่อนกดข้อมือเขาลงกับฟูกหนาแล้วไซ้ซอกคอขาวอย่าง เมามัน!

“เอมี่! หยุด! หยุดนะ!นี่เธอจะทำอะไรฮะ!” เสียงร้องห้ามดังกังวานก็จริงแต่มันก็แหบพร่าพอๆ กัน ในที่สุด เขาก็ไม่อาจหยุดเพลิงพิศวาสที่แม่มดคนงามจุดมันขึ้นมาได้ เขายินยอมให้หล่อนสำรวจตรวจตราเฝ้าค้นหากลิ่นอันพึงประสงค์ทั่วเรือนกาย ตั้งแต่ซอกคอขาวระเรื่อยทอดยาวถึง...ใต้สะดือ

เช้าวันนั้นเปรมินทร์จึงได้กินเนื้อนวลของยัยแม่มดเป็นอาหารเช้า...ไม่ใช่สิ ต้องพูดว่ายัยแม่มดสาวได้ชิมเนื้ออ่อนๆ ของคุณชายเป็นของหวานถึงจะถูก



ตอนเที่ยง วันเดียวกัน

อรัญญิการ์นั่งเขี่ยข้าวในจานมามากกว่าสิบนาทีโดยไม่ยอมตักมันเข้าปาก ในขณะที่เปรมินทร์เขากินทุกอย่างที่ขวางหน้าเพราะว่าไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเขาถูกอรัญญิการ์สูบเรี่ยวแรงออกจากร่างจนแทบจะกลายเป็นคนพิการ ไม่มีแรงจะยืน

“เอมี่เธอยังไม่หายไข้หรือ?” เขาเอ่ยถามยกแก้วน้ำส้มขึ้นมาจิบ

“......”

“เอมี่ ฉันว่าเธอหน้าแดงกว่าเมื่อเช้าอีกนะเนี่ย” เขาตั้งข้อสังเกต

“......”

เปรมินทร์เลิกคิ้ว เจ้าหล่อนไม่ตอบ ไม่หือ ไม่อือ เป็นอะไรไปอีกล่ะทีนี้

“เอมี่!!!”

“เปล่า!!! เปล่านะ!!! เอมี่เปล่า ข่มขืน คุณเปรมนะ ก็คุณเปรมไม่ยอม ขัดขืน เองนี่นาเอมี่เลย...เอมี่...”

อรัญญิการ์อยากเอาหน้ามุดลงใต้โต๊ะ งานนี้เธอปล่อยไก่เป็นเล้าเลยล่ะ

“หึๆๆ ทีแท้แม่มดน้อยกลัวโดนล้อหรือนี่ ฮ่าๆๆๆ” เปรมินทร์หัวเราะชอบใจ

อรัญญิการ์ได้แต่ขว้างผ้าเช็ดปากใส่เขาด้วยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี มันเก้อเขินทั้งอายสารพัด เมื่อเช้าเธอทำเรื่องน่าอายเหลือเกิน ไม่รู้ว่าทำไปได้อย่างไร น่าขายหน้าจริง อรัญญิการ์เอ๋ย

หลังจากเสร็จอาหารมื้อเที่ยงที่อรัญญิการ์รับประทานไปเพียงเล็กน้อย หล่อนก็ย้ายตัวเองมานั่งอยู่หลังบ้านเพื่อจัดการเสื้อผ้าสามสี่ชุดของเมื่อวาน เธอไม่ถามว่าป้าแม่บ้านไปไหนนั่นเพราะเธอพอใจที่จะได้อยู่สองคนกับเขาเช่นนี้

“ซักมือหรือนี่...ก็ได้วะ แค่ไม่กี่ตัวเล็บฉันคงไม่ใจเสาะหักก่อนเวลาหรอกนะ”

หญิงสาวบอกกับตัวเอง เธอนั่งลงตรงหน้าก๊อกน้ำ เปิดน้ำใส่แล้วเทผงซักฟองลงไป ก่อนจะจัดการซักเสื้อผ้าอย่างเบามือเพราะกลัวเล็บหัก

แม่มดคนงามในชุดเสื้อสายเดี่ยวสีแดงสดใสกับกระโปรงผ้าพลิ้วสีเดียวกัน มันไม่ได้เข้ากับสิ่งที่เจ้าหล่อนทำอยู่แม้แต่น้อย เปรมินทร์เดินตามหาหล่อนจนเจอ เขาไม่ได้คิดว่าหล่อนกำลังจะทำ ในสิ่งที่เขาตั้งใจเอาไว้แกล้งหล่อน แต่ดูสีหน้าหล่อนสิไม่ได้ทรมานด้วยการโดนแกล้งให้ซักผ้าเลย

“ไม่ยักรู้ว่าแม่มดซักผ้าเป็น”

ชายหนุ่มเปรยขึ้น ร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกพิงเสาเรือน สายตาเขาจดจ้องอยู่กับร่างอรชรตรงหน้า หล่อนก็มีคุณสมบัติการเป็นแม่ศรีเรือนเหมือนชาวบ้านเขาเหมือนกัน

“ซักได้เจ้าค่ะ แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าคุณเปรมจะเอาเครื่องซักผ้ามาตั้งไว้ให้ซักเครื่อง”

แม่มดคนงามประชด หล่อนเทน้ำออกจากกะละมังเพื่อจะได้รองน้ำล้างผ้า

“มากไปน่าคุณแม่มด นี่มันบ้านพักตากอากาศนะ ปีหนึ่งจะมาสักหนจะมีทำไมเครื่องซักผ้า สิ้นเปลือง”

“งก! เลยต้องใช้แรงงานคนนี่ไง ถ้าฉันไม่มาด้วยคุณจะใช้ใครมิทราบ”

อรัญญิการ์ค่อนขอด หล่อนบิดผ้าเป็นตัวสุดท้ายแล้วเทน้ำออกเพื่อรองน้ำล้างผ้าเป็นหนที่สอง

“ไม่ใช้ เพราะถ้า...ไม่มีเธอ ฉันก็ไม่มา” คุณชายตอบกลับเหมือนประโยคธรรมดา แต่คนที่กำลังฟังอยู่ถึงกับสะดุดลมหายใจ หล่อนคิดได้ลึกซึ้งกว่านั้น

“ฉันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคุณนะ กรุณาอย่าเอาฉันไปรวมเลยเพราะเท่านี้ ฉัน...เพราะเท่านี้เอมี่ก็เจ็บปวดพออยู่แล้ว” หญิงสาวตอบเสียงเครือ หล่อนรีบบิดผ้าตัวสุดท้ายแล้วโยนมันลงตะกร้า เทน้ำออกจากกะละมังแล้วนำมันเข้าไปเก็บในห้องเก็บของ หล่อนวางกะละมังบนแท่นปูนขนาดเท่าโต๊ะกินข้าว มันมีไว้เพื่อวางอุปกรณ์จำพวกของใช้โดยเฉพาะ



Lilly
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.พ. 2556, 22:15:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.พ. 2556, 22:18:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 3859





<< บทที่ 9 นายบำเรอ 60%   บทที่ 9 นายบำเรอ 100% #^^ เขินนนนนนนนจัง >< >>
Lilly 14 ก.พ. 2556, 04:07:16 น.
ฮั่นแน่!มีใครแอบเขินเปล่าเนี่ย! ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account