ลิขิตรักในสายลม # จุฬามณี
รัก หวานๆ ขม ของสาวไทยกับหนุ่มมาเลย์
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 15.

บทที่ 15

“ใจดำอย่างไรเหรอ” รู้ทั้งรู้ แต่วรรณรดาแสร้งไม่รู้

“ก็ผมรักเขามาก แต่เขาไม่รักผม” ระหว่างที่ตอบกลับมาวรรณรดาได้ยินเสียงเขาเรอด้วย..และเสียงนี้ก็ทำให้วรรณรดานึกเป็นห่วงมากกว่าอยากจะซักไซ้เรื่องของเขากับขวัญชีวี

“นี่พี่ปุ้มอยู่ที่ไหนคะ”

“อยู่ในรถที่ลานจอดรถของร้าน กำลังจะขับรถกลับบ้าน”

“กลับบ้าน กลับตอนนี้ไม่ได้นะ”

“ทำไมเหรอครับคุณดา”

“เจอด่านตรวจแอลกอฮอล์ละแย่เลย เสียประวัติหมด”

“ห่วงผมด้วยเหรอ”

“ห่วงซิคะ ทำไมคิดว่าไม่มีใครห่วง”

“ขอบคุณครับ”

“แล้วพี่นารทไปไหน” วรรณรดาพอจะเดาได้ว่าวันนี้เขาคงดื่มกับวุฒินารทอยู่ที่ร้าน แต่ว่าพอเมาแล้วก็จะขับรถกลับบ้าน วุฒินารทปล่อยให้เขาทำอย่างนั้นได้อย่างไร

“มันเมาหลับไปแล้ว คออ่อนจะตาย”

“ให้มันได้อย่างนี้ซิ...แต่พี่ปุ้มอย่าเพิ่งขับรถกลับตอนนี้เลยนะ พักก่อนดีกว่า ดีขึ้นแล้วค่อยกลับ” วรรณรดาเลือกใช้คำว่า ‘ดีขึ้น’ แทนคำว่า ‘สร่างเมา’

“ง่วงนอนแล้ว”

“ยิ่งง่วงก็ยิ่งต้องหยุด หรือจะกลับแท็กซี่”

“ไม่เอา จะขับกลับเอง ยังฝืนขับรถไหว”

“ดื้อด้านจังเลย ไม่เอาค่ะ ไม่ให้กลับ”

“แล้วนี่คุณดาโทรมาหาผมทำไมครับ มีเรื่องอะไรเหรอครับ ผมทิ้งโทรศัพท์ไว้ในรถ ผมขอโทษอีกครั้งนะครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ...แล้วคุยตอนนี้ สร่างเมาแล้วจะจำได้ไหม”

“ผมเมาที่ไหน ถ้าเมาก็คุยกับคุณดาไม่รู้เรื่องนะซิ”

“ลิ้นพันกันซะขนาดนี้ไม่เมา”

“ผมไม่เมา กินแค่พอให้หายกลุ้มเท่านั้น”

“เมารักว่างั้นเถอะ...”

“รักเขาข้างเดียวนี่มันเจ็บปวดเนอะคุณดา”

“ดาทราบดีค่ะ”

“ทราบได้อย่างไรละครับ”

“ก็ดาก็รักเขาข้างเดียวเหมือนกัน”

“แล้วเขารู้หรือเปล่าว่าคุณดารักเขา”

“ไม่รู้เหมือนกัน ดาไม่ได้บอกหรอกค่ะ”

“อย่างคุณดานี่ถ้าใครไม่รักตอบก็บ้าแล้วครับ บอกไปเลยครับ”

“ดาไม่กล้าหรอกค่ะ ดาเป็นผู้หญิง ผู้หญิงต้องรู้จักสงวนท่าที”

“ก็จริงครับ ผู้หญิงไม่รู้จักสงวนท่าทีนี่เสียราคาหมด แต่สงวนท่าทีมาก ๆ ก็ไม่ดีนะครับ...มันโบราณไป”

“ค่ะ...โบราณ...แล้วตกลงยังอยู่ที่ลานจอดรถนะคะ”

“ครับผม รู้สึกว่า โลกมันหมุน ๆ ๆ”

“ปรับเบาะนอนซิ”

“ไม่ได้หรอกครับ ถ้านอนอ้วกแตกแน่ ๆ....ขอโทษนะครับที่ไม่สุภาพ”

“ไม่เป็นไรคะดาเข้าใจ”

“แล้วคุณดาโทรมาผมด้วยเรื่องอะไรครับ”

“วันเสาร์นี้ดาจะขอติดรถพี่ปุ้มไปสวนผึ้งด้วยค่ะ แวะมารับดาที่บ้านด้วยนะคะ ได้ไหมคะ” วรรณรดารีบฉวยโอกาสตอนที่เขาเมา เพราะถ้าเขาปฏิเสธเธอก็จะออดอ้อนชักแม่น้ำทั้ง ดีแต่ว่าเขาตอบรับง่าย ๆ

“ได้ครับได้”

“ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ”

“ต้องขอบคุณผมทำไม ผมซิต้องขอบคุณคุณดา ที่อุตส่าห์เรียกผมไปใช้งาน”

“ไม่เอาค่ะไม่พูดแบบนี้ อ้อ ดาอยากรู้เรื่องขวัญกับพี่ปุ้มค่ะ ว่าเรื่องเป็นอย่างไรมาอย่างไร เล่าให้ดาฟังได้ไหม”

“ได้ซิครับ แต่เรื่องมันยาวนะ คุณดาจะทนฟังไหวหรือเปล่า”

“ยาวเท่าไหร่”

“เล่าคืนนี้ทั้งคืนอาจจะไม่จบ”

“ไม่จบก็ตัดเข้าโฆษณา จบตอน แล้วเอาไว้เล่าวันหลังบ้างก็ได้นี่...”

“งั้นคุณดาตั้งใจฟังนะครับ”

“ค่ะ...”

“ห้ามหลับนะคะ”

“ไม่หรอกค่ะ ไม่หลับ”

“นอนอยู่หรือเปล่า”

“นั่งอยู่บนเตียงค่ะ เล่าได้แล้วค่ะ ซักจังเลย พอดี ดาง่วงพอดีกัน”...

“ก็ไหนคุณดาบอกว่าจะไม่หลับ”

“ง่วงก็ไม่ได้หมายความว่าจะหลับได้ทันทีนี่คะ”

“เอาแล้วนะ...ตั้งใจฟังล่ะ” แล้ววรรณรดาก็ฟังเขาเล่าเรื่องอยู่พักใหญ่ ๆ แล้วเสียงของเขาก็ค่อย ๆ เบาลง ๆ จนกระทั่งวรรณรดาได้ยินเสียงเขากรน...




เช้าวันเสาร์ปวุฒิขับรถมารับวรรณรดาที่หน้าบ้านหญิงสาว พอสบตาวรรณรดาหญิงสาวก็เห็นว่าเขามีแววเขิน ๆ คงจะเขินที่วันก่อนนั้นพอเมาก็พร่ำเพ้อเสียจนหลับคาโทรศัพท์ ...และวรรณรดาเองก็ไม่ปล่อยให้โอกาสที่มันวิ่งเข้ามาแล้วหายไป วันรุ่งขึ้นนั้นด้วยเกรงว่าเขาจะลืมเรื่องที่ได้คุยกันเมื่อตอนกลางคืน หญิงสาวจึงโทรไปหาเขาอีกรอบ เพื่อให้เขายืนยันว่า แม้จะเมาเหล้า แต่ใช่ว่าจะลืมเรื่องตอนที่เมา
“ทำไมมองผมด้วยสายตาอย่างนั้นละครับ” เมื่อวรรณรดาเข้ามานั่งในรถกระบะสี่ประตูขนาดใหญ่ของเขา แล้วเขาก็เอ่ยปากชวนคุยพลางออกรถวนรอบวงเวียนน้ำพุหน้าลานบ้านหลังใหญ่ของหญิงสาว

“ขำค่ะ นึกแล้วขำ” วันนี้วรรณรดาอยู่ในชุดกางเกงขาสามส่วนสีดำ เสื้อที่ใส่อยู่เป็นเสื้อยืดคอโปโลสีเขียวมีโลโก้ของบริษัท รองเท้าผ้าใบสีขาว หญิงสาวดูกระฉับกระเฉงยิ่งแต่งหน้าอ่อน ๆ แล้ววรรณรดายิ่งชวนมองอยู่ไม่น้อย แต่ว่าปวุฒิก็ไม่ยอมมองหญิงสาวจนเต็มตา เขามีระยะห่างสำหรับผู้หญิงอื่นอยู่เสมอ ข้อนี้เป็นเครื่องยืนยันว่า เขารักขวัญชีวีเป็นอย่างมาก

“ไม่ต้องมาขำผมเลย คืนนั้นผมพูดอะไรไปบ้างนะ” อันที่จริงปวุฒิพอรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป เพียงแต่ว่าเขาฝืนความง่วงไว้ไม่ไหว...กระทั่งม่อยหลับไปและมาสะดุ้งตื่นอีกทีเมื่อรู้สึกว่ายุงกัดใบหน้า เขาจึงรีบสลัดความง่วงความมึนงงขับรถกลับบ้าน...
“ก็เยอะค่ะ พูดในเรื่องที่ไม่ควรพูดด้วยแหละ” ระหว่างที่สนทนากับเขา วรรณรดาเอียงตัวเพื่อมองใบหน้าคมเข้มส่งสายตาแววไปด้วย

“ความลับถูกเปิดเผยหมดเลย”

“ความลับไม่มีในโลกอยู่แล้วนี่คะ”

“ก็จริง” ว่าแล้วปวุฒิก็ถอนหายใจเบา ๆ

“แล้วนี่ กินข้าวมาหรือยังคะ”

“ยังเลยครับ ตื่นสาย รีบแทบแย่เลย” ว่าแล้วปวุฒิก็ดึงแว่นกันแดดที่เหน็บไว้กับกระเป๋าตรงอกเสื้อขึ้นมาปิดดวงตา

“แสดงว่าเมื่อวานก็นอนดึกอีกวัน”

“เมื่อคืนมีคิวกลางคืน กว่าจะกลับถึงบ้านเกือบเที่ยงคืนแน่ะ แทบจะคลานขึ้นเตียงเลย”

“ตกลงได้อาบน้ำหรือเปล่า”

“อาบครับ เหนียวตัวมาก”

“นี่ถ้าหิวก็แวะหาอะไรรองท้องก่อนดีกว่าไหม หน้าปากซอยก็ได้มีร้านก๋วยเตี๋ยวอร่อย ๆ หลายร้านเลย”

“เอาไว้ลงทางด่วน วิ่งเส้นพระรามสองแล้วค่อยว่ากันดีกว่า ตอนนี้ยังพอทนครับ”

“หรือจะให้ดาขับให้ไหมละ พี่ปุ้มจะได้พัก”

“รถคันใหญ่ คุณดาขับได้เหรอ”

“ต้องลองค่ะ มันคงไม่แตกต่างกันหรอกค่ะ”

“แตกต่างซิ”

“ตรงไหน”

“ก็รถคันใหญ่กับคันเล็ก”

“พี่ปุ้ม” วรรณรดาแสร้งค้อนประหลับประเหลือก

“งั้นเดี๋ยวลงทางด่วนแล้วลองแล้วกัน หมดแรงอย่ามาโทษผมนะครับ”

ทั้งสองยังหาเรื่องคุยกันเรื่อย ๆ กระทั่ง ปวุฒิแวะปั้มน้ำมันเพื่อหาซื้อกาแฟสดกับขนมในร้านสะดวกซื้อใส่ท้อง และเมื่อทั้งสองออกเดินทางอีกครั้งโดยมีวรรณรดาเป็นคนขับ ปวุฒิก็ถึงกับยืดตัวตรงลุ้นว่าหญิงสาวจะบังคับรถคันใหญ่ของเขาได้หรือไม่

“ไม่ต้องเกร็งหรอกค่ะ เห็นไหม” ว่าแล้ววรรณรดาก็เหยียบคันเร่งบังคับรถพุ่งไปข้างหน้าด้วยทีท่ามั่นใจ

“ป่านนี้พวกนั้นถึงแล้วมั้ง ผมออกมาซะสายเลย”

“ยังค่ะ รถใหญ่ ช้ากว่ารถเราอยู่แล้ว”

ปวุฒิยังไม่ทันต่อปากต่อคำ โทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตแขนยาวลายสก็อตน้ำเงินดำก็ส่งเสียงดัง เขารีบคว้ามาดูหน้าจอ ลังเลว่าจะรับโทรศัพท์ต่อหน้าวรรณรดาที่เขาก็รู้ดีว่าหญิงสาวมีใจให้เขา...

วรรณรดาหันมายิ้มให้เขา แล้วก็จ้องที่ถนน ปวุฒิตัดสินใจกดรับสายจากณิชกานต์ที่โทรเข้ามา

“พี่ปุ้มถึงไหนแล้วคะ” ณิชกานต์นั้นรู้ว่าวันนี้เขาจะไปทำกิจกรรมปลูกป่าที่อำเภอสวนผึ้งราชบุรี

“ยังไม่ถึงสมุทรสาครเลย มีอะไรหรือนิด”

“ขากลับอย่าลืมแวะซื้อเกลือที่สมุทรสงครามมาฝากนิดด้วยนะ”

“จะเอาไปทำอะไรรึ”

“หรือจะเป็นปลาทูดีนะ”

“เรื่องตลกใช่ไหม”

“ค่ะ เรื่องตลก” ว่าแล้วณิชกานต์ก็หัวเราะขำ

“หัวเราะ ๆ”

“อย่าลืมซื้อขนมจากราชบุรีมาฝากนิดด้วยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าเลย”

“ขนมอะไรหว่า”

“ขนมอะไรก็ได้ ของพี่ปุ้มซื้อมาฝากอร่อยทั้งนั้น ของฝากนะคะ ไม่ใช่ฝากซื้อ”

“จะพยายามแล้วกัน”

“ต้องได้ค่ะ ไม่ใช่แบ่งรับแบ่งสู้แบบนี้”

“ครับผม”

“งั้นนิดไม่กวนแล้วค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ”

วางโทรศัพท์ลงแล้วปวุฒิก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ เพราะหนักใจกับลูกตื๊อของผู้หญิงสองคนในขณะที่ผู้หญิงอีกคนหาได้สนใจความรู้สึกของเขา...



ณิชกานต์กดรับสายโทรศัพท์ของบุษยา แล้วหญิงสาวก็ต้องอธิบายให้บุษยาฟังว่าที่เธอไม่รับสายของวิศรุตที่โทรเข้ามาหาสองสามรอบนั้นเธอมีเหตุผลอะไร

“นิดรู้สึกว่ามันไม่ชอบมาพากลค่ะ ” ณิชกานต์นั้นคิดว่า วิศรุตนั้นเขามาอย่างมีจุดมุ่งหมายอื่น แต่หญิงสาวเดาไม่ออกว่ามันคืออะไร แต่ที่ทำได้คือ เอาตัวออกห่างให้เขามากที่สุด ไม่ทำให้ปวุฒิรู้สึกว่าเธอกำลังจับปลาสองมือ และเธอจะต้องไม่มีข่าวกับวิศรุต หรือผู้ชายอื่นในช่วงนี้ให้ปวุฒิรำคาญใจ ถ้าขวัญชีวีเลิกกับเขา เธอจะต้องเข้าแทนที่อย่างแนบเนียนที่สุด แต่ก็ใช่ว่าตอนนี้จะมีไม่ข่าวซุบซิบเรื่องของเธอกับวิศรุต แต่เมื่อเธอยังมีพฤติกรรมที่ชัดเจนว่าจริงใจที่จะสานความสัมพันธ์กับปวุฒิเธอก็ไม่รู้สึกว่า ข่าวกอสซิบเหล่านั้นจะมาสร้างปัญหา เพราะว่าปวุฒิเองก็รู้เห็นดีว่า เธอวางตัวกับวิศรุตอย่างไร

“คิดมากไปได้...เขาโทรหาพี่ เขาบอกว่า จะคุยเรื่องงาน จะจ้างนิดไปเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าน่ะ อย่าลืมนะว่า บริษัทของเขาทำอะไร เงินทั้งนั้นนะ รีบโทรหาเขาเลย”

“แล้วสินค้าอะไรละ”

“ไม่รู้ เขาไม่บอก เขาบอกจะคุยกับเธอเอง”

วางสายจากบุษยาแล้ว ณิชกานต์ที่รอเข้าฉากก็จำต้องโทรศัพท์ไปหาวิศรุตซึ่งเขาก็กดรับสายในทันที และน้ำเสียงของเขาก็ดูเป็นงานเป็นการจนณิชกานต์ต้องดูที่หน้าจออีกครั้งว่าเธอโทรกลับไปที่เบอร์โต๊ะทำงานของเขาหรือว่าเบอร์โทรศัพท์มือถือที่เขาโทรมาหาเธอกันแน่

“สวัสดีครับ วิศรุต ลิ้มวรรักษ์ครับ”

“สวัสดีค่ะคุณรุตมีอะไรกับนิดเหรอคะ” ณิชกานต์เริ่มประหม่าขึ้นมา

“คุณบุษยาคงโทรหาคุณนิดแล้วใช่ไหมครับ”

“ค่ะ เห็นว่ามีคุณวิศรุตจะคุยเรื่องงาน” น้ำเสียงของณิชกานต์จริงจังบ้าง

“ตอนนั้นผมคุณนิดเคยบอกถ้าอยากได้คุณนิดเป็นพรีเซนเตอร์ คุณนิดยินดีลดราคาค่าตัวให้”

พอได้ยินหัวข้อสนทนาทำให้ณิชกานต์แสยะยิ้มด้วยคิดไม่ถึงว่าเขาจดจำคำพูดที่ไม่ได้จริงจังอะไรของเธอในวันนั้น เพื่อคุยเป็นข้ออ้างพูดคุยกับเธอในวันนี้ และณิชกานต์ก็หัวเร็วพอกับเรื่องผลประโยชน์ของตัวเอง

“ถ้าสินค้าตัวนั้นเป็นเวอซ่าดีโก้ค่ะ แต่ถ้าเป็นสินค้าตัวอื่นก็ราคาเท่าที่นิดเคยได้”

“ว้า...แบบนี้ ผมก็คงหมดเรื่องคุยกับคุณนิดซะแล้ว”

“เดี๋ยวค่ะ สินค้าอะไรเหรอคะ” อ้อยกำลังจะเข้าปากช้าง เรื่องอะไรที่จะเล่นตัวเอาปากหลบอ้อย น้ำเสียงของณิชกานต์จึงหวานหูขึ้นมาอีกนิด

“ผมไม่ชอบคุยงานทางโทรศัพท์ครับ หากคุณนิดสนใจ เย็นนี้เจอกันที่” เขาเอ่ยชื่อร้านอาหารอิตาเลี่ยนเชื่อดังกลางกรุง และณิชกานต์ก็ไม่ปฏิเสธความต้องการของเขา....


“อ้าว คุณประจักษ์” ยายแน่งน้อยที่นั่งอยู่กับนางสนามหน้าร้านสุกี้ในห้างสรรพสินค้าใกล้ ๆ บ้านร้องทักสองผัวเมียที่เดินเข้ามาหาพนักงานต้อนรับ และขวัญชีวีที่ยืนก้มหน้าอยู่กับจอเครื่องมือสื่อสารก็เงยหน้ามองคนที่คุณยายของเธอร้องทัก...

“คุณตา คุณยาย สวัสดีค่ะ” ขวัญชีวีรีบเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าสะพายแล้วยกมือทำความเคารพเพื่อนของคุณตาที่ได้ล่วงลับไปแล้วในทันที และการที่ได้เห็นคุณตาประจักษ์ในครั้งนี้ ขวัญชีวีก็นึกถึงคำทำนายอันแม่นยำของคุณตาเมื่อครั้งที่เธอและพี่ชายของเธอย่างเข้าสู่วัยรุ่น เรื่องของพี่ชายของเธอเป็นไปตามคำทำนาย
ทั้งหมดส่วนเรื่องของเธอเรื่องหนึ่งที่เป็นจริงก็คือ เธอได้เป็นดารานักแสดงมีอาชีพผิดบรรพบุรุษฃ

อีกข้อหนึ่งก็คือ คู่ชีวิตของเธอเป็นคนต่างประเทศ ซึ่งข้อนี้ ทำให้หนุ่มไทยที่เข้ามาวุ่นวายในชีวิตตลอดมาไม่มีความหมาย ไม่ใช่ว่าเธอเชื่อคำทำนาย เพียงแต่ว่าขวัญชีวีไม่รู้สึกพิเศษกับหนุ่มไทยสักคนเดียว จนกระทั่ง หลินฮันหมิงในมาพัวพันในชีวิตของเธอ และเธอก็รู้สึกว่า เขาคือผู้ชายคนที่คุณตาประจักษ์เคยทำนายไว้
ซึ่งจะจริงหรือไม่นั้น ขวัญชีวีก็นึกอยากให้คุณตาดูให้แน่ใจอีกครั้ง

...ดังนั้นหญิงสาวจึงถือโอกาสที่บังเอิญเจอกันในครั้งนี้ รับเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารคุณตาประจักษ์และภรรยา กระทั่งถึงเมนูของหวาน ขวัญชีวีที่ได้เกริ่นเรื่องดูหมอไว้ตั้งแต่นั่งร่วมโต๊ะด้วยกัน ก็ถือโอกาสยื่นมือข้างขวาไปให้คุณตาประจักษ์

“อยากรู้เรื่องอะไรล่ะ” ด้วยวัยที่มากขึ้นทำให้คุณตาประจักษ์จับมือขวัญชีวีไว้ห่างจากสายตา

“คุณตาอยากทำนายอะไรก็ทำนายเถอะค่ะ”

“เส้นแต่งงานเด่นมาก”

ป้าสนามชะเง้อชะแง้ดูฝ่ามือข้างขวาขวัญชีวีประหนึ่งว่าบนฝ่ามือนั้นมีตัวอักษรให้อ่าน

“ตาขอทำนายว่าในเร็ววันนี้ หลานของตาจะได้แต่งงาน”

“แต่งงาน โอ้ว” สนามทำท่าตกใจ แต่ว่าขวัญชีวีกลับขนลุกขึ้นมา เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องที่เธอไม่เคยนึกฝันมาก่อนเพราะว่าเธอไม่เคยนึกรักชอบใครจนกระทั่งอยากอยู่ด้วยทุกคืนทุกวันอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าสร้างวงศ์วานว่านเครือ แต่นี่คุณตาประจักษ์มาบอกว่าเธอจะได้แต่งงานในเร็ววันนี้

“เร็วแค่ไหนคะ”

“ปีนี้ยังหรอก”

“ก็แหม มันจะสิ้นปีอยู่แล้ว” สนามขัดขึ้นมาแต่ว่าก็ต้องสงบปากเมื่อเห็นแน่งน้อยถลึงตาให้

“แต่ว่าไปมันก็เร็ว ๆ นี้แหละนะ คงเป็นปีหน้า แต่ไม่รู้เมื่อไหร่”

“ค่ะ”

“ถ้าตาจำไม่ผิด นานมาแล้ว ตาเคยบอกกับหนูว่า เนื้อคู่ของหนูเป็นคนต่างประเทศ คนละเชื้อชาติใช่ไหม” พอได้ยินเรื่องเนื้อคู่ของขวัญชีวีว่าเป็นคนต่างประเทศ สนามถึงกับยกมือทาบอกทำตาเหลือก ก็จะไม่ให้สนามตกใจได้อย่างไรเล่าก็แฟนคนปัจจุบันของขวัญชีวีนั้นคือปวุฒิหนุ่มไทยแท้และทั้งคู่ก็ยังดูหวานชื่นกันดีอยู่

“ครั้งนี้ตาก็ยังยืนยันแบบเดิมนะ รู้สึกว่าจะเจอกันแล้วด้วย”

ตอนนี้เองใบหน้าของขวัญชีวีแดงระเรื่อขึ้นมา สนามเองถึงกับตาเหลือกอีกครั้งเพราะถ้าทำนายแบบนี้ ผู้ชายคนนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ และถ้าเป็นหลินฮันหมิงจริง ๆ สนามก็อดที่จะอยากรู้ไม่ได้ว่าชีวิตของขวัญชีวีจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง ดังนั้นสนามจึงเอ่ยปากถามออกไปอย่างที่ขวัญชีวีเองก็อยากรู้เช่นกัน

“แต่งกันแล้วชีวิตของหนูขวัญจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างไหม ต้องย้ายที่อยู่หรือเปล่า ต้องไปอยู่กับสามีหรือเปล่า”

“ข้อนี้มันแล้วแต่หนูขวัญ แต่ดวงหน้าที่การงานอะไรก็ยังเหมือนเดิม ดวงชื่อเสียงก็ยังมี แบบนี้ก็คงจะยังอยู่เมืองไทยนี่แหละ เพียงแต่จะได้เดินทางไปต่างประเทศบ่อยขึ้น”

สนามผ่อนลมหายใจเบา ๆ แน่งน้อยมองหน้าหลานสาวแล้วอมยิ้มก่อนจะถามพูดว่า

“มีอะไรจะถามคุณตาอีกไหม”

“ไม่มีแล้วค่ะ...”

และเมื่อนั่งรถกลับมาบ้าน สนามก็อดกังวลแทนปวุฒิขึ้นมาไม่ได้

“ถ้าลองทำนายแบบนี้ คุณปุ้มของป้าก็ต้องปิ๋วใช่ไหม”

ขวัญชีวีที่ขับรถอยู่ไม่ยอมตอบ ปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำ แน่งน้อยที่นั่งหน้าคู่กับหลานสาวหันหน้าไปมองหน้าหลานสาวแล้วก็เอ่ยถามขึ้นมาบ้าง “ถ้าจะเปลี่ยนแปลงอะไรก็ให้มันชัดเจนนะขวัญ ที่ผ่านมาหนูไม่เคยมีข่าวเรื่องผู้ชาย ถ้าจะจบกับปุ้มก็รีบจบซะ เริ่มต้นใหม่จะได้ไม่มีใครเขาว่าเราได้”

“คุณยายเชื่อเรื่องคำทำนายด้วยเหรอคะ”

“เชื่อร้อยเปอร์เซ็นและก็เชื่อว่าฮันหมิงนั่นแหละคือผู้ชายคนนั้น”


หลังกิจกรรมปลูกป่าในพื้นที่ที่หน่วยพิทักษ์ป่าสวนผึ้งได้จัดสรรไว้ให้แล้ว พนักงานบริษัท แอลวีอาร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) และดาราที่ไปร่วมกิจกรรมก็ถ่ายรูปกับเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าก่อนจะแยกย้ายกันขึ้นรถไถเดินทางกลับมาขึ้นรถบัสที่จอดรออยู่ข้างถนนเพื่อกลับมายังรีสอร์ทที่ได้จองไว้ และเมื่อพนักงาน รีสอร์ตเปิดห้องพักให้วุฒินารท ปวุฒิที่จะต้องอาศัยห้องของชายหนุ่มอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อเตรียมทำกิจกรรมในช่วงค่ำก็ล้มตัวลงนอนบนที่นอนนุ่ม โดยไม่ได้สนใจว่าเสื้อยืดคอโปโลมีตราบริษัทที่วรรณรดานำมาให้เปลี่ยนก่อนทำกิจกรรมและกางเกงยีนของตัวเองนั้นเปื้อนดินเปื้อนฝุ่น

“ไอ้ปุ้มมึงลงจากเตียงกูมาเลยนะ ตัวมึงเปื้อนซะขนาดนั้น ที่นอนกู” วุฒินารทที่จะเป็นเจ้าของเตียงในคืนนี้ตลอดคืนเสียงเข้มเมื่อเพื่อนชายทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้ประสา

“กูง่วง” ช่วงที่อยู่ต่อหน้าคนอื่น ๆ นั้นทั้งปวุฒิและวุฒินารทรวมถึงประกายวรรณต่างก็จะเรียกชื่อขานกันด้วยความสุภาพ แต่ถ้าอยู่กันตามลำพังแบบนี้ก็ไม่ต่างกับชาวบ้านทั่ว ๆ ไป

“แต่ตัวมึงเปื้อน”

“กูขอนอนแป๊บนะ ไหน ๆ ก็เปื้อนแล้ว”

“ตอนมามึงก็ไม่ได้ขับรถมาเองนี่หว่าแล้วจะง่วงอะไรอีก”

“แดดร้อนซะขนาดนี้ กูเพลีย มันเหนื่อยสะสม กูครั่นเนื้อครั่นตัวด้วย เหมือนจะไม่สบายว่ะ”

“งั้นเดี๋ยวมึงก็แดกเหล้าไม่ได้นะซิ”

“หายาพารามาให้กูหน่อยเถอะ กินซะก่อนจะเป็นไข้ พรุ่งนี้ต้องลุยงานอีก”

“เรื่องจริงใช่เปล่า” พอปวุฒิทำเสียงจริงจังเสียงของวุฒินารทก็อ่อนลง

“จริงซิ...”

เมื่อรู้ว่าเพื่อนไม่ได้แกล้งวุฒินารทจึงเปิดประตูห้องพักออกไป สักพักปวุฒิที่กำลังเคลิ้ม ๆ ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูและได้กลิ่นหอมที่รู้สึกคุ้นจมูก..

“พี่ปุ้มเป็นอะไรมากไหมคะ” วรรณรดาทรุดตัวลงนั่งบนเตียงแล้วถือวิสาสะใช้หลังมืออังไปที่ท้ายทอยของปวุฒิที่นอนคว่ำหน้าอยู่

“คุณดา” เขาไม่ได้พลิกตัวนอนหงายในทันทีที่รู้ที่นอนข้างตัวอ่อนยวบลง

“ไหวไหมคะไปหาหมอไหม”

“กินยาแล้วพักสักหน่อยคงดีขึ้นครับ” ว่าแล้วเขาก็พลิกตัวไปทางซ้ายก่อนจะลุกขึ้นมานั่งวรรณรดาจึงเดินไปเปิดน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะรินใส่แก้วและฉีกยาพาราเซตามอลจากแผงส่งให้เขา...

“ไม่ไหวก็น่าจะบอก ไปตากแดดมันก็เลยทรุด”

“ไหวครับ ไม่ได้เป็นอะไร พักสักหน่อยคงดีขึ้น” กลืนน้ำพร้อมยาไปแล้วปวุฒิจะขยับลุกเอาแก้วไปวางบนโต๊ะแต่ว่าวรรณรดารีบยื่นมือไปหา “ให้ดาค่ะ”

“ขอบคุณครับ”

“ไอ้นารทล่ะ”

“พี่นารทสอนสาว ๆ ทำอาหารค่ะ พ่อครัวใหญ่นี่ค่ะ โม้ใหญ่เลย” ด้วยไปเรียนทำอาหารมาเผื่อเอาไว้เวลาที่ครัวปวุฒิเกิดขาดพ่อครัว กับชอบดัดแปลงอาหารเมนูอาหารให้น่าสนใจมีความแปลกใหม่เร้าใจลูกค้า ทำให้วุฒินารทมีความรู้เรื่องอาหารอยู่ไม่น้อย

“อ้าว แล้วทางรีสอร์ทไม่ได้ทำอาหารเลี้ยงเราเหรอครับ”

“ทำค่ะ ก็เข้าไปวุ่นวายในครัวของรีสอร์ตนั่นแหละ มีไม่กี่คนหรอกค่ะ แม่ครัวก็ชอบใจใหญ่ พี่นารทก็เป็นดารานี่ค่ะ ตื่นเต้นกันใหญ่ ถ่ายรูปกับดารายิ้มหน้าบานดีอกดีใจ”

“เอ๋ล่ะ”

“คุณเอ๋เข้าห้องค่ะ คงเพลียแดดเหมือนกัน”

“ครับ”

“งั้นดาขอตัวก่อนนะคะ ถ้าไม่ไหวก็โทรหาดานะ จะได้พาไปหาหมอ”

“ไหวครับ แกล้งป่วยไปอย่างนั้นแหละ” ดวงตาคมของเขายังเต้นระริกจนเลือดในกายสาวสูบฉีด แต่ว่าวรรณรดาก็ไม่อาจสู้สายตาของเขา หญิงสาวจึงมองไปที่เสื้อผ้าของเขาแล้วก็หาเรื่องประวิงเวลาไว้

“เสื้อผ้าเปื้อนดินน่าจะเปลี่ยนก่อนนอนนะ จะได้นอนหลับสบาย อาบน้ำก่อนก็ดีนะ”

“ครับ เดี๋ยวเปลี่ยน”

“แล้วคืนนี้จะขับรถกลับไหวไหมคะ”

“ไม่ไหวก็ให้คุณดาขับครับ...แต่ไหวครับ ไม่อยากกินแรงคุณดาอีก”

“ยินดีรับใช้ค่ะ...” ส่งสายตาเผยความในใจให้เขารับรู้ความรู้สึกลึก ๆ แล้ววรรณรดาก็ขอตัวออกจากห้อง โดยวรรณรดาก็มารู้ทีหลังว่า การที่เธอนำยามาให้ปวุฒิกินและคุยกับเขาตามลำพังในห้องนี้มีคนนำเรื่องไปฟ้องพ่อแม่ของเธอ...



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ก.พ. 2556, 18:42:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ก.พ. 2556, 18:42:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 1824





<< 14.   16. >>
คิมหันตุ์ 15 ก.พ. 2556, 01:09:40 น.
อุ่ย มีคนฟ้องพ่อกับแม่ซะ้ด้วย สิ


Zephyr 16 ก.พ. 2556, 14:08:48 น.
อุ๋ย มีคนช่วยขวัญแบบเนียนๆละค่ะ ฮ่าๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account