ลิขิตรักในสายลม # จุฬามณี
รัก หวานๆ ขม ของสาวไทยกับหนุ่มมาเลย์
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 16.

บทที่ 16

ณิชกานต์สั่งสเต็กปลาซอสขาว หอยลายอบ สลัดซีซ่าส์ วิศรุตสั่ง ผักโขมอบชีส ทีโบนสเต็กและไวน์แดง เมื่อบริกรเดินจากไป ณิชกานต์ที่อยู่ในชุดแซกคอกว้างสีดำเผยไหล่ระหงและเนินหน้าอกเพราะหญิงสาวรวบผมหยิกฟูมัดไว้หลวม ๆ ก็เอ่ยปากถามถึงเรื่องงานทันที

“ใจคอจะไม่ให้ผมหายใจหายคอเลยเหรอครับ วันนี้ผมเหนื่อยมาก”

“ค่ะ...ขอโทษค่ะ” ณิชกานต์ก็แสร้งนิ่งเงียบใช้สายตาเหลือบมองไปรอบ ๆ ตัว ซึ่งคนที่มาใช้บริการในร้านนี้ต่างก็ไม่ได้มีคนสนใจหล่อนและคนที่มาด้วยเหมือนเวลาที่หล่อนไปนั่งอยู่ในร้านอาหารไทยทั่ว ๆไป

“วันนี้คุณนิดสวยจังเลยครับ”

วันนี้ณิชกานต์แต่งหน้าอ่อน ๆ ไม่ได้กรีดตาด้วยอายไลเนอร์ ปัดบรัชออนจนเข้มเหมือนที่วิศรุตคุ้นตา

“ขอบคุณค่ะ” ณิชกานต์มองใบหน้าขาวตี๋ของเขาแล้วก็ยิ้มบาง ๆ

“ช่วงนี้คุณนิดถ่ายละครเรื่องอะไรอยู่ครับ”

“วุ่นรักวิวาห์ลวงค่ะ เรื่องนี้มีสองคู่ นิดเล่นเป็นคู่รอง แต่บทก็เด่นประกบกับพี่ปุ้มเล่นเป็นพี่น้องกันค่ะ”

“มีข่าวว่ากุ๊กกิ๊กกันเกินบทพี่น้องด้วยใช่ไหม”

“รู้มาจากไหนคะ”

“หนังสือพิมพ์หรือในอินเทอร์เน็ตนี่แหละ...จริงหรือเปล่าครับ”

“ขอไม่ตอบนะคะ”

“ทำไมล่ะครับ”

“บางทีเราก็ต้องอยู่กับข่าวฉาว ๆ ค่ะ คนถึงจะจดจำ คนทั่ว ๆ ไป ไม่ค่อยจำเรื่องดี ๆ ของดาราหรอกค่ะ”

“ก็จริงครับ”

“ดีไม่ดี มานั่งทานอาหารกับคุณวิศรุตที่นี่ นิดก็อาจจะเป็นข่าวอีกเหมือนกัน”

“เป็นแล้วไม่ดีหรือครับ”

“ดีค่ะ มีข่าว ก็แสดงว่ามีคนสนใจ ถ้าคนไม่สนใจ นักข่าว หนังสือ หรือสื่อก็ไม่เอาไปลงให้เปลืองเนื้อที่หรอกค่ะ”

“คุณนิดเรียนจบอะไรมาครับ ขอโทษนะครับ”

“นิดเรียนศิลปกรรมศาสตร์ค่ะ โฆษณาประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัยเอกชนค่ะ นิดเข้าวงการตั้งแต่เรียนอยู่ปีสาม”

“คุณพ่อคุณแม่ของคุณนิดละครับอยู่ที่ไหน”

“พ่อแม่คนระยองค่ะ พ่อเป็นข้าราชการตัวเล็ก ๆ ใกล้เกษียณแล้ว แม่เป็นแม่บ้านด้วยทำสวนด้วย นิด มีพี่น้องสามคน นิดเป็นพี่คนโต น้อง ๆ นิดเป็นผู้หญิงค่ะ คนรองเป็นพยาบาล คนเล็กเป็นครู คนที่สองแต่งงานไปแล้ว คนเป็นครูกำลังทำปริญญาโทอยู่ค่ะ”

“แหม เล่าซะละเอียดเลย”

“ประกอบการพิจารณางานในวันนี้ไม่ใช่เหรอคะ จะถามเรื่องแฟนของนิดด้วยไหมคะ”

“ไม่ครับ”

“อยากเล่าจังเลย เสียดายจัง”

“คุณนิดตลกดีนะครับ”

“เพิ่งรู้ตัวเหมือนกัน...”

บริกรขัดจังหวะด้วยการนำไวน์แดงมาเสิร์ฟพร้อมแก้วสองใบ

“นิดไม่ดื่มนะคะ” ณิชกานต์รีบบอกปัด

“นิดหน่อยนะครับ”

“ไม่ดีกว่าค่ะ...น้ำเปล่าก็พอแล้ว”

วิศรุตยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ วางแก้วลงแล้วมองหน้าหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามอย่างไม่เกรงใจ ณิชกานต์สบตาของเขา ยิ้มสู้สายตาของเขา ซึ่งเธอก็อ่านใจเขาไม่ออก แต่คะเนได้ว่ามีจุดมุ่งหมายอะไร?

“หายเหนื่อยหรือยังคะ”

“ทานอาหารก่อน ค่อยว่ากัน”

อึดใจใหญ่ ๆ อาหารที่สั่งก็ถูกลำเลียงออกมา วิศรุตเชื้อเชิญให้ณิชกานต์จัดการกับอาหารตรงหน้าพร้อมกับที่ตัวเองรีบตัดแบ่งชิ้นเนื้อส่งเข้าปากเหมือนกับว่าหิวโหยเป็นอย่างมาก แล้วระหว่างที่กินเขาก็ซักถามถึงชีวิตความเป็นอยู่ของหญิงสาว ณิชกานต์เองก็ตอบไปอย่างไม่คิดปิดบัง เพราะมั่นใจว่า เขาคงคิดเล่น ๆ กับเธอ และเธอเองก็ไม่คิดวางตัวให้ดูดีเพื่อเรียกความพึงพอใจจากเขา กระทั่งเขาก็ถามขึ้นมาว่า

“คุณนิดรู้จักน้ำยาขัดห้องน้ำตราห่านไหมครับ”

“อย่าบอกนะว่าจะให้นิดเป็นพรีเซนเตอร์น้ำยาขัดห้องน้ำ”

“เปล่าครับ ห่านเราจะใช้สปอร์ตโฆษณาตัวเดิมไปอีกหนึ่งถึงสองปีครับ ที่ผมจะเสนอคุณนิดก็คือยาสีฟันมอลลี่ครับ...”

ณิชกานต์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะบอกว่า “ถ้าเป็นยาขัดห้องน้ำนิดก็รับค่ะ ถ้าบริษัทสู้ค่าตัวนิดไหว”



วรรณรดากลับถึงบ้านดึกหญิงสาวจึงตื่นสาย แต่วรรณรดาก็ต้องแปลกใจเมื่ออาบน้ำแต่งตัวออกมาจากห้องนอนเดินลงมาข้างล่างแล้วเห็นว่าผู้เป็นแม่ยังไม่ออกไปทำธุระปะปังที่ไหนเหมือนเคย

“ไม่อยากจะเชื่อว่าวันนี้คุณแม่จะอยู่ติดบ้านได้...”

“เดี๋ยวก็ออกไป นั่งลงก่อน”

วรรณรดาที่อยู่ในชุดลำลองทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวตรงกันข้ามกับผู้เป็นมารดาที่อยู่ในชุดลำลองเหมือนกันแต่ว่ามันก็ยังดูประณีตอลังการเหมือนชุดออกงาน

“เดี๋ยว ดูหาชุดราตรีสวย ๆ สีสด ๆ ไว้นะ เย็นนี้ออกงานกับแม่” ออกงานกับแม่ เป็นเรื่องที่วรรณรดาไม่อยากทำมากที่สุด เพราะต้องพิถีพิถันเรื่องการแต่งกาย ต้องปั้นสีหน้าให้สดชื่นแม้งานนั้นจะน่าเบื่อก็ตามที ซึ่งวรรณรดาไม่ชอบเป็นอย่างมาก และถ้าเลี่ยงได้ วรรณรดาก็จะหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด

“งานอะไรคะ”

“วันเกิดคุณหญิงปิยะนุช สุขมโนรมย์”

วรรณรดาพอรู้จากข่าวสังคมมาว่า พจน์ สุขมโนรมย์ ลูกชายคนเล็ก ของคุณหญิงปิยะนุชเพื่อนสนิทของคุณแม่เพิ่งยอมกลับมาจากสหรัฐอเมริกาเพื่อทำงานให้กับครอบครัว หลังจากที่เรียนจบระดับปริญญาเอกแล้วทำงานหาประสบการณ์อยู่ที่นั่นอยู่นานปี และเมื่อแม่ออกปากให้เธอแต่งตัวสวย ก็คงไม่แคล้วหวังแต่งไปให้ให้ฝ่ายชายได้ดูตัว “ดาไม่ไปได้ไหมคะ คุณแม่ก็รู้ว่าดาไม่ชอบงานพิธีการแบบนี้”

“แม่ก็บอกดาอยู่บ่อย ๆ ว่าอย่างไรก็ต้องฝึกให้ชิน มันหนีไม่พ้นอย่างแน่นอน”

“ดาขอไม่ไปแล้วกันค่ะ”

“ไม่ได้” ลองน้ำเสียงของแม่ห้วนสั้นแบบนี้ก็ยากที่จะขัดใจ ใบหน้าของวรรณรดางอง้ำขึ้นมาทันทีเช่นกัน

“อย่าลืมว่า แม้เราจะเป็นผู้หญิง เราก็เป็นลิ้มวรรักษ์ และถ้าจะเปลี่ยนสกุลก็ต้องดีกว่าเดิม”

“คุณแม่บอกดาไม่รู้กี่ครั้งแล้วนะคะ”

“ก็ต้องย้ำเตือนกันบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้ดาไปทำเรื่องงามหน้ากลับเข้าหูอีก”

“งามหน้า...เรื่องอะไรคะ”

“เมื่อวานนี้ไง เราไปทำอะไรมา”

“ก็ไปทำกิจกรรมปลูกป่ากับบริษัท แค่นั้น”

“นั่งรถไปกลับกันสองต่อสอง เข้าห้องพักผู้ชายไปเพียงลำพังอยู่กันสองต่อสองตั้งนานตั้งนม แบบนี้เรียกว่าแค่นั้นเหรอ”

เมื่อถูกติติง ลมหายใจของวรรณรดาเริ่มร้อน

“ดาบริสุทธิ์ใจค่ะ”

“ปากคนมันยาวยิ่งกว่าปากกา อย่างไรเราก็เป็นผู้หญิง มีแต่เรื่องเสียหาย ”

วรรณรดาถอนหายใจอย่างแรง

“ไม่ต้องมาหน้าบึ้งหรือถอนหายใจใส่แม่แบบนี้นะ แม่ไม่ชอบ”

“แม่ก็ฟังดาบ้างซิคะ”

“แม่รู้ว่าดาเป็นอย่างไร แต่แม่ห้ามปากคนอื่นไม่ได้ เพราะฉะนั้น ต่อไปดาต้องระมัดระวังมากกว่านี้ แม่ไม่อยากให้ดามีข่าวเสีย ๆ หาย ๆ ข่าวลือทำนองนี้ ดาของแม่ต้องสะอาดผุดผ่อง”

“จะจับดาประเคนให้ใครอีกล่ะ”

“มีแล้วกัน”

“ไม่ค่ะ ดาจะขอเลือกคู่ของดาเอง”

“แม่ให้เลือกเองได้ แต่ถ้าเป็นแค่ดาราต๊อกต๋อยแม่ไม่เอานะ”

“เขาก็ไม่ได้แย่เสียจน...”

“แต่อย่างไรเขาก็มีน้อยกว่าเราอยู่ดี...”

เมื่อแม่อ้างเรื่องฐานะทางการเงินทำให้วรรณรดาคอแข็งขึ้นมา

“แม่ให้ดาเลือกเองได้ แต่คนนั้นแม่ก็ต้องเห็นว่าเหมาะสมกับเราด้วย พบกันคนละครึ่งทาง”

วรรณรดาอยากจะพูดไปว่า ‘แต่ดารักพี่ปุ้ม’ หญิงสาวก็พูดไม่ออก เพราะถ้าเจาะจงลงไปว่าเป็นปวุฒิก็เหมือนกับว่าเธอหลงใหลผู้ชายหน้าตาดีที่เป็นดารายอดนิยม แม่ก็จะยิ่งมีแรงต้านหนักขึ้นอีก อาจจะกล่าวหาว่าเธอหลงรูปจูบเงาเป็นเด็กไร้เดียงสา ดังนั้นวรรณรดาจึงต้องพูดให้เป็นกลางว่า

“ถ้าไม่ได้แต่งกับคนที่ดารัก คนที่รักดา ดาก็ขออยู่บนคานทองดีกว่าค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” ประชดให้แม่แล้ววรรณรดาก็เดินหน้าตึงเดินขึ้นชั้นบนไป


พอรู้ว่าขวัญชีวีมีงานอีเวนท์ที่ห้างกลางกรุง และไม่มีงานอีกไปตลอดทั้งวัน วรรณรดาจึงรีบแต่งตัวออกไปหาเพราะอยากนำเรื่องที่เป็นปัญหานี้ไประบายให้ขวัญชีวีได้ช่วยคลายความคับแน่นในหัวอก

ขณะนั่งอยู่ในร้านกาแฟ เมื่อรู้เรื่องนี้แล้ว ขวัญชีวีก็คิดว่าแม้ปวุฒิจะรักวรรณรดาได้จริง ๆ ปัญหาก็จะต้องตามมาอย่างแน่นอน แม่ของวรรณรดาคงไม่อยากได้ลูกเขยที่เป็นดาราที่มีเพียงชื่อเสียงกับทรัพย์สินเงินทองไม่กี่สิบล้าน วรรณรดาสูงเกินกว่าที่ปวุฒิจะฝันถึงจริง ๆ

“นี่ดายังกังวลเรื่องที่จะไปมาเลเซียกับขวัญ แม่รู้ขึ้นมาละแย่เลย”

“แต่ถ้าพี่ปุ้มเข้าตามตรอกออกตามประตู คุณแม่อาจจะเปลี่ยนใจก็ได้นะดา”

ถ้าถึงขั้นนั้นปวุฒิก็ต้องชัดเจนกับวรรณรดาแล้วเช่นกัน แต่ว่าเมื่อเช้าปวุฒิก็ยังโทรหาเธอ ยังมีเยื่อใยกับเธอยังบอกว่าคิดถึง ยังถามถึงกำหนดการวันที่เธอจะไปถ่ายโฆษณาที่มาเลเซีย ซึ่งทางโปรดักส์ชั่นเฮ้าส์ได้ระบุวันเวลาเดินทางมาแล้ว

“แต่ปัญหาของดาในตอนนี้คือ พี่ปุ้มเขาก็ไม่ได้พิเศษอะไรกับดาเลยนะ เขาก็ยังเป็นเขา เขายังวางตัวเป็นพี่เหมือนเดิม” สีหน้าของวรรณรดาดูหนักใจ

“หรือดาจะตัดใจแล้วก็ปล่อยชีวิตให้เป็นไปอย่างที่แม่ต้องการ”

“แต่ดารักพี่ปุ้มนะขวัญ ดารักเขามานานแล้วนะ”

“ถ้าขวัญไม่ให้ความหวังกับดา ดาคงไม่ทุกข์แบบนี้ใช่ไหม”

“ก็ใช่ ดาคิดว่าดายังมีเวลาที่จะสู้เพื่อรัก ดาจะไม่ปล่อยให้ชีวิตของดาเป็นไปตามบงการของแม่หรอก ชีวิตเป็นของดา”

“งั้นไปมาเลเซียก่อน เพราะกลับจากมาเลเซียแล้ว ขวัญจะต้องจบกับพี่ปุ้มอย่างแน่นอน” จบเพื่อให้ ปวุฒิมองวรรณรดา แล้วก็คิดแก้ไขปัญหานี้ด้วยกัน แต่ถ้าปวุฒิไม่ชอบวรรณรดา ก็ใช่ว่าผู้ชายคนใหม่ที่เข้ามาในชีวิตของวรรณรดาจะย่ำแย่เสียเมื่อไหร่ เพียงแต่ไม่ใช่รักแรกของวรรณรดาเท่านั้น...

“จบเพื่อหลีกทางให้ดาอย่างนั้นเหรอ”

“ไม่เกี่ยวกับดาหรอก ขวัญก็ต้องให้โอกาสคนอื่น ๆ เหมือนกัน เราอายุไม่น้อยกันแล้วนะดา”

“คุณมาร์คใช่ไหม”

คราวนี้ขวัญชีวีพยักหน้ายอมรับ ยอมรับเพราะช่วงนี้เธอรู้สึกคิดถึงเขา เขาเองก็ข้อความมาหาเธอบอกว่าคิดถึงเธอ แต่เธอก็ตอบรับทราบไปแบบหยิ่ง ๆ เหมือนคนไร้หัวใจ ได้แค่คำว่า ‘ค่ะ’ เท่านั้น

“งานของขวัญที่กัวลาลัมเปอร์ จะมีมีถ่ายในสตูดิโอสองวัน สองวันนั้น ขวัญอยากให้ดากับพี่ปุ้มออกเที่ยวกันเอง ทำความรู้จักกันให้มากยิ่งขึ้น คือขวัญจะไม่ให้ดากับพี่ปุ้มเฝ้าดาทำงานนะ ช่วงนี้ดาก็ดูซิว่าในกัวลาลัมเปอร์มีอะไรน่าสนใจบ้าง เที่ยวแบบที่น้องออเขาเที่ยวก็ได้ เดินทางกันเอง ไม่ต้องจ้างบริษัททัวร์ ปรึกษาหารือกัน พอใกล้ชิดกันมันอาจจะทำให้ความรู้สึกที่มีต่อกันดีขึ้น”

วรรณรดานึกถึงนิตยสารที่ขวัญชีวีขึ้นปกเล่มล่าสุด ในเล่มมีเรื่องราวท่องเที่ยวที่มาเลเซีย และวรรณ รดาก็พอมองภาพออกว่าในกัวลาลัมเปอร์ ปีนัง และที่มะละกามีอะไรน่าสนใจ

“ในกัวลาลัมเปอร์ มีถ้ำบาตูที่ดาอยากไป แล้วก็เกนติ้งไฮแลนด์ ดาอยากไปเล่นกาสิโนแก้เซ็ง”

“พี่ปุ้มคงอยากไปกาสิโน เคยไปเล่นด้วยกันที่มาเก๊า ได้มาหลายบาท ถ้าดาชวนพี่ปุ้มไปเกนติ้งรับรองพี่ปุ้มต้องรีบไปแน่นอน”

พอนึกว่าจะได้อยู่ใกล้ชิดกับเขาดวงตาของวรรณรดาก็ทอประกายความสุขออกมาจนขวัญชีวีพลอยลุ้นกับคู่ของวรรณรดาด้วย

“แต่ขวัญอยากไปมะละกานะ อยากไปดูเมืองมรดกโลก” เมื่อหนังสือเล่มที่เธอไปถ่ายแบบที่ปีนังวางแผง ขวัญชีวีก็ได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวในมาเลเซียแล้วเช่นกัน

“งานนี้จะไปทั้งหมดกี่วัน ดาจะได้รีบเคลียร์งาน”

“งานของขวัญมีสามวัน นอกสถานที่อีกหนึ่งวัน แล้วอีกวัน ทีมงานเผื่อ ๆ ไว้ทำงานไม่ทัน แต่ถ้ามีโปรแกรมอะไรน่าสนใจเราก็เลื่อนตั๋วกลับได้นี่ ลุยมาเลเซียซะให้ทั่ว ๆ เลย เพราะหลังจากนั้นอีกสามวันขวัญก็ไม่มีงานอะไรที่เมืองไทย”

“มะละกาน่าไปจริง ๆ ด้วยแหละ แต่ว่า พี่ปุ้มเขาจะว่างกี่วัน”

“ห้าวันเขาว่างแน่นอนแล้ว คอนเฟิร์มแล้วว่าว่าง แต่ถ้ามีงานอะไรเร่งด่วน เงินดี เขาก็จะบินกลับมาก่อน” ตั๋วเครื่องบินในยุคนี้ราคาถูก การติดต่อสื่อสารก็สะดวกสบาย โลกที่กว้างใหญ่จึงเหมือนโลกที่ไม่มีพรมแดนอีกต่อไปเพียงแต่ขอให้มีเงินตราเท่านั้น

และขณะที่สองสาวกำลังนั่งปรึกษากันพลางจิบกาแฟและเค้ก สายตาของวรรณรดาก็สะดุดกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวตรงกันข้ามกับเธอ และถ้าจำไม่ผิดเขาก็คือ ‘พจน์ สุขมโมรมย์’



ในที่สุดวรรณรดาก็ปฏิเสธความต้องการของแม่ไม่ได้ และเมื่อปรากฏตัวในงานพร้อมกับแม่ในคฤหาสถ์ของตระกูลสุขมโนรมย์วรรณรดาก็ได้พบกับ พจน์ สุขมโนรมย์อีกครั้ง และครั้งนี้มีผู้ใหญ่แนะนำให้รู้จักกันอย่างมีทางการ วรรณรดามองผู้ชายผิวขาวร่างสันทัดตาชั้นเดียวแล้วเปรียบเทียบกับปวุฒิที่มีร่างสูงใหญ่ผิวสีน้ำผึ้งดวงตาคมกล้าแล้วเปรียบเทียบกัน อย่างไรเสีย ‘สเป็ค’ ของเธอก็คือผู้ชายหน้าไทย ๆ ตัวใหญ่แบบปวุฒิ

และเมื่อคิดถึงเขาวรรณรดา จึงเลี่ยงออกจากงานเลี้ยงที่จัดบริเวณริมสระน้ำมายังสวนข้างญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่อีกฝั่ของตัวบ้าน แต่พอกดโทรศัพท์ไปหาปวุฒิแล้วเขาไม่ได้รับสายในทันที วรรณรดาก็ถอนหายใจเบา ๆ

แม้มั่นใจว่าเขาจะต้องโทรกลับมาเมื่อสะดวกเหมือนทุกครั้ง แต่วรรณรดาถามตัวเองว่า เมื่อเป็นคู่รักกับดารา เธอจะต้องทำใจให้ชินกับการ ‘รอคอย’ ใช่ไหม

“คุณดาครับ” พจน์ ที่อยู่ในชุดสูทเข้ารูปสีเทาร้องเรียกแล้วเดินมาหา

“คะ” วรรณรดาที่นั่งก้อนหินแกรนิตขัดเงากลางสวนรีบลุกขึ้นยืน

“นั่งก็ได้ครับ”

วรรณรดายิ้ม ๆ รู้สึกประหม่ากับสายตาและน้ำเสียงของเขา

“คุณดาเป็นอะไรหรือเปล่า หน้าตาเหมือนกับว่าอยากกลับบ้าน”

“ค่ะ ดา อยากกลับบ้าน”

“ผมก็อยากขึ้นห้องพักผ่อนจะแย่แล้วเหมือนกัน”

วรรณรดาเสมองน้ำพุในบ่อปลาคาร์ฟ เลี่ยงสบตากับเขา ไม่แสดงอาการดีใจที่ได้พบเขา เหมือนกับสาว ๆ รุ่นราวคราวเดียวกับเธอ ที่มางานเลี้ยงวันเกิดของแม่ที่เหมือน งานเลือกคู่ให้ลูกชาย

“คุณดาคิดอะไรอยู่ครับ”

“เห็นน้ำพุเห็นปลาคาร์ฟแล้วนึกถึงชีวิตตัวเองค่ะ...”

“สวยงามแต่วนไปเวียนมา”

“ทำนองนั้นค่ะ”

“ชีวิตมันโหดร้ายขนาดนั้นเลยหรือครับ”

“คนเราพอเบื่อแล้วมันก็พร้อมจะคิดไปทางลบค่ะ”

“ถูกของคุณดาครับ แล้วนี่คุณดาทานอะไรบ้างหรือยัง ผมเห็นคุณดาทานคานาเป้ไปแค่ชิ้นเดียวเอง”

“ดายังอิ่มเค้กอยู่ค่ะ”

“กินไปกี่ชิ้นกันครับ”

“สองชิ้น”

“ไม่น่าเชื่อ”

“ก็มันอร่อยนี่คะ หรือว่าไม่อร่อย”

“อร่อยซิครับ ไม่อร่อยผมก็คงไม่แวะไปที่ร้านนั้นหรอก ผมก็กินไปสองชิ้นเหมือนกัน กาแฟเย็นอีกแล้ว”

วรรณรดารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นวรรณรดาก็ไม่นึกอยากหาเรื่องชวนเขาคุย พอจบประโยคนั้นความเงียบจึงเข้าครอบงำชั่วขณะหนึ่ง

“คุณดาคงอยากอยู่เงียบ ๆ”

“ค่ะ” วรรณรดายอมรับและต้องยิ้มบาง ๆ เมื่อเขาพูดเหมือนเข้ามานั่งอยู่ในใจของเธอ

“เพื่อคิดถึงใครคนหนึ่ง”

“แล้วมีหรือคะที่ยามเมื่อเราลืมตา เราไม่นึกถึงอะไรเลย”

“มีครับ มีอยู่นะ”

“อะไรคะ”

“ลืมตาหลังจากนั่งสมาธิไงครับ”

วรรณรดารู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากจนต้องเอ่ยปากถาม และเป็นครั้งแรกที่วรรณรดาเอ่ยชื่อของเขา

“คุณพจน์นั่งสมาธิด้วยหรือคะ”

“ผมชอบอ่านหนังสือครับ อ่านไปอ่านมา เขาบอกว่าสมาธิดี อย่างนั้นอย่างนี้ ผมก็เลยลองนั่งดู ซึ่งมันก็ดีจริง ๆ ครับ”

“ดาก็ชอบอ่านหนังสือค่ะ”

“คุณดาอ่านหนังสือแนวไหนครับ”

“นิตยสารค่ะ ในนั้นมันมีครบหมดค่ะ หลากหลายเรื่องราวในเล่มเดียว บางทีก็อ่านนิยาย”

“ผมก็ชอบอ่านนิยาย แล้วตอนนี้ผมก็พยายามที่จะเขียนนิยายอยู่เหมือนกัน”
วรรณรดารู้สึกแปลกใจกับเรื่องราวของลูกชายคนเล็กของคุณหญิงปิยะนุช สุขมโนรมย์เป็นอย่างมาก

“อ่านแนวไหน เขียนแนวไหนคะ”

“แนวสืบสวนสอบสวนแนววิทยาศาสตร์ครับ”

“ดาไม่ชอบอะไรหนัก ๆ หรอกค่ะ เครียด”

“ผมไม่ค่อยได้อ่านนิยายของคนไทยหรอกครับ มีแต่เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ”

“แล้วรู้ได้ไงว่ามีแต่เรื่องแบบนั้น”

“ส่วนใหญ่ครับ นาน ๆ จะมีเรื่องที่อยากอ่านออกมาสักเรื่อง”

“และเรื่องนั้นก็คงไม่ใช่นิยายขายดี”

เมื่อคุยกันเรื่องนิยายสองหนุ่มสาวที่เพิ่งทำความรู้จักกันจึงมีเรื่องคุยกันมากขึ้น คุยกันอยู่นานสองนาน คุยกันพร้อมกับมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ กระทั่งโทรศัพท์ในกระเป๋าถือของวรรณรดาดังขึ้น ปวุฒิโทรกลับมาและวรรณรดาก็รีบขอตัวจากพจน์ เดินพ้นจากเขาแล้วหญิงสาวก็กดรับสาย...



วางสายจากวรรณรดาแล้วปวุฒิที่เพิ่งอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดกางเกงขาสั้นเสื้อยืดคอกลมตัวเก่าสำหรับสวมใส่ตอนนอนก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ...ก่อนหน้านั้นณิชกานต์โทรหาเขา หญิงสาวเล่าเรื่องที่ได้งานเป็นโฆษณายาสีฟันมอลลี่ด้วยน้ำเสียงรื่นรมย์ นอกจากนั้นยังพูดถึงเรื่องที่เคลือบแคลงสงสัยเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เหมือนจงใจเข้ามา ‘จีบ’ ของวิศรุต ลิ้มวรรักษ์ ทั้งที่ก่อนหน้านั้น วิศรุตดูจะเอ็นดูณิชกานต์ อย่างเพื่อนอย่างน้องสาวเสียมากกว่า

ซึ่งพอปวุฒิลำดับเรื่องราวทั้งฝ่ายขวัญชีวีที่พยายามยัดเยียดวรรณรดาให้กับเขา ลำดับความสัมพันธ์ของเขากับณิชกานต์ที่สนิทสนมกันจนเป็นข่าวเล็ก ๆ ในหน้าหนังสือพิมพ์แพร่กระจายไปในโลกไซเบอร์ เขาก็พอคาดเดาได้ว่าการที่วิศรุตกระโจนลงมากันณิชกานต์ออกจากตัวเขาชายหนุ่มหวังผลอะไร

แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยปากบอกกับณิชกานต์ให้ได้รับรู้ เพราะบางทีเขาอาจจะเดาผิดก็ได้
วิศรุตอาจจะสนใจในตัวณิชกานต์จริง ๆ เพราะเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกันแล้ว ก็ใช่ว่าณิชกานต์จะไม่มีความน่ารัก ความเป็นตัวของตัวเอง ความร่าเริงนั่นก็ทำให้เขารู้สึกดี ๆ กับณิชกานต์อยู่เหมือนกัน แต่ว่าวรรณ รดานั่นก็ใช่ว่าจะไม่สามารถทำลายความรู้สึกดี ๆ ที่เขามีกับขวัญชีวีได้

วรรณรดาอ่อนหวานและพร้อมที่จะเป็นผู้ตามที่ดี ในขณะเดียวกันหญิงสาวก็เข้มแข็งเหมือนผู้หญิงในยุคนี้ ไม่ได้เป็นคุณหนูจับจดทำอะไรไม่เป็น

เมื่อวันที่ไปทำกิจกรรมปลูกป่า หญิงสาวไม่ได้อิดออดยืนมองคนอื่นทำงาน แม้แดดจะร้อนแต่วรรณรดาก็สู้กับกิจกรรมอยู่กับพนักงานชนิดที่เขาเองก็คิดไม่ถึง...
เสียงเคาะประตูห้องทำให้ปวุฒิที่นั่งอยู่ปลายเตียงต้องสะดุ้งก่อนจะตะโกนบอกกับน้องสาวไปว่า

“มีอะไรหรือออ ไม่ได้ล็อกประตูหรอก”

ประตูห้องถูกผลักเข้ามาโดยที่เพียงออยังยืนคาประตูห้องอยู่

“พี่ปุ้ม ออจะมาขออนุญาตพี่ปุ้มค่ะ”

“จะไปไหน”

“วีซ่าพม่าออกแล้ว ออจะแบกแพ็คไปพม่า”

“วีซ่าออกแล้ว ตั๋วเครื่องบินซื้อเรียบร้อยแล้ว และถ้าพี่ไม่ให้ไป”

“ออก็จะหนีไปค่ะ”

“ดูแลตัวเองให้ดีแล้วกันอย่าโลดโผนโจนทะยานมากนักนะ อย่าลืมว่าเราเป็นผู้หญิง อันตรายมีอยู่รอบตัว แล้วจะไปกี่วัน”

“สิบวันค่ะ”

“ไปคนเดียวเหมือนเดิมใช่ไหม”

“แล้วจะให้ออไปกับใครล่ะ”

“พี่เห็นบางทีเขามีแชร์ทริปกันตามเว็บไซด์ ทำไมไม่ไปแบบนั้น มันจะดีปลอดภัยกว่า”

“ออชอบเที่ยวคนเดียวค่ะ คล่องตัวดี แล้วเที่ยวคนเดียวมันตรงกับคอนเซ็ปของหนังสือด้วย”

“เงินทองล่ะ พอไหม” ถามแล้วปวุฒิก็ระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ

“รุ่นนี้ออได้สปอนเซอร์จากที่ใหม่ค่ะ”

“ที่ไหน”

“เวอซ่าดีโก้มาเลเซียค่ะ โดยการช่วยเหลือของคุณมาร์คเห็นชอบโดยคุณรุตและเสียงสนับสนุนโดยพี่ดา”

“ไปปะเหลาะเขาตอนไหนละเนี่ย”

“แหม รู้จักกับคนมีเงิน เจ้าของธุรกิจ เรามีโครงการอยู่แล้วเพียงแต่ลองเสนอโครงการที่เรามี แล้วค่าใช้จ่ายมันก็ไม่ได้เยอะอะไร เขาก็อนุมัติง่าย ๆ ค่ะ”

“แล้วไปเมื่อไหร่”

“หลังจากพี่ปุ้มกลับมาจากมาเลเซียค่ะ”

“โทรบอกไอ้นารทมันด้วยแล้วกัน รำคาญมันมาบ่นพี่ทีหลัง”

เพียงออเบ้หน้า เพราะยังนึกขวางกับข่าวของวุฒินารทกับประกายวรรณดาราเกรดซีที่พยายามดันตัวเองสุดฤทธิ์แต่ก็เป็นได้แค่ตัวดาราสมทบ “ทำไมต้องโทรบอก”

“มันก็เหมือนพี่ออคนหนึ่งนะ”



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ก.พ. 2556, 12:23:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 มี.ค. 2556, 19:14:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 1760





<< 15.   17. >>
คิมหันตุ์ 19 ก.พ. 2556, 12:57:39 น.
แหม...พี่ปุ้มนี่หล่อเลือกได้จริงๆ ฮ่าฮ่า


เจนิส 19 ก.พ. 2556, 22:20:20 น.
ณิชกานต์น่ารักดีนะคะ


Zephyr 19 ก.พ. 2556, 23:58:36 น.
ชักเซ็งพี่ปุ้มไงไม่รู้
เชียร์ให้ดาเลือกพจน์ดีมั้ยนะ


mottanoy 20 ก.พ. 2556, 09:30:41 น.
ท่าทางดากับพี่ปุ้มละม้างงง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account