จุ้น กะ ปอม
มิตรภาพสำคัญไฉน มาร่วมพิสูจน์คำๆนี้ไปกับเธอและเขา แล้วคุณจะรักพวกเขาไปโดยไม่รู้ตัว..."จุ้น กะ ปอม"

Tags: จุ้นกะปอม

ตอน: ตอนที่4 : มิตรภาพเริ่มสั่นคลอน

"ปอมตื่น.." จุ้นปลุก มีป้าสายยืนอยู่ข้างๆ

"ไอ้ปอม..ตื่นได้แล้ว" คราวนี้เขย่าอย่างแรง ปอมก็ไม่กระดิกตัว

"สงสัยจะตื่นยากน่ะค่ะคุณจุ้น เพราะตอนป้าตื่นมาทำกับข้าวใส่บาตร ประมาณตีสี่ยังได้ยินเสียงหนุ่มๆ คุยกันอยู่เลยค่ะ นี่ก็ไม่ยอมขึ้นไปนอนบนห้องที่จัดไว้น่าจะขึ้นไม่ไหวนะคะ" จุ้นได้ฟังถึงกับส่ายหน้า

"ไอ้นี่เนี่ย มันไม่ค่อยดูแลตัวเองเล้ย!..ดูสินอนขดเป็นกุ้งเชียวเดี๋ยวถ้าไม่สบายขึ้น มานะ จุ้นจะด่ามันซ้ำเลยคอยดูนะป้าสาย" ป้าสายหัวเราะ

"แล้วจะเอายังไงละคะคุณจุ้น จะปลุกหรือจะให้นอนต่อคะ"

"นอนต่อไม่ได้จ้ะป้าวันนี้มันมีงาน..จุ้นมีวิธีเดี๋ยวจุ้นจัดการเอง..แล้วนี่พี่ไทด์ตื่นหรือยังคะ"เหลือบตาขึ้นไปมองชั้นบน

"ตื่นแล้วค่ะ..ได้ยินเสียงกุกกักอยู่ในห้อง..งั้นป้าขอตัวไปทำงานในครัวต่อ นะคะ" จุ้นพยักหน้า แล้วก็หันมาทางปอมซึ่งยังนอนหลับคุดคู้อยู่ ยิ้มเจ้าเล่ห์เดินไปที่ตู้โชว์ดึงลิ้นชักชั้นบนควานหาสิ่งของที่ต้องการ แล้วก็หยิบมันออกมา ยกมันชูขึ้นตรงหน้ายิ้มแบบสะใจ มันเป็นสิ่งที่ปอมกลัวมากๆ นั่นคือแมลงสาบซึ่งจุ้นไปเจอ เลยซื้อเก็บไว้ กะจะเอาไว้แกล้งปอมโดยเฉพาะ

"ไอ้ปอม! แกเสร็จฉันแน่ 555" หัวเราะสะใจ จุ้นเดินเข้าไปหาปอมนั่งลงข้างๆ ค่อยๆ วางแมลงสาบยางลงบนหน้าผากปอม ก้มลงไปข้างๆ หู

"ปอม แมลงสาบ..ปอม แมลงสาบติดอยู่ที่หน้าแก" ปอมเพิ่งรู้สึกตัว เหมือนใครกระซิบอยู่ที่ข้างๆหู รู้สึกว่ามีอะไรเกาะอยู่ที่ใบหน้า เริ่มขยับตัวเอามือคลำตรงหน้าผากค่อยๆ ลืมตาดูสิ่งที่อยู่ในมือ

"เฮ้ย! " ตะโกนเสียงดังลั่น ดีดตัวจากโซฟาที่นอนอยู่ พร้อมรีบสบัดมือทิ้งสิ่งของที่จับไว้ออก แล้วก็มองเจ้าแมลงสาบนั่นด้วยสีหน้าขยักแขยง จุ้นหัวเราะชอบใจใหญ่ นั่นแหละปอมถึงสังเกตเห็นจุ้น พร้อมกับมองกลับไปที่แมลงสาบไม่เห็นมันกระดิกตัวถึงเริ่มเอะใจ

"ไอ้จุ้น..แกแกล้งฉันเหรอ!" เสียงเข้มมาเลย

"เออน่ะสิ..ก็ฉันปลุกเท่าไหร่แกก็ไม่ยอมตื่น..ก็ต้องเล่นแบบนี้" ลอยหน้า ลอยตาพูด ไม่ทันฟังน้ำเสียงของปอม

"อย่า!..ทำแบบนี้อีก" ส่งเสียงเข้มออกมานั่นแหละจุ้นถึงรู้สึกตัว เพราะไม่เคยได้ยินน้ำเสียงแบบนี้จากปอมเวลาที่พูดกับตัวเองมาก่อน มองหน้าปอมเต็มๆ เห็นหน้าซีดๆ เริ่มสำนึกผิด เดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วยิ้มแหยๆ ส่งให้

"ปอม..ฉันขอโทษน้า..คราวหลังไม่ทำอีกแล้ว" ง้อ ปอมก็ยังเฉย เลยเอาใหม่

"น้าปอมน้า..จุ้นจะไม่ทำอีกแล้วจริงๆ..เดี๋ยวถ้าจุ้นเจอตัวเป็นๆ จุ้นจะกำจัดให้หมดเลย ไม่ให้เหลือหลอให้ขวางหูขวางตาปอมเลยน้า" นั่นแหละถึงยิ้มออกมาได้

"เออๆ ทีหลังอย่าเล่นแบบนี้อีกนะจุ้น ฉันไม่ชอบ"

"จ้า..เข็ดแล้วจ้าไม่ทำอีกแล้ว..สาบาน" พร้อมกับยกมือขวาชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม ปอมเห็นหน้าตาจุ้นถึงกับหัวเราะออกมา แล้วเดินไปนั่งที่โซฟา ทำท่าจะล้มตัวลงไปนอนใหม่ แต่ไม่ไวเท่ามือจุ้นเพราะมือจุ้นอยู่ที่หูปอมเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับดึงอย่างไว

"โอ้ย! ไอ้จุ้น..อะไรอีกวะเจ็บนะโว้ย!"

"แกจะทำอะไร" น้ำเสียงเปลี่ยนทันที

"ก็จะนอน มันยังง่วงอยู่" อ้าปาก หาวว๊อด ว๊อด

"พอเลย! ไม่ต้องเลย ไม่งั้นฉันจะปลุกแกทำไม..นี่มัน เจ็ดโมงกว่าแล้วแกต้องไปสตูที่สีลมอีกไม่ใช่เหรอวันนี้น่ะ" ปอมตกใจ รีบลุกขึ้น

"เออใช่ นัดนางแบบไว้ตอนสิบโมงด้วย..ทำไมไม่บอกฉันแต่แรกวะจุ้น" พูดพร้อมกับเดินออกไปข้างนอก จุ้นเดินตาม

"แกจะไปไหนน่ะ"

"กลับบ้าน! ไปอาบน้ำก่อนแล้วจะเลยไปที่สตูเลย"

"เดี๋ยวไปกับฉันก็ได้ เดี๋ยวฉันไปส่งกำลังจะออกไปออฟฟิตอยู่แล้ว"

"ไม่ต้องอ่ะ เสียเวลามันคนละทางกันจะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา..เดี๋ยวฉันนั่งแท๊กซี่ไป" นั่งใส่รองเท้าอย่างเร็ว

"ไปล่ะ เดี๋ยวฉันโทรหา" กำลังจะเดินออกไป เหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้หันกลับมาใหม่ จับต้นแขนจุ้นไว้ พร้อมกับก้มลงจุ๊บหน้าผากจุ้นหนึ่งที จุ้นไม่ทันตั้งตัว ตะลึง! ทำอะไรไม่ถูกแล้วเสียงปอมก็ส่งมาเบาๆ

"ฉัน ยังคิดไม่ออกเลยถ้าไม่มีแกแล้ว ฉันจะจัดการชีวิตยังไงดี" ปอมเห็นจุ้นยังนิ่งอยู่ ถึงกับหัวเราะแล้วก็เคาะหน้าผากจุ้นเบาๆ หันหลังรีบเดินออกไป นั่นแหละจุ้นถึงรู้สึกตัวหน้าแดงแป๊ด เอามือจับหน้าผากตัวเองไว้รีบส่งเสียงไปอย่างไว

"ไอ้ปอม! มาพูดให้รู้เรื่องก่อนจะมาทำกับฉันอย่างงี้ไม่ได้นะ" จุ้นขัดใจ ปอมไม่หยุด พร้อมพูดตอบกลับมา

"เดี๋ยวโทรหา รีบโว้ย! ฝากบอกพี่ไทด์ด้วยว่าวันนี้ไม่เข้าออฟฟิต อยู่ข้างนอกทั้งวัน" ปอมเดินออกไปแล้ว จุ้นถึงเดินเข้าบ้าน มือก็ยังขยี้หน้าผากอยู่ ไทด์เพิ่งลงมาจากห้องเห็นอาการน้องสาวเลยข้องใจ

"เป็นอะไรจุ้น หน้าผากไปโดนอะไรมา..ถูอยู่นั่นแหละ" จุ้นไม่ตอบ แถมทำตาขวางใส่ ไทด์หัวเราะ

"เอ้อ..ไอ้นี่ถ้าจะบ้า" แล้วก็เลิกสนใจ มองหาปอมในห้องไม่เห็น

"ไอ้ปอม..ไปแล้วเหรอจุ้น"

"ไม่รู้! ไม่สนใจ..ไม่ได้นั่งเฝ้า" น้ำเสียงสะบัด เดินไปที่โต๊ะกินข้าว นั่งกินข้าวต้มไม่สนใจใคร

"ไอ้นี่..สงสัยประจำเดือนมาไม่ปกติ..หรือว่าหมดแล้ว..ฮะ" ไทด์แหย่น้องสาว

"พี่ไทด์ อย่ามากวนจุ้นแต่เช้าอีกคนนะ"

"อีกคน! ฮั่นแน่ แสดงว่าแกทะเลาะกับไอ้ปอมไปแล้วล่ะสิ ถึงว่าหน้าตาเป็นตูดแต่เช้าเชียว ไหนแกบอกว่าไม่ได้นั่งเฝ้า" จุ้นหน้าแดงค้อนใส่พี่ชายวงใหญ่ ไทด์สังเกตอาการของน้องสาวแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

"มันฝากบอกว่า วันนี้มันไม่เข้าออฟฟิตอยู่ข้างนอกทั้งวัน" แล้วก้มหน้าก้มตากินต่อ

"ไอ้นั่นก็อีกคน แทนที่จะออกไปด้วยกัน อยู่รอหน่อยก็ไม่ได้" บ่นงึมงำ

"มันบอกว่า ย้อนไปย้อนมาเสียเวลา" จุ้นตอบโดยที่ไม่ได้เงยหน้า ถ้าเงยซักนิดจะเห็นไทด์มองตัวเองเขม็ง ไทด์แกล้งพูดต่อรอดูปฎิกิริยาน้องสาว

"เฮ้อ! แล้วจะติดต่อมันได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ยิ่งเป็นโรคขี้ลืมอยู่ด้วย ชอบลืมโทรศัพท์ประจำ" ไทด์รอฟังคำตอบจากจุ้น

"มันบอกว่า มันจะโทรหาจุ้น" เท่านั้นแหละเสียงหัวเราะของไทด์ก็ดังสนั่น ทำให้จุ้นเงยหน้าขึ้นมองได้

"5555! ไอ้จุ้นเอ๊ย แกนี่มันปิดไม่มิดจริงๆ เล้ย (ทำเสียงเล็กๆเลียนแบบน้องสาว) ไม่รู้..ไม่สนใจ..ไม่ได้นั่งเฝ้า..5555! ไอ้ที่แกตอบพี่ออกมาแต่ละประโยคน่ะ มันยิ่งกว่าสนใจอีกนะโว้ย!" จุ้นหน้าแดง ไทด์ชะโงกหน้าข้ามโต๊ะมาทำหน้าตาจริงจังมาก

"ถามจริงๆ เถอะวะจุ้นไหนๆ เราก็เป็นพี่น้องคลานตามกันมามีกันอยู่แค่สองคน ตอบคำถามให้พี่ชื่นใจหน่อยเถอะ แกชอบไอ้ปอมหรือเปล่า" จุ้นถึงกับอึ้ง ไม่คิดว่าพี่ชายตัวเองจะถามออกมา

"เอ้า! เงียบไปเลย..เฮ้ยไอ้จุ้น..ฟังอยู่หรือเปล่าวะ" เห็นน้องสาวเงียบ เลยไม่อยากเซ้าซี้

"เออๆ ไม่ต้องตอบก็ได้ แต่พี่อยากจะเตือนแกไว้หน่อยนะจุ้น..พี่เห็นว่าแกน่ะยี่สิบหกแล้ว โตพอที่จะรู้และเข้าใจแล้วว่าการดำเนินชีวิตมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เวลาน่ะมันไม่เคยคอยใครเรามีความรู้สึกดีดีกับใครไม่จำเป็นต้องปิดบัง..มัน ไม่ใช่เรื่องผิดที่จะบอกใครซักคนว่าเราชอบเค้ามีความรู้สึกดีดีให้กับ เค้า..ถ้าบอกไปแล้วเค้าไม่รับรู้ไม่สนใจก็ไม่แปลก เราถือว่าเราได้พูดไปแล้ว ปล่อยออกมาบ้างก็ได้จุ้นไม่ต้องเก็บไว้คนเดียวแกยังโชคดียังมีโอกาสรีบไขว่ คว้าซะ อย่าให้เวลามันผ่านไปโดยที่เราไม่ได้ทำอะไร แล้วพอเรามานึกย้อนเวลากลับไปทีหลังจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจเหมือน"

"เหมือน..พี่กับคุณแน๊ท ไช่ไหม" จุ้นแทรกเข้ามาอมยิ้มพริ้ม ไทด์มองหน้าน้องสาวแล้วก็ส่ายหัวให้

"ฉัน..ก็ไม่เคยปิดอะไรแกได้เหมือนเคย...ใช่! เหมือนพี่กับแน๊ท" นึกย้อนเวลาเก่าๆ เล่าให้น้องฟัง

"ทำไมจุ้นไม่เห็นรู้เรื่องคุณแน๊ทเลยอ่ะ" จุ้นท้าวคางถามพี่ชาย แล้วก็นั่งฟังอย่างไม่ขัด

"ตอนนั้นแกยังเรียนอยู่ มช. ปี2 อยู่เลยมั้ง..พี่จบมาได้ปีแล้วล่ะ พี่เจอกับแน๊ทเค้าตอนทำงานอยู่ที่บริษัทฯ แรก เป็นบริษัทฯ ของครอบครัวแน๊ทเค้าน่ะ แน๊ทเพิ่งจบก็เลยมาฝึกงานที่บริษัทฯ ของพ่อเค้า แล้วเราก็เจอกัน แน๊ทเค้าเป็นคนช่างพูดช่างคุยช่างประจบเอาใจเหมือนเรานั่นแหละพี่ชอบเรียก เค้าว่า Kitty จำได้ว่าพี่ชอบแกล้งเค้าตลอดเลยนะใช้ให้ทำโน่นทำนี่สารพัด เค้าก็ทำหมดเลยไม่มีเกี่ยงงอนว่าเป็นลูกเจ้าของบริษัทฯ จนมันเริ่มเป็นความผูกพันธ์ พี่พอจะรู้นะว่าแน๊ทเค้าคิดยังไงกับพี่ แต่พี่ยังไม่รู้ใจตัวเองเท่านั้นแหละ และช่วงนั้นเป็นช่วงที่บริษัทฯ เริ่มมีคู่แข่งทางการค้าขึ้น การทำงานของพี่มันก็เลยต้องแข่งกับเวลา เลยไม่ค่อยมีเวลาให้เค้าไอ้ที่ปกติเคยคุยเคยเล่นกันก็ค่อยๆ ห่างกันไป

แต่ความรู้สึกมันยังเหมือนเดิมนะคือคิดถึงน่ะ มาเริ่มแน่ใจตัวเองว่าเพราะอะไรก็ตอนที่ไม่ได้ยินเสียงเค้า แล้วมันเหมือนชีวิตมันขาดอะไรไปซักอย่าง จนมาถึงวันนึงเป็นวันที่พี่จำได้แม่นที่สุด..คืนวันคริสต์มาส ที่จำได้แม่นเพราะว่ามันมีทั้งสุขและเศร้าในวันเดียวกัน ที่มันสุขก็คือแน๊ทเค้านัดพี่ออกไปทานข้าวข้างนอก พี่ก็ดีใจคิดในใจว่าเค้าคงไม่โกรธเราแล้วล่ะ ไอ้ที่ผัดวันประกันพรุ่งไว้ว่าจะบอกเค้าว่าเราคิดยังไงกับเค้า ก็กะว่าจะบอกวันนี้แหละ พอไปถึงที่ร้านนั่งคุยเรื่องสัพเพหระไปทั่ว ซักพักเค้าก็หยิบกล่องของขวัญออกมา แกทายซิว่าเป็นอะไร" ถามน้องสาว

"ปากกา ด้ามที่พี่ไทด์ใช้ตลอดใช่ป่ะ"

"เก่ง..ใช่ปากกา ยี่ห้อดีเชียวนะแก พี่นึกละอายใจจริงๆ เลยตอนนั้นน่ะ เราเป็นผู้ชายแท้ๆ ไม่เคยคิดถึงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้เลย โบราณเค้าถึงว่าผู้ชายมักจะหยาบกว่าผู้หญิง พี่ถามเค้าว่าทำไมต้องซื้อของซะแพงเชียว เค้าก็ตอบว่าไว้เป็นที่ระลึกตอนนั้นก็ไม่ได้เอะใจอะไรหรอกนะจนจะกลับนั่น แหละ เค้าบอกกับพี่ว่าจะไปเรียนต่อที่อังกฤษและอาจจะไม่กลับมา จะอยู่กับแม่ที่โน่นเลย ประโยคนั้นทำให้พี่ถึงกับอึ้งไปเลยพูดไม่ออกไอ้ที่ว่าจะสารภาพก็เลยต้องปิด ปากโดยปริยาย ไม่รู้ว่าเพราะศักดิ์ศรีหรือว่าอะไรทำให้ไม่พูดออกไป ได้แต่ปิดปากเงียบ พี่ถามเค้าว่าจะไปเมื่อไหร่เค้าก็บอกวันมา แต่ห้ามไม่ให้พี่ไปส่งนะเพราะเค้าไม่อยากเสียน้ำตาขอให้จากกันที่ตรงนี้ดี กว่า พี่จะทำยังไงได้ก็ได้แต่ตกลงตามเค้าแต่ในใจวูบๆพิกล พี่ขับรถไปส่งเค้าที่บ้านตอนนั่งในรถก็ไม่พูดอะไรกันนะ จำได้ว่าเป็นความเงียบที่น่าอึดอัดมากแบบไม่เคยรู้สึกมาก่อน

พี่ขับรถกลับบ้านแบบใจโหวงๆ มาก เสียดายโอกาสเสียดายเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันมัวแต่อมพะนำไว้ไม่พูด วันรุ่งขึ้นก็โทรไปหาเค้ากะจะคุยกันให้เคลีย์เผื่อเค้าจะเปลี่ยนใจไม่ไป ปรากฏว่าเด็กที่บ้านบอกว่าแน๊ทเปลี่ยนไฟท์ด่วนออกไปแล้วตั้งแต่ตอนตีห้า พี่งี้แทบทรุดเลย รู้สึกเศร้ามากแต่ไม่รู้จะทำยังไงได้ก็ได้แต่ปล่อยเค้าไป ทำงานอยู่ที่บริษัทฯ ของพ่อแน๊ทอีกประมาณ เดือนกว่าๆ ได้แหละพี่ก็ลาออก หลังจากออกมาได้ไม่นานก็ได้ข่าวว่าพ่อของแน๊ทโอนบริษัทฯ ให้ผู้ถือหุ้นและตัวเองก็บินไปอยู่กับครอบครัวที่อังกฤษ ส่วนแน็ทพี่แค่ได้ข่าวว่าเค้าเรียนออกแบบตกแต่งภายในเพิ่มเท่านั้นแหล่ะ นอกจากนั้นพี่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเค้าอีกเลย จนมาเจอกันวันนั้นแหละพี่ถึงตกใจมากไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก" ไทด์พูดยิ้ม ๆ

"แล้ว พี่ไทด์ไม่คิดจะสานต่อเหรอ" หันมามองหน้าน้องสาว

"ก็คิดเหมือนกันแหละ..แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เค้ายังว่างอยู่หรือเปล่า" แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าตอนแรกพูดถึงเรื่องจุ้นอยู่ เผลอพูดเรื่องตัวเองซะยาวเชียว

"อ้าวไอ้นี่..พี่คุยเรื่องแกแท้ๆ..ทำไมมาวกเข้าตัวได้วะ..เออๆ อย่างที่บอกนั่นแหละจะพูดอะไรกับไอ้ปอมก็รีบพูดซะเดี๋ยวจะชวดเหมือนพี่" ไทด์กำชับ

"แหวะ! แล้วเรื่องอะไรจุ้นจะต้องไปพูดกับไอ้ปอม ไม่ได้มีอะไรกับมันซักหน่อย" มีเถียง มีเถียง

"เออๆ แล้วจะหาว่าพี่ไม่เตือน..กี่โมงแล้ววะเนี่ยมัวแต่โม้..ว๊าก! จะแปดโมงแล้ว..ไปดีกว่าเดี๋ยวไม่ทัน..แกจะไปกับพี่หรือเปล่า หรือว่าจะเอารถไปด้วย"

"ไปกับพี่ไทด์แหละ ขี้เกียจขับ" นั่นแหล่ะสองคนพี่น้องถึงได้กระวีกระวาดออกมาจากบ้านขับรถเพื่อไปทำงาน...




กรกนก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 พ.ค. 2554, 00:31:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 พ.ค. 2554, 00:31:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1839





<< ตอนที่3 : ยิ่งกว่ามิตรภาพมั้ง   ตอนที่5 : เพราะเรารู้กัน >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account