รากเหง้า
หมู่บ้านเล็กๆ บรรยากาศชายทุ่ง กลิ่นไอความเป็นบ้านนาคละคลุ้ง
บ้านหลังเล็ก ที่อยู่กัน 7 คน พ่อแม่ลูก เป็นครอบครัวที่อบอุ่น
การเป็นอยู่ก็พื้นๆ ไม่ได้พิเศษอะไรเพราะค่อนข้างจน แต่ก็อยู่กันอย่างมีความสุขตลอดมา การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของครอบครัวน้อยๆ ครอบครัวนี้ เกิดขึ้นเมื่อพ่อผุ้เป็นเสาหลักของครอบครัวป่วย
ลูกๆ จึงต้องช่วยกันทำงาน และต้องลดพาระครอบครัวด้วยการแต่งงานเพื่อลดการแออัดภายในบ้าน และนั่นคือที่มาและเรื่องราวความสุข ความทุกข์ ความสำหวัง ความผิดหวัง ในชีวิต ติดตามได้ใน นิยายเรื่องยาว รากเหง้า ในนามปากกา อ. อกาลิโก
Tags: http://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=908025

ตอน: พยัญชนะ

นักเรียนบางคนก็อายุมากกว่าบัวหลายปี แต่โดนพ่อ

แม่บังคับให้มาเรียนเพราะอยากให้ลูกอ่านออกเขียนได้ ปกติในวัน

แรกของการเปิดเทอมมักจะไม่ได้มีการเรียนการสอนอย่างจริงจัง ส่วน

ใหญ่ก็เป็นการแนะนำตัวให้สมาชิกในห้องรู้จักกันเท่านั้น


“ เด็กๆ ใครที่เตรียมอาหารมา ก็กินกันได้เลยนะ ตอนบ่ายๆ ครูจะ

เริ่มสอนพยัญชนะภาษาไทย” ครูบุญสมบอกกับนักเรียนเมื่อเห็นว่าถึง

เวลาพักรับประทานอาหารเที่ยง

เมื่อถึงเวลาเข้าเรียนในช่วงบ่ายครูบุญสมก็เริ่มสอนเด็กๆในบทเรียนที่เตรียมไว้

“กอ เอ๋ย กอ ไก่... ขอ ไข่ในเล้า... ขอ ขวดของเรา...”
เมื่อครูบุญสมสอนถึงพยัชนะจนครบทุกตัว เสียงเด็กผู้ชายคนอื่นก็แย้งขึ้น

“ครูครับครู กอ กุ้ง ไม่ได้เหรอครับ” เมื่อคนหนึ่งสงสัย คนต่อๆ ไปก็ตามมา

“แล้ว ผอ ผึ้ง เปลี่ยนเป็น ผอ ผีไม่ได้เหรอครับ”

เมื่อได้ยินในคำถามที่ไร้เดียงสา คนเป็นครูก็อดยิ้มอย่างเอ็นดูออก

มาไม่ได้ จึงค่อยๆ อธิบายอย่างใจเย็น

“ไม่ได้หรอกเธอเพราะทางกฏหมายเขากำหนดมาแล้ว ครูเปลี่ยนไม่ได้หรอกนะ เอาล่ะทุกคนอ่านตามครูนะ”

บัว หัวไม่ดี เขียนได้ไม่หมด ก็เพลียหลับ แม่มาลี ต้องมาเรียก ไปอาบน้ำจะได้กลับมาทานข้าวเพราะว่าแม่มาลีทำกับข้าวเสร็จแล้ว

"ตื่นๆๆ หนังสือไม่เขียนน่ะ ตัวนี่ระวังไปโรงเรียนครูเอาไม้เรียวตีก้นไม่รู้ด้วยน่ะ แม่ก็ช่วยหนูไม่ได้น่ะลูก"

"ทำไมหล่ะจ๊ะแม่ นานๆ ทีแม่ถึงจะตีหนูสักครั้ง แต่นี่ครูสั่งการบ้าน

ทุกวัน ถ้าหนูไม่ได้ทำ ก็แปลว่า หนูต้องโดนครูตีทุกวันน่ะสิค่ะ "

แม่มาลีก็ไม่ตอบ ได้แต่ยืนอมยิ้ม น้องบารมีเดินเข้า แล้วถามพี่สาว วัย 12 ปี ว่า

"พี่บัว ของเขาเขียนถึง วอ แหวน แล้วอะไรต่อน่ะ " ผู้พี่สาวก็ไม่รู้จะ

ตอบน้องชายวัย 8 ขวบยังไงเพราะว่า ตัวเองยังเขียนได้ถึงแค่ ดอ เด็ก

อยู่เลย เพราะจำไม่ได้ ยิ่งทำให้แม่มาลี อมยิ้ม แล้วก็ดึงลูกทั้งสองคนเข้า

มากอดด้วยความรัก

พี่เอ้ย พูดขึ้นว่า "ดีน่ะพวกแก ที่เราไม่ได้ไปเรียน ไม่อย่างงั้น ไม่ได้

เที่ยวอย่างงี้แน่ๆ" สาวๆ ทั้ง 3 คนเป็นสาวแล้ว อายุไล่เลี่ยกัน 17/

19/20ปี เป็นสาวสะพรั่ง พากันอาบน้ำในคลองเสร็จก็พากันเดินออกมา

หาพ่อ ที่ศาลากลางทุ่งนา

"พ่อจ๋า หนูๆ จะกลับกันแล้วน่ะ"

พ่อแก้ว รับรู้ด้วยการพยักหน้า พร้อมทั้งเอาผ้าขาวม้า มัดเอวเพื่อที่จะ

เดินออกไปส่ง ลูก สาวทั้ง สามคนทีปลายทุ่ง ติดกับถนน ลูกรัง ที่มีชาวไร

ชาวนา กำลังพากันเดินกลับบ้านของตนเพราะว่าค่ำแล้ว ระหว่างทาง

เดินมาส่ง มีไอ่หนุ่มบ้านนา ที่ยังทำนาไม่เสร็จ ยืนอยุ่กันกลางทุ่งนาหลาย

คน พอเห็นสามใบเถา ก็ตะโกนแซว กันเซงแซ่ พ่อแก้ว ก็เฉยๆ ไม่ได้ว่า

กระไร เพียงแต่คอยเดินรั้งท้ายเอาไว้ห่างๆ เท่านั้น


"ทำไมหล่ะจ๊ะพี่ ชอบก็ให้พ่อ ให้ แม่มาขอสิ" พร้อมทั้งหันมาสบตากับพี่และน้อง แล้วพากันหัวเราะ คิกคัก

พ่อแก้ว จึงกระแอมเตือน 2 ครั้งเพื่อ ปรามๆ ลูกสาว วัยใกล้ออกเรื่อนเต็มที

ส่งลูกสาวถึงถนนลูกรังแล้ว คนเป็นพ่อจึงสั่งทั้งสามสาวว่า

"เดินกลับบ้านกันดีๆ น่ะอย่าพากันทะเหล ทะไหลหล่ะ" เสียงประสานตอบพร้อมกันว่า "จ๊ะพ่อ ..... "

พวกเธอประสานเสียงตอบผู้เป็นพ่อเสียยึดยาว พ่อแก้ว ยืนมอง

ลูกสาวทั้งสามคนจนลิบลับไกลออกไปทุกที ปากก็พูดกับตัวเองว่า

"อีหนูเอ๋ย เองจะได้อยู่กับพ่อ กับแม่ ช่วยงานพ่อแม่อีกสักกี่วัน ก็ปีกัน

ว่ะ ขอให่ได้สามีที่ดี เป็นคู่ชิ้นด้วยกันกับเอง ให้เขารักเองเหมือนพ่อ

เหมือนแม่รักเองน่ะลูกน่ะ" แล้วก็เดินกลับกระท่อมปลายนา เพื่อกลับไป

นอนเฝ้าไร่นาข้าว ที่กำลังออกรวงเหลืองอร่าม เต็มทุ่งนา
พอกลับมาถึงกระท่อมปลายนา ก็มีเสียงตะโกนมาว่า

"เฮ่ย เร็วๆ สิว่ะ กูขี้เกิยจรอมึงแล้วน่ะ ช้าจริง ผับผ่าสิ"

เหล้าขาวถุกเทลงจอก ครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงคุยกันในวงเหล้า อ๋อแอ๋

บ่นพึม ว่าทำไมพวกเราลำบากกันแท้หนอ ทำงานก็เหนื่อย เงินก็ไม่ค่อยมี

ทำไมจนเอาๆ ไอ่เจ๊ก หน้าตลาด ขายของกลับรวยเอาๆ เราไปขายของ

แข่งกับมันไหมว่ะ เสียงหัวเร่าะของพ่อบ้านทั้งหลายก็ดังกันเป็นระยะ

พ่อแก้ว เมาไม่เป็นท่าสายตามองยาวออกไป เหม่อลอย มองออกไปกลาง

ทุ่งนาอันกว้างใหญ่แล้วครุ่นคิดหนัก คิ้วขะหมัด เหมือนคนทุกข์ใจ แต่ก็ยัง

ไม่สามารถหาทางออกใดๆ ได้

(ที่โรงเรียน) "อ้าวๆๆ เด็ก เป็นยังไงกันบ้าง เขียนคำว่า บรรพบุรุษ

กันได้หรือยังจ๊ะ แล้วเดี๋ยวครูจะให้ออกมาสะกดคำให้ครุดู ทีละคนน่ะจ๊ะ

เอาหล่ะ มีใครพร้อมบ้างยกมือขึ้น"

ไม่มีมือหรือแขนเล็กๆ ของเด็กนักเรียนคนไหนสักคนที่ยกขึ้น ครูจึง

เดินไปหาเด็ก สมบัติ ลูกของ เจ้าของโรงสีข้าว และเจ้าของร้านขายวิทยุ

ทรานซีสเต่อร์

"เอาหล่ะครุขอดู สมุดของเธอหน่อยสิ" (สมุดเล่มที่ราคาแพงที่สุดคือ

เล่มหล่ะ 50 สตางค์) เพราะว่าพ่อของเด็กคนนี้มักจะได้ไปซื้อของที่

กรุงเทพ บ่อยๆ 6 เดือนครั้ง ที่จริงแล้วสมุดเล่มละ 20 สตางค์ แต่เขา

กลับบอกว่า 50 สตางค์เพราะการค้าต้องการกำไรนั่นเอง "เอาหล่ะ ครู

จะให้เธอออกมาเขียนสะกดคำบนกระดานน่ะ"

เด็กชายสมบัติ ก็กลัวๆ กล้าๆ แต่ก็เกรงไม้เรียวในมือคุณครูบุญสม

เพราะพ่อเคยบอกเขาว่า คุณครุน่ะ มีอำนาจ จะเคี้ยนจะตี พ่อกับแม่ไม่

สามารถห้ามได้ ช่วยก็ไม่ได้น่ะ นึกถึงคำพูดของพ่อทีไร เด็กชายเสียวสัน

หลังทุกทีเมื่อเห็นคุณครูบุญสม

เพราะว่าเขาเป็นเด็กทโมน ทะเล้น แต่อยู่หมัดที่คุณครูบุญสม เด็ก

ชาย ออกไปยืนหน้ากระดานดำหน้าห้องด้วยความไม่เต็มใจ คุณครุ

บุญสม ยืนถือไม่เรียวอันงอนยาวอยู่หน้าห้อง พร้อมกับพูดบอกให้ศิษย์

สะกดคำบนกระดานดำด้วยเสียงอันไพเร่าะ อย่างเอ็นดูเด็ก เพราะว่ารู้ว่า

พ่อแม่และชาวบ้านสอนเด็กมาแบบผิดๆ เพราะว่าต้องการให้ลูกมีวินัย

และระเบียบ ไม่อยากให้เกเร เกตุง

"สะกดได้ไหม ถ้าไม่ได้" คุณครูยกมือข้างที่มีไม่เรียวขึ้นเพื่อจะบอก

กับเด็กชายสมบัติว่าจะต้องสะกดยังไง เด็กชายสมบัติ ถึงกับยืนตัวแข็ง

เพราะว่ากลัวไม้เรียว คุณครูบุญสมเข้ามายืนโอบไหล่ เด็กชายอย่าง

เอ็นดู พร้อมกับจับไม้เรียวชี้ไปที่กระดานดำแล้วสอนเด็กๆ ทั้งห้องว่า

สะกดอย่างนี้น่ะ......... อย่างใจดี แต่เด็กชาย สมบัติ ก็ยังเหลือบดู ไม้

เรียวอยู่บ่อยๆ เพราะว่ายังไม่วางใจ สรุป วันนั้นคนที่ได้เรียนรู้ และอ่าน

หนังสือคำว่า บรรพบุรุษ ได้แม่นยำที่สุดคือ เด็กชาย สมบัติ นั่นเอง

ส่วนเด็กคนอื่น พากันหาววอดๆ บ้าง เด็กผุ้หญิงก็คุยกันบ้าง พากัน

ถักโคเชบ้าง ไปตามประสาเด็กบ้านนอก พอถึงเวลากลับบ้าน คุณครู ก็

ออกมาส่งเด็กถึงหน้าประตูโรงเรียน กำชับนัก กำชับหนาว่า

"อย่าถะเหล ถะไหล ให้กลับบ้านกันทุกคน" พร้อมกับสายตาก็มอง

เด็กๆ อย่างเอ็นดู เพราะว่าเด็กบางคนไม่ได้ใส่รองเท้า บางคนเสื้อ

นักเรียนก็คือเสื้อยืดคือกลมธรรมดา บางคนเด็กบางคนใส่ผ้าถุงแม่มา

โรงเรียน เพราะว่าพ่อแม่ไม่มีเงินซื้อกระโปรงนักเรียน

ส่วนเด็กที่มีขุดนักเรียนสีขาวใส่มาโรงเรียนนั้นมีไม่กี่คน ส่วนใหญ่ก็

เป็นลูกของพ่อค้า ในตลาด กำนัน คนที่ออกเงินกู้ทั้งนั้น คิดไปเรื่อย

เปื่อย เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นว่า
"ครูครับ วันพรุ่งนี้ผมไม่มาโรงเรียนน่ะครับ"

คุณครุสมบัติก็ถามว่า "ทำไมไม่มา" เด็กชายคนนั้นก็บอกว่า

"พ่อกับแม่ของผมไม่อยู่ครับ ต้องไปรับจ้างก่อสร้างในเมือง ผมต้องอ

ยู่กับยายและพี่ ไม่มีใครเฝ้าบ้านครับครู"

คุณครู บุญสม ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่ลูบหัวน้อยๆ ของเด็กชายและ

พยักหน้ารับทราบเท่านั้น

โรงเรียนทั้งโรงเรียนคุณครูเป็นอาจารย์ใหญ่ และมีครูเล็กอีก 2 คน

ซึ่งพักในบ้านพักที่ทางการ จัดเอาไว้ให้



อกาลิโก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.พ. 2556, 22:02:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ก.พ. 2556, 11:35:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1918





<< รุ่งฟ้า   ดอกเบี้ย >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account