มลทินสวาทมาเฟีย
เขาต้องก้าวเข้ามาเป็น ‘มาเฟีย’ เพราะถูกบังคับด้วยคำว่า ‘ความกตัญญู’ ต้องหันหลังให้ชีวิตสุขสงบ มาผจญกับคนเลวสารพัดรูปแบบ มือต้องเปื้อนเลือด เท้าต้องเดินข้ามซากศพของศัตรูและคู่แข่ง เพื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งเจ้าพ่อมาเฟียแห่งเกาะฮ่องกง
เธอคือลูกสาวของอดีตหัวหน้าแก๊งค์มาเฟียที่โดนลูกน้องคนสนิททรยศจนถูกฆ่าตาย เมื่อขาดผู้ปกป้องเธอจำต้องเข้ามาอยู่ภายใต้ร่มเงาของเจ้าพ่อมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ บุญคุณของเขามากมายล้นฟ้า หากต้องแลกด้วยชีวิตและพรหมจรรย์เพื่อตอบแทนบุญคุณเธอก็พร้อมยอมทำ

Tags: นิยาย มาเฟีย รวิญาดา ผการุ้ง

ตอน: ตอนที่ 4. สู่ร่มเงาตระกูลหลี 100%



ตอนที่ 4. สู่ร่มเงาตระกูลหลี่



ฟหลี่เจิ้งได้กลับมาถึงบ้านตระกูลหลี่พร้อมกับอุ้มหลินหลินเข้ามาในตึกใหญ่ เขาเรียกหาแพทย์ประจำบ้านมาดูอาการ และให้สาวใช้ช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอ หลังจากแพทย์ตรวจดูอาการแล้ว ประมุขของบ้านหลี่ก็ปล่อยให้สาวใช้ทำหน้าที่ดูแลหญิงสาวต่อ ตัวเขากลับมาพักผ่อนยังห้องของตัวเอง พบว่าเพียงลดาภรรยาของเขายังไม่นอน เมื่อครู่เธอคงเห็นว่าเขาพาหลินหลินมาที่บ้าน นิสัยของเพียงลดาไม่ใช่คนจุกจิกจึงไม่เอ่ยถามอะไรให้สามีรำคาญใจ เธอจึงอดทนรอให้เขาเป็นฝ่ายบอกเธอเอง หลี่เจิ้งเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมานั่งคุยกับเพียงลดาที่รออยู่บนเตียงนอนในห้องนอนของทั้งคู่

“คุณคงสงสัยใช่ไหม ว่าผมพาใครมา”

เขายิ้มให้เธอด้วยรอยยิ้มอบอุ่นเหมือนเคยเป็น วงแขนแข็งแรงโอบไหล่เธอไว้ ดึงรั้งตัวมากอดไว้แนบอก ท่าทางไร้ร่อยรอยพิรุธนั้นทำให้เพียงลดาคลายใจว่าสามีไม่ได้คิดปิดบังเธอ

“เธอเป็นใครคะ ท่าทางยังเด็กอยู่มากฉันเห็นเด็กผู้ชายอีกคน เป็นน้องชายของเธอใช่ไหมคะ” เพียงลดาเอ่ยถามเสียงนุ่มไม่ได้คาดคั้นมากกว่าชวนคุยตามประสาผัวเมีย

“เด็กสองคนนั่น เป็นลูกของคุณจางเหวินเพื่อนของคุณพ่อน่ะ พ่อกับแม่ของทั้งคู่เพิ่งเสียชีวิตเขาสองคนไม่มีใคร ผมเลยรับมาอุปการะ” หลี่เจิ้งเล่าแบบสรุป ไม่ได้ลงรายละเอียดถึงประวัติของทั้งคู่ลึกซึ้งมากนัก

“โถ น่าสงสารจังค่ะ ชื่ออะไรกันบ้างคะ”

เพียงลดาทอดเสียงสงสาร เอ่ยถามอย่างใส่ใจ เธอมีหน้าที่ดูแลเด็กที่สามีรับมาอุปการะ ทำหน้าที่ประหนึ่งแม่ของเด็กเหล่านั้นโดยไม่คิดรังเกียจ สองพี่น้องน่าตาน่ารักทั้งคู่ คนพี่แม้จะโตเป็นสาวแล้วแต่ก็เป็นผู้หญิง เพียงลดาจึงรู้สึกเอ็นดูเป็นพิเศษเพราะชอบเด็กผู้หญิงเป็นทุนเดิม แต่ไม่มีวาสนาได้ลูกสาวมาเลี้ยงดู สุขภาพของเธอไม่อำนวยให้มีลูกได้หลายคน การได้ดูแลเด็กๆ จึงเป็นความสุขอย่างหนึ่งของเธอ

“คนพี่ชื่อจางหลินหลิน คนน้องเป็นผู้ชายชื่อจางหลง อายุน่าจะไล่ๆ กับลูกชายของเรา”

มาเฟียหนุ่มยิ้มอ่อนๆ ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มนวลของภรรยาเล่น เขาคลายความรู้สึกกังวลลงไป เมื่อเห็นท่าทีของเพียงลดา ด้วยเกรงภรรยาจะนึกตะขิดตะขวงใจที่พาผู้หญิงเข้ามาเลี้ยงดู แม้เขาจจะไม่ได้คิดอะไรกับหลินหลินมากกว่าความเวทนาสงสาร ก็อดห่วงความรู้สึกของภรรยาไม่ได้

“ฉันขอให้เด็กสองคนอยู่ที่ตึกนี้ได้ไหมคะ เขาสองคนเป็นลูกของเพื่อนคุณพ่อ ก็เหมือนเป็นญาติคนหนึ่งของเรา ฉันไม่อยากให้พวกเขารู้สึกว่าเราไม่เต็มใจดูแลเขา หากจะให้ไปอยู่รวมกับเด็กๆ ที่เรารับมาอุปการะ” เพียงลดาขอความเห็นจากสามี

หลี่เจิ้งพยักหน้ารับตามใจภรรยา “แล้วแต่คุณเห็นสมควรเถอะ ผมยกหน้าที่ดูแลพวกเขาให้คุณนะ ช่วงนี้ผมมีงานยุ่งมาก อาจจะไม่มีเวลาดูแลพวกเขา” ชายหนุ่มมอบหมายภาระให้ภรรยารับไปจัดการ

“ได้สิคะ” เพียงลดายิ้มรับด้วยความเต็มใจ ก่อนจะขยับกายไปนั่งด้านหลังเขา “ท่าทางวันนี้คุณจะเหนื่อยมาก เดี๋ยวลดานวดให้นะคะ”

หลี่เจิ้งพยักหน้ารับพร้อมกับหลับตาลง ปล่อยให้มือน้อยของภรรยาทำหน้าที่บีบนวดบ่าไหล่และต้นคอ มาเฟียหนุ่มผ่อนลมหายใจเมื่อรู้สึกผ่อนคลายจนหายปวดเมื่อย สิบกว่าปีที่ใช้ชีวิตร่วมกับเพียงลดา หญิงสาวทำหน้าที่ภรรยาได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ดูแลเอาใจใส่เขาอย่างดีจนหลี่เจิ้งเคยชินกับการปรนนิบัติของเธอ เขาชอบอาหารรสมือของเธอจนไม่กินอาหารนอกบ้าน ชอบให้เธอบีบนวดให้ยามปวดเมื่อยติดฝีมือการนวดของเธอเหมือนติดยาเสพติด ยามเหนื่อยล้าขอแค่ได้มือน้อยมาบีบนวดให้ ก็รู้สึกผ่อนคลายมหาศาลยิ่งกว่ายาทิพย์ขนานใดใดในโลก

“ง่วงหรือเปล่าคะ ถ้าง่วงก็นอนคว่ำค่ะ หลับไปได้เลยนะคะเดี๋ยวลดาจะนวดให้คุณ”

เพียงลดายื่นหน้ามาถามข้างใบหูของสามี แตะริมฝีปากบนแก้มสากคายของเขาเบาๆ ก่อนจะยิ้มละมุนเมื่อร่างหนาเริ่มเอนกายนอนคว่ำตามคำบอก หญิงสาวขยับกายกดฝ่ามือนวดเฟ้นแผ่นหลังกว้าง เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแกร่งของเขาด้วยแรงที่มากขึ้นกว่าเดิม เสียงครางเบาๆ ดังแว่วมาจากคนที่นอนหลับตาพริ้มทำให้คนนวดยิ้มกว้างขึ้น ดวงตาทอดมองสามีด้วยแววตารักใคร่ มีความสุขกับการได้ปรนนิบัติดูแลเขาแบบนี้ และรู้ดีว่าสามีพอใจให้เธอดูแลเขาเช่นกัน

ผ่านไปหลายนาทีเสียงลมหายใจของคนตัวโตก็ดังเข้าออกสม่ำเสมอ บ่งบอกว่าเขาเข้าสู่ห้วงนิทราเรียบร้อยแล้ว คนเป็นภรรยาจึงรามือจากการนวด ดึงผ้าห่มมาคลุมกายให้แล้วสอดร่างใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน วาดแขนโอบกอดร่างหนาไว้ ใบหน้างามซบนิ่งอยู่บนแผ่นหลังของเขา เพียงลดาผ่อนลมหายใจยาวแววตาอ่อนเศร้าลง แขนเรียวบางกระชับอ้อมแขนโอบรัดร่างของสามีแน่นขึ้น

“คุณเจิ้งคะ ลดารักคุณนะคะ...”

เธอกระซิบบอกเขาเสียงแผ่ว แตะริมฝีปากจุมพิตแผ่นหลังหนาด้วยความรักสุดใจ ก่อนจะหลับตาลงปล่อยให้น้ำตาหยดไหลลงมาช้าๆ เธอมีเวลาเหลืออีกไม่นานร่างกายกำลังถูกโรคร้ายรุมเร้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อีกไม่ช้าเธอต้องจากเขาไปตลอดกาล

“ร่างกายของคุณอ่อนแอลงมาก ตอนนี้เนื้องอกโตขึ้นมากซึ่งจะทำให้คุณมีปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท คุณอาจปวดหัวมากขึ้น ยาที่ผมให้ช่วยคุณไม่ได้มากเพราะร่างกายของคุณเริ่มไม่ตอบสนองต่อยา สี่ปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นกำไรชีวิตเพราะคุณมีชีวิตยาวนานกว่าที่หมอคาดการณ์ไว้”

คำพูดของหมอเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมายังดังก้องอยู่ในหู เพียงลดารู้ดีว่าเธอร่างกายของเธอกำลังจะพ่ายแพ้ต่อโรคร้าย เธอตรวจพบว่าตัวเองเป็นเนื้องอกในสมองก้อนเนื้องอกเกิดขึ้นที่ก้านสมองเมื่อสี่ปีก่อนช่วงที่หลี่เจิ้งเดินทางมาหาบิดาของเขาที่ฮ่องกง หญิงสาวจึงปกปิดเรื่องนี้ไม่ให้สามีรู้ เพียงลดารับรู้อาการของตัวเองว่าไม่อาจรักษาได้ด้วยการผ่าตัด เพราะการผ่าตัดอันตรายเกินไปและอาจทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิตหรือพิการหลังผ่าตัดได้ เธอเลือกใช้ชีวิตที่เหลือดูแลสามีและลูกโดยไม่ยอมผ่าตัด ทุกเดือนเธอต้องเดินทางกลับไปเมืองไทยโดยอ้างว่าไปเยี่ยมบิดามารดา แท้จริงแล้วเพื่อไปตรวจรักษากับแพทย์ประจำตัว หลี่เจิ้งไม่เคยระแคะระคายถึงอาการป่วยของภรรยา เขายุ่งกับงานในหน้าที่จนไม่มีเวลามาสังเกตเธอเท่าใดนัก เพียงลดาเก็บงำเรื่องนี้ไว้เงียบๆ ไม่ต้องการให้สามีรับรู้เกรงเขาจะห่วงใยเธอจนไม่เป็นอันทำงาน และเขาอาจทนไม่ได้หากรู้ว่าโรคที่เธอเป็นไม่มีทางรักษา เธอไม่อาจทนเห็นความเจ็บปวดของสามีจึงยอมเจ็บปวดอยู่เพียงลำพัง หัวใจดวงน้อยหวาดหวั่นกับเมื่อนึกถึงอนาคตข้างหน้าที่ยังมาไม่ถึง

มากกว่าความกลัวคือความห่วงใยที่มีให้กับชายผู้เป็นสามี หากวันใดเธอไม่ได้ดูแลเขาแบบนี้ หลี่เจิ้งจะเป็นอย่างไรบ้างหนอ เขาจะมีชีวิตอยู่เช่นไรเขาจะทนกับความว้าเหว่ได้หรือไม่ เพียงลดารู้ดีว่าสามีเป็นคนรักเดียวใจเดียว เขาไม่เคยชายตามองผู้หญิงคนอื่น ไม่เคยนอกใจเธอสักครั้ง ความรักของเขามอบให้เธอเพียงผู้เดียวมาตลอด หลี่เจิ้งเป็นคนที่ยึดติดกับความรู้สึกของตัวเองมากจนน่าเป็นห่วง เขาจะทนการสูญเสียได้หรือไม่ เขาจะมีชีวิตและแรงใจดำเนินชีวิตต่อไปได้หรือเปล่า นั่นเป็นสิ่งที่คนเป็นภรรยาห่วงใยเหลือเกิน...

เพียงลดาผ่อนลมหายใจยาวตัดสินแน่วแน่ว่าเธอต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเขา...

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

หลินหลินลืมตาขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น ร่างบางหยัดกายลุกขึ้นนั่งกวาดตามองไปรอบๆ กาย พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องไม่คุ้นตา หญิงสาวกุมขมับตัวเองเมื่อรู้สึกปวดหนึบขึ้นมาจำต้องนั่งนิ่งอยู่แบบนั้น หลินหลินทบทวนความทรงจำก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ รีบลุกขึ้นจากเตียงจะออกไปนอกห้อง แต่ประตูห้องได้เปิดออกเสียก่อน ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งเดินนำสาวใช้ที่ถือถาดอาหารเข้ามา

“ตื่นแล้วหรือจ้ะ เป็นยังไงบ้างปวดหัวหรือเปล่า” เพียงลดาส่งยิ้มให้หลินหลินด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เดินเข้ามาแตะไหล่ประคองให้นั่งลงบนเตียง

หลินหลินจำต้องนั่งลง ดวงตาจับจ้องใบหน้างดงามของหญิงสาวรุ่นพี่ แววตาของอีกฝ่ายที่ทอดมาอย่างมีไมตรี ทำให้รู้สึกคลายความหวาดระแวงลงไป

“ที่นี่ที่ไหนคะ” หลินหลินเอ่ยถามเสียงเบา

เพียงลดายิ้มบางๆ “ที่นี่เป็นบ้านตระกูลหลี่จ้ะ ฉันเป็นภรรยาของคุณเจิ้งชื่อเพียงลดา เรียกฉันว่าพี่ลดาก็ได้นะจ้ะ”

คำแนะนำตัวของอีกฝ่ายทำให้หลินหลินหัวใจกระตุกแรง ก่อนจะผ่อนลมหายใจไล่ความรู้สึกเสียดร้าวที่ไม่รู้สาเหตุออกจากใจ หลี่เจิ้งอายุไม่น้อยแล้วการมีภรรยาเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชายวัยนี้ แต่ทำไมเธอถึงต้องรู้สึกปวดร้าวตอนที่รู้ว่าเขามีภรรยา หลินหลินไม่เข้าใจตัวเอง เธอปล่อยความกังขาทิ้งไปส่งยิ้มตอบเพียงลดาด้วยรอยยิ้มเจื่อนจางเต็มที

“ฉันชื่อหลินหลินค่ะ แล้วอาหลงน้องชายของฉันล่ะคะ แกอยู่ที่ไหน” หลินหลินถามหาน้องชาย

“ตอนนี้อยู่กับคุณเจิ้งและลูกชายของฉันที่โรงยิมหลังตึกนี้เอง ไม่ต้องห่วงหรอกนะ” เพียงลดาตอบ พลางลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อผ้ามาส่งให้หลินหลิน “ไปอาบน้ำก่อนดีไหมจะได้สดชื่น แล้วค่อยมาทานข้าว”

หลินหลินพยักหน้าอย่างว่าง่าย รับเสื้อผ้ามาถือไว้แล้วมองหาห้องน้ำ เพียงลดาเดินไปเปิดประตูห้องน้ำให้ แล้วปล่อยให้หลินหลินเข้าไปจัดการธุระส่วนตัว ครู่หนึ่งหลินหลินก็เดินออกมาด้วยใบหน้าที่สดใสขึ้น ผมยาวเปียกชื้นมีผ้าขนหนูผืนเล็กคลุมไว้บนบ่า เจ้าตัวนั่งลงบนขอบเตียงมองโต๊ะที่ถูกเลื่อนมาวางข้างเตียง บนโต๊ะมีชามข้าวต้มวางไว้พร้อมน้ำแก้วหนึ่ง เพียงลดานั่งอยู่ที่เก้าอี้มุมห้องส่งยิ้มให้พลางบอกว่า

“ข้าวต้มปลากระพงจ้ะฉันทำเอง ลองทานดูสิจ้ะ เช้าๆ แบบนี้คุณเจิ้งชอบทานข้าวต้ม เลยตักมาให้เธอทานด้วย”

“ขอบคุณค่ะ”

หลินหลินเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะหยิบช้อนมาตักข้าวต้มรับประทานช้าๆ รสชาติอร่อยทำให้หญิงสาวทานจนหมดถ้วย คนทำยิ้มหน้าบานปลื้มใจที่อาหารถูกปากคนกิน

เพียงลดาแอบพินิจหญิงสาวอ่อนวัยอยู่นาน ใบหน้ารูปไข่เรียวสวยได้รูป ประกอบด้วยเครื่องหน้าที่งดงามปากบางสีแดงสด จมูกโด่งเล็กรับกับดวงตายาวสวยใต้วงคิ้วเรียวสีดำสนิท มองเพลินตาจนอดชื่นชมไม่ได้ว่าหญิงสาวคนนี้สวยจับตาเหลือเกิน ผิวขาวเนียนผ่องราวกับไข่มุกและรูปร่างเพรียวไม่ได้ผอมบาง มีสิ่งที่ควรมีของสตรีเพศอย่างครบถ้วน ช่วยทำให้หลินหลินมีเสน่ห์เย้ายวนใจไม่น้อย คนมองเพ่งพิจความงามเลอลักษณ์นี้แล้วความคิดบางอย่างก็วาบเข้ามาในหัว

“เธออายุเท่าไหร่แล้วจ้ะหลินหลิน” เพียงลดาทอดเสียงนุ่มนวล จ้องมองใบหน้าหญิงสาวพร้อมยิ้มละมุน

หลินหลินวางช้อนลงหันมามองหน้าคนถาม “ยี่สิบปีค่ะคุณลดา” เธอเองอยากถามอายุของอีกฝ่ายบ้าง แต่เกรงจะเสียมารยาทจึงนิ่งไว้

“เพิ่งยี่สิบเองเหรอ อ่อนกว่าฉันสิบหกปี” เพียงลดาเปรยขึ้น นึกเปรียบเทียบอายุของหญิงสาวกับตัวเองและสามีในใจ “อายุน้อยกว่าคุณเจิ้งตั้งยี่สิบปี เกือบจะเป็นพ่อลูกกันได้เลยนะ”

ยามเอ่ยถึงสามีน้ำเสียงคนเป็นภรรยาอ่อนหวานนัก กระแสเสียงทอดอ่อนเจือรอยรักใคร่จนคนฟังรู้สึกได้

“ถ้าอย่างนั้นคุณลดาก็อายุสามสิบหกสิคะ คุณเจิ้งคงจะสี่สิบ”

หลินหลินยิ้มบางๆ ใบหน้าของชายหนุ่มวัยสี่สิบกระจ่างชัดในมโนนึก หลี่เจิ้งดูอ่อนวัยกว่าอายุจริงหลายปี ใบหน้าของเขาเหมือนคนอายุแค่สามสิบต้นๆ เช่นเดียวกับเพียงลดาที่ยังสาวอยู่มาก

“ลงไปหาน้องชายของเธอกันเถอะ” เพียงลดาขยับลุกขึ้นเดินมาโอบไหล่หลินหลินพาเดินออกไปจากห้อง

หลินหลินมองบ้านตระกูลหลี่อย่างชื่นชม ภายในบ้านตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหรา เข้าชุดกับม่านเนื้อดีพื้นปูหินอ่อนมันวาว เพียงลดาพาหญิงสาวเดินออกมายังบริเวณสวนด้านหลังตึกไปยังตึกหลังใหญ่สีน้ำตาลแดง บอดี้การ์ดของหลี่เจิ้งโค้งคำนับก่อนจะเดินมาหาผู้เป็นนายหญิง

“คุณเจิ้งรออยู่ที่โรงยิมครับ ท่านให้ผมมารอรับคุณลดากับคุณหลินหลิน”

“ขอบใจจ้ะ เดินนำไปสิจ้ะฉันไม่ค่อยชินทาง” เพียงลดาพยักหน้ารับ คลายมือออกจากไหล่ของหลินหลินเปลี่ยนมากุมมือของอีกฝ่ายจูงให้เดินตาม

ภายในตึกแดงซึ่งสร้างเป็นตึกสูงสามชั้น ชั้นล่างเป็นห้องโรงฝึกซ้อมการต่อสู่ ชั้นที่สองเป็นห้องซ้อมยิงปืน ส่วนชั้นบนสุดเป็นห้องที่หลี่เจิ้งใช้เป็นห้องทำงานและห้องประชุมสมาชิกของแก๊งค์หงส์ไฟ บอดี้การ์ดเดินนำผู้เป็นนายหญิงมายังชั้นสองซึ่งเป็นห้องซ้อมยิงปืน เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น บริเวณหน้าซองซ้อมยิงเป้า เด็กชายสองคนถือปืนยิงเป้าตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ คนหนึ่งคือหลี่ไท่หยางลูกชายของหลี่เจิ้งอีกคนคือจางหลงน้องชายของหลินหลิน มุมหนึ่งของห้องร่างสูงใหญ่ของหลี่เจิ้งนั่งมองดูเด็กสองคนอยู่ เขาหันมาเห็นภรรยากับหลินหลินเดินเข้าก็รีบลุกขึ้นเดินตรงมาหา

“ลดา...” เขาเรียกชื่อภรรยาเสียงนุ่ม พร้อมกับส่งยิ้มให้

เพียงลดาคลี่ยิ้มอ่อนหวาน คลายมือจากมือของหลินหลินเมื่อสามีเดินเข้ามาหา ปล่อยให้เขาโอบไหล่พาเดินไปนั่งที่เก้าอี้มุมห้อง

หลินหลินชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามสองสามีภรรยาไป ภาพความสนิทสนมของทั้งสองทำให้คนมองรู้สึกวูบโหวงในหัวใจ หลี่เจิ้งไม่เหลือบตาแลมองเธอเลยสายตาของเขาทอดมองเพียงลดาคนเดียว ราวกับคนอื่นกลายเป็นเพียงอากาศธาตุไร้ความหมายในสายตาของเขา

“นั่งลงสิหลินหลิน” หลี่เจิ้งบอกคนที่ยืนอยู่ผายมือไปยังเก้าอี้อีกตัวที่ว่างอยู่

“ค่ะ คุณเจิ้ง”

หลินหลินนั่งลงตามคำสั่ง ร่างบางนั่งตัวตรงดวงตาคู่สวยมองหน้ามาเฟียหนุ่มด้วยแววตาสงบนิ่ง สิ่งที่เขาทำลงไปเมื่อคืนยังลอยวนในหัว ภาพของมารดาที่ถูกลูกน้องของเขาหย่อนลงไปในน้ำยังติดตา เขาช่างเลือดเย็นไร้หัวใจนัก ไม่คิดว่าการทำแบบนั้นจะทำร้ายหัวใจของคนเป็นลูกอย่างเธอเพียงใด ยังจะความรู้สึกของน้องชายของเธออีก จางหลงยังเด็กนักแกคงตกใจที่เห็นเหตุการณ์สะเทือนใจแบบนั้น หลินหลินหันไปมองน้องชายที่เพิ่งรามือจากการซ้อมยิงปืน เด็กชายมองสบตาพี่สาวด้วยแววตาหมองเศร้า แกเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ กุมมือพี่ไว้ ทำให้หัวใจของคนเป็นพี่เจ็บแปลบด้วยความสงสาร วาดแขนโอบกอดน้องชายไว้แน่น ข่มกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาอย่างยากเย็นด้วยเกรงน้องจะเสียขวัญ

“ไม่เป็นอะไรแล้วนะอาหลง พี่จะดูแลเธอเอง” หลินหลินบอกน้องชายเสียงแผ่ว ลูบหลังเขาปลอบโยน

“ผมไม่เป็นอะไรครับพี่หลินหลิน” เด็กชายคลี่ยิ้มปลอบใจพี่สาว กระชับมือบีบมือพี่สาวแรงขึ้น “คุณเจิ้งบอกว่าผมต้องเข้มแข็งให้มากกว่านี้ เพราะผมเป็นผู้ชาย ผมต้องเป็นคนดูแลพี่หลินหลิน”

เด็กชายหันไปมองหน้าผู้มีพระคุณของแกด้วยแววตาศรัทธาและยกย่อง หลี่เจิ้งคือคนที่ทำให้จางหลงอยากเลียนแบบ มาเฟียหนุ่มได้พูดคุยกับเขาอธิบายถึงสิ่งที่ทำลงไปและสอนให้เขา รู้จักกับความเป็นลูกผู้ชาย

“ลูกผู้ชายจะไม่เสียน้ำตาง่ายๆ และจะไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครดูถูก จางเหวินพ่อของเธอเป็นถึงหัวหน้าแก๊งค์มังกร เธอในฐานะลูกชายต้องเข้มแข็งและกล้าหาญให้เหมือนพ่อ ชื่อของเธอแปลว่ามังกรจงทำตัวให้สมชื่อของเธอ”

คำพูดประโยคนี้ เปลี่ยนเด็กชายให้กลายเป็นคนใหม่ จางหลงจะไม่ยอมให้ตัวเองอ่อนแอเด็ดขาด เพราะเขามีหน้าที่ต้องดูแลพี่สาว และรอคอยเวลากลับไปทวงความยิ่งใหญ่ของพ่อกลับคืน

“หลินหลิน อาหลง ต่อไปนี้เธอจะเป็นคนของสกุลหลี่”

หลี่เจิ้งบอกสองพี่น้องเสียงเข้ม เขามองหน้าจางหลงแล้วเลื่อนสายตามามองหน้าหลินหลินนิ่ง ดวงตาคมจ้องใบหน้างามนิ่ง

“ฉันได้ทำให้คนของแก๊งค์มังกรเข้าใจว่าเธอทั้งสองคน ตายไปพร้อมกับแม่ของเธอแล้วเพื่อความปลอดภัยของพวกเธอทั้งคู่ เดือนหน้าฉันจะส่งจางหลงไปเรียนที่อเมริกาพร้อมกับหลี่ไท่หยางลูกชายของฉัน ส่วนเธอหลินหลินฉันจะให้เธออยู่ที่บ้านหลี่ มีหน้าที่คอยติดตามคุณลดาภรรยาของฉัน”

หลินหลินสบตากับหลี่เจิ้งแล้วเอ่ยออกมาว่า “ฉันขอบคุณ คุณเจิ้งมากที่ช่วยเหลือเราสองพี่น้อง แต่ฉันไม่อยากรบกวนคุณมากไปกว่านี้ ฉันคิดว่าขอแค่ให้คุณส่งฉันกับน้องออกนอกประเทศก็พอแล้ว ฉันพอจะมีคนที่จะช่วยเหลือฉันอยู่”

เธอไม่ต้องการติดหนี้บุญคุณเขามากกว่านี้ หลินหลินจึงเลือกทางออกให้ตัวเองด้วยการขอความช่วยเหลือจาก

ฟรานเชสโก้แทน แม้ต้องยอมแต่งงานกับริคคาโด้ลูกชายของฟรานเชสโก้ก็ตาม

“หลินหลิน อยู่ด้วยกันที่นี่เถอะ ฉันกับคุณเจิ้งสัญญาว่าจะดูแลเธอกับน้องชายเป็นอย่างดี ถ้าเธอไม่เห็นแก่ตัวเองก็ควรเห็นแก่อาหลงบ้างนะ เธอกับน้องไม่เหลือญาติพี่น้องที่ไหนแล้วไม่ใช่เหรอ การพากันไปอยู่เมืองนอกคงจะลำบากไม่น้อย ฉันกับคุณเจิ้งยินดีดูแลพวกเธอสองพี่น้องด้วยความเต็มใจนะ” เพียงลดาพยายามเกลี้ยกล่อมเมื่อเห็นหลินหลินปฏิเสธไม่ยอมรับความช่วยเหลือของเธอกับสามี

“หลินหลิน อย่าใช้ทิฐิมากกว่าสมองสิ เธอยังเป็นแค่ลูกนกปีกอ่อน อย่าคิดบินด้วยตัวเองในตอนที่ยังไม่พร้อม” ” หลี่เจิ้งเสียงกร้าวขึ้น เขาจ้องหน้าหญิงสาวเขม็งแววตาวาววับแกมดุ

“ฉันเต็มใจช่วยเธอโดยไม่หวังว่าจะได้อะไรตอบแทนจากเธอ ขอให้รับความช่วยเหลือจากฉัน อย่าคิดเอาตัวเองไปแลกกับการช่วยเหลือของใคร มันไม่คุ้มกับความทุกข์ที่เธอต้องแบกรับไว้ตลอดชีวิตหรอกนะ”

หลินหลินหลบสายตาคมกล้าที่มองมาอย่างรู้ทัน หลี่เจิ้งคงรู้ว่าเธอจะไปขอความช่วยเหลือจากใคร จึงพูดดักทางไว้แบบนี้ หญิงสาวถอนความทิฐิในใจของตัวเองทิ้ง นึกทบทนตามคำพูดของมาเฟียหนุ่ม ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างจำยอม เมื่อหาเหตุผลมาคัดค้านคำพูดของเขาไม่ออก

“พี่สาวนายนี่เรื่องมากจริง” หลี่ไท่หยางเปรยขึ้นทำลายความเงียบ เด็กชายนั่งฟังผู้ใหญ่พูดคุยกันอยู่ด้วย รู้สึกรำคาญกับความดื้อรั้นของพี่สาวจางหลง จึงอดพูดออกมาไม่ได้

“อย่าเสียมารยาทสิจะอาทิตย์ ผู้ใหญ่คุยกันอยู่นะลูก” เพียงลดาปรามลูกชาย พร้อมส่งสายตากำราบ

หลี่ไท่หยางถอนหายใจยาวลุกขึ้นเดินหนีออกจากห้องไป คนเป็นแม่ได้แต่ส่ายหน้าระอาใจ ลูกชายของเธอนิสัยเหมือนพ่อไม่มีผิดหากคิดว่าตัวเองไม่ผิดก็จะไม่ยอมรับผิด เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่หนึ่ง เธอกลัวใจลูกชายคนนี้เหลือเกิน ยิ่งเดินตามรอยเท้าพ่อรอยเท้าปู่เป็นมาเฟียตั้งแต่เด็กๆ โตขึ้นมาไม่รู้จะร้ายกาจแค่ไหน

“พี่หลินหลิน ผมไปกับคุณหลี่ได้ไหมครับ” จางหลงขออนุญาตพี่สาว เด็กชายมองตามหลังหลี่ไท่หยางไป อยากตามอีกฝ่ายออกจากห้องนี้บ้าง

“ไปสิ แล้วอย่าไปชวนคุณไท่หยางเล่นซนนะ” หลินหลินพยักหน้าให้น้องชาย กำชับก่อนจะปล่อยตัวไป

“ท่าทางจะติดใจอาทิตย์ของเรานะคะคณเจิ้ง ตามติดเป้นเงาเลย” เพียงลดามองตามหลังเด็กชายอย่างเอ็นดู

“สนิทกันไว้ก็ดี โตมาจะได้เป็นเพื่อนเป็นพี่น้องกัน”

หลี่เจิ้งคลี่ยิ้มให้ภรรยา สีหน้าคลายความดุดันจากเมื่อครู่ลง ใบหน้าหล่อเหลาชวนมอง จนหลินหลินเผลอทำตาปรอย ก่อนจะรู้สึกตัวในนาทีต่อมาเบือนหน้าหนีแก้มร้อนวูบด้วยความละอายใจ ที่เผลอไปจ้องคนมีเจ้าของ โดยไม่รู้ว่าเพียงลดาเห็นแววตาของเธอไปแล้ว

เพียงลดาแอบลอบสังเกตพฤติกรรมยามเผลอของหญิงสาวอ่อนวัยกว่าด้วยความสนใจ ก่อนจะสรุปว่าหลินหลินคงแอบชอบสามีของเธอเข้าแล้ว แต่คงเก็บไว้เงียบๆ ไม่ยอมให้หลี่เจิ้งรู้เป็นแน่ ด้านหลี่เจิ้งเองไม่ได้มีท่าทีเกินเลยกับหลินหลินแม้แต่น้อย แววตาของเขายามมองหญิงสาวมีเพียงความเวทนาสงสาร ไม่ได้มีรอยกรุ้มกริ่มในเชิงชู้สาวปรากฏให้ระคายใจ เขายังเป็นสามีที่รักและซื่อสัตย์ต่อเธอเสมอ เพียงลดาอิ่มเอมใจเมื่อรับรู้ถึงความรักและความดีของหลี่เจิ้งเต็มหัวใจ เขาดีแบบนี้เธอถึงรักเขามาก หากมีสิ่งใดที่เธอจะทำให้เขามีความสุขเธอก็ควรทำมิใช่หรือ คนเป็นภรรยาเริ่มครุ่นคิดถึงสิ่งที่ค้างคาในใจ เพียงลดาหันไปมองหน้าสามีและหลินหลิน ความคิดบางอย่างวาบผ่านเข้ามาในหัว ริมฝีปากบางแย้มออกเมื่อตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว...

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

มาอัพให้อ่านกันแบบยาวๆ เต็มตอน

หลินหลินก้าวเข้าสู่การดูแลของเจ้าพ่อมาเฟียอย่างหลี่เจิ้งแล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งสองจะดำเนินไปอย่างไร เพียงลดาภรรยาของหลี่เจิ้งกำลังคิดอะไรอยู่ โปรดติดตามนะคะ

ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ

รวิญาดา/ผการุ้ง




รวิญาดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.พ. 2556, 23:28:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.พ. 2556, 23:28:56 น.

จำนวนการเข้าชม : 5903





<< ตอนที่ 3. เจ้าพ่อมาเฟีย 100%   ตอนที่ 5. เผลอตัวไม่เผลอใจ 80% >>
คิมหันตุ์ 19 ก.พ. 2556, 00:02:58 น.
ภรรยาน่ารักแบบคุณลดาจะไปหาที่ไหนได้อีกเนี่ย?


แว่นใส 19 ก.พ. 2556, 08:09:40 น.
เตรียมภรรยาใหม่ให้สามีไงจ๊ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account