มลทินสวาทมาเฟีย
เขาต้องก้าวเข้ามาเป็น ‘มาเฟีย’ เพราะถูกบังคับด้วยคำว่า ‘ความกตัญญู’ ต้องหันหลังให้ชีวิตสุขสงบ มาผจญกับคนเลวสารพัดรูปแบบ มือต้องเปื้อนเลือด เท้าต้องเดินข้ามซากศพของศัตรูและคู่แข่ง เพื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งเจ้าพ่อมาเฟียแห่งเกาะฮ่องกง
เธอคือลูกสาวของอดีตหัวหน้าแก๊งค์มาเฟียที่โดนลูกน้องคนสนิททรยศจนถูกฆ่าตาย เมื่อขาดผู้ปกป้องเธอจำต้องเข้ามาอยู่ภายใต้ร่มเงาของเจ้าพ่อมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ บุญคุณของเขามากมายล้นฟ้า หากต้องแลกด้วยชีวิตและพรหมจรรย์เพื่อตอบแทนบุญคุณเธอก็พร้อมยอมทำ

Tags: นิยาย มาเฟีย รวิญาดา ผการุ้ง

ตอน: ตอนที่ 5. เผลอตัวไม่เผลอใจ 80%

ตอนที่ 5. เผลอตัวไม่เผลอใจ

ชีวิตภายใต้ร่มเงาตระกูลหลี่ของหลินหลินและจางหลง ดำเนินไปภายใต้การดูแลอย่างดีของหลี่เจิ้งและเพียงลดา มาเฟียหนุ่มหัวหน้าแก๊งค์หงส์ไฟได้ให้สองพี่น้องไปฝึกการต่อสู้ร่วมกับเด็กในอุปการะคนอื่นที่ตึกแดง จางหลงกลายเป็นคู่ซ้อมที่มีฝีมือพอฟัดพอเหวี่ยงกับหลี่ไท่หยางลูกชายของหลี่เจิ้ง ด้วยถูกบิดาจับให้ฝึกการต่อสู้ตั้งแต่เด็กๆ และยังส่งไปเรียนการต่อสู้กับคนของฟรานเชสโก้มาเฟียอิตาลี่เพื่อนของบิดาในช่วงปิดเทอมด้วย หลินหลินเองก็มีฝีมือไม่แพ้ใครหญิงสาวเกิดและเติบโตในฐานะลูกสาวของมาเฟีย ย่อมเป็นลูกไม้หล่นใต้ต้น เธอยิงปืนเป็นตั้งแต่ก่อนหัดเขียนหนังสือตัวแรกเป็นด้วยซ้ำ อีกทั้งยังถูกเคี่ยวกรำจากบิดาและถูกส่งไปเรียนการต่อสู้ที่อิตาลี่พร้อมกับน้องชาย ภายใต้ท่าทางนุ่มนิ่มใบหน้าอ่อนใสไร้เดียงสา สองพี่น้องซ่อนคมร้ายไว้อย่างลึกเร้นเป็นที่พอใจของหลี่เจิ้งมาก

ช่วงเช้าและเย็นของทุกวันสองพี่น้องจะร่วมฝึกกับเด็กในอุปการะของหลี่เจิ้ง โดยหลี่เจิ้งเป็นคนดูแลการฝึกและเป็นอจารย์สอนการต่อสู้ตลอดจนสอนการใช้อาวุธต่างๆ ให้ทุกคน เด็กชายในวัยสิบห้าถึงสิบแปดปีร่วมสามสิบคน ถูกฝึกให้กลายเป็นนักฆ่าภายใต้ชื่อหน่วยพิฆาต ทุกคนต่างอยู่ในระเบียบวินัยและเคารพเชื่อฟังหลี่เจิ้ง รวมถึงจงรักภักต่อเขาด้วยใจจริง

ระยะเวลาสามเดือนที่เข้ามาอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่ หลินหลินมีหน้าที่ช่วยเพียงลดาดูแลเด็กๆ ภรรยาของหลี่เจิ้งทำหน้าที่ไม่ต่างจากมารดาของเด็กๆ ทุกเช้าเพียงลดาจะทำอาหารให้เด็กๆ รับประทาน หลี่ไท่หยางในฐานะลูกชายถูกปฏิบัติไม่ต่างจากเด็กคนอื่นๆ เช่นเดียวกับตัวเธอและจางหลงที่ได้รับความรักความเอาใจใส่จากเพียงลดา ทำให้หลินหลินรู้สึกรักและเคารพเพียงลดาไม่ต่างจากพี่สาวคนหนึ่ง เพียงลดาเองก็เอ็นดูหลินหลินเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง หลังจากฝึกหนักในช่วงเช้าและรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว หลินหลินก็จะถูกเพียงลดาพามาช่วยงานในบ้าน หญิงสาได้รับการอบรมสั่งสอนงานบ้านงานเรือนทุกอย่างจากเพียงลดา รวมถึงการทำอาหารที่เพียงลดามักจะให้เธอเป็นลูกมือคอยช่วยอยู่ข้างๆ

“คุณเจิ้งไม่ชอบทานอาหารรสจัด แต่ก็ไม่ควรทำให้จืดชืดเกินไป คุณเจิ้งไม่ทานอาหารที่ใส่กะทิทุกชนิด ถ้าทำอาหารขึ้นโต๊ะควรเลี่ยงอาหารที่ทำมาจากกะทิ” เพียงบอกรสนิยมการรับประทานของสามีให้หลินหลินฟัง ขณะสองสาวช่วยกันปรุงอาหารในครัว

“ท่าทางคุณเจิ้งจะทานยากนะคะ อะไรก็ไม่ชอบไปหมด” หลินหลินอดวิจารณ์ไม่ได้

เพียงลดายิ้มบางๆ อธิบายให้ฟังเพิ่มว่า “คุณเจิ้งเขาเป็นคนดูแลสุขภาพจ้ะ สิ่งที่เขาชอบก็เป็นพวกผักสดและผลไม้เสียส่วนใหญ่ พวกเนื้อก็ทานแต่เนื้อปลากับเนื้อวัว ที่ไม่ทานเลยก็เป็นเนื้อหมูกับเนื้อไก่ เขาไม่ชอบอะไรที่มันๆ เลี่ยนๆ เลยไม่ชอบกะทิไปด้วย แต่นมสดกับชีสนี่ของชอบเลยนะ คุณเจิ้งไม่ดื่มกาแฟดื่มนมสดกับชาเท่านั้น ถ้าวันไหนทำงานดึกๆ ง่วงมากๆ เขาก็ดื่มชาร้อนแก้ง่วง พี่ต้องเตรียมให้เขาทุกครั้ง”

คนเป็นภรรยารู้ใจสามีทุกอย่าง จนคนนอกอย่างหลินหลิน รู้ถึงความเอาใจใส่ที่เพียงลดามีต่อสามี พลอยทำให้รู้สึกชื่นชมในความรักที่เธอมีต่อหลี่เจิ้งไปด้วย เพียงลดาเป็นผู้หญิงที่ดีพร้อมและเหมาะสมกับหลี่เจิ้งทุกอย่าง มิน่าหลี่เจิ้งถึงได้รักภรรยาของเขามากขนาดนี้ หญิงสาวตั้งใจเรียนรู้สิ่งที่เพียงลดาสอนอย่างเต็มใจ หวังว่าวันหนึ่งตัวเองจะเป็นผู้หญิงที่ดีพร้อมเหมือนเพียงลดาบ้าง

“คุณลดาคะ ซุปนี่รสชาติใช้ได้หรือยังคะ” หลินหลินตักน้ำซุปที่ตัวเองลงมือปรุงให้เพียงลดาลองชิม

“อืม รสชาติแบบที่คุณเจิ้งชอบเลยจ้ะ หลินหลินเก่งจังนะ จำสูตรอาหารที่พี่สอนได้หมดเลย ทำออกมาก็ไม่เพี้ยนรสชาติเหมือนกัน” เพียงลดาเอ่ยชมลูกศิษย์ที่เธอถ่ายทอดวิชาการเรือนให้อย่างพอใจ

สามเดือนที่ผ่านมาเพียงลดาสู้ข่มอาการป่วยของตัวเองไว้ไม่ให้ใครเห็น เธอไม่ได้กลับไปเมืองไทยเลยได้แต่ขอให้หมอส่งยามาให้ เพราะรู้ดีว่าเวลาของตัวเองเหลืออีกไม่มากแล้ว เธออยากใช้เวลาแสนสั้นนี้ทำอะไรเพื่อสามีและลูกชาย ทุกวันเธอจะเคี่ยวเข็ญให้หลี่ไท่หยางเรียนภาษาไทยทั้งพูดและอ่านโดยจับจางหลงมาเป็นเพื่อนร่วมเรียนด้วย แม้ลูกชายจะไม่ได้ใช้ภาษานี้แล้วแต่เธอก็อยากให้ลูกไม่ลืมความเป็นไทยในตัวเอง อีกสิ่งหนึ่งที่เพียงลดาทำคือการสอนหลินหลินให้เรียนรู้ทุกอย่างที่หลี่เจิ้งชอบ ทั้งการทำอาหารการปรุงรสชาติอาหาร การดูแลบ้านและอุปนิสัยความชอบไม่ชอบส่วนตัวของหลี่เจิ้ง โดยที่หลินหลินไม่เคยระแคะระคายว่าทำไมเธอถึงทำแบบนี้ อีกฝ่ายตั้งใจเรียนรู้ทุกอย่างที่เธอสอนทำให้คนสอนมีแรงสอนจนแทบลืมอาการเจ็บป่วยของตัวเอง

“คุณเจิ้งจะรู้ไหมคะว่าทานอาหารฝีมือฉันทุกวัน คุณลดาบอกคุณเจิ้งหรือเปล่าคะ”

หลินหลินถามอย่างใคร่รู้ เพราะเคยได้ยินเด็กรับใช้ในบ้านพูดกันว่า หลี่เจิ้งไม่ชอบรับประทานอาหารนอกบ้านและไม่ชอบรับประทานอาหารฝีมือคนอื่นนอกจากฝีมือของภรรยาเพียงคนเดียว

“ถ้าเขาไม่ถามก็อย่าบอกสิจ้ะ พี่สั่งคนอื่นๆในครัวว่าไม่ให้พูด หลินหลินก็อย่าเอ็ดไปสิ” เพียงลดายิ้มอารมณ์ดี โอบไหล่คนถามไว้อย่างสนิทสนม “ที่พี่สอนหลินหลิน เพราะถ้าวันไหนพี่ไม่อยู่หลินหลินก็จะได้ทำให้คุณเจิ้งทานได้ไงล่ะ”

คำพูดนั้นทำให้คนฟังรู้สึกวูบโหวงในหัวใจสังหรณ์ใจอย่างประหลาด หลินหลินสลัดความคิดฟุ้งซ่านนั้นทิ้ง หญิงสาวหันมายิ้มให้เพียงลดา แล้วตั้งใจทำอาหารของตัวเองต่อไป

เสร็จจากการทำอาหาร สองสาวก็พากันมานั่งเล่นในสวน โดยมีกิจกรรมยามว่างคือการจัดดอกไม้ เพียงลดาเคยเป็นเจ้าของร้านดอกไม้มาก่อนจึงมีฝีมือในการจัดดอกไม้ทุกประเภท และได้ถ่ายทอดความรู้นี้ให้หลินหลินด้วย ชีวิตประจำวันในบ้านตระกูลหลี่มีอะไรให้ทำมากมายจนเวลาแทบไม่พอ ช่วยให้หลินหลินลืมเลือนความเศร้าหมองในหัวใจจากการสูญเสียมารดาและบิดาไปไม่น้อย หญิงสาวไม่คิดจะแก้แค้นคนฆ่าพ่อกับแม่ของตน เพราะรู้ดีว่าไม่มีทางกำจัดคนชั่วอย่างหย่งเซิ่งได้ด้วยตนเอง เพราะไม่มีอำนาจไปต่อกรกับหัวหน้าแก๊งค์มังกรคนใหม่ไหว ได้แต่รอเวลาให้น้องชายเติบใหญ่ สั่งสมอำนาจและฝีมือให้พร้อม เหมือนสุภาษิตจีนที่ว่าแก้แค้นสิบปีไม่มีสาย สิบปีหรือยี่สิบปีข้างหน้าหากเธอและจางหลงมีกำลังและอำนาจมากพอ คงมีทางได้ทวงแค้นคืนจากหย่งเซิ่ง

“หลินหลินหน้าแดงๆ เป็นไข้หรือเปล่าจ้ะ เมื่อกี้พี่รู้สึกว่าตัวเรารุมๆ เหมือนเป็นไข้” เพียงลดาเอ่ยถามเมื่อสังเกตเห็นอาการผิดปกติของหลินหลิน

“เป็นหวัดนิดหน่อยค่ะ เมื่อกี้เพิ่งทานยาไปค่ะ เดี๋ยวเสร็จงานฉันขอตัวไปพักนะคะ” หลินหลินว่า

“ได้สิจ้ะ ถ้าอย่างนั้นหลินหลินช่วยพี่ยกแจกันอันนี้ ตามพี่ไปในห้องนอนพี่ก่อนนะ” เพียงลดาส่งแจกันดอกกุหลาบขาวให้หลินหลินช่วยถือ แล้วเดินนำขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเอง

เป็นครั้งแรกที่หลินหลินได้เข้ามาในห้องนอนของเจ้าของบ้าน ห้องกว้างตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีครีมและทอง เตียงใหญ่วางอยู่กลางห้อง มุมหนึ่งมีโต๊ะทำงานอยู่ได้ว่าเป็นโต๊ะทำงานของหลี่เจิ้ง ผนังห้องรวมถึงบนหัวเตียงมีรูปของเพียงลดาและหลี่เจิ้งถ่ายคู่กันประดับไว้ บรรยากาศของห้องดูอบอุ่นกรุ่นด้วยไอความรักของคนทั้งสอง จนคนเข้ามารู้สึกได้

“ห้องสวยจังนะคะ” หลินหลินวางแจกันไว้บนโต๊ะเล็กข้างเตียง กวาดสายตามองรอบๆ ห้องอย่างชอบใจ

เพียงลดายิ้มอ่อนๆ โอบไหล่หญิงสาวอ่อนวัยกว่าให้นั่งลงบนเตียงด้วยกัน แล้วเดินไปเปิดลิ้นชักหยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาส่งให้ หลินหลินรับไปเปิดดูก่อนจะกะพริบตาปริบๆ เมื่อเห็นภาษาไทยในนั้น

“หนังสืออะไรคะ ฉันอ่านไม่ออกค่ะ”

“ตำราการนวดไทยจ้ะ หลินหลินไม่ต้องอ่านหรอกแค่ดูรูปก็พอ” เพียงลดาเฉลยข้อสงสัย พลางนั่งลงข้างๆ เปิดตำราให้ดูทีละหน้า “คุณเจิ้งชอบให้นวดก่อนนอน ไม่ต้องนวดอะไรมากแค่นวดบ่าไหล่ต้นคอ กับหลังก็พอ”

“เอ่อ... แล้วคุณลดาจะสอนฉันให้หัดนวดเหรอคะ” หลินหลินยิ้มแหยๆ ด้วยไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน

เพียงลดายิ้มกว้างมองหน้าแดงของสาวน้อยอย่างเอ็นดู “พี่ก็ขี้เมื่อยจ้ะ เลยจะสอนให้หลินหลินนวดให้พี่สักหน่อย พี่ไม่อยากใช้เด็กรับใช้ข้างล่าง เพราะไม่ค่อยชอบให้คนที่ไม่สนิทมาจับเนื้อตัว เลยว่าจะให้หลินหลินนวดให้ไงจ้ะ”

เหตุผลของเพียงลดาทำให้หลินหลินแอบถอนหายใจโล่งอก หากให้เธอนวดหลี่เจิ้งแทนเพียงลดาหญิงสาวคงหัวใจวายตายไปก่อน อดนึกถึงตอนที่มาเฟียหนุ่มสอนเธอในการฝึกต่อสู้เมื่อตอนเช้าขึ้นมาไม่ได้

“หลินหลิน เธอตัวเล็กอย่าใช้แรงปะทะตรงๆ จะเสียเปรียบคู่ต่อสู้ได้ เทคนิคของการต่อสู้ที่ฉลาดคือการใช้แรงที่ไม่ใช้แรงของตัวเอง อาศัยแรงของคู่ต่อสู้ในการโต้กลับ ลองโจมตีฉันสิ” หลี่เจิ้งสอนเธอพร้อมกับสั่งให้เธอโจมตีเขา

หลินหลินมองร่างสูงสง่าของมาเฟียหนุ่มนิ่ง ก่อนจะรวบรวมสมาธิแล้วเลื่อนกายโจมตีเขาตามคำสั่ง หมัดและเท้าของเธอถูกปล่อยออกไปเต็มแรง แต่ไม่มีสักหมัดหรือส่วนใดโดนร่างกายของหลี่เจิ้งเลย เขาพลิกพลิ้วกายหลบการโจมตีของเธอได้อย่างคล่องแคล่ว หญิงสาวไม่ยอมแพ้รุกไล่ระดมหมัดเท้าเตะต่อยเขาอีกชุดใหญ่ คราวนี้หลี่เจิ้งไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกโจมตีฝ่ายเดียว เขาจับจังหวะการโจมตีของเธอและสวนกลับอย่างรวดเร็ว มือหนาจับข้อมือไพล่หลังไว้ข้างหนึ่งกดกับพื้น มืออีกข้างจับข้อมือกระชากจนเจ็บหัวไหล่ไปหมด ร่างบางถูกจับล็อกกดกับพื้นเพียงชั่วกะพริบตา

“การต่อสู้ไม่จำเป็นต้องอาศัยแรง แต่ต้องใช้สมองให้มาก”

หลี่เจิ้งบอกเสียงเข้ม ก่อนจะคลายล็อกปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระ โดยไม่ทันรู้ตัวว่าจะถูกลูกศิษย์ย้อนศรแบบทันควัน เมื่อหลินหลินแสร้งล้มลงเขาจึงผวาเข้าช่วย แต่ถูกหญิงสาวสวนด้วยหมัดและอัดเข่าใส่ร่างหนาจนล้มลงไปกองกับพื้น

“ขอบคุณค่ะคุณเจิ้งที่สอนฉัน แต่ฉันว่าการใช้สมองบางทีก็แพ้มารยาหญิงนะคะ” เธอบอกอาจารย์หนุ่มอย่างขบขัน เมื่อได้โอกาสเอาคืนเขาบ้าง

หลี่เจิ้งกระตุกยิ้มมุมปาก “เก่งมากหลินหลิน หวังว่าเธอจะเอาตัวรอดได้ในสถานการณ์จริงนะ” เขาปรบมือให้เธอแทนที่จะโมโห

รอยยิ้มแล้วสายตาคมกริบของเขาทำให้หญิงสาวใจเต้นแรง หลบสายตาวูบลงมองพื้นทันที ข้อมือและแผ่นหลังรู้สึกราวกับสัมผัสของเขายังติดอยู่ตรงนั้น กว่าจะเสร็จการฝึกซ้อมในช่วงเช้าพร้อมกับเพื่อนร่วมฝึกคนอื่น หลินหลินต้องซ่อนสีหน้าและความรู้สึกไม่ให้ใครจับได้ ว่าตัวเองแอบรู้สึกพิเศษกับผู้มีพระคุณ เมื่อเขาเป็นคนที่เธอไม่ควรจะหลงรัก

“หลินหลินจ้ะ” เสียงของเพียงลดาปลุกให้หลินหลินหลุดจากภวังค์ความคิด

หญิงสาวปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ระบายยิ้มกลบเกลื่อนความในใจของตัวเอง “ค่ะคุณลดา”

“เดี๋ยวพี่จะนวดให้หลินหลินนะ จะได้รู้ว่าตอนถูกนวดเป็นยังไง และจะได้รู้ว่าควรนวดตรงไหนจะรู้สึกสบาย”

เพียงลดาแตะไหล่หลินหลินให้นอนคว่ำ แล้วลงมือนวดต้นคอและบ่าของอีกฝ่าย พร้อมกับพร่ำสอนไปด้วย

“คุณเจิ้งชอบให้นวดตรงนี้แรงๆ เวลาเมื่อยมากนวดตรงบ่าจะช่วยให้คลายเมื่อย ส่วนต้นคอจะทำให้รู้สึกสมองโล่ง เลือดไหลเวียนดี บริเวณหลังใช้ฝ่ามือกดแรงๆ ทิ้งน้ำหนักทั้งตัวได้เลย เพราะมีกล้ามเนื้ออยู่ไม่ต้องกลัวเจ็บ ยิ่งผู้ชายตัวโตๆ เราต้องออกแรงกดลงไปเยอะๆ เขาจะรู้สึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อนอนกรนครอกๆ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลยล่ะ”

“อืม... สบายจังเลยค่ะคุณลดา” หลินหลินหลับตาพริ้ม รู้สึกผ่อนคลายเหมือนที่เพียงลดาบอก

“เพราะสบายแบบนี้ไงจ้ะ พวกผู้ชายถึงชอบไปนวดกัน แต่ถ้าเรานวดเป็นเราก็นวดให้สามีเราได้ เขาจะได้ไม่มีข้ออ้างไปให้ผู้หญิงนอกบ้านนวดให้” เพียงลดาบอกยิ้มๆ พูดด้วยน้ำเสียงขบขันมากกว่าจะจริงจัง

“คุณลดานี่เก่งจังเลยนะคะ ทำกับข้าวก็อร่อยจัดดอกไม้ดูแลบ้านก็ได้ แถมยังนวดสบายอีก แบบนี้คุณเจิ้งคงไปไหนไม่รอดแล้วค่ะ” หลินหลินพึมพำเอ่ยชมเสียงเนือยๆ ฤทธิ์ยาแก้ไข้บวกกับการผ่อนคลายจากการนวดทำให้หนังตาเริ่มลืมไม่ขึ้น ไม่กี่นาทีต่อมาหญิงสาวก็หลับสนิท ทิ้งให้เพียงลดาคุยเจื้อยแจ้วอยู่คนเดียว

“อ้าว หลับแล้วเหรอจ้ะ ปล่อยให้พี่พูดอยู่คนเดียวตั้งนาน” เพียงลดายิ้มขำ เมื่อรู้ตัวว่าพูดคนเดียว

หญิงสาวรามือจากการนวด หยิบผ้าห่มมาคลุมร่างของคนที่นอนหลับอยู่ โดยไม่ยอมปลุกให้ตื่นด้วยไม่อยากรบกวน จากนั้นก็เดินออกมาจากห้องลงไปยังชั้นล่างเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของบ้าน เตรียมพร้อมก่อนสามีจะกลับมาจากข้างนอก ระหว่างนั้นก็มีโทรศัพท์จากเมืองไทยโทรเข้ามา

“สวัสดีค่ะคุณแม่ คุณเจิ้งยังไม่กลับค่ะ คุณแม่มีอะไรหรือเปล่าคะ” เพียงลดาเอ่ยถามแม่ของสามีที่โทรข้ามประเทศมาหา

“หนูลดา ทำไมหนูถึงไม่บอกแม่เรื่องอาการป่วยของหนู” น้ำเสียงของคุณจันทร์ฉายทำให้คนฟังใจหล่นวูบ

“ลดาขอโทษค่ะ ลดาไม่อยากให้ใครเป็นห่วง” เพียงลดาน้ำตาคลอ ความลับไม่มีในโลกจริงๆ

“นี่เจิ้งรู้หรือยัง”

“ไม่ค่ะ ลดาไม่ได้บอกคุณเจิ้ง” หญิงสาวปาดน้ำตาที่ไหลริน เอ่ยกับแม่สามีด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “คุณแม่คะ อย่าบอกเรื่องนี้ให้คุณเจิ้งรู้นะคะ ลดาไม่อยากให้คุณเจิ้งต้องเป็นห่วงลดา”

เสียงถอนหายใจดังมาตามสายโทรศัพท์ “หนูลดา วันนี้ไม่บอกสักวันเจิ้งก็ต้องรู้ หนูจะปิดเขาไปได้สักกี่วัน”

“ลดาจะบอกคุณเจิ้งเมื่อถึงเวลาค่ะ ตอนนี้คุณเจิ้งกำลังมีปัญหาอยู่ ลดาไม่อยากให้เขาห่วงหน้าพะวงหลัง จนไม่เป็นอันทำอะไร คุณแม่ก็รู้นี่คะว่าคุณเจิ้งเขาเป็นคนยังไง ถ้าเขารู้เรื่องลดาเขาคงไม่ยอมอยู่เฉยๆ แน่”

“ยังไงหนูก็ควรมาให้หมอเขาตรวจรักษาอย่างต่อเนื่องนะ นี่ไม่ได้มาหาหมอตั้งหลายเดือนแล้วใช่ไหม แม่รู้เรื่องนี้จากอาจารย์หมอที่ดูแลอาการของหนู ถึงได้รู้ว่าหนูเป็นอะไร” คุณจันทร์ฉายเอ่ยถามลูกสะใภ้อย่างห่วงใย

“ลดาทานยาอยู่ค่ะ อาการก็ไม่ได้แย่อะไร”

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ หนูควรมาให้หมอตรวจดูนะ นึกว่าเห็นแก่แม่มาหาหมอเถอะลูก มาวันนี้เลยก็ได้ให้คนหาตั๋วให้ นะลูกเชื่อแม่”

“ค่ะคุณแม่ ลดาจะเดินทางวันนี้เลย”

คำอ้อนวอนของแม่สามี ทำให้เพียงลดาไม่อาจปฏิเสธได้ หญิงสาวให้คนหาตั๋วเครื่องบินให้แล้วเดินทางไปสนามบินในตอนนั้น โดยฝากเด็กที่บ้านให้บอกผู้เป็นสามีว่าเธอมีธุระด่วนต้องเดินทางกลับประเทศไทย และจะโทรมาเมื่อเดินทางไปถึงแล้ว

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

หลี่เจิ้งกลับมาถึงบ้านหลังจากคล้อยหลังภรรยาไม่ถึงชั่วโมง เขาตรงขึ้นห้องนอนโดยไม่ได้พบกับแม่บ้านที่ภรรยาฝากข้อความไว้ ร่างสูงใหญ่เปิดประตูเข้ามาในห้องนอนที่ปิดม่านทึบ แสงสลัวจากภายนอกในเวลาพลบค่ำทำให้แลเห็นเงาร่างนอนอยู่บนเตียงตะคุ่มๆ ริมฝีปากหยักแย้มกว้าง ร่างหนาเดินเรียดเท้าอย่างแผ่วเบาเข้าไปหา ไม่ได้เอะใจสักนิดว่าร่างบนเตียงจะเป็นคนอื่น

หลี่เจิ้งยิ้มบางๆ แววตาวาวระยับอย่างนึกสนุก จะเป็นยังไงบ้างหนอ... หากเขาจะลองลักหลับภรรยาดูสักครั้ง มาเฟียหนุ่มนึกครึ้มใจอยากแกล้งภรรยาคนสวยเล่น ร่างหนาปลดเสื้อผ้าออกจากร่างจนเปลือยเปล่า ค่อยๆ เลิกผ้าห่มสอดร่างเข้าไปใต้ผ้าผืนเดียวกัน ร่างบางนอนกึ่งคว่ำกึ่งตะแคงหันหลังให้ ผมยาวสลวยคลุมไหล่บางเห็นเพียงเสี้ยวหน้าในแสงรำไร มือหนาลูบแผ่นหลังบางแผ่วๆ คนที่นอนอยู่ไม่มีที่ท่าว่าจะรู้สึกตัวขึ้นมา คนลูบเลยได้ใจสอดมือไปปลดกระดุมเสื้อออกแล้ว ค่อยถอดชุดกระโปรงยาวจากร่างงามโดยดึงขึ้นพ้นศีรษะ แสงจากข้างนอกเริ่มมืดลงแต่หลี่เจิ้งไม่เสียเวลาเปิดไฟ ด้วยเกรงจะปลุกให้ภรรยารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เขาจัดการปลดตะขอบราเซียร์ออก ผิวกายขาวโพลนในความมืดทำให้คนเห็นร้อนวูบวาบไปทั้งตัว รีบกำจัดอาภรณ์เกะกะบนร่างงามชิ้นสุดท้ายออกอย่างใจร้อนพลิกร่างเข้าทาบทับ ประคองใบหน้าของคนที่นอนอยู่ไว้ในอุ้งมือแล้วแตะริมฝีปากจุมพิตริมฝีปากนุ่มอย่างโหยหา

สัมผัสร้อนบนเรียวปากทำให้หลินหลินรู้สึกตัวตื่นขึ้น ก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อรู้ตัวว่ามีใครคนหนึ่งกำลังจูบเธออยู่ ริมฝีปากร้อนผ่าวบดเคล้าริมฝีปากของเธอแนบแน่น หญิงสาวอ้าปากจะร้องแต่ถูกปลายลิ้นร้อนฉกวูบเข้าไปภายใน ร่างกายถูกร่างหนาหนักตรึงไว้จนอึดอัดไปหมด เนื้อตัวร้อนๆ ของคนบนร่างทำให้หลินหลินรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังเปลือยกายอยู่และคนที่กอดรัดเธออยู่ก็เนื้อตัวเปลือยเปล่าเช่นกัน มือข้างหนึ่งของเขากอบกุมทรวงอกของเธอไว้ บีบคลึงราวกับเป็นเจ้าของ ริมฝีปากของเขาดูดกลืนเสียงร้องของเธอไว้ในคอ เขากำลังทำให้เธอหายใจไม่ออกเหมือนถูกสูบกลืนลมหายใจไปทีละน้อย หลินหลินพยายามผลักร่างที่ทาบทับกายเธอออก แต่เจ้าของร่างไม่ยอมปล่อยเธอ เขาจู่โจมเธอด้วยจุมพิตแสนเร่าร้อน ลิ้นร้ายกวาดต้อนความหวานจากโพลงปากนุ่มอย่างดุดัน ก่อความรู้สึกประหลาดล้ำให้เกิดขึ้นในกายสาวจน สมองพร่าพราย ร่างบางสั่นสะท้านไปทั้งตัวเมื่อพบกับสัมผัสที่ไม่คุ้นเคย สติอันน้อยนิดจากฤทธิ์ยาแก้ไข้ที่ยังครอบคลุมอยู่ ทำให้หลินหลินไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ร่างกายของเธอตื่นเพริดไปกับสัมผัสของเขาจนควบคุมไม่อยู่

หลี่เจิ้งเพลิดเพลินกับความหอมหวานซ่านลิ้นจากริมฝีปากของหญิงสาวที่เขาคิดว่าเป็นภรรยา รสหวานจากริมฝีปากนุ่มให้ความรู้สึกดียิ่งกว่าทุกครั้ง มาเฟียหนุ่มนึกขำตัวเองคงเป็นอารมณ์ของความตื่นเต้นทำให้เขารู้สึกแบบนี้ หลี่เจิ้งไม่ปล่อยให้ตัวเองหยุดชะงักจากการตักตวงความหวานล้ำนั้น มือหนาบีบคลึงทรวงอวบอิ่มนุ่มนิ่มเต่งตึงนั้นอย่างหลงไหล นานร่วมเดือนแล้วที่เขาไม่ได้แตะต้องร่างงามของเพียงลดา ผิวของเธอนุ่มเนียนยามลูบไล้ ปทุมคู่งามตึงแน่นให้ความรู้สึกดียามสัมผัสจนเขาอดนึกไม่ได้ว่า เขาห่างจากกิจกรรมความรักระหว่างสามีภรรยาไปนานจนคิดว่าร่างกายของภรรยาแปลกใหม่เหมือนไม่เคยสัมผัสมาก่อนหรือไร เธอคงเปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมด้วยกระมังถึงได้หอมแปลกกว่าทุกครั้ง แต่กลิ่นนี้เขาก็ชอบไม่แพ้กลิ่นเดิม ใบหน้าคมละจากริมฝีปากนุ่มเลื่อนลงมาครอบครองทรวงนุ่มหนักหน่วงอย่างกระหาย ร่างกายร้อนผ่าวไปทั้งตัว เมื่อสัมผัสความนุ่มนิ่มของดอกบัวสวรรค์คู่นั้น มือข้างหนึ่งเลื่อนมาลูบโลมกุหลาบงาม ปลุกเร้าเตรียมให้เธอพรั่งพร้อมก่อนจะเดินทางไปยังดินแดนแห่งความสุขร่วมกัน

หลินหลินบิดกายด้วยความเสียวซ่าน ริมฝีปากร้อนผ่าวที่ครอบครองทรวงนุ่มของเธอ ทำให้หญิงสาวร้อนวูบวาบไปทั่วช่องท้อง มือหนาลูบไล้บนผิวเนียนของเธอไปมา ฝ่ามือร้อนเลื่อนไล้ไปบนท้องน้อยปัดป่ายผิวบางแตะต้องสัมผัสจุดอ่อนไหวที่สุดในร่างกาย คลื่นความร้อนในกายปั่นป่วนวิ่งวนไปทั่วร่าง หญิงสาวหอบหายใจแรงเมื่อความรู้สึกแปลกประหลาดกำลังจู่โจมเธออย่างไม่ทันตั้งตัว ยิ่งเขาสัมผัสเธอมากเท่าไหร่ร่างกายของเธอก็เหมือนจะไม่เป็นตัวของตัวเอง หลินหลินจิกเล็บบนบ่าหนาแน่นเมื่อเธอกำลังจะสิ้นสุดความอดทน อะไรบางอย่างในกายกำลังระเบิดออกมา ร่างบางผวาเยือกเมื่อภายในกายกระตุกเกร็งสมองพร่าพรายด้วยความรู้สึกสุขสมอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิต หญิงสาวไม่อาจข่มกลั้นเสียงครางครวญของตัวเองได้อีกต่อไป เสียงร้องนั้นทำให้คนได้ยินหยุดชะงัก

“ลดา... เธอไม่ใช่ลดา” หลี่เจิ้งผละออกจากร่างงามอย่างตกใจ เขายืนมือไปเปิดไฟหัวเตียงทันที

แสงสว่างสาดส่องกระทบใบหน้างามของหญิงสาวใต้ร่าง ใบหน้าของเธอทำให้หลี่เจิ้งถึงกับนิ่งงัน เช่นเดียวกับหลินหลินที่ถึงกับเบิกตากว้างมองใบหน้าของผู้ชายที่รังแกเธออย่างตื่นตะลึง สองหนุ่มสาวจ้องหน้ากันอยู่แบบนั้นอยู่ครู่หนึ่ง หลินหลินเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีด้วยความอาย กายสาวอวดความงดงามให้มาเฟียหนุ่มได้ยลโฉมเต็มสายตา อีกทั้งยังถูกเขาสัมผัสกอดจูบลูบไล้ไปทั้งตัว ทั้งอับอายและอดสูในเวลาเดียวกัน

“เธอมานอนในห้องนี้ได้ยังไง”

หลี่เจิ้งขยับกายออกห่าง ข่มกลั้นความรู้สึกที่ตื่นโพลงในกายไว้สุดความสามารถ บังคับสายตาไม่ให้มองร่างงดงามของหญิงสาวอย่างยากลำบาก ความรู้สึกร้อนวูบวาบยังไม่คลายจากร่าง แต่ให้สานต่อเขาก็ทำไม่ได้เมื่อไม่เคยคิดนอกใจภรรยาตัวเอง ครั้งนี้เขาทำไปโดยความเข้าใจผิด โชคดีที่ยังไม่ไปสุดทาง ไม่อย่างนั้นเขาคงรู้สึกผิดต่อเพียงลดาไปตลอดชีวิต

“คุณลดาพาฉันขึ้นมาบนนี้ค่ะ เธอสอนนวดให้ฉันแล้วฉันก็เผลอหลับไป”

หลินหลินตอบคำถามเสียงแผ่ว มือน้อยดึงผ้าห่มมาคลุมกาย รู้สึกอับอายจนไม่กล้ามองหน้าหลี่เจิ้งเต็มตา นึกโมโหตัวเองขึ้นมา เธอไม่น่าเผลอหลับเลย เพียงลดาทำไมไม่ปลุกเธอก่อนที่หลี่เจิ้งจะมา ปล่อยให้เธอนอนอยู่แบบนี้จนเขาเข้าใจผิดเกือบทำลายเธอไปแล้ว

“แต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วกลับห้องของเธอไปซะ”

มาเฟียหนุ่มขยับลุกขึ้นไปหยิบเสื้อผ้ามาสวมอย่างรวดเร็ว แล้วหยิบเสื้อผ้าของหญิงสาวที่ตกอยู่ข้างเตียงโยนให้เจ้าของ เขาเปิดประตูออกไปอยู่นอกห้องปล่อยให้หลินหลินแต่งตัว

“คุณเจิ้ง ฉันไม่ได้ตั้งใจจะนอนหลับในห้องของคุณนะคะ” หลินหลินเปิดประตูออกมา พบเจ้าของห้องยืนหน้าเครียดอยู่หน้าห้อง จึงรีบเอ่ยขอโทษ ทั้งที่อีกฝ่ายต่างหากควรจะขอโทษเธอที่ไปลวนลามเธอ

หลี่เจิ้งถอนหายใจแรง โบกมือให้หญิงสาวไป โดยไม่เอ่ยอะไรออกมา ร่างสูงเดินหายเข้าไปในห้องเหมือนไม่อยากจะพูดคุยด้วย ทิ้งให้หญิงสาวมองตามด้วยความรู้สึกสับสน หลินหลินพาตัวเองกลับมายังห้องนอน ทิ้งตัวลงนอนน้ำตาไหลพราก ร่างกายของเธอเหมือนไม่ใช่ของเธออีกต่อไปเมื่อถูกหลี่เจิ้งสัมผัสไปทั่วทั้งร่างแล้ว ปลายนิ้วแตะริมปากตัวเองแผ่ว ลูบแก้มนวลไล้เรื่อยลงมายังทรวงนุ่ม ที่เขาได้แตะต้อง น้ำตาหลั่งรินออกมาเมื่อเจ้าตัวรู้สึกละอายใจ ที่เผลอนึกถึงสัมผัสวาบหวามนั้นขึ้นมา เธอจะกล้ามองหน้าเพียงลดาได้อย่างไร เธอจะอยู่ที่นี่ต่อไปได้หรือ หลี่เจิ้งเองคงตะขิดตะขวงใจไม่ต่างกัน เมื่อครู่สายตาของเขาที่มองเธอเย็นชาจนน่าใจหาย เขาคงคิดว่าเธอแกล้งไปนอนในห้องของเขาเพื่อหวังมีอะไรกับเขา ร่างกายของเธอมีมลทินอย่างไม่ตั้งใจ หลินหลินซุกหน้าลงกับหมอนปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาอย่างเจ็บร้าว

“คุณลดาฉันไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ฉันขอโทษ” หญิงสาวได้แต่คร่ำครวญเอ่ยขอโทษผู้มีพระคุณซ้ำๆ

กว่าความเสียใจจะซาลง หลินหลินก็ร้องไห้จนหมอนเปียก หญิงสาวนึกทบทวนหาทางออกให้ตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจไปจากบ้านตระกูลหลี่ เมื่อคิดได้ว่าเธอไม่ควรอยู่ที่นี่อีกต่อไป ยังมีฟรานเชสโก้เป็นที่พึ่งอีกคนให้เธอได้อาศัยแม้ต้องแลกกับการแต่งงานกับริคคาโด้ลูกชายของเขา ก็ดีเสียกว่าเป็นคนเนรคุณในสายตาของเพียงลดา...

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

มาอัพแล้วค่ะ

ตอนนี้ลุ้นจนหายใจแทบไม่ออก เกือบไปแล้ว... หลินหลินเกือบโดนป๋าเจิ้งกินตับ

โชคดีที่ป๋ารู้ตัวก่อน แต่กว่าจะรู้ตัวป๋าก็เพลินไปไกลแระ ป๋าหนอป๋า ผิดกลิ่นผิดตัวยังไม่รู้อีก

แจ้งข่าวดีกันสักหน่อย ตอนนี้นิยายเรื่องทัณฑ์สวาทมาเฟียผ่านการพิจารณาแล้วนะคะ

เตรียมพบกับเฮียหลี่หนูม่านไหมเร็วๆ นี้ค่ะ

ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ

รวิญาดา




รวิญาดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ก.พ. 2556, 02:15:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ก.พ. 2556, 02:24:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 5284





<< ตอนที่ 4. สู่ร่มเงาตระกูลหลี 100%   ตอนที่ 5. เผลอตัวไม่เผลอใจ 100% >>
คิมหันตุ์ 22 ก.พ. 2556, 03:33:45 น.
เกือบปายยยย


แว่นใส 22 ก.พ. 2556, 08:50:39 น.
จะรู้เรื่องกันเมื่อไหร่นะ


เคสิยาห์ 22 ก.พ. 2556, 09:01:44 น.
มึน กะ ป๋าด้วย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account