ต้องมนต์ปรารถนา
เพียง "ชาร์ล" ผู้ปกครองหนุ่มใหญ่ พบ "หนูนิ่ม" เด็กในอุปการะครั้งแรกก็ราวต้องมนต์สะกดให้หลงใหลเธอ จนวาดหวังอยากได้มาเป็น "เมีย" วางแผนสารพัด ให้หญิงสาวพลัดตกหลุมรัก!
Tags: ปรารถนา,ต้องมนต์,ความรัก,โคแก่กินหญ้าอ่อน

ตอน: บทที่ 3 กุหลาบรัก


บทที่ 3

เสมือนว่าเหตุการณ์เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วถูกฉายภาพอีกครั้งในสมอง ทุกถ้อยคำที่ถ่ายทอดผ่านน้ำเสียงทรงอำนาจของคุณชาร์ล หญิงสาวจำได้แม่นยำ นัยน์ตาลุ่มลึกที่มองกลับมาอ่อนโยนบ้าง ดุบ้างมีอิทธิพลทำให้สาวน้อยต้องระบายลมหายใจออกมาแผ่วเบา ซึ่งเจ้าตัวเองก็ไม่เข้าใจว่ากำลังรู้สึกเช่นไรถึงได้นั่งยิ้มอยู่เป็นนาน
“คุณชาร์ล...” วิรงรองเอ่ยชื่อเขาเป็นรอบที่เท่าไรมิอาจนับ ก่อนมือบางทั้งสองจะถูกยกขึ้นมาปิดดวงหน้าหวานที่เริ่มเปล่งสีแดงเรื่อ เมื่ออดีตเรียงเรื่อยมาจนถึงเหตุการณ์สุดท้าย
หลังจากที่สาวน้อยในปกครองอย่างเธอรับคำว่าจะเป็นเด็กดี ชายหนุ่มพยักหน้ารับพร้อมเอ่ยประโยคต่อไปที่ทำให้วิรงรองแทบจะแทรกแผ่นดินหนี ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเขา แต่ก็อดอับอายไม่ได้ที่ยังทำตัวเป็นเด็กให้คุณชาร์ลเห็น!
‘นอนดึกทุกคืนหรือ’
‘เปล่านี่คะ’ คนถูกถามส่ายหน้าพลางขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าคุณชาร์ลถามทำไมและเขาเอาข้อมูลนี้มาจากไหน
‘ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นคราวหน้าไม่ต้องรอฉันกลับมา’ ชาร์ลบอกเสียงเรียบนิ่ง ผิดกับอีกคนที่เบิกตาโต ใบหน้าร้อนซู่ด้วยความขวยเขิน
‘เอ่อ...’ วิรงรองถึงกับพูดไม่เป็น
‘บางคืนฉันอาจกลับดึก’
‘ค่ะ’ สาวน้อยรับคำแล้วก้มหน้านิ่ง ไม่กล้าสบสายตาคมกริบที่จับจ้องมาอย่างเปิดเผย
อีกครั้งที่วิรงรองต้องถอนหายใจ เป็นคุณชาร์ลจริงๆ ด้วยที่มาเห็นเธอตอนหลับใหลที่โซฟา จากนั้นก็ใจดีอุ้มขึ้นมานอนบนห้อง ถือว่าโชคดีไปที่ไม่รู้สึกตัว มิเช่นนั้นหญิงสาวยังนึกไม่ออกว่าจะทำหน้าตายังไง จะใจเต้นแรงแค่ไหน
นี่เธอเป็นอะไรไป ทำไมถึงรู้สึกแปลกๆ แบบนี้ วิรงรองถามตัวเองอย่างไม่เข้าใจพลางส่ายหน้าช้าๆ

ร่างบางนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างขะมักเขม้น หางตาเหลือบไปมองนาฬิกาเป็นระยะๆ จวบจนกระดาษแผ่นสุดท้ายถูกหยิบไปวางในแฟ้มเรียบร้อย ริมฝีปากสีชมพูวาวจึงคลี่ยิ้มออกมา ยิ่งนาฬิกาบอกเวลาห้าโมงตรงพอดิบพอดีด้วยแล้ว รอยยิ้มนั้นยิ่งกว้างขึ้น หญิงสาวรีบลุกขึ้นหอบแฟ้มเข้าไปในห้องทำงานของเจ้านายหนุ่มทันที
เสียงเอ่ยอนุญาตดังขึ้นหลังจากมือเล็กเคาะประตูสามครั้ง
มีรอยยิ้มพิมใจอวดฟันขาวผ่องรออยู่ ผู้เข้ามาใหม่เกรงใจจนต้องฉายยิ้มตอบ แฟ้มเอกสารในมือถูกวางไว้ตรงหน้าเจ้านายหนุ่ม
“เอกสารเซ็นอนุมัติค่ะคุณเตชิน” เธอรายงานเสียงหวาน
“ขอบคุณครับ” รอยยิ้มกว้างขึ้น
“เอ่อ...ถ้า”
“ถ้าวันนี้คุณนิ่มว่าง ผมอยากให้ไปทานข้าวด้วยกันสักมื้อ” เขาเอ่ยขอตรงๆ แม้จะมีเงื่อนไขว่าถ้าหญิงสาวว่าง แต่หากมองนัยน์ตาคู่หวานเว้าวอน เชื่อเหลือเกินว่าไม่มีใครกล้าปฏิเสธลงคอ
“เอ่อ...” ซึ่งแน่นอนว่าคนขี้เกรงใจอย่างวิรงรองก็ไม่กล้าเช่นกัน จึงได้แต่ยืนราวเป็นใบ้ หญิงสาวอยากรีบกลับบ้านเพื่อไปรับประทานอาหารค่ำกับคุณชาร์ล...อย่างที่เคยฝัน
“อย่าปฏิเสธเลยนะครับคุณนิ่ม วันนี้ผมหิวมาก จึงอยากหาอะไรรองท้องแถวๆ นี้ก่อนกลับบ้านน่ะครับ ไม่มีเพื่อนทานจึงชวนคุณนิ่มไปทานด้วยกัน หวังว่าคงไม่รังเกียจนะครับ”
คนถูกขอร้องยิ้มแหย จริงอย่างที่เขาพูดเสียด้วยเพราะวันนี้มีงานล้นมือจนเจ้านายหนุ่มไม่ได้รับประทานอาหารกลางวัน อย่างนี้เธอจะใจไม้ไส้ระกำให้เขาหิ้วท้องกลับไปรับประทานอาหารเย็นที่บ้านได้อย่างไร
“ก็ได้ค่ะ แต่ฉันคงอยู่นานไม่ได้นะคะ” กระนั้นหญิงสาวก็ยังอยากทำตามความต้องการของตัวเอง แม้จะรับประทานอาหารกับเจ้านายหนุ่มไปแล้ว แต่วิรงรองก็ตั้งใจจะโกหกชาร์ลว่างานยุ่งจึงกลับช้าแล้วแสร้งเจริญอาหารไปกับเขา
“ขอบคุณนะครับ” คนชวนยิ้มอย่างพอใจ

รถยนต์สีขาวคันหรูเลี้ยวเข้ามาในร้านอาหารสไตล์คลาสสิคแบบอิตาลีที่ไม่เห็นว่าจะอยู่แถวๆ นี้อย่างที่เขาบอกสักนิด แม้วิรงรองจะร้อนใจ แต่ก็ต้องแสดงสีหน้ายิ้มแย้ม หากชายหนุ่มจับสังเกตได้ว่าเธอไม่เต็มใจมาจะพานรับประทานอาหารไม่อร่อยเสียเปล่าๆ
สองหนุ่มสาวก้าวเข้ามาในร้านอาหาร บรรยากาศร้านถูกตกแต่งโทนสีส้มดูสดใส อีกทั้งยังประดับประดาไปด้วยดวงไฟระยิบระยับ ช่างเป็นร้านอาหารที่สร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้าจริงๆ
“เชิญครับคุณนิ่ม” บอสหนุ่มเลื่อนเก้าอี้ให้อย่างสุภาพ นัยน์ตาของเขาสุกใส ยิ้มแย้มจริงใจ ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาดูใจดี
“ขอบคุณค่ะ”
“ร้านนี้น่ารักดีนะครับ คุณนิ่มว่าไหม” เตชินชมบรรยากาศของร้าน แต่กลับจับจ้องดวงหน้างามด้วยแววตาฉ่ำหวานราวกับกำลังชื่นชมคนตรงหน้า
“ค่ะ ฉันชอบบรรยากาศที่นี่มากเลยค่ะ สดใสดี” วิรงรองเอ่ยพลางยิ้มสดใส หลังจากต้องหลบสายตาไปอย่างเอียงอาย
สองหนุ่มสาวสั่งของอร่อยประจำร้านที่บริกรแนะนำมารับประทาน ระหว่างที่นั่งละเลียดรสอร่อยกันไป ฝ่ายวิรงรองก็ชำเลืองมองนาฬิกาเป็นระยะๆ ด้วยความกังวลใจ ราวโมงยามนาทีเคลื่อนผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน ครู่เดียวเท่านั้นจะหนึ่งทุ่มแล้ว เธอล่ะร้อนใจเสียจริง ไม่รู้ว่าป่านนี้คุณชาร์ลจะนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารแล้วหรือยัง ในเมื่อเวลาอาหารของบ้านหลังโตคือหนึ่งทุ่มตรง
ร่างบางลอบถอนหายใจแสนเบา ทั้งที่ในอกรุ่มร้อนราวกับจะระเบิดเสียให้ได้ แต่ก็พึงต้องรักษามารยาท หัวใจโบยบินกลับบ้านนำไปแล้ว ท้ายที่สุด หญิงสาวทนนั่งอยู่ต่อไม่ไหวจึงรวบช้อนเสีย เสียงช้อนวาบวับกระทบจานกระเบื้องเนื้อดีทำให้อีกคนเงยหน้าขึ้นมามอง วิรงรองถึงกับเหวอไปกับสายตาของเขา อาหารในจานของเจ้านายหนุ่มก็พร่องไปเกินครึ่งแล้วนี่นะ เขาน่าหายหิวบ้าง แม้จะรู้สึกบาปยังไงก็ไม่รู้ที่ขัดขวางคนกินข้าว แต่จะให้ทำอย่างไร เธอมีธุระต้องรีบกลับจริงๆ
“คุณนิ่มอิ่มแล้วหรือครับ”
“ค่ะ” คนถูกถามตอบไม่ค่อยเต็มเสียง ยิ่งเจ้านายหนุ่มจ้องมองอาหารที่เหลือเต็มจาน หญิงสาวยิ่งรู้สึกละอาย
“คุณนิ่มอยากทานของหวานไหมครับ เดี๋ยวผมสั่งให้”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณเตชิน ฉันอิ่มแล้วจริงๆ”
“ถ้าอิ่มแล้วก็ควรกลับบ้านเสียทีนะ วิรงรอง!”
เสียงทรงอำนาจที่ดังขึ้นเบื้องหลังทำให้กายบางสะดุ้งเฮือก เธอจำได้แม่นยำว่าเป็นเสียงของใคร ไม่ทันเหลียวหลังไปมองให้แน่ใจ เจ้าของเสียงก็ก้าวมาหยุดยืนข้างๆ ทำเอาสาวน้อยเบิกตากว้าง
“คุณชาร์ล!”
วิรงรองใจเสีย เมื่อครู่ว่าร้อนรุ่มแล้ว วินาทีนี้ราวถูกหินก้อนมหึมากดทับทั้งหัวใจ ทั้งสมอง จนปวดหนึบ ส่งผลให้คิดอะไรไม่ออก หญิงสาวได้แต่ถามตัวเองซ้ำๆ ว่าชาร์ลจะคิดอย่างไรที่เธอมากินข้าวกับเจ้านายหนุ่มแทนที่จะกลับไปกินกับเขาดังที่บอกเอาไว้ หญิงสาวนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า สีหน้าสีตาของชาร์ลต่างกันราวฟ้ากับดิน
‘เธอเลิกงานกี่โมงหรือ’ ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงใจดี ขณะรับประทานอาหารเช้าร่วมกันเป็นครั้งแรก
‘ห้าโมงเย็นค่ะ”
‘เย็นนี้ฉันคงกลับมาไม่มืดค่ำ มาทานอาหารค่ำด้วยกันนะ’ น้ำเสียงของชายหนุ่มอ่อนโยนนักในความรู้สึกของวิรงรอง
‘ค่ะ’ เธอพยักหน้าตอบรับ ใจสั่นๆ ยังไงก็ไม่รู้ คงตื่นเต้นมากไปหน่อย
อีกครั้งที่วิรงรองต้องลอบถอนหายใจ เมื่อคุณชาร์ลกับเจ้านายหนุ่มต่างจับจ้องกันยังกับกำลังแข่งขันใครกะพริบตาก่อนแพ้อะไรทำนองนั้น แล้วดูสิ สายตาของทั้งคู่เหมือนโกรธกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน เธอกลุ้มใจจริงเชียว แต่ก็ต้องทำอะไรสักอย่าง!
“เอ่อ...” เอ่ยได้เพียงแค่นั้น เธอคิดช้าไปเพราะเสียงดุๆ ของคุณชาร์ลดังขึ้นมาเสียก่อน
“ว่ายังไงวิรงรอง เธอจะกลับบ้านได้หรือยัง”
“เอ่อ...ค่ะๆ” คนถูกถามรีบตอบรับ ก่อนลุกขึ้นยืน คว้ากระเป๋าสะพายมาคล้องแขนเตรียมพร้อม
“คุณนิ่มครับ เขาเป็น...” เตชินออกอาการงุนงง
“ผมเป็นผู้ปกครองของวิรงรอง” ชาร์ลเน้นเสียงดังฟังชัด เตชินออกจะทึ่งเพราะรูปร่างหน้าตาของหนุ่มร่างใหญ่ไม่ใช่คนไทยแต่กลับพูดภาษาไทยชัดเจนกระทั่งอักษรรอ
“ใช่ค่ะคุณเตชิน” วิรงรองยืนยัน แล้วบอกลาเขาเสียงอ่อย “เดี๋ยวฉันคงต้องขอตัวกลับก่อนนะคะ”
ยังไม่ทันพูดจบดีด้วยซ้ำ คุณชาร์ลของเธอก็เดินนำลิ่วๆ ไปโน่นแล้ว ร่างเล็กต้องรีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินตามไป ใจหว่างโหวงแปลกๆ เมื่อเดาไม่ออกเลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จะโกรธหรือเปล่านะ
สาวน้อยก้าวขึ้นรถยนต์สีดำมันปลาบคันหรูอย่างรีบรนจนชายกระโปรงลายดอกไม้เล็กๆ สีชมพูหวานร่นขึ้นมา เผยเรียวขาขาวเนียนราวไข่ปอกลออตา วิรงรองเบิกตาโต รีบหันขวับไปมองคนข้างๆ ใบหน้างามร้อนวูบวาบเมื่อเห็นดวงตาคมกริบจับจ้องอยู่แวบหนึ่ง ได้สติจึงรีบดึงลงมาปิดเรียวขาขาวผ่อง หัวใจเต้นตึกตักๆ มือไม้เยอะแยะจนไม่รู้จะเอาไปวางตรงไหน ต้องยกขึ้นมารวบปอยผมทัดหู
หนุ่มใหญ่กระชากตัวออกรถยนต์ด้วยความเร็วสูง ใบหน้าหล่อเหลาแลดูเครียดขึง สาวน้อยนั่งตัวเกร็งตลอดทาง แม้จะกลัวอารมณ์ของเขา ทว่าความเป็นเด็กในตัวมีสูง อยากรู้อยากเห็นว่าเขาอารมณ์เย็นลงบ้างหรือยัง จึงลอบแอบมองเสี้ยวหน้าขาวจัดอยู่บ่อยครั้ง มองด้านข้างแบบนี้จมูกของเขาช่างโด่งสวยอย่างน่าอิจฉา
“เมื่อไรเธอจะเลิกมองฉัน หืม...”
“หนูนิ่มเปล่ามองนะคะ” หญิงสาวส่ายหน้าดิกพลางโบกมือปฏิเสธ นัยน์ตาดำขลับเบิกกว้างจนคนที่หันมามองแวบหนึ่งส่ายหน้าน้อยๆ
เด็กหนอเด็ก...
“เอาเถอะ...” ชาร์ลเอ่ยเร็วๆ เหมือนจะตัดความรำคาญ วิรงรองหน้าม่อยลงทันที
“คุณชาร์ลโกรธหนูนิ่มหรือเปล่าคะ” เวลาผ่านไปนานพอควร เสียงเล็กเศร้าจึงทำลายความเงียบงันด้วยการเอ่ยถามถึงสิ่งที่ค้างคาในอก หากไม่พูดออกมาอกคงระเบิดแน่
“ฉันจะโกรธเธอเรื่องอะไร” เสียงนิ่งเรียบย้อนถาม
“ก็เรื่องที่หนูนิ่มไม่กลับไปทานข้าวกับคุณชาร์ลที่บ้าน” สาวน้อยช้อนตามอง ชายหนุ่มหันมาทันเห็นพอดี เขาแอบถอนหายใจเบาๆ ครางในอกอย่างไม่เข้าใจตัวเอง
“ถ้าวันนี้เธอไม่เบี้ยวฉัน คงเป็นฉันที่เบี้ยวเธอ”
“คะ?” คิ้วโก่งสวยขมวดมุ่น
“ฉันจะเจอเธอได้ยังไง ถ้ากำลังนั่งรอทานข้าวอยู่ที่บ้าน จริงไหม”
“หมายความว่าคุณชาร์ลตั้งใจผิดนัดหนูนิ่มหรือคะ” เสียงใสถามเหมือนจะเอาเรื่อง
แม่เจ้าประคุณเอ๋ย! ช่างถามได้ตรงไปตรงมาเสียจริง ชาร์ลคิดในใจ
“ไม่ใช่อย่างนั้น” เขาลากเสียงยาว “ฉันติดธุระด่วนจริงๆ กำลังจะรีบกลับ แต่เผอิญเจอเธอเสียก่อน”
“หนูนิ่มสงสารเจ้านายค่ะ คุณเตชินหิวข้าวมาก หนูนิ่มจึงไปทานข้าวเป็นเพื่อน นี่หนูนิ่มก็ทานไปนิดเดียวเองนะคะ ตั้งใจจะกลับไปทานกับคุณชาร์ล” ประโยคท้ายเสียงอ่อย ไม่มั่นใจเลยว่าสารถีจำเป็นคนนี้จะยังยอมร่วมโต๊ะอาหารด้วยหรือเปล่า เดาความรู้สึกยากเหลือเกิน
“ฉันไปรับรองลูกค้า กินข้าวไปนิดเดียวเหมือนกัน”
“หมายความว่าคุณชาร์ลจะกลับไปทานข้าวกับหนูนิ่มใช่ไหมคะ”
น้ำเสียงตื่นเต้นจนหนุ่มลูกครึ่งอมยิ้ม ใครจะกล้าปฏิเสธลง
“ครับ” ชาร์ลรับคำ
“ขอบคุณนะคะ หนูนิ่มดีใจที่สุดเลย”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว หันมามองคนข้างๆ แลเห็นดวงตาแปล่งประกายและรอยยิ้มสดใส พบว่าหญิงสาวดีใจจริงๆ ชาร์ลจึงยิ้มตามอย่างง่ายดาย...

มือเล็กเอื้อมหยิบกุหลาบสีแดงสด เพียงดึงตาข่ายครอบสีขาวออก กลีบดอกก็พากันตื่นเต้นยินดีผลิบานรับอรุณ หญิงสาวระบายรอยยิ้มหวานทั่วใบหน้าก่อนยกกุหลาบงามขึ้นมาจรดที่ปลายจมูก กรุ่นกลิ่นหอมอ่อนๆ ชื่นใจเหลือเกิน
“หอมจัง”
สูดกลิ่นหอมๆ จนพอใจ วิรงรองจึงหยิบกรรไกรด้ามคมขึ้นมาตัดแต่งใบและกิ่งก้านอย่างคล่องแคล่วสมกับเป็นกุลสตรี
ดอกแรกถูกเสียบลงในแจกันแก้วทรงสูง แลเห็นน้ำใสแจ๋วข้างใน จวบจนกุหลาบดอกสุดท้ายถูกเสียบลงไปและมือน้อยจัดให้เข้าที่เข้าทางนิดหน่อยก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย เจ้าของฝีมือยิ้มอย่างพึงพอใจ
“ทำอะไรอยู่คะหนูนิ่ม” ร่างท้วมก้าวเข้ามาในห้องครัวหลังจากเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
คนถูกถามหันมาส่งยิ้มสดใสให้ ก่อนตอบเสียงกระท่อนกระแท่น
“คือ...หนูนิ่ม...เอ่อเห็นคุณชาร์ลเข้าไปทำงานในห้องแต่เช้าค่ะ ดูน่าเครียดจังเลย อยากให้ผ่อนคลายบ้าง” วิรงรองยกแม่น้ำทั้งห้ามากล่าวอ้าง แล้วค่อยตอบคำถามแม่บ้านสูงวัย “หนูนิ่มเลยจัดดอกไม้ไปไว้ในห้องทำงานคุณชาร์ลค่ะ”
“ดีจริงแม่คุณ” บุญตาปลื้มใจ อุปการะคนไม่ผิดจริงๆ
“ป้าบุญตาว่าสวยหรือยังคะ”
“สวยสิคะ ฝีมือหนูนิ่มซะอย่าง”
“ป้าบุญตาก็...ชมเกินไปแล้วค่ะ” วิรงรองยิ้มเขิน คำพูดคล้ายจะปฏิเสธไม่รับว่าคำชมนั้นเป็นจริง ทว่าหัวใจดวงน้อยพองโตคับอกทีเดียว
“ไม่เกินไปหรอกค่ะ หนูนิ่มจัดดอกไม้เก่งจะตายไป”
“ป้าบุญตาคะ หนูนิ่มขอถามอะไรสักอย่างได้ไหมคะ”
หลังจากที่คิดจินตนาการไปว่าอยากจัดดอกไม้ให้กับผู้มีพระคุณของเธอในทุกๆ เช้า ความคิดด้านลบก็โผล่มาทักทายว่าคุณชาร์ลจะอยู่เมืองไทยอีกนานเท่าไร ในเมื่อบ้านจริงๆ ของเขาอยู่ที่เมืองนอก
“ว่ามาสิคะ”
“คุณชาร์ลจะกลับฝรั่งเศสเมื่อไรหรือคะ”
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่เห็นคุณใหญ่ว่ามาคราวนี้จะอยู่นานหน่อย”
นานของเขาคือแค่ไหน กี่ปี กี่เดือน หรือแค่วัน...
“เดือนหนึ่งหรือคะ” หญิงสาวแสร้งถาม
“น่าจะนานกว่านั้นนะคะ”
วิรงรองใจชื้น แค่นี้ก็ยังดี ยังพอมีเวลาที่เธอจะตอบแทนพระคุณท่านบ้าง
“ว่าแต่หนูนิ่มถามทำไมหรือคะ”
“หนูนิ่มแค่อยากตอบแทนพระคุณท่านน่ะค่ะ หากคุณชาร์ลกลับฝรั่งเศสแล้ว คงยากที่หนูนิ่มจะแทนคุณท่าน”หญิงสาวก้มหน้าลงครู่หนึ่ง “แต่ไม่รู้ว่าหนูนิ่มจะทำได้ดีแค่ไหน”
“โธ่” มือหยาบกร้านเอื้อมมาลูบศีรษะสาวน้อยอย่างปลอมประโลม “คุณใหญ่เธอใจดี เอ็นดูหนูนิ่มนะคะ แค่เห็นหนูนิ่มทำอะไรๆ ให้ เธอก็ดีใจแล้วล่ะค่ะ”
“คุณชาร์ลจะดีใจจริงหรือคะ”
“จริงสิคะ” ป้าบุญตายิ้มบางๆ “มีหนูนิ่มคอยดูแลก็ดีเหมือนกันค่ะ คุณใหญ่เธอยังโสด จนป่านนี้ยังไม่ยอมแต่งงานเลย”
“ป้าบุญตาว่าไงนะคะ คุณชาร์ลยังไม่ได้แต่งงานเหรอคะ” วิรงรองเบิกตาโต ตั้งแต่พบหน้าเขา หญิงสาวก็เข้าใจมาตลอดว่าชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาราวเทพบุตรเช่นนี้และอายุอานามก็พอสมควรแล้ว คงจะแต่งงานมีครอบครัวอยู่ที่ฝรั่งเศส
“ก็จะแต่งได้ยังไงล่ะคะ แฟนยังไม่มีเลยค่ะ” ป้าบุญตาพูดไปก็ทำท่าทางเหนื่อยใจ ชาร์ลเป็นหนุ่มหน้าตาดียังกับดาราฮอลลีวูด หากมีลูกคงจะน่ารักน่าชังทีเดียวเชียว นางรักชาร์ลเหมือนลูก ย่อมอยากอุ้มหลานไวๆ
“อย่างนั้นหรือคะ”
“ยังไงก็ฝากหนูนิ่มคอยดูแลคุณใหญ่ด้วยแล้วกันนะคะ หนูนิ่มคงจะคล่องแคล่วมากกว่าคนแก่ๆ อย่างป้า” บุญตาเอ่ยไปก็เพิ่งฉุกคิดได้ว่าไม่ควรให้วิรงรองอยู่ใกล้กับชาร์ลมากเกินไป หนุ่มใหญ่กับสาวน้อย แม้อายุอานามจะห่างกันเป็นรอบแต่ก็ไว้ใจไม่ได้ มิใช่เธอเห็นว่าวิรงรองไม่ควรคู่กับชาร์ล แต่กลัวใจของชาร์ลจะเห็นหญิงสาวเป็นเพียงสมบัติของเขา แต่คงไม่มีอะไรหรอก นางคงคิดมากเกินไป
“ค่ะ งั้นเดี๋ยวหนูนิ่มเอาแจกันดอกไม้ไปไว้ในห้องทำงานคุณชาร์ลก่อนนะคะ”
หญิงสาวยิ้มให้บางๆ แล้วก้าวเดินตรงไปยังบันไดที่ทอดยาว พรมสีน้ำเงินปูทางขึ้นที่เคยเหยียบย่างอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ขณะนี้กลับรู้สึกว่านิ่มขึ้น หรือเป็นเพราะเธอตั้งใจเดินมากเกินไปนะ วิรงรองตอบข้อสงสัยของตัวเองเพียงแค่นั้น
พาร่างบอบบางของตัวเองมาหยุดยืนที่หน้าประตูห้องทำงานของชาร์ล หัวใจเต้นผิดจังหวะเมื่อแอบหวังว่าจะเห็นรอยยิ้มบางๆ จากเขา
มือบางยกขึ้นเคาะประตูสามครั้ง รอเสียงตอบรับอยู่นาน ลังเลนานยิ่งกว่า แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ตัดสินใจเอื้อมเปิดประตูห้องเข้าไป ตื่นเต้นกลัวจะถูกดุที่เข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตอยู่ครู่หนึ่งก็ต้องร้องอ้าวในใจเมื่อไม่เห็นร่างสูงโปร่งในห้องนี้
“คุณชาร์ลไปไหนเสียนะ” วิรงรองพึมพำเบาๆ “แต่ก็ดี วางไว้เฉยๆ แล้วออกไปดีกว่า”
ขาเพรียวก้าวตรงไปยังโต๊ะทำงาน ยังไม่ทันถึงดี ตู้ไม้สีน้ำตาลปนเหลืองทองที่บรรจุรูปต่างๆ ไว้มากมายก็เรียกความสนใจจากสาวน้อยจนต้องแวะเข้าไปมองดูใกล้ๆ
ส่วนใหญ่เป็นรูปของเขากับครอบครัว ชาร์ลเหมือนบิดาราวกับพิมพ์ ส่วนมารดาที่เป็นคนไทยนั้น มีเพียงริมฝีปากสวยราวอิสตรีเท่านั้นที่เขาได้มา ชายหนุ่มจึงไม่เหมือนลูกครึ่งแม้แต่น้อย เหมือนคนฝรั่งเศสเต็มตัวมากกว่า วิรงรองขมวดคิ้วเมื่อเห็นผู้ชายอีกคนที่ยืนเคียงข้างชาร์ล เขามีพี่น้องอีกคนหรอกหรือ แต่ทำไมหน้าตาไม่เหมือนกันเลยนะ หญิงสาวได้แต่สงสัยในใจ แต่ก็คิดได้ว่าขนาดเขายังไม่เหมือนแม่เลย พี่น้องของเขาก็มีเปอร์เซ็นต์ที่จะไม่เหมือนด้วย
ริมฝีปากบางสวยสีชมพูธรรมชาติค่อยๆ ระบายรอยยิ้มยามพินิจรูปเดี่ยวภายในกรอบรูปสีทอง ชาร์ลอยู่ในชุดสูทสีน้ำเงินเข้ม ร่างสูงนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้บุนวมสีแดงจัดตัดกับสีเสื้อผ้า แขนแกร่งกอดอก นัยน์ตาสีเข้มจ้องนิ่ง ริมฝีปากเป็นเส้นตรง แม้วิรงรองจะแอบนิยามในใจว่าช่างเป็นคนที่ถือดีเสียนี่กระไร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าชาร์ลหล่อเหลาราวกับเทพบุตร!
จับจ้องจนพอใจแล้ว ร่างบางจึงก้าวไปยังจุดหมายเดิม ก่อนที่มือน้อยจะวางแจกันกุหลาบแดงลง อดใจกับความสวยไม่ไหว จึงยกขึ้นมาจรดปลายจมูกเล็กอีกครั้ง ยิ้มบางๆ ครู่เดียวเท่านั้น เมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติจากด้านหลัง คล้ายมีลมหายใจของใครอีกคนกำลังเป่ารดต้นคอ ร่างบางจึงรีบหันขวับไปมอง เพียงเห็นเท่านั้น ดวงตาก็เบิกโตด้วยความตกใจ มือไม้อ่อนจนแจกันแทบหล่น โชคดีที่มีมือใหญ่มาช่วยกอบกุม แต่นั่นยิ่งทำให้วิรงรองใจสั่นมากกว่าเดิม เมื่อมือคู่นั้นมิเพียงกุมแจกัน ทว่ากลับกุมกระชับมือของเธอด้วย
“ระวังหน่อยสิ”
“คุณชาร์ล...” วิรงรองเรียกคนตรงหน้าเสียงสั่น ดวงตาตื่นๆ ยังคงจับจ้องเข้าไปในนัยน์ตาสีเทาเข้ม เธอกับเขายืนใกล้กันจนเห็นใบหน้าของตัวเองในดวงตาคู่นั้น
ชายหนุ่มกระตุกยิ้ม ก่อนจะแกะมือบางออก แล้วฉวยแจกันไปวางไว้บนโต๊ะ
“แอบเข้ามาทำอะไร หืม...” เขาก้มลงมาถามเสียงอ่อนโยน จับจ้องดวงหน้าอ่อนใสไร้เครื่องสำอางอย่างไม่วางตา
“เอ่อ...หนูนิ่มจะเอาแจกันมาวางที่โต๊ะทำงานให้คุณชาร์ลค่ะ” หญิงสาวตอบ ไม่กล้ามองหน้า ได้แต่มองเพียงอกเท่านั้น กะจะถอยหลังให้ห่างร่างสูงใหญ่อีกสักนิด แต่ก็ต้องถอนหายใจเบาๆ เมื่อขณะนี้เธอยืนชิดโต๊ะเสียแล้ว มีแต่เขาเท่านั้นที่ถอยไปได้ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ยอมถอยเสียที
“กุหลาบนี่น่ะหรือ”
วิรงรองพยักหน้ารับเร็วๆ
“ขอบคุณมาก”
ได้ยินคำขอบคุณก็ชื่นใจ ใบหน้าเรียวเล็กรีบเงยขึ้นมา ฉายยิ้มกว้างจนเห็นฟันสวยที่เรียงเป็นระเบียบราวแพมุกดา
“คุณชาร์ลชอบหรือคะ”
“ครับ ชอบมาก”
หัวใจสาวน้อยลิงโลดนัก ทั้งดวงหน้าและแววตาเปิดเผยต่อชายหนุ่มหมดสิ้นว่ารู้สึกดีใจขนาดไหน
ชาร์ลมองแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้ หากเขาเป็นคนเปิดเผยได้เพียงครึ่งของวิรงรอง อะไรๆ ที่คิดตั้งแต่วันแรกที่มาถึง คงจะง่ายกว่านี้นัก

**********************************
ส้มฝากกดไลค์แฟนเพจด้วยนะคะ พออัพนิยายแล้วจะแจ้งที่นั่นค่ะ
จรดปลายรุ้ง นักเขียน
https://www.facebook.com/jarodpairong


อ๋อ! ปกติส้มจะอัพวันเว้นวัน แต่ว่าช่วงนี้ติดภารกิจต้องไปอบรมเรื่องเรียนค่ะ จะกลับมาอัพอีกครั้งวันที่ 26 ถ้าเป็นไปได้นะคะ ถ้ายังยุ่งๆ คง 1 มีนาคมเลยค่ะ ยังไงอย่าเพิ่งลืมกันนะคะ คิดถึงคนอ่านค่ะ ^^



จรดปลายรุ้ง
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ก.พ. 2556, 21:03:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ก.พ. 2556, 21:03:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 11687





<< บทที่ 2 คุณท่านที่ฝันหา   บทที่ 4 เริ่มหึง >>
จรดปลายรุ้ง 20 ก.พ. 2556, 21:07:55 น.
คุยกันจ้า ^^

คุณ เคสิยาห์ : คนเกือบแก่เจ้าเล่ห์จัดค่ะ ชอบหลอกลวงเด็ก โดยเฉพาะเด็กสาว อิอิ

คุณ เจนิส : หัวใจคนแก่ เหมือนกลับไป 14 อีกครั้ง

คุณ เทียนจันทร์ : สารภาพตรงนี้ ส้มก็ชอบคนแก่ค่ะ 5555

ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ ^^


เคสิยาห์ 20 ก.พ. 2556, 22:38:22 น.
จะมีเมียเด็กต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกาย ..... พักนี้นิยายหลายเรื่องที่ตามอ่านอยู่ พระเอกเกือบแก่หลายเรื่อง สงสัยเป็นเทรนพระเอกนิยายปี 2013


inin 21 ก.พ. 2556, 18:14:48 น.
สนุกมากค่ะ


เจนิส 22 ก.พ. 2556, 19:25:30 น.
หนูนิ่มแคร์คุณใหญ่มากๆเลย นี่ล่ะน๊า หัวใจคนแก่จะไม่หวั่นไหวได้ยังไงน๊อ


ลิลลี่ 20 มี.ค. 2556, 18:15:16 น.
อ้าย ไอ้ที่ชอบน่ะ ชอบกุหลาบหรือชอบเด็กกันแน่ค่ะ5555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account