แผนรักพันใจ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 16
จารุดาซึ่งกำลังออกมาพูดคุย สอบถามความพึงพอใจของลูกค้าตามโต๊ะอาหารชะงัก ทันทีที่ชายหนุ่มร่างสูงก้าวเข้ามาภายในร้านอาหารบ้านสวนคุณจันทร์ หญิงสาวพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติเพราะรู้ว่าทุกความเคลื่อนไหวอาจถูกคุณยายจันทร์จับตามองผ่านกล้องวงจรปิด ธนินเองก็ดูเหมือนจะเกร็งอยู่ไม่น้อย หากเมื่อเห็นหน้าเธอเขากลับยิ้มกระจ่าง ยิ้มแบบที่ทำให้หญิงสาวอยากจะเชื่อว่าเป็นยิ้มที่มีให้เธออย่างจริงใจ ถ้าไม่ได้รู้ความจริงว่าเขาหวังอะไร และพ่อแม่ของเขากำลังหมายปองใครให้ร่วมชีวิตกับชายหนุ่ม
หญิงสาวยิ้มตอบเอ่ยบอกให้พนักงานพาชายหนุ่มไปที่โต๊ะ เขาขอไปนั่งที่มุมที่ค่อนข้างสงบของร้าน จารุดาจึงบอกพนักงานให้พาไปที่ศาลาขนาดเล็กที่มีเพียงไม่กี่โต๊ะ
ทันทีที่จารุดาหันหลังจะเดินไปดูแลลูกค้าโต๊ะอื่น ประตูกระจกที่เรือนไม้สำนักงานก็เลื่อนออกพร้อมกับร่างของหญิงชราที่ก้าวออกมา ดวงตาที่มองมาทางหลานสาวนั้นคบวับเหมือนจะจับผิด แม้จะอายุมากแล้วแต่คุณยายจันทร์ยังเคลื่อนไหวได้เร็วเหลือเชื่อ เพียงไม่กี่อึดใจก็ก้าวฉับมาประจันหน้า
"มาทำไม...เรื่องเทศกาลอาหารอะไรนั่นก็จบไปแล้วไม่ใช่เหรอ"
"ไม่รู้สิจ๊ะยาย คุณนินเขาคงแค่มากินข้าวแหละจ๊ะ"
"แปลก...ทั้งอาทั้งหลาน อาก็ขยันพาลูกมากินข้าวแทบจะวันเว้นวัน นี่จู่ ๆ หลานก็โผล่มาอีก" หญิงชราขมวดคิ้ว "นี่มันชักจะยังไงแล้วรึเปล่ายัยจา"
"คงไม่มีอะไรหรอกจ๊ะยาย ถ้ายายไม่ไว้ใจ จาไม่ยุ่งกับโต๊ะคุณนินก็ได้ ให้เด็กไปดูแลโต๊ะนั้นแทน"
"ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว จำที่ยายบอกได้ใช่ไหม...ว่าพวกผู้ชายน่ะไว้ใจไม่ได้"
คุณยายจันทร์พยายามเก็บอารมณ์ขณะที่เน้นคำว่าพวกผู้ชายไม่ให้เสียงพูดดังเกินไปนัก เพราะลูกค้าที่เป็น 'พวกผู้ชาย' ก็มีไม่น้อยและส่วนใหญ่ก็มากันกับครอบครัว ซึ่งสำหรับหญิงชราแล้ว ไม่แน่ใจว่าครอบครัวที่พามานี่เป็นบ้านใหญ่หรือบ้านเล็กบ้านน้อย หรือต่อให้พาบ้านใหญ่มากินข้าวมื้อเย็นชื่นมื่นก็ไม่แน่ว่าจะแอบไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยที่ไหน และมีเจตนาอะไรแอบแฝงกับการพามากินข้าว พยายามเอาใจลูกเมียแบบนี้หรือเปล่า
จารุดาถอนใจโล่งเมื่อหญิงชราเดินกลับไปที่เรือนสำนักงาน แต่หญิงสาวก็ทำตามคำที่บอกผู้เป็นยายเอาไว้ ทิ้งหน้าที่ดูแลโต๊ะของธนินให้กับพนักงานคนอื่น ก่อนจะเดินกลับไปที่เรือนสำนักงานเมื่ออาหารในครัววางเสิร์ฟเกือบครบทุกโต๊ะแล้ว คุณจอมขวัญที่รับหน้าที่ดูแลการออกอาหารในครัวตามหลังหลานสาวเข้ามาในสำนักงาน
"น้าขวัญเหนื่อยไหมจ๊ะ เดี๋ยวถ้ามีลูกค้าทยอยมารอบต่อไป จาไปดูในครัวให้เองนะจ๊ะ น้าขวัญจะได้พัก"
"น้าไม่ได้เหนื่อยอะไรสักหน่อย น้าทำแค่งานที่ร้าน ไม่ได้เทียวทำทั้งร้านตัวเองทั้งไปสอนในโรงเรียนอย่างหนูจานี่จ๊ะ"
คุณจอมขวัญดูมีท่าทีไม่เหน็ดเหนื่อยเอาเลยจริง ๆ จารุดาสังเกตว่าพักนี้ผู้เป็นน้าดูสดชื่นกว่าที่ผ่านมาและดูเหมือนคุณยายจันทร์เองก็จะสังเกตเห็นเช่นกัน
"เดี๋ยวนี้น้าขวัญของจาน่ะ สดชื่นผิดปกติ ทำตัวยังกะสาว ๆ"
"โธ่ ! น้าจันทร์...ขวัญก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วนะจ๊ะ ไม่อย่างนั้นจะยังดูสวยสาวกว่าวัยแบบนี้เหรอ" คุณจอมขวัญเอ่ย ยกมือทั้งสองข้างขึ้นจับแก้มเอียงซ้ายทีขวาที อย่างจะให้น้าและหลานพิจารณา "หรือหนูจาว่าไงจ๊ะ น้าว่าน้าดูสาวสวยเหมือนอายุเพิ่งจะสามสิบเองนะ"
จารุดายิ้มขัน ขณะที่คุณยายจันทร์ทำเสียงเหมือนไม่ค่อยเชื่อ
"ก็ให้จริงเถอะแม่คุณ อย่ามาใจแตกมาโดนผู้ชายหลอกเอาตอนแก่"
คุณจอมขวัญเพียงส่ายหน้าให้กับคำพูดของผู้เป็นน้า คร้านจะเอ่ยแก้อะไรขณะที่จารุดารู้สึกแปลบปลาบขึ้นมาในอก คุณยายจันทร์ไม่ยอมให้หลานมีความรัก และเธอเองก็ไม่ควรจะมี
ไม่ควร
จารุดาส่ายหน้าอย่างจะปฏิเสธอะไรบางอย่าง เขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอนอกเหนือจากเรื่องที่ดิน ส่วนเธอก็ต้องการใช้เขาเป็นเครื่องมือเพื่อตอบโต้สุจิราเท่านั้น
ธนินนั่งอยู่บนม้านั่งตัวยาวรอเวลาอย่างใจจดจ่อ วันนี้เขาเคลียร์งานเพื่อมารอจารุดาตามที่ได้นัดแนะไว้กับนิคม การที่จารุดาจะออกบ้านไปไหนมาไหนนอกเหนือจากตารางเวลาปกติอย่างการออกไปโรงเรียนสอนทำอาหารหรือจ่ายตลาดนั้นถือเป็นวาระแห่งชาติสำหรับคุณยายจันทร์ แต่ความพริ้วไหวของนิคมก็ทำให้หญิงชราใจอ่อนได้ทุกครั้ง
สวนสาธารณะย่านชานเมืองซึ่งเป็นที่นัดหมายเริ่มมีคนมาเดินเล่น นั่งสูดอากาศภายในสวนร่มรื่น รวมถึงวิ่งออกกำลังกายยามเย็น ชายหนุ่มยิ้มกว้างเมื่อเห็นจารุดาและนิคมเดินคู่กันมาแต่ไกล ชุดกีฬาเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นสีฉูดฉาดของนิคมไม่ได้สะดุดชายหนุ่มเท่ากับชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนของจารุดา ยิ่งใบหน้าด้วยแล้วธนินมีตาไว้มองแค่จารุดาเท่านั้น เขาลุกขึ้นยืนเมื่อจารุดาและนิคมเดินมาถึงม้านั่ง
"คุณนินขา หุบยิ้มเถอะค่ะ เดี๋ยวฝันแห้งหมดหุบปากไม่ลงไม่รู้ด้วยนะคะ"
"แหม...คุณคม เอ่อ...ไม่ใช่สินะ คุณนิกกี้ แซวจังนะครับ"
"แน่ะ ๆ เขินด้วย ผู้ชายเขินนี่น่ารักนะคะ" นิคมจีบปาก "เฮ้อ...นิกกี้นี่ไม่รู้ทำบุญหรือทำบาปช่วยหลอกคุณยายว่าจะให้ยัยจามาช่วยเลือกซื้อของ พายัยจาออกมาเจอคุณ เอาเป็นว่าถ้าไม่ได้บุญก็ขออย่าให้เป็นบาปเลย เพี้ยง...ไม่เอาล่ะ ไปวิ่งออกกำลังสักสามสี่รอบ เผื่อจะมีหนุ่มที่ไหนมาแลบ้าง เชิญตามสบายนะคะ แล้วนิกกี้มาพายัยจากลับไปมอบตัว เอ้ย! พากลับบ้าน"
จารุดาและธนินมองตามนิคมที่เริ่มออกวิ่งตามหลังหนุ่มหล่อหน้าเข้มที่วิ่งผ่านไป เมื่อวิ่งไปทันจนขนาบกันนิคมก็หันไปชวนคุย ชายคนนั้นเหมือนจะหันมาตอบอะไรอย่างสุภาพก่อนเร่งฝีเท้า สองหนุ่มสาวต่างพากันยิ้มขันกิริยาของนิคมอย่างไม่ได้นัดหมาย เมื่อสายตาสอดประสานกันทั้งคู่ก็ชะงักไปเล็กน้อย
"เชิญนั่งครับคุณจา"
หญิงสาวเอ่ยคำแสดงความขอบคุณก่อนหย่อนตัวลงบนม้าไม้ตัวยาว ธนินรอจนเธอนั่งลงแล้วจึงค่อยนั่งลงตาม สายตาจับบนใบหน้าที่แทบไม่มีเครื่องสำอางแต้ม
จารุดานั่งตัวเกร็งเล็กน้อย สายตามองไปที่สระน้ำที่มีห่านขาวหลายตัวว่ายน้ำอยู่ แม้จะทำเป็นไม่รับรู้ แต่ชายหนุ่มข้างตัวยังคงจับจ้องที่เธออยู่เช่นเดิม
"ฉันชวนคุณมาที่นี่ เพราะอยากให้มานั่งดูบรรยากาศนะคะ"
"ผมว่าคุณจาน่ามองที่สุดแล้วครับ"
หญิงสาวขยับแว่นสายตาจากที่ทำเป็นไม่สนใจกลับต้องหันไปมองสบตาชายหนุ่มนิ่งเหมือนกับจะมองให้รู้ลึกเข้าไปข้างใน เขาพูดเป็นธรรมชาติจนเหมือนไม่ได้เสแสร้ง ทว่าเมื่อใจคิดไปถึงเรื่องของชายหนุ่มกับน้องสาวต่างมารดาของเธอเอง จารุดาก็ต้องเสไปพูดเรื่องอื่น
"เมื่อวานคุณไม่น่าไปที่ร้าน คุณยายของฉันต้องไม่ชอบใจแน่ ๆ ถ้ารู้...เอ่อ..เรื่องของเรา"
"ผมแค่อยากเจอคุณจาน่ะครับ"
ธนินตอบหนักแน่น ฟังดูจริงจังอีกครั้งและคราวนี้จารุดาต้องเบือนหน้าไปอีกทางก่อนจะเลื่อนสายตามาจับที่ห่านขาวกลุ่มเดิม
"อีกอย่าง ไม่ว่ายังไงก็ต้องมีวันที่ผมจะเผชิญหน้ากับคุณยายของคุณ"
อีกครั้งที่คำพูดของธนินดึงจารุดาให้ต้องหันกลับมาสบสายตากับเขา
"คุณว่าอะไรนะคะ" หญิงสาวถามเสียงแปร่ง ตกใจกับคำพูดของชายหนุ่ม
"ถ้าเราจะคบกัน ไม่ว่ายังไงก็ต้องมีวันที่เราต้องเผชิญหน้ากับคุณยายของคุณนะครับ"
"ฉัน..."
จารุดามองไม่ออกว่าธนินจะมาไม้ไหน ยิ่งไม่แน่ใจว่าผู้เป็นยายควรได้รับรู้เรื่องนี้ เรื่องที่เธอคิดจะทำเพียงเพื่อจะได้หักหน้าสุจิราเท่านั้น...ไม่ได้คิดไกลไปจนถึงต้องเปิดตัวให้ใครได้รู้
"ฉันยังไม่พร้อม ฉันไม่อยากให้คุณยายโกรธ หรือเสียใจ"
"แต่..."
"เชื่อฉันนะคะคุณนิน"
"ก็ได้ครับ ผมรอได้ เราจะค่อย ๆ ช่วยกันคิดนะครับ"
จารุดาผ่อนลมหายใจ โล่งไปได้ที่สามารถประวิงเวลาไปได้ ธนินรุกหนักแบบนี้เพราะอะไรกันนะ เขาต้องเร่งมือแล้วใช่ไหม หรือเพราะไม่อาจรอเวลาที่จะกลับไปคบหากับสุจิราได้โดยไม่ต้องแสร้งมาทำดีกับเธอเพื่อหวังผลประโยชน์
พักใหญ่ที่คนข้างตัวเงียบไป จารุดาจึงหันไปมอง ธนินเหมือนจะจับจ้องไปเบื้องหน้าแต่ดูใจลอยคล้ายกับคิดอะไรอยู่ในใจ ใบหน้าคร่ำเคร่ง
"คุณนิน"
"อ่อ..ครับ" คนตัวโตที่นั่งใจลอยอยู่ สะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันมามอง "คุณจาว่าไงนะครับ"
จารุดาแทบกลั้นยิ้มไม่อยู่กับอาการของชายหนุ่ม "เป็นอะไรคะ นั่งใจลอยเชียว"
"ผมสบายใจน่ะครับที่ได้มานั่งคุยกับคุณจา" ชายหนุ่มฉีกยิ้มแต่มันดูฝืดฝืน
"คุณโกหกไม่เก่งนะคะ กำลังคิดหาวิธีที่จะกล่อมให้ฉันยอมขายที่ให้หรือไงคะ"
"ไม่ใช่นะครับคุณจา" ธนินรีบปฏิเสธ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามเย็นแล้วถอนใจยาว "เรื่องที่ดิน ผมยืนยันว่าผมเลิกคิดไปแล้ว แล้วก็ยืนยันกับคุณพ่อไปแล้วด้วย คุณจาไม่จำเป็นต้องไปพูดอะไรกับคุณยายเรื่องนี้"
"คุณนิน"
จารุดาชะงัก มองตอบสายตาที่ของธนิน สีหน้า ท่าทีและแววตาคู่นั้น ไม่เหมือนกับเสแสร้งเลยสักนิด บางที...แค่บางทีเขาอาจจะจริงใจกับเธอก็ได้
"ผมแค่กำลังคิดหาทางว่าจะทำยังไงเรื่องของเราน่ะครับ"
หญิงสาวยิ่งสับสนบอกไม่ถูก...นี่เขาคิดจะจริงจังกับเธอ ไม่ใช่สุจิราหรอกหรือ แล้วที่ว่าแม่ของเขาและแม่ของสุจิราต่างหมายหมั้นจะให้ลูกชาย ลูกสาวลงเอยกันเล่า
"ผมไม่รู้ว่าอะไรทำให้คุณยายคุณไม่ชอบให้ผู้ชายเข้ามาข้องแวะกับหลานสาว แต่ถ้าผมสามารถพิสูจน์ความจริงใจให้คุณยายของคุณเห็นได้..."
"คุณนินคะ"
"จริงสินะครับ คุณจายังไม่พร้อม ผมรอได้ครับ"
จารุดาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม "คุณนิน...ชอบฉันจริง ๆ เหรอคะ"
"ทำไมคุณจาถามแบบนั้นล่ะครับ ผมทำอะไรที่ทำให้คุณจาไม่มั่นใจรึเปล่า"
"ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ฉันแค่รู้สึกว่า...ฉันไม่น่าจะใช่แบบที่คุณชอบ" หญิงสาวเอ่ยตามตรง "อย่างคุณนิกา นางแบบคนนั้น...เขาดูสวย เฉี่ยวมาก คุณนินน่าจะชอบผู้หญิงที่สวยเด่นสะดุดตาแบบนั้นมากกว่า...เอ่อ...ผู้หญิงแบบฉัน"
ธนินเหมือนจะใคร่ครวญอะไรบางอย่าง ยิ้มเหมือนขันตัวเองก่อนจะตอบคำของจารุดา
"นึกไปแล้วผมก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันครับ" ชายหนุ่มนึกทบทวน "ตอนแรกที่ผมรู้ว่าพ่ออยากให้ไปตีสนิทกับคุณจา ผมก็คิดแบบนั้น คุณจาไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่ผมชอบ ตอนแรกผมก็แค่อยากจะทำตามแผนเพื่อจะได้คุยเรื่องซื้อขายที่ จากนั้นผมก็อยากเอาชนะ"
"เอาชนะฉัน"
"ใช่ครับ ก็คุณจาไม่เคยแสดงท่าทางว่าสนใจผมเลยนี่ครับ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น..."
"เขาคงวิ่งไล่ตามคุณ ไม่อย่างนั้นก็รับไมตรีคุณง่าย ๆ สินะคะ ฉันก็เลยเป็นแค่ของยาก เป็นความท้าทายที่ต้องเอาชนะให้ได้สำหรับคุณเท่านั้น"
แปลก...ความรู้สึกแปลบในอกเมื่อคิดว่าเขาแค่อยากเอาชนะเธอเกิดขึ้นโดยไม่อาจควบคุมได้
"แต่มันก็แค่ตอนแรกนะครับ ผมเคยคิดว่าผู้หญิงที่เก่งทำครัวก็แค่นั้น แต่คุณจาทำได้มากกว่านั้นคุณจาวางแผนงานได้ มองอะไรเป็นขั้นตอน อย่างตอนที่แก้ปัญหาที่งานอาหาร
อีกครั้งที่ผมประทับใจคุณจาก็ตอนเกิดเรื่องในฟู้ดคอร์ท...ตอนนั้นนิกาเอาแต่ร้องทำอะไรไม่ถูก แต่คุณใจเย็น หาอุปกรณ์มาทำแผลให้ผม หลังจากนั้นผมก็ไม่รู้ตัวว่าทำไมผมถึงรู้สึกว่าอยากเจอคุณจาบ่อย ๆ อยากเห็นหน้าอยากคุย จนสุดท้ายเรื่องที่ดิน เรื่องความอยากเอาชนะคุณจามันก็หายไปหมด เหลือแค่ความรู้สึกที่อยากอยู่ใกล้คุณจาเท่านั้น"
หญิงสาวที่นั่งฟังอยู่ไม่อาจละสายตาจากธนินได้เลยขณะที่เขาเอ่ยปากเล่า ดูชายหนุ่มเหมือนกำลังเล่าเรื่องที่ทำให้เขามีความสุขอย่างเปี่ยมล้น และใบหน้าเปี่ยมความสุขนั้นก่อความรู้สึกอุ่นซ่านในหัวใจของเธอเองเช่นกัน
"ว่าไงจ้า"
เสียงนิคมดังมาแต่ไกล ทำให้คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวทั้งสองคนต่างขยับตัว หลุดจากภวังค์หันหลังไปมองชายหนุ่มในชุดวิ่งที่ตอนนี้มีเหงื่อชื้น
"นัดกันที่นี่บ่อย ๆ ก็ดีนะเนี่ย ฉันได้ออกกำลังกายด้วย ได้เบอร์...เอ้ย...ได้เหงื่อดี"
"เราบอกคุณยายว่าจะมาเลือกซื้อของกัน นานมากคุณยายจะสงสัย ฉันกลับก่อนนะคะคุณนิน"
"ผมเดินไปส่งที่รถนะครับ"
"ฉัน..."
"ไปส่งก็ดีค่ะ" นิคมรีบตอบแทนเพื่อนสนิทเพราะตะหงิดว่าจารุดาจะปฏิเสธความเอื้อเฟื้อของธนิน มือหนึ่งดึงแขนหญิงสาวให้ลุกขึ้นยืนอีกมือชี้ไปด้านหนึ่งของสวนสาธารณะ "ฉันจอดรถไว้ตรงโน้นแน่ะค่ะ ไปกันค่ะคุณนิน ไปส่งยัยจานะคะ ฉันขอยืนพักแป๊บ...เดียว กินลมชมวิวแถว ๆ นี้แหละค่ะ"
'วิว' ของนิคมเป็นชายหนุ่มขาวตี๋ วัยมหาวิทยาลัยสวมเสื้อยืดสีขาวกางเกงวอร์มวิ่งผ่านทางเดินไป คนดูวิวตาดู แต่มือผลักให้จารุดาออกเดิน ชายหนุ่มหญิงสาวจึงออกเดินไปตามทางเดินสู่ลานจอดที่นิคมจอดรถเอาไว้
แม้ไม่ได้พูดคุยกันแต่ความรู้สึกต่อคนที่เดินอยู่ข้างตัวกลับเต็มตื้นอยู่ในใจ
จารุดานั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถขณะที่นิคมซึ่งผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเดียวกับที่ไปรับจารุดาที่บ้านสวนแล้ว นั่งควบคุมรถยนต์คู่ใจฝ่าการจราจรที่ติดสาหัสสากรรจ์ในเมืองหลวง แต่หนุ่มออฟฟิศที่ขับรถตีคู่ไล่กันทำให้นิคมแทบไม่รู้สึกรู้สมทั้งที่รถจอดนิ่งไม่ขยับมานานกว่าสิบนาทีแล้ว
ทว่าเมื่อพ้นจากแยกได้ หนุ่มออฟฟิศกลับตีตัวออกห่างเลี้ยวขวาจากไปดื้อ ๆ นิคมถึงกับร้องว้า ก่อนหันมามองเพื่อนร่วมทางหากเป็นเวลาปกติจารุดาต้องแสดงปฏิกิริยาอะไรบ้าง แต่ตอนนี้หญิงสาวนั่งนิ่งสายตายังจับจ้องไปนอกตัวรถ
"ยัยจา" นิคมเอ่ยเรียกสติเพื่อนสนิทแต่เหมือนจารุดาจะไม่ได้ยิน สาวสวยที่ถูกขังอยู่ในร่างชายหนุ่มจึงต้องเพิ่มระดับเสียงขึ้น...แค่เล็กน้อย "ยัยจา"
เสียงดังขึ้น 'เล็กน้อย' ของนิคมทำให้เพื่อนสนิทสะดุ้งหันกลับมามอง
"อะไรกันนิกกี้ ร้องเรียกซะตกอกตกใจ"
"แหม...ก็แม่คุณใจลอยไปถึงไหนล่ะจ๊ะ เรียกแล้วไม่ได้ยิน ไปโดนพระอภัยมะนินเป่าปี่กล่อมเข้าหรือไง ถึงได้เคลิ้มขนาดนี้"
"ยัยนิกกี้"
"นั่นไงแปลงร่างเป็นนางยักษ์ละ จะให้ฉันบึ่งตามไปหาพระอภัยเลยไหมจ๊ะ"
"เลิกพูดเล่นได้แล้ว"
จารุดาดูไม่มีอารมณ์จะหยอกล้อ ปรามเพื่อนจบก็เบือนหน้ามองไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง นิคมจึงรู้ว่าต้องปรับตัวเข้าสู่โหมดจริงจัง ยืนตัวตรงขยับไหล่ไปมาเหมือนจะเรียกวิญญาณที่ปรึกษาปัญหาหัวใจเข้าสิงร่าง
"ไหน...เป็นอะไรถึงได้ใจลอย บอกมาสิ"
"ไม่มีอะไร"
"โกหก...ตกนรกนะ ยิ่งโกหกเพื่อนสาวสวยแสนดีอย่างฉันด้วยยิ่งตกขุมลึก"
"เอามาจากไหนไม่เห็นเคยได้ยิน"
นิคมที่เหลือบไปมองคนข้างตัวเกือบจะดีใจที่เห็นเพื่อนสาวยิ้มออกมาเล็กน้อยแต่แล้วเพียงชั่วไม่กี่วินาทีสีหน้าของจารุดาก็ดูเหม่อลอย คิดหนัก เหมือนกับแบกโลกไว้ทั้งโลกอีกเหมือนเดิม เขาหยิบเอาอุปกรณ์ไร้สายมาเสียบกับหู ปลดล็อคโทรศัพท์แล้วต่อสาย
"น้าขวัญเหรอคะ ขอสายคุณยายหน่อยสิค่ะ คุณยายอยู่ตรงนั้นไหมเอ่ย"
"เธอจะ..."
นิคมรีบยกนิ้วแตะริมฝีปากเป็นเชิงบอกให้จารุดาเงียบ ก่อนจะกรอกเสียงใส่อุปกรณ์เชื่อมต่อไร้สายอีกครั้ง
"คุณยายขา...ตอนนี้นิกกี้เลือกของให้เพื่อนหนุ่มที่หมายปองได้แล้วนะคะ แต่อยากจะขอตัวคุณหลานสาวของคุณยายไว้เลี้ยงข้าวขอบคุณที่มาช่วยเลือกสักมื้อได้ไหมคะ...รับรองไม่นานค่ะ คุณยายจะเอาใบเสร็จค่าอาหารก็ได้นะคะ หรือว่าคลิปวิดิโอ เดี๋ยวนิกกี้ให้พนักงานที่ร้านถ่ายให้จะได้ยืนยันได้ว่าเราไปกินข้าว คุยกันตามประสาเพื่อนสาวจริง ๆ"
"โอ๊ย...ตามสบายเถอะจ๊ะแม่คู้นนนน ยายจะกล้าขัดหนูนิกกี้คนสวยได้ยังไงกันล่ะจ๊ะ"
นิคมหัวเราะคิกคักชอบใจเมื่อได้ยินหญิงชราเอ่ยตอบ "คุณยายอยากได้อะไรไหมคะ เดี๋ยวนิกกี้ซื้อฝากยายจาเอาไปให้ที่บ้าน"
"ขอบใจนะพ่อ เอ๊ย...แม่คุณ แหม...ยายก็หลง ๆ ลืม ๆ คิดไปทุกทีว่าหนูนิกกี้น่ะ เป็นผู้ชาย"
คุณยายจันทร์เน้นคำว่า ผู้ชาย จนนิคมร้องว้ายออกมา "ไม่เอาล่ะ คุณยายชอบแหย่นิกกี้ทุกทีเลย แล้วเจอกันที่บ้านสวนนะคะคุณยายขา"
หลังจากนิคมกดวางสายตัดการติดต่อกับคุณยายจันทร์ จารุดาก็เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
"นี่จะพาฉันไปไหน"
"เลือกสิ แถวนี้ร้านเยอะแยะ กินข้าวกันไง"
"ฉันไม่มีอะไรจะเล่าจะคุยด้วยหรอกนะ" จารุดามองนิคมอย่างไม่วางใจนัก
"เอ๊ะ...หูตึงแล้วเหรอเพื่อนฉัน ฉันบอกว่าชวนกินข้าวนะ ไม่ได้จะให้เธอเล่าอะไรให้ฟังซะหน่อย ส่วนเรื่องคุยกันยังไงก็ต้องคุยกันบ้างนะจ๊ะ นั่งกินข้าวกันสองคนจะให้กินอย่างเดียวก็กระไร"
จารุดาเลือกร้านอาหารปุฟเฟต์แบบญี่ปุ่นที่อยู่ห่างไปไม่มากนัก นิคมเลี้ยวรถเข้าไปจอดภายในที่จอดของร้าน จอดรถได้ก็หยิบโทรศัพท์มากดอีกครั้ง
"ขอส่งข้อความแชทกับหนุ่มในสังกัดหน่อยนะ"
หญิงสาวส่ายหน้าเปิดประตูก้าวลงจากรถไปยืนรอ เพียงแค่ชั่วอึดใจ นิคมก็ตามลงมา
"แค่เนี่ยเหรอ"
"เรารู้ใจกันย่ะ คุยกันแป๊บ ๆ ก็รู้เรื่อง อีกอย่างฉันหิวแล้วด้วย"
เพื่อนสนิททั้งสองคนเดินเข้าไปภายในร้านอาหารซึ่งจัดแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งจัดตกแต่งแบบสมัยใหม่ มีโต๊ะเก้าอี้นั่ง อีกส่วนกั้นด้วยประตูบานเลื่อนแบบญี่ปุ่น มีชุดโต๊ะญี่ปุ่น และเบาะปูนั่ง
"นั่งมุมโน้นดีกว่านะ ฉันอยากนั่งแบบญี่ปุ่น ๆ"
นิคมจัดแจงเลือกเสร็จสรรพ หย่อนตัวลงนั่งก่อนจารุดา คว้าเมนูจากพนักงานแล้วสั่งเหมือนกับอ่าน
"นี่...ค่อย ๆ สั่งก็ได้มั้ง แล้วสั่งขนาดนี้กินกันยังไงหมด"
"หมดก็แล้วกันน่า หิวจะแย่แล้ว รีบเอามาเลยนะน้อง"
นิคมเสียงหวานกับน้องที่เป็นเด็กหนุ่มพนักงานของร้านเป็นพิเศษ 'น้อง' เหมือนจะรู้ว่ากำลังไม่ปลอดภัยในชีวิตจึงรีบผละออกไปพร้อมกับรายการสั่งอาหารทันที
ไม่นานอาหารก็ทยอยถูกนำมาเสิร์ฟ นิคมทำตามที่บอกกับจารุดาคือไม่พูดอะไรเลยสักคำเอาแต่ก้มหน้าก้มตาคีบอาหารใส่ปาก ซึ่งถือว่าผิดปกติมากสำหรับคนช่างพูดอย่างเขา
"นิกกี้...นี่ตกลงจะไม่พูดอะไรเลยจริง ๆ เหรอ กินเอากินเอา"
"ไม่เอา เสียเวลา เดี๋ยวไม่อิ่ม"
"เค้าให้เวลาสั่งได้ตั้งสองชั่วโมงจะไม่..."
จารุดาไม่จำเป็นต้องถามต่อเพราะเธอเข้าใจสาเหตุที่นิคมรีบสั่งรีบกินได้ทันทีเมื่อเห็นชายหนุ่มคนที่เพิ่งเอ่ยลากับเธอที่สวนสาธารณะมายืนยิ้มอยู่ตรงหน้า
หญิงสาวยิ้มตอบเอ่ยบอกให้พนักงานพาชายหนุ่มไปที่โต๊ะ เขาขอไปนั่งที่มุมที่ค่อนข้างสงบของร้าน จารุดาจึงบอกพนักงานให้พาไปที่ศาลาขนาดเล็กที่มีเพียงไม่กี่โต๊ะ
ทันทีที่จารุดาหันหลังจะเดินไปดูแลลูกค้าโต๊ะอื่น ประตูกระจกที่เรือนไม้สำนักงานก็เลื่อนออกพร้อมกับร่างของหญิงชราที่ก้าวออกมา ดวงตาที่มองมาทางหลานสาวนั้นคบวับเหมือนจะจับผิด แม้จะอายุมากแล้วแต่คุณยายจันทร์ยังเคลื่อนไหวได้เร็วเหลือเชื่อ เพียงไม่กี่อึดใจก็ก้าวฉับมาประจันหน้า
"มาทำไม...เรื่องเทศกาลอาหารอะไรนั่นก็จบไปแล้วไม่ใช่เหรอ"
"ไม่รู้สิจ๊ะยาย คุณนินเขาคงแค่มากินข้าวแหละจ๊ะ"
"แปลก...ทั้งอาทั้งหลาน อาก็ขยันพาลูกมากินข้าวแทบจะวันเว้นวัน นี่จู่ ๆ หลานก็โผล่มาอีก" หญิงชราขมวดคิ้ว "นี่มันชักจะยังไงแล้วรึเปล่ายัยจา"
"คงไม่มีอะไรหรอกจ๊ะยาย ถ้ายายไม่ไว้ใจ จาไม่ยุ่งกับโต๊ะคุณนินก็ได้ ให้เด็กไปดูแลโต๊ะนั้นแทน"
"ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว จำที่ยายบอกได้ใช่ไหม...ว่าพวกผู้ชายน่ะไว้ใจไม่ได้"
คุณยายจันทร์พยายามเก็บอารมณ์ขณะที่เน้นคำว่าพวกผู้ชายไม่ให้เสียงพูดดังเกินไปนัก เพราะลูกค้าที่เป็น 'พวกผู้ชาย' ก็มีไม่น้อยและส่วนใหญ่ก็มากันกับครอบครัว ซึ่งสำหรับหญิงชราแล้ว ไม่แน่ใจว่าครอบครัวที่พามานี่เป็นบ้านใหญ่หรือบ้านเล็กบ้านน้อย หรือต่อให้พาบ้านใหญ่มากินข้าวมื้อเย็นชื่นมื่นก็ไม่แน่ว่าจะแอบไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยที่ไหน และมีเจตนาอะไรแอบแฝงกับการพามากินข้าว พยายามเอาใจลูกเมียแบบนี้หรือเปล่า
จารุดาถอนใจโล่งเมื่อหญิงชราเดินกลับไปที่เรือนสำนักงาน แต่หญิงสาวก็ทำตามคำที่บอกผู้เป็นยายเอาไว้ ทิ้งหน้าที่ดูแลโต๊ะของธนินให้กับพนักงานคนอื่น ก่อนจะเดินกลับไปที่เรือนสำนักงานเมื่ออาหารในครัววางเสิร์ฟเกือบครบทุกโต๊ะแล้ว คุณจอมขวัญที่รับหน้าที่ดูแลการออกอาหารในครัวตามหลังหลานสาวเข้ามาในสำนักงาน
"น้าขวัญเหนื่อยไหมจ๊ะ เดี๋ยวถ้ามีลูกค้าทยอยมารอบต่อไป จาไปดูในครัวให้เองนะจ๊ะ น้าขวัญจะได้พัก"
"น้าไม่ได้เหนื่อยอะไรสักหน่อย น้าทำแค่งานที่ร้าน ไม่ได้เทียวทำทั้งร้านตัวเองทั้งไปสอนในโรงเรียนอย่างหนูจานี่จ๊ะ"
คุณจอมขวัญดูมีท่าทีไม่เหน็ดเหนื่อยเอาเลยจริง ๆ จารุดาสังเกตว่าพักนี้ผู้เป็นน้าดูสดชื่นกว่าที่ผ่านมาและดูเหมือนคุณยายจันทร์เองก็จะสังเกตเห็นเช่นกัน
"เดี๋ยวนี้น้าขวัญของจาน่ะ สดชื่นผิดปกติ ทำตัวยังกะสาว ๆ"
"โธ่ ! น้าจันทร์...ขวัญก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วนะจ๊ะ ไม่อย่างนั้นจะยังดูสวยสาวกว่าวัยแบบนี้เหรอ" คุณจอมขวัญเอ่ย ยกมือทั้งสองข้างขึ้นจับแก้มเอียงซ้ายทีขวาที อย่างจะให้น้าและหลานพิจารณา "หรือหนูจาว่าไงจ๊ะ น้าว่าน้าดูสาวสวยเหมือนอายุเพิ่งจะสามสิบเองนะ"
จารุดายิ้มขัน ขณะที่คุณยายจันทร์ทำเสียงเหมือนไม่ค่อยเชื่อ
"ก็ให้จริงเถอะแม่คุณ อย่ามาใจแตกมาโดนผู้ชายหลอกเอาตอนแก่"
คุณจอมขวัญเพียงส่ายหน้าให้กับคำพูดของผู้เป็นน้า คร้านจะเอ่ยแก้อะไรขณะที่จารุดารู้สึกแปลบปลาบขึ้นมาในอก คุณยายจันทร์ไม่ยอมให้หลานมีความรัก และเธอเองก็ไม่ควรจะมี
ไม่ควร
จารุดาส่ายหน้าอย่างจะปฏิเสธอะไรบางอย่าง เขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอนอกเหนือจากเรื่องที่ดิน ส่วนเธอก็ต้องการใช้เขาเป็นเครื่องมือเพื่อตอบโต้สุจิราเท่านั้น
ธนินนั่งอยู่บนม้านั่งตัวยาวรอเวลาอย่างใจจดจ่อ วันนี้เขาเคลียร์งานเพื่อมารอจารุดาตามที่ได้นัดแนะไว้กับนิคม การที่จารุดาจะออกบ้านไปไหนมาไหนนอกเหนือจากตารางเวลาปกติอย่างการออกไปโรงเรียนสอนทำอาหารหรือจ่ายตลาดนั้นถือเป็นวาระแห่งชาติสำหรับคุณยายจันทร์ แต่ความพริ้วไหวของนิคมก็ทำให้หญิงชราใจอ่อนได้ทุกครั้ง
สวนสาธารณะย่านชานเมืองซึ่งเป็นที่นัดหมายเริ่มมีคนมาเดินเล่น นั่งสูดอากาศภายในสวนร่มรื่น รวมถึงวิ่งออกกำลังกายยามเย็น ชายหนุ่มยิ้มกว้างเมื่อเห็นจารุดาและนิคมเดินคู่กันมาแต่ไกล ชุดกีฬาเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นสีฉูดฉาดของนิคมไม่ได้สะดุดชายหนุ่มเท่ากับชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนของจารุดา ยิ่งใบหน้าด้วยแล้วธนินมีตาไว้มองแค่จารุดาเท่านั้น เขาลุกขึ้นยืนเมื่อจารุดาและนิคมเดินมาถึงม้านั่ง
"คุณนินขา หุบยิ้มเถอะค่ะ เดี๋ยวฝันแห้งหมดหุบปากไม่ลงไม่รู้ด้วยนะคะ"
"แหม...คุณคม เอ่อ...ไม่ใช่สินะ คุณนิกกี้ แซวจังนะครับ"
"แน่ะ ๆ เขินด้วย ผู้ชายเขินนี่น่ารักนะคะ" นิคมจีบปาก "เฮ้อ...นิกกี้นี่ไม่รู้ทำบุญหรือทำบาปช่วยหลอกคุณยายว่าจะให้ยัยจามาช่วยเลือกซื้อของ พายัยจาออกมาเจอคุณ เอาเป็นว่าถ้าไม่ได้บุญก็ขออย่าให้เป็นบาปเลย เพี้ยง...ไม่เอาล่ะ ไปวิ่งออกกำลังสักสามสี่รอบ เผื่อจะมีหนุ่มที่ไหนมาแลบ้าง เชิญตามสบายนะคะ แล้วนิกกี้มาพายัยจากลับไปมอบตัว เอ้ย! พากลับบ้าน"
จารุดาและธนินมองตามนิคมที่เริ่มออกวิ่งตามหลังหนุ่มหล่อหน้าเข้มที่วิ่งผ่านไป เมื่อวิ่งไปทันจนขนาบกันนิคมก็หันไปชวนคุย ชายคนนั้นเหมือนจะหันมาตอบอะไรอย่างสุภาพก่อนเร่งฝีเท้า สองหนุ่มสาวต่างพากันยิ้มขันกิริยาของนิคมอย่างไม่ได้นัดหมาย เมื่อสายตาสอดประสานกันทั้งคู่ก็ชะงักไปเล็กน้อย
"เชิญนั่งครับคุณจา"
หญิงสาวเอ่ยคำแสดงความขอบคุณก่อนหย่อนตัวลงบนม้าไม้ตัวยาว ธนินรอจนเธอนั่งลงแล้วจึงค่อยนั่งลงตาม สายตาจับบนใบหน้าที่แทบไม่มีเครื่องสำอางแต้ม
จารุดานั่งตัวเกร็งเล็กน้อย สายตามองไปที่สระน้ำที่มีห่านขาวหลายตัวว่ายน้ำอยู่ แม้จะทำเป็นไม่รับรู้ แต่ชายหนุ่มข้างตัวยังคงจับจ้องที่เธออยู่เช่นเดิม
"ฉันชวนคุณมาที่นี่ เพราะอยากให้มานั่งดูบรรยากาศนะคะ"
"ผมว่าคุณจาน่ามองที่สุดแล้วครับ"
หญิงสาวขยับแว่นสายตาจากที่ทำเป็นไม่สนใจกลับต้องหันไปมองสบตาชายหนุ่มนิ่งเหมือนกับจะมองให้รู้ลึกเข้าไปข้างใน เขาพูดเป็นธรรมชาติจนเหมือนไม่ได้เสแสร้ง ทว่าเมื่อใจคิดไปถึงเรื่องของชายหนุ่มกับน้องสาวต่างมารดาของเธอเอง จารุดาก็ต้องเสไปพูดเรื่องอื่น
"เมื่อวานคุณไม่น่าไปที่ร้าน คุณยายของฉันต้องไม่ชอบใจแน่ ๆ ถ้ารู้...เอ่อ..เรื่องของเรา"
"ผมแค่อยากเจอคุณจาน่ะครับ"
ธนินตอบหนักแน่น ฟังดูจริงจังอีกครั้งและคราวนี้จารุดาต้องเบือนหน้าไปอีกทางก่อนจะเลื่อนสายตามาจับที่ห่านขาวกลุ่มเดิม
"อีกอย่าง ไม่ว่ายังไงก็ต้องมีวันที่ผมจะเผชิญหน้ากับคุณยายของคุณ"
อีกครั้งที่คำพูดของธนินดึงจารุดาให้ต้องหันกลับมาสบสายตากับเขา
"คุณว่าอะไรนะคะ" หญิงสาวถามเสียงแปร่ง ตกใจกับคำพูดของชายหนุ่ม
"ถ้าเราจะคบกัน ไม่ว่ายังไงก็ต้องมีวันที่เราต้องเผชิญหน้ากับคุณยายของคุณนะครับ"
"ฉัน..."
จารุดามองไม่ออกว่าธนินจะมาไม้ไหน ยิ่งไม่แน่ใจว่าผู้เป็นยายควรได้รับรู้เรื่องนี้ เรื่องที่เธอคิดจะทำเพียงเพื่อจะได้หักหน้าสุจิราเท่านั้น...ไม่ได้คิดไกลไปจนถึงต้องเปิดตัวให้ใครได้รู้
"ฉันยังไม่พร้อม ฉันไม่อยากให้คุณยายโกรธ หรือเสียใจ"
"แต่..."
"เชื่อฉันนะคะคุณนิน"
"ก็ได้ครับ ผมรอได้ เราจะค่อย ๆ ช่วยกันคิดนะครับ"
จารุดาผ่อนลมหายใจ โล่งไปได้ที่สามารถประวิงเวลาไปได้ ธนินรุกหนักแบบนี้เพราะอะไรกันนะ เขาต้องเร่งมือแล้วใช่ไหม หรือเพราะไม่อาจรอเวลาที่จะกลับไปคบหากับสุจิราได้โดยไม่ต้องแสร้งมาทำดีกับเธอเพื่อหวังผลประโยชน์
พักใหญ่ที่คนข้างตัวเงียบไป จารุดาจึงหันไปมอง ธนินเหมือนจะจับจ้องไปเบื้องหน้าแต่ดูใจลอยคล้ายกับคิดอะไรอยู่ในใจ ใบหน้าคร่ำเคร่ง
"คุณนิน"
"อ่อ..ครับ" คนตัวโตที่นั่งใจลอยอยู่ สะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันมามอง "คุณจาว่าไงนะครับ"
จารุดาแทบกลั้นยิ้มไม่อยู่กับอาการของชายหนุ่ม "เป็นอะไรคะ นั่งใจลอยเชียว"
"ผมสบายใจน่ะครับที่ได้มานั่งคุยกับคุณจา" ชายหนุ่มฉีกยิ้มแต่มันดูฝืดฝืน
"คุณโกหกไม่เก่งนะคะ กำลังคิดหาวิธีที่จะกล่อมให้ฉันยอมขายที่ให้หรือไงคะ"
"ไม่ใช่นะครับคุณจา" ธนินรีบปฏิเสธ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามเย็นแล้วถอนใจยาว "เรื่องที่ดิน ผมยืนยันว่าผมเลิกคิดไปแล้ว แล้วก็ยืนยันกับคุณพ่อไปแล้วด้วย คุณจาไม่จำเป็นต้องไปพูดอะไรกับคุณยายเรื่องนี้"
"คุณนิน"
จารุดาชะงัก มองตอบสายตาที่ของธนิน สีหน้า ท่าทีและแววตาคู่นั้น ไม่เหมือนกับเสแสร้งเลยสักนิด บางที...แค่บางทีเขาอาจจะจริงใจกับเธอก็ได้
"ผมแค่กำลังคิดหาทางว่าจะทำยังไงเรื่องของเราน่ะครับ"
หญิงสาวยิ่งสับสนบอกไม่ถูก...นี่เขาคิดจะจริงจังกับเธอ ไม่ใช่สุจิราหรอกหรือ แล้วที่ว่าแม่ของเขาและแม่ของสุจิราต่างหมายหมั้นจะให้ลูกชาย ลูกสาวลงเอยกันเล่า
"ผมไม่รู้ว่าอะไรทำให้คุณยายคุณไม่ชอบให้ผู้ชายเข้ามาข้องแวะกับหลานสาว แต่ถ้าผมสามารถพิสูจน์ความจริงใจให้คุณยายของคุณเห็นได้..."
"คุณนินคะ"
"จริงสินะครับ คุณจายังไม่พร้อม ผมรอได้ครับ"
จารุดาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม "คุณนิน...ชอบฉันจริง ๆ เหรอคะ"
"ทำไมคุณจาถามแบบนั้นล่ะครับ ผมทำอะไรที่ทำให้คุณจาไม่มั่นใจรึเปล่า"
"ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ฉันแค่รู้สึกว่า...ฉันไม่น่าจะใช่แบบที่คุณชอบ" หญิงสาวเอ่ยตามตรง "อย่างคุณนิกา นางแบบคนนั้น...เขาดูสวย เฉี่ยวมาก คุณนินน่าจะชอบผู้หญิงที่สวยเด่นสะดุดตาแบบนั้นมากกว่า...เอ่อ...ผู้หญิงแบบฉัน"
ธนินเหมือนจะใคร่ครวญอะไรบางอย่าง ยิ้มเหมือนขันตัวเองก่อนจะตอบคำของจารุดา
"นึกไปแล้วผมก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันครับ" ชายหนุ่มนึกทบทวน "ตอนแรกที่ผมรู้ว่าพ่ออยากให้ไปตีสนิทกับคุณจา ผมก็คิดแบบนั้น คุณจาไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่ผมชอบ ตอนแรกผมก็แค่อยากจะทำตามแผนเพื่อจะได้คุยเรื่องซื้อขายที่ จากนั้นผมก็อยากเอาชนะ"
"เอาชนะฉัน"
"ใช่ครับ ก็คุณจาไม่เคยแสดงท่าทางว่าสนใจผมเลยนี่ครับ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น..."
"เขาคงวิ่งไล่ตามคุณ ไม่อย่างนั้นก็รับไมตรีคุณง่าย ๆ สินะคะ ฉันก็เลยเป็นแค่ของยาก เป็นความท้าทายที่ต้องเอาชนะให้ได้สำหรับคุณเท่านั้น"
แปลก...ความรู้สึกแปลบในอกเมื่อคิดว่าเขาแค่อยากเอาชนะเธอเกิดขึ้นโดยไม่อาจควบคุมได้
"แต่มันก็แค่ตอนแรกนะครับ ผมเคยคิดว่าผู้หญิงที่เก่งทำครัวก็แค่นั้น แต่คุณจาทำได้มากกว่านั้นคุณจาวางแผนงานได้ มองอะไรเป็นขั้นตอน อย่างตอนที่แก้ปัญหาที่งานอาหาร
อีกครั้งที่ผมประทับใจคุณจาก็ตอนเกิดเรื่องในฟู้ดคอร์ท...ตอนนั้นนิกาเอาแต่ร้องทำอะไรไม่ถูก แต่คุณใจเย็น หาอุปกรณ์มาทำแผลให้ผม หลังจากนั้นผมก็ไม่รู้ตัวว่าทำไมผมถึงรู้สึกว่าอยากเจอคุณจาบ่อย ๆ อยากเห็นหน้าอยากคุย จนสุดท้ายเรื่องที่ดิน เรื่องความอยากเอาชนะคุณจามันก็หายไปหมด เหลือแค่ความรู้สึกที่อยากอยู่ใกล้คุณจาเท่านั้น"
หญิงสาวที่นั่งฟังอยู่ไม่อาจละสายตาจากธนินได้เลยขณะที่เขาเอ่ยปากเล่า ดูชายหนุ่มเหมือนกำลังเล่าเรื่องที่ทำให้เขามีความสุขอย่างเปี่ยมล้น และใบหน้าเปี่ยมความสุขนั้นก่อความรู้สึกอุ่นซ่านในหัวใจของเธอเองเช่นกัน
"ว่าไงจ้า"
เสียงนิคมดังมาแต่ไกล ทำให้คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวทั้งสองคนต่างขยับตัว หลุดจากภวังค์หันหลังไปมองชายหนุ่มในชุดวิ่งที่ตอนนี้มีเหงื่อชื้น
"นัดกันที่นี่บ่อย ๆ ก็ดีนะเนี่ย ฉันได้ออกกำลังกายด้วย ได้เบอร์...เอ้ย...ได้เหงื่อดี"
"เราบอกคุณยายว่าจะมาเลือกซื้อของกัน นานมากคุณยายจะสงสัย ฉันกลับก่อนนะคะคุณนิน"
"ผมเดินไปส่งที่รถนะครับ"
"ฉัน..."
"ไปส่งก็ดีค่ะ" นิคมรีบตอบแทนเพื่อนสนิทเพราะตะหงิดว่าจารุดาจะปฏิเสธความเอื้อเฟื้อของธนิน มือหนึ่งดึงแขนหญิงสาวให้ลุกขึ้นยืนอีกมือชี้ไปด้านหนึ่งของสวนสาธารณะ "ฉันจอดรถไว้ตรงโน้นแน่ะค่ะ ไปกันค่ะคุณนิน ไปส่งยัยจานะคะ ฉันขอยืนพักแป๊บ...เดียว กินลมชมวิวแถว ๆ นี้แหละค่ะ"
'วิว' ของนิคมเป็นชายหนุ่มขาวตี๋ วัยมหาวิทยาลัยสวมเสื้อยืดสีขาวกางเกงวอร์มวิ่งผ่านทางเดินไป คนดูวิวตาดู แต่มือผลักให้จารุดาออกเดิน ชายหนุ่มหญิงสาวจึงออกเดินไปตามทางเดินสู่ลานจอดที่นิคมจอดรถเอาไว้
แม้ไม่ได้พูดคุยกันแต่ความรู้สึกต่อคนที่เดินอยู่ข้างตัวกลับเต็มตื้นอยู่ในใจ
จารุดานั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถขณะที่นิคมซึ่งผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเดียวกับที่ไปรับจารุดาที่บ้านสวนแล้ว นั่งควบคุมรถยนต์คู่ใจฝ่าการจราจรที่ติดสาหัสสากรรจ์ในเมืองหลวง แต่หนุ่มออฟฟิศที่ขับรถตีคู่ไล่กันทำให้นิคมแทบไม่รู้สึกรู้สมทั้งที่รถจอดนิ่งไม่ขยับมานานกว่าสิบนาทีแล้ว
ทว่าเมื่อพ้นจากแยกได้ หนุ่มออฟฟิศกลับตีตัวออกห่างเลี้ยวขวาจากไปดื้อ ๆ นิคมถึงกับร้องว้า ก่อนหันมามองเพื่อนร่วมทางหากเป็นเวลาปกติจารุดาต้องแสดงปฏิกิริยาอะไรบ้าง แต่ตอนนี้หญิงสาวนั่งนิ่งสายตายังจับจ้องไปนอกตัวรถ
"ยัยจา" นิคมเอ่ยเรียกสติเพื่อนสนิทแต่เหมือนจารุดาจะไม่ได้ยิน สาวสวยที่ถูกขังอยู่ในร่างชายหนุ่มจึงต้องเพิ่มระดับเสียงขึ้น...แค่เล็กน้อย "ยัยจา"
เสียงดังขึ้น 'เล็กน้อย' ของนิคมทำให้เพื่อนสนิทสะดุ้งหันกลับมามอง
"อะไรกันนิกกี้ ร้องเรียกซะตกอกตกใจ"
"แหม...ก็แม่คุณใจลอยไปถึงไหนล่ะจ๊ะ เรียกแล้วไม่ได้ยิน ไปโดนพระอภัยมะนินเป่าปี่กล่อมเข้าหรือไง ถึงได้เคลิ้มขนาดนี้"
"ยัยนิกกี้"
"นั่นไงแปลงร่างเป็นนางยักษ์ละ จะให้ฉันบึ่งตามไปหาพระอภัยเลยไหมจ๊ะ"
"เลิกพูดเล่นได้แล้ว"
จารุดาดูไม่มีอารมณ์จะหยอกล้อ ปรามเพื่อนจบก็เบือนหน้ามองไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง นิคมจึงรู้ว่าต้องปรับตัวเข้าสู่โหมดจริงจัง ยืนตัวตรงขยับไหล่ไปมาเหมือนจะเรียกวิญญาณที่ปรึกษาปัญหาหัวใจเข้าสิงร่าง
"ไหน...เป็นอะไรถึงได้ใจลอย บอกมาสิ"
"ไม่มีอะไร"
"โกหก...ตกนรกนะ ยิ่งโกหกเพื่อนสาวสวยแสนดีอย่างฉันด้วยยิ่งตกขุมลึก"
"เอามาจากไหนไม่เห็นเคยได้ยิน"
นิคมที่เหลือบไปมองคนข้างตัวเกือบจะดีใจที่เห็นเพื่อนสาวยิ้มออกมาเล็กน้อยแต่แล้วเพียงชั่วไม่กี่วินาทีสีหน้าของจารุดาก็ดูเหม่อลอย คิดหนัก เหมือนกับแบกโลกไว้ทั้งโลกอีกเหมือนเดิม เขาหยิบเอาอุปกรณ์ไร้สายมาเสียบกับหู ปลดล็อคโทรศัพท์แล้วต่อสาย
"น้าขวัญเหรอคะ ขอสายคุณยายหน่อยสิค่ะ คุณยายอยู่ตรงนั้นไหมเอ่ย"
"เธอจะ..."
นิคมรีบยกนิ้วแตะริมฝีปากเป็นเชิงบอกให้จารุดาเงียบ ก่อนจะกรอกเสียงใส่อุปกรณ์เชื่อมต่อไร้สายอีกครั้ง
"คุณยายขา...ตอนนี้นิกกี้เลือกของให้เพื่อนหนุ่มที่หมายปองได้แล้วนะคะ แต่อยากจะขอตัวคุณหลานสาวของคุณยายไว้เลี้ยงข้าวขอบคุณที่มาช่วยเลือกสักมื้อได้ไหมคะ...รับรองไม่นานค่ะ คุณยายจะเอาใบเสร็จค่าอาหารก็ได้นะคะ หรือว่าคลิปวิดิโอ เดี๋ยวนิกกี้ให้พนักงานที่ร้านถ่ายให้จะได้ยืนยันได้ว่าเราไปกินข้าว คุยกันตามประสาเพื่อนสาวจริง ๆ"
"โอ๊ย...ตามสบายเถอะจ๊ะแม่คู้นนนน ยายจะกล้าขัดหนูนิกกี้คนสวยได้ยังไงกันล่ะจ๊ะ"
นิคมหัวเราะคิกคักชอบใจเมื่อได้ยินหญิงชราเอ่ยตอบ "คุณยายอยากได้อะไรไหมคะ เดี๋ยวนิกกี้ซื้อฝากยายจาเอาไปให้ที่บ้าน"
"ขอบใจนะพ่อ เอ๊ย...แม่คุณ แหม...ยายก็หลง ๆ ลืม ๆ คิดไปทุกทีว่าหนูนิกกี้น่ะ เป็นผู้ชาย"
คุณยายจันทร์เน้นคำว่า ผู้ชาย จนนิคมร้องว้ายออกมา "ไม่เอาล่ะ คุณยายชอบแหย่นิกกี้ทุกทีเลย แล้วเจอกันที่บ้านสวนนะคะคุณยายขา"
หลังจากนิคมกดวางสายตัดการติดต่อกับคุณยายจันทร์ จารุดาก็เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
"นี่จะพาฉันไปไหน"
"เลือกสิ แถวนี้ร้านเยอะแยะ กินข้าวกันไง"
"ฉันไม่มีอะไรจะเล่าจะคุยด้วยหรอกนะ" จารุดามองนิคมอย่างไม่วางใจนัก
"เอ๊ะ...หูตึงแล้วเหรอเพื่อนฉัน ฉันบอกว่าชวนกินข้าวนะ ไม่ได้จะให้เธอเล่าอะไรให้ฟังซะหน่อย ส่วนเรื่องคุยกันยังไงก็ต้องคุยกันบ้างนะจ๊ะ นั่งกินข้าวกันสองคนจะให้กินอย่างเดียวก็กระไร"
จารุดาเลือกร้านอาหารปุฟเฟต์แบบญี่ปุ่นที่อยู่ห่างไปไม่มากนัก นิคมเลี้ยวรถเข้าไปจอดภายในที่จอดของร้าน จอดรถได้ก็หยิบโทรศัพท์มากดอีกครั้ง
"ขอส่งข้อความแชทกับหนุ่มในสังกัดหน่อยนะ"
หญิงสาวส่ายหน้าเปิดประตูก้าวลงจากรถไปยืนรอ เพียงแค่ชั่วอึดใจ นิคมก็ตามลงมา
"แค่เนี่ยเหรอ"
"เรารู้ใจกันย่ะ คุยกันแป๊บ ๆ ก็รู้เรื่อง อีกอย่างฉันหิวแล้วด้วย"
เพื่อนสนิททั้งสองคนเดินเข้าไปภายในร้านอาหารซึ่งจัดแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งจัดตกแต่งแบบสมัยใหม่ มีโต๊ะเก้าอี้นั่ง อีกส่วนกั้นด้วยประตูบานเลื่อนแบบญี่ปุ่น มีชุดโต๊ะญี่ปุ่น และเบาะปูนั่ง
"นั่งมุมโน้นดีกว่านะ ฉันอยากนั่งแบบญี่ปุ่น ๆ"
นิคมจัดแจงเลือกเสร็จสรรพ หย่อนตัวลงนั่งก่อนจารุดา คว้าเมนูจากพนักงานแล้วสั่งเหมือนกับอ่าน
"นี่...ค่อย ๆ สั่งก็ได้มั้ง แล้วสั่งขนาดนี้กินกันยังไงหมด"
"หมดก็แล้วกันน่า หิวจะแย่แล้ว รีบเอามาเลยนะน้อง"
นิคมเสียงหวานกับน้องที่เป็นเด็กหนุ่มพนักงานของร้านเป็นพิเศษ 'น้อง' เหมือนจะรู้ว่ากำลังไม่ปลอดภัยในชีวิตจึงรีบผละออกไปพร้อมกับรายการสั่งอาหารทันที
ไม่นานอาหารก็ทยอยถูกนำมาเสิร์ฟ นิคมทำตามที่บอกกับจารุดาคือไม่พูดอะไรเลยสักคำเอาแต่ก้มหน้าก้มตาคีบอาหารใส่ปาก ซึ่งถือว่าผิดปกติมากสำหรับคนช่างพูดอย่างเขา
"นิกกี้...นี่ตกลงจะไม่พูดอะไรเลยจริง ๆ เหรอ กินเอากินเอา"
"ไม่เอา เสียเวลา เดี๋ยวไม่อิ่ม"
"เค้าให้เวลาสั่งได้ตั้งสองชั่วโมงจะไม่..."
จารุดาไม่จำเป็นต้องถามต่อเพราะเธอเข้าใจสาเหตุที่นิคมรีบสั่งรีบกินได้ทันทีเมื่อเห็นชายหนุ่มคนที่เพิ่งเอ่ยลากับเธอที่สวนสาธารณะมายืนยิ้มอยู่ตรงหน้า

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.พ. 2556, 23:58:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.พ. 2556, 23:58:53 น.
จำนวนการเข้าชม : 3362
<< ตอนที่ 15 | ตอนที่ 17 >> |

กมลภัทร 22 ก.พ. 2556, 00:02:23 น.
รีบสุดครับ อาจหลุดเยอะนะครับตอนนี้ ยุ่งมากเลยอ่ะครับ รีบแปะให้ทันวันที่ 21 ตามสัญญาครับ
lovemuay >>>> ประมาณนั้นนะครับ เพราะน้องชายตัวเองก็เจอมาก่อน
ของขวัญ >>>> พยายามจะไม่ให้หนักมากจ้า คุมโทนให้เบา (ติดเขียนดราม่าทุกทีสิน่า)
panon >>>> งานนี้ต้องมีผุ้ช่วยนิดนึงนะครับ
porpla >>>> ขอบคุณมากครับสำหรับกำลังใจ
น้องอุด้ง >>>> คนเขียนก็กำลังศึกหลายด้าน เจองานซ้อนอยู่ตอนนี้ 555
รีบสุดครับ อาจหลุดเยอะนะครับตอนนี้ ยุ่งมากเลยอ่ะครับ รีบแปะให้ทันวันที่ 21 ตามสัญญาครับ
lovemuay >>>> ประมาณนั้นนะครับ เพราะน้องชายตัวเองก็เจอมาก่อน
ของขวัญ >>>> พยายามจะไม่ให้หนักมากจ้า คุมโทนให้เบา (ติดเขียนดราม่าทุกทีสิน่า)
panon >>>> งานนี้ต้องมีผุ้ช่วยนิดนึงนะครับ
porpla >>>> ขอบคุณมากครับสำหรับกำลังใจ
น้องอุด้ง >>>> คนเขียนก็กำลังศึกหลายด้าน เจองานซ้อนอยู่ตอนนี้ 555

แล่นแต๊ 22 ก.พ. 2556, 03:44:15 น.
นายนินรุกหนักนะเนี่ย หนูจารีบใจอ่อนเร็วๆนะคะ
นายนินรุกหนักนะเนี่ย หนูจารีบใจอ่อนเร็วๆนะคะ

lovemuay 22 ก.พ. 2556, 13:27:31 น.
หนูจาเริ่มชักใช่อ่อนแล้วใช่ม้า อิอิ
หนูจาเริ่มชักใช่อ่อนแล้วใช่ม้า อิอิ

ของขวัญ 22 ก.พ. 2556, 14:35:26 น.
คุณนินได้นิกกี้เป็นผู้ช่วยขนาดนี้ หนูจาจะใจอ่อนมั้ยนะ
คุณนินได้นิกกี้เป็นผู้ช่วยขนาดนี้ หนูจาจะใจอ่อนมั้ยนะ

น้องอุด้ง 26 ก.พ. 2556, 09:00:02 น.
คราวนี้คุณนินมีผู้ช่วย หนูจาเสร็จแน่อิอิ
คนเขียนก็สู้ๆนะค่าอย่ายอมแพ้คุณนินเป็นกำลังใจให้ค่า^_^
คราวนี้คุณนินมีผู้ช่วย หนูจาเสร็จแน่อิอิ
คนเขียนก็สู้ๆนะค่าอย่ายอมแพ้คุณนินเป็นกำลังใจให้ค่า^_^

เพียงพลอย 27 ก.พ. 2556, 21:09:56 น.
คุณนินฝันไปไกลมากกก ถึงขั้นวันหนึ่งจะไปพบคุณยาย ขอให้ไปให้ถึงนะ หุหุ
เอาใจช่วยคนเขียนค่า ^^
คุณนินฝันไปไกลมากกก ถึงขั้นวันหนึ่งจะไปพบคุณยาย ขอให้ไปให้ถึงนะ หุหุ
เอาใจช่วยคนเขียนค่า ^^