แผนรักพันใจ

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 17

จารุดาหน้างอเล็กน้อยเมื่อธนินเดินมาส่งที่พาหนะคู่ใจของนิคมที่ขอตัวออกมา ‘โทร.คุยกับหนุ่ม ๆ’ อยู่ที่รถ หลังจากที่คีบอาหารเข้าปากด้วยความเร็วที่เรียกได้ว่าจับทุกอย่างยัดเข้าไปเกือบจะพร้อมกัน นิคมโบกมือร่ำลาชายหนุ่มยิ้มแย้ม ไม่สนในท่าทางที่ทำเหมือนไม่พอใจของหญิงสาว กระทั่งธนินเดินกลับไปที่รถของตัวเองจึงค่อยเอ่ยปาก

“ไม่ต้องมานั่งทำหน้างอเลยนะยัยจา”

“ทำไมจะหน้างอไม่ได้ เธอเจ้ากี้เจ้าการนัดคุณนินมาที่นี่”

“แต่ไม่ได้จับเธอมัดติดไว้กับที่สักหน่อย” นิคมลอยหน้า “ถ้าเธอไม่พอใจ ไม่อยากนั่งกินซุชิ ซาซิมิ ข้าวปั้น เทมปุระ พิซซ่าญี่ปุ่นและอื่น ๆ กับคุณนิน ทำไมเธอไม่ลุกขึ้นเดินกลับมาที่รถละยะ นั่งต่อจนหมดเวลาถึงค่อยพากันออกมา”

“ฉัน...” จารุดาอึ้ง แย้งไม่ออก

“เธอชอบคุณนิน ฉันรู้ฉันเห็น ไม่ต้องมีญาณทิพย์ จิตสัมผัส เครื่องสแกนกรรมอะไรฉันก็มองออกย่ะ ว่าเธอชอบคุณนิน แล้วคุณนินเองก็ชอบเธอ”

“ก็แค่...”

“ไม่ต้องเลยนะ ไม่ต้องมาอ้างเรื่องจะแก้เผ็ดยัยจินนี่ เธอให้ฉันถ่ายรูปเก็บรวบรวมไว้ตอกหน้ายัยจินนี่ แต่เรื่องนั้นเป็นเรื่องรอง เธอไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นเผลอ ๆ อาจไม่ได้ใช้รูปพวกนั้นด้วยซ้ำ”

หญิงสาวขยับจะโต้แต่แล้วกลับเลือกที่จะนิ่งแทน พักใหญ่กว่าจะยอมพูดอะไรออกมาในที่สุด

“คุณนินบอกว่าเรื่องที่ดินเขาไม่คิดมันแล้ว”

“แล้วบอกอะไรอีก” นิคมซักไซ้

“บอกว่าตอนแรกนอกจากเรื่องที่ดินแล้ว เขาอยากเอาชนะฉัน เพราะฉันทำเหมือนไม่สนใจเขา”

“แล้วไงต่อ”

“แต่พอเขาได้ใกล้ชิดฉันเขาก็ชอบฉันจริง ๆ ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ดิน ไม่เกี่ยวกับเรื่องเอาชนะ”

“แล้วเธอก็เชื่อเขาใช่ไหม”

จารุดาพยักหน้าแทนคำตอบ หญิงสาวเชื่อในแววตาคู่นั้น เชื่อในท่าทางของชายหนุ่มขณะที่บอกเล่าความรู้สึกให้เธอฟัง อย่างไม่มีอะไรเคลือบแคลง

“แล้วเรื่องยัยจินนี่”

“ฉันไม่ได้ถามอะไรเขาเรื่องนั้นหรอก”

“โอ๊ย! เป็นนังนิกกี้หน่อยไม่ได้ จะถามให้รู้ดำรู้แดง” นิคมว่าน้ำเสียงฉุน “แต่ก็นั่นแหละ ฉันว่ายัยจินนี่กับเมียพ่อเธอน่ะ คงจะมโนกันไปเองมากกว่าว่าจะคว้าคุณนินไปเป็นสามี เป็นเขย”

“แม่คุณนินอาจจะหมายตาจินนี่ไว้จริง ๆ ก็ได้” จารุดากล่าวอย่างกังวลใจ

“ของแบบนี้มันอยู่ที่คนกลางย่ะ ถ้าคุณนินเขาชอบเธอซะอย่างจะกลัวอะไร”

“ยายจันทร์”

“เออ...อันนี้สิ น่ากลัวของจริง” คนพูดพูดแล้วนึกได้ว่าอาจทำให้คนที่นั่งข้างตัวรู้สึกไม่ดีจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “เอาเป็นว่าเธอยอมรับว่าชอบคุณนินใช่ไหม”

“ถ้าฉันไม่ยอมรับ”

“ฉันก็คงเชื่ออยู่หรอกนะว่าไม่ชอบ เรารู้จักกันมานานแค่ไหนแล้วแม่คุณ เรื่องแค่นี้ทำไมฉันจะมองเธอไม่ออกล่ะยัยจา”

“เรื่องของฉันกับคุณนินมันคงเป็นไปไม่ได้”

“คำว่าเป็นไปไม่ได้เนี่ยเขาห้ามพูดนะยะ ตราบใดที่ยังไม่ถึงที่สุด มันต้องมีทางสิ”

นิคมพูดอย่างมุ่งมั่น ดวงตาฉายแววครุ่นคิด ขณะที่จารุดานั้นดูไม่มั่นใจนักว่าจะมีทางอย่างที่เพื่อนสนิทว่า วินาทีนั้นหญิงสาวก็ตระหนักถึงความรู้สึกแท้จริงที่อยู่ในใจ เธอไม่แคลงใจสักนิดว่าธนินจะหลอกเธอ ไม่สงสัยว่าเขาจะคบหาสุจิราอยู่อีกคน เพียงมองถึงอนาคตระหว่างเขาและเธอเท่านั้น

ไม่จำเป็นต้องออกปากยอมรับความจริงกับนิคมเพราะคำตอบที่มีให้กับตัวเองในใจนั้นก็ชัดเจนกว่าอะไรทั้งหมดแล้ว

กระนั้นบางคำถามยังรบกวนจิตใจของหญิงสาว เธอหันไปหานิคมแล้วเอ่ยถาม

“ช่วยอะไรฉันสักอย่างได้ไหมนิกกี้”

“ว่ามาเลย เพื่อเพื่อนสาวคนสำคัญนังนิกกี้ทำให้ได้หมด ถ้าไม่ใช่วางเพลิง ฆ่าคน ลักขโมย ด่าเด็ก ตบคนแก่...”

“พอได้แล้วจะให้ช่วยอย่างเดียว รับรองไม่ใช่เรื่องผิด” จารุดารีบปราม “ฉันแค่อยากจะแน่ใจอะไรบางอย่างเท่านั้นเอง”

นิคมขมวดคิ้วมองจารุดาอย่างสงสัย ทว่าเมื่อได้ยินคำขอของหญิงสาวก็ยิ้มกว้างออกมาแล้วตบปากรับคำอย่างหนักแน่นว่าจะช่วยจารุดาให้แน่ใจใน ‘อะไรบางอย่าง’ ที่ยังติดค้างใจอยู่



ธนินเดินทางมาถึงร้านอาหารใจกลางเมืองซึ่งเป็นที่นัดหมายของเขาและจารุดาก่อนเวลาราวสิบห้านาที เมื่อชายหนุ่มหยุดยืนหน้าร้าน พนักงานสาวที่ทำหน้าที่ต้อนรับก็ชะงักเล็กน้อย พวงแก้มแดงเรื่อขึ้นมาเมื่อประสานสายตากับธนิน เขาเพียงยิ้มเล็กน้อยกับท่าทีกระดากอายนั้น

“จองไว้ครับ ชื่อธนิน”

“เชิญทางนี้ค่ะ”

หญิงสาวพายมือเชิญให้ธนินเดินตามเข้าไปภายในตัวร้าน โต๊ะที่จองไว้อยู่ค่อนข้างลึกเข้าไปในตัวร้านติดกับหน้าต่างกระจกมองออกไปเห็นตึกรามบริเวณใกล้เคียงที่เริ่มเปิดไฟประดับระยิบระยับตา ชายหนุ่มหย่อนตัวลงนั่งปฏิเสธการสั่งอาหารเพื่อรอเวลาให้จารุดาเดินทางมาถึง ลูกค้าหญิงภายในร้านที่มานั่งกันเป็นกลุ่มเพื่อนสนิทบางโต๊ะพากันสะกิดให้หันมามองธนินผ่านแผงกั้นระหว่างโต๊ะอาหารแล้วซุบซิบกันสนุกสนาน

ชายหนุ่มหยิบรายการอาหารมาเปิดดูเพื่อจะละความสนใจจากปฏิกิริยาของหญิงสาวเหล่านั้น ใจกระวนกระวายนึกถึงแต่ผู้หญิงคนที่ตนนัดหมายเอาไว้เท่านั้น

บ้าน่า...อย่างนายธนินเนี่ยนะ กระวนกระวายรอผู้หญิง บ้า...ต้องบ้าแน่ เพราะชายหนุ่มรู้ตัวว่ามองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือบ่อยผิดปกติเมื่อใกล้เวลานัดเข้าไปทุกที

ธนินลดมือลงหลังยกขึ้นดูเวลาอีกครั้ง เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อนอกแผดขึ้น เขาคว้ามาดูหน้าจอแล้วกดรับทันทีที่เห็นชื่อที่แสดงบนกรอบสี่เหลี่ยมนั้น

“คุณจา ผมรอที่ร้านแล้วครับ” ชายหนุ่มกรอกเสียงผ่านเครื่องมือสื่อสาร ยิ้มร่า ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดจากปลายสายก็หน้าหมองลงทันที “คุณจามาไม่ได้แล้ว เรื่องเกี่ยวกับคุณยายเหรอครับ...เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ เอาไว้ค่อยหาโอกาสนัดกันใหม่อีกทีนะครับ”

ชายหนุ่มถอนใจวางสมุดรายการอาหารลงบนโต๊ะเรียกพนักงานมาแจ้งยกเลิกโต๊ะ วางเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้กับพนักงานก่อนจะเดินออกจากร้านด้วยท่าทีที่ต่างกันตอนเดินเข้ามาเหมือนคนละคน

เขาสาวเท้าเดินตรงไปยังทางออกอาคารจอดรถด้วยความไม่ระวังจึงชนปะทะเข้ากับร่างของใครคนหนึ่งอย่างจัง ‘เธอ’ คนนั้นอุทานออกมาทำท่าจะเซล้มธนินจึงต้องรีบคว้าตัวเอาไว้ อกอิ่มแนบเข้าลงมาบนแผงอกก่อความร้อนวูบแล่นไปทั่วร่างของชายหนุ่ม เขาเพิ่งมองเธอถนัดตา...หญิงสาวสวยสะดุดตา คุ้น...คลับคล้ายคลับคลาใครคนหนึ่ง แต่...ไม่น่าจะใช่

เธอคนนี้ดวงตากลมโตกว่า ขนตายาวเป็นแผง ขอบตาชัดเข้ม ดวงหน้าเหมือนจะเล็กว่า ผมยาวนั้นทำสีน้ำตาลประกายทองแดงดัดปลายเป็นลอน แถมทรวดทรงก็ดูมี ‘อะไร’ มากกว่าหญิงสาวที่อยู่ในใจเขาตอนนี้

“ขอโทษครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ”

น้ำเสียงคล้ายจะคุ้นหู แต่มีความปร่าแปร่งแตกต่างไปจากเสียงของจารุดา ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขานึกถึงจารุดา หญิงสาวที่มักจะซ่อนดวงตาไว้หลังกระจกแว่น แต่งหน้าอ่อนบาง เรียวปากบางที่แต้มสีชมพูบานเย็นเกือบจะเป็นสีเดียวกับชุดเกาะอกนั้นคลี่แย้มออกเมื่อดวงตาคมปรายมองอาการของเขาและเธอในขณะนี้

“แต่ฉันว่าคุณปล่อยฉันก่อนดีไหมคะ”

“เอ่อ...ขอโทษครับ”

“คุณจ้องผู้หญิงที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแบบนี้เสมอเหรอคะ” หญิงสาวมาดมั่นเอ่ยถาม คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างสงสัย “หรือว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ยินดีให้คุณมองแบบไม่สะทกสะท้านอะไร”

“ขอโทษด้วยจริง ๆ ครับ ผมแค่...” ธนินยังคงมองดวงหน้าของหญิงสาวคล้ายจะยังครุ่นคิดอะไรไม่ตก “ผมคล้ายกับคนที่ผมรู้จักคนนึงมากครับ แต่...”

“บังเอิญว่าฉันไม่รู้จักคุณน่ะสิคะ”

“ผมก็เลยแปลกใจน่ะครับ ที่คุณทำให้ผมนึกถึงคนคนนั้น”

“แน่ใจนะคะว่าไม่ใช่วิธีในการพยายามทำความรู้จักกันฉัน...ที่จริงฉันนัดเพื่อนเอาไว้ แต่เพื่อนเพิ่งจะโทรมาบอกตอนมาถึงว่ามาไม่ได้แล้ว” หญิงสาวชายตามองธนิน ดวงตาสื่อความหมายบางอย่าง “ถ้าคุณลองเอ่ยปากชวน ไม่แน่ฉันอาจจะ....”

ธนินยิ้มสุภาพส่ายหน้าปฏิเสธ “ผมคงต้องขอตัวนะครับ”

ชายหนุ่มก้มศีรษะลงเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากประตูทางเชื่อมสู่ที่จอดรถ หญิงสาวยืนมองตามหลังธนินที่เดินตรงไปที่รถโดยไม่หันหลังกลับมา ดวงตาคมที่ดูเป็นประกายอยู่แปรไปเป็นแคลงใจ



'เธอ' ยังคงยืนมองตามหลังธนินอยู่ภายในตัวร้านอยู่พักหนึ่ง มองจนกระทั่งธนินก้าวขึ้นไปนั่งบนพาหนะคู่ใจและขับออกจากบริเวณลานจอดไปแล้วจึงหุนตัวก้าวเข้าไปภายในตัวร้านยังมุมหนึ่งในห้องอาหารที่มีใครอีกคนนั่งรออยู่ ย่อตัวลงนั่งบนเก้าอี้ยาวบุนวมหนาหุ้มด้วยผ้ากำมะหยี่สีแดง

"ขอโทษนะ คุณเป็นใคร ฉันกำลังรอเพื่อนอยู่"

ชายหนุ่มที่นั่งรออาหารอยู่จีบปากพูด หญิงสาวยกมือขึ้นจับผมบนศีรษะ พ่นลมออกทางจมูกเหมือนอึดอัดเต็มแก่ มองซ้ายมองขวาเมื่อไม่เห็นว่าใครสังเกตอยู่ก็ก้มลงใต้โต๊ะถอดวิกผมที่สวมอยู่ออก ดึงกิ๊บติดผมสีดำออกวางบนโต๊ะ

"ไม่มีอารมณ์ล้อเล่นนะนิกกี้ ร้อนหัวจะแย่"

"แหม...ก็คิดแผนพิสูจน์ใจหนุ่มเองไม่ใช่เหรอจ๊ะ แล้วนี่ถ้าไม่ใช่คนพาไปแปลงร่าง เอ๊ย...แปลงโฉมด้วยตัวเอง ฉันคงจำไม่ได้แน่ ๆ ว่าแม่สาวเปรี้ยวปรี๊ดคนตะกี้เป็นเพื่อนสาวลุคเฉิ่มเชยของฉันเอง"

"เพื่อนเธอนี่เก่งนะ แต่งซะคุณนินจำไม่ได้จริง ๆ บอกแค่ว่าคุ้นหน้า แต่คงไม่มั่นใจว่าเป็นฉัน"

"โอ๊ย! เพื่อนฉันเนี่ยแต่งหน้า ทำผมมาเยอะนะจ๊ะ ไม่ได้ทำลวก ๆ ไก่กาอาราเล่ด้วย งานเนี๊ยบ แต่งหน้าแต่งตา ประเคนบิ๊กอาย ขนตาปลอม วิก ยัดนม ยัดก้นซะอึ่มขนาดนี้ ใครจำได้ว่าเป็นเธอแน่ ๆ ก็แปลกล่ะ"

จารุดาไม่ตอบเพราะหิวน้ำจัด ยกแก้วน้ำที่มีพนักงานเดินมารินให้ขึ้นดื่มอึกใหญ่ ก่อนมองไปที่ถุงกระดาษที่วางอยู่ข้างตัวของนิคม

"ขอผ้าด้วย"

นิคมดึงผ้าคลุมสีชมพูอ่อนกว่าชุดเกาะอกที่จารุดาสวมเล็กน้อยออกจากถุงส่งให้เพื่อน หญิงสาวรีบคลุมผ้าให้ดูรัดกุม มิดชิดขึ้น

"แล้วเป็นไง คุณธนินไม่กินเบ็ดเหรอ"

"คุณนินไม่ใช่ปลานะยัยนิกกี้ แล้วฉันก็ไม่ใช่..."

"ไส้เดือน" นิคมลอยหน้าลอยตาต่อให้

"เหยื่อย่ะ แค่เหยื่อก็พอไม่ต้องระบุประเภทก็ได้" จารุดาว่าแต่กลับยิ้มขันท่าทางของเพื่อนสนิท ระบายลมหายใจก่อนเล่าต่อ "เขาไม่สนใจปฏิเสธแล้วก็ดันหลังเดินกลับไปเฉย"

"เป็นเอามากนะเนี่ย" หญิงสาวในร่างชายหนุ่มเท้าคางทำตาลอยเหมือนเพ้อ "คนอะไรหล่อ รวย แถมรู้จักหยุด รักเดียวใจเดียว เมื่อไหร่นิกกี้จะหาได้อย่างนี้บ้างก็ไม่รู้"

"เพ้อเจ้อ"

"อ๊ะ...เขินล่ะสิ ทำมาว่าฉัน แล้วต่อไปจะเอายังไงเรื่องคุณนิน ยังอยากใช้เค้าเป็นเครื่องมือตอกหน้ายัยจินนี่อยู่อีกไหม"

จารุดานิ่งคิด ใคร่ครวญอยู่พักใหญ่ก่อนส่ายหน้าเล็กน้อย

"ถ้างั้น เอานี่ไป จะเอาไปจัดการยังไงก็แล้วแต่" นิคมวางเมมโมรี่การ์ดลงบนโต๊ะ ดันมาตรงหน้าจารุดา "รูปที่เธอให้ฉันแอบถ่ายตอนกินข้าว ไปนั่งเล่นสวนสาธารณะอยู่ในการ์ดนี่หมดแล้ว...แต่ที่จริงฉันแนะนำให้เก็บไว้ก่อนนะ เผื่อวันไหนยัยจินนี่เกิดคันเขี้ยวมาวิ่งไล่งับขึ้นมา จะได้เอารูปตอกให้หน้าหงายไปเลย"

หญิงสาวพยักหน้า ไม่คิดว่าจะได้ใช้รูปเหล่านั้นแต่ก็หย่อนเมมโมรี่การ์ดลงไปในกระเป๋าสะพาย



สุจิราที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารเย็นกับคุณบัณฑิตและคุณธนัญญา วางช้อนส้อมในมือลงทันทีที่เห็นธนินก้าวเข้ามาภายในโถงห้องอาหาร คุณธนัญญาดูเหมือนแปลกใจเล็กน้อยที่ลูกชายกลับบ้านเร็วกว่าที่คิด หญิงสาวผู้มาเยือนคงจะสงสัยเช่นเดียวกันและไม่ลังเลที่จะเอ่ยปากถาม

“พี่นิน...จินนี่คิดว่าจะไม่ได้เจอพี่นินเสียอีกค่ะ เห็นคุณป้าบอกว่าพี่นินจะไปทานข้าวข้างนอกกับเพื่อน”

น้ำเสียงเน้นคำว่าเพื่อนฟังแปร่งหูเล็กน้อย หากเจ้าตัวยังคงยิ้มแย้ม

“พอดีเพื่อนพี่ติดธุระนิดหน่อยครับ”

“งั้นก็มานั่งกินข้าวด้วยกันสิเจ้านิน” คุณบัณฑิตเอ่ยแล้วหันไปพยักหน้ากับสาวใช้ที่ยืนรออำนวยความสะดวกให้กับนายจ้างอยู่ “หนูจินนี่เขาเอาผลไม้จากนอกมาฝาก”

“พอดีจินนี่ไปเดินซื้อของทำอาหารกับคุณแม่ แล้วเห็นผลไม้นำเพิ่งมาใหม่หลายอย่าง เลยซื้อจัดกระเช้ามาฝากคุณลุงคุณป้ากับพี่นิน”

หญิงสาวยิ้มกว้างเมื่อธนินหย่อนตัวลงนั่งข้างคุณบัณฑิต ตำแหน่งที่นั่งนั้นตรงข้ามกับเธอพอดี สุจิรารอให้สาวรับใช้ตักข้าวสวยใส่จานข้าวของธนินแล้วจึงรีบตักอาหารที่อยู่ใกล้ตนให้ชายหนุ่มทันที

ธนินเอ่ยคำแสดงความขอบคุณ ตักอาหารเข้าปากเคี้ยวอย่างไม่ค่อยอยากอาหารเท่าใดนัก สองสามีภรรยาที่นั่งอยู่คนละฝากโต๊ะมองสบตากันโดยไม่ได้นัดหมายเมื่อสังเกตเห็นอาการของลูกชาย

คุณธนัญญาหน้าเคร่งขึ้นเล็กน้อย แต่เพียงครู่ก็แย้มยิ้มให้กับลูกชายที่นั่งคนละฝั่งโต๊ะและหันไปเอ่ยกับหญิงสาวที่อยู่ข้างตัว

“แหม...หนูจินนี่ ช่างจดจำเรื่องของพี่เขาจังนะจ๊ะ เอาอกเอาใจพี่เขาแบบนี้ป้าเห็นแล้วปลื้มใจจริง”

คนเดียวที่มีปฏิกิริยากับคำชื่นชมนั้นคือสุจิรา หญิงสาวยิ้มแก้มปริก่อนจะหุบยิ้มลงเล็กน้อยเมื่อตระหนักว่าธนินไม่มีท่าทีใดต่อคำพูดของมารดา เขาทำตัวเหมือนไม่มีใครนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยซ้ำ ดูเหม่อลอย คิดอะไรหรือคิดถึงใครอยู่

ใคร...ที่เธอยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นคนที่คิดหรือไม่คนนั้นทำให้สุจิราต้องกัดริมฝีปากข่มอารมณ์ ฝืนยิ้มตอบคำของคุณธนัญญา

“จินนี่เห็นพี่นินดูเหนื่อย ๆ นะค่ะ เลยอยากจะช่วยเหลืออะไรบ้าง”

คุณธนัญญายิ้มอย่างพึงใจในกิริยาของหญิงสาว ลอบสังเกตลูกชายคนเล็กแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยยิ่งเมื่อดูท่าว่าสุจิราก็จับอาการของธนินได้และมีสีหน้าสลดลงไปเธอยิ่งคิดว่าต้องจัดการอะไรสักอย่าง

“คุณคะ...งานที่ทำค้างไว้ต้องเร่งใช่ไหมคะ” คุณธนัญญาหันไปถามสามี ทว่าสายตากลับมองเชิงสั่งการมากกว่าถามไถ่ “เดี๋ยวของหวานให้เด็กยกเข้าไปให้ที่ห้องทำงานก็แล้วกันนะคะ ฉันจะได้คอยไปดูแลคุยด้วย”

“อ๋อ...จริงสิ” คุณบัณฑิตได้แต่เออออ “ผมก็กำลังคิดอยู่เหมือนกัน”

“ส่วนหนูจินนี่ เดี๋ยวป้าให้เด็กยกไปให้ที่โถงเล็กนะจ๊ะ ตรงนั้นนั่งสบาย จินนี่กับพี่นินจะได้กินของหวานแล้วก็คุยกันตามสะดวก”

สุจิรายิ้มรื่นรับคำคุณธนัญญา ขณะที่ธนินไม่ตอบรับหรือปฏิเสธจนคุณธนัญญาต้องหันไปสำทับอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย

“นิน...นั่งคุยเป็นเพื่อนน้องนะจ๊ะ แล้วก็คอยดูแลน้องแทนแม่ด้วย แม่จะขึ้นไปคอยดูแลคุณพ่อที่ห้องทำงาน”

ธนินตอบรับคำมารดาอย่างไม่ได้กระตือรือร้นอะไรนัก หากเท่านั้นก็เพียงพอให้ผู้หญิงสองคนในที่นั้นยิ้มกว้างออกมาได้



คุณธนัญญาคอยกำกับจนกระทั่งเด็กรับใช้นำของหวานเป็นสาคูแคนตาลูปสองถ้วยมาวางบนโต๊ะกลางพร้อมด้วยน้ำดื่มเย็นสองแก้ว จึงเอ่ยกับสุจิรา

“ตามสบายนะจ๊ะจินนี่ ป้ากับลุงคงต้องขอตัวก่อนนะจ๊ะ ลุงต้องทำงาน ป้าก็ต้องขึ้นไปดูแลลุงเค้าด้วย” เอ่ยกับหญิงสาวแล้วจึงหันไปบอกกับลูกชาย “นินคอยดูแลน้อง เดินออกไปส่งน้องด้วยนะ”

ธนินเพียงแต่รับคำเช่นเดิม สุจิรายกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองคน มองตามจนคุณธนัญญาและคุณบัณฑิตที่เดินออกจากโถงรับแขกไปแล้วจึงหันไปมองชายหนุ่มที่เพียงแต่นั่งนิ่ง

“ทานขนมกันค่ะพี่นิน”

ชายหนุ่มไม่ตอบอะไรแต่หยิบช้อนตักของหวานหอมเย็นเข้าปาก ใจยังนึกถึงเหตุที่ทำให้จารุดาไม่สามารถออกมาพบตนเองตามนัดหมายได้ ระบายลมหายใจยาวเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าตราบใดที่คุณยายจันทร์ไม่ยอมรับให้หลานสาวมีคนรัก คงยากที่เรื่องของเขาและจารุดาจะมีทางเป็นไปได้

“พี่นินเครียดเรื่องงานรึเปล่าคะ”

ธนินหันไปมองหญิงสาวที่นั่งห่างออกไปบนเก้าอี้นวมตัวยาวส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่มีอะไรครับ น้องจินนี่”

“จินนี่เห็นพี่นินนั่งเครียดตั้งแต่ตอนทานข้าว หรือว่าจินนี่ทำให้พี่นินอึดอัดรึเปล่าคะ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ พี่คงจะเหนื่อยนิดหน่อย”

สุจิราแย้มมุมปากทั้งที่ใจยังคงร้อนรน อยากรู้ว่าสิ่งใดหรือใครที่รบกวนจิตใจของธนินอยู่กันแน่ แต่หญิงสาวอดทนพอที่จะไม่รบเร้าถามเอาคำตอบ แสร้งตักสาคูแคนตาลูปรับประทานทั้งที่สายตายังคงจับปฏิกิริยาของชายหนุ่มอยู่ตลอด

ธนินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูหน้าจอ สีหน้าเหมือนผิดหวังเล็กน้อยขณะที่วางมันลงบนโต๊ะกลาง หากเพียงแค่หน้าจอสี่เหลี่ยมนั้นสว่างขึ้นพร้อมกับรูปภาพของใครคนหนึ่งแสดงบนหน้าจอชายหนุ่มก็ดีดตัวขึ้น เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มากดรับอย่างรวดเร็วชนิดที่เสียงเรียกเข้ายังไม่ทันจะดังด้วยซ้ำ

"พี่ขอตัวรับโทรศัพท์นะครับจินนี่"

สุจิรารับคำยิ้มแย้ม พยายามเงี่ยหูฟังการสนทนาของธนินที่เดินเลี่ยงไปอีกทางหนึ่งเพราะไม่ทันมองว่ารูปภาพหญิงสาวบนหน้าจอโทรศัพท์ของเขาคือใคร



"คุณจา" ธนินรีบกรอกเสียงลงเครื่องมือสื่อสารทันที "ผมกำลังนึกเป็นห่วงคุณจาอยู่เลยครับ"

"เป็นห่วงเรื่องอะไรคะ"

"เมื่อเย็นคุณบอกว่าคุณจามาตามนัดไม่ได้เพราะเรื่องเกี่ยวกับคุณยายของคุณ"

"อ้อ...เรื่องนั้น ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่คุณยายดูเหมือนจะจับตามองเป็นพิเศษ ฉันก็เลยไม่กล้าออกไป แล้วตอนนั้นคุณยายคอยเดินไปมาเรื่อยฉันเลยอธิบายอะไรให้คุณฟังมากไม่ได้...คุณนินไม่โกรธฉันใช่ไหมคะ"

"ไม่หรอกครับ ผมจะโกรธคุณจาได้ยังไง" ชายหนุ่มถอนใจโล่ง "ผมแค่คิดว่าผมจะสร้างปัญหาให้คุณจารึเปล่า"

ปลายสายเงียบไปจนธนินใจเสีย

"คุณจาไม่เป็นไรแน่นะครับ"

"ค่ะ...ฉันไม่เป็นไร แค่อยากจะโทรมาขอโทษคุณเรื่องเมื่อเย็นแล้วอธิบายเหตุผลให้คุณฟังเท่านั้น"

"คุณจาไม่เป็นไรก็ดีแล้วครับ เอาไว้เราพบกันที่โรงเรียนนะครับ ผมแทบจะอดใจรอไม่ไหวเลย"

หญิงสาวปลายสายหัวเราะออกมาเบา ๆ "คุณนินบอกกับผู้หญิงอย่างนี้เสมอเหรอคะ"

"ให้พูดตามตรง ผมไม่เคยพูดกับใครแบบที่พูดกับคุณจานะครับ" ธนินยืนยันหนักแน่น "ผมคงต้องเครซี่คุณจามากแน่ ๆ วันนี้ถึงได้เห็นใครก็นึกถึงคุณจาไปหมด"

"ใครที่ว่านี่ใครบ้างเหรอคะ"

"ก็แค่คนที่บังเอิญเจอที่ร้านอาหารน่ะครับ"

ธนินตอบแล้วมองกลับไปทางหญิงสาวที่นั่งรออยู่ที่เก้าอี้รับแขก เลี่ยงที่จะบอกจารุดาว่าสุจิราคือผู้หญิงอีกคนที่ทำให้เขาอดนึกถึงจารุดาไม่ได้ สุจิราไม่ได้มีความคล้ายกับจารุดาเท่าผู้หญิงที่เขาเจอที่ร้านอาหารเมื่อเย็น แต่ทุกครั้งที่เจอสุจิราเขาก็อดนึกไปถึงจารุดาไม่ได้

"ฉันกลับเข้าห้องมาอาบน้ำแต่งตัว วันนี้ตั้งใจว่าจะไปสวดมนต์ที่ห้องพระกับคุณยาย เอาไว้ค่อยคุยกันนะคะ"

"ฝันดีนะครับคุณจา"

"ค่ะ...คุณก็เหมือนกัน"

ธนินกดวางสายแล้วเดินกลับไปนั่งบนเก้าอี้ยาว ไม่รู้ตัวเลยว่าอาการของตนก่อนและหลังรับโทรศัพท์จาก 'คุณจา' นั้นเปลี่ยนไปชนิดจากหน้ามือเป็นหลังมือจนหญิงสาวที่นั่งรออยู่สังเกตเห็นได้







กมลภัทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 มี.ค. 2556, 23:21:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 มี.ค. 2556, 23:24:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 2786





<< ตอนที่ 16   ตอนที่ 18 >>
กมลภัทร 1 มี.ค. 2556, 23:28:26 น.
แล่นแต๊ >>>> หนูจาเค้าก็โอนเอน ๆ นะครับ อิอิ

lovemuay >>>> ประมาณนั้น

ของขวัญ >>>> มันก็มีปัญหาอยู่หลายอย่างนะ ยังไม่หมดอ่ะ เอิ๊กกกก เยอะไปไหม (ถามตัวเอง 555)

น้องอุด้ง >>>> ขอบคุณคร้าบบบบ

เพียงพลอย >>>>> 555 จากตั้งใจคอเมดี้หนักกว่าดราม่า ตอนนี้มันเอียงมาทางดราม่าแล้วไหมเนี่ย เพลียตัวเอง ดราม่าเข้าเส้น ^^


แล่นแต๊ 2 มี.ค. 2556, 00:20:05 น.
เอาใจช่วยทั้งสองคนค่ะ


nunoi 2 มี.ค. 2556, 11:41:27 น.
อุปสรรคถ้าจะเยอะนะเนี๊ยะ


lovemuay 3 มี.ค. 2556, 10:27:32 น.
ท่าทางหนูจาจะใจอ่อนซะแล้ว อิอิ


nasa 3 มี.ค. 2556, 18:46:38 น.
คาดว่าไอ้ภาพแอบถ่ายน่าจะสร้างปัญหาให้ภายหลัง แล้วจะมีทางไหนสลัดยัยจินนี่มั่งมั้ยคะ เกาะเป็นปลิงเชียว


น้องอุด้ง 4 มี.ค. 2556, 08:51:51 น.
ยัยจินนี่นี่ติดมากกกกกกกกกก คุณนินสลัดด่วน!!!


ของขวัญ 5 มี.ค. 2556, 20:40:36 น.
ว้า ปัญหาเยอะไปก็ไม่ดีนะคะพี่อ๋อง


เพียงพลอย 11 มี.ค. 2556, 20:00:36 น.
แง่ม ก็ตัวละครแต่ละตัวของพี่มีความหลังกันหมดเลยนี่นา ดราม่าเลยเข้านักเขียน (?) จะได้คอเมดี้ก็ตอนหนูนิกกี้ออกมานี่แหละ เพราะฉะนั้นจัดหนูนิกกี้มาบ่อยๆ นะค้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account