กล้วยไม้ในมือมาร
กล้วยไม้คือผู้หญิง...เธอคือผู้หญิงชาวจีนที่ถูกซื้อมาเป็นสาวรับใช้ตั้งแต่วัยเด็ก...นวนิยายเรื่องนี้ฉายภาพสยามประเทศใน พ.ศ. 2473
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 32

32...


“ก็ทองที่อาตี๋เอาไปแต่งลื้อไง สร้อยคอสองบาท สร้อยข้อมือสองบาท” อาเฮียงเอ่ยเสียงดังฟังชัด
“นี่เป็นทองหมั้นของอั๊ว ทำไมจะมาทวงกันง่ายๆ” อาลั้งเอ่ยตอบตามที่รู้มา สินสอดจะเป็นของผู้ปกครองเจ้าสาว ส่วนทองหมั้นจะเป็นของเจ้าสาว
“อย่าโยกโย้น่า อาเจ้อีจะเอาคืนก็คืนอีไป อั๊วเพียงขอยืมของของอาเจ้ไปให้ลื้อใส่เป็นหน้าเป็นตาเท่านั้น”
อาลั้งคิดไม่ถึงจะได้ยินคำพูดน่ารังเกียจอย่างนี้หลุดออกมาจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอ หญิงสาวนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ คิดว่า...ตนเหมือนหนีเสือปะจระเข้...จะแข็งขืนก็คงลำบาก เพราะที่นี่ตนไม่รู้จักใครสักคนที่จะเป็นที่พึ่งได้ จึงถอดสร้อยคอส่งคืนให้ก่อน เพราะสร้อยคอสามารถถอดออกได้ง่าย แต่พอมาถึงสร้อยข้อมือ อาลั้งแกะตะขอลำบาก อาเฮียงก็เข้ามาช่วยแกะ แล้วมือของนางก็กระทบถูกบางอย่างที่เอวของอาลั้ง พอแกะสร้อยข้อมือคืนไปได้แล้ว นางก็ถามว่า
“ที่เอวลื้ออะไร?”
“เข็มขัดเงิน” อาลั้งตอบประสาซื่อ “เป็นของที่ซาเสี่ยเนี้ยให้อั๊ว ไม่ใช่ของลื้อหรอก”
“ไม่ใช่ได้ยังไง ในเมื่อแต่งเข้าบ้านอั๊วแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องเป็นของอั๊ว” แล้วนางก็หันไปถามน้องชาย “จริงไหมอาตี๋”
“เอ่อ...” อาฮวดเริ่มอึกอัก
“ลื้อเอ่อๆ อ้าๆ อะไร อั๊วว่าใช่ก็ต้องใช่สิ” นางตะเบ็งเสียง แถมกระทืบเท้าราวกับเด็กสาวๆ ขัดใจ
อาฮวดนั้นกลัวพี่สาวอย่างมาก พอเจอไม้นี้ของนาง เขาก็รีบรับคำ “ใช่ๆ อาเจ้”
อาเฮียงจึงหันมาทางอาลั้ง ออกคำสั่งว่า
“เอาเข็มขัดเงินมาให้อั๊วเดี๋ยวนี้”
“อั๊วไม่ให้” เป็นครั้งแรกในชีวิตที่อาลั้งกล้าตะคอกกลับ พร้อมกับลุกขึ้นยืน
“อาตี๋” อาเฮียงส่งเสียงราวกับถูกใครบีบคอ “ลื้อจับอีเอาไว้”
อาฮวดจะทำตามคำสั่งของพี่สาว แต่อาลั้งบ้าเดือดขึ้นมา ก็ตะกุยใส่หน้าตาอัปลักษณ์ของอาฮวดจนเป็นริ้วแดงสี่รอย แต่จะอย่างไรเรี่ยวแรงผู้หญิงก็น้อยกว่าผู้ชาย อาฮวดจึงจับอาลั้งให้คุกเข่าต่อหน้าอาเฮียง อาเฮียงก็ทั้งตบทั้งเตะอย่างไม่ปรานีปราศรัย ตบตีจนอาเฮียงเหนื่อยหอบ ในขณะที่อาลั้งร้อง
“พอแล้วๆ”
อาเฮียงจึงหยุดมือเท้า ร้องถามว่า
“ทีหลังลื้อยังกล้าเถียงอั๊วอีกไหม”
“ไม่แล้ว” อาลั้งส่ายหน้า ผมเผ้ายุ่งเหยิง ปากแตกจนเลือดไหลหยดลงบนเสื้อสีแดงที่สวมใส่ กลืนหายกลายเป็นจ้ำเปียก
“อาตี๋ปล่อยอีได้” นางหันไปพูดเสียงออดอ้อนกับน้องชาย
อาฮวดปล่อยมือ มองอาลั้งด้วยแววตาสงสารวูบ แต่ไม่กล้าแสดงออก
“ถอดเข็มขัดเงินออกมาให้อั๊ว” อาเฮียงสั่ง
อาลั้งไม่กล้าขัดขืน ถลกชายเสื้อขึ้นถอดเข็มขัดเงินที่ซาเสี่ยเนี้ยซื้อให้เป็นของขวัญแต่งงานออกมายื่นส่งให้อาเฮียง ดีที่กางเกงสีแดงที่อาลั้งสวมเป็นกางเกงหูรูด เมื่อถอดเข็มขัดที่คาดทับจึงไม่มีอะไรประเจิดประเจ้อ...หญิงสาวสะอื้นเบาๆ เพราะเจ็บปวดไปทั้งเนื้อทั้งตัว
อาเฮียงรับเข็มขัดเงินไปแล้วยังไม่พอใจ ถามว่า
“บนตัวลื้อมีอะไรอีก ถ้าไม่บอกออกมาดีๆ อั๊วค้นเจอเอง อั๊วจะตีลื้อให้ตายเลย”
อาลั้งรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ขู่เล่นๆ สองพี่น้องคู่นี้เหี้ยมโหดพอจะฆ่าตนได้จริงๆ จึงบอกตามตรงว่า “มีแหวนหยกอีกวงหนึ่ง แต่ไม่มีราคาค่างวดอะไร” ตอนท้ายนั้นหญิงสาวต่อเติมเอาเอง
“เอาออกมาให้อั๊วดูซิ”
อาเฮียงสั่งเสียงห้วน
อาลั้งล้วงแหวนหยกขาวที่ห้อยด้วยเชือกแดงออกจากอกเสื้อ โชคดีที่อาเฮียงกับน้องชายดูหยกไม่เป็น เห็นเป็นหินธรรมดาๆ อาเฮียงจึงไม่สนใจนัก แต่ก็อดถามไม่ได้
“แหวนของใคร?”
อาลั้งรู้ว่าถ้าตอบตามความจริงว่า เป็นแหวนของคุณชายป้อ เธอจะต้องถูกทำร้ายอีกเป็นแน่ ซ้ำร้ายพวกเขาจะแย่งมันไปจากเธอ...การโกหกไม่ใช่สิ่งที่ดี แต่ในเวลาจำเป็น อาลั้งก็ยอมพูดโกหกเพื่อรักษาของรักเอาไว้
“แหวนของแม่ แม่ให้ตอนที่เราจากกัน”
“มันคงมีค่าสำหรับลื้อมากสินะ” อาเฮียงพูดประชด
“ค่ะ...ถึงมันขายเป็นเงินเป็นทองไม่ได้ แต่เป็นของดูต่างหน้าแม่”
“งั้น...ลื้อก็เก็บของของลื้อไว้ให้ดีๆ แล้วกัน”
คำตอบนี้ทำให้อาลั้งลอบถอนหายใจอย่างโล่งใจ เพราะของสิ่งนี้สำคัญต่อเธอมาก แม้เจ้าของจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่มันยังเป็นเพียงสิ่งจรรโลงใจเพียงสิ่งเดียวของเธอ

ห้องหอของอาลั้งคือชั้นสอง มีฟูกบางๆ เก่าๆ กลิ่นเหม็นอับปูอยู่บนพื้นไม้กระดานเนื้อหยาบ ตามร่องทาด้วยชัน เพื่อไม่ให้คนด้านบนมองลงไปเห็นด้านล่าง มีหน้าต่างบานหนึ่ง หลังคามุงหญ้าคา คงพอกันแดดกันลมได้ แต่ที่ลำบากที่สุดคือห้องน้ำและห้องส้วม ที่กรุงเทพฯ บ้านยี่เสี่ยมีส้วมซึมให้ ห้องอาบน้ำก็เป็นสัดส่วน แต่ที่นี่คือส้วมหลุมที่เดินห่างจากบ้านราวสี่ห้าเมตร ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา ความลำบากที่ต้องหาบน้ำกลับมาเยือนอาลั้งอีกครั้ง ส่วนการอาบน้ำซักผ้านั้นอาศัยน้ำจากลำกระโดง ซึ่งเป็นลำน้ำขนาดเล็กที่ขุดต่อจากลำน้ำขนาดใหญ่ เพื่อไขน้ำเข้าสวนผักที่อาฮวดปลูก
หลังจากอาลั้งขึ้นไปเก็บกระเป๋าเดินทางไว้ชั้นบนแล้ว อาเฮียงจัดการสั่งงานให้อาลั้งทำ ตั้งแต่หาบน้ำ ผ่าฟืน หุงหาอาหาร เช็ดกวาดถูบ้าน ซึ่งชั้นล่างถูเฉพาะเตียงของอาเฮียง เพราะพื้นเป็นดินอัด ถูกน้ำจะลื่นเฉอะแฉะ...กว่าอาลั้งจะรับคำสั่งเสร็จ ก็มืดค่ำแล้ว
“ลื้อตั้งโต๊ะได้ เย็นนี้อั๊วใจดีหุงข้าว ทำกับข้าวไว้แล้ว”
อาลั้งจัดการตั้งโต๊ะตามคำสั่ง กับข้าวมีเพียงหัวไชเท้าต้มกับลูกปลาซิวปลาสร้อย ข้าวก็มีนิดเดียว ตักให้คนทั้งสองแล้ว เหลือติดก้นหม้ออยู่หน่อย
ที่โต๊ะมีเก้าอี้อยู่สองตัว พอดีให้อาฮวดกับอาเฮียงนั่ง ก็ไม่เหลือที่ให้อาลั้งแล้ว
อาลั้งถือชามข้าวยืนงง ก่อนจะถามว่า
“ให้อั๊วนั่งตรงไหน?”
“ไม่มีที่ให้ลื้อนั่งหรอก” อาเฮียงตอบขณะที่ข้าวเต็มปาก บางเมล็ดจึงกระเด็นออกจากปากพร้อมกับน้ำลาย “เป็นเมียที่ดีต้องยืนรอให้ผัวกับพี่ผัวกินให้เสร็จก่อน จึงกินทีหลัง”
อาลั้งอึ้ง กลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้มันไหลหลั่งลงมา ก่อนจะกล้ำกลืนลงคออย่างเงียบๆ ว่าอยู่กับยี่เสี่ยเนี้ยลำบากแล้ว ยังไม่ถึงขนาดนี้...
คืนนั้นอาฮวดย่องขึ้นมาหาอาลั้งที่ชั้นสอง ซึ่งใช้กระไดไม้ไผ่พาดเป็นบันไดขึ้นลง ภายใต้แสงตะเกียงริบหรี่นั้น อาลั้งแสนจะขยะแขยงอาฮวด
เขาเข้ามานั่งใกล้ อาลั้งก็รีบกระเถิบให้ห่าง
“อาลั้ง” อาฮวดคว้ามือของหญิงสาวไว้มั่น “เฮียสงสารลื้อจริงๆ แต่ลื้อก็ไม่น่าจะดื้อกับอาเจ้ ในชีวิตของเฮียต้องยกอาเจ้เอาไว้คนหนึ่ง เพราะอีเปรียบเหมือนแม่ ลื้อต้องเชื่อฟังอี แล้วเราจะได้มีความสุขกัน”
คำพูดของอาฮวดทำให้อาลั้งสยองขวัญมากกว่าเคลิบเคลิ้ม
อาฮวดโอบมืออีกข้างจะโอบกอดหญิงสาว
อาลั้งพยายามเอาแขนกันแล้วร้องบอกว่า “อย่า...”
ทันใด...เสียงชั้นล่างก็ดังตึงตัง พร้อมกับเสียงร้องของอาเฮียง
“ช่วยด้วยๆ...อาตี๋อ่าช่วยเจ้ด้วย”
อาฮวดหน้าเสีย รีบปล่อยมือจากอาลั้ง แล้วปีนกระไดลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว ปากก็บอกว่า “อั๊วมาแล้วอาเจ้”
อาลั้งตามลงไปดูด้วยความตกใจ ก็พบภาพ...อาฮวดประคับประคองโอบกอดอาเฮียง พลางร้องปลอบ “ไม่เป็นไรหน่อๆ”
“เกิดอะไรขึ้น?” อาลั้งถามอย่างสงสัย
“ลื้อไม่ต้องยุ่ง” อาเฮียงตวาด ก่อนจะทำหน้าเหมือนนึกอะไรได้ ก็เสียงอ่อนลง “อั๊วถูกผีอำ อั๊วจะให้อาตี๋มานอนเป็นเพื่อน จะได้ไม่ถูกผีอำอีก ลื้อกลับขึ้นไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้จะตื่นไม่ทันหุงข้าว”
อาลั้งเห็นทีท่าของอาเฮียงไม่ผิดปกติตรงไหนสักนิด แต่ก็แอบดีใจที่คืนนี้อาฮวดต้องนอนเป็นเพื่อนพี่สาว จะได้ไม่ต้องมาคิดไม่ดีกับตน
หญิงสาวกลับขึ้นนอนอย่างไม่นึกสงสัยอะไร...วันเวลาวนเวียนผันเปลี่ยนไป จากวันเป็นเดือน จากหนึ่งเดือนกลายเป็นหลายเดือน...ทุกอย่างเกิดขึ้นซ้ำรอยเดิมทุกคืน ทำให้อาลั้งทำงานอย่างสบายใจ
หลายเดือนมานี้อาลั้งมีเพื่อนเป็นคนไทยชื่อว่าสุข สุขจะมาซักเสื้อผ้าที่ลำกระโดงในเวลาเดียวกันกับอาลั้งทุกวัน
ทั้งสองสนิทกันจนเล่าสารทุกข์สุกดิบให้กันและกันฟัง พอพูดถึงอาเฮียงกับอาฮวดสองพี่น้อง สุขก็เอ่ยพลางเบะปากว่า
“อาลั้ง เอ็งไม่รู้หรือว่าเขาทั้งสองมีอะไรกันมานานแล้ว”
“มีอะไรกันหมายถึงอะไร?” อาลั้งถามสีหน้าใสซื่อ
“โห...เอ็งนี่โง่เป็นควายหรือไง ถึงไม่รู้ว่าเขาเป็นชู้กัน”
“เป็นไปไม่ได้ อีสองคนเป็นพี่น้องกันแท้ๆ จะทำเรื่องอย่างนี้ได้ยังไง?” อาลั้งส่ายหน้า ไม่เชื่อคำพูดของสุข
“เออ...ถ้าเอ็งไม่เชื่อก็ไปดูท้องของซิ้มเฮียง มันโตขึ้นทุกวัน”
คำพูดของสุขทำให้อาลั้งกลับบ้านมาสังเกตหน้าท้องของอาเฮียง มันนูนขึ้นมาเหมือนคนตั้งท้องจริงๆ จึงถาม “อาโก้ว ท้องลื้อทำไมถึงเหมือน...”
“เหมือนอะไร?” อาเฮียงกระชากเสียง
“เหมือนตั้งท้อง”
“ซี้ซั้วต่า...อั๊วไม่มีผัว จะท้องได้ยังไง?” ระหว่างพูด อาเฮียงไม่สบตาอาลั้ง
“แล้วทำไมท้องอาโก้วถึงใหญ่อย่างนี้” อาลั้งถามตรงๆ
“เอ่อ...” อาเฮียงกลอกตาคิด “อั๊วเป็นท้องมานน่ะ” ก่อนจะตวาดอย่างวางอำนาจว่า “ลื้ออย่ามาถามเซ้าซี้อั๊วอีกนะ ไม่งั้นอั๊วจะให้อาฮวดตีลื้อ”
เจอเข้ากับประโยคนี้อาลั้งก็เงียบกริบเป็นปลิดทิ้ง
ผ่านไปอีกสองเดือน...อาเฮียงก็บอกว่า จะไปหาหมอรักษาท้องมาน แต่ก่อนออกจากบ้านก็ไม่วายสั่งเสียอาฮวดอย่างอาลัยอาวรณ์
“อาตี๋ลื้อรักษาตัวดีๆ น้า”
“อาเจ้ลื้อก็ต้องดูแลตัวเองด้วย”
“อั๊วจะรีบกลับมา” อาเฮียงเอ่ยลาน้องชาย ก่อนจะหันมาค้อนอาลั้ง ด้วยสีหน้าอัดอั้นตันใจ
อาลั้งมองคนทั้งสองร่ำลากันแล้วให้รู้สึกเหมือนเห็นสามีภรรยาลากันยังไงยังงั้น กับการไปจากบ้านชั่วคราวของอาเฮียงนั้น อาลั้งไม่มีความคิดเห็น และนึกไม่ถึงว่า...นั่นคือโอกาสให้เภทภัยย่างกรายมาสู่เธอ
คืนนั้น...อาฮวดขึ้นมาหาอาลั้งบนชั้นสอง แรกๆ ก็ขอหลับนอนกับเธอด้วยดี แต่พออาลั้งไม่ยอม เขาก็ใช้กำลังบังคับข่มขืนเธอ
ไม่มีเสียงเรียกของอาเฮียงมาขัดขวาง
อาลั้งจึงตกเป็นของอาฮวดโดยไม่มีทางหลีกลี้หนีไปไหน
วันรุ่งขึ้น...เขาปลอบประโลมเธอ เอาอกเอาใจเธอ
แต่...มันไม่คุ้มกับสิ่งที่อาลั้งเสียไป
อาลั้งนั่งร้องไห้เงียบๆ เอามือกำแหวนหยกในอกเสื้อ รำพึงว่า
‘คุณชายป้อ ยังจะคิดถึงอาลั้งบ้างหรือเปล่า?’
นับจากนั้น...อาฮวดก็มานอนกับอาลั้งทุกคืน จนสองเดือนผ่านไป...อาลั้งมีอาการแพ้ท้อง อาฮวดมีทีท่าดีอกดีใจ
แต่เขาดีใจได้ไม่เท่าไหร่ อาเฮียงก็กลับมา พอรู้เรื่องอาลั้งท้อง นางก็มองน้องสะใภ้อย่างเคียดแค้น
อาลั้งถามว่า “อาโก้วไปรักษาท้องมานหายดีแล้วเหรอ?” เพราะเห็นนางท้องแฟบลงเหมือนคนปกติแล้ว
“ลื้อไม่ต้องยุ่ง” อาเฮียงแหว พร้อมกับตบหน้าอาลั้งฉาดหนึ่ง
“ตบหน้าอั๊วทำไม?” อาลั้งกุมแก้มถาม
“เอาอีกทีดีมั้ย?” นางเงื้อมือขึ้น
แต่อาฮวดเข้ามากัน
“อาเจ้ใจเย็นๆ ตอนนี้อีกำลังท้องกำลังไส้ อย่าเพิ่งตบตีอีเลย”
“ลื้อเข้าข้างอีหรืออาฮวด” เสียงอาเฮียงเข้ม
“เปล่าๆ อาเจ้...อั๊วเพียงแต่เห็นแก่เด็กในท้อง เพราะยังไงก็เป็นลูกอั๊ว”
อาเฮียงร้องกรี๊ด “แล้วนั่นไม่ใช่ลูกลื้อเหรอ”
“จุ๊ๆๆ...เบาๆ อาเจ้” อาฮวดหน้าตาเลิ่กลั่ก
อาเฮียงค่อยได้คิดว่า...อะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด
“อาตี๋...ลื้อทำให้อั๊วช้ำใจจริงๆ” นางพูดพลางทุบอกฟูมฟาย
“อาเจ้ไม่เอาๆ อย่าทำร้ายตัวเองอย่างนี้” อาฮวดว่าพลางรีบเข้ายื้อยุดไม่ให้พี่สาวทุบอก “อั๊วผิดไปแล้ว อาเจ้ลื้อให้อภัยอั๊วเถอะนะ ต่อไปนี้อั๊วจะเชื่อฟังอาเจ้ทุกอย่าง”
“จริงเหรอ?” อาเฮียงถาม พลางหยุดฟูมฟาย
“จริง...อั๊วสาบานได้” อาฮวดรับคำแข็งขัน
นับจากนั้น...อาฮวดก็ลงมานอนเป็นเพื่อนพี่สาว เพื่อจะไม่ให้นางถูกผีอำเหมือนเดิม และอยู่ต่อหน้านาง อาฮวดจะไม่พูดไม่จากับอาลั้งโดยเด็ดขาด เพียงแต่เขาจะลอบมองอาลั้งบ่อยๆ
วันหนึ่ง...เขากลับจากสวนผัก เห็นอาลั้งกำลังเก็บผ้าอยู่หน้าบ้าน เขาก็รีบเดินเข้าไปหา พลางเหลียวซ้ายแลขวา พอเห็นปลอดเงาของพี่สาว เขาก็เรียกเบาๆ
“อาลั้ง”
“มีอะไรหรือ?” อาลั้งถาม
เขายื่นผลฝรั่งสองลูกให้เธอ “อั๊วเอามาให้ลื้อ...ลื้อรีบเอาไป อย่าให้อาเจ้เห็นล่ะ”
อาลั้งรับผลฝรั่งนั้นมาซุกไว้ในตะกร้าผ้า
อาฮวดก็หันหลังรีบเข้าบ้าน เรียกขานว่า “อาเจ้โอย”
“ลื้อกลับมาแล้วหรือ อาตี๋” เสียงอาเฮียงดีใจ
อาลั้งได้ยินแล้วรู้สึกขื่นขมในใจมาก...แม้เธอจะไม่ได้รักอาฮวด แต่อย่างไรก็แต่งเป็นเมียของเขาแล้ว และท้องก็ใหญ่ขึ้นทุกวัน แต่เธอก็ยังคงถูกชู้ซึ่งเป็นพี่สาวของเขาจิกใช้อยู่ทุกวี่วัน...นี่เธอคงทำเวรทำกรรมมาแต่ชาติปางก่อนมากมายนัก ชีวิตถึงได้ทุเรศน่าอายขนาดนี้!

อาลั้งคลอดลูกเป็นเด็กผู้ชายหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับเธอมากกว่าพ่อของเขา เด็กชายจึงน่ารักน่าเอ็นดู
อาฮวดให้ชื่อลูกว่า...อาเล้ง เพราะเกิดปีมังกร




คำรัก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ก.พ. 2556, 11:28:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ก.พ. 2556, 11:29:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 1243





<< ตอนที่ 31   ตอนที่ 33 >>
saralun 26 ก.พ. 2556, 12:33:03 น.
สงสารอาลั้ง TT


หมีสีชมพู 26 ก.พ. 2556, 15:39:52 น.
อาลั้งจะมีความสุขบ้างมั้ยเนี่ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account