บุหงาราคี by น้ำจันทร์ อัญจรี
“บัดซบ!”
เปรมินทร์สบถลั่น ไม่นึกไม่ฝันว่าเขาจะตกหลุมพรางที่เจ้าหล่อนวางไว้ถึงขนาดนี้
“อะ เอ่อ...”
อรัญญิการ์ติดอ่างกะทันหัน ใบหน้าเนียนร้อนผ่าวด้วยความอับอายรีบควานหาเสื้อผ้ามาสวมด้วยความทุลักทุเล ทว่า เมื่อหามันพบก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเพราะมันขาดวิ่นหาดีไม่ได้
“เอ้านี่ ใส่ซะ แล้วก็ไสหัวออกไปจากห้องของฉัน!”
เขาร้องสั่ง ควานหากางเกงมาสวมลวกๆ ขณะที่มืออีกข้างเสือกไสเสื้อเชิ้ตตัวเมื่อคืนให้หล่อน อรัญญิการ์รับมาสวมก็พบว่ามันไม่สามารถปกปิดเนื้อกายได้สักเท่าไรเลย
“คุณเปรมคะเอมี่...”
“อย่ามาแก้ตัว ฉันไม่อยากฟัง!!!”
เขาสบถเสียงกร้าวจ้องใบหน้าซีดเผือดเขม็ง นางฟ้าแสนบริสุทธิ์เมื่อคืนนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อลืมตาตื่นหล่อนจะกลายร่างเป็น แม่มด...แม่มดน้อยเอมี่ที่เขาไม่ปรารถนา
เปรมินทร์สบถลั่น ไม่นึกไม่ฝันว่าเขาจะตกหลุมพรางที่เจ้าหล่อนวางไว้ถึงขนาดนี้
“อะ เอ่อ...”
อรัญญิการ์ติดอ่างกะทันหัน ใบหน้าเนียนร้อนผ่าวด้วยความอับอายรีบควานหาเสื้อผ้ามาสวมด้วยความทุลักทุเล ทว่า เมื่อหามันพบก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเพราะมันขาดวิ่นหาดีไม่ได้
“เอ้านี่ ใส่ซะ แล้วก็ไสหัวออกไปจากห้องของฉัน!”
เขาร้องสั่ง ควานหากางเกงมาสวมลวกๆ ขณะที่มืออีกข้างเสือกไสเสื้อเชิ้ตตัวเมื่อคืนให้หล่อน อรัญญิการ์รับมาสวมก็พบว่ามันไม่สามารถปกปิดเนื้อกายได้สักเท่าไรเลย
“คุณเปรมคะเอมี่...”
“อย่ามาแก้ตัว ฉันไม่อยากฟัง!!!”
เขาสบถเสียงกร้าวจ้องใบหน้าซีดเผือดเขม็ง นางฟ้าแสนบริสุทธิ์เมื่อคืนนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อลืมตาตื่นหล่อนจะกลายร่างเป็น แม่มด...แม่มดน้อยเอมี่ที่เขาไม่ปรารถนา
Tags: ผ่านพิจารณา Touch Publishing รอวางแผง
ตอน: บทที่ 13 ชู้ไม่รู้ตัว 40%
บทที่ 13
ชู้ไม่รู้ตัว
หนึ่งเดือนต่อมา
อรัญญิการ์เอาแต่หลบอยู่ในห้องไม่ออกไปไหนมาเกือบเดือนแล้ว อาหารการกินเธอก็ให้เพื่อนรักช่วยจัดการให้ นับว่ายังดีที่กำหนดการถ่ายแบบของปาฏลีถูกเลื่อนไปเป็นปลายเดือน มันทำให้แม่มดคนงามไม่เหงามากมายเพราะเจ้าหล่อนจะบ่นให้หล่อนฟังทุกวันว่าเจ้าชายแห่งเอเมญ่าสัพเพร่าที่สุดที่เลื่อนกำหนดงานของเธอออกไปโดยไม่แจ้งล่วงหน้า เพราะทำให้คุณเธอขาดรายได้ไปเป็นเดือนๆ นั่นเอง
เสียงพึมพำของคุณฟ้าแว่วมาเข้าหูเธออีกแล้ว พร้อมๆ กับหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าวันนี้ถูกจับยัดถังขยะด้วยน้ำมือเจ้าหล่อน
“ยัยแป๋ม! แกจะทิ้งทำไมฉันยังไม่ได้อ่านเลยนะ!” เธอร้องบอก
“อย่าอ่านเลยแก ปวดตับเปล่าๆ เขียนมาได้ว่าแกท้องแล้วแอบไป ทำแท้ง ฉันล่ะเบื่อจริงๆ น่าจะมีจรรยาบรรณมากกว่านี้ แกไม่ออกนอกบ้านมาเป็นเดือนแล้ว เขาเอาข้อมูลจากไหนมาเขียนวะว่าแกแอบไปอย่างว่า ฉันอยากเอาท้องนูนๆ ไปจ่อหน้าเลนส์ให้เห็นกันทั่วประเทศจริงๆ โอ๊ย! อารมณ์เสียโว้ย!”
นางฟ้าคนงามสบถลั่นก่อนจะเดินเข้าห้องเพื่อจัดเสื้อผ้าลงกระเป๋าเตรียมตัวไปถ่ายแบบอีกรอบ
แม่มดน้อยหันมาเปิดโทรทัศน์ดูและก็พบว่าทุกช่องกำลังสนใจเรื่องที่เธอเงียบหายไปเฉยๆ เลยมีกระแสว่าเธอท้องและเมื่อท้องแล้วยังไม่ออกแถลงข่าวชี้แจง กระแสทำแท้งมันก็ตามมานั่นเอง
โทรทัศน์ฉายภาพแม่มดน้อยซ้ำไปซ้ำมามันเป็นภาพเมื่อครั้งเธอขึ้นเวที เพื่อนำเสนอครีมบำรุงผิวของ Rose ต่อหน้าสาธารณะชน วันนั้นเธอยังจำได้ว่าตื่นเต้นแค่ไหนยามเมื่อต้องอวดเนินหน้าท้องที่มีสองชีวิตอยู่ข้างใน แต่วันนี้มันกลับตื่นเต้นและตกใจยิ่งกว่าเมื่อรายการเล่าข่าวดารา รายการนี้ นำภาพนั้นและภาพปัจจุบันของเธอมาเปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่างและมันก็เห็นได้อย่างชัดเจนเสียด้วย
“ยัยเอ็ม! หล่อนจะดูให้มันเสียสุขภาพจิตทำไมฮะ!” เพื่อนรักร้องบอกขณะลากกระเป๋าใบใหญ่ออกมาจากห้องพัก
“ฉันเปล่านะ ฉันแค่กำลังคิดว่าถ้าเกิดนักข่าวถาม ฉันจะตอบเขาว่ายังไง”
“ก็ตอบความจริง” เพื่อนรักชี้ทาง เจ้าหล่อนกลับไปในห้องอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวเตรียมไปงานเลี้ยงพร้อมกันกับเธอคืนนี้ วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดเขา มลเปรมินทร์ มัทนาอริศวงศ์
บัตรเชิญขลิบทองส่งมาถึงรังแม่มดตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว อรัญญิการ์ไม่อยากไปเลยหากคุณชายเมทัตไม่ประสงค์จะพบหน้า ด้วยว่า คุณชายก็เพิ่งกลับมาจากการไปเจรจาการค้าที่ต่างประเทศเลยอยากพบหลานๆ ในท้องเธอ นั่นเอง
ครึ่งชั่วโมงต่อมาปาฏลีก็ออกมาจากห้อง หล่อนอยู่ในชุดเรียบหรูสีขาวตามแบบฉบับนางฟ้า แต่แปลกตาตรงที่มีสร้อยเส้นยาวห้อยจี้ทับทิมขนาดเท่าหัวแม่มือ มันเป็นล็อกเกตกระมัง ถ้าเธอเดาไม่ผิด ปกติปาฏลีไม่ค่อยอวดสร้อยเส้นนี้ให้ใครได้เห็น ทำไมวันนี้หล่อนถึงอยากจะโชว์มันล่ะ
“ทำไมวันนี้ แกถึงอยากอวดสร้อยนั้น” ปาฏลียิ้มรับแล้วตอบกลับในแบบที่เธอไม่เข้าใจ
“เปล่านี่นาฉันคิดว่าบางทีอยากแกล้งคนเล่นสักหน่อย”
“แป๋ม...แกว่าคุณชายจะคุยเรื่องนั้นไหม” เธอหมายถึงเรื่องที่เปรมินทร์เคยบอกว่าคุณชายจะแต่งงานกับเธอ
“เอ้อ...ลืมเลย แกเอาสร้อยเส้นนี้ไปใส่นะ รับรองคุณชายไม่กล้าขอแกแต่งงานหรอก” เธองุนงง จู่ๆ ปาฏลีก็ยืนสร้อยสีเพลิงยาวเฟื้อยนั้นมาให้เธอ แต่พอลองคล้องคอดู มันก็เข้ากันดีกับเดรสหลวมๆ สีน้ำทะเลที่เธอสวมอยู่ นักข่าวเห็นคงแปลกใจไม่น้อยที่วันนี้เธออวดโฉมในชุดเรียบร้อยผิดปกติ ความจริงเธอก็อยากสวมอะไรที่มันเว้าแหว่งเหมือนที่เคย แต่มันติดที่ว่าหน้าท้องนูนเด่นเพราะอายุครรภ์ห้าเดือนกว่าทำให้เธอไม่สามารถสวมชุดสวยในตู้ได้เลยสักชุด
วังมัทนาอริศวงศ์
สวนสวยถูกประดับด้วยดวงไฟดวงเล็กดวงน้อย ทอประกายระยิบกระพริบพราวอวดแสงแข่งเดือนดาวยามค่ำคืน เธอมองจากตรงนี้เห็นกุหลาบแดงปลูกไว้ทั่วอาณาบริเวณแล้วอยากจะอาเจียนให้ได้ กลิ่นของมันคงตรลบเพราะปลูกไว้มากมายเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของวังนั่นเอง
เสียงดนตรีคลาสสิกแว่วเข้าหูเมื่อเธอก้าวลงจากรถ ปาฎลีลงรถแล้วรีบอ้อมมาดูอาการของเธอ
“เอ็ม..แกไหวหรือเปล่า” นางฟ้าคนงามถามไถ่
อรัญญิการ์ส่ายหน้าดิก เธอไม่ไหวจริงๆ กลิ่นของกุหลาบแดงจู่โจมเธอจนพร่ามองแทบไม่เห็นทาง
ขณะที่ปาฏลีคิดหนักว่าจะทำเช่นไรกับอาการของเพื่อนรัก คุณชายเมทัตก็เดินผ่านมาที่ลายจอดรถพอดี ท่านลืมของเอาไว้และไม่อยากใช้ให้ใครมาเอาให้ เพราะมันเป็นของขวัญวันเกิดของบุตรชายนั่นเอง
“นั่นใช่หนูแป๋มกับหนูเอมี่หรือเปล่า”
“คุณชาย / ท่านพ่อ” ปาฏลีและอรัญญิการ์ทำความเคารพคุณชายใหญ่
“ทำไมไม่เข้าไปในงาน เขาจัดเป็นงานเต้นรำกลางแจ้งในสวนด้านในโน้น พวกหนูคงชอบ” ท่านชักชวนแต่ปาฏลีต้องรีบเอ่ย
“คือว่า...เอมี่ เอมี่ไม่ไหวแล้วค่ะ กลิ่นกุหลาบแดงทำเอาเธอเวียนหัวไปหมด”
คุณชายพยักหน้าเข้าใจก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“ไปเดินเล่นที่เรือนกระจกก่อนดีไหม ในนั้นมีกุหลาบขาวที่คุณเปรมลองปลูกอาจจะไม่ดอกใหญ่กลิ่นไม่แรงเท่ากับที่ฉันส่งให้ทุกวัน แต่รับรองว่าที่นั่นไม่มีกุหลาบสีแดงแน่นอน” คุณชายชี้ทางออกซึ่งอรัญญิการ์ก็เห็นด้วย เธอเพียงอยากมาตกลงกับเปรมินทร์เท่านั้น
“มาเถอะฉันจะนำทางเอง”
“เอ่อ...คุณชายไปกับเอมี่ก่อนดีไหมคะ เอมี่มีเรื่องจะคุยกับคุณเปรมเดี๋ยวแป๋มจะไปเรียกให้ คุณเปรมอยู่ในงานใช่ไหมคะ”
คุณชายพยักหน้าแล้วเข้าประคองว่าที่ลูกสะใภ้เดินไปตามทางเดินทอดสู่เรือนกระจกด้านทิศตะวันออกซึ่งอยู่ตรงข้ามกับงานเลี้ยงในคืนนี้ ระหว่างทางคุณชายก็เอ่ยถึงเรื่องที่ท่านคิดไว้ อรัญญิการ์ใจเต้นตึกตัก แต่ไม่ยอมตอบว่าจะรับความหวังดีครานี้หรือไม่ กระทั่งเดินเข้ามาในตัวเรือนกระจกหลังคาโดมแลเห็นดวงจันทร์บนฟ้า อากาศภายในเย็นกว่าด้านนอกเล็กน้อยเพราะปรับอุณหภูมิให้เหมาะกับกุหลาบขาว โคมไฟที่ห้อยไว้ตามจุดต่างๆ ทำให้ด้านในนี้สว่างกว่าสวนด้านนอก และมันทำให้คุณชายแลเห็นบางอย่างที่อรัญญิการ์สวมห้อยเอาไว้
“เอมี่! หนูไปเอาสร้อยเส้นนี้มาจากไหน!?” คุณชายดูร้อนรนเมื่อแลเห็นสร้อยทับทิมเส้นนี้ เธอหยิบมันขึ้นมาดู วางไว้บนฝ่ามือก็เห็นเพียงทับทิมธรรมดาเพียงแต่ว่าเม็ดใหญ่กว่าปกติและเพชรซีกที่ล้อมอยู่ดีไซน์คล้ายของเก่าเท่านั้น
ชู้ไม่รู้ตัว
หนึ่งเดือนต่อมา
อรัญญิการ์เอาแต่หลบอยู่ในห้องไม่ออกไปไหนมาเกือบเดือนแล้ว อาหารการกินเธอก็ให้เพื่อนรักช่วยจัดการให้ นับว่ายังดีที่กำหนดการถ่ายแบบของปาฏลีถูกเลื่อนไปเป็นปลายเดือน มันทำให้แม่มดคนงามไม่เหงามากมายเพราะเจ้าหล่อนจะบ่นให้หล่อนฟังทุกวันว่าเจ้าชายแห่งเอเมญ่าสัพเพร่าที่สุดที่เลื่อนกำหนดงานของเธอออกไปโดยไม่แจ้งล่วงหน้า เพราะทำให้คุณเธอขาดรายได้ไปเป็นเดือนๆ นั่นเอง
เสียงพึมพำของคุณฟ้าแว่วมาเข้าหูเธออีกแล้ว พร้อมๆ กับหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าวันนี้ถูกจับยัดถังขยะด้วยน้ำมือเจ้าหล่อน
“ยัยแป๋ม! แกจะทิ้งทำไมฉันยังไม่ได้อ่านเลยนะ!” เธอร้องบอก
“อย่าอ่านเลยแก ปวดตับเปล่าๆ เขียนมาได้ว่าแกท้องแล้วแอบไป ทำแท้ง ฉันล่ะเบื่อจริงๆ น่าจะมีจรรยาบรรณมากกว่านี้ แกไม่ออกนอกบ้านมาเป็นเดือนแล้ว เขาเอาข้อมูลจากไหนมาเขียนวะว่าแกแอบไปอย่างว่า ฉันอยากเอาท้องนูนๆ ไปจ่อหน้าเลนส์ให้เห็นกันทั่วประเทศจริงๆ โอ๊ย! อารมณ์เสียโว้ย!”
นางฟ้าคนงามสบถลั่นก่อนจะเดินเข้าห้องเพื่อจัดเสื้อผ้าลงกระเป๋าเตรียมตัวไปถ่ายแบบอีกรอบ
แม่มดน้อยหันมาเปิดโทรทัศน์ดูและก็พบว่าทุกช่องกำลังสนใจเรื่องที่เธอเงียบหายไปเฉยๆ เลยมีกระแสว่าเธอท้องและเมื่อท้องแล้วยังไม่ออกแถลงข่าวชี้แจง กระแสทำแท้งมันก็ตามมานั่นเอง
โทรทัศน์ฉายภาพแม่มดน้อยซ้ำไปซ้ำมามันเป็นภาพเมื่อครั้งเธอขึ้นเวที เพื่อนำเสนอครีมบำรุงผิวของ Rose ต่อหน้าสาธารณะชน วันนั้นเธอยังจำได้ว่าตื่นเต้นแค่ไหนยามเมื่อต้องอวดเนินหน้าท้องที่มีสองชีวิตอยู่ข้างใน แต่วันนี้มันกลับตื่นเต้นและตกใจยิ่งกว่าเมื่อรายการเล่าข่าวดารา รายการนี้ นำภาพนั้นและภาพปัจจุบันของเธอมาเปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่างและมันก็เห็นได้อย่างชัดเจนเสียด้วย
“ยัยเอ็ม! หล่อนจะดูให้มันเสียสุขภาพจิตทำไมฮะ!” เพื่อนรักร้องบอกขณะลากกระเป๋าใบใหญ่ออกมาจากห้องพัก
“ฉันเปล่านะ ฉันแค่กำลังคิดว่าถ้าเกิดนักข่าวถาม ฉันจะตอบเขาว่ายังไง”
“ก็ตอบความจริง” เพื่อนรักชี้ทาง เจ้าหล่อนกลับไปในห้องอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวเตรียมไปงานเลี้ยงพร้อมกันกับเธอคืนนี้ วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดเขา มลเปรมินทร์ มัทนาอริศวงศ์
บัตรเชิญขลิบทองส่งมาถึงรังแม่มดตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว อรัญญิการ์ไม่อยากไปเลยหากคุณชายเมทัตไม่ประสงค์จะพบหน้า ด้วยว่า คุณชายก็เพิ่งกลับมาจากการไปเจรจาการค้าที่ต่างประเทศเลยอยากพบหลานๆ ในท้องเธอ นั่นเอง
ครึ่งชั่วโมงต่อมาปาฏลีก็ออกมาจากห้อง หล่อนอยู่ในชุดเรียบหรูสีขาวตามแบบฉบับนางฟ้า แต่แปลกตาตรงที่มีสร้อยเส้นยาวห้อยจี้ทับทิมขนาดเท่าหัวแม่มือ มันเป็นล็อกเกตกระมัง ถ้าเธอเดาไม่ผิด ปกติปาฏลีไม่ค่อยอวดสร้อยเส้นนี้ให้ใครได้เห็น ทำไมวันนี้หล่อนถึงอยากจะโชว์มันล่ะ
“ทำไมวันนี้ แกถึงอยากอวดสร้อยนั้น” ปาฏลียิ้มรับแล้วตอบกลับในแบบที่เธอไม่เข้าใจ
“เปล่านี่นาฉันคิดว่าบางทีอยากแกล้งคนเล่นสักหน่อย”
“แป๋ม...แกว่าคุณชายจะคุยเรื่องนั้นไหม” เธอหมายถึงเรื่องที่เปรมินทร์เคยบอกว่าคุณชายจะแต่งงานกับเธอ
“เอ้อ...ลืมเลย แกเอาสร้อยเส้นนี้ไปใส่นะ รับรองคุณชายไม่กล้าขอแกแต่งงานหรอก” เธองุนงง จู่ๆ ปาฏลีก็ยืนสร้อยสีเพลิงยาวเฟื้อยนั้นมาให้เธอ แต่พอลองคล้องคอดู มันก็เข้ากันดีกับเดรสหลวมๆ สีน้ำทะเลที่เธอสวมอยู่ นักข่าวเห็นคงแปลกใจไม่น้อยที่วันนี้เธออวดโฉมในชุดเรียบร้อยผิดปกติ ความจริงเธอก็อยากสวมอะไรที่มันเว้าแหว่งเหมือนที่เคย แต่มันติดที่ว่าหน้าท้องนูนเด่นเพราะอายุครรภ์ห้าเดือนกว่าทำให้เธอไม่สามารถสวมชุดสวยในตู้ได้เลยสักชุด
วังมัทนาอริศวงศ์
สวนสวยถูกประดับด้วยดวงไฟดวงเล็กดวงน้อย ทอประกายระยิบกระพริบพราวอวดแสงแข่งเดือนดาวยามค่ำคืน เธอมองจากตรงนี้เห็นกุหลาบแดงปลูกไว้ทั่วอาณาบริเวณแล้วอยากจะอาเจียนให้ได้ กลิ่นของมันคงตรลบเพราะปลูกไว้มากมายเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของวังนั่นเอง
เสียงดนตรีคลาสสิกแว่วเข้าหูเมื่อเธอก้าวลงจากรถ ปาฎลีลงรถแล้วรีบอ้อมมาดูอาการของเธอ
“เอ็ม..แกไหวหรือเปล่า” นางฟ้าคนงามถามไถ่
อรัญญิการ์ส่ายหน้าดิก เธอไม่ไหวจริงๆ กลิ่นของกุหลาบแดงจู่โจมเธอจนพร่ามองแทบไม่เห็นทาง
ขณะที่ปาฏลีคิดหนักว่าจะทำเช่นไรกับอาการของเพื่อนรัก คุณชายเมทัตก็เดินผ่านมาที่ลายจอดรถพอดี ท่านลืมของเอาไว้และไม่อยากใช้ให้ใครมาเอาให้ เพราะมันเป็นของขวัญวันเกิดของบุตรชายนั่นเอง
“นั่นใช่หนูแป๋มกับหนูเอมี่หรือเปล่า”
“คุณชาย / ท่านพ่อ” ปาฏลีและอรัญญิการ์ทำความเคารพคุณชายใหญ่
“ทำไมไม่เข้าไปในงาน เขาจัดเป็นงานเต้นรำกลางแจ้งในสวนด้านในโน้น พวกหนูคงชอบ” ท่านชักชวนแต่ปาฏลีต้องรีบเอ่ย
“คือว่า...เอมี่ เอมี่ไม่ไหวแล้วค่ะ กลิ่นกุหลาบแดงทำเอาเธอเวียนหัวไปหมด”
คุณชายพยักหน้าเข้าใจก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“ไปเดินเล่นที่เรือนกระจกก่อนดีไหม ในนั้นมีกุหลาบขาวที่คุณเปรมลองปลูกอาจจะไม่ดอกใหญ่กลิ่นไม่แรงเท่ากับที่ฉันส่งให้ทุกวัน แต่รับรองว่าที่นั่นไม่มีกุหลาบสีแดงแน่นอน” คุณชายชี้ทางออกซึ่งอรัญญิการ์ก็เห็นด้วย เธอเพียงอยากมาตกลงกับเปรมินทร์เท่านั้น
“มาเถอะฉันจะนำทางเอง”
“เอ่อ...คุณชายไปกับเอมี่ก่อนดีไหมคะ เอมี่มีเรื่องจะคุยกับคุณเปรมเดี๋ยวแป๋มจะไปเรียกให้ คุณเปรมอยู่ในงานใช่ไหมคะ”
คุณชายพยักหน้าแล้วเข้าประคองว่าที่ลูกสะใภ้เดินไปตามทางเดินทอดสู่เรือนกระจกด้านทิศตะวันออกซึ่งอยู่ตรงข้ามกับงานเลี้ยงในคืนนี้ ระหว่างทางคุณชายก็เอ่ยถึงเรื่องที่ท่านคิดไว้ อรัญญิการ์ใจเต้นตึกตัก แต่ไม่ยอมตอบว่าจะรับความหวังดีครานี้หรือไม่ กระทั่งเดินเข้ามาในตัวเรือนกระจกหลังคาโดมแลเห็นดวงจันทร์บนฟ้า อากาศภายในเย็นกว่าด้านนอกเล็กน้อยเพราะปรับอุณหภูมิให้เหมาะกับกุหลาบขาว โคมไฟที่ห้อยไว้ตามจุดต่างๆ ทำให้ด้านในนี้สว่างกว่าสวนด้านนอก และมันทำให้คุณชายแลเห็นบางอย่างที่อรัญญิการ์สวมห้อยเอาไว้
“เอมี่! หนูไปเอาสร้อยเส้นนี้มาจากไหน!?” คุณชายดูร้อนรนเมื่อแลเห็นสร้อยทับทิมเส้นนี้ เธอหยิบมันขึ้นมาดู วางไว้บนฝ่ามือก็เห็นเพียงทับทิมธรรมดาเพียงแต่ว่าเม็ดใหญ่กว่าปกติและเพชรซีกที่ล้อมอยู่ดีไซน์คล้ายของเก่าเท่านั้น
Lilly
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.พ. 2556, 03:14:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.พ. 2556, 03:14:04 น.
จำนวนการเข้าชม : 5551
<< บทที่ 12 ความจริงเริ่มคุกคาม 100% | บทที่ 13 ชู้ไม่รู้ตัว 70% กำลังเข้มข้น >< >> |