บ่วงพราย
ขนมงจีนถูกส่งไปที่คฤหาสน์สีขาว ที่นั่นเป็นบ้านของคุณหลวง ทว่า...เธอได้พบกับวิญญานชายหนุ่ม ที่แม้แต่ที่อยู่และสถานที่ที่ตัวเองตาย ก็ยังไม่รูั้เลย แล้วเธอจะทำอะไรดีเนี่ย
Tags: รักหวานแหวว หวานซึ้ง พล็อดสนุก สนุกสนาน

ตอน: ตอนที่ 8 เจ้าชายนิทรา

บทที่ 8
เจ้าชายนิทรา

....ขนมจีนคิดไปถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ นานาของรินดาและธีร์ เธอกลับมาบ้านและมองไม่เห็นว่าธีร์จะกลับมาด้วย ดีแล้วล่ะ ในเมื่อเขาพบร่างของตัวเองแล้วก็คงจะกลับไปเข้าร่างตัวเองแล้วฟื้นขึ้นมาพบหน้าคุณรินดา เพื่อที่จะรักเธอสักที เธอมองไปรอบ ๆ บ้าน คฤหาสน์ที่ไร้วิญญาณของธีร์มันกลับดูเงียบเหงาอย่างไรก็ไม่รู้ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นเธอก็อยู่ได้ด้วยตัวคนเดียวอยู่แล้วนี่

“บ้าจัง คิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้”

‘กลับมาช้าจังเลย’

ขนมจีนสะดุ้งโหยง หันกลับไปมองหน้าเขาทันที และเห็นธีร์ยืนข้างหลังเธอตรงหลังเก้าอี้โซฟา เธอกระพริบตาถี่ ๆ อ้าปากค้าง

“คุณธีร์ นายมาทำอะไรที่นี่” เธออุทานแผ่ว

‘ผมเหรอ ผมก็กลับมาบ้านก่อนหน้าที่คุณจะมาถึงซะอีก’

“คุณกลับมาที่นี่”

‘ใช่น่ะสิ’

“จะบ้าหรือไง ร่างคุณอยู่ที่โรงพยาบาลนะ คุณทำไมไม่กลับเข้าร่างไปล่ะ”

‘ผมไม่อยากกลับไปตอนนี้’

ขนมจีนขมวดคิ้ว ทั้ง ๆ ที่เขาเร่งให้เธอหาร่างเนี่ยนะ

“ทำไมล่ะ”

‘เพราะผมยังไม่อยากกลับ’

เอาอีกแล้ว คำพูดทำนองนี้อีกแล้ว

“ธีร์ นายจะมาที่นี่อีกไม่ได้แล้วนะ”

‘ทำไมล่ะ’

ไม่ออก “ก็นายมีร่างให้กลับไปแล้วนี่ แฟนของคุณก็รออยู่นั่น ทำไมคุณไม่กลับไปล่ะจะได้ฟื้นขึ้นมารักคุณรินดาไง”

‘คุณอยากให้ผมรักเธอหรือ’

“อะไรนะ...” เธอกระซิบแผ่ว

‘สำหรับคุณ ผมเป็นอะไรกันแน่ ผมเป็นแค่วิญญาณไม่มีความสำคัญอะไรเลยเหรอ’

“ไม่ใช่นะ ทีคุณต้องเข้าโรงพยาบาลก็เพราะช่วยคุณรินดานะ แล้วเขาก็รอให้คุณฟื้นขึ้นมา แล้วคุณเองก็เป็นคนบอกให้ฉันรีบหาร่างของคุณ แล้วพอมาแบบนี้คุณกลับไม่สนใจร่างซะแบบนั้น”

‘ไม่ใช่ว่าผมไม่สนใจ’

“แล้วอะไรล่ะที่คุณสนใจ” เธอเริ่มโกรธ “คุณรักเธอแล้วเธอก็รักคุณ ยังมีอะไรไม่พอใจอีก”

ธีร์ถอนหายใจยาว

‘ผมจำอะไรไม่ได้เลย ทั้งเรื่องรินดาแล้วก็เรื่องทั้งหมด’

“อะไรนะ”

‘ผมรู้แค่ว่าตอนนี้ผมอยู่กับคุณ และผมก็ดูแลคุณไม่ให้เจอกับเรื่องเหตุการณ์ร้ายแรงตอนกลางคืน ถ้าหากคุณไม่มีผมแล้วคุณจะทำยังไง’

“ฉัน...ก็อยู่คนเดียวได้”

‘แต่ผมเป็นห่วง’

“พอเถอะ ไปได้แล้ว ไปเข้าร่างของคุณเถอะ”

‘ขนมจีน รู้สึกว่าคุณจะขับไล่ไสส่งผมจังเลยนะ’

“ก็ใช่น่ะสิ” เธอโกหก “ฉันเบื่อคุณ ไม่อยากพบคุณ เบื่อว่าเมื่อไหร่คุณจะกลับไปหาร่างของคุณเข้าใจไหม”

เธอรู้สึกว่าหางตาเริ่มจะมีน้ำตาไหลออกมา เธอรีบหันหน้าไปทางอื่นเกรงว่าเขาจะมองเห็น ธีร์นิ่งเงียบไปอยู่นานจนในที่สุดเขาก็เอ่ยเบา ๆ ว่า

‘ถ้าคุณต้องการอย่างนั้นผมก็จะกลับไป’

เขาค่อย ๆ หายตัวไป ขนมจีนหันกลับไปมองเขาก็พลันหายไปแล้ว น้ำตาเธอไหลออกมาสู่แก้มใส เธอร้องเรียกเขาอยู่นาน แต่เขาก็ไม่ออกมา เธอหลับตา

...ดีแล้วต่อไปนี้เขาจะได้พบกับคนที่รักเสียที

“ดีแล้วไม่ใช่เหรอ แบบนี้เขาจะได้กลับเข้าร่างเสียที” เธอกระซิบแผ่ว


เธอนอนไม่ค่อยหลับ เพราะใจมัวแต่พะวงเรื่องของธีร์...

ขนมจีนไม่รู้ว่าคฤหาสน์ที่มีเธอเพียงลำพัง มันจะน่ากลัวได้ขนาดนี้ เธอถอนหายใจและดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวแต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้อบอุ่นขึ้นเลย เธอหลับตาและภาวนาของนอนหลับ ขณะที่เธอกำลังหลับอยู่นั้นก็มีเงาดำ ๆ ค่อย ๆ ลอดประตูเข้ามา บรรยากาศรอบตัวเธอหนาวเยือกไปถึงสันหลัง เงาดำนั่นค่อย ๆ คืบคลานขึ้นไปบนเตียงแล้วตรึงร่างของเธอลงกับเตียงนอน จนเธอกระดิกไม่ได้

“อะไรเนี่ย” เธอร้องเสียงดัง

กำไลงาช้าง...อยู่ที่ไหน

“กำไลเหรอ...”

มันอยู่ที่ไหน

“ฉันไม่รู้เรื่องนะ กำไลงาช้างที่ไหนกัน”

ฉันจะเอา...กำไล...กำไลงาช้างอยู่ตรงไหน

“ว้าย”

เงาดำค่อย ๆ คืนคลานเข้ามาตรงหน้าเธอ เป็นรูปร่างเหมือนผู้หญิงที่ตีตรวนนัยน์ตาแดงฉาน เธอตัวสั่นพร่านัยน์ตาของเธอมันช่างเหมือนกันเลือดที่ไหลออกมาอาบแก้ม เธอสวมผ้าซิ่นเส้นผมกระจายเกลื่อน เธอกรีดร้องเสียงดังเลือดในกายเย็นเฉียบ เธอนุ่งห่มด้วยเสื้อผ้าสีขาวแต่บัดนี้มันเปื้อนเลือดแดงฉาน

“ช่วยได้ ใครก็ได้”

ฉันจะเอากำไลงาช้าง

“ไม่นะ ออกไป”

ขนมจีนออกแรงสุดชีวิต ผลักเงาดำที่คร่อมตัวเธอออกไป เธอลุกขึ้นวิ่งไปที่ประตูแล้วถูกดึงขาจนล้มลงไปที่ข้างเตียงเธอร้องอุทานเสียงดัง

“ปล่อยนะ”

เอากำไลของฉันมา ฉันรออยู่นานแล้ว...รอคอยเป็นเวลากว่าร้อยปีแล้ว

“กำไลอะไร ฉันไม่รู้เรื่องนะ”

ฉันจะฆ่าแก

“ไม่” เธอกรีดร้อง

กระจกที่ข้างเตียงเธอร้าวดังเปรี๊ยะ แล้วมันก็แตกเพล๊ง !

แรงปะทะจากพลังที่มองไม่เห็นพุ่งเข้ามา จนกระจกแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ขนมจีนร้องลั่นเศษกระจกพุ่งเข้ามาใส่เธอประดุจห่าฝน ขนมจีนคิดว่านี่คงเป็นวาระสุดท้ายของเธอแล้วแน่ ๆ เธอห่มตัวก้มหลบได้ยินเสียงแหวกอากาศของเศษกระจกที่พุ่งผ่านร่างบางเฉือนเข้าไปถึงกำแสง ข่วนเธอจนเป็นริ้วรอย เธอก้มหน้าหวีดร้องด้วยความกลัว แรงปะทะที่ปลิวไปทั่วห้องของเธอประดุจพายุหอบเอาหนังสือปลิวว่อนไปหมด

“ว้าย”

เธอถูกฉุดลงให้ก้มตัวหลบ ขนมจีนหน้าซีดเผือดเมื่อมองเห็นรอบตัวเธอแทบไม่มีที่ว่างจากการถูกกระจกเสียบเลยแม้แต่เซ็นเดียว และเห็นมองเห็นธีร์ก้มตัวคร่อมร่างเธอไว้ เธอมองเห็นร่างของเขามีแสงสว่างกำบังไม่ให้เธอโดนกระจกบาด

“คุณธีร์...” เธอกระซิบแผ่ว เนื้อตัวสั่น

‘เป็นอะไรหรือเปล่า’

“ไม่ค่ะ ระวังด้านหลัง”

แกตาย

ธีร์ต่อสู้กับวิญญาณจนมันกรีดร้องแล้วก็หายตัวไป ขนมจีนตัวสั่นมันยังคงพูดเรื่องกำไลงาช้างแกะสลักไม่ยอมหยุด เธอหน้าซีดเลือดกายในกายจับตัวเป็นก้อนแข็ง

‘เป็นยังไงบ้าง บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า’

“กำไล...กำไลงาช้างอะไร”

‘ไม่ต้องพูดแล้ว มานี่เถอะ’

“แต่มันต้องการกำไลงาช้าง”

‘กำไลหรือ’ ใบหน้าคมคายขมวดคิ้ว

“ใช่ แต่ฉันไม่รู้ว่าจะถอดมันออกยังไง ฉันไม่รู้”

‘ขนมจีน ใจเย็น ๆ สิ’

“ฉัน...”

‘ผมอยู่ที่นี่กับคุณ คุณไม่ได้อยู่คนเดียวอีกแล้ว’

น้ำตาเอ่อล้นขึ้นมากลบตาหญิงสาว เธอหลับตาลงอบอุ่น..อ่อนโยนเหลือเกิน เธอตัวสั่นเทาทั้ง ๆ ที่ธีร์เป็นแค่วิญญาณไม่มีร่างกาย แต่เขากลับทำให้เธออุ่นใจได้ขนาดนี้เลยเหรอ อ้อมกอดของเขาที่ประคองร่างกายของเธอมันเจือไปด้วยไอเย็นไม่มีกายเนื้อ

“ธีร์...”

‘อะไรหรือ’

“ไหนว่าคุณยอมกลับไปเข้าร่างที่โรงพยาบาลแล้วไงล่ะ”

ธีร์ถอนหายใจยาว

‘คุณอยากให้ผมกลับไปนักหรือ’

ขนมจีนเม้มปากแน่น จะบอกว่าเธอไม่ต้องการให้เขากลับไปมันก็เห็นแก่ตัวไปหน่อย

“ฉันรู้นะ ว่านี่มันเห็นแก่ตัว...แต่ว่าฉันไม่อยากอยู่ที่นี่คนเดียว มันน่ากลัวมาก”

‘ผมก็เหมือนกัน...การอยู่คนเดียวมันโดดเดี่ยวเหมือนกัน’ เขายิ้มบาง ๆ ประโยคนั้นทำให้เธออ่อนไหว เธอเงยหน้ามองชายหนุ่ม

“ทำไมคุณถึงไม่กลับไปล่ะ”

‘กลับไปไหน’

“ไปเข้าร่างของตัวเอง...แล้วลืมตามองแฟนที่รักคุณ” เธอกระซิบแผ่ว

‘ผมจำอะไรไม่ได้เลย’

“คุณว่ายังไงนะ”

‘ผมจำเรื่องเกี่ยวกับคุณรินดา ผมจำไม่ได้เลยสักอย่าง’

เธอมองหน้าเขา จริงสินะเขาบอกว่าจำไม่ได้สูญสิ้นความจำทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอดีตหรือคนที่อยู่ใกล้ตัวเขากลับจำไม่ได้เลย

“คุณรินดาเป็นแฟนคุณนะ”

‘ผมรู้’ ใบหน้าคมคายกระซิบแผ่ว ‘แต่ตอนนี้ผมเองก็มีบางอย่างต้องทำ’

ขนมจีนเงยหน้ามองเขา
‘เพราะผมต้องดูแลคุณ จนกว่าจะหาตัวที่อาฆาตแค้น ไม่อย่างนั้นผมไปแล้วใครจะช่วยคุณล่ะ’ ธีร์เอ่ยยิ้ม

“แล้วถ้า....เราหาไม่เจอล่ะ”

‘วันนี้ไม่พรุ่งนี้ก็ต้องเจอ’

“แล้วถ้าปีหนึ่งไม่เจอล่ะ”

‘ปีนี้ไม่เจอ ก็ต้องปีหน้า’

ธีร์ประคองกอดร่างขนมจีน เธอใจเต้นตึกตักไม่คิดมาก่อนว่าความอ่อนโยนและความเย็นเฉียบมันจะอบอุ่นได้ขนาดนี้ เธอเอียงคอลงแนบอกเขาและกอดตอบ หมายความว่าเขาจะอยู่เป็นเพื่อนเธอไปตลอดใช่ไหม

“คุณพูดจริง ๆ นะ”

‘หรือคุณอยากได้ยินคำโกหกล่ะ’

“บ้า คุณนี่”

‘ล้อเล่นน่ะ เห็นผมเป็นพวกปากอย่างใจอย่างหรือไง’

ขนมจีนเผลอยิ้ม ดวงตาของเธอเป็นประกายวาววับ

“ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้เราไปเจอร่างคุณกัน”

‘ไปทำไม’

“ฉันอยากรู้...ว่าเพราะอะไรคุณถึงออกมาจากร่างนั้น และคุณรินดายังจะรักคุณอยู่หรือเปล่า ถ้าเขารู้ว่าคุณอยู่กับฉันที่นี่”

‘หมายความว่า คุณจะบอกเธอ’

“เปล่าหรอก ฉันแค่อยากให้คุณกับเธอได้คุยกัน และฉันก็จะออกมาภายหลัง”

‘คุณรินดาไม่ได้มีสัมผัสที่หกนะ’

“ฉันรู้ แต่หน้าต่างห้องนั้นก็มีนี่นา ฉันรู้ว่าเขาไม่สามารถเห็นคุณแต่คุณก็สามารถปรากฏตัวในกระจกเงาได้ไม่ใช่เหรอ” เธอเอ่ยเบา ๆ

‘ผมจะพยายาม’ เขาถอนหายใจยาว ‘แต่คุณต้องรับปากผมอย่างหนึ่ง’

“อะไร”

‘ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามคุณเสือกไสไล่ส่งผมอีก สัญญาสิ’

“ฉันไม่ทำอย่างนั้นหรอก”

‘สัญญากับผมก่อน’

“ได้ฉันสัญญา” เธอเอานิ้วก้อยคล้องนิ้วธีร์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอจะยึดมั่นคำสัญญานี้ เธอต้องการให้เขาพูดคุยกับคุณรินดา เพื่อที่จะได้รู้ว่าที่ผ่านมาเขาเคยประสบเหตุการณ์อย่างนี้บ้างไหม แล้วเขาจะมีโอกาสจำเธอได้หรือไม่เขามีพ่อแม่หรือเปล่า เธออยากรู้

ทั้งคู่มาถึงโรงพยาบาล เคาะประตูห้องแล้วคุณรินดาก็เปิดออกมาพอดี

“สวัสดีค่ะ ไม่คิดเลยนะว่าคุณจะมา”

“ฉันเอาของฝากมาเยี่ยมค่ะ คุณธีร์เป็นอย่างไรบ้าง” เธอยื่นตะกร้าของฝากให้เธอ

“ยังเหมือนเดิมค่ะ ยังไม่ฟื้นเลย”

“เหรอคะ” เธอชำเลืองมองไปยังธีร์ที่นอนหลับอยู่บนเตียง เขาหลับสนิทเนื้อตัวขาวซีดผิดกับที่เป็นวิญญาณเยอะเลย ธีร์มองดูตัวเขาอยู่นาน จนกระทั่งเธอเป็นฝ่ายพูดขึ้นเองว่า

“คุณรินดาทานอะไรหรือยังคะ”

“เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณขนมจีนละคะ”

“ฉันทานมาแล้วค่ะ”

“เหรอคะ”

“เอ่อ..ฉันขอถามอะไรคุณหน่อยได้ไหมคะ พ่อแม่ของคุณธีย์พวกเขาอยู่ที่ไหนเหรอคะ ทำไมเวลาฉันมาเยี่ยมถึงไม่เห็นท่านเลย”

“พวกท่านเสียชีวิตค่ะ”

“อะไรนะคะ”

“ตายจริงฉันไม่ได้บอกเหรอคะ ว่าพ่อแม่คุณธีร์ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตตั้งแต่ตอนเด็ก เดี๋ยวนี้เขาได้รับทุนการศึกษาไปต่างประเทศ แต่ยังไม่ทันได้ไปก็ประสบอุบัติเหตุซะก่อน” น้ำเสียงของเธอเศร้าสลด “และตอนนี้เขาก็กลายเป็นเจ้าชายนิทราไปซะแล้ว”

“คุณรินดา”

“ขอโทษค่ะ”

ขนมจีนชำเลืองมองไปทางธีร์ เห็นสีหน้าของเขาหมองลงเล็กน้อย ที่แท้ก็ไม่ใช่มีเพียงเธอที่อยู่ตามลำพังแต่เขาก็อยู่โดดเดี่ยวเหมือนกับเธอ

“เขาเคยบอกกับฉัน ว่าอีกครึ่งปีเขามาบอกกับฉันว่าเขาพร้อมที่จะแต่งงานแล้ว”

ประโยคนั้นทำเอาเธอหน้าซีดเผือด

“แต่งงาน”

“ค่ะ เขาบอกว่าจะซื้อแหวนมาหมั้นให้ฉันแล้วก็จะขอฉันแต่งงาน”

แต่งงานหรือ นี่เป็นเรื่องใหม่ที่เธอยังไม่เคยรู้มาก่อน ดวงตาคู่สวยชำเลืองมองไปยังธีร์ที่ยืนอยู่เบื้องหลังก็เห็นเขาทำหน้าตาตกใจเหมือนกัน และเธอล่ะ...เธอรู้สึกยินดีกับเขาหรือว่าจะจัดการความเจ็บแปลบนี้ยังไงดี

“คุณรินดาคะ มายืนอยู่ตรงกระจกสิคะ”

“ทำไมเหรอคะ”

“ฉันไม่รู้ว่าคุณจะเชื่อเรื่องนี้หรือเปล่า แต่วิญญาณธีร์จะปรากฏออกมาในกระจกเพื่อพูดคุยกับคุณ” ขนมจีนพยายามอธิบาย

“วิญญาณธีร์เหรอคะ”

“ค่ะ”

รินดาเดินเข้าไปหากระจกช้า ๆ ในใจเธอเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่าธีร์จะมาปรากฏตัวต่อหน้า แต่เธอหวัง...หวังให้วิญญาณเขามาปรากฏต่อหน้าเธอ เมื่อเธอมาถึงพร้อมถ้อยคำภาวนา เธอก็เบิกตาโตเอามือขึ้นปิดปาก เพราะเงาที่อยู่ในนั้นไม่ได้มีแค่เธอเพียงคนเดียว แต่ยังมีธีร์สวมชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนกำลังยืนยิ้มให้เธอ น้ำตาไหลลงอาบแก้วเพราะไม่คิดก่อนเลยว่าจะมีวันนี้จริง

“ธีร์คะ...นั่นคุณจริง ๆ หรือเปล่า”

‘ต้องขอโทษด้วยนะ ที่ต้องทำให้รอนานอย่างนี้’

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉัน...อยากกอดคุณ”

ขนมจีนเจ็บแปลบในอก เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบนี้จนกระทั่งได้พบกับรินดา เธอถอยห่างออกไปและออกไปรอด้านนอนโดยทิ้งให้ทั่งคู่พูดคุยกัน เธอออกมายืนแถวเก้าอี้หน้าประตูห้องได้แต่ก้มหน้ามองลงต่ำ เธอไม่รู้หรอกว่าเขาจะคุยเรื่องอะไรกัน และมีเธอเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือเปล่า

แต่...สิ่งหนึ่งที่บอกได้

เธอรู้สึกหวั่นไหวเจ็บแปลบเสียเหลือเกิน

“ฉันรักคุณค่ะ”

‘รินดา’

“ฉันรักคุณ เป็นห่วงคุณจนไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้ว” รินดาน้ำตาคลอเบ้า “กลับเข้าร่างได้ไหมคะ ฉันอยากจะกอดคุณ”

‘ไม่ได้หรอก ผมมีบางอย่างที่จะต้องทำ’

“ทำไมคะ”

‘คุณอยู่คนเดียวได้ แต่ขนมจีนอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีผม’

“ขนม..จีน” เธอกระซิบแผ่ว “เด็กคนนั้นน่ะเหรอคะ”

‘ใช่ เธออยู่อย่างโดดเดี่ยวไม่มีคนดูแล ผมจะต้องคอยคุ้มครองเธอ’

เหมือนเข็มร้อยเล่มตอกกลางอกของรินดา

“ขนมจีนต้องการคุณด้วยหรือเปล่าคะ”

‘เขาไม่รู้ตัว แต่ผมรู้ตัวแล้ว’

“รู้ตัวว่าอะไรคะ”

‘ผมรักเธอ และจะไม่ยอมปล่อยเธอไปเป็นอันขาด’

คำว่ารักแทบแหลกสลายหัวใจเธอไปต่อหน้า น้ำตารินไหลออกจากดวงตาของเธอ นี่หรือเปล่าเป็นการอกหักถึงแม้เธอจะรักเขา แต่ตอนนี้เขากลับจำอะไรไม่ได้เลย

“คุณรักเธอ ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นเคยบอกว่ารักฉันหรือคะ”

‘ผมขอโทษ’

“แล้วเรื่องหมั้นและการแต่งงานของเราล่ะ”

‘ผมพูดได้เพียงคำว่าขอโทษเท่านั้น’

รินดาส่ายหน้าทั้งน้ำตา น้ำตารินไหลลงอาบแก้ม

“คุณจำไม่ได้เหรอ ทำไมคะ”

‘ผมจำไม่ได้ แล้วก็ไม่อยากจำด้วย’

“คุณธีร์”

‘ผมขอโทษจริง ๆ คุณรินดา’


“คุณรินดา” เธอหันไปมองคุณรินดาที่ร้องไห้ออกมาจนตัวโยน เธอวิ่งไปทางข้างหลัง ขนมจีนหน้าซีดเผือดเธอหันไปทางห้องแล้วรีบวิ่งเข้าไป “คุณพูดอะไรของคุณน่ะ”

‘ผมบอกเลิกกับเธอ’

“อะไรนะ”

‘ผมบอกกับเธอไปแล้วว่าจำไม่ได้ แล้วก็ไม่อยากจำด้วย บอกเธอว่าเราจบกันแค่นี้เถอะ’

ขนมจีนหน้าซีดเผือด

“นี่คุณ...บอกเลิกกับเธอเหรอ”

‘ใช่’ เขาเอ่ยเบา ๆ ‘และบอกเธอด้วยว่าผมมีภาระต้องรับผิดชอบหลายอย่าง อย่ารอผมอีกเลย’

“บ้า คุณนี่บ้าที่สุด” ขนมจีนร้องเสียงดัง “รีบไปสิ คุณรินดาไปนู่นแล้วนะ ทำไมไม่รีบไปหาอีก”

‘ไม่จำเป็น’

“เพราะอะไรล่ะ” เธออยากร้องไห้

‘เพราะคนที่ผมรัก คือคุณไง’

ประโยคที่ออกมาจากปากของธีร์ ทำให้เธอได้แต่ตะลึงเมื่อกี้เขาพูดว่ายังไงนะ รักเธองั้นเห

“อะไรนะ” เธอกระซิบแผ่ว

‘คนที่ผมรักคือคุณ’ เขากระซิบแผ่ว ‘ผมรักคุณคนเดียว’

ขนมจีนอึ้งจนพูดไม่ออก เขาค่อย ๆ โน้มใบหน้าเข้ามาหาแล้วจูบเธอ จูบของเขาเย็นเฉียบแต่ก็แสนอบอุ่นอ่อนโยนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เธอตัวแข็งไปหมดพยายามจะผลักเขาออก แต่ก็ไม่เป็นผล จุมพิตของเขาและเธออบอุ่นเข้าไปถึงข้างใน มันเย็นจนเธอตัวสั่น

“คุณมัน...บ้าที่สุด” น้ำตาซึมไหลออกมา

‘ใช่ ผมมันบ้า’

“คุณรินดาเธอ...”

‘ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ผมรักคุณ..รักคุณคนเดียว’

ความรักเหรอ มันอาจจะสูงกว่าและมีความหมายกับใครหลายคน แต่สำหรับเธอมันเหมือนการแก่งแย่งทำทุกอย่างเพื่อให้มาซึ่งความรัก เช่นเดียวกับคุณรินดาและเธอที่แทบไม่รู้อะไรเลย เธอรู้สึกว่าตัวเองเห็นแก่ตัวมาก มากจนไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้ด้วยซ้ำไป....


คฤหาสน์สุดหรูของคุณป้าผกา..

“อะไรนะ อย่ามาพูดบ้า ๆ นะ ฉันเพิ่งจ่ายให้แกไปสิบล้านเองนี่นา” เสียงป้าผการ้องลั่น ทำเอาลูกสาวและนายชิตที่นั่งดูโทรศัพท์อยู่หันไปมองหน้าแม่ที่ถือโทรศัพท์มือถือด้วยท่าทีร้อนรน

“เกิดอะไรขึ้นน่ะ”

“ไม่รู้สิ”

“อะไรนะ นั่นเป็นดอกเหรอ มันจะมากไปแล้วนะ”

ป้าผกาหน้าซีดเผือด เลือดในกายจับตัวเป็นก้อนแข็ง

“เชิญไปเก็บเลย ฉันไม่มีให้หรอก ไอ้พวกบ้า”

เธอตะโกนพร้อมกับปิดโทรศัพท์ทันที ยายแววเลิกคิ้วถามแม่

“อะไรกันคะแม่ เอะอะอะไรกันนักหนา”

“แกไม่รู้แหละ มันดีอยู่แล้ว”

“สงสัยจะเป็นพวกทวงนี้มากกว่า ผมว่า”

“นี่ ไอ้ชิต”

“จริงหรือเปล่าคะแม่ ไอ้ที่แม่ไปกู้หนี้สินเขายี่สิบล้านเลยหรือเปล่า” เธอขมวดคิ้ว แต่ป้าผกาชักเริ่มพูดอะไรไม่ออกเธอรู้ดี รู้ทีเดียวล่ะ

“เฮ้อ แล้วนี่แม่โทรฯไปเจรจาไม่ประสบความสำเร็จหรือครับ”

“ประสบผลสำเร็จอะไรล่ะ มันขู่ว่าจะส่งมาที่บ้านถ้าไม่ไปจ่ายให้มันภายในสามวัน ฉันจะกลัวจริง ๆ”

“กลัวอะไรคะแม่ สมบัติแม่ก็ตั้งเยอะแยะ ไม่ขายไปใช้หนี้พวกมันบ้างละคะ”

“สมบัติพวกนั้นมันเป็นของเก่า ขายไปทั้งหมดก็ไม่พอใช้มันหรอก”

“แม่ครับ แม่ใช้เขาไปเท่าไหร่แล้ว เผื่อว่ามันเหลือน้อยผมอาจจะไปยืมเพื่อนได้บ้าง” นายชิตเสนอ

“นั่นสินะคะแม่”

“เอ่อ..” ป้าผกาอึกอัก “คือแม่ขายสร้อยทองนำไปใช้หนี้มันสิบล้านแล้วล่ะ”

“โธ่ แม่คะตั้งสิบล้านแล้วนี่นา เหลืออีกแค่สิบล้านเดี๋ยวเราไปขอยืมใครเขาก็ได้”

“มันน่าจะเป็นอย่างนั้นน่ะสิ ถ้าไม่ใช่เพราะมันบอกว่าเป็นดอก”

“อะไรนะ” ลูกทั้งสองร้องพร้อมกัน “สิบล้านเนี่ยนะเป็นดอก มันจะมากไปแล้วนะ”

ยายแววลุกขึ้นอ้าปากค้าง เงินสิบล้านเนี่ยนะเขาบอกว่าเป็นดอก ดอกนี่มันแสงราว ๆ ร้อยละเจ็ดสิบเลยหรือไง ไม่อยากเชื่อเลย

“แม่ก็ว่าอย่างนั้น เห็นว่าอีกสามวันถ้าแม่หาไปให้มันได้ไม่ครบ มันจะมาที่บ้านหลังนี้”

“มาแล้วไงคะ หนูจะโทรไปแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้”

“ไม่ได้นะ คือเขามีแบ็คอัพเป็นนักการเมืองใหญ่ ขืนโทรฯไปสุ่มสี่สุ่มห้าเดี๋ยวก็พลอยเดือดร้อนไปด้วยหรอก” ป้าผกาใจคอหวาดหวั่น

“แล้วแม่จะให้หนูทำยังไงคะ รอมันอยู่ที่นี่แล้วถูกจับไปขายหรือไง”

“แม่ไม่ได้บอกว่าอย่างนั้น”

“โอ้โห นี่แม่สร้างภาระให้ผมอีกแล้ว”

“ใช่ค่ะ หนูก็เหมือนกัน”

“นี่พวกแกอย่ามาพูดบ้า ๆ นะ”

ทั้งลูกชายและลูกสาวต่างลุกขึ้นไปทำธุระของตัวเองไม่มีใครสนใจฟังป้าผกาพูดเลยสักคน ป้าผกานั่งลงเอามือขึ้นท้าวคาง ดูลูกแต่ละคนเถอะไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวเลยสักคน ยายแววไปนั่งโทรศัพท์อยู่ที่เก้าอี้ภายในบ้าน มือถือนิตยสารแฟชั่นชื่อดัง นั่งเม้าท์กับเพื่อน

“นี่เธอ เห็นนิตยสารใหม่ของอาทิตย์นี้หรือยังละ ชุดกระโปรงสวยมากเลยนะ” เธอหัวเราะเสียงแผ่ว “ไม่ได้ละ เดี๋ยวฉันจะซื้อไปใส่งานวันเกิดเธอ”

เธอเงยหน้าขึ้นเห็นชายสองคนเดินเข้ามาที่หน้าบ้าน

“ใครมาน่ะ” เธอกระซิบแผ่ว “เปล่า ๆ เดี๋ยวฉันมานะใครไม่รู้มาที่หน้าบ้านล่ะ” แววลุกขึ้นมองไปที่หน้าบ้าน เธอเห็นผู้ชายสองคนสวมชุดดำใส่แว่นกันแดดอำพราง

“ใครคะ” แม่บ้านเป็นคนออกไปรับ “มาพบใครคะ”

“ฉันมาพบคุณผกา เขาอยู่หรือเปล่า”

“เอ่อ เดี๋ยวนะคะ ขอไปรายงานให้ท่านทราบก่อน”

“เร็ว ๆ ล่ะ”

แม่บ้านตัวเล็กไปรายงานคุณป้าผกาซึ่งนั่งนวดศีรษะคลายเครียดอยู่ เธอรายงานว่ามีผู้ชายสองคนใส่เสื้อสีดำแล้วใส่แว่นมาบอกว่าต้องการพบกับคุณผกา นางขมวดดิ้วมองที่หน้าบ้านพอเห็นหน้าพวกมันเท่านั้นก็ถึงกับผงะ หน้าตาซีดเผือดทันที

“นั่นมันพวกทวงหนี้นี่ กะ...แกบอกพวกมันไปว่าไง”

“หนูก็บอกให้รอสักครู่ค่ะ เดี๋ยวหนูมารายงานให้คุณผกาทราบก่อน”

“ไล่มันไป บอกด้วยว่าฉันไปธุระต่างจังหวัดไม่รู้จะกลับเมื่อไหร่”

“แต่ว่าหนู...”

“ยังไม่ไปอีก” เธอตวาดเสียงดัง พอดีกับแววที่เดินตรงมาพอดี

“มีอะไรอีก ใครมาน่ะ”

“เอ่อ..เขามาหาคุณผกานะค่ะ”

“เดี๋ยวฉันออกไปเปิดประตูให้มันเอง อะไรกันนักกันหนา” เธอเม้มปากแน่น ยืนกอดอกเดินตรงไปเปิดประตูให้คนแปลกหน้า รวดเร็วจนคุณผกาห้ามไว้ไม่ทัน

“อย่าเปิดนะยายแวว”

แต่ช้าไปแล้ว ยายแววเปิดประตูบ้านให้พวกมัน หลังจากเปิดแล้วเธอก็ต้องสะดุ้งโหยงเพราะมือซ้ายถูกพวกมันจับไว้แน่น เธอพยายามถอยออกแต่ถูกพวกมันหัวเราะลั่น

“แก ถอยไปนะ” เธอร้องเสียงดัง

“แบบนี้สิ ค่อยน่าสนใจหน่อย ว่าไงไปกับพวกพี่ไหมจ้ะ”

“แก ไอ้บ้า”

เธอเตะเข้าที่กลางลำตัวของพวกมันจนมันร้องโอ้ย เธอรีบหลบจากมันไปข้างหลังแม่ ซึ่งตอนนี้หน้าซีดเผือดเหลือสองนิ้ว เธอกลืนน้ำลายเหนียวลงไปในลำคอ พวกมันมาที่นี่โดยที่เธอหาทางหนีทีไล่ไม่ทัน จะทำยังไงดีตอนนี้เธอก็เหลือกันอยู่แค่สามสี่คนรวมถึงคนรับใช้ด้วย

“พวกแกถูกส่งมาเหรอ” นางร้องเสียงดัง

“ใช่ เงินยี่สิบล้าน เสี่ยส่งเรามาเอาคืนที่คุณ”

“เอาคืนอะไรกันล่ะ ฉันก็ใช้ให้ตั้งสิบล้านแล้วนี่”

“นั่นมันเป็นดอก หรือคุณนายคิดว่ากู้เงินแล้วเขาจะให้ฟรี ๆ โดยไม่มีดอกเลยหรือไง”

“บ้าที่สุด ดอกบ้าอะไรตั้งขนาดนี้”

“คุณนายไม่ทันดูให้ดีก่อนล่ะสิ นี่ไงสัญญาบอกว่าจะเพิ่มดอกเป็นร้อยละเจ็ดสิบหลังจากที่หาเงินมาจ่ายไม่ทันภายในห้าวัน”

คุณผกาหน้าซีดเผือด แววอ้าปากค้างจับแขนแม่เขย่า

“ห้าวัน อะไรกันคะ หนูไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

“และภายในนี้ก็บอกอีกว่า ถ้ามาหาเงินแล้วส่งใช้ไม่ครบเรามีสิทธิ์ทวงของทุกอย่างภายในบ้าน เฮ้ย แกเข้าไปจัดการซิ”

“ครับ”

“อย่านะ แกจะทำอะไรน่ะ”

“ว้าย ปล่อยฉันนะ บอกให้ปล่อย” ยายแววร้องเสียงดังเมื่อถูกชายคนหนึ่งจับแขนแล้วพยายามลากเธอออกไป คุณผการ้องตะโกนช่วยยึดจับยายแววไว้แน่น

“ปล่อยนะ ปล่อยซี่”

“แม่คะ ช่วยหนูด้วย”

“คุณนายผกา ผมทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ถ้าคุณนายไม่มีจ่ายผมก็ต้องเอาตัวคุณหนูไปทำหน้าที่ในบ่อนต่อ ดีไม่ดีอาจเป็นเมียน้อยเสี่ยก็ได้นะ”

“บ้า แกมันบ้าที่สุด”

“แม่ขา ช่วยหนูด้วย ปล่อยนะไอ้บ้า”

“ไม่ใช่แค่ลูกสาวนะ แต่ลูกชายผมก็จะเอาด้วย เดี๋ยวนี้พวกยามหน้าบ่อนหายากซะด้วยสิ”

“ขอร้องล่ะ อย่าเอาลูกชายลูกสาวฉันไปเลยนะ จะเอาอะไรฉันยอมทั้งนั้น”

“แน่เหรอ คุณนาย”

“แน่สิ แกจะเอาอะไรเชิญเอาไปได้เลย ขออย่างเดียวอย่าเอาลูกชายลูกสาวฉันไปเลยนะ ขอร้องล่ะ” ป้าผกาทำท่าจะร้องไห้

“เฮ้ย แกไปยกข้าวของเครื่องใช้ออกมาซิ จำไว้นะคุณนาย...อีกอาทิตย์หนึ่งผมจะกลับมาพร้อมคนนับสิบเพื่อมาเอาเงินยี่สิบล้าน ถ้าเกิดคราวนี้ไม่มีให้ล่ะก็เตรียมตัวตายได้เลย”

คนสองคนยกเอาเฟอร์นิเจอร์กับเครื่องไม้กลับไป คุณผกาแทบทรุดนั่งลงกับบันไดบ้าน โดยที่ยายแววยืนตัวสั่นเพราะไม่รู้ว่าคนพวกนั้นจะมาเอาเธอไปเมื่อไหร่ เธอได้แต่จับมือแม่เขย่าแรง ๆ สองสามครั้ง

“แม่คะ แม่ดูพวกมันสิคะ มันเอาของเราไปหมดเลย”

“แม่รู้แล้ว ใจเย็น ๆ สิ”

“เย็นได้ยังไงคะ พวกมันบอกว่าอีกสองอาทิตย์มันจะจับตัวหนูพร้อมพี่ชาย ทีนี้หนูจะทำยังไงดีคะ”

“ฉันรู้แล้ว ใจเย็น ๆ ก่อนสิ”

“เย็นไม่ไหวแล้ว ฮือๆ”

ป้าผกาหลับตา ใช้ความคิดอย่างหนัก ทำยังไงดีล่ะเงินยี่สิบล้านไม่ใช่ว่าจะขอยืมกันได้ง่าย ๆ เสียเมื่อไหร่

“พวกแกออกต่างจังหวัดไปก่อน จะไปเมืองนอกก็ได้”

“อะไรนะคะ”

“ฉันไม่ยอมให้พวกมันเอาตัวยายแววกับตาชิตไปหรอก พวกมันจะต้องกลับมาอีกแน่ฉันจะให้พวกมันเข้าไปเอาตัวขนมจีนออกมจากบ้านหลังนั้น”

“แม่...จะให้พวกมันเอาตัวขนมจีนเหรอคะ”

“ใช่”

“ดีจังเลย ทีนี้หนูก็รอดแล้ว แต่ว่าเรื่องนี้เราให้ยายขนมจีนรู้ไม่ได้นะคะ”

“ใครจะไปให้รู้กันล่ะ ตอนนี้ไอ้คฤหาสน์สีขาวก็มีผีอยู่อาศัย แถมขนมจีนก็ยังอยู่ได้โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีก คราวนี้แหละมันอยู่ได้ให้มันรู้ไป”

ป้าผกาหรี่ตาลงอย่างมาดร้าย...

>>>>>>>>>>>>>>>
คุณป้าเริ่มออกอาการมาดร้าย เหอๆๆ





เบลินญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.พ. 2556, 08:31:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.พ. 2556, 08:31:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 1506





<< ตอนที่ 7 แรงอาฆาต   บทที่ 9 คุณแพงผู้อาฆาต >>
เบลินญา 27 ก.พ. 2556, 08:38:38 น.
คุณจิรารัตน์ >>>อนุโมทนาสาธุค่ะ
คุณ Auuu >>> เศร้าเหมือนกันค่ะ
คุณ Zephyr>>> มาลุ้นกันต่อค่ะ



Auuuu 27 ก.พ. 2556, 10:17:46 น.
ป้าร้ายไปนะ


Zephyr 27 ก.พ. 2556, 15:37:37 น.
ไม่ร้ายล่ะหนูอุ๊
เลวววววว เลยดีกว่า อุอิ แรงเวอร์ค่า 5555
ลูกสองคนก็แบบช่างตกใต้ต้นจังนะ


เบลินญา 27 ก.พ. 2556, 16:19:56 น.
โหดเลวดี


จิรารัตน์ 22 มี.ค. 2556, 17:25:28 น.
ยัยป้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account