แผนรักพันใจ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 18
จารุดาก้าวเข้าสู่ห้องอาหารบุฟเฟต์นานาชาติในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง สอดส่ายสายตามองหาพ่อและน้องชายต่างมารดา เห็นสุรกุลเข้าแถวยืนรออาหารอยู่ที่เคาน์เตอร์ซาซิมิ เชฟวัยหนุ่มแล่เนื้อปลาจัดชุดใส่จานตามความต้องการของลูกค้า
“โจ...คุณพ่อล่ะ”
“นั่งรออยู่ด้านโน้น...พี่จาไปหาพ่อก่อนก็ได้เดี๋ยวผมได้ปลาดิบแล้วจะตามไป”
หญิงสาวมองผ่านผู้คนภายในร้านไปยังทิศทางที่น้องชายบอกก็เห็นคุณเอกอมรที่นั่งรออยู่ส่งยิ้มมาให้ เธอจึงเดินไปหากระพุ่มมือไหว้ก่อนหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้คนละฝั่งโต๊ะ
“คุณพ่ออยากไปเลือกอาหารก่อนไหมคะ เดี๋ยวจาเฝ้าโต๊ะให้เอง”
“ไม่เป็นไร รอนายโจมาเถอะรายนั้นคงจะขนมากินทีเดียวหลายอย่าง ขี้เกียจลุกบ่อย ๆ ตามเคยนั่นแหละ”
จารุดายิ้มขันหันหลังมองไปทางน้องชายต่างมารดาที่ตอนนี้ถือจานซาซิมิไปยืนเข้าแถวรอสั่งพาสต้าแล้ว
“วัยกำลังกินเลยล่ะค่ะ น้องโตขึ้นจนจารู้สึกว่าตัวเองแก่”
“ถ้าจาแก่...พ่อไม่ยิ่งแย่เหรอลูก”
คุณเอกอมรยิ้มแย้มมองลูกสาวที่เกิดกับผู้หญิงที่เขารัก หากไม่เพราะเหตุการณ์บังคับ ไม่เพราะเขาเลือกที่จะรักษาชื่อเสียง อนาคตในงานราชการ จารุดาคงไม่ต้องมาเผชิญกับสถานการณ์อย่างทุกวันนี้ ลูกสาวของเขามีความงามไม่แพ้มารดาที่ล่วงลับไปแล้วแต่กลับต้องจำใช้ภาพลักษณ์ที่ดูเชยปกปิดเอาไว้เพราะคุณยายจันทร์ไม่ยินดีกับการมีชายหนุ่มมาชอบพอหลานสาว เขาจะโทษหญิงชราเสียทีเดียวก็ไม่ได้เพราะจะว่าไปแล้วตนก็มีส่วนที่ทำให้นางมีอคติกับเพศชาย
จารุดาถึงวัยควรมีคนรัก หญิงสาวบางคนในวัยเดียวกันกับลูกสาวเขาแต่งงานมีลูกแล้วด้วยซ้ำ
“พูดถึงเรื่องอายุเรื่องวัย...พ่อว่าถึงเวลาที่จาจะมีใครสักคนแล้วนะ”
“คุณพ่อน่าจะทราบว่าจาคิดเรื่องนั้นไม่ได้” จารุดาพูดเหมือนเป็นเรื่องที่ทำใจได้นานแล้ว “จาไม่อยากให้ยายเสียใจ”
“พ่อได้ยินมาว่าจากำลังคบใครอยู่” คุณเอกอมรเอ่ยเข้าเรื่อง
หญิงสาวขมวดคิ้ว นึกทบทวนแล้วพอจะรู้ว่าผู้ให้กำเนิดพูดถึงเรื่องใดและรู้เรื่องนั้นมาจากใคร สุจิราคงนำเรื่องไปขยายต่อ วูบหนึ่งที่จารุดาเจ็บแปลบขึ้นมาในอก
“คุณพ่อคงจะห่วงจินนี่สินะคะ”
“อย่าเข้าใจพ่อผิดนะจา...พ่อเป็นห่วงลูก...ทุกคน” คุณเอกอมรตอบอย่างใจเย็น “พ่อแค่อยากรู้เรื่องของจาบ้างเพราะระยะหลังมานี่จาไม่ค่อยเล่าอะไรให้พ่อฟังเท่าไหร่”
คนเป็นลูกมองตอบสายตาพ่อแล้วตระหนักถึงความห่วงใยในดวงตาคู่นั้นจริงดังคำพูด เธอสูดลมหายใจยาวฝืนยิ้มให้ผู้ให้กำเนิด ไม่อาจบอกกล่าวให้คุณเอกอมรฟังได้ถึงเรื่องราวของตนและธนิน
เธอ ‘เคย’ ตั้งใจจะใช้เขาเป็นเครื่องมือเพื่อตอกหน้าสุจิรา
“พ่อเคยเจอคุณธนินมาแล้ว พ่อดูออกว่าเขาไม่ได้สนใจจินนี่...เรื่องแบบนี้ยังไงก็ต้องอยู่ที่คนกลาง” หนุ่มใหญ่ถอนใจ “พ่อสนับสนุนถ้าจาจะมีความรัก มีใครสักคนที่เหมาะสมกับจา แต่ถ้าจาทำไปเพราะเหตุผลอื่น จาเองที่จะไม่มีความสุขแล้วมันก็เป็นการทำร้ายธนินเขาด้วย”
ทั้งน้ำเสียงและท่าทีของคุณเอกอมรทำให้หญิงสาวตั้งเอื้อมไปกุมมือผู้ให้กำเนิดซึ่งแม้จะไม่มีโอกาสเลี้ยงดูใกล้ชิดแต่หญิงสาวก็ดูออกถึงความรักและห่วงใยที่มีให้เธอเต็มเปี่ยม
“จาขอบคุณคุณพ่อนะคะ ที่เป็นห่วงจา”
“อ่ะแฮ้ม...สองพ่อลูกทำซึ้งอะไรกันอยู่เอ่ย”
สุรกุลเอ่ยพร้อมกับวางจานอาหารลงบนโต๊ะ “รีบไปเลือกเลยครับ เดี๋ยวไม่คุ้มนะ”
“ใครจะกินเก่งเหมือนเราล่ะ เจ้าโจ”
คุณเอกอมรส่ายหน้าอย่างเอ็นดูลูกชายเพียงคนเดียว เด็กหนุ่มนั่งปุ๊บมือก็คว้าช้อนส้อมปั๊บ จัดการอาหารในจานอย่างเอร็ดอร่อย ปล่อยให้พ่อและพี่สาวไปเลือกดูอาหารกันสองคน
สุรกุลเดินเครื่องเร็วเพราะกลัวจะไม่คุ้มแต่เอาเข้าจริงไม่ถึงชั่วโมงเด็กหนุ่มก็ถึงกับคลำท้องด้วยความอิ่มแน่น คุณเอกอมรบอกกับลูกทั้งสองคนว่าจะลุกขึ้นเดินไปเลือกผลไม้เปิดโอกาสให้สองพี่น้องได้พูดคุยกัน
“เป็นยังไงล่ะโจ ยังเหลือเวลาอีกชั่วโมงเศษ ๆ นะ อีกสักหน่อยไหม”
“โอ๊ย...พี่จาอย่าล้อสิ ตอนเห็นอะไรก็น่ากินไปหมด พอเอามาใส่ปากเข้าจริง ๆ มันเกินท้องจะจุได้แล้วนะเนี่ย พุงออก...โอย...อึดอัด”
“วัยกำลังกินกำลังนอน ออกกำลังกายบ้างก็ช่วยได้แล้วล่ะ โจหุ่นดีออกเพื่อนพี่เห็นยังชอบเลย”
“เพื่อนพี่จา...คนนั้นน่ะเหรอ” สุรกุลทำท่าเหมือนกินยาขม “เอาไว้ถ้าเป็นเพื่อนผู้หญิงสวย ๆ ค่อยมาบอกผมอีกทีนะ”
จารุดาหัวเราะขันท่าทีของน้องชาย สุรกุลไม่มีความเป็นคุณสโรชาอยู่ในตัวเลยแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มให้ความเคารพเธอเป็นอย่างดี ถือว่าเธอเป็นพี่สาวคนหนึ่งเสมอ
“อย่างโจคงมีสาว ๆ ที่โรงเรียนมาตอมกันให้หึ่งอยู่แล้วมั้ง”
“โหย...พี่จา ใช้คำว่าตอม ใจร้ายกับน้องนะเนี่ย” สุรกุลเบ้หน้าใส่พี่สาวก่อนจะปรับท่าเป็นจริงจังขึ้นเท้าศอกสองข้างลงกับโต๊ะชะโงกหน้ามาถาม “ว่าแต่พี่จาเถอะ มีหนุ่มมาจีบหรือไปจีบหนุ่มที่ไหนรึเปล่า”
“นี่อย่าบอกนะว่าที่ถามน่ะ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรมาก่อน”
เด็กหนุ่มถอนใจทำหน้าเซ็ง “รู้ทันอีก...แต่ก็นั่นแหละ อย่างพี่จินนี่ไม่มีเก็บเงียบ โวยวายลั่น ฟ้องคุณพ่อว่าพี่จาจะแย่งของเค้า”
“แล้วโจเชื่ออย่างนั้นรึเปล่าล่ะ”
สุรกุลส่ายหน้า “ผมอาจจะไม่ได้ใกล้ชิดพี่จาเท่าไหร่ แต่ก็พอรู้ว่าพี่จาเป็นคนยังไง ที่สำคัญผมรู้จักพี่จินนี่ รายนั้น....”
“ยังไงเค้าก็พี่สาวเรานะ”
“ไม่พูดก็ได้...เอาเป็นว่ารู้กัน” เด็กหนุ่มยอมละเรื่องสุจิรา แต่เหมือนจะยังไม่ยอมเลิกราเรื่องพี่สาวคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า เก็กเสียงเหมือนกำลังรายงานข่าวและสัมภาษณ์บุคคลสำคัญอยู่ “ว่าแต่...คุณจารุดาไม่มีอะไรจะแก้ข่าวบ้างเหรอครับ อันนี้ในฐานะคนของประชาชนต้องให้ข่าวนะครับ”
“เรื่องส่วนตัวขอไม่ตอบค่ะ กรุณาโฟกัสที่ผลงานนะคะ”
จารุดาโต้อย่างทันกัน สองพี่น้องจึงพากันหัวเราะชอบใจ พอดีกับที่คุณเอกอมรถือจานผลไม้กลับมาสมทบกับลูกชายลูกสาว ได้เห็นบรรยากาศระหว่างพี่น้องก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขกับภาพที่ได้เห็น
หญิงชราเปิดประตูออกจากเรือนไม้ชั้นเดียวภายในสวนอาหาร หลังจากเห็นชายหนุ่มที่ระยะนี้ทำตัวเป็นลูกค้าประจำ ที่ต้องเห็นหน้าแทบทุกเย็น แต่แรกคุณยายจันทร์ก็คิดว่าจะปล่อยผ่านแต่ชักตงิดกับความถี่ในการปรากฏตัวของธนินจึงขยับลุกขึ้นจากหน้าจอมอนิเตอร์ของกล้องวงจรปิดเดินตรงไปยังศาลากลางน้ำหลังที่ลูกค้าหน้าคุ้นเดินไปนั่งก่อนหน้านี้ครู่หนึ่งแล้ว
ธนินกำลังก้มหน้าดูรายการอาหารอยู่เมื่อเงยหน้าขึ้นเพื่อสั่งอาหารกับพนักงานก็สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าหญิงชรากำลังจะนั่งลงบนเก้าอี้ตรงกันข้าม ชายหนุ่มกระพุ่มมือไหว้ก่อนหันไปสิ่งที่ต้องการกับพนักงาน กระทั่งอยู่กันเพียงลำพังชายหนุ่มจึงยืดอกนั่งตัวตรงยิ้มทำใจดีสู้เสือและดูจากสายตาคมกริบที่กำลังมองมาทางเขาแล้วต้องบอกว่าเสือตัวนี้ท่าทางจะดุมากเสียด้วย
“คุณยายมีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”
“มี”
คำตอบสั้น ๆ ทรงอานุภาพด้วยความเข้มของน้ำเสียงและความเคร่งขึงของหน้าตาผู้ตอบ ทำเอาคนที่ทำใจสู้ก่อนหน้านี้ชักจะปอด
“ช่วยบอกหน่อยสิ ว่าที่มาร้านเกือบจะวันเว้นวันเนี่ย ต้องการอะไรกันแน่”
“ผมหาร้านอาหารอร่อย ๆ มานานแล้วครับ มาติดใจเอาก็ร้านคุณจา...เอ่อ...ผมหมายถึงร้านคุณยายนี่แหละครับ รสชาติถูกปากที่สุดแล้ว”
“ถ้าจะให้ดีน่าจะชักชวนเพื่อนฝูงมาด้วยนะ แฟนก็ได้ มากินคนเดียวทุกวันไม่เหงาหรือยังไง”
“ก็ไม่นะครับคุณยาย”
“ฉันจะขอพูดตามตรงก็แล้วกันนะ” คุณยายจันทร์เอ่ยน้ำเสียงเด็ดขาด “ถ้าจะคิดมาวอแวกับหลานสาวฉันล่ะก็ เชิญกลับไปได้แต่ถ้าจะมาเป็นลูกค้าจริงอย่างปากว่า ที่นี่ก็ยินดีต้อนรับ”
“ครับ”
ธนินกลืนน้ำลายลงคอกับท่าทางเอาจริงเอาจังของหญิงชรา ลำพังจารุดาเขายังพอเห็นเยื่อใยในท่าทีของหญิงสาวแต่กับคุณยายจันทร์ดูเหมือนว่าจะมีกำแพงหน้าสักสิบชั้นขวางอยู่
เอาวะ...ไอ้นิน...จะกำแพงกี่ชั้นก็ต้องทุบ ต้องปีนฝ่าไปให้ได้ เพี่อคุณจา
จารุดากลับมาถึงบ้านเดินขึ้นเรือน เปิดประตูเข้าไปในห้องก็พบผู้เป็นยายนั่งรออยู่บนเตียงนอนของตน หญิงสาวชะงักเล็กน้อย เธอบอกผู้เป็นยาย ขออนุญาตไปรับประทานอาหารเย็นกับพ่อและน้องชาย รู้ดีว่าหญิงชราไม่เต็มใจนักแต่ก็ยังยินยอม บางทีเธอคงจะเพลินกับการได้พูดคุยกับพ่อและน้องจนกลับดึกเกินไปสักนิด
"ยายจ๋า...ทำไมยังไม่นอนอีกล่ะจ๊ะ นี่ก็ดึกแล้วนะ"
"มารอคุยด้วยอยู่นี่แหละ อยากจะรู้ด้วยว่าแอบซ่อนอะไรไว้ในห้องไม่ให้ยายรู้เห็นรึเปล่า"
"ซ่อนอะไรกันจ๊ะยายไม่มีอะไรสักหน่อย" จารุดาฝืนยิ้ม ไม่มีอะไรในห้องให้ผู้เป็นยายผิดสังเกตแน่ เมมโมรี่การ์ดที่มีภาพที่นิคมแอบถ่ายเธอกับธนินถูกเก็บไว้ในกระเป๋าสะพายเป็นอย่างดี "ว่าแต่ยายมีอะไรจะคุยกับจาเหรอจ๊ะ"
หญิงสาวหย่อนตัวลงนั่งข้างผู้เป็นยายเกาะแขนอย่างเอาอกเอาใจ แววตาจับผิดของหญิงชราเลือนหายไปแทบจะในทันที
"ก็อยากจะรู้ว่าไปหว่านเสน่ห์ให้ไอ้หนุ่มลูกหลานเจ้าของห้างนั่นรึเปล่า ทำไมถึงได้เทียวมานักที่ร้านเนี่ย"
"ใครนะจ๊ะยาย"
"ก็ไอ้หนุ่มคนนั้นที่ชื่อ ธนง ธนินอะไรนั่นแหละ วันนี้ก็มาอีกแล้ว"
"เหรอจ๊ะยาย...เอ...แต่อย่างนั้นมันก็ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับจาสักหน่อยนี่จ๊ะ วันนี้จาก็ไม่อยู่สักหน่อย ถ้าเขามาหาจาจริงก็น่าจะมาวันที่จาอยู่สิจ๊ะ"
"คงจะเพียรมากะว่าจะได้เจอสักวันล่ะมั้ง"
"ถ้าอย่างนั้นยิ่งแสดงว่าจาไม่ได้ไปหว่านเสน่ห์อะไรกับเขาสิจ๊ะยาย เพราะถ้าเราคุยกัน ติดต่อกัน เขาจะต้องรู้ว่าจาไม่อยู่ จะมาให้เสียเที่ยวทำไมล่ะจ๊ะ"
"แน่ใจนะว่าไม่ได้โกหกยาย"
ชั่วขณะหนึ่งที่จารุดาชะงัก...เธอไม่เคยโกหกคุณยายจันทร์ ไม่เคยคิดว่าจะต้องปกปิดเรื่องที่มีผู้ชายคนไหนเข้ามาในชีวิต ก่อนหน้านี้หากใครมาวอแวเกาะแกะเธอสามารถเปิดปากเล่าให้ผู้เป็นยายฟังได้หมด พร้อมจะให้คุณยายจันทร์ไล่คนเหล่านั้นออกไปจากชีวิต แต่ครั้งนี้กลับแตกต่างออกไป
"จ้ะ...จาว่ายายไปนอนดีกว่านะจ๊ะ นอนดึกมากไม่ดีกับสุขภาพนะ ยายนอนหัวค่ำตื่นแต่เช้ามืดทุกวัน วันนี้นอนดึกกว่าทุกวันมากแล้วนะจ๊ะ" หญิงสาวสบหน้าลงกับบ่าหญิงชราซ่อนอาการสำนึกเสียใจเพราะเกรงว่าคุณยายจันทร์จะสังเกตเห็น "เดี๋ยวจาเดินไปส่งยายที่ห้องนะจ๊ะ"
"ไม่ต้อง ๆ รีบอาบน้ำอาบท่า เข้านอนด้วยล่ะ อาบน้ำดึกมากจะไม่สบายเอา ถ้าจะส่งก็ส่งแค่หน้าห้องนี่ก็พอ"
จารุดาลุกขึ้นยืนตามคุณยายจันทร์ เดินจูงแขนไปถึงหน้าห้องกล่าวราตรีสวัสดิ์ เมื่องับประตูห้องปิดแล้วหญิงสาวก็ยืนพิงหลังกับประตูไม้ ระบายลมหายใจยาว
ความรู้สึกสองฝักสองฝ่ายต่อสู้กันอยู่ในใจ ใจหนึ่งนั้นคิดว่าการคบหากับธนินไม่ใช่ความผิดร้ายแรงอะไร แต่อีกใจสำนึกถึงความผิดบาปที่ต้องโกหกปกปิดผู้เป็นยาย
เรื่องของเธอกับธนิน มีคุณยายจันทร์กั้นกลางและหญิงสาวรู้ดีว่าหากถึงวันที่ต้องเลือกระหว่างสองสิ่งเธอต้องเลือกผู้เป็นยายมากกว่าความสัมพันธ์ของตนกับชายหนุ่ม
ถ้าหากถึงวันนั้นเธอคงจำต้องหักใจ ทำร้ายความรู้สึกของตนเอง ที่สำคัญคงต้องทำร้ายความรู้สึกของชายหนุ่มด้วยเช่นกัน
ธนินเหลือบมองหญิงสาวที่นั่งเบาะข้างคนขับในรถยนต์ที่เปิดประทุนไว้ขณะวิ่งเลียบถนนริมหาด อีกสิ่งที่จารุดาไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยคบหา หากเป็นผู้หญิงสวยเปรี้ยวปรูดปราดอย่างที่เขาเคยคบคงร้องลั่นที่จู่ ๆ เขาขอปิดเครื่องปรับอากาศและขับรถรับแดดและลมธรรมชาติแม้ว่าสองข้างทางจะมีต้นไม้เรียงรายให้ร่มเงาก็ตาม
เธอไม่ห่วงผิวเสีย ไม่กลัวผมเสียทรง แต่กลับสูดลมหายใจรับอากาศบริสุทธิ์ เมื่อผมที่เกล้าไว้ดูเหมือนจะขยับลู่ไปตามแรงลมเล็กน้อยเธอก็เพียงยกมือข้างหนึ่งขึ้นจับไว้ให้เข้าที่
การนัดหมายกันระหว่างเขาและจารุดาครั้งนี้คงจะสำเร็จไปไม่ได้ถ้าไม่มีนิคมมาเป็นตัวเชื่อม รายนั้นมีนัดกับ 'เพื่อนใหม่' มาเที่ยวชายทะเลพอดีจึงไปรับจารุดาที่บ้านสวน พาตัวมมาส่งธนินยังจุดนัดหมาย จากนั้นก็แยกย้ายกันขับรถตามกันมา โดยวางแผนกันไว้ว่าจะเที่ยวกันแบบคู่ใครคู่มันแต่ถึงอย่างนั้นจะต้องมีรูปถ่ายของนิคมคู่จารุดาไปเป็นหลักฐานวัตถุเผื่อคุณยายจันทร์ถามหา
รถของนิคมขับตามหลังมาไม่ห่างกระทั่งถึงชายหาดที่หมาย ธนินเดินนำจารุดาไปที่ริมหาดซึ่งมีเก้าอี้ผ้าใบและร่มขนาดใหญ่กางให้บริการเช่า นิคมก็พาชายหนุ่มผิวเข้มเนียนละเอียดเดินตามมาและเลี่ยงไปที่ร่มคันที่อยู่ห่างออกไป แต่อยู่ในระยะที่สามารถมองเห็นกันได้
"คุณจาจะทานอะไรดีครับ"
"ยังอิ่มข้าวเช้าอยู่เลยค่ะ เอาพวกเครื่องดื่มดีกว่า ขอน้ำแดงก็แล้วกันนะคะ"
ธนินหันไปสั่งเครื่องดื่มกับเจ้าของพื้นที่ให้บริการ เขาไม่ค่อยชินกับการมานั่งอย่างนี้นัก เพราะถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นที่ผ่านมารวมไปถึงสุจิรา คงเลือกที่จะไปใช้บริการพื้นที่ของโรงแรมหรือรีสอร์ทแถวนี้มากกว่า
"ไม่ดื่มเบียร์เหรอคะ"
"ไม่ล่ะครับ น้ำอัดลมดีกว่า ผมยังต้องขับรถกลับ"
"ฉันขับรถเป็นนะคะ ถ้าเผื่อคุณอยากดื่ม"
"ไม่ล่ะครับคุณจา ผมว่าจะลองห่าง ๆ ของมึนเมาแล้ว ไม่รู้เป็นอะไร...พักนี้รู้สึกอยากเป็นคนที่ดีกว่าที่เคยเป็นมา"
"อย่าเปลี่ยนแปลงอะไรเพราะใครเลยค่ะ บางที..."
จารุดาเหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่แล้วกลับเปลี่ยนใจเพียงแต่ยิ้มน้อย ๆ พอดีกับที่ลูกจ้างของพื้นที่ให้บริการนำเอาเครื่องดื่มมาวางที่โต๊ะไม้ซึ่งวางอยู่ตรงกลางระหว่างเก้าอี้ผ้าใบสองตัว
แสงแดดและสายลมริมทะเลรวมถึงหญิงสาวที่นั่งข้างตัวทำให้ธนินอิ่มเอมกับบรรยากาศรอบตัวได้มากกว่ายามที่นั่งอยู่ริมหาดส่วนตัวพื้นที่ของรีสอร์ทหรือโรงแรมหรูแห่งไหน เขาได้ตระหนักถึงอีกสิ่งหนึ่งในตัวจารุดาที่ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจอย่างบอกไม่ถูก...เธอไม่พูดอะไรมาก ไม่ประจ๋อประแจ๋ เพียงแต่นั่งซึมซับความงามของธรรมชาติรอบตัวและลักษณะนั้นในตัวเธอก็ทำให้เขาได้มองเห็นธรรมชาติมากขึ้นด้วย ไม่มีเสียงอ่อนหวานคอยเรียก ชวนพูดคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา
"ไปเดินเล่นกันไหมครับ มาทะเลทั้งทีอย่างน้อยให้เทาสัมผัสน้ำหน่อย"
ชายหนุ่มเอ่ยถามพลางลุกขึ้นยื่นส่งมือให้หญิงสาว เธอมองมือใหญ่หนานั้นอย่างลังเลเล็กน้อยก่อนรับคำแผ่วเบาวางมือที่เรียวเล็กว่าลงบนมือของธนินแล้วลุกขึ้นยืนให้เขาเดินจูงแขนไปทางริมชายหาด
ลมแรงปะทะเข้ากับผิวกายขณะเดียวกับที่แสงแดดจ้าก็ยังกระทบกับผิวอยู่ตลอดแต่จารุดาไม่แยแสเดินตามเขาโดยไม่ปริปากบ่น เมื่อหันมามองเห็นว่าเขากำลังลองมองเธออยู่ยิ้ม ๆ ก็เลิกคิ้วมองอย่างสงสัย
"คุณนิน...ขำอะไรจาเหรอคะ"
"เปล่าครับ ผมแค่นึกขำ...ปกติเวลามีใคร..."
"ผู้หญิง"
"ครับ...เวลามีผู้หญิงชวนมาเที่ยวทะเล เขาจะชอบหลบอยู่แต่ในร่ม โดนลมโดนแดดหน่อยก็ร้องว้ายแล้ว"
"ฉันคงไม่ใช่ผู้หญิงรักสวยรักงามอะไรแบบนั้นมั้งคะ อีกอย่างคิดว่ากันแดดที่ทามาก็คงพอช่วยได้"
"แปลกดีนะครับ" ธนินยังคงยิ้มเต็มหน้า "สำหรับผมคุณจาแปลก...เอ่อ...ใช่คำว่าพิเศษดีกว่า พิเศษกว่าผู้หญิงคนอื่น"
"คงเพราะคุณธนินไม่เคยเจอผู้หญิงแบบฉันมากกว่าค่ะ" หญิงสาวตอบขณะยกเท้าแตะฟองคลื่นที่ซัดมา "ผู้หญิงที่คุณเคยคบหามาคงจะต่างไปเท่านั้นเอง มีผู้หญิงตั้งเยอะแยะที่กล้าสู้แดดท้าลมแบบฉัน"
ธนินพยักหน้ายอมรับให้เหตุผล
"ไม่แน่ว่าถ้าคุณนินได้เจอผู้หญิงคนอื่นที่เหมือนกับฉัน คุณก็คงรู้สึกประทับใจเหมือนกัน"
"ได้เจอคุณจาก่อนแบบนี้ ผมคงมองผู้หญิงคนอื่นยากแล้วมั้งครับ"
หญิงสาวขยับจะพูดอะไรแต่แล้วกลับเปลี่ยนใจเสมองออกไปยังท้องทะเลกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา กลั้นลมหายใจ ซึมซับความรู้สึกที่มีมือของชายหนุ่มกุมอยู่
ทั้งสองคู่ใช้เวลาอยู่ที่หาดแห่งนั้นนานจนคล้อยเย็นจึงเดินทางกลับกรุงเทพ
รถยนต์สองคันแล่นมาถึงจุดพักรถบนเส้นทางพิเศษขาเข้ากรุงเทพ จุดนี้จารุดาต้องเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับเป็นชุดยายเชยและกลับไปโดยสารรถของนิคมเพื่อให้เพื่อนสนิทเป็นผู้ขับรถไปส่งที่บ้านสวน
นิคมและเพื่อนหนุ่มคนใหม่นั่งรออยู่ที่โต๊ะหนึ่งในร้านกาแฟในจุดพักรถ ส่วนธนินนั่งรอหญิงสาวอยู่ที่โต๊ะอีกตัวเพื่อให้ทั้งคู่มีเวลาอยู่ด้วยกันเพียงลำพังให้นานที่สุด หญิงสาวที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของตัวเองกลับสู่สภาพปกติเดินเข้ามาในร้านกาแฟ รอยยิ้มของธนินที่ส่งให้ทำให้จารุดาลังเลที่จะเอ่ยในสิ่งที่คิดเอาไว้
ยิ่งเมื่อหย่อนตัวลงนั่งและได้เห็นแววสงสัยในดวงตาของธนิน หญิงสาวยิ่งลำบากใจ เขาอ่านออกว่าเธอกำลังจะบอกอะไรบางอย่าง
"คุณนินคะ"
"คุณจา" ธนินรีบชิงบอก ยื่นแขนมาเพื่อกุมมือหญิงสาวเอาไว้ "ผมเข้าใจนะครับ ว่าเรื่องของเรามันอาจจะเป็นไปได้ยาก แต่ผมกำลังพยายามจะเข้าหาคุณยายของคุณ ต้องมีวิธีไหนสักวิธีที่ทำให้คุณยายของคุณยอมรับผม มันคงต้องใช้เวลาแต่ผมจะไม่ถอดใจ"
"คุณนิน" จารุดาส่ายหน้า "ถ้ามันไม่มีวันเป็นไปได้ บางทีหยุดตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่าที่จะปล่อยให้มันยิ่งเนิ่นนานไปกว่านี้นะคะ"
"คุณจา"
"ที่ฉันตัดสินใจมาเที่ยวกับคุณวันนี้เพราะอยากจะให้เรามีเวลาดี ๆ ด้วยกัน" หญิงสาวเสียงเครือเล็กน้อย หากเธอพยายามรวบรวมความเข้มแข็งด้วยการสูดลมหายใจยาว "ถ้ายังคบกันต่อไป จนถึงวันที่เราสองคนจะต้องตัดใจ...เราอาจจะต้องเสียใจต้องเจ็บปวดมากกว่านี้ ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันก็ไม่อยากทำร้ายตัวเองแล้วก็ไม่อยากจะให้คุณต้องเสียใจด้วย"
"ไม่ครับคุณจา เราไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ มันต้องมีทาง หรือคุณจาจะให้ผมรอ ผมก็จะรอต่อไป ขอร้องนะครับคุณจา"
จารุดาชะงักงันกับสายตาวิงวอนของธนิน ไม่อาจปฏิเสธสายตาคู่นั้น รวมถึงไม่อาจปฏิเสธความปรารถนาที่แฝงอยู่ลึกลงไปในใจของตนเองได้
เธอได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาคู่นั้นหากแต่ปล่อยให้เขาเกาะกุมมือของเธอต่อไปนิ่งนาน
ภายนอกร้านกาแฟแห่งนั้นมีรถยนต์คันหนึ่งซึ่งแอบติดตามจารุดาและนิคมมาตั้งแต่ออกจากบ้านสวน หญิงสาวที่นั่งอยู่ที่เบาะคนขับบีบมือแน่นกับพวงมาลัย
ใบหน้างามบิดเบี้ยวผิดรูปเพราะอารมณ์คับแค้น
จารุดา...เธอจงใจจะแย่งพี่นินของฉันจริง ๆ แล้วเธอจะต้องเสียใจ
“โจ...คุณพ่อล่ะ”
“นั่งรออยู่ด้านโน้น...พี่จาไปหาพ่อก่อนก็ได้เดี๋ยวผมได้ปลาดิบแล้วจะตามไป”
หญิงสาวมองผ่านผู้คนภายในร้านไปยังทิศทางที่น้องชายบอกก็เห็นคุณเอกอมรที่นั่งรออยู่ส่งยิ้มมาให้ เธอจึงเดินไปหากระพุ่มมือไหว้ก่อนหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้คนละฝั่งโต๊ะ
“คุณพ่ออยากไปเลือกอาหารก่อนไหมคะ เดี๋ยวจาเฝ้าโต๊ะให้เอง”
“ไม่เป็นไร รอนายโจมาเถอะรายนั้นคงจะขนมากินทีเดียวหลายอย่าง ขี้เกียจลุกบ่อย ๆ ตามเคยนั่นแหละ”
จารุดายิ้มขันหันหลังมองไปทางน้องชายต่างมารดาที่ตอนนี้ถือจานซาซิมิไปยืนเข้าแถวรอสั่งพาสต้าแล้ว
“วัยกำลังกินเลยล่ะค่ะ น้องโตขึ้นจนจารู้สึกว่าตัวเองแก่”
“ถ้าจาแก่...พ่อไม่ยิ่งแย่เหรอลูก”
คุณเอกอมรยิ้มแย้มมองลูกสาวที่เกิดกับผู้หญิงที่เขารัก หากไม่เพราะเหตุการณ์บังคับ ไม่เพราะเขาเลือกที่จะรักษาชื่อเสียง อนาคตในงานราชการ จารุดาคงไม่ต้องมาเผชิญกับสถานการณ์อย่างทุกวันนี้ ลูกสาวของเขามีความงามไม่แพ้มารดาที่ล่วงลับไปแล้วแต่กลับต้องจำใช้ภาพลักษณ์ที่ดูเชยปกปิดเอาไว้เพราะคุณยายจันทร์ไม่ยินดีกับการมีชายหนุ่มมาชอบพอหลานสาว เขาจะโทษหญิงชราเสียทีเดียวก็ไม่ได้เพราะจะว่าไปแล้วตนก็มีส่วนที่ทำให้นางมีอคติกับเพศชาย
จารุดาถึงวัยควรมีคนรัก หญิงสาวบางคนในวัยเดียวกันกับลูกสาวเขาแต่งงานมีลูกแล้วด้วยซ้ำ
“พูดถึงเรื่องอายุเรื่องวัย...พ่อว่าถึงเวลาที่จาจะมีใครสักคนแล้วนะ”
“คุณพ่อน่าจะทราบว่าจาคิดเรื่องนั้นไม่ได้” จารุดาพูดเหมือนเป็นเรื่องที่ทำใจได้นานแล้ว “จาไม่อยากให้ยายเสียใจ”
“พ่อได้ยินมาว่าจากำลังคบใครอยู่” คุณเอกอมรเอ่ยเข้าเรื่อง
หญิงสาวขมวดคิ้ว นึกทบทวนแล้วพอจะรู้ว่าผู้ให้กำเนิดพูดถึงเรื่องใดและรู้เรื่องนั้นมาจากใคร สุจิราคงนำเรื่องไปขยายต่อ วูบหนึ่งที่จารุดาเจ็บแปลบขึ้นมาในอก
“คุณพ่อคงจะห่วงจินนี่สินะคะ”
“อย่าเข้าใจพ่อผิดนะจา...พ่อเป็นห่วงลูก...ทุกคน” คุณเอกอมรตอบอย่างใจเย็น “พ่อแค่อยากรู้เรื่องของจาบ้างเพราะระยะหลังมานี่จาไม่ค่อยเล่าอะไรให้พ่อฟังเท่าไหร่”
คนเป็นลูกมองตอบสายตาพ่อแล้วตระหนักถึงความห่วงใยในดวงตาคู่นั้นจริงดังคำพูด เธอสูดลมหายใจยาวฝืนยิ้มให้ผู้ให้กำเนิด ไม่อาจบอกกล่าวให้คุณเอกอมรฟังได้ถึงเรื่องราวของตนและธนิน
เธอ ‘เคย’ ตั้งใจจะใช้เขาเป็นเครื่องมือเพื่อตอกหน้าสุจิรา
“พ่อเคยเจอคุณธนินมาแล้ว พ่อดูออกว่าเขาไม่ได้สนใจจินนี่...เรื่องแบบนี้ยังไงก็ต้องอยู่ที่คนกลาง” หนุ่มใหญ่ถอนใจ “พ่อสนับสนุนถ้าจาจะมีความรัก มีใครสักคนที่เหมาะสมกับจา แต่ถ้าจาทำไปเพราะเหตุผลอื่น จาเองที่จะไม่มีความสุขแล้วมันก็เป็นการทำร้ายธนินเขาด้วย”
ทั้งน้ำเสียงและท่าทีของคุณเอกอมรทำให้หญิงสาวตั้งเอื้อมไปกุมมือผู้ให้กำเนิดซึ่งแม้จะไม่มีโอกาสเลี้ยงดูใกล้ชิดแต่หญิงสาวก็ดูออกถึงความรักและห่วงใยที่มีให้เธอเต็มเปี่ยม
“จาขอบคุณคุณพ่อนะคะ ที่เป็นห่วงจา”
“อ่ะแฮ้ม...สองพ่อลูกทำซึ้งอะไรกันอยู่เอ่ย”
สุรกุลเอ่ยพร้อมกับวางจานอาหารลงบนโต๊ะ “รีบไปเลือกเลยครับ เดี๋ยวไม่คุ้มนะ”
“ใครจะกินเก่งเหมือนเราล่ะ เจ้าโจ”
คุณเอกอมรส่ายหน้าอย่างเอ็นดูลูกชายเพียงคนเดียว เด็กหนุ่มนั่งปุ๊บมือก็คว้าช้อนส้อมปั๊บ จัดการอาหารในจานอย่างเอร็ดอร่อย ปล่อยให้พ่อและพี่สาวไปเลือกดูอาหารกันสองคน
สุรกุลเดินเครื่องเร็วเพราะกลัวจะไม่คุ้มแต่เอาเข้าจริงไม่ถึงชั่วโมงเด็กหนุ่มก็ถึงกับคลำท้องด้วยความอิ่มแน่น คุณเอกอมรบอกกับลูกทั้งสองคนว่าจะลุกขึ้นเดินไปเลือกผลไม้เปิดโอกาสให้สองพี่น้องได้พูดคุยกัน
“เป็นยังไงล่ะโจ ยังเหลือเวลาอีกชั่วโมงเศษ ๆ นะ อีกสักหน่อยไหม”
“โอ๊ย...พี่จาอย่าล้อสิ ตอนเห็นอะไรก็น่ากินไปหมด พอเอามาใส่ปากเข้าจริง ๆ มันเกินท้องจะจุได้แล้วนะเนี่ย พุงออก...โอย...อึดอัด”
“วัยกำลังกินกำลังนอน ออกกำลังกายบ้างก็ช่วยได้แล้วล่ะ โจหุ่นดีออกเพื่อนพี่เห็นยังชอบเลย”
“เพื่อนพี่จา...คนนั้นน่ะเหรอ” สุรกุลทำท่าเหมือนกินยาขม “เอาไว้ถ้าเป็นเพื่อนผู้หญิงสวย ๆ ค่อยมาบอกผมอีกทีนะ”
จารุดาหัวเราะขันท่าทีของน้องชาย สุรกุลไม่มีความเป็นคุณสโรชาอยู่ในตัวเลยแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มให้ความเคารพเธอเป็นอย่างดี ถือว่าเธอเป็นพี่สาวคนหนึ่งเสมอ
“อย่างโจคงมีสาว ๆ ที่โรงเรียนมาตอมกันให้หึ่งอยู่แล้วมั้ง”
“โหย...พี่จา ใช้คำว่าตอม ใจร้ายกับน้องนะเนี่ย” สุรกุลเบ้หน้าใส่พี่สาวก่อนจะปรับท่าเป็นจริงจังขึ้นเท้าศอกสองข้างลงกับโต๊ะชะโงกหน้ามาถาม “ว่าแต่พี่จาเถอะ มีหนุ่มมาจีบหรือไปจีบหนุ่มที่ไหนรึเปล่า”
“นี่อย่าบอกนะว่าที่ถามน่ะ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรมาก่อน”
เด็กหนุ่มถอนใจทำหน้าเซ็ง “รู้ทันอีก...แต่ก็นั่นแหละ อย่างพี่จินนี่ไม่มีเก็บเงียบ โวยวายลั่น ฟ้องคุณพ่อว่าพี่จาจะแย่งของเค้า”
“แล้วโจเชื่ออย่างนั้นรึเปล่าล่ะ”
สุรกุลส่ายหน้า “ผมอาจจะไม่ได้ใกล้ชิดพี่จาเท่าไหร่ แต่ก็พอรู้ว่าพี่จาเป็นคนยังไง ที่สำคัญผมรู้จักพี่จินนี่ รายนั้น....”
“ยังไงเค้าก็พี่สาวเรานะ”
“ไม่พูดก็ได้...เอาเป็นว่ารู้กัน” เด็กหนุ่มยอมละเรื่องสุจิรา แต่เหมือนจะยังไม่ยอมเลิกราเรื่องพี่สาวคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า เก็กเสียงเหมือนกำลังรายงานข่าวและสัมภาษณ์บุคคลสำคัญอยู่ “ว่าแต่...คุณจารุดาไม่มีอะไรจะแก้ข่าวบ้างเหรอครับ อันนี้ในฐานะคนของประชาชนต้องให้ข่าวนะครับ”
“เรื่องส่วนตัวขอไม่ตอบค่ะ กรุณาโฟกัสที่ผลงานนะคะ”
จารุดาโต้อย่างทันกัน สองพี่น้องจึงพากันหัวเราะชอบใจ พอดีกับที่คุณเอกอมรถือจานผลไม้กลับมาสมทบกับลูกชายลูกสาว ได้เห็นบรรยากาศระหว่างพี่น้องก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขกับภาพที่ได้เห็น
หญิงชราเปิดประตูออกจากเรือนไม้ชั้นเดียวภายในสวนอาหาร หลังจากเห็นชายหนุ่มที่ระยะนี้ทำตัวเป็นลูกค้าประจำ ที่ต้องเห็นหน้าแทบทุกเย็น แต่แรกคุณยายจันทร์ก็คิดว่าจะปล่อยผ่านแต่ชักตงิดกับความถี่ในการปรากฏตัวของธนินจึงขยับลุกขึ้นจากหน้าจอมอนิเตอร์ของกล้องวงจรปิดเดินตรงไปยังศาลากลางน้ำหลังที่ลูกค้าหน้าคุ้นเดินไปนั่งก่อนหน้านี้ครู่หนึ่งแล้ว
ธนินกำลังก้มหน้าดูรายการอาหารอยู่เมื่อเงยหน้าขึ้นเพื่อสั่งอาหารกับพนักงานก็สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าหญิงชรากำลังจะนั่งลงบนเก้าอี้ตรงกันข้าม ชายหนุ่มกระพุ่มมือไหว้ก่อนหันไปสิ่งที่ต้องการกับพนักงาน กระทั่งอยู่กันเพียงลำพังชายหนุ่มจึงยืดอกนั่งตัวตรงยิ้มทำใจดีสู้เสือและดูจากสายตาคมกริบที่กำลังมองมาทางเขาแล้วต้องบอกว่าเสือตัวนี้ท่าทางจะดุมากเสียด้วย
“คุณยายมีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”
“มี”
คำตอบสั้น ๆ ทรงอานุภาพด้วยความเข้มของน้ำเสียงและความเคร่งขึงของหน้าตาผู้ตอบ ทำเอาคนที่ทำใจสู้ก่อนหน้านี้ชักจะปอด
“ช่วยบอกหน่อยสิ ว่าที่มาร้านเกือบจะวันเว้นวันเนี่ย ต้องการอะไรกันแน่”
“ผมหาร้านอาหารอร่อย ๆ มานานแล้วครับ มาติดใจเอาก็ร้านคุณจา...เอ่อ...ผมหมายถึงร้านคุณยายนี่แหละครับ รสชาติถูกปากที่สุดแล้ว”
“ถ้าจะให้ดีน่าจะชักชวนเพื่อนฝูงมาด้วยนะ แฟนก็ได้ มากินคนเดียวทุกวันไม่เหงาหรือยังไง”
“ก็ไม่นะครับคุณยาย”
“ฉันจะขอพูดตามตรงก็แล้วกันนะ” คุณยายจันทร์เอ่ยน้ำเสียงเด็ดขาด “ถ้าจะคิดมาวอแวกับหลานสาวฉันล่ะก็ เชิญกลับไปได้แต่ถ้าจะมาเป็นลูกค้าจริงอย่างปากว่า ที่นี่ก็ยินดีต้อนรับ”
“ครับ”
ธนินกลืนน้ำลายลงคอกับท่าทางเอาจริงเอาจังของหญิงชรา ลำพังจารุดาเขายังพอเห็นเยื่อใยในท่าทีของหญิงสาวแต่กับคุณยายจันทร์ดูเหมือนว่าจะมีกำแพงหน้าสักสิบชั้นขวางอยู่
เอาวะ...ไอ้นิน...จะกำแพงกี่ชั้นก็ต้องทุบ ต้องปีนฝ่าไปให้ได้ เพี่อคุณจา
จารุดากลับมาถึงบ้านเดินขึ้นเรือน เปิดประตูเข้าไปในห้องก็พบผู้เป็นยายนั่งรออยู่บนเตียงนอนของตน หญิงสาวชะงักเล็กน้อย เธอบอกผู้เป็นยาย ขออนุญาตไปรับประทานอาหารเย็นกับพ่อและน้องชาย รู้ดีว่าหญิงชราไม่เต็มใจนักแต่ก็ยังยินยอม บางทีเธอคงจะเพลินกับการได้พูดคุยกับพ่อและน้องจนกลับดึกเกินไปสักนิด
"ยายจ๋า...ทำไมยังไม่นอนอีกล่ะจ๊ะ นี่ก็ดึกแล้วนะ"
"มารอคุยด้วยอยู่นี่แหละ อยากจะรู้ด้วยว่าแอบซ่อนอะไรไว้ในห้องไม่ให้ยายรู้เห็นรึเปล่า"
"ซ่อนอะไรกันจ๊ะยายไม่มีอะไรสักหน่อย" จารุดาฝืนยิ้ม ไม่มีอะไรในห้องให้ผู้เป็นยายผิดสังเกตแน่ เมมโมรี่การ์ดที่มีภาพที่นิคมแอบถ่ายเธอกับธนินถูกเก็บไว้ในกระเป๋าสะพายเป็นอย่างดี "ว่าแต่ยายมีอะไรจะคุยกับจาเหรอจ๊ะ"
หญิงสาวหย่อนตัวลงนั่งข้างผู้เป็นยายเกาะแขนอย่างเอาอกเอาใจ แววตาจับผิดของหญิงชราเลือนหายไปแทบจะในทันที
"ก็อยากจะรู้ว่าไปหว่านเสน่ห์ให้ไอ้หนุ่มลูกหลานเจ้าของห้างนั่นรึเปล่า ทำไมถึงได้เทียวมานักที่ร้านเนี่ย"
"ใครนะจ๊ะยาย"
"ก็ไอ้หนุ่มคนนั้นที่ชื่อ ธนง ธนินอะไรนั่นแหละ วันนี้ก็มาอีกแล้ว"
"เหรอจ๊ะยาย...เอ...แต่อย่างนั้นมันก็ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับจาสักหน่อยนี่จ๊ะ วันนี้จาก็ไม่อยู่สักหน่อย ถ้าเขามาหาจาจริงก็น่าจะมาวันที่จาอยู่สิจ๊ะ"
"คงจะเพียรมากะว่าจะได้เจอสักวันล่ะมั้ง"
"ถ้าอย่างนั้นยิ่งแสดงว่าจาไม่ได้ไปหว่านเสน่ห์อะไรกับเขาสิจ๊ะยาย เพราะถ้าเราคุยกัน ติดต่อกัน เขาจะต้องรู้ว่าจาไม่อยู่ จะมาให้เสียเที่ยวทำไมล่ะจ๊ะ"
"แน่ใจนะว่าไม่ได้โกหกยาย"
ชั่วขณะหนึ่งที่จารุดาชะงัก...เธอไม่เคยโกหกคุณยายจันทร์ ไม่เคยคิดว่าจะต้องปกปิดเรื่องที่มีผู้ชายคนไหนเข้ามาในชีวิต ก่อนหน้านี้หากใครมาวอแวเกาะแกะเธอสามารถเปิดปากเล่าให้ผู้เป็นยายฟังได้หมด พร้อมจะให้คุณยายจันทร์ไล่คนเหล่านั้นออกไปจากชีวิต แต่ครั้งนี้กลับแตกต่างออกไป
"จ้ะ...จาว่ายายไปนอนดีกว่านะจ๊ะ นอนดึกมากไม่ดีกับสุขภาพนะ ยายนอนหัวค่ำตื่นแต่เช้ามืดทุกวัน วันนี้นอนดึกกว่าทุกวันมากแล้วนะจ๊ะ" หญิงสาวสบหน้าลงกับบ่าหญิงชราซ่อนอาการสำนึกเสียใจเพราะเกรงว่าคุณยายจันทร์จะสังเกตเห็น "เดี๋ยวจาเดินไปส่งยายที่ห้องนะจ๊ะ"
"ไม่ต้อง ๆ รีบอาบน้ำอาบท่า เข้านอนด้วยล่ะ อาบน้ำดึกมากจะไม่สบายเอา ถ้าจะส่งก็ส่งแค่หน้าห้องนี่ก็พอ"
จารุดาลุกขึ้นยืนตามคุณยายจันทร์ เดินจูงแขนไปถึงหน้าห้องกล่าวราตรีสวัสดิ์ เมื่องับประตูห้องปิดแล้วหญิงสาวก็ยืนพิงหลังกับประตูไม้ ระบายลมหายใจยาว
ความรู้สึกสองฝักสองฝ่ายต่อสู้กันอยู่ในใจ ใจหนึ่งนั้นคิดว่าการคบหากับธนินไม่ใช่ความผิดร้ายแรงอะไร แต่อีกใจสำนึกถึงความผิดบาปที่ต้องโกหกปกปิดผู้เป็นยาย
เรื่องของเธอกับธนิน มีคุณยายจันทร์กั้นกลางและหญิงสาวรู้ดีว่าหากถึงวันที่ต้องเลือกระหว่างสองสิ่งเธอต้องเลือกผู้เป็นยายมากกว่าความสัมพันธ์ของตนกับชายหนุ่ม
ถ้าหากถึงวันนั้นเธอคงจำต้องหักใจ ทำร้ายความรู้สึกของตนเอง ที่สำคัญคงต้องทำร้ายความรู้สึกของชายหนุ่มด้วยเช่นกัน
ธนินเหลือบมองหญิงสาวที่นั่งเบาะข้างคนขับในรถยนต์ที่เปิดประทุนไว้ขณะวิ่งเลียบถนนริมหาด อีกสิ่งที่จารุดาไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยคบหา หากเป็นผู้หญิงสวยเปรี้ยวปรูดปราดอย่างที่เขาเคยคบคงร้องลั่นที่จู่ ๆ เขาขอปิดเครื่องปรับอากาศและขับรถรับแดดและลมธรรมชาติแม้ว่าสองข้างทางจะมีต้นไม้เรียงรายให้ร่มเงาก็ตาม
เธอไม่ห่วงผิวเสีย ไม่กลัวผมเสียทรง แต่กลับสูดลมหายใจรับอากาศบริสุทธิ์ เมื่อผมที่เกล้าไว้ดูเหมือนจะขยับลู่ไปตามแรงลมเล็กน้อยเธอก็เพียงยกมือข้างหนึ่งขึ้นจับไว้ให้เข้าที่
การนัดหมายกันระหว่างเขาและจารุดาครั้งนี้คงจะสำเร็จไปไม่ได้ถ้าไม่มีนิคมมาเป็นตัวเชื่อม รายนั้นมีนัดกับ 'เพื่อนใหม่' มาเที่ยวชายทะเลพอดีจึงไปรับจารุดาที่บ้านสวน พาตัวมมาส่งธนินยังจุดนัดหมาย จากนั้นก็แยกย้ายกันขับรถตามกันมา โดยวางแผนกันไว้ว่าจะเที่ยวกันแบบคู่ใครคู่มันแต่ถึงอย่างนั้นจะต้องมีรูปถ่ายของนิคมคู่จารุดาไปเป็นหลักฐานวัตถุเผื่อคุณยายจันทร์ถามหา
รถของนิคมขับตามหลังมาไม่ห่างกระทั่งถึงชายหาดที่หมาย ธนินเดินนำจารุดาไปที่ริมหาดซึ่งมีเก้าอี้ผ้าใบและร่มขนาดใหญ่กางให้บริการเช่า นิคมก็พาชายหนุ่มผิวเข้มเนียนละเอียดเดินตามมาและเลี่ยงไปที่ร่มคันที่อยู่ห่างออกไป แต่อยู่ในระยะที่สามารถมองเห็นกันได้
"คุณจาจะทานอะไรดีครับ"
"ยังอิ่มข้าวเช้าอยู่เลยค่ะ เอาพวกเครื่องดื่มดีกว่า ขอน้ำแดงก็แล้วกันนะคะ"
ธนินหันไปสั่งเครื่องดื่มกับเจ้าของพื้นที่ให้บริการ เขาไม่ค่อยชินกับการมานั่งอย่างนี้นัก เพราะถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นที่ผ่านมารวมไปถึงสุจิรา คงเลือกที่จะไปใช้บริการพื้นที่ของโรงแรมหรือรีสอร์ทแถวนี้มากกว่า
"ไม่ดื่มเบียร์เหรอคะ"
"ไม่ล่ะครับ น้ำอัดลมดีกว่า ผมยังต้องขับรถกลับ"
"ฉันขับรถเป็นนะคะ ถ้าเผื่อคุณอยากดื่ม"
"ไม่ล่ะครับคุณจา ผมว่าจะลองห่าง ๆ ของมึนเมาแล้ว ไม่รู้เป็นอะไร...พักนี้รู้สึกอยากเป็นคนที่ดีกว่าที่เคยเป็นมา"
"อย่าเปลี่ยนแปลงอะไรเพราะใครเลยค่ะ บางที..."
จารุดาเหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่แล้วกลับเปลี่ยนใจเพียงแต่ยิ้มน้อย ๆ พอดีกับที่ลูกจ้างของพื้นที่ให้บริการนำเอาเครื่องดื่มมาวางที่โต๊ะไม้ซึ่งวางอยู่ตรงกลางระหว่างเก้าอี้ผ้าใบสองตัว
แสงแดดและสายลมริมทะเลรวมถึงหญิงสาวที่นั่งข้างตัวทำให้ธนินอิ่มเอมกับบรรยากาศรอบตัวได้มากกว่ายามที่นั่งอยู่ริมหาดส่วนตัวพื้นที่ของรีสอร์ทหรือโรงแรมหรูแห่งไหน เขาได้ตระหนักถึงอีกสิ่งหนึ่งในตัวจารุดาที่ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจอย่างบอกไม่ถูก...เธอไม่พูดอะไรมาก ไม่ประจ๋อประแจ๋ เพียงแต่นั่งซึมซับความงามของธรรมชาติรอบตัวและลักษณะนั้นในตัวเธอก็ทำให้เขาได้มองเห็นธรรมชาติมากขึ้นด้วย ไม่มีเสียงอ่อนหวานคอยเรียก ชวนพูดคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา
"ไปเดินเล่นกันไหมครับ มาทะเลทั้งทีอย่างน้อยให้เทาสัมผัสน้ำหน่อย"
ชายหนุ่มเอ่ยถามพลางลุกขึ้นยื่นส่งมือให้หญิงสาว เธอมองมือใหญ่หนานั้นอย่างลังเลเล็กน้อยก่อนรับคำแผ่วเบาวางมือที่เรียวเล็กว่าลงบนมือของธนินแล้วลุกขึ้นยืนให้เขาเดินจูงแขนไปทางริมชายหาด
ลมแรงปะทะเข้ากับผิวกายขณะเดียวกับที่แสงแดดจ้าก็ยังกระทบกับผิวอยู่ตลอดแต่จารุดาไม่แยแสเดินตามเขาโดยไม่ปริปากบ่น เมื่อหันมามองเห็นว่าเขากำลังลองมองเธออยู่ยิ้ม ๆ ก็เลิกคิ้วมองอย่างสงสัย
"คุณนิน...ขำอะไรจาเหรอคะ"
"เปล่าครับ ผมแค่นึกขำ...ปกติเวลามีใคร..."
"ผู้หญิง"
"ครับ...เวลามีผู้หญิงชวนมาเที่ยวทะเล เขาจะชอบหลบอยู่แต่ในร่ม โดนลมโดนแดดหน่อยก็ร้องว้ายแล้ว"
"ฉันคงไม่ใช่ผู้หญิงรักสวยรักงามอะไรแบบนั้นมั้งคะ อีกอย่างคิดว่ากันแดดที่ทามาก็คงพอช่วยได้"
"แปลกดีนะครับ" ธนินยังคงยิ้มเต็มหน้า "สำหรับผมคุณจาแปลก...เอ่อ...ใช่คำว่าพิเศษดีกว่า พิเศษกว่าผู้หญิงคนอื่น"
"คงเพราะคุณธนินไม่เคยเจอผู้หญิงแบบฉันมากกว่าค่ะ" หญิงสาวตอบขณะยกเท้าแตะฟองคลื่นที่ซัดมา "ผู้หญิงที่คุณเคยคบหามาคงจะต่างไปเท่านั้นเอง มีผู้หญิงตั้งเยอะแยะที่กล้าสู้แดดท้าลมแบบฉัน"
ธนินพยักหน้ายอมรับให้เหตุผล
"ไม่แน่ว่าถ้าคุณนินได้เจอผู้หญิงคนอื่นที่เหมือนกับฉัน คุณก็คงรู้สึกประทับใจเหมือนกัน"
"ได้เจอคุณจาก่อนแบบนี้ ผมคงมองผู้หญิงคนอื่นยากแล้วมั้งครับ"
หญิงสาวขยับจะพูดอะไรแต่แล้วกลับเปลี่ยนใจเสมองออกไปยังท้องทะเลกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา กลั้นลมหายใจ ซึมซับความรู้สึกที่มีมือของชายหนุ่มกุมอยู่
ทั้งสองคู่ใช้เวลาอยู่ที่หาดแห่งนั้นนานจนคล้อยเย็นจึงเดินทางกลับกรุงเทพ
รถยนต์สองคันแล่นมาถึงจุดพักรถบนเส้นทางพิเศษขาเข้ากรุงเทพ จุดนี้จารุดาต้องเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับเป็นชุดยายเชยและกลับไปโดยสารรถของนิคมเพื่อให้เพื่อนสนิทเป็นผู้ขับรถไปส่งที่บ้านสวน
นิคมและเพื่อนหนุ่มคนใหม่นั่งรออยู่ที่โต๊ะหนึ่งในร้านกาแฟในจุดพักรถ ส่วนธนินนั่งรอหญิงสาวอยู่ที่โต๊ะอีกตัวเพื่อให้ทั้งคู่มีเวลาอยู่ด้วยกันเพียงลำพังให้นานที่สุด หญิงสาวที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของตัวเองกลับสู่สภาพปกติเดินเข้ามาในร้านกาแฟ รอยยิ้มของธนินที่ส่งให้ทำให้จารุดาลังเลที่จะเอ่ยในสิ่งที่คิดเอาไว้
ยิ่งเมื่อหย่อนตัวลงนั่งและได้เห็นแววสงสัยในดวงตาของธนิน หญิงสาวยิ่งลำบากใจ เขาอ่านออกว่าเธอกำลังจะบอกอะไรบางอย่าง
"คุณนินคะ"
"คุณจา" ธนินรีบชิงบอก ยื่นแขนมาเพื่อกุมมือหญิงสาวเอาไว้ "ผมเข้าใจนะครับ ว่าเรื่องของเรามันอาจจะเป็นไปได้ยาก แต่ผมกำลังพยายามจะเข้าหาคุณยายของคุณ ต้องมีวิธีไหนสักวิธีที่ทำให้คุณยายของคุณยอมรับผม มันคงต้องใช้เวลาแต่ผมจะไม่ถอดใจ"
"คุณนิน" จารุดาส่ายหน้า "ถ้ามันไม่มีวันเป็นไปได้ บางทีหยุดตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่าที่จะปล่อยให้มันยิ่งเนิ่นนานไปกว่านี้นะคะ"
"คุณจา"
"ที่ฉันตัดสินใจมาเที่ยวกับคุณวันนี้เพราะอยากจะให้เรามีเวลาดี ๆ ด้วยกัน" หญิงสาวเสียงเครือเล็กน้อย หากเธอพยายามรวบรวมความเข้มแข็งด้วยการสูดลมหายใจยาว "ถ้ายังคบกันต่อไป จนถึงวันที่เราสองคนจะต้องตัดใจ...เราอาจจะต้องเสียใจต้องเจ็บปวดมากกว่านี้ ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันก็ไม่อยากทำร้ายตัวเองแล้วก็ไม่อยากจะให้คุณต้องเสียใจด้วย"
"ไม่ครับคุณจา เราไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ มันต้องมีทาง หรือคุณจาจะให้ผมรอ ผมก็จะรอต่อไป ขอร้องนะครับคุณจา"
จารุดาชะงักงันกับสายตาวิงวอนของธนิน ไม่อาจปฏิเสธสายตาคู่นั้น รวมถึงไม่อาจปฏิเสธความปรารถนาที่แฝงอยู่ลึกลงไปในใจของตนเองได้
เธอได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาคู่นั้นหากแต่ปล่อยให้เขาเกาะกุมมือของเธอต่อไปนิ่งนาน
ภายนอกร้านกาแฟแห่งนั้นมีรถยนต์คันหนึ่งซึ่งแอบติดตามจารุดาและนิคมมาตั้งแต่ออกจากบ้านสวน หญิงสาวที่นั่งอยู่ที่เบาะคนขับบีบมือแน่นกับพวงมาลัย
ใบหน้างามบิดเบี้ยวผิดรูปเพราะอารมณ์คับแค้น
จารุดา...เธอจงใจจะแย่งพี่นินของฉันจริง ๆ แล้วเธอจะต้องเสียใจ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 มี.ค. 2556, 21:43:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 มี.ค. 2556, 21:43:39 น.
จำนวนการเข้าชม : 2888
<< ตอนที่ 17 | ตอนที่ 19 >> |

กมลภัทร 15 มี.ค. 2556, 21:48:16 น.
ประกาศในหน้ากระดาน Webboard ไปแล้ว แต่นักอ่านหลายคนอาจไม่ได้เข้าไปอ่าน Webboard เลยขอแจ้งอีกรอบนะครับ ว่าเปลี่ยนกำหนดโพสต์นิยายเป็นทุกวันศุกร์ครับ
แล่นแต๊ >>>> ขอบคุณคร้าบบบ
nunoi >>>> จะว่าเยอะก็เยอะนะครับ แต่เคลียร์คุณยายคนเดียวก็น่าจะฉลุย ^^
nasa >>>> จะมีปัญหาอะไรกับรูปที่เก็บไว้ไหม ต้องติดตามนะครับ
น้องอุด้ง >>>> จินนี่จะออกจากตะเกียงมาอาละวาดแล้วครับ
ของขวัญ >>>> กำลังจะเริ่มขมวดแล้วจ้า ขมวดปมแล้ว...เอากรรไกรตัด งานถนัดกมลภัทร แก้ทีละปมชักช้าเสียเวลา อิอิ
เพียงพลอย >>>> นิกกี้ยังมีบทบาทเป็นระยะ ๆ จ้า แต่ความล้นของนางอาจจะมากน้อยไปแต่ละตอนขึ้นกับว่าเน้นตรงไหน ^^
ประกาศในหน้ากระดาน Webboard ไปแล้ว แต่นักอ่านหลายคนอาจไม่ได้เข้าไปอ่าน Webboard เลยขอแจ้งอีกรอบนะครับ ว่าเปลี่ยนกำหนดโพสต์นิยายเป็นทุกวันศุกร์ครับ
แล่นแต๊ >>>> ขอบคุณคร้าบบบ
nunoi >>>> จะว่าเยอะก็เยอะนะครับ แต่เคลียร์คุณยายคนเดียวก็น่าจะฉลุย ^^
nasa >>>> จะมีปัญหาอะไรกับรูปที่เก็บไว้ไหม ต้องติดตามนะครับ
น้องอุด้ง >>>> จินนี่จะออกจากตะเกียงมาอาละวาดแล้วครับ
ของขวัญ >>>> กำลังจะเริ่มขมวดแล้วจ้า ขมวดปมแล้ว...เอากรรไกรตัด งานถนัดกมลภัทร แก้ทีละปมชักช้าเสียเวลา อิอิ
เพียงพลอย >>>> นิกกี้ยังมีบทบาทเป็นระยะ ๆ จ้า แต่ความล้นของนางอาจจะมากน้อยไปแต่ละตอนขึ้นกับว่าเน้นตรงไหน ^^

จิงโกะ 15 มี.ค. 2556, 22:18:45 น.
อ้าว นางมารตามมาด้วย ทีนี้ก็ความแตกละสิ
อ้าว นางมารตามมาด้วย ทีนี้ก็ความแตกละสิ

nunoi 15 มี.ค. 2556, 23:07:09 น.
คุณยายจะรู้เรื่องไหม๊เนี๊ยะ
คุณยายจะรู้เรื่องไหม๊เนี๊ยะ

lovemuay 16 มี.ค. 2556, 10:42:16 น.
พี่นินจะทำให้คุณยายใจอ่อนได้เร้อะ
พี่นินจะทำให้คุณยายใจอ่อนได้เร้อะ

nasa 16 มี.ค. 2556, 10:51:22 น.
ยัยจินนี่ต้องเอาไปฟ้องคุณยายแน่เลย แล้วจะมีอะไรมาช่วยคลี่คลายเรื่องนี้หนอ
ยัยจินนี่ต้องเอาไปฟ้องคุณยายแน่เลย แล้วจะมีอะไรมาช่วยคลี่คลายเรื่องนี้หนอ

ของขวัญ 17 มี.ค. 2556, 21:38:30 น.
ยัยจินนี่ตัวแสบคิดจะทำอะไรนะ แต่ยิ่งทำไม่ดี ก็จะยิ่งเข้าตัวรึเปล่า
ยัยจินนี่ตัวแสบคิดจะทำอะไรนะ แต่ยิ่งทำไม่ดี ก็จะยิ่งเข้าตัวรึเปล่า

น้องอุด้ง 18 มี.ค. 2556, 11:54:21 น.
เอาแล้ววววว จินนี่จะทำไรน้อออออ
เอาแล้ววววว จินนี่จะทำไรน้อออออ