บุหงาราคี by น้ำจันทร์ อัญจรี
“บัดซบ!”
เปรมินทร์สบถลั่น ไม่นึกไม่ฝันว่าเขาจะตกหลุมพรางที่เจ้าหล่อนวางไว้ถึงขนาดนี้
“อะ เอ่อ...”
อรัญญิการ์ติดอ่างกะทันหัน ใบหน้าเนียนร้อนผ่าวด้วยความอับอายรีบควานหาเสื้อผ้ามาสวมด้วยความทุลักทุเล ทว่า เมื่อหามันพบก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเพราะมันขาดวิ่นหาดีไม่ได้
“เอ้านี่ ใส่ซะ แล้วก็ไสหัวออกไปจากห้องของฉัน!”
เขาร้องสั่ง ควานหากางเกงมาสวมลวกๆ ขณะที่มืออีกข้างเสือกไสเสื้อเชิ้ตตัวเมื่อคืนให้หล่อน อรัญญิการ์รับมาสวมก็พบว่ามันไม่สามารถปกปิดเนื้อกายได้สักเท่าไรเลย
“คุณเปรมคะเอมี่...”
“อย่ามาแก้ตัว ฉันไม่อยากฟัง!!!”
เขาสบถเสียงกร้าวจ้องใบหน้าซีดเผือดเขม็ง นางฟ้าแสนบริสุทธิ์เมื่อคืนนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อลืมตาตื่นหล่อนจะกลายร่างเป็น แม่มด...แม่มดน้อยเอมี่ที่เขาไม่ปรารถนา

Tags: ผ่านพิจารณา Touch Publishing รอวางแผง

ตอน: บทที่ 14 สร้อยทับทิม 40%

บุหงาราคี
“พรุ่งนี้ เราจะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ พ่อเชื่อว่าทุกคนจะเข้าใจ ในความรักของเรา” คุณชายพูดกำกวมไม่แน่ชัด ด้วยว่าในห้องมิได้มีเพียงท่านและบุตรชายแต่ยังมีผู้หวังดีที่ชื่ออ้อมขวัญอยู่เคียงข้างเขา ผู้หวังดีที่นำเอาหนังสือพิมพ์มาให้เขาถึงที่
“ท่านพ่อ! นี่ท่านพ่อจะยกย่องหล่อนออกหน้าออกตาอย่างนั้นหรือ ท่านพ่อคิดอะไรอยู่ เหตุใดจึงไม่ไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ ปาฏลีหล่อนอายุน้อยกว่าลูกด้วยซ้ำ เป็นลูกท่านพ่อ เป็นน้องสาวลูกยังได้ แล้วท่านพ่อยังจะ...”
“นั่นสิเปรมินทร์ หล่อนเป็นน้องสาวลูกยังได้ แล้วยังไงล่ะ พ่อรอฟังอยู่” คุณชายยังเอ่ยเสียงเรียบเรื่อย ไม่ได้โกรธเคืองบุตรชายนั่นเพราะรู้ดีแก่ใจว่าเขาเข้าใจผิด
“อย่างน้อยก็น่าจะเห็นแก่เกียรติของท่านแม่ ถึงแม้ท่านพ่อจะไม่เคยรักใคร่ไยดีก็ตาม” เปรมินทร์ประชดบิดาแล้วหันหน้าออกสู่วิวนอกบานกระจกซึ่งมีเพียงยอดตึกเท่านั้น บิดาที่รักกำลังจะทำร้ายจิตใจเขาอีกแล้ว
“ก็เพราะเห็นแก่เกียรติของท่านแม่ของเจ้านั่นไง พ่อถึงทิ้งใครบางคนที่อยู่ข้างหลัง ไม่ติดต่อ ไม่สนใจไยดี นั่นเพราะพ่อเกรงว่ามารดาเจ้าจะเสียใจ ถ้าลูกยังเห็นว่าพ่อยังใจดำไม่พอ พ่อก็ขอโทษลูกด้วย คุณเปรม” คุณชายประชดกลับ
“วันพรุ่งนี้ เจ้าต้องอยู่ด้วยตอนแถลงข่าว มันสำคัญกับเรามากลูกรัก”
“ไม่! ลูกไม่อยู่ ทำไมลูกต้องอยู่ให้คนอื่นหัวเราะเยาะด้วย ลูกไม่อยู่แน่ๆ” เขายืนยันเสียงเครือ ถ้าอ้อมขวัญไม่นั่งเงียบๆ อยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง เขาคงร้องไห้ออกมาแล้ว
“เพราะว่า...มันอาจเป็นครั้งสุดท้าย ที่ลูกจะได้เห็นหน้าเธอ”
“ใคร!? ปาฏลีอย่างนั้นหรือ ดี! หายไปจากโลกนี้เลยยิ่งดี!”
คุณชายส่ายหน้าอย่างระอา เวลาที่เปรมินทร์โกรธขึ้งเขาจะไม่ฟังใครเลย มารดาเขาก็เคยเป็น บางทีนี่อาจเป็นมรดกชิ้นสำคัญที่ท่านหญิงทิ้งไว้ให้บุตรชาย เป็นดั่งตัวแทนให้ท่านไว้ดูต่างหน้านาง
“ไม่ใช่...อรัญญิการ์ ต่างหาก”
เปรมินทร์นิ่งอึ้ง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยทิฐิที่เปี่ยมล้น
“เธอไม่เกี่ยวกับลูก ลูกไม่ไป”
เปรมินทร์เดินกลับมาบอกบิดาชัดๆ คุณชายลุกยืนเพราะไม่อยากให้บุตรชายยืนค้ำศีรษะไม่อยากให้ลูกชายผิดบาป
“เธอ..จะแถลงข่าวเรื่องพ่อของเด็กในท้อง”
‘โอ....อะไรนะ! คุณพระช่วย อรัญญิการ์ตั้งท้อง! แล้วท้องกับใครล่ะ!’
อ้อมขวัญพยายามหาค่าความน่าจะเป็น ว่าใครกันที่เป็นพ่อของเด็กในท้องเจ้าหล่อน ถ้ากาลกลับตาลปัตรอย่างนี้....ทั้งปาฏลีและอรัญญิการ์ก็ไม่ใช่คู่แข่งของเธออีกต่อไปแล้วสิ หึๆ
“ท่านพ่อ! ท่านพ่อยังหวังให้ลูกรับผิดชอบ เด็กนรก นั่นอีกหรือ”
‘อะไรนะ! หมายความยังไง เอมี่ท้องกับเปรมินทร์งั้นหรือ ไม่! เธอไม่ยอม!’
อ้อมขวัญหน้าตาเคร่งเครียด เธอจะไม่ยอมให้เขารับผิดชอบลูกของอรัญญิการ์แน่นอน ไม่มีวัน!

เผียะ!!!
“อย่าเอาคำพูดร้ายกาจของเจ้ามาว่าร้าย หลาน ของเรา เจ้าไม่มีสิทธิ์!” คุณชายฉุนจัด เปรมินทร์ช่างเป็นคนใจแคบไม่ยอมรับฟังอะไรเลย สมควรแล้วที่วันข้างหน้าเขาต้องทนต่อความเจ็บปวดซึ่งเป็นผลพวงจากการกระทำสิ้นคิด และใจแคบของเขา
“ท่านพ่อ! ตบลูกเพราะเธออีกแล้ว” เปรมินทร์เจ็บปวดหัวใจอีกครา บิดาตบเขาด้วยเรื่องที่เขาไม่ผิด
“ไม่ใช่! พ่อตบหน้าเจ้าในครั้งนี้เพราะหวังจะให้เจ้ามีสติ ถ้าเจ้ายังมีสมองก็ตรองดูให้ดี วันพรุ่งนี้คือโอกาสสุดท้ายที่เจ้าจะได้ไถ่โทษ หากเจ้ายอมรับอรัญญิการ์ก็จงประกาศด้วยวาจาของเจ้าผ่านสื่อมวลชนทั้งหลาย ให้พวกเขารับรู้ว่าเจ้า เลว! เพียงใดที่ทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งจนเธอตั้งท้อง แต่ถ้าเจ้าคิดว่า การยอมรับผิดมันยังเลวน้อยไป เจ้าก็จงนิ่งเฉยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยอะไรทั้งสิ้น!”
“เพื่ออะไรเล่าท่านพ่อ! เพื่อที่ท่านพ่อกับยัยแม่มดร้ายจะได้รุมประณาม กล่าวหาลูกอย่างนั้นหรือ น่าขันสิ้นดี!”
เปรมินทร์ไม่มีย่อท้อ ในเมื่อบิดาแรงมาเขาก็แรงกลับเช่นกัน
“หึๆ เปรมินทร์! พ่อเสียใจเหลือเกินที่ไม่ดูแลลูกให้ดี จิตใจของลูกถึงได้ดำมืดจนมองไม่เห็นความหวังดีที่อรัญญิการ์จะมอบให้ แต่เอาเถอะถือว่าเป็นเวรกรรมของพ่อเองที่ต้องทนเห็นลูกชายเจ็บปวด ฟังดีๆ นะเปรมินทร์ หากลูกยืนยันว่าอรัญญิการ์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันกับลูก ก็ขอให้ลูกนิ่งเฉย ไม่ใช่ว่าเธอจะกล่าวหาให้ลูกเสื่อมเสีย แต่เธอจะกันลูกออกห่างจากความอัปยศในครั้งนี้ เธอจะยอมเป็นคนผิด เป็นคนที่ถูกสังคมประณาม เป็นคนรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดคนเดียวโดยไม่ให้ลูกด่างพร้อยเลย นั่นล่ะคือน้ำใจของคนที่ลูกเรียกเธอว่า ยัยแม่มด...สะใจ! ลูกหรือไม่? เปรมินทร์”
คุณชายเยาะหยันเล็กน้อยแต่บุตรชายหาได้ใส่ใจ
“จำคำพ่อไว้นะเปรมินทร์ หากวันนี้ลูกเลือกที่จะทอดทิ้งอรัญญิการ์กับหลานของพ่อ วันข้างหน้าหากลูกต้องการให้เธอกลับมา คนที่จะถูกสังคมตราหน้าว่าชั่วช้าสารเลวนั้น พ่อคงไม่ต้องบอกลูกใช่ไหมว่าเขาคือใคร” คุณชายเอ่ยเสียงอ่อนลง ท่านยังหวังให้บุตรชายคืนดีกับว่าที่ลูกสะใภ้
เปรมินทร์นิ่งขึง เขาสับสนระหว่างความจริงคือสิ่งที่ตามองเห็น กับสิ่งที่หัวใจรู้สึก ยิ่งบิดามาตอกย้ำซ้ำไปซ้ำมามันก็ยิ่งเห็นว่าความรู้สึกในหัวใจมันเด่นชัดมากว่าสิ่งที่ตามองเห็น
“ลูกจะไปไหน!?” คุณชายร้องทักเมื่อบุตรชายตรงดิ่งไปยังประตู
“ลูกแค่อยากหาที่เงียบๆ คิดอะไรสักหน่อย หรือเรื่องเท่านี้ท่านพ่อก็จะขัดลูก”
“ไม่เลย พ่อจะไม่ขัด หากลูกจะไม่ไปหาอรัญญิการ์”
“นั่นล่ะ ท่านพ่อกำลังขัดลูกเห็นๆ” เขาแย้ง บิดาช่างหูไวตาไว ท่านรู้อีกแล้วว่าเขาแอบไปหาหล่อนบ่อยๆ โดยเฉพาะเวลาที่ไม่สบายใจ
“พ่อแค่ไม่อยากเห็นลูกเสียเวลาเพราะสองสาวนั่นไม่ได้อยู่ที่คอนโดนั้นแล้ว พวกหล่อนย้ายไปแล้ว”
คุณชายบอกอยากเป็นต่อ เปรมินทร์หันหน้ามาหาบิดา เขาอยากถามท่านว่าย้ายได้อย่างไร และย้ายไปไหน!?
“อย่าถามพ่อของเจ้า เพราะเขาไม่รู้ และถึงรู้...เขาก็ไม่บอกเจ้าแน่นอนลูกชาย หึๆ”
คุณชายหัวเราะสะใจที่เห็นบุตรชายเป็นเดือดเป็นร้อน รักเขา ห่วงเขาขนาดนี้ยังจะให้ทิฐิมาขวางความรู้สึกที่แท้จริง สักวันบุตรชายที่รักยิ่ง คงต้องเจ็บปวดเจียนตายเพราะแรงทิฐิที่เขามีมากมายในหัวใจ

เช้าวันแถลงข่าว
อรัญญิการ์หันซ้ายแลขวาอยู่หน้ากระจก เธอกำลังพิจารณาชุดคลุมท้องสีไข่ไก่ที่สวมอยู่ มันพลิ้วไหวไปตามการก้าวเดินไม่ได้รัดรึงหน้าท้องตึงของเธอก็จริงอยู่แต่ว่าด้วยรูปทรงมันก็ทำให้เธอดูแปลกประหลาดในสายตาของตัวเอง
ใบหน้าสวยหวานถูกแต่งแต้มเครื่องสำอางเพียงบางเบา ดวงตาสีนิลคมขำมีน้ำใสขังข้างในมากกว่ายามปกติ นั่นเพราะเจ้าของเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักนั่นเอง
“ถ้าตาแกไม่บวมปูดเป็นลูกมะนาว ฉันว่าแกต้องเป็นคนท้องที่สวยที่สุดในประเทศเลยเอ็ม”
ปาฏลีแซวแม่มดน้อยเพื่อนรัก วันนี้แม่มดน้อยอยู่ในชุดคลุมท้องสีหวาน มองผ่านๆ เหมือนเดรสที่วัยรุ่นชอบสวมกัน ต่างออกไปก็ตรงที่หน้าท้องท้องคนสวมนูนยื่นออกมาให้เห็นเท่านั้น ตัวเดรสเป็นผ้าพลิ้วเย็บติดกันด้านบนตั้งแต่เนินอกอิ่มขึ้นไปเป็นซีทรูบางเบาแอบเซ็กซี่เล็กน้อย
“แต่ฉันว่ามันพิลึกนะแก คงเป็นเพราะว่า...มันเป็นชุดที่เรียบร้อยที่สุดในชีวิตฉันแล้วกระมัง” เธอถอนหายใจ ชุดเมื่อครั้งที่ใส่ไปงานวันเกิดของเปรมินทร์มันก็สวยดีแต่มันไม่เหมาะสำหรับงานแถลงข่าวตอนกลางวันเพราะมันประดับเลื่อมเล็กๆ และจะกระพริบล้อแสงไฟทุกครั้งที่ก้าวขาออกเดิน
“ฉันยังไม่ชินเวลาที่ต้องใส่เสื้อผ้ามิดชิดอย่างนี้” ว่าที่คุณแม่กล่าวต่ออย่างสุดเซ็ง
“เอาน่า คนกำลังจะเป็นแม่ แกจะใส่สายเดี่ยวเกาะอกเหมือนเดิม มันจะเข้ากันไหมล่ะแค่นี้ประชาชนเขาก็คว่ำบาตรแกแล้ว หนังสือซุบซิบก็เขียนด่าไม่เว้นวัน ที่สำคัญนะ ในทีวีออกข่าวแกกับหลานฉันบ่อยกว่าข่าวนายกฯ ลงช่วยน้ำท่วมเสียอีก คิกๆ” ปาฏลีหัวเราะชอบใจ หล่อนเดินเข้ามาใกล้เพื่อนรักและกอดเจ้าหล่อนจากด้านหลัง หล่อนสัมผัสเจ้าหนูตัวน้อยในท้องด้วยความรักและห่วงใยสุดประมาณ
“เดี๋ยวจะโดนมิใช่น้อย เขาจะออกบ่อยไม่บ่อยก็ช่างเขาสิ” แม่มดน้อยว่า ปาฏลีชักงง หล่อนถามเพื่อนสาวผ่านบานกระจก
“เรื่องอะไรล่ะ?”
“ก็เรื่องข่าวฉันในทีวีไง ไม่ต้องเปรียบกับใครเลย ฉันอุตส่าห์อยู่เฉยๆ แล้ว แกยังจะเรื่องให้ฉันอีก แล้วอีกอย่างนะ แกคิดว่าถ้าฉันไม่ท้อง คนเขาจะมองว่าฉันดีรึไง ปกติเดินตลาดก็ต้องหลบเปลือกทุเรียนอยู่เป็นประจำ ถ้าแกไม่เดินข้างฉัน แกคิดว่าฉันจะรักษาหน้าสวยๆ ของฉันให้มันสมบูรณ์ได้ขนาดนี้หรือ” ว่าที่คุณแม่โวยกลับ
“โอเคๆ ฉันไม่พูดแล้ว รูดซิปสนิทเลย แล้วเราจะไปได้ยัง?”
“อ้าว! ฉันนึกว่าแกจะไม่ไป” อรัญญิการ์ถามอีกครั้ง วันนี้มันวันแถลงข่าวของเธอนี่นาไม่เกี่ยวกับแม่นางฟ้าสักนิด
“แกจะไปทำไมแป๋ม อยู่ห้องนี่ล่ะ ขอร้องล่ะนะปล่อยให้ฉันเลวคนเดียวเถอะ ถ้าแกไปกับฉัน แฟนคลับแกได้รุมด่าฉันเปล่าๆ ว่าฉุดแกลงเหว” เธอให้เหตุผลที่คิดว่าดีที่สุดในเวลานั้น
“เปล่า! ฉันก็ต้องไปแถลงข่าวเรื่องคุณชายเมทัตไง” หล่อนชี้แจงตามที่เตรียมไว้ รู้ล่วงหน้าเลยว่ายัยแม่มดต้องไม่ให้เธอไป
“อ้าว! อีกละ ก็ไหนคุณชายบอกว่าท่านจะจัดการเองแกไม่ต้องยุ่ง แล้วแกจะไปทำไมฮะ อยู่นี่ล่ะเตรียมตัวไปถ่ายแบบอะไรของแกโน่นจะไปให้เมื่อยทำไม” เธอยังไม่ละความพยายาม
“แกหุบปากไปเลย ถ้าฉันไม่ไปแล้วใครมันจะช่วยเช็ดน้ำตาให้แก ตอนที่แกนั่งร้องไห้เป็นเผาเต่าหน้าไมโครโฟน ฉันเดาทางแกออกหรอกน่า แค่เห็นผู้ชายคนนั้นแกก็จะร้องแล้ว อย่ามาห้ามฉันเสียให้ยาก รีบๆ ไปกันดีกว่าเร็วเข้า”
อรัญญิการ์ถูกนางฟ้าคนงามลากออกจากห้อง ลากไปลงลิฟต์และขณะนี้ทั้งสองก็มานั่งอยู่บนรถเตรียมตัวไปที่โรงแรมของเปรมมินทร์ ปาฏลีถอดสร้อยเจ้าปัญหาให้อรัญญิการ์สวม
“อะไรอีกล่ะ แกเอามาให้ฉันใส่ทำไมเนี่ย!”
“เออน่า ใส่ๆ ไปเถอะ ท่านพ่อบอกว่าพี่ชายสมองกลวงคิดว่าฉันกับท่านพ่อเป็นอย่างที่ข่าวเขียนไว้จริงๆ” ปาฏลีอธิบายแล้วเคลื่อนรถยนต์ออกจากใต้อาคาร
“มันไม่เห็นเกี่ยวกับฉันและสร้อยเส้นนี้” เธอว่า
“เกี่ยวสิ เพราะถ้าแกไม่ใส่เอาไว้ฉันคงทนไม่ไหว ขว้างมันใส่หน้าพี่ชายของตัวเอง ข้อหาที่เขาใจแคบไม่ยอมรับฟังท่านพ่อนั่นไง” ปาฏลีอธิบายอีกหน อรัญญิการ์พยักหน้าเข้าใจ และนั่งเงียบๆ กระทั่งถึงโรงแรมที่นัดกันไว้
******************************
สั่งนิยายได้ที่ หน้าเพจน้ำจันทร์ หรือที่อีเมล An_jung2011@hotmail.com ^______________^



จริงจัง จริงใจ แคร์

ตรงกล่องถูกใจของเพจ บางทีมันก็ไม่ยอมโชว์ค่า มันจะเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ ไม่รู้จะทำไงบางทีมันก็ไม่เป็น Y^Y

จริงจัง จริงใจ แคร์



Lilly
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 มี.ค. 2556, 03:59:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 มี.ค. 2556, 03:59:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 6323





<< บทที่ 13 ชู้ไม่รู้ตัว 100%+บทที่ 14 สร้อยทับทิม   บทที่ 14 สร้อยทับทิม 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account