บุหงาราคี by น้ำจันทร์ อัญจรี
“บัดซบ!”
เปรมินทร์สบถลั่น ไม่นึกไม่ฝันว่าเขาจะตกหลุมพรางที่เจ้าหล่อนวางไว้ถึงขนาดนี้
“อะ เอ่อ...”
อรัญญิการ์ติดอ่างกะทันหัน ใบหน้าเนียนร้อนผ่าวด้วยความอับอายรีบควานหาเสื้อผ้ามาสวมด้วยความทุลักทุเล ทว่า เมื่อหามันพบก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเพราะมันขาดวิ่นหาดีไม่ได้
“เอ้านี่ ใส่ซะ แล้วก็ไสหัวออกไปจากห้องของฉัน!”
เขาร้องสั่ง ควานหากางเกงมาสวมลวกๆ ขณะที่มืออีกข้างเสือกไสเสื้อเชิ้ตตัวเมื่อคืนให้หล่อน อรัญญิการ์รับมาสวมก็พบว่ามันไม่สามารถปกปิดเนื้อกายได้สักเท่าไรเลย
“คุณเปรมคะเอมี่...”
“อย่ามาแก้ตัว ฉันไม่อยากฟัง!!!”
เขาสบถเสียงกร้าวจ้องใบหน้าซีดเผือดเขม็ง นางฟ้าแสนบริสุทธิ์เมื่อคืนนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อลืมตาตื่นหล่อนจะกลายร่างเป็น แม่มด...แม่มดน้อยเอมี่ที่เขาไม่ปรารถนา

Tags: ผ่านพิจารณา Touch Publishing รอวางแผง

ตอน: บทที่ 14 สร้อยทับทิม 100%

บุหงาราคี
บรรดาสื่อมวลชนต่างนั่งรอการมาของพวกเธออย่างใจจดใจจ่อพวกเขาเหลียวมายังประตูทางเข้าทันที ปาฏลีสังเกตเห็นว่าวันนี้พี่ๆ นักข่าวดูจะสงบเสงี่ยมเจียมตัวจนผิดปกติ เพราะพากันนั่งเงียบๆ บนผืนพรมสีเลือดนกต่อหน้าท่านพ่อของเธอ อาจเป็นเพราะทุกคนต่างเกรงอกเกรงใจท่านพ่อหรือบางทีพวกพี่ๆ อาจจะเกรงใจใบหน้าบึ้งตึงของพี่ชายเธอกระมัง
คุณชายใหญ่แห่งวังมัทนาฯ นั่งอยู่ที่โซฟาหลุยส์ลายสวย มีโต๊ะตัวเตี้ยวางอยู่ตรงกลาง มีไมโครโฟนขนาดต่างๆ จากหลายๆ สำนักข่าววางอยู่บนนั้น ท่านนั่งด้วยท่าทีนิ่งเฉยทว่าอมยิ้มน้อยๆ อยู่ตลอดเวลา ผิดกับบุตรชายรูปงามที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาคงไม่ได้ถูกบังคับมาหรอกนะ เธอคิดตามที่เห็น เพราะใบหน้าเขาบึ้งตึงไม่สบอารมณ์ทั้งยังเหยียดยิ้มน้อยๆ ด้วยซ้ำเมื่อยามมองหน้าท้องนูนของเธอ โอ...เธอดีใจเหลือเกินที่ปาฏลีมาด้วย ไม่อย่างนั้นเธอคงได้หันหลังกลับตั้งแต่ที่เขาเผยยิ้มเหยียดหยันนั่นแล้ว เธอนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ คุณชาย ซึ่งโดยรวมแล้วไม่เป็นทางการมากนักอาจเพราะคนที่นั่งข้างๆ คุณชายไม่ชอบอะไรที่มันเอิกเกริกวุ่นวายก็เป็นได้
“ไหว้พระเถอะหนู” คุณชายขานรับเมื่อแม่มดน้อยและนางฟ้าคนงามทำความเคารพ ทั้งสองนั่งลงด้วยกันบนเก้าอี้ยาวตัวเดียว ด้านขวาเป็นคุณชายและบุตรชายตามลำดับ
คุณชายเปรมินทร์ยังนั่งหน้าบึ้งเช่นเดิม ไม่แม้แต่จะรับไหว้สองสาวด้วยซ้ำ
“ขอบคุณมากทุกคนที่มากันในวันนี้ เอมี่กับเปรม มีอะไรจะพูดกันก่อนไหม” คุณชายเมทัตถามไถ่ทั้งสอง ด้วยอยากลดความตึงเครียดระหว่างบุตรชาย แม่ของหลานและบรรดาสื่อมวลชนที่ส่งสายตากระหายข่าวอย่างปิดไม่ปิด แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยเพราะคนหนึ่งยังเงียบอีกคนก็เฉย
ปาฏลีเห็นท่าไม่ดีก็เลยช่วยบิดาอีกแรง
“แป๋มก็ขอขอบคุณเช่นกันค่ะ วันนี้อย่าเรียกว่าแถลงข่าวเลยนะคะ เรียกว่าบอกกล่าวเล่าความให้เพื่อนๆ ให้พี่ๆ ฟังจะเหมาะกว่า นะคะพี่ๆ” นางฟ้าคนงามออดอ้อน ก่อนจะเอ่ยต่อตามที่ตกลงกับเพื่อนมาตั้งแต่ในรถ
“อืม...ก่อนอื่นต้องตกลงกันก่อนนะคะ เรื่องการถามคำถาม เอมี่ขอให้แบ่งคำถามออกเป็นสามส่วน ส่วนแรกเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคุณเปรม ส่วนที่สองเป็นเรื่องข่าวที่เกิดเป็นกระแสครึกโครมขึ้น ในช่วงกว่าอาทิตย์ที่ผ่านมา และส่วนที่สามเป็นเรื่องของบุคคลที่สามที่ทุกคนอยากทราบนะคะ เอ่อ...ทุกคนมีคนละหนึ่งคำถามเท่านั้น รักษาสิทธิ์ได้เต็มที่จ้า”
นางฟ้าคนงามแถลงด้วยรอยยิ้มไม่ได้ประหวั่นพรั่นพรึงต่อข่าวฉาวของตัวเองเลย
“เอ่อ...แล้วเรื่องคุณแป๋มกับคุณชายล่ะครับ”
นักข่าวชายคนหนึ่งถามขึ้นซึ่งมันสามารถเรียกแสงแฟลชมากระทบร่างเธอจนพร่าได้ดีทีเดียว
“เราจะคุยเรื่องนี้ หลังจากจบเรื่องเอมี่นะคะ อ้อ...ถ้าคำถามในส่วนแรกถูกคั่นด้วยส่วนที่สองไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แล้วมีคำถามในส่วนแรกตามมาอีก พี่ๆ คงเข้าใจนะคะว่าคำตอบที่ได้จากเอมี่จะมีเพียงความเงียบเท่านั้น เริ่มถามได้เลยค่ะ” ปาฏลีตัดบท เธอหันมาทางเพื่อนรักก็เห็นยัยแม่มดหน้าซีดลง ซีดลง เธอจึงบีบมือหล่อนแรงๆ ให้หล่อนตั้งสติ และดูเหมือนว่าไม่ใช่เพียงเธอ ที่สังเกตเห็นความผิดปกตินี้พี่ชายจอมหยิ่งก็เช่นกัน เขาลอบมองอรัญญิการ์อยู่บ่อยครั้ง หางตาเธอเหลือบไปเห็นอยู่บ่อยๆ
‘ทั้งรัก ทั้งห่วง ยัยแม่มดขนาดนี้ยังใจแข็งอยู่ได้ ไม่รู้จะทิฐิไปถึงไหนคุณพี่ชาย’
“ไม่ทราบว่าตอนนี้ ความสัมพันธ์ของคุณเปรมกับคุณเอมี่ไปถึงขั้นไหนแล้วครับ” นักข่าวจากหนังสือพิมพ์ขายดีฉบับหนึ่งเอ่ยถามเป็นคนแรก
“ก็...ยังอยู่ระดับเดิมค่ะ คือ...ระดับที่เอมี่คิดไปเองฝ่ายเดียว” เธอตอบแล้วยิ้มน้อยๆ แต่น้ำตาเริ่มคลอเบ้า เปรมินทร์เริ่มนั่งไม่ติด เขาไม่แน่ใจว่าต้องการให้หล่อนปกป้อง หรือว่าต้องการให้หล่อนกล่าวหากันแน่
“หมายความว่ายังไง เอมี่ช่วยเคลียร์ด้วยค่ะ” คราวนี้เป็นนักข่าวจากช่องหลากสีเอ่ยถาม
“คือ...อย่างที่ ทุกคนรับรู้ล่ะค่ะ ว่าเอมี่วิ่งตามคุณเปรมมาหลายปี มันคงถึงจุดอิ่มตัวของมันแล้วจริงๆ เพราะถ้าคุณเปรมจะมีเยื่อใยต่อเอมี่บ้าง ก็คงจะมีไปนานแล้ว เอมี่จึงถอยออกมาจากวงจรชีวิตของคุณเปรม ซึ่งมันก็นานหลายเดือนแล้วค่ะ” เธอกำลังโกหก สำนึกส่วนดีร้องบอกจนก้องอก
“ณ เวลานี้ เอมี่กับคุณเปรมคงเป็นแค่คน เคย รู้จักเท่านั้น รู้อย่างนี้แล้ว รบกวนพี่ๆ ทุกคน เลิกเขียนข่าวเอมี่กับคุณเปรมเถอะนะคะ ขอโทษจริงๆ ที่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะไม่มีข่าวเอมี่ตามจับคุณเปรมมาให้พี่ๆ ได้แซวได้ประชดให้สนุกปากสนุกมือ หึๆ ขอโทษจริงๆ ค่ะ” อรัญญิการ์แค่นยิ้มใส่หน้ากล้อง เธอบีบมือเพื่อนรักจนปาฏลีรับรู้ได้ทีเดียว ว่าเธอไม่ได้อยากยิ้มหรือหัวเราะเลยในตอนนี้
“แล้วเรื่องที่กำลังเป็นข่าวครึกโครมว่าคุณเอมี่กำลังตั้งครรภ์ ตกลงว่าคุณเอมี่ ตั้งครรภ์ จริงๆ ใช่ไหมครับ”
นักข่าวนายหนึ่งเป็นคนถามคำถามนี้ อรัญญิการ์โล่งอกด้วยซ้ำเพราะเธอไม่ต้องตอบคำถามที่ข้องเกี่ยวกับเปรมินทร์อีกแล้ว
“ค่ะ! เอมี่...ท้องแล้วค่ะ” อรัญญิการ์ตอบด้วยรอยยิ้ม ครานี้เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้เสกสรรปั้นแต่งแต่อย่างใด นาทีนี้สิ่งที่ทำให้เธอสุขใจได้มีเพียงลูกในท้องเท่านั้น
เปรมินทร์นั่งนิ่งไม่ไหวติง อรัญญิการ์ไม่หันมามองเขาเลยแม้แต่น้อย หล่อนจะบอกทุกคนว่าเขาเป็นพ่อของลูกอย่างที่เขาหวั่นใจหรือไม่!? หวั่นใจ แล้วเขาหวั่นใจด้วยเรื่องอันใด กันแน่!
‘โอ...เปรมินทร์ นายบ้าแน่ๆ นายกำลังอยากให้หล่อนปรักปรำนายอย่างนั้นหรือ ว่า ลูกชู้ ในท้องหล่อนเป็นลูกนาย นายบ้าไปแล้วแน่ๆ’
เสียงฮือเสียงถกเถียงดังขึ้นในหมู่เหยี่ยวข่าว มันเกิดขึ้นพร้อมๆ กับแสงแฟลชจากกล้องนับสิบตัวที่จ่อเลนส์มายังร่างอรัญญิการ์โดยเฉพาะ ให้ตายเถอะ ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนเลือดในร่างไม่ยอมไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เธอรู้สึกว่ามือทั้งสองเย็นเฉียบทั้งที่มือข้างหนึ่งถูกเพื่อนรักกุมไว้จนชื้นเหงื่อ
“แล้วอย่างนี้ คุณเปรมก็ไม่ใช่พ่อของเด็กอย่างนั้นหรือคะ แล้วพ่อของเด็กเป็นใครคะ!? คุณเอมี่จำได้ไหมคะ?”
‘นั่นไง!? เธอว่าแล้ว คำถามอุบาทว์นี้เกิดขึ้นจริงๆ’
ปาฏลีรีบเข้าช่วยเหลือ เพื่อนรักของเธอถูกจู่โจมด้วยคำถามยอกแสยงใจขนาดนั้น เป็นใครก็ตั้งรับไม่ทันแน่นอน
“เอ่อ แป๋ม...ขอพูดอะไรสักนิดนะคะ ถึงแม้ว่าภาพพจน์ของเอมี่จะดูแรงไปสักหน่อยแต่มันไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงคนนี้ต้องเหลวไหล ถึงขนาดที่พี่ต้องใช้คำถามนั้นนะคะ เธอท้องกับใครเธอย่อมรู้ดี แต่ทุกอย่างมันมีเหตุมีผลในตัวของมัน หากพี่ไม่รีบจนเกินไปพี่คงได้รู้ และการที่พี่ๆ รีบร้อนเกินไป มันก็ทำให้คำถาม หนึ่งในจำนวนนั้น เอมี่ไม่จำเป็นต้องตอบก็ได้ เพราะเราข้ามส่วนที่เป็นของคุณเปรมมาแล้ว จริงไหมคะ เพราะฉะนั้น เอมี่จะตอบแค่สองข้อหลัง ตามนั้นนะคะ” นางฟ้าปาฏลียิ้มเชือดนักข่าวเป็นครั้งแรก เธอทนไม่ไหวจริงๆ ถ้าเธอเป็นเอมี่ ป่านนี้แม่นักข่าวที่ถามคำถามได้ลงไปนอนเลือดกบปากบนพื้นไปแล้ว
“ขอบใจ...แป๋ม” เพื่อนสาวกระซิบเบาๆ ปาฏลีคนงามล้วงผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อมาเช็ดน้ำตาให้เพื่อนอีกรอบ เธอเข้าใจความรู้สึกของเอมี่ดี หล่อนโดนข่าวเล่นงานมากกว่านี้ก็เคยมาแล้วแต่นาทีนี้ ความรู้สึกมันต่างกัน เอมี่ทนไม่ได้ หล่อนคงรู้สึกอับอายที่สุดเท่าที่ชีวิตลูกผู้หญิงคนหนึ่งจะพึงรู้สึกได้ น่าสงสารเอมี่เหลือเกิน
“เอมี่ขอโทษจริงๆ ค่ะ” เธอไม่ได้พูดแต่ปาก เธอยกมือไหว้สื่อมวลชนทั้งหลายทั้งที่ปกติไม่เคยแยแสคนเหล่านี้ เพราะพวกเขาและเธอชอบเล่นข่าวแม่มดคนนี้ในทางลบแต่ในทางกลับกันมันก็ทำให้แม่มดคนนี้มีชื่อเสียงเช่นกัน
“เอมี่ขอยืนยันนะคะว่าเรื่องทั้งหมดที่ทำให้เอมี่ต้องมานั่งอยู่ตรงนี้ เป็นเพราะอุบัติเหตุระหว่างคนสองคนในค่ำคืนหนึ่ง มันทำให้เอมี่ต้องมานั่งแจกแจงเรื่องส่วนตัวของเอมี่ให้พี่ๆ ฟัง เหมือนกำลังประจานตัวเองก็ใช่ แต่เอมี่ยอม...นั่นเพราะเอมี่เคารพทุกๆ สายตาที่มองเอมี่อยู่ เอมี่เคารพสื่อมวลชนที่คอยเขียนข่าวให้เอมี่ ถึงแม้ว่าจะเป็นข่าวด้านลบเสียส่วนใหญ่ แต่เชื่อไหมว่าเอมี่ไม่เคยโกรธเพราะเอมี่ถือว่าข่าวทำให้เอมี่มีงาน มีเงินใช้ไม่ต้องขอใคร” เธอเว้นช่วงเมื่อเพื่อนรักกระซิบว่าเธอกำลังออกนอกเรื่อง แต่ตอนนี้มันไม่ไหวแล้ว ขอเธอระบายหน่อยเถอะ
“หลายคนอาจมองว่าเอมี่ แรง แก้ผ้าถ่ายแบบเซ็กซี่ แล้วยังไงคะ! เอมี่ทำงานสุจริตเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเท่านั้น เอมี่กับแป๋มดูแลรับผิดชอบน้องๆ อีกหลายสิบชีวิตที่บ้านของเรา เดือนๆ หนึ่งต้องมีค่าใช้จ่ายหกหลักเป็นค่าที่พักที่ซุกหัวนอนให้น้องๆ ถ้าเอมี่ยังเป็นแค่ครูสอนเด็กอนุบาล เอมี่คงไม่มีปัญญาดูแลน้องๆ แน่ๆ และในเมื่อพี่ๆ สื่อมวลชนและประชาชนทั้งหลายยังกรุณาเอมี่ ยังช่วยให้เอมี่มีงาน มีเงิน เอมี่ก็จะบอกตรงๆ เลย เอมี่ท้องไม่มีพ่อ!”
อรัญญิการ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อพูดจบ บางครั้งการได้ระบายความในใจเสียบ้างมันก็โล่งดีเหมือนกัน เหยี่ยวข่าวทั้งหลายกระหน่ำชัตเตอร์ถี่ยิบยิ่งกว่าเก่า พวกเขาคิดตรงกันว่า วันนี้แม่มดน้อยพูดจามีสาระเอาการทีเดียว
“ไหนๆ ก็พูดแล้ว เอมี่พูดให้จบเลยแล้วกัน ถึงแม้ว่าลูกของเอมี่จะเกิดมาเพราะอุบัติเหตุแต่เอมี่ไม่ได้โกรธเขาเลยนะ เอมี่อยากให้พี่ๆ เข้าใจว่า...เอมี่รักเขามาก แต่เขาไม่ได้รักเอมี่ เอมี่ไม่ได้ต้องการงานแต่งงานสวยหรู ไม่ได้อยากครอบครองทะเบียนสมรส แค่อยากให้เขารับผิดชอบลูกเท่านั้น ให้ลูกๆ ได้รู้ว่าตัวเองก็มีพ่อ แม้ว่าจะรู้จักกันแค่ในใบเกิด แต่...เขาไม่ยอม!” นาทีนี้แม่มดน้อยปล่อยโฮอย่างไม่อาย เธอเจ็บเหลือเกินที่เขายังนั่งนิ่งอยู่ได้ในขณะที่เธอร้องไห้ปานจะขาดใจอยู่ตรงนี้
“เอมี่คิดว่าเขาคงเข้าใจผิดในหลายๆ เรื่อง ซึ่งอธิบายไปก็เท่านั้นเพราะเหตุผลหลักคือคำว่า รัก คำเดียวเท่านั้น ความรักบังคับกันไม่ได้มันถึงทำให้เอมี่มีสภาพนี้ แต่ว่า...พอมาถึงตอนนี้จริงๆ เอมี่ได้ปลดเปลื้องความรู้สึกต่างๆ นาๆ ออกไปจนหมดสิ้น มันทำให้เอมี่รู้ว่า เอมี่ต้อง...เข้มแข็ง เพื่อลูก ถ้าเขาอยู่แถวๆ นี้ หรือว่าดูอยู่ทางทีวี เอมี่อยากบอกเขาชัดๆ ว่าเด็กในท้องเอมี่เป็นลูกของเรา แต่หลังจากวันนี้ไป เขาจะเป็นลูกของเอมี่คนเดียว เอมี่จะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้พวกเขาเองค่ะ”
ช่างน่าอัศจรรย์ที่คราวนี้ไม่มีเสียงอื้ออึงจากบรรดาสื่อมวลชนทั้งหลาย ด้วยคำถามอันแตกต่าง ไม่มีแสงแฟลชวูบวาบถี่ยิบ ไม่มีแม้แสงกระพริบจากเลนส์กล้อง ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบงัน นักข่าวสาวบางรายถึงกับน้ำตาซึมเมื่อฟังจบ พวกเขาคิดตรงกันว่าชีวิตจริงมันยิ่งกว่าละครเสียอีก
“เอ่อ...แล้วเอมี่จะทำยังไงต่อไปคะ” นักข่าวจากหนังสือซุบซิบดาราชื่อดังเอ่ยถามทำลายความเงียบ
“ก็คง อยู่กับลูกไปเรื่อยๆ อย่างนี้ล่ะค่ะดูแลแก เฝ้าดูพัฒนาการของแก”
“เอมี่เคยคิดจะเอาเด็กออกรึเปล่าครับ” คราวนี้เป็นนักข่าวจากหนังสือพิมพ์รายปักษ์ถามขึ้น
“ถ้าเอมี่ทำจริงๆ คงไม่มานั่งให้พี่ๆ ซักฟอกจนขาวอย่างนี้หรอกค่ะ เอมี่รู้ดีว่าเอมี่ทำพลาด และเอมี่จะพลาดเพียงหนเดียวเท่านั้น การรับรู้ว่าพ่อแม่ไม่ต้องการเรามันเจ็บปวดนะคะ เอมี่ไม่อยากให้ลูกเป็นอย่างนั้น เอมี่จะเลี้ยงแกเองด้วยมือของเอมี่ค่ะ”
“เอ่อ...ขอถามเรื่องพ่อของเด็กสักนิดนะคะ พอจะพูดอะไรเกี่ยวกับเขาได้บ้างหรือเปล่า”
นักข่าวที่นั่งหน้าสุดเป็นคนถาม เจ้าหล่อนคงทำใจอยู่นานกว่าจะเอ่ยคำถามนี้ บางทีอาจกลัวเธออาละวาดใส่กระมัง
“ก็...เขาก็เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่เอมี่รักก็เท่านั้นเอง” เธอตอบสั้นๆ แล้วรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าจากมือเพื่อนสาวมาซับน้ำตาก่อนจะเอ่ยต่อให้จบๆ จะได้กลับบ้านไปนอนพักเสียที เธอเหนื่อยเหลือเกินที่ต้องฝืนทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้าเขา ต่อหน้านักข่าว
“เป็นผู้ชายแสนดีที่...ไม่เคยรักเอมี่ แต่เอมี่รักเขา และจะรักตลอดไปด้วย อย่าให้เอมี่ทำร้ายคนที่เอมี่รักด้วยการเอ่ยชื่อเขาเลยค่ะ.. เขายังมีชื่อเสียงให้รักษา มีเกียรติให้ปกป้อง ฮึกๆ อย่าให้เอมี่ทำลายเขาด้วยการเอ่ยชื่อเขาเลย เมื่อถึงวันที่ลูกของเอมี่คลอดออกมา พี่ๆ จะรู้เองว่าเขาหรือเธอเป็นลูกของใคร และเอมี่ขอบอกเขาตรงนี้ หากวันใดที่เขาสำนึกผิดและกลับมาหาเรา เขาต้องเจ็บอย่างที่เอมี่เจ็บ ต้องอับอายอย่างที่เอมี่เผชิญอยู่นี้ และที่สำคัญ เขาไม่มีวันได้เราแม่ลูกกลับไปง่ายๆ แต่จะด้วยเหตุผลใดนั้น ถ้าถึงตอนนั้นจริงๆ พี่ๆ ยังสนใจเรื่องนี้กันอยู่ล่ะก็ เอมี่จะบอกให้รู้เอง รับรองว่าช็อกทั้งวงการแน่ๆ เอมี่ยืนยันเลยค่ะ”
แม่มดคนงามทิ้งท้ายอย่างมั่นอกมั่นใจ เรียกเสียงปรบมือจากบรรดาสื่อมวลชนทั้งหลายได้เกรียวใหญ่ ก่อนจะเงียบลงอีกครั้งเพราะคุณชายเอ่ยบางอย่างขึ้นมา



Lilly
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 มี.ค. 2556, 13:35:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 มี.ค. 2556, 13:35:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 6473





<< บทที่ 14 สร้อยทับทิม 40%   บทที่ 15 ไม่ใช่ลูกชู้ 40% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account