กล้วยไม้ในมือมาร
กล้วยไม้คือผู้หญิง...เธอคือผู้หญิงชาวจีนที่ถูกซื้อมาเป็นสาวรับใช้ตั้งแต่วัยเด็ก...นวนิยายเรื่องนี้ฉายภาพสยามประเทศใน พ.ศ. 2473
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 37


37...


อาฮวดไม่ไล่เปล่า หันไปคว้าไม้ไผ่ลำใหญ่ที่เขาใช้หาบผักมาถือด้วยทีท่าเอาจริง สุขจึงดึงมืออาลั้ง พลางว่า “พวกเราไปกันเถอะ”
อาลั้งน้ำตากลบหน้า ได้แต่เดินตามแรงจูงของสุขอย่างคิดอะไรไม่ออก...ทั้งสองมานั่งพักที่บ้านหลังเล็กๆ ของสุข
“เอ็งจะไปบางกอกจริงๆ เรอะ?”
สุขถาม เมื่อได้รับฟังเรื่องราวต่างๆ ที่อาลั้งเล่าให้ฟังตามจริงแล้ว
“ใช่...อั๊วจะเก็บเงินเก็บทองไว้เยอะๆ จะได้มารับอาเล้งไปอยู่ด้วย” อาลั้งวาดหวัง
“เป็นคนใช้เขาจะได้เงินสักเท่าไหร่เชียว” สุขเอ่ยอย่างปลงสังเวช
“เท่าไหร่ก็เท่านั้นแหละพี่สุข อั๊วไม่มีหนทางเลือกที่ดีกว่านี้ เพราะอั๊วไม่รู้หนังสือ ไม่มีทุนรอนจะค้าขายอะไรสักอย่าง”
“มันก็จริงของเอ็ง” สุขพยักหน้า “ขอให้เอ็งไปดี มีความเจริญนะอาลั้ง”
“ขอบคุณค่ะ” อาลั้งพูดอย่างที่คุณสายใจสอน
“เฮ้ย...เอ็งชักจะพูดเพราะเหมือนคนบางกอกแล้วนะ” สุขเอ่ยพลางหัวเราะ
“คุณสายใจสอนอิฉัน” อาลั้งรู้สึกดีต่อคุณสายใจมาก
“ท่าทางคุณสายใจของเอ็งจะเป็นคนดี” สุขออกความเห็น
“จ๊ะ...คุณนายสายหยุดท่านก็ดี” อาลั้งพยายามพูดให้เป็นคนบางกอก
“เอ็งคงสบายกว่าอยู่กับพี่อิ่ม” สุขเปรยๆ
อาลั้งนึกถึงอิ่ม นึกถึงความโกรธเกรี้ยวของอีกฝ่าย ขณะที่รู้ว่าเธอจะไปบางกอกแล้ว หญิงสาวรู้สึกไม่สบายใจเลย
“พี่สุขช่วยบอกพี่อิ่มด้วยว่า อิฉันขอโทษ”
“ขอโทษเรื่องอะไร?” สุขถาม
“ก็เรื่องที่อิฉันทำให้พี่อิ่มโกรธ” อาลั้งหน้าจ๋อยๆ
“ช่างมันเถอะอาลั้ง พี่อิ่มเห็นแก่ตัวเกินไป ใช้งานเอ็งตั้งสองปี ก็ไม่ยอมให้เอ็งมาดูลูกบ้าง ทำให้เอ็งถูกยายซิ้มนั่นว่าเอาได้”
“แต่พี่อิ่มก็มีบุญคุณให้ที่อยู่ที่กินอิฉัน” อาลั้งพูดเสียงอ่อยๆ
“แต่เอ็งก็ทำงานให้เกินคุ้มแล้ว ไม่ต้องคิดมาก ไม่มีบุญคุณติดค้างกันแล้วหรอก” สุขเอ่ยเสียงหนักๆ
“จริงเหรอพี่สุข?” อาลั้งถามสีหน้ายังไม่ค่อยสบายใจนัก
“จริง!” เสียงสุขหนักแน่น จนสีหน้าอาลั้งค่อยคลายกังวล สุขตบไหล่อาลั้งเบาๆ “เอ็งเลิกคิดถึงเรื่องนี้ได้แล้ว แต่เอ็งไปอยู่บางกอก เอ็งกับข้าคงติดต่อกันไม่ได้ ข้าก็ไม่รู้หนังสือ เอ็งก็ไม่รู้หนังสือ”
สีหน้าอาลั้งเป็นทุกข์อีกครั้ง...จริงอย่างที่สุขว่า ต่างฝ่ายต่างไม่รู้หนังสือจะติดต่อกันอย่างไร...ข่าวคราวของลูกชาย อาลั้งก็คงจะไม่ได้รับรู้ จนกว่าอาลั้งจะตั้งตัวได้ มารับเขาไปอยู่ด้วย ซึ่งไม่รู้ว่าจะนานอีกกี่ปี
คิดแล้ว...น้ำตาก็ไหลลงอาบแก้มของอาลั้ง

พออาลั้งเดินกลับถึงอำเภอก็บ่ายคล้อย...ลุงมีมีน้ำใจหุงข้าวเผื่ออาลั้ง ก็ตักข้าวเปล่าใส่จานสังกะสีเคลือบ มีแกงจืดให้ถ้วยเล็กๆ ถ้วยหนึ่ง ให้อาลั้งนั่งกินข้าวที่แคร่หน้ากระท่อมที่พักของลุงมี
อาลั้งกินข้าวด้วยความหิวโหย ลุงมีมองอย่างเวทนา จนกระทั่งหญิงสาวยกขันน้ำฝนขึ้นดื่มเมื่อกินข้าวเสร็จเรียบร้อย
“เอ็งได้พบลูกไหม?” ลุงมีถามขึ้น
“ได้พบ เขากำลังตีลูกของอิฉันอยู่”
“ไม่ต้องใช้ ‘อิฉัน’ กับข้าหรอก ข้าเป็นแค่นักการ อิฉัน...ใช้พูดกับผู้ใหญ่ เจ้าคนนายคน” ลุงมีบอก “พูดกับคนระดับเดียวกัน ใช้ ‘ฉัน’ ก็สุภาพพอแล้ว”
“เหรอ” อาลั้งถาม แล้วนึกได้จึงเติมท้ายว่า... “คะ”
“เอ็งกินอิ่มแล้วหรือยัง?” ลุงมีถาม
“อิ่มแล้ว” อาลั้งพยักหน้า
อาลั้งยกมือไหว้ลุงมีแบบไทยอย่างที่คุณสายใจสอน พร้อมกับกล่าวว่า “ขอบคุณลุงมีมาก ฉันไปก่อนนะ” แล้วรับกระเป๋าหวายมาถือ เดินไปตามเส้นทางที่จะไปเรือนรับรองของท่านนายอำเภอ
“ไปดีมีสุขเถอะ” ลุงมีพึมพำตามหลัง

รุ่งขึ้น...อาลั้งก็นั่งรถไฟลงมาบางกอกพร้อมกับครอบครัวของคุณนายสายหยุด คุณนายท่านใจดีตีตั๋วชั้นหนึ่งให้อาลั้งด้วย อาลั้งจึงได้นั่งที่นั่งเบาะนุ่มๆ อยู่ข้างๆ คุณสายใจ ส่วนเก้าอี้ตรงข้ามคุณนายท่านนั่ง ข้างๆ ท่านคือสามีของคุณนาย...ท่านขุนวิจิตร
ท่านขุนเป็นคนเงียบขรึม หน้าตาท่านเป็นคนใจดีมีเมตตา แต่เรื่องทุกเรื่องในบ้านท่านปล่อยให้เป็นหน้าที่คุณนายตัดสินใจ ที่ท่านไปต่างจังหวัดครั้งนี้ ก็เพื่อไปโอนที่ดินให้สร้างโรงเรียนวัด โดยท่านบริจาคที่ดินให้โดยไม่ได้ขาย
อาลั้งรู้สึกเคารพนับถือท่านขุนและคุณนายมาก...นี่ถ้ามีคนร่ำรวยและจิตใจดีมากแบบนี้มากๆ ก็คงจะดีไม่น้อย
รถไฟมาถึงหัวลำโพงในเวลาเกือบพลบค่ำ ท่านขุนว่าจ้างรถม้าคันหนึ่งไปส่งที่บ้าน ซึ่งเป็นบ้านไม้สองชั้น ทาสีขาวดูเย็นตา มีรั้วไม้โดยรอบ ประตูรั้วก็เป็นบานไม้ มีประตูเล็กอยู่ข้างๆ ในบริเวณบ้านปลูกต้นไม้ร่มรื่น และไม้ดอกอีกหลายชนิดประดับสวนจนสวยงาม
พอรถม้าสั่นกระดิ่ง...ชายวัยสี่สิบเศษคนหนึ่งก็ออกมาเมียงมอง แล้วอุทานอย่างดีใจ
“ท่านขุนกลับมาแล้ว”
แล้วรีบเปิดบานประตูรั้วให้รถม้าวิ่งเข้าไป แล้วเขาก็เข้ามาช่วยอาลั้งหิ้วกระเป๋าหวายของท่านขุน คุณนาย และคุณสายใจขึ้นบ้านก่อน แล้วอาลั้งค่อยหิ้วกระเป๋าหวายของตนเองที่ใบเล็กที่สุด ยืนรอให้เจ้านายขึ้นบ้านไปก่อน
“ลุงเพิ่ม...บ้านช่องเรียบร้อยดีไหม?” คุณสายใจถาม
“เรียบร้อยดีขอรับ” ชายผิวคล้ำรูปร่างสันทัดทว่าแข็งแรงตอบอย่างนอบน้อม
“แล้วม้วนล่ะ?” คุณนายถามถึงภรรยาของลุงเพิ่ม
ลุงเพิ่มยิ้มอย่างเคอะเขิน ก่อนจะตอบเสียงเบาว่า “แม่ม้วนไปจองที่ดูลิเกที่วัดขอรับ”
“จองที่ก็หมายความว่า เดี๋ยวนายเพิ่มจะตามไปดูด้วยใช่ไหม?” คุณนายถามยิ้มๆ
“ขอรับ” ลุงเพิ่มรับคำสีหน้าอายๆ
“เอาเถอะ...เอาข้าวของขึ้นไปเก็บที่ห้องแล้วจะไปดูก็ไป” คุณนายเอ่ยอนุญาต
ลุงเพิ่มก็หิ้วกระเป๋าหวายของท่านขุนมือหนึ่ง ของคุณนายมือหนึ่ง เอาขึ้นไปเก็บที่ห้องนอนของท่านชั้นบน ก่อนจะมาหิ้วกระเป๋าของคุณสายใจ แล้วมองเลยมาทางอาลั้งด้วยสายตาสงสัย
“เอาของฉันขึ้นไปเก็บคนเดียวก็พอจ๊ะลุงเพิ่ม ส่วนของแม่คนนี้ เดี๋ยวให้หล่อนหิ้วเอง หล่อนจะมาทำงานแทนแม่มะลิลูกสาวลุงเพิ่มจ๊ะ” คุณสายใจอธิบาย
“ขอรับ” ลุงเพิ่มจึงหิ้วกระเป๋าหวายของคุณสายใจขึ้นไปเก็บที่ห้องนอนของคุณสายใจชั้นบน ก่อนจะกลับลงมาขออนุญาตไปดูลิเกที่วัด
ซึ่งคุณนายก็ไม่ว่าอะไรกับความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของบริวารในบ้าน
เมื่อลุงเพิ่มไปแล้ว...ท่านขุนก็บอกกับภรรยาว่า “ฉันขึ้นข้างบนก่อนนะ แม่สายหยุดกับลูกจะได้จัดการเรื่องของคนใหม่”
“ค่ะ...คุณพี่” คุณนายสายหยุดรับคำ
ท่านขุนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้รับแขกซึ่งเป็นไม้ มีเบาะนั่งและพนักพิงเป็นหมอนอิงมีเชือกผูก ปลอกหมอนอิงปักลายดอกไม้สวยงาม เป็นงานฝีมือของคุณนายเอง...ว่าแล้วท่านก็ลุกขึ้นเดินขึ้นไปยังห้องนอนของตนที่ชั้นบน
คุณสายใจนั่งลงที่เก้าอี้รับแขกข้างๆ มารดา บอกอาลั้งว่า
“นั่งลงซิหล่อน”
อาลั้งรู้ว่าที่ที่ตนสมควรนั่งคือพื้นกระดาน จึงนั่งคุกเข่าลง
“ไม่ใช่นั่งแบบนี้ นั่งแบบนี้จะเป็นท่านั่งกราบพระ นั่งแบบสุภาพธรรมดาต้องนั่งพับเพียบ” คุณนายสายหยุดสอน
“อั๊ว...เอ๊ย...อิฉันนั่งไม่เป็นค่ะ” อาลั้งตอบเสียงเบา
“ไม่ยากหรอก” คุณสายใจยิ้ม “เอาปลายเท้าออกมาข้างๆ”
อาลั้งทำตาม
“นี่แหละนั่งพับเพียบ” คุณสายใจเอ่ยต่อ “ถ้านั่งจนข้างนี้เมื่อย ก็เปลี่ยนไปนั่งอีกข้างหนึ่งได้ แต่ต้องเก็บปลายเท้าให้ชิดๆ หน่อย กางขามากจะกลายเป็นผู้ชายไป”
“ค่ะ...นั่งแบบนี้สบายกว่านั่งคุกเข่าเสียอีก” อาลั้งยิ้ม
“แต่จะกราบพระก็ต้องนั่งคุกเข่า...เอาไว้ฉันจะค่อยๆ สอนหล่อน หล่อนเบื่อไหม?” คุณสายใจถาม
“ไม่เบื่อค่ะ” อาลั้งส่ายหน้าแรงๆ เพื่อแสดงว่าตนไม่เบื่อจริงๆ
คุณสายใจเอามือปิดปากหัวเราะเบาๆ
“ไม่ต้องส่ายหน้าแรงขนาดนั้น ดูไม่งาม”
“ดูไม่งามคืออะไรคะ?” อาลั้งถาม
“หมายถึงดูไม่ดีหรือดูไม่สวย”
“อ้อ...” อาลั้งพยักหน้าแรงๆ
“นี่ก็อีก ไม่ต้องพยักหน้าแรง ดูไม่งาม...จำเอาไว้นะ”
“ค่ะ...อิฉันจะจำ” อาลั้งเกือบพยักหน้าแรงๆ อีกครา แต่นึกทันจึงหยุดกะทันหัน ดูกิริยาน่าตลก จนคุณนายอดปิดปากหัวเราะอีกคนไม่ได้
“แล้วนี่ลูกจะให้อาลั้งนอนที่ไหน?”
“เรื่องที่หลับที่นอนไม่ใช่ปัญหาค่ะคุณแม่” คุณสายใจเอ่ย
“แล้วเรื่องไหนเป็นปัญหาจ๊ะ?” คุณนายถามบุตรสาว
“เรื่องชื่อกับเรื่องเสื้อผ้าสิคะ...เพราะตอนนี้บางกอกไม่ใช่มีแต่ตำรวจไทยเท่านั้น...ทหารญี่ปุ่นก็มีอยู่ทั่ว...ถ้าเขาคิดว่าอาลั้งเป็นคนไทย ก็จะยังมีความเกรงอกเกรงใจรัฐบาลไทยอยู่บ้าง” คุณสายใจเอ่ย
เรื่องที่คุณสายใจพูดถึงเป็นเรื่องที่อาลั้งไม่รู้เรื่องเลย จึงถาม “ทำไมถึงมีทหารญี่ปุ่นอยู่ในเมืองไทยล่ะคะ?”
คุณสายใจหันไปสบตามารดา นึกหนักใจที่จะบอกสถานการณ์การเมืองกับสาวใช้คนใหม่ แต่ไม่บอก อาลั้งก็จะไม่รู้จักเอาตัวรอด
“ญี่ปุ่นมีกองทัพที่เข้มแข็ง เขาตีเมืองจีน”
คุณสายใจเอ่ยไม่ทันจบ อาลั้งก็อุทานอย่างตกใจ “หา! ญี่ปุ่นตีเมืองจีน!”
“จุ๊ๆ...อย่าเอ็ดไป” คุณนายปราม
“แล้วฝ่ายไหนชนะคะ?” อาลั้งถามร้อนรน ในใจอดคิดเป็นห่วงพี่ชายทั้งสองคนไม่ได้
“ฉันก็ไม่รู้หรอกนะอาลั้ง เพราะเรื่องนั้นอยู่ถึงเมืองจีน แต่ญี่ปุ่นยังยกทัพมาตีเมืองไทยด้วยเมื่อปลายปีที่แล้ว ยังดีที่ท่านนายกฯ ใช้การเจรจาทางการทูตเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น ทหารญี่ปุ่นจึงเข้ามาเมืองไทย โดยไม่ทำร้ายคนไทย” คุณสายใจเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง “ฉันอยากให้อาลั้งใช้ชื่อไทย แต่งตัวอย่างคนไทย จะได้ปลอดภัย”
อาลั้งนิ่งอึ้งยังมึนๆ งงๆ
“ว่ายังไง?” คุณนายถามสำทับอีกครั้ง
“แล้วแต่คุณนายกับคุณสายใจจะสั่งค่ะ” อาลั้งตอบ
“งั้น...อาลั้งรู้ความหมายไทยของชื่อตนเองไหม?” คุณสายใจถาม
อาลั้งย้อนนึกถึงเมื่อตนอายุ 14 ก่อนที่คุณชายป้อจะเดินทางไปมาเลเซีย ทั้งสองพบกันที่โถงนั่งเล่น โดยซาเสี่ยเนี้ยมารดาของคุณชายป้อปล่อยให้ทั้งสองพบกันตามลำพังเป็นครั้งสุดท้าย
“น่าเสียดายที่ไม่มีรูปถ่ายของอาลั้ง ฉันจะได้เอาติดตัวไป เวลาคิดถึงจะได้เอารูปมาดู แต่ก็ไม่เป็นไร อาลั้งมีความหมายว่าดอกกล้วยไม้ ถ้าฉันคิดถึงอาลั้ง ฉันจะดูดอกกล้วยไม้แทน”
อาลั้งละจากภวังค์ เอ่ยตอบคุณสายใจ “รู้ค่ะ...ลั้งแปลว่าดอกกล้วยไม้”
“งั้นหล่อนใช้ชื่อว่ากล้วยไม้ก็แล้วกัน” คุณนายสรุป
“ค่ะ”
“ส่วนเสื้อผ้าเก่าทิ้งไปให้หมด” คุณสายใจสั่ง
“แล้วอิฉันจะใส่อะไรล่ะคะ?” หญิงสาวมีสีหน้ายุ่งยากใจ
“ก็นุ่งผ้าถุงแบบคนไทยสิ เดี๋ยวฉันจัดหาให้ เสื้อผ้าของฉันมีมากที่ไม่ค่อยใช้แล้ว ฉันจะเอาให้หล่อน หล่อนคงใส่ได้ เพราะหล่อนตัวเล็กกว่าฉันหน่อยหนึ่ง” คุณสายใจเอ่ย
“เรื่องชื่อ เรื่องเสื้อผ้าก็จัดการแล้ว แล้วเรื่องที่นอนล่ะ?” คุณนายถามบุตรสาว
“ลูกจะให้กล้วยไม้มานอนด้วย” คุณสายใจเอ่ยตอบมารดา
“ทำไมล่ะ...ที่เรือนคนใช้มีห้องว่างอยู่ตั้งหลายห้อง”
คุณนายถามอย่างแปลกใจ
“ลูกอยากเปลี่ยนให้กล้วยไม้เป็นคนใหม่ ถ้าอยู่เรือนคนใช้ ป้าม้วนช่างซักถาม เดี๋ยวกล้วยไม้จะเผลอบอกเรื่องเก่าๆ หมด”
คุณสายใจบอกมารดา
คุณนายสายหยุดพยักหน้าเบาๆ เห็นด้วย แต่ก็ไม่วายจะออกความเห็นว่า
“แล้วเกิดใครถามถึงพ่อแม่ของกล้วยไม้ขึ้นมาล่ะ?”
“จริงด้วยค่ะคุณสายใจ”
หญิงสาวเพิ่งมีชื่อใหม่ก็กังวล
“พ่อแม่ของกล้วยไม้ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า?”
คุณสายใจย้อนถาม
“ไม่มีค่ะ...ตายหมดแล้วค่ะ”
“งั้นกล้วยไม้ก็ตอบทุกคนว่า พ่อแม่ตายหมดแล้ว อยู่กับพี่สาวที่ขายข้าวแกง แล้วขอมาทำงานบางกอกกับฉันแค่นี้ก็พอ...ถ้าใครซักถามมากๆ ก็อย่าคุยด้วย”
“ค่ะ”
กล้วยไม้รับคำ

ห้องคุณสายใจกว้างขวาง ตั้งเตียงไม้สี่เสาหลังใหญ่ พอขึ้นบนห้อง คุณสายใจก็เปิดหีบเสื้อผ้า นำผ้าถุงออกมาให้กล้วยไม้สามผืน สอนวิธีนุ่งให้ ส่วนเสื้อนั้น ส่วนใหญ่เป็นเสื้อแขนกุดคอกลมติดกระดุมหน้า ซึ่งกล้วยไม้สวมได้อย่างหลวมเล็กน้อย...คุณสายใจก็ออกความเห็นว่า
“อย่างนี้ดีแล้ว จะได้ทำงานสะดวกๆ ไม่อึดอัดเพราะคับ”
แต่สิ่งที่กล้วยไม้คิดไม่ถึงคือ...คุณสายใจเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบชุดกระโปรงติดกัน ตัดเย็บด้วยผ้าลูกไม้อย่างดีสีฟ้าอ่อนที่สวยที่สุดเท่าที่กล้วยไม้เคยเห็นยื่นให้
“เอา...ฉันให้ชุดนี้หล่อน เผื่อเวลาไปเที่ยวจะได้มีเสื้อผ้าสวยๆ ใส่ แล้วอย่าลืม ออกนอกบ้านต้องสวมหมวกด้วย ถ้าไม่สวมหมวก เขาจะว่าเป็นคนบ้านนอก ยังไม่เจริญ กล้วยไม้เป็นคนบางกอกแล้ว จะต้องสวมหมวก ตกลงฉันจะให้หมวกหล่อนสองใบ หมวกใบที่ค่อนข้างเก่า เอาไว้สวมไปตลาด ส่วนหมวกใบสวยๆ นี้ เอาไว้สวมกับชุดสวย”
แล้วคุณสายใจก็หยิบหมวกให้อีก 2 ใบ




คำรัก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 มี.ค. 2556, 08:59:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 มี.ค. 2556, 08:59:46 น.

จำนวนการเข้าชม : 1322





<< ตอนที่ 36   ตอนที่ 38 >>
pattisa 8 มี.ค. 2556, 18:13:32 น.
เจอเจ้านายดีซะที


ree 8 มี.ค. 2556, 21:52:24 น.
ดีใจกับกล้วยไม้ ออกจากมือมารได้ซะที


konhin 9 มี.ค. 2556, 22:45:48 น.
ชีวิตน่าเศร้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account