กล้วยไม้ในมือมาร
กล้วยไม้คือผู้หญิง...เธอคือผู้หญิงชาวจีนที่ถูกซื้อมาเป็นสาวรับใช้ตั้งแต่วัยเด็ก...นวนิยายเรื่องนี้ฉายภาพสยามประเทศใน พ.ศ. 2473
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 38


38...


อาลั้งที่ได้ชื่อใหม่ว่ากล้วยไม้ใช้มือลูบไล้สัมผัสชุดผ้าลูกไม้อย่างทะนุถนอม รู้สึกดีใจอย่างมากที่คุณสายใจยกชุดสวยให้ จึงเอ่ยจากใจว่า “ชุดสวยมาก คุณสายใจให้อิฉันจริงๆ เหรอ?”
“จริงสิ ลองใส่ดูไหม?” คุณสายใจเอ่ย พลางนั่งลงบนเตียง
กล้วยไม้ชั่งใจดูครู่เดียวก็ตอบว่า “อย่าเพิ่งดีกว่าค่ะ”
“ทำไมล่ะ?”
“อิฉันยังไม่ได้อาบน้ำเลย ใส่ชุดสวย เดี๋ยวชุดสวยจะเหม็นเหงื่อของอิฉันพอดี” กล้วยไม้ให้เหตุผล
คุณสายใจเห็นด้วย “จริงของหล่อน ยังงั้นหล่อนเก็บชุดเก็บเสื้อผ้า แล้วเตรียมตัวไปอาบน้ำก่อนค่อยมานอน ใช้ผ้าถุงกระโจมอกเป็นไหม?”
“เป็นค่ะ พี่อิ่มสอนมา”
“แต่ที่บ้านนี้มีผู้ชาย กระโจมอกอย่างเดียวไม่พอ ต้องเอาผ้าเช็ดตัวห่มไหล่ทั้งสองข้างด้วยจึงจะดูไม่ประเจิดประเจ้อ ฉันอนุญาตให้กล้วยไม้ใช้ห้องน้ำบนเรือน ไม่ต้องไปใช้ห้องน้ำที่เรือนคนใช้ เพราะค่ำมืดดึกดื่นแล้ว เดี๋ยวจะเหยียบงูเงี้ยวเขี้ยวขอเข้า” คุณสายใจเอ่ยพลางเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นนุ่งกระโจมอก เอาผ้าเช็ดตัวห่มไหล่ “ฉันไปอาบก่อน กล้วยไม้เตรียมตัวไว้ เดี๋ยวไปอาบต่อจากฉัน”

คืนนั้นกล้วยไม้นอนหลับฝันดี ที่นอนของเธออยู่หน้าเตียงของคุณสายใจ กางมุ้งหลังเล็กเอาไว้ มีเสื่อปูพื้นก่อนทับด้วยผ้านวมเป็นที่นอน มีหมอนนุ่มและผ้าแพรห่ม ซึ่งในชีวิตกล้วยไม้ยังไม่เคยนอนที่นอนดีขนาดนี้มาก่อน ทำให้เธอฝันดี เธอฝันว่า...เธอไปหาลูก และได้กอดลูก เธอจึงร้องไห้สะอึกสะอื้น
“กล้วยไม้...” คุณสายใจเรียก
พอดีกล้วยไม้ตื่นขึ้น แต่เธอยังงุนงงกับชื่อใหม่
“เป็นอะไรไปกล้วยไม้ ทำไมถึงนอนร้องไห้?” คุณสายใจถามอีก
กล้วยไม้จึงเพิ่งนึกออกว่า “กล้วยไม้” เป็นชื่อของตน และลุกขึ้นมานั่ง เปิดมุ้งมาตอบเจ้านายสาวว่า “อิฉันฝันดีค่ะ”
“ฝันดีแล้วทำไมถึงร้องไห้?” คุณสายใจที่เลิกมุ้งมามองตั้งแต่แรกถามเสียงอ่อนโยน
“อิฉันฝันถึงลูกค่ะ ฝันว่าได้พบลูก ได้กอดลูก อิฉันก็เลยร้องไห้เพราะดีใจ” กล้วยไม้พูดไปพลางยกมือเช็ดน้ำตาไปพลาง “อิฉันทำเสียงรบกวนคุณสายใจใช่ไหมคะ...ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก” คุณสายใจยิ้ม ครุ่นคิดบางอย่าง ก่อนจะกล่าวกับกล้วยไม้ว่า “ทีหลังกล้วยไม้อย่าบอกกับใครว่ามีลูกแล้ว”
“ทำไมคะ?” กล้วยไม้สงสัย
“เพราะผู้หญิงถ้าเป็นหญิงสาวก็จะมีคนเกรงใจ แต่ถ้าเป็นแม่ม่ายแม่ร้าง คนก็จะดูถูกเอา ฉันเตือนกล้วยไม้ เพราะยังไงฉันก็อายุมากกว่ากล้วยไม้สองปี พอจะเป็นพี่สาวของกล้วยไม้ได้ คิดว่าเป็นคำเตือนจากพี่สาวก็แล้วกัน” คุณสายใจเอ่ยด้วยความหวังดี
“ค่ะ...อิฉันจะจดจำไว้” แล้วกล้วยไม้ก็ลุกมาเก็บที่นอนหมอนมุ้ง

เช้าวันนั้นเป็นวันที่กล้วยไม้ตื้นตันใจที่สุดในชีวิต เพราะคุณนายสายหยุด กับคุณสายใจสอนให้กล้วยไม้ใส่บาตร แล้วยังสอนให้กรวดน้ำอุทิศบุญกุศลให้พ่อแม่ที่ล่วงลับไปแล้ว กับญาติทั้งหลายที่ทั้งล่วงลับไปแล้วกับทั้งยังมีชีวิตอยู่ โดยเฉพาะลูกชายที่อยู่ห่างไกล เจ้ากรรมนายเวร มิตรและศัตรู ตลอดจนสรรพสัตว์ทั้งหลาย
“วันนี้แม่ม้วนกับตาเพิ่มไม่อยู่ด้วย ฉันถึงให้แม่กล้วยไม้อธิษฐานออกเสียง แต่ถ้ามีคนอื่นๆ อยู่ด้วย อธิษฐานในใจก็พอนะจ๊ะ” คุณนายสายหยุดสำทับ
“ค่ะ...คุณนาย” กล้วยไม้เอ่ยรับคำ “อิฉันเพิ่งจะรู้วันนี้เองว่ามีอีกหนทางหนึ่งที่สามารถส่งข้าวปลาอาหารไปให้พ่อแม่”
“บุญน่ะอิ่มทิพย์จ้ะ...เอ๊ะ...อยู่กับแม่อิ่มมาตั้งสองปี เขาไม่เคยสอนให้ใส่บาตรเลยหรือ?”
“ไม่เคยค่ะ...พี่อิ่มสอนให้ทำแกงต่างๆ ไม่ว่าแกงไก่ แกงปลา แกงส้ม แกงเลียง แล้วหาบข้าวแกงไปขาย บางวันก็ขายหมดเร็ว บางวันก็ช้า และที่แย่ที่สุดคือบางวันเหลือ วันไหนที่ข้าวแกงเหลือ พี่อิ่มจะอารมณ์เสีย” กล้วยไม้เอ่ยหน้าเศร้าหมอง
คุณนายสายหยุดเห็นก็ตัดบทว่า “เรื่องเก่าก่อนอย่าไปนึกถึงมันเลย มาอยู่กับฉัน ฉันจะสอนให้ทำอาหารชาววัง ฉันก็เป็นคุณข้าหลวงเก่า เคยอยู่ในรั้วในวังมาก่อน งานอาหารกับงานฝีมือ แม่กล้วยไม้ฝึกหัดไว้ ต่อไปวันข้างหน้าจะได้เป็นที่เชิดหน้าชูตาว่าเป็นคนมีฝีมือกับเขาบ้าง”

กล้วยไม้ฝึกงานครัวกับคุณนายสายหยุดแล้ว รู้ว่างานครัวไม่ใช่แต่ต้มแกงเป็นก็ใช้ได้ ต้องรู้จักปรุงรสให้กลมกล่อม จัดประดับตกแต่งให้สวยงามชวนลิ้มลอง ทั้งเครื่องคาวเครื่องหวาน หญิงสาวถูกใช้ให้ไปจ่ายตลาดแทนแม่ม้วน เพื่อเรียนรู้การเลือกซื้อของ
ส่วนคุณสายใจ พอมหาวิทยาลัยเปิดเทอมก็แต่งชุดนิสิตไปเรียนตั้งแต่เช้าเช่นกัน ก่อนที่จะขึ้นรถม้าที่ว่าจ้างให้มารับ หล่อนกระซิบบอกกล้วยไม้ว่า “ไปตลาด ถ้าเจอทหารญี่ปุ่นอย่าไปสุงสิงกับพวกเขานะ”
แล้ววันนั้นกล้วยไม้ก็เจอทหารญี่ปุ่นคนหนึ่งในตลาดจริงๆ เขาพูดไทยไม่ค่อยได้ ดูจากเครื่องแต่งกายแล้วคงเป็นทหารชั้นปลายแถว เขายืนอยู่หน้าแผงขายปลาสด ชี้ตัวนั้นตัวนี้แล้วถามเป็นภาษาที่กล้วยไม้ฟังไม่รู้เรื่อง แม่ค้าปลาก็ฟังไม่รู้เรื่อง เขามีท่าทางหงุดหงิดที่คนในตลาดสื่อสารกับเขาไม่ได้ ลงท้ายเขาก็คว้าปลามาตัวหนึ่ง ใช้มีดพกแล่เนื้อปลากินสดๆ
กล้วยไม้เห็นแล้วอดรู้สึกพะอืดพะอมไม่ได้ จึงรีบหันหน้าหนีแล้วจ้ำอ้าว เป็นผลให้เธอชนถูกผู้ชายคนหนึ่ง
“อุ๊ย...” หญิงสาวเซถอยหลัง ดีที่เขาคว้าแขนเธอเอาไว้ทัน
“ขอโทษครับ” เขาเอ่ย “คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
กล้วยไม้เงยหน้ามองเขา ก็เห็นเขาเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่า สวมเสื้อผ้าต่วนสีดำคอจีน สวมกางเกงแพรสีดำ หน้าตาคมสัน รูปร่างแข็งแรงค่อนข้างสูง
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันผิดเองที่ชนคุณ” กล้วยไม้เอ่ยในขณะที่ชายหนุ่มปล่อยแขนของเธออย่างแสนเสียดาย
“คุณหนูมาจ่ายตลาดหรือ?” เขาถามต่อทันที เพราะเห็นหญิงสาวทำท่าจะผละจากไป ได้ผล...คำถามของเขาทำให้เธอชะงักเท้า ตอบว่า
“ฉันไม่ได้เป็นคุณหนูหรอก แต่เป็นคนใช้” กล้วยไม้ตอบตามความเป็นจริงโดยไม่ปิดบังอำพรางฐานะที่แท้จริง
เขาเปิดยิ้มยินดี “ถ้าอย่างนั้น เรามาคบกันเป็นเพื่อนไหม?”
“คุณจะคบกับคนใช้อย่างฉันเหรอ?” กล้วยไม้ถาม
“ผมก็มีฐานะไม่สูงส่งอะไร ผมมีอาชีพช่างไม้ ชื่อกุ่ย” เขาแนะนำตัวเองก่อน แล้วถามหญิงสาวว่า “คุณล่ะครับชื่ออะไร?”
“กล้วยไม้” ที่จริงเธออยากบอกชื่ออาลั้ง เพราะเห็นเขาเป็นคนจีนเหมือนกัน แต่คุณสายใจกำชับหนักหนาว่า...อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน...กล้วยไม้จึงไม่บอกเขาว่า เธอก็เป็นคนจีน
“กล้วยไม้...ชื่อเพราะมากนะครับ” อากุ่ยเอ่ย แล้วถามว่า “คุณซื้อของครบหรือยังครับ”
“ยังเลยค่ะ...ที่จริงฉันจะเข้าไปซื้อปลา แต่เห็นทหารญี่ปุ่นกินเนื้อปลาสดๆ เลือดหยดติ๋งยังงั้น ฉันเลยกลัว แล้วเลยชนถูกคุณเข้า”
“พวกทหารญี่ปุ่นชอบกินปลาดิบ แต่เขาก็จ่ายเงินซื้อนะครับ จ่ายเยอะซะด้วย เพราะพวกเขาพิมพ์เงินใช้เอง” อากุ่ยเอ่ยเสียงไม่ดังนัก
กล้วยไม้หันไปมองทหารญี่ปุ่นคนนั้น เขาควักเงินออกมาจ่ายค่าปลาจริง เป็นแบงก์ยี่สิบบาท แล้วไม่รอเงินทอนก็เดินฉับๆ จากไป
“มา...ผมหิ้วตะกร้าให้ครับ” อากุ่ยบอก
กล้วยไม้ชั่งใจอยู่...อากุ่ยก็หัวเราะ
“ผมไม่หิ้วตะกร้าของคุณวิ่งหนีไปหรอกครับ”
กล้วยไม้จึงส่งตะกร้าให้เขาช่วยหิ้ว แล้วเดินเข้าไปซื้อปลาช่อนตัวหนึ่ง เอาปลาที่ถูกแม่ค้าทุบหัวแล้วห่อใบตองใส่ลงตะกร้า
“ยังขาดอะไรอีกบ้างครับ?” อากุ่ยถาม รู้สึกการได้หิ้วตะกร้าจ่ายตลาดให้หญิงสาวที่เพิ่งจะได้พบกันนี้ ช่างเป็นความสุขอันยิ่งใหญ่
“ขาดผักสองสามอย่าง เดี๋ยวไปดูที่แผงนั้นกันเถอะ”
กล้วยไม้เอ่ยพลางเดินนำไป อากุ่ยอยากให้ไปแผงอื่นมากกว่า แต่ได้แต่คิดในใจไม่กล้าบอก พอไปถึงแผงขายผัก กล้วยไม้ก็ตั้งหน้าตั้งตาเลือกผัก แม่ค้าสาวก็ก้มหน้าทอนเงินให้ลูกค้า พอทอนเงินเสร็จ เงยหน้าขึ้นมาเห็นอากุ่ย หล่อนก็ร้องเสียงลั่น
“พี่กุ่ย...มาหาสมใจเหรอจ๊ะ?”
อากุ่ยฝืนยิ้ม “พี่พาเพื่อนมาซื้อผัก”
“เพื่อน...?” สมใจเบิ่งตาจนกลมกว้าง แล้วหันมาสบเข้ากับหน้าที่เงยขึ้นจากการเลือกผักของกล้วยไม้ “กับแม่กล้วยไม้นี่เหรอ?”
“ใช่แล้ว” อากุ่ยตอบ
“แล้วฉันเป็นอะไรของพี่?” สมใจถามเสียงเครียด
“คนรู้จักกัน”
คำตอบทำให้สมใจอยากลุกขึ้นมาทั้งกรี๊ดทั้งเต้น แต่หล่อนพยายามข่มใจไว้...คนนี้ก็ลูกค้า คนนั้นก็ชายที่ปองหมาย...ถ้าหล่อนลุกขึ้นมาทำตามที่คิดจริงๆ มีหวังพี่กุ่ยของหล่อนต้องหลุดมือไปแน่ๆ...จึงเปลี่ยนบทบาท
“แล้วพี่กุ่ยกับกล้วยไม้เป็นเพื่อนกันตอนไหนเมื่อไหร่ล่ะจ๊ะ?”
“เมื่อกี้นี้เอง” อากุ่ยตอบตามจริง
“แล้วทำไมไม่นับเอาฉันเป็นเพื่อนด้วยคนล่ะ?” สมใจเอ่ย หันสายตาเว้าวอนมาสบตากล้วยไม้ หล่อนคิดว่า...เข้าทางผู้หญิงจะง่ายกว่า
และก็เป็นจริงอย่างสมใจคาด...กล้วยไม้รับปากว่า “ได้สิ...เป็นเพื่อนกันยิ่งหลายคนยิ่งดี”
“ได้ยินแล้วใช่ไหมพี่กุ่ย ฉันเป็นเพื่อนพี่กุ่ยแล้วนะ ไม่ใช่แค่คนรู้จัก” สมใจเอ่ยราวกับจะป่าวประกาศให้ชาวบ้านร้านตลาดรับรู้
อากุ่ยเลยอึ้งจนพูดไม่ออก
“วันนี้แม่กล้วยไม้จะเอาผักอะไร ฉันให้เปล่าไม่คิดเงินจ้ะ” สมใจหันมาเอ่ยกับกล้วยไม้ “ฉลองที่เราได้เป็นเพื่อนกัน”
“ไม่ได้หรอก ของซื้อของขาย ซื้อของก็ต้องจ่ายเงิน แล้วนี่เงินของคุณนายท่านให้มาซื้อกับข้าว แม่สมใจไม่ต้องให้เปล่าหรอกจ้ะ” กล้วยไม้ตอบ
“งั้นก็ดี...เอ๊ย...งั้นก็ตามใจแม่กล้วยไม้เถอะจ้ะ”
เมื่อซื้อของเสร็จ อากุ่ยรับอาสาจะหิ้วตะกร้าไปส่งกล้วยไม้ที่บ้าน
แต่กล้วยไม้ปฏิเสธ “ไม่ดีหรอกจ้ะ ที่อยู่ๆ ฉันจะพาคนนอกที่ไม่ใช่แขกของเจ้าของบ้านไปที่บ้าน หวังว่าคุณกุ่ยคงจะเข้าใจนะ”
“ครับ...ผมเข้าใจ” อากุ่ยส่งตะกร้าในมือคืนให้หญิงสาว แล้วมองตามหลังขณะที่เธอเดินจากไป

เดือนกันยายน ปี พ.ศ. 2485 เกิดน้ำท่วมใหญ่ทั่วบางกอก รถลากที่เลิกไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2477 กลับมาให้บริการใหม่
แต่บ้านท่านขุนวิจิตรน้ำท่วมถึงเอว จึงต้องใช้เรือพายแทน...กล้วยไม้พายเรือไม่เป็น ว่ายน้ำก็ไม่เป็น จึงไม่ได้ไปตลาด ให้ป้าม้วนไปตลาดแทน
อากุ่ยรอแล้วรอเล่า...รอจะเห็นหน้ากล้วยไม้ แต่ก็รอเก้อเป็นเวลาสิบกว่าวัน จนวันหนึ่งป้าม้วนไม่สบาย จึงบอกกับกล้วยไม้ว่า
“แม่กล้วยไม้ ไปตลาดแทนป้าที ป้าเวียนหัวหน้ามืด”
“แต่ฉันว่ายน้ำก็ไม่เป็น พายเรือก็ไม่เป็น” กล้วยไม้ออกจะกลัวๆ
“พายเรือไม่ยากหรอก จ้ำพายไปเดี๋ยวมันก็เป็นเอง แล้วน้ำก็ไม่ลึกมาก แค่เอว เรือล่ม ก็ยกเรือเทน้ำทิ้ง แล้วขึ้นไปนั่งใหม่ แค่นั้นเอง เป็นสาวเป็นแส้อย่าทำเป็นกลัวนั่นกลัวนี่ไปหน่อยเลย” ป้าม้วนไม่ว่าเปล่า แถมค้อนให้อีกวงใหญ่
กล้วยไม้จึงจำใจต้องพายเรือไปตลาด กว่าจะพายเรือให้เดินหน้าได้ก็พายเรือหันหัววนซ้ายเวียนขวาอยู่นานสองนาน พอออกไปตามถนน น้ำที่ท่วมลึกเกือบถึงอก น้ำกระฉอกเข้าเรือเพราะพายไม่เป็นจนเรือจม หญิงสาวก็เลยตกน้ำ แม้น้ำไม่ลึกมากนัก แต่เธอก็ทรงตัวไม่ได้ด้วยว่ายน้ำไม่เป็น เธอสำลักน้ำเข้าปากเข้าจมูก คิดว่าต้องตายแน่แล้ว มือแข็งแรงสองมือก็ยื่นมาช่วยฉุดให้ลุกขึ้นยืนมั่น
“คุณกล้วยไม้เป็นยังไงบ้าง?” เสียงถามจากผู้ช่วยชีวิตเธอ
กล้วยไม้จำเสียงได้ “คุณกุ่ย”
“ครับ...ผมเอง ผมเห็นคุณกล้วยไม้ไม่มาตลาดนานมาก ก็กะว่าจะแอบไปมองดูคุณที่บ้านสักหน่อย” อากุ่ยบอก พลางยกเรือลำเล็กเทน้ำทิ้ง แล้วจับเรือไว้ไม่ให้ลอยไป อีกมือคว้าพายวางไว้ในเรือ แล้วเก็บตะกร้าหวาย
“บ้าน...คุณกุ่ยรู้เหรอว่าฉันอยู่ที่ไหน?” หญิงสาวนึกไม่ออกว่าตนเองไปบอกที่ทางบ้านช่องแก่อีกฝ่ายตั้งแต่เมื่อไหร่
“เพิ่งรู้ครับ” อากุ่ยตอบเลี่ยง
“ใครบอกคุณ?” กล้วยไม้คาดคั้น
“ผมถามจากสมใจนะครับ ทีแรกเธอก็ไม่ยอมบอกหรอก แต่ทนคำขอร้องของผมไม่ได้”
ที่จริง...สมใจยอมบอกว่ากล้วยไม้อยู่บ้านท่านขุนวิจิตร ก็เพราะอากุ่ยให้สัญญาว่า เมื่อน้ำลดแล้วจะพาไปเที่ยวงานวัดต่างหาก
“ผมก็เลยเดินมาพบคุณกำลังจะจมน้ำพอดี น้ำช่วงนี้ลึก เพราะก่อนน้ำจะมา ทางการกำลังขุดถนนจะฝังท่อระบายน้ำ แต่น้ำมาเสียก่อน เรือคุณมาเสียหลักตรงนี้ก็เลยแย่” เขาพูดพลางจูงทั้งคนจูงทั้งเรือมาอีกด้านหนึ่ง ซึ่งน้ำลึกแค่เอว
“คุณจะไปตลาดใช่ไหม?”
“จ้ะ”
“งั้นคุณขึ้นไปนั่งบนเรือ ผมจะจับเรือให้ แล้วคุณไม่ต้องพาย ผมจะจูงเรือให้เอง” อากุ่ยอาสา
“เกรงใจคุณมากลเลย” กล้วยไม้เอ่ยอย่างไม่รู้จะรับความหวังดีของอีกฝ่ายดีไหม
“ไม่ต้องเกรงใจ เราเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ?” อากุ่ยบอกเพื่อให้หญิงสาวสบายใจ
กล้วยไม้ตัดสินใจอยู่อึดใจหนึ่งก็พยักหน้า “ขอรบกวนคุณแล้วนะคะ”
“ไม่เป็นไร”
กล้วยไม้ปีนขึ้นไปนั่งบนเรือ อากุ่ยใช้เชือกที่ผูกอยู่หัวเรือจูงเรือไปจนถึงตลาด ซึ่งระดับน้ำในตลาดเพียงแค่น่อง เรือจึงต้องผูกไว้ที่หน้าตลาด อากุ่ยยื่นมือให้กล้วยไม้จับ แล้วพยุงเธอลงจากเรือเดินย่ำน้ำเข้าไปในตลาด ซึ่งมีข้าวของขายอยู่ไม่มากนัก เพราะเรือกสวนไร่นาจมน้ำเสียหายไปมาก ผลหมากรากไม้ที่พอจะมาขายจึงมีน้อย และแพงกว่าปกติหลายเท่า





คำรัก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 มี.ค. 2556, 10:14:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 มี.ค. 2556, 10:14:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 1342





<< ตอนที่ 37   ตอนที่ 39 >>
ree 11 มี.ค. 2556, 11:30:07 น.
สงสัยชีวิตนี้อาลั้งจะไม่เห็นคุณชายป้ออีกแล้ว


pattisa 11 มี.ค. 2556, 17:48:23 น.
ขอให้คนใช้ที่บ้านไม่อิจฉากล้วยไม้นะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account