ลิขิตรักในสายลม # จุฬามณี
รัก หวานๆ ขม ของสาวไทยกับหนุ่มมาเลย์
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: 19.
ตอนที่ 19
หลังจากที่ต่อสายภายในเข้ามาหาขวัญชีวีและรู้ว่าเพื่อนสะดวกให้เข้ามาพูดคุยด้วยแล้ว วรรณรดาก็ออกจากห้องพักตัวเองมาเคาะประตูห้องขวัญชีวี ขวัญชีวีเปิดประตูรับวรรณรดาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มผิดกับวรรณรดาที่ขวัญชีวีมองเห็นว่าหน้าตาเหมือนคนมีความกลัดกลุ้ม
“เป็นอะไร...หน้าตาดูไม่ได้เลย” ปิดประตูห้องแล้ว ขวัญชีวีก็เอ่ยปากถามวรรณรดาที่เดินเข้าห้องมาถือวิสาสะล้มลงบนเตียงนอนทำตัวกันเองเป็นอย่างมาก
“ปวดหัวนิดหน่อย”
“กินยาหรือยัง”
“กินแล้ว ง่วง ๆ นี่ไง”
“แล้วทำไมไม่นอนพัก”
“อยากคุย”
“พี่ปุ้มเป็นอย่างไรบ้าง แฮปปี้กันดีไหม”
“ดี คืบหน้าดี แต่แม่ของดานะซิ พอรู้ว่าดามากับขวัญเพราะว่ามีพี่ปุ้มมาด้วย แม่โล้งเล้งใหญ่เลย..แม่ไม่อยากให้ดาเกี่ยวข้องกับพี่ปุ้ม แม่ของดากำลังจะจับคู่ดากับลูกคุณหญิงปิยะนุช สุขมโนรมย์”
“พจน์ สุขมโนรมย์นะเหรอ” ขวัญชีวีนั้นตามข่าวคราวแวดวงคนไฮโซอยู่บ้าง
“อืม...”
“ก็หล่อดีนะ”
“ดาไม่ชอบคนตัวขาว ๆ แบบนั้น ตาหยี ๆ ดูแอ๊บแมนอย่างไรก็ไม่รู้”
“คิดว่าเขาเบี่ยงเบนเหรอ”
“ไม่หรอก...มันแตกต่างจากพี่ปุ้มไหมละ”
“ชอบกินกาแฟดำนี่เอง”
“ปวดหัวจังเลยเนี่ย ถ้าพี่ปุ้ม ติดกับดักดา แล้วจะเป็นอย่างไรละ ดาสงสารพี่ปุ้มจังเลย”
“ละเมอใช่ไหมเนี่ย”
“อืม...” ว่าแล้วสองสาวก็หัวเราะให้กัน
“แล้วขวัญล่ะ คุณมาร์คเป็นไงมั่ง”
“ดาเอาเรื่องที่ขวัญกับพี่ปุ้มไปบอกพี่รุตเหรอ...” นึกถึงเรื่องที่หลินฮันหมิงเอ่ยปากบอกมาตรง ๆ ว่ารู้เรื่องลับ ๆ ของเธอกับปวุฒิหมดแล้วขวัญชีวีก็รู้สึกเจ็บใจที่วรรณรดาไม่ยอมรักษาความลับนี้ไว้...แต่ในทางกลับกันขวัญชีวีก็รู้สึก ‘ดี’ กับความเถรตรงของเขา พอรู้ว่าเธอว่าง เขาก็เดินเครื่องจีบเธอเต็มอัตราทีเดียว
วรรณรดาขยับลุกนั่ง ครุ่นคิดหาเรื่องแก้ตัวซึ่งมันจะต้องฟังขึ้นด้วย...
“ก็...หลายหัวดีกว่าหัวเดียวไง....อย่าโกรธดาเลยนะ แล้วอีกอย่าง พี่รุตเขาก็ช่วยกันนิดออกจากพี่ปุ้มอยู่ด้วย เขารู้ไว้ก็ดี...”
“แต่พี่รุตไปปากโป้งบอกคุณมาร์คซะอีก”
“ก็เขาอยากให้คุณมาร์คมีกำลังใจเดินหน้าจีบขวัญนี่ ...ขวัญอย่าลืมนะว่าคุณมาร์คเขาก็ประเภทหล่อเลือกได้เหมือนกัน แล้วทำไมเขาต้องเลือกที่จะแย่งแฟนของคนอื่นด้วย ถ้าเขารู้แบบนี้แล้ว มันแฟร์สำหรับเขาออก เขาโสด ว่าง ขวัญก็โสดและว่าง เขาจะได้รู้เป้าหมายตัวเองไงว่าทุ่มเทไปแล้วจะลงเอยที่ตรงไหน”
“เหตุผลเข้าที”
“แล้วมีอะไรคืบหน้าไหม”
“พ่อเขาป่วยเป็นมะเร็ง เลิกกองแล้วเขาชวนขวัญไปเยี่ยมพ่อเขา อ้างว่าย่าเล็กที่อยู่โรงพยาบาลอยากเจอขวัญ ขวัญก็เลยขัดไม่ได้”
“วางแผนจัดฉากอะไรหรือเปล่า”
“มะเร็งไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ไม่ได้จัดฉากหรอก” ขวัญชีวีพูดอย่างคนที่เคยมีประสบการณ์กับที่คนในครอบครัวเคยเป็นโรคร้ายนี้มาแล้ว
“แล้วเป็นไงบ้าง”
“พ่อแม่พี่สาวของเขาสองคนพูดไทยไม่ได้ มีเพียงย่าเล็กกับเขาพูดไทยได้ ขวัญก็ภาษาอังกฤษไม่ค่อยแข็งแรง ก็ได้แต่ไปยืนยิ้มหวานให้กำลังใจท่าน แล้วสุดท้ายเขาก็พาขวัญกลับโรงแรม เพราะอยากให้ขวัญได้พักผ่อน แล้วดาก็มาเคาะห้องนี่แหละ” อันที่จริงในห้องพักรักษาตัวของพ่อเขามีเหตุการณ์มากกว่านั้นแต่ว่าขวัญชีวีไม่อยากบอกเล่าให้ละเอียด เพราะอยากเก็บความทรงจำดี ๆ ที่เขาและครอบครัวปฏิบัติต่อตนเองไว้ในความทรงจำของตัวเองเท่านั้น
“คุยอะไรกันเยอะเลยซี่”
“เขาอยากพาพ่อแม่พี่สาวของเขาไปเที่ยวเมืองไทยบ้าง โดยให้เราทำหน้าที่ไกด์ทัวร์ ตื้อชะมัดเลย”
“แล้วขวัญใจอ่อนไปกี่มากน้อยแล้ว”
“เล่าเรื่องดากับพี่ปุ้มดีกว่านะ”
“ยังสรุปอะไรไม่ได้หรอกขวัญ...แต่พี่เขาคงรู้ตัวแล้วแหละว่าดาตามมากัวลาลัมเปอร์
ด้วยทำไม”
“ใกล้ชิดกันมาก ๆ เดี๋ยวก็ดีเอง กลับไปขวัญชวนพี่เขาแถลงข่าวแน่ ๆ”
“เหตุผลที่จะบอกนักข่าวล่ะ”
“เราไปด้วยกันไม่ได้ ทัศนคติไม่ตรงกัน อิ่มตัว กำลังเรียบเรียงคำพูดสวย ๆ อยู่เนี่ย”
“นึกแล้วก็สงสารพี่ปุ้มเนอะ รักเขาข้างเดียวนี่มันเจ็บปวดจริง ๆ”
“แล้วถ้าขวัญไม่ทำอย่างนี้ดาจะสมหวังไหม”
“เราไม่สมหวัง เราเจ็บ แต่คนที่เรารักเขามีความสุขมันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีนะขวัญ”
หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายแล้วปวุฒิที่กำลังชะโลมครีมเพื่อไม่ให้ผิวของตัวเองแห้งกร้านเพราะอยู่ในห้องปรับอากาศก็หันไปมองโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงนอน
แรกทีเดียวเขาเดาว่าน่าจะเป็นสายจากวรรณรดาหรือไม่ก็ขวัญชีวีโทรมานัดหมายเวลาออกจากห้องไปยังห้องอาหาร เมื่อได้ยินว่าเป็นเสียงของณิชกานต์ที่อยู่เมืองไทยเขารู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก
“รู้ได้ไงว่าพี่อยู่ห้องนี้”
“โทรถามคุณมาร์คค่ะ” อันที่จริงณิชกานต์รู้ความเคลื่อนไหวของปวุฒิ วรรณรดา ขวัญชีวีและมาร์คผ่านช่างแต่งหน้าของทีมงานโปรดักส์ชั่นเฮ้าส์ที่มาจากเมืองไทยแล้ว แต่ที่หญิงสาวโทรไปหาหลินฮันหมิงถามชื่อโรงแรมและเบอร์ห้องของปวุฒิอีกครั้งเพราะไม่ต้องการให้ปวุฒินั้นรู้ว่าแท้จริงแล้ว เธอมีแหล่งข่าวคนสำคัญแฝงตัวอยู่ในคณะนี้ด้วย
“แล้วนี่ มีธุระอะไร”
“คิดถึงค่ะ”...
“เอาอย่างนี้เลยนะ”
“ก็คนเคยเห็นหน้ากันเกือบทุกวัน ไม่เห็นก็คิดถึง” น้ำเสียงหยอกเย้านั้นปวุฒิเข้าใจว่า...ณิชกานต์พูดเล่น และเขาก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา หลังจากรู้สึกตึงเครียดกับเสียงสนทนาของวรรณรดากับปลายสายซึ่งเป็นแม่ของหญิง แม้วรรณรดาไม่ได้บอกเล่าว่าแม่โทรมาทำไม แต่น้ำเสียงแบบนั้นเขาพอเดาออกว่าต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ ๆ
“งานเป็นอย่างไรบ้าง”
“เรียบร้อยดีค่ะ พี่ปุ้มละคะ วันนี้ทำอะไร ไปเที่ยวไหนมาบ้าง”
“ไปเที่ยวถ้ำบาตูกับคุณดามา”
“สนุกไหม สวยไหม โพสต์รูปลงเฟสบุ๊คบ้างซิ อยากเห็นบ้าง”
“สวยดี แปลกดี ไม่มีรูปจะโพสต์ นิดก็รู้ว่าพี่ไม่ชอบโพสต์อะไร ขี้เกียจ”
“แฟนคลับเยอะแยะก็น่าจะมีอะไรให้แฟนคลับติดตามบ้าง”
“พี่ไม่ได้ถ่ายรูปเลย ถ่ายแต่ในกล้องของดา พรุ่งนี้จะถ่ายแล้วกัน”
“พรุ่งนี้ไปไหนคะ”
“เกนติ้ง ไฮแลนด์”
“ว้าว เกนติ้ง อยาก ๆ ไป พี่ปุ้มไปกับใคร แล้วไปได้อย่างไร ทำไมไม่อยู่ดูขวัญทำงาน”
“ขวัญเขาอยากให้ไปเที่ยวกับดาน่ะ กลัวเซ็งไม่อยากให้นั่งรอ ไปกันเอง”
“ไปกี่โมงคะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน คงแต่เช้าแหละ”
“อยากไปด้วยจังเลย”
“ก็มาซิ” ปวุฒิชวนไปอย่างนั้นเอง
“อย่าชวนนะ ไปจริง ๆ นะ”
“ถ้ามา ได้ก็มา”
“งั้นขอเช็คเที่ยวบินแป๊บค่ะ ถ้ามีไฟล์เช้า เจอกัน” รวบรัดแล้วณิชกานต์ก็วางสาย
ไป...ซึ่งปวุฒิก็ได้แต่งงงๆ และภาวนาขอให้ณิชกานต์พูดเล่นทีเถอะ...
ขณะที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารมื้อค่ำอยู่กับขวัญชีวีและวรรณรดา ปวุฒิที่มีสีหน้าลำบากใจก็พูดขึ้นว่า “เอ่อ...คุณดาครับพรุ่งนี้เราจะเลื่อนเวลาไปเกนติ้งได้ไหม...เป็นสักสิบเอ็ดโมงเช้า”
“มีอะไรหรือคะ”
“คือ พรุ่งนี้ คุณนิดเขาจะบินตามมานะครับ เขาอยากไปเที่ยวเกนติ้งกับเราด้วย”
พอได้ยินขวัญชีวีละช้อนข้าวทันที
“หมายความว่าไงคะพี่ปุ้ม”
“พรุ่งนี้นิดเขาไม่มีงาน เขาอยากไปเที่ยวเกนติ้งกับพี่กับดา เขาก็เลยจะบินตามมา”
“แล้วพี่ปุ้มก็ให้เขาตามมา...ทั้งที่รู้ว่า ขวัญไม่ชอบหน้าเขา” สีหน้าของขวัญชีวีบึ้งตึงขึ้นมาทันที
“ใจเย็น ๆ ขวัญ” วรรณรดาที่นั่งอยู่ตรงกลางหันไปยับยั้งอารมณ์ของขวัญชีวีไว้
“อันที่จริงคุณนิดตามมาด้วยก็ดี เที่ยวสามคนก็สนุกดีนะ...คุณนิดเขาจะมาได้กี่วันคะ” วรรณรดาก็นั้นสงบสติอารมณ์ได้เร็วกว่าขวัญชีวีเพราะครุ่นคิดแผนการขึ้นมาได้เช่นกัน
“ไม่รู้เขาเหมือนกันครับ โทรคุยกัน เขาบอกว่าเขาจะมาพรุ่งนี้ ส่วนกลับเมื่อไหร่ผมไม่ได้ถาม”
“โทรไปถามหน่อยซิคะว่ามาไฟล์ไหน สายการบินอะไร พรุ่งนี้เราไปรอรับคุณนิดที่สนามบินแล้วก็นั่งแท็กซี่ไปเกนติ้งกันเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลารอที่นี่ ส่วนที่พัก ให้คุณนิดพักกับดาก็ได้ เตียงออกจากกว้าง แต่ถ้าคุณนิดไม่อยากพักก็ค่อยเปิดห้องใหม่”
“ถามคุณมาร์คก่อนดีกว่าไหม” ขวัญชีวียังรู้สึกว่าไม่อยากให้ณิชกานต์มาวุ่นวายที่นี่ เพราะว่าตัวเองนั้นมาทำงาน พ่วงทั้งคู่รักและเพื่อนสนิทมาวุ่นวายด้วยทีมงานก็แอบซุบซิบกันแล้ว
“ถ้าขวัญไม่อยากให้มา พี่โทรกลับไปบอกเขาก็ได้”
“เขาคงจองตั๋วแล้ว...ไม่เป็นไรค่ะ ให้คุณนิดมาเถอะนะขวัญ เที่ยวหลาย ๆ คนสนุกดี...นะ”
ด้วยเป็นการจัดเลี้ยงแบบบุฟเฟ่พอปวุฒิลุกไปตักอาหาร ขวัญชีวีก็กระซิบถามวรรณรดา
“ดาคิดอย่างไรถึงยอมให้แม่นั่นตามมาขัดขวาง”
“เดี๋ยวขอตัวแป๊บนะ โทรหาพี่รุตก่อน”
ว่าแล้ววรรณรดาก็ลุกขึ้นเดินไปหาหลินฮันหมิงที่ยืนคุยอยู่กับผู้กำกับ ขอตัวดึงเขาออกมาแล้ววรรณรดาก็บอกว่า “พรุ่งนี้คุณนิดจะตามมาเที่ยวด้วยนะคะ...”
“แล้วไงครับ”
“คุณมาร์คจะว่าอะไรไหม”
“ไม่ว่าอะไรครับ มาเลเซียยินดีต้อนรับคนไทยอยู่แล้ว ยิ่งคนสวย ๆ อย่างคุณนิดด้วย
เราจะปฏิเสธได้อย่างไร”
“ถ้าอย่างนั้น งานนี้พี่รุตควรจะตามมาด้วยอีกคนใช่ไหมคะ ต่อสายหาพี่รุตให้หน่อย ใช้โทรศัพท์ดาโทรกลับเมืองไทย แพงค่ะ” วรรรณรดาไม่อ้อมค้อม...
ช่วงที่เดินไปรอขึ้นเครื่องณิชกานต์แวะดูน้ำหอมในร้านปลอดภาษีและหญิงสาวก็ต้องเหลียวหลังเมื่อได้ยินเสียงเรียกอยู่ใกล้ ๆ
“ไปไหนเหรอครับ มาขึ้นเครื่องแต่เช้าเลย” วิศรุตยู่ในชุดกางเกงยีนเสื้อยืดสีดำแขนยาวปล่อยชายรองเท้าหนังลำลอง ผมที่เคยหวีเรียบทำให้ใบหน้าดูหน้าเกรงขามปล่อยให้ปรกหน้าดูแปลกตาไม่น้อย
“ไปมาเลเซียค่ะ”
“ผมก็จะไปมาเลเซีย เที่ยวบินเดียวกันแน่ ๆ เลย” วิศรุตตัดสินใจไม่อ้อมค้อม
“กำลังจะบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญใช่ไหมคะ....แต่นิดว่ามันไม่น่าจะใช่”
“แล้วคุณนิดไปมาเลเซียด้วยจุดมุ่งหมายอะไรละครับ”
“ไปเที่ยวค่ะ”
“ผมก็ไปเที่ยวครับ”
“ค่ะ...” ว่าแล้วณิชกานต์ก็วางขวดน้ำหอมลงก่อนจะเดินนำเขาไปยังที่นั่งรอขึ้นเครื่อง ด้วยความรู้สึกที่ว่างานนี้เธอถูกวรรณรดาหรือไม่ก็ขวัญชีวีซ้อนแผนเข้าให้แล้ว แต่ก็ดี มีวิศรุตไปด้วยอีกคนก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยเธอก็จะได้เห็นว่า เขาพยายามที่จะทำอะไรสักอย่างเพื่อเอาชนะใจเธอ แต่เธอก็จะไม่ยอมใจอ่อนง่าย ๆ กับคนพวกนี้อย่างเด็ดขาด
“คุณนิดไม่มีงานเหรอครับ ถึงไปเที่ยวได้” วิศรุตชวนคุยเมื่อทรุดตัวลงนั่งข้างหญิงสาวพร้อมกับถือวิสาสะใช้แขนพาดไปบนพนักเก้าอี้ ซึ่งการทำแบบนั้นก็เหมือนกับว่าณิชกานต์นั่งอยู่ในอ้อมกอดของเขา และเขาก็มั่นใจว่า เดี๋ยวก็จะมีภาพหลุดจากคนที่อยู่รายรอบตัวเขานี้ไปยัง ‘สื่อ’ แน่ ๆ
“จริง ๆ นิดน่าจะถามคุณรุตมากกว่านะคะว่า ไม่ทำงานเหรอคะถึงไปเที่ยวได้”
“ผมไปทำงานครับ ตอนนี้กองถ่ายโฆษณาเวอซ่าดีโก้อยู่ที่มาเลเซียผมต้องไปดูความเรียบร้อยสักหน่อย เผื่อธุรกิจกองถ่ายเขาประสานงานติด ๆ ขัด ๆ ผมจะได้ช่วย”
“ค่ะ”
“เมื่อเช้าใครมาส่งครับ มาสนามบินอย่างไร” แม้ณิชกานต์จะไม่อยากคุยด้วยแต่เขาต้องหาเรื่องชวนคุยไปเรื่อย ๆ
“ขับรถมาค่ะ จอดทิ้งไว้ คุณรุตละคะ”
“คนขับรถมาส่งครับ”
“ลืมไปว่าคุณรุตไม่ใช่คนธรรมดา”
“ช่วยขยายคำว่าคนธรรมดาให้ผมเข้าใจหน่อยได้ไหมครับ”
“ลิ้มวรรักษ์ไงคะ”
“แล้วมีอะไรอีกที่จะบอกว่าผมไม่ใช่คนธรรมดา”
“เยอะแยะมากมายค่ะ...” บอกเขาแล้วนิชกานต์ก็ถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยใจ วิศรุตปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำเพียงครู่เดียวแล้วก็หาเรื่องชวนหญิงสาวคุยต่อ
“คุณนิดไม่หาคนขับรถ”
“รายได้นิดต่อปีนิดเดียวค่ะ” ณิชกานต์ว่าพลางค้นโทรศัพท์รุ่นสมาร์ทโฟนออกมาจากกระเป๋าสะพายที่ทำจากหนังลูกวัว แม้จะไม่ใช่ยี่ห้อที่โด่งดังมากนัก แต่วิศรุตก็รู้ว่า กระเป๋าใบนี้ราคาประมาณเท่าไหร่
“ถ่อมตนแล้ว”
“ผู้หญิงสมัยนี้ ชอบคิดว่าตัวเองเก่งเกินผู้ชายค่ะ แต่สุดท้ายผู้ชายก็เก่งกว่าอยู่ดี โดยเฉพาะตอนนี้...กรุณาเอาแขนออกจากพนักเก้าอี้ด้วยนะคะ นิดไม่อยากเป็นข่าว”
“ผมว่า ชั่ววินาที รูปอาจจะหลุดไปแล้วก็ได้เพราะ ปาปารัสซี่สมัยนี้มีอยู่ทั่วทุกหัวระแหง”....
ด้วยไม่อยากให้เสียเวลาเดินทางไปเกนติ้ง ไฮแลนด์ที่อยู่ในรัฐปาหังไกลจากเมืองกัวลาลัมเปอร์ ราว ๆ 70 กิโลเมตร หลังจัดการกับอาหารมื้อเช้าภายในโรงแรมแล้ววรรณรดากับปวุฒิก็รีบนั่งแท็กซี่ไปรอรับณิชกานต์ที่สนามบินที่อยู่นอกเมือง โดยระหว่างทาง วรรณรดาก็ต้องบอกกับปวุฒิว่า นอกจากจะรับณิชกานต์ไปเที่ยวด้วยกันแล้ว งานนี้วิศรุตยังตามมาเที่ยวด้วยอีกคน...พอรับรู้แล้วปวุฒิที่นั่งคู่อยู่กับวรรณรดาถึงกับหันหน้ามาถาม “มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือว่า...มีแผนอะไรกัน”
“พี่รุตชอบคุณนิดค่ะ”
พอได้ยินคำพูดของวรรณรดาปวุฒิก็รู้สึกหน้าชาขึ้นมา...นี่เขาไม่รู้สึกยินดีที่ณิชกานต์จะมีผู้ชายดี ๆ สักคนเข้ามาในชีวิตอย่างนั้นหรือ...หรือเป็นเพราะว่า ณิชกานต์บอกว่าชอบเขา เธอชอบเขา มีใจให้เขา และต้องการมาที่นี่เพื่อที่จะมาเที่ยวกับเขา...แต่กาลกลับเป็นว่า มันเป็นการเปิดโอกาสให้นายวิศรุตทำคะแนนอย่างนั้นหรือ
“เรื่องจริงใช่ไหมครับ”
“ทำไมพี่ปุ้มคิดว่าไม่จริงละคะ”
“ไม่รู้ซิ...” ตัดบทไปแล้วปวุฒิก็หันหน้าไปมองข้างทาง แต่หูของเขาก็ได้ยินวรรณรดาพูดว่า
“ตอนแรกพี่รุตก็กะจะเพียงกันคุณนิดออกจากคุณมาร์คเท่านั้น ขอโทษนะคะที่ดาต้องพูดตรง ๆ” อันที่จริง ๆ วรรณรดาไม่ได้พูดตรง ๆ หญิงสาวยังปิดบังความจริงที่ว่า อันที่จริงแล้ว วิศรุตนั้นต้องการกันณิชกานต์ไปจากคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอต่างหาก แต่ถ้าพูดไปตรง ๆ วรรณรดาก็เดาอารมณ์ของปวุฒิไม่ออกเหมือนกัน
“เพื่ออะไรครับ” ปวุฒิหันมาซักด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ก็คุณมาร์คชอบขวัญ พี่ปุ้มก็รู้นี่คะ ส่วนคุณนิดก็พยายามน่าดูเลย ตามมานี่ก็ไม่รู้จะมาสร้างความปั่นป่วนอะไรอีกหรือเปล่า ดาก็เลยต้องชวนพี่รุตมาด้วย”
“ดีจริง ๆ เลยครับ” น้ำเสียงของปวุฒิประชดประชันแต่วรรณกลับทำใจดีสู้เสือ
“ชมใช่ไหมคะ”
“แล้วคุณดาไม่คิดบ้างหรือครับว่าที่นิดตามมาจุดมุ่งหมายของเขาไม่ใช่มาร์ค”
“คิดค่ะ”
“แล้วคุณดาจะทำอย่างไร”
“มันขึ้นอยู่กับพี่รุตแล้วค่ะ ดาทำอะไรมากไม่ได้หรอกค่ะ...”
และเมื่อทั้งสองมาถึงสนามบิน ปวุฒกับวรรณรดาก็เดินไปรอวิศรุตกับณิชกานต์ที่จุดรอผู้โดยสาร ปวุฒินั้นเคร่งขรึมจนวรรณรดาสังเกตได้...และหญิงสาวก็ต้องชวนคุยเพราะไม่อยากให้บรรยากาศเป็นแบบนี้
“คิดอะไรอยู่หรือคะ”
“อยากกลับเมืองไทยแล้วซิ รู้สึกเหมือนเป็นตัวตลก...”
“ตลกอย่างไรคะ”
“อย่าลืมนะว่าพี่กับขวัญยังไม่ได้เลิกกันอย่างเป็นทางการ แต่ว่า พี่กลับออกมาเที่ยวกับดา แล้วทิ้งขวัญให้ทำงานอยู่กับผู้ชายอีกคน แล้วคนในกองถ่ายก็เป็นคนไทยมาจากเมืองไทย เรื่องมันจะตลกไหม”
“ขวัญบอกพี่ปุ้มหรือยังคะว่า กลับไปนี้ ขวัญจะแถลงข่าว”
“ไม่บอกพี่ก็พอรู้”
“ยังทำใจไม่ได้อีกหรือคะ”
“เหมือนจะทำได้นะ แต่ว่าเมื่อรู้ว่าพรุ่งนี้อะไร ๆ ก็จะไม่เหมือนเดิม ใจมันก็หน่วง ๆ บอกไม่ถูกเหมือนกัน”
“ขวัญเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากเลยนะคะที่มีคนรักจริง”
“แต่คนเราก็แปลกนะ คนที่รักตัวเองจริง ๆ และพิสูจน์ว่ารักจริง ๆ กลับไม่ยอมรักตอบ แต่กลับไปสนใจ กับรักลม ๆ แล้ง ๆ แบบนั้น พี่ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าขวัญเขาจะตัดสินใจเรื่องหัวใจด้วยอารมณ์”
“ทำไมพี่ปุ้มไม่คิดละคะว่าเขาอาจจะเป็นเนื้อคู่กัน คนเป็นเนื้อคู่กันต่อให้อยู่สุดหล้าฟ้าเขียวขอบน้ำขวางหน้าขอบฟ้าขวางกั้นก็จะต้องมาเจอกันจนได้ แล้วก็แต่งงานกันในที่สุด แล้วใช่ว่าคุณมาร์คเองจะเป็นคนที่ไม่มีตัวตนซะเมื่อไหร่ ย่าหลินซิ่วอินนั่นเป็นเครื่องรับประกันได้เลยว่า คุณมาร์คเชื่อใจได้ มันจึงไม่แปลกหรอกค่ะว่าขวัญจะหวั่นไหวและเชื่อมั่นว่าเขารักจริงเช่นกัน”
ฟังเหตุผลของวรรณรดาแล้วปวุฒิก็ถอนหายใจแรง ๆ อีกครั้ง
“รอผมด้วยซี่ครับคุณนิด” วิศรุตที่ลากกระเป๋าเดินตามณิชกานต์ร้องบอกเมื่อณิชกานต์ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองมาก่อนแล้วลากกระเป๋าออกเดินโดยไม่สนใจว่าเขายังไม่เสร็จเรื่อง
และเมื่อลากกระเป๋าใบกะทัดรัดเดินมาทัน ณิชกานต์ก็หันไปมองหน้าของเขาซึ่งบัดนี้มีแว่นตาสีดำอำพรางดวงตาไว้ ณิชกานต์จึงไม่เห็นว่า ตอนนี้สายตาของเขานั้นเจ้าเล่ห์เพียงใด
“เราไม่ได้มาด้วยกันนี่คะ”
“เรามาเที่ยวบินเดียวกันครับ...ถือว่ามาด้วยกัน และคนที่มารอรับเรา ก็คนเดียวกัน”
“สรุปว่างานนี้อย่างไรนิดก็หนีคุณรุตไม่พ้นใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับ...เพราะฉะนั้น อย่าพยายามหนีผมเลยครับ...อยู่ใกล้ผมมีแต่เรื่องดี ๆ ทั้งนั้น”
“ค่ะ ได้โฆษณายาสีฟันมาตั้งหนึ่งตัวแล้ว สินค้าตัวถัดไปเป็นอะไรดีคะ” ด้วยเป็นยาสีฟันยี่ห้อรอง ๆ การถ่ายทำจึงทำเพียงแค่ครึ่งวันเพราะเวลาที่ออกอากาศเพียงแค่กะพริบตาสองสามทีเท่านั้น
“คุณนิดอยากเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าตัวไหนละครับ”
“อยากได้...” ณิชกานต์หยุดเดินแล้วทำท่าครุ่นคิด...
“อยากได้ครีมบำรุงผิวเหมือนขวัญค่ะ...เอาถ่ายในประเทศก็ได้นะคะ”
“ได้ครับ ผมจะดูให้....นะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
และเมื่อทั้งสองคนเดินยิ้มออกมาถึงจุดที่วรรณรดาและปวุฒิรออยู่ ณิชกานต์ก็โบกมือให้
“โห กระเป๋าคุณนิดใบใหญ่จังเลยนะคะ” วรรณรดาลืมไปว่า...กระเป๋าของทั้งคู่นั้นจะเป็นอุปสรรคสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวที่ต้องพึ่งพารถแท็กซี่ และต้องนั่งกระเช้าไต่ความสูงไปยังเกนติ้ง ไฮแลนด์
“ในสนามบินมีที่ฝากกระเป๋า เอาไปฝากก่อน ลงมาจากเกนติ้งค่อยแวะมาเอาไปก็ได้” วิศรุตสรุป และเมื่อจัดการฝากกระเป๋าเรียบร้อย ปวุฒิก็ขยับมานั่งคู่กับคนขับ ด้านหลังเบาะของเขาเป็นวิศรุต วรรณรดานั่งกลางและณิชกานต์นั่งอยู่ด้านหลังคนขับรถ...จุดหมายของทั้งสี่คนคือ สถานีกระเช้าขึ้นไปยังเกนติ้ง...
และเมื่อรถแล่นออกมาแล้ว ณิชกานต์ก็เอ่ยปากชวนวรรณรดาคุย
“แล้วรถนี่สามารถไปถึงเกนติ้งเลยหรือเปล่าคะคุณดา”
“ถึงค่ะ แต่ ดาว่าขึ้นกระเช้าสักหน่อยก็คงจะดี ตื่นเต้นดีค่ะ”
“ผมว่าจุดที่น่าสนใจของเกนติ้งก็คือกระเช้านี่แหละครับ...” วิศรุตแทรกเข้ามา
“ดาว่ากาสิโนค่ะ”
“ขวัญไม่อยากไปเที่ยวกับเราแย่เลยเหรอเนี่ย” ณิชกานต์หวนไปนึกถึงขวัญชีวี
“อยากไปมาก ๆ ค่ะ แต่ว่างานสำคัญที่สุด แล้วขวัญก็มีคุณมาร์คคอยดูแลอยู่แล้ว คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก..คงไม่เหงาด้วย” พอเอ่ยถึงมาร์คกับขวัญชีวีทุกคนกลับเงียบกริบ วรรณรดาจึงต้องชวนคุยต่อ
“คืนนี้คุณนิดนอนกับดาไหมคะ...”
พอถูกชวนณิชกานต์หยุดครุ่นคิดเพียงครู่ แต่ว่าเมื่อนึกถึงผลประโยชน์ที่จะตามมาหากว่าเธอสนิทสนมกับวรรณรดา หญิงสาวจึงต้องถามกลับไปว่า“คุณดาสะดวกเหรอคะ”
“เตียงใหญ่มาก แล้วนอนคนเดียวดาก็รู้สึกกลัว ๆ เหมือน ๆ กัน”
“แล้วทำไมไม่นอนกับขวัญละ”
“ก็ดามาในฐานะผู้ติดตามไม่ได้มาในส่วนของงานนี้ นอนด้วยกันนะคะ”
“ถ้าคุณดาสะดวกก็ได้ค่ะ อ้อ... แล้วกลางคืนมีไปเที่ยวไหนกันหรือเปล่า มีแสงสีเสียงเหมือนบ้านเราไหม”
“มีค่ะ คุณมาร์คว่ามี แต่ส่วนใหญ่จะมีแต่แขกชาวต่างชาติซะมากกว่า คุณนิดสนใจหรือคะ”
“สนค่ะ...มาบ้านเค้าเมืองเค้าทั้งทีต้องไปให้ทั่วค่ะ...ไปด้วยกันนะคะพี่ปุ้ม”...
“ผมไปด้วยนะครับ” วิศรุตแทรกเข้ามา และณิชกานต์ก็ต้องหันไปยิ้มและเบ้หน้ากับกระจก โดยที่เธอก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่า อยากให้เขาตามตื้อแบบนี้ต่อไปไหม?
หลังจากที่ต่อสายภายในเข้ามาหาขวัญชีวีและรู้ว่าเพื่อนสะดวกให้เข้ามาพูดคุยด้วยแล้ว วรรณรดาก็ออกจากห้องพักตัวเองมาเคาะประตูห้องขวัญชีวี ขวัญชีวีเปิดประตูรับวรรณรดาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มผิดกับวรรณรดาที่ขวัญชีวีมองเห็นว่าหน้าตาเหมือนคนมีความกลัดกลุ้ม
“เป็นอะไร...หน้าตาดูไม่ได้เลย” ปิดประตูห้องแล้ว ขวัญชีวีก็เอ่ยปากถามวรรณรดาที่เดินเข้าห้องมาถือวิสาสะล้มลงบนเตียงนอนทำตัวกันเองเป็นอย่างมาก
“ปวดหัวนิดหน่อย”
“กินยาหรือยัง”
“กินแล้ว ง่วง ๆ นี่ไง”
“แล้วทำไมไม่นอนพัก”
“อยากคุย”
“พี่ปุ้มเป็นอย่างไรบ้าง แฮปปี้กันดีไหม”
“ดี คืบหน้าดี แต่แม่ของดานะซิ พอรู้ว่าดามากับขวัญเพราะว่ามีพี่ปุ้มมาด้วย แม่โล้งเล้งใหญ่เลย..แม่ไม่อยากให้ดาเกี่ยวข้องกับพี่ปุ้ม แม่ของดากำลังจะจับคู่ดากับลูกคุณหญิงปิยะนุช สุขมโนรมย์”
“พจน์ สุขมโนรมย์นะเหรอ” ขวัญชีวีนั้นตามข่าวคราวแวดวงคนไฮโซอยู่บ้าง
“อืม...”
“ก็หล่อดีนะ”
“ดาไม่ชอบคนตัวขาว ๆ แบบนั้น ตาหยี ๆ ดูแอ๊บแมนอย่างไรก็ไม่รู้”
“คิดว่าเขาเบี่ยงเบนเหรอ”
“ไม่หรอก...มันแตกต่างจากพี่ปุ้มไหมละ”
“ชอบกินกาแฟดำนี่เอง”
“ปวดหัวจังเลยเนี่ย ถ้าพี่ปุ้ม ติดกับดักดา แล้วจะเป็นอย่างไรละ ดาสงสารพี่ปุ้มจังเลย”
“ละเมอใช่ไหมเนี่ย”
“อืม...” ว่าแล้วสองสาวก็หัวเราะให้กัน
“แล้วขวัญล่ะ คุณมาร์คเป็นไงมั่ง”
“ดาเอาเรื่องที่ขวัญกับพี่ปุ้มไปบอกพี่รุตเหรอ...” นึกถึงเรื่องที่หลินฮันหมิงเอ่ยปากบอกมาตรง ๆ ว่ารู้เรื่องลับ ๆ ของเธอกับปวุฒิหมดแล้วขวัญชีวีก็รู้สึกเจ็บใจที่วรรณรดาไม่ยอมรักษาความลับนี้ไว้...แต่ในทางกลับกันขวัญชีวีก็รู้สึก ‘ดี’ กับความเถรตรงของเขา พอรู้ว่าเธอว่าง เขาก็เดินเครื่องจีบเธอเต็มอัตราทีเดียว
วรรณรดาขยับลุกนั่ง ครุ่นคิดหาเรื่องแก้ตัวซึ่งมันจะต้องฟังขึ้นด้วย...
“ก็...หลายหัวดีกว่าหัวเดียวไง....อย่าโกรธดาเลยนะ แล้วอีกอย่าง พี่รุตเขาก็ช่วยกันนิดออกจากพี่ปุ้มอยู่ด้วย เขารู้ไว้ก็ดี...”
“แต่พี่รุตไปปากโป้งบอกคุณมาร์คซะอีก”
“ก็เขาอยากให้คุณมาร์คมีกำลังใจเดินหน้าจีบขวัญนี่ ...ขวัญอย่าลืมนะว่าคุณมาร์คเขาก็ประเภทหล่อเลือกได้เหมือนกัน แล้วทำไมเขาต้องเลือกที่จะแย่งแฟนของคนอื่นด้วย ถ้าเขารู้แบบนี้แล้ว มันแฟร์สำหรับเขาออก เขาโสด ว่าง ขวัญก็โสดและว่าง เขาจะได้รู้เป้าหมายตัวเองไงว่าทุ่มเทไปแล้วจะลงเอยที่ตรงไหน”
“เหตุผลเข้าที”
“แล้วมีอะไรคืบหน้าไหม”
“พ่อเขาป่วยเป็นมะเร็ง เลิกกองแล้วเขาชวนขวัญไปเยี่ยมพ่อเขา อ้างว่าย่าเล็กที่อยู่โรงพยาบาลอยากเจอขวัญ ขวัญก็เลยขัดไม่ได้”
“วางแผนจัดฉากอะไรหรือเปล่า”
“มะเร็งไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ไม่ได้จัดฉากหรอก” ขวัญชีวีพูดอย่างคนที่เคยมีประสบการณ์กับที่คนในครอบครัวเคยเป็นโรคร้ายนี้มาแล้ว
“แล้วเป็นไงบ้าง”
“พ่อแม่พี่สาวของเขาสองคนพูดไทยไม่ได้ มีเพียงย่าเล็กกับเขาพูดไทยได้ ขวัญก็ภาษาอังกฤษไม่ค่อยแข็งแรง ก็ได้แต่ไปยืนยิ้มหวานให้กำลังใจท่าน แล้วสุดท้ายเขาก็พาขวัญกลับโรงแรม เพราะอยากให้ขวัญได้พักผ่อน แล้วดาก็มาเคาะห้องนี่แหละ” อันที่จริงในห้องพักรักษาตัวของพ่อเขามีเหตุการณ์มากกว่านั้นแต่ว่าขวัญชีวีไม่อยากบอกเล่าให้ละเอียด เพราะอยากเก็บความทรงจำดี ๆ ที่เขาและครอบครัวปฏิบัติต่อตนเองไว้ในความทรงจำของตัวเองเท่านั้น
“คุยอะไรกันเยอะเลยซี่”
“เขาอยากพาพ่อแม่พี่สาวของเขาไปเที่ยวเมืองไทยบ้าง โดยให้เราทำหน้าที่ไกด์ทัวร์ ตื้อชะมัดเลย”
“แล้วขวัญใจอ่อนไปกี่มากน้อยแล้ว”
“เล่าเรื่องดากับพี่ปุ้มดีกว่านะ”
“ยังสรุปอะไรไม่ได้หรอกขวัญ...แต่พี่เขาคงรู้ตัวแล้วแหละว่าดาตามมากัวลาลัมเปอร์
ด้วยทำไม”
“ใกล้ชิดกันมาก ๆ เดี๋ยวก็ดีเอง กลับไปขวัญชวนพี่เขาแถลงข่าวแน่ ๆ”
“เหตุผลที่จะบอกนักข่าวล่ะ”
“เราไปด้วยกันไม่ได้ ทัศนคติไม่ตรงกัน อิ่มตัว กำลังเรียบเรียงคำพูดสวย ๆ อยู่เนี่ย”
“นึกแล้วก็สงสารพี่ปุ้มเนอะ รักเขาข้างเดียวนี่มันเจ็บปวดจริง ๆ”
“แล้วถ้าขวัญไม่ทำอย่างนี้ดาจะสมหวังไหม”
“เราไม่สมหวัง เราเจ็บ แต่คนที่เรารักเขามีความสุขมันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีนะขวัญ”
หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายแล้วปวุฒิที่กำลังชะโลมครีมเพื่อไม่ให้ผิวของตัวเองแห้งกร้านเพราะอยู่ในห้องปรับอากาศก็หันไปมองโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงนอน
แรกทีเดียวเขาเดาว่าน่าจะเป็นสายจากวรรณรดาหรือไม่ก็ขวัญชีวีโทรมานัดหมายเวลาออกจากห้องไปยังห้องอาหาร เมื่อได้ยินว่าเป็นเสียงของณิชกานต์ที่อยู่เมืองไทยเขารู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก
“รู้ได้ไงว่าพี่อยู่ห้องนี้”
“โทรถามคุณมาร์คค่ะ” อันที่จริงณิชกานต์รู้ความเคลื่อนไหวของปวุฒิ วรรณรดา ขวัญชีวีและมาร์คผ่านช่างแต่งหน้าของทีมงานโปรดักส์ชั่นเฮ้าส์ที่มาจากเมืองไทยแล้ว แต่ที่หญิงสาวโทรไปหาหลินฮันหมิงถามชื่อโรงแรมและเบอร์ห้องของปวุฒิอีกครั้งเพราะไม่ต้องการให้ปวุฒินั้นรู้ว่าแท้จริงแล้ว เธอมีแหล่งข่าวคนสำคัญแฝงตัวอยู่ในคณะนี้ด้วย
“แล้วนี่ มีธุระอะไร”
“คิดถึงค่ะ”...
“เอาอย่างนี้เลยนะ”
“ก็คนเคยเห็นหน้ากันเกือบทุกวัน ไม่เห็นก็คิดถึง” น้ำเสียงหยอกเย้านั้นปวุฒิเข้าใจว่า...ณิชกานต์พูดเล่น และเขาก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา หลังจากรู้สึกตึงเครียดกับเสียงสนทนาของวรรณรดากับปลายสายซึ่งเป็นแม่ของหญิง แม้วรรณรดาไม่ได้บอกเล่าว่าแม่โทรมาทำไม แต่น้ำเสียงแบบนั้นเขาพอเดาออกว่าต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ ๆ
“งานเป็นอย่างไรบ้าง”
“เรียบร้อยดีค่ะ พี่ปุ้มละคะ วันนี้ทำอะไร ไปเที่ยวไหนมาบ้าง”
“ไปเที่ยวถ้ำบาตูกับคุณดามา”
“สนุกไหม สวยไหม โพสต์รูปลงเฟสบุ๊คบ้างซิ อยากเห็นบ้าง”
“สวยดี แปลกดี ไม่มีรูปจะโพสต์ นิดก็รู้ว่าพี่ไม่ชอบโพสต์อะไร ขี้เกียจ”
“แฟนคลับเยอะแยะก็น่าจะมีอะไรให้แฟนคลับติดตามบ้าง”
“พี่ไม่ได้ถ่ายรูปเลย ถ่ายแต่ในกล้องของดา พรุ่งนี้จะถ่ายแล้วกัน”
“พรุ่งนี้ไปไหนคะ”
“เกนติ้ง ไฮแลนด์”
“ว้าว เกนติ้ง อยาก ๆ ไป พี่ปุ้มไปกับใคร แล้วไปได้อย่างไร ทำไมไม่อยู่ดูขวัญทำงาน”
“ขวัญเขาอยากให้ไปเที่ยวกับดาน่ะ กลัวเซ็งไม่อยากให้นั่งรอ ไปกันเอง”
“ไปกี่โมงคะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน คงแต่เช้าแหละ”
“อยากไปด้วยจังเลย”
“ก็มาซิ” ปวุฒิชวนไปอย่างนั้นเอง
“อย่าชวนนะ ไปจริง ๆ นะ”
“ถ้ามา ได้ก็มา”
“งั้นขอเช็คเที่ยวบินแป๊บค่ะ ถ้ามีไฟล์เช้า เจอกัน” รวบรัดแล้วณิชกานต์ก็วางสาย
ไป...ซึ่งปวุฒิก็ได้แต่งงงๆ และภาวนาขอให้ณิชกานต์พูดเล่นทีเถอะ...
ขณะที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารมื้อค่ำอยู่กับขวัญชีวีและวรรณรดา ปวุฒิที่มีสีหน้าลำบากใจก็พูดขึ้นว่า “เอ่อ...คุณดาครับพรุ่งนี้เราจะเลื่อนเวลาไปเกนติ้งได้ไหม...เป็นสักสิบเอ็ดโมงเช้า”
“มีอะไรหรือคะ”
“คือ พรุ่งนี้ คุณนิดเขาจะบินตามมานะครับ เขาอยากไปเที่ยวเกนติ้งกับเราด้วย”
พอได้ยินขวัญชีวีละช้อนข้าวทันที
“หมายความว่าไงคะพี่ปุ้ม”
“พรุ่งนี้นิดเขาไม่มีงาน เขาอยากไปเที่ยวเกนติ้งกับพี่กับดา เขาก็เลยจะบินตามมา”
“แล้วพี่ปุ้มก็ให้เขาตามมา...ทั้งที่รู้ว่า ขวัญไม่ชอบหน้าเขา” สีหน้าของขวัญชีวีบึ้งตึงขึ้นมาทันที
“ใจเย็น ๆ ขวัญ” วรรณรดาที่นั่งอยู่ตรงกลางหันไปยับยั้งอารมณ์ของขวัญชีวีไว้
“อันที่จริงคุณนิดตามมาด้วยก็ดี เที่ยวสามคนก็สนุกดีนะ...คุณนิดเขาจะมาได้กี่วันคะ” วรรณรดาก็นั้นสงบสติอารมณ์ได้เร็วกว่าขวัญชีวีเพราะครุ่นคิดแผนการขึ้นมาได้เช่นกัน
“ไม่รู้เขาเหมือนกันครับ โทรคุยกัน เขาบอกว่าเขาจะมาพรุ่งนี้ ส่วนกลับเมื่อไหร่ผมไม่ได้ถาม”
“โทรไปถามหน่อยซิคะว่ามาไฟล์ไหน สายการบินอะไร พรุ่งนี้เราไปรอรับคุณนิดที่สนามบินแล้วก็นั่งแท็กซี่ไปเกนติ้งกันเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลารอที่นี่ ส่วนที่พัก ให้คุณนิดพักกับดาก็ได้ เตียงออกจากกว้าง แต่ถ้าคุณนิดไม่อยากพักก็ค่อยเปิดห้องใหม่”
“ถามคุณมาร์คก่อนดีกว่าไหม” ขวัญชีวียังรู้สึกว่าไม่อยากให้ณิชกานต์มาวุ่นวายที่นี่ เพราะว่าตัวเองนั้นมาทำงาน พ่วงทั้งคู่รักและเพื่อนสนิทมาวุ่นวายด้วยทีมงานก็แอบซุบซิบกันแล้ว
“ถ้าขวัญไม่อยากให้มา พี่โทรกลับไปบอกเขาก็ได้”
“เขาคงจองตั๋วแล้ว...ไม่เป็นไรค่ะ ให้คุณนิดมาเถอะนะขวัญ เที่ยวหลาย ๆ คนสนุกดี...นะ”
ด้วยเป็นการจัดเลี้ยงแบบบุฟเฟ่พอปวุฒิลุกไปตักอาหาร ขวัญชีวีก็กระซิบถามวรรณรดา
“ดาคิดอย่างไรถึงยอมให้แม่นั่นตามมาขัดขวาง”
“เดี๋ยวขอตัวแป๊บนะ โทรหาพี่รุตก่อน”
ว่าแล้ววรรณรดาก็ลุกขึ้นเดินไปหาหลินฮันหมิงที่ยืนคุยอยู่กับผู้กำกับ ขอตัวดึงเขาออกมาแล้ววรรณรดาก็บอกว่า “พรุ่งนี้คุณนิดจะตามมาเที่ยวด้วยนะคะ...”
“แล้วไงครับ”
“คุณมาร์คจะว่าอะไรไหม”
“ไม่ว่าอะไรครับ มาเลเซียยินดีต้อนรับคนไทยอยู่แล้ว ยิ่งคนสวย ๆ อย่างคุณนิดด้วย
เราจะปฏิเสธได้อย่างไร”
“ถ้าอย่างนั้น งานนี้พี่รุตควรจะตามมาด้วยอีกคนใช่ไหมคะ ต่อสายหาพี่รุตให้หน่อย ใช้โทรศัพท์ดาโทรกลับเมืองไทย แพงค่ะ” วรรรณรดาไม่อ้อมค้อม...
ช่วงที่เดินไปรอขึ้นเครื่องณิชกานต์แวะดูน้ำหอมในร้านปลอดภาษีและหญิงสาวก็ต้องเหลียวหลังเมื่อได้ยินเสียงเรียกอยู่ใกล้ ๆ
“ไปไหนเหรอครับ มาขึ้นเครื่องแต่เช้าเลย” วิศรุตยู่ในชุดกางเกงยีนเสื้อยืดสีดำแขนยาวปล่อยชายรองเท้าหนังลำลอง ผมที่เคยหวีเรียบทำให้ใบหน้าดูหน้าเกรงขามปล่อยให้ปรกหน้าดูแปลกตาไม่น้อย
“ไปมาเลเซียค่ะ”
“ผมก็จะไปมาเลเซีย เที่ยวบินเดียวกันแน่ ๆ เลย” วิศรุตตัดสินใจไม่อ้อมค้อม
“กำลังจะบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญใช่ไหมคะ....แต่นิดว่ามันไม่น่าจะใช่”
“แล้วคุณนิดไปมาเลเซียด้วยจุดมุ่งหมายอะไรละครับ”
“ไปเที่ยวค่ะ”
“ผมก็ไปเที่ยวครับ”
“ค่ะ...” ว่าแล้วณิชกานต์ก็วางขวดน้ำหอมลงก่อนจะเดินนำเขาไปยังที่นั่งรอขึ้นเครื่อง ด้วยความรู้สึกที่ว่างานนี้เธอถูกวรรณรดาหรือไม่ก็ขวัญชีวีซ้อนแผนเข้าให้แล้ว แต่ก็ดี มีวิศรุตไปด้วยอีกคนก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยเธอก็จะได้เห็นว่า เขาพยายามที่จะทำอะไรสักอย่างเพื่อเอาชนะใจเธอ แต่เธอก็จะไม่ยอมใจอ่อนง่าย ๆ กับคนพวกนี้อย่างเด็ดขาด
“คุณนิดไม่มีงานเหรอครับ ถึงไปเที่ยวได้” วิศรุตชวนคุยเมื่อทรุดตัวลงนั่งข้างหญิงสาวพร้อมกับถือวิสาสะใช้แขนพาดไปบนพนักเก้าอี้ ซึ่งการทำแบบนั้นก็เหมือนกับว่าณิชกานต์นั่งอยู่ในอ้อมกอดของเขา และเขาก็มั่นใจว่า เดี๋ยวก็จะมีภาพหลุดจากคนที่อยู่รายรอบตัวเขานี้ไปยัง ‘สื่อ’ แน่ ๆ
“จริง ๆ นิดน่าจะถามคุณรุตมากกว่านะคะว่า ไม่ทำงานเหรอคะถึงไปเที่ยวได้”
“ผมไปทำงานครับ ตอนนี้กองถ่ายโฆษณาเวอซ่าดีโก้อยู่ที่มาเลเซียผมต้องไปดูความเรียบร้อยสักหน่อย เผื่อธุรกิจกองถ่ายเขาประสานงานติด ๆ ขัด ๆ ผมจะได้ช่วย”
“ค่ะ”
“เมื่อเช้าใครมาส่งครับ มาสนามบินอย่างไร” แม้ณิชกานต์จะไม่อยากคุยด้วยแต่เขาต้องหาเรื่องชวนคุยไปเรื่อย ๆ
“ขับรถมาค่ะ จอดทิ้งไว้ คุณรุตละคะ”
“คนขับรถมาส่งครับ”
“ลืมไปว่าคุณรุตไม่ใช่คนธรรมดา”
“ช่วยขยายคำว่าคนธรรมดาให้ผมเข้าใจหน่อยได้ไหมครับ”
“ลิ้มวรรักษ์ไงคะ”
“แล้วมีอะไรอีกที่จะบอกว่าผมไม่ใช่คนธรรมดา”
“เยอะแยะมากมายค่ะ...” บอกเขาแล้วนิชกานต์ก็ถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยใจ วิศรุตปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำเพียงครู่เดียวแล้วก็หาเรื่องชวนหญิงสาวคุยต่อ
“คุณนิดไม่หาคนขับรถ”
“รายได้นิดต่อปีนิดเดียวค่ะ” ณิชกานต์ว่าพลางค้นโทรศัพท์รุ่นสมาร์ทโฟนออกมาจากกระเป๋าสะพายที่ทำจากหนังลูกวัว แม้จะไม่ใช่ยี่ห้อที่โด่งดังมากนัก แต่วิศรุตก็รู้ว่า กระเป๋าใบนี้ราคาประมาณเท่าไหร่
“ถ่อมตนแล้ว”
“ผู้หญิงสมัยนี้ ชอบคิดว่าตัวเองเก่งเกินผู้ชายค่ะ แต่สุดท้ายผู้ชายก็เก่งกว่าอยู่ดี โดยเฉพาะตอนนี้...กรุณาเอาแขนออกจากพนักเก้าอี้ด้วยนะคะ นิดไม่อยากเป็นข่าว”
“ผมว่า ชั่ววินาที รูปอาจจะหลุดไปแล้วก็ได้เพราะ ปาปารัสซี่สมัยนี้มีอยู่ทั่วทุกหัวระแหง”....
ด้วยไม่อยากให้เสียเวลาเดินทางไปเกนติ้ง ไฮแลนด์ที่อยู่ในรัฐปาหังไกลจากเมืองกัวลาลัมเปอร์ ราว ๆ 70 กิโลเมตร หลังจัดการกับอาหารมื้อเช้าภายในโรงแรมแล้ววรรณรดากับปวุฒิก็รีบนั่งแท็กซี่ไปรอรับณิชกานต์ที่สนามบินที่อยู่นอกเมือง โดยระหว่างทาง วรรณรดาก็ต้องบอกกับปวุฒิว่า นอกจากจะรับณิชกานต์ไปเที่ยวด้วยกันแล้ว งานนี้วิศรุตยังตามมาเที่ยวด้วยอีกคน...พอรับรู้แล้วปวุฒิที่นั่งคู่อยู่กับวรรณรดาถึงกับหันหน้ามาถาม “มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือว่า...มีแผนอะไรกัน”
“พี่รุตชอบคุณนิดค่ะ”
พอได้ยินคำพูดของวรรณรดาปวุฒิก็รู้สึกหน้าชาขึ้นมา...นี่เขาไม่รู้สึกยินดีที่ณิชกานต์จะมีผู้ชายดี ๆ สักคนเข้ามาในชีวิตอย่างนั้นหรือ...หรือเป็นเพราะว่า ณิชกานต์บอกว่าชอบเขา เธอชอบเขา มีใจให้เขา และต้องการมาที่นี่เพื่อที่จะมาเที่ยวกับเขา...แต่กาลกลับเป็นว่า มันเป็นการเปิดโอกาสให้นายวิศรุตทำคะแนนอย่างนั้นหรือ
“เรื่องจริงใช่ไหมครับ”
“ทำไมพี่ปุ้มคิดว่าไม่จริงละคะ”
“ไม่รู้ซิ...” ตัดบทไปแล้วปวุฒิก็หันหน้าไปมองข้างทาง แต่หูของเขาก็ได้ยินวรรณรดาพูดว่า
“ตอนแรกพี่รุตก็กะจะเพียงกันคุณนิดออกจากคุณมาร์คเท่านั้น ขอโทษนะคะที่ดาต้องพูดตรง ๆ” อันที่จริง ๆ วรรณรดาไม่ได้พูดตรง ๆ หญิงสาวยังปิดบังความจริงที่ว่า อันที่จริงแล้ว วิศรุตนั้นต้องการกันณิชกานต์ไปจากคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอต่างหาก แต่ถ้าพูดไปตรง ๆ วรรณรดาก็เดาอารมณ์ของปวุฒิไม่ออกเหมือนกัน
“เพื่ออะไรครับ” ปวุฒิหันมาซักด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ก็คุณมาร์คชอบขวัญ พี่ปุ้มก็รู้นี่คะ ส่วนคุณนิดก็พยายามน่าดูเลย ตามมานี่ก็ไม่รู้จะมาสร้างความปั่นป่วนอะไรอีกหรือเปล่า ดาก็เลยต้องชวนพี่รุตมาด้วย”
“ดีจริง ๆ เลยครับ” น้ำเสียงของปวุฒิประชดประชันแต่วรรณกลับทำใจดีสู้เสือ
“ชมใช่ไหมคะ”
“แล้วคุณดาไม่คิดบ้างหรือครับว่าที่นิดตามมาจุดมุ่งหมายของเขาไม่ใช่มาร์ค”
“คิดค่ะ”
“แล้วคุณดาจะทำอย่างไร”
“มันขึ้นอยู่กับพี่รุตแล้วค่ะ ดาทำอะไรมากไม่ได้หรอกค่ะ...”
และเมื่อทั้งสองมาถึงสนามบิน ปวุฒกับวรรณรดาก็เดินไปรอวิศรุตกับณิชกานต์ที่จุดรอผู้โดยสาร ปวุฒินั้นเคร่งขรึมจนวรรณรดาสังเกตได้...และหญิงสาวก็ต้องชวนคุยเพราะไม่อยากให้บรรยากาศเป็นแบบนี้
“คิดอะไรอยู่หรือคะ”
“อยากกลับเมืองไทยแล้วซิ รู้สึกเหมือนเป็นตัวตลก...”
“ตลกอย่างไรคะ”
“อย่าลืมนะว่าพี่กับขวัญยังไม่ได้เลิกกันอย่างเป็นทางการ แต่ว่า พี่กลับออกมาเที่ยวกับดา แล้วทิ้งขวัญให้ทำงานอยู่กับผู้ชายอีกคน แล้วคนในกองถ่ายก็เป็นคนไทยมาจากเมืองไทย เรื่องมันจะตลกไหม”
“ขวัญบอกพี่ปุ้มหรือยังคะว่า กลับไปนี้ ขวัญจะแถลงข่าว”
“ไม่บอกพี่ก็พอรู้”
“ยังทำใจไม่ได้อีกหรือคะ”
“เหมือนจะทำได้นะ แต่ว่าเมื่อรู้ว่าพรุ่งนี้อะไร ๆ ก็จะไม่เหมือนเดิม ใจมันก็หน่วง ๆ บอกไม่ถูกเหมือนกัน”
“ขวัญเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากเลยนะคะที่มีคนรักจริง”
“แต่คนเราก็แปลกนะ คนที่รักตัวเองจริง ๆ และพิสูจน์ว่ารักจริง ๆ กลับไม่ยอมรักตอบ แต่กลับไปสนใจ กับรักลม ๆ แล้ง ๆ แบบนั้น พี่ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าขวัญเขาจะตัดสินใจเรื่องหัวใจด้วยอารมณ์”
“ทำไมพี่ปุ้มไม่คิดละคะว่าเขาอาจจะเป็นเนื้อคู่กัน คนเป็นเนื้อคู่กันต่อให้อยู่สุดหล้าฟ้าเขียวขอบน้ำขวางหน้าขอบฟ้าขวางกั้นก็จะต้องมาเจอกันจนได้ แล้วก็แต่งงานกันในที่สุด แล้วใช่ว่าคุณมาร์คเองจะเป็นคนที่ไม่มีตัวตนซะเมื่อไหร่ ย่าหลินซิ่วอินนั่นเป็นเครื่องรับประกันได้เลยว่า คุณมาร์คเชื่อใจได้ มันจึงไม่แปลกหรอกค่ะว่าขวัญจะหวั่นไหวและเชื่อมั่นว่าเขารักจริงเช่นกัน”
ฟังเหตุผลของวรรณรดาแล้วปวุฒิก็ถอนหายใจแรง ๆ อีกครั้ง
“รอผมด้วยซี่ครับคุณนิด” วิศรุตที่ลากกระเป๋าเดินตามณิชกานต์ร้องบอกเมื่อณิชกานต์ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองมาก่อนแล้วลากกระเป๋าออกเดินโดยไม่สนใจว่าเขายังไม่เสร็จเรื่อง
และเมื่อลากกระเป๋าใบกะทัดรัดเดินมาทัน ณิชกานต์ก็หันไปมองหน้าของเขาซึ่งบัดนี้มีแว่นตาสีดำอำพรางดวงตาไว้ ณิชกานต์จึงไม่เห็นว่า ตอนนี้สายตาของเขานั้นเจ้าเล่ห์เพียงใด
“เราไม่ได้มาด้วยกันนี่คะ”
“เรามาเที่ยวบินเดียวกันครับ...ถือว่ามาด้วยกัน และคนที่มารอรับเรา ก็คนเดียวกัน”
“สรุปว่างานนี้อย่างไรนิดก็หนีคุณรุตไม่พ้นใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับ...เพราะฉะนั้น อย่าพยายามหนีผมเลยครับ...อยู่ใกล้ผมมีแต่เรื่องดี ๆ ทั้งนั้น”
“ค่ะ ได้โฆษณายาสีฟันมาตั้งหนึ่งตัวแล้ว สินค้าตัวถัดไปเป็นอะไรดีคะ” ด้วยเป็นยาสีฟันยี่ห้อรอง ๆ การถ่ายทำจึงทำเพียงแค่ครึ่งวันเพราะเวลาที่ออกอากาศเพียงแค่กะพริบตาสองสามทีเท่านั้น
“คุณนิดอยากเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าตัวไหนละครับ”
“อยากได้...” ณิชกานต์หยุดเดินแล้วทำท่าครุ่นคิด...
“อยากได้ครีมบำรุงผิวเหมือนขวัญค่ะ...เอาถ่ายในประเทศก็ได้นะคะ”
“ได้ครับ ผมจะดูให้....นะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
และเมื่อทั้งสองคนเดินยิ้มออกมาถึงจุดที่วรรณรดาและปวุฒิรออยู่ ณิชกานต์ก็โบกมือให้
“โห กระเป๋าคุณนิดใบใหญ่จังเลยนะคะ” วรรณรดาลืมไปว่า...กระเป๋าของทั้งคู่นั้นจะเป็นอุปสรรคสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวที่ต้องพึ่งพารถแท็กซี่ และต้องนั่งกระเช้าไต่ความสูงไปยังเกนติ้ง ไฮแลนด์
“ในสนามบินมีที่ฝากกระเป๋า เอาไปฝากก่อน ลงมาจากเกนติ้งค่อยแวะมาเอาไปก็ได้” วิศรุตสรุป และเมื่อจัดการฝากกระเป๋าเรียบร้อย ปวุฒิก็ขยับมานั่งคู่กับคนขับ ด้านหลังเบาะของเขาเป็นวิศรุต วรรณรดานั่งกลางและณิชกานต์นั่งอยู่ด้านหลังคนขับรถ...จุดหมายของทั้งสี่คนคือ สถานีกระเช้าขึ้นไปยังเกนติ้ง...
และเมื่อรถแล่นออกมาแล้ว ณิชกานต์ก็เอ่ยปากชวนวรรณรดาคุย
“แล้วรถนี่สามารถไปถึงเกนติ้งเลยหรือเปล่าคะคุณดา”
“ถึงค่ะ แต่ ดาว่าขึ้นกระเช้าสักหน่อยก็คงจะดี ตื่นเต้นดีค่ะ”
“ผมว่าจุดที่น่าสนใจของเกนติ้งก็คือกระเช้านี่แหละครับ...” วิศรุตแทรกเข้ามา
“ดาว่ากาสิโนค่ะ”
“ขวัญไม่อยากไปเที่ยวกับเราแย่เลยเหรอเนี่ย” ณิชกานต์หวนไปนึกถึงขวัญชีวี
“อยากไปมาก ๆ ค่ะ แต่ว่างานสำคัญที่สุด แล้วขวัญก็มีคุณมาร์คคอยดูแลอยู่แล้ว คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก..คงไม่เหงาด้วย” พอเอ่ยถึงมาร์คกับขวัญชีวีทุกคนกลับเงียบกริบ วรรณรดาจึงต้องชวนคุยต่อ
“คืนนี้คุณนิดนอนกับดาไหมคะ...”
พอถูกชวนณิชกานต์หยุดครุ่นคิดเพียงครู่ แต่ว่าเมื่อนึกถึงผลประโยชน์ที่จะตามมาหากว่าเธอสนิทสนมกับวรรณรดา หญิงสาวจึงต้องถามกลับไปว่า“คุณดาสะดวกเหรอคะ”
“เตียงใหญ่มาก แล้วนอนคนเดียวดาก็รู้สึกกลัว ๆ เหมือน ๆ กัน”
“แล้วทำไมไม่นอนกับขวัญละ”
“ก็ดามาในฐานะผู้ติดตามไม่ได้มาในส่วนของงานนี้ นอนด้วยกันนะคะ”
“ถ้าคุณดาสะดวกก็ได้ค่ะ อ้อ... แล้วกลางคืนมีไปเที่ยวไหนกันหรือเปล่า มีแสงสีเสียงเหมือนบ้านเราไหม”
“มีค่ะ คุณมาร์คว่ามี แต่ส่วนใหญ่จะมีแต่แขกชาวต่างชาติซะมากกว่า คุณนิดสนใจหรือคะ”
“สนค่ะ...มาบ้านเค้าเมืองเค้าทั้งทีต้องไปให้ทั่วค่ะ...ไปด้วยกันนะคะพี่ปุ้ม”...
“ผมไปด้วยนะครับ” วิศรุตแทรกเข้ามา และณิชกานต์ก็ต้องหันไปยิ้มและเบ้หน้ากับกระจก โดยที่เธอก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่า อยากให้เขาตามตื้อแบบนี้ต่อไปไหม?

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 มี.ค. 2556, 10:31:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 มี.ค. 2556, 10:31:31 น.
จำนวนการเข้าชม : 1776
<< 18. | 20. >> |

จุฬามณีเฟื่องนคร 8 มี.ค. 2556, 10:41:16 น.
ขอบคุณจากทุกๆ แรงใจนะครับ
ขอบคุณจากทุกๆ แรงใจนะครับ

คิมหันตุ์ 8 มี.ค. 2556, 11:43:14 น.
ยังไงหล่ะเนี่ย. เชียร์คุณรุต. นะคะ. อิอิ
ยังไงหล่ะเนี่ย. เชียร์คุณรุต. นะคะ. อิอิ

mottanoy 8 มี.ค. 2556, 13:38:34 น.
ราตรี ยังอีก ไกล
ราตรี ยังอีก ไกล


nateetip 10 มี.ค. 2556, 01:10:30 น.
..^.^...
..^.^...
