ลิขิตรักในสายลม # จุฬามณี
รัก หวานๆ ขม ของสาวไทยกับหนุ่มมาเลย์
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: 20.
ตอนที่ 20
“อันที่จริงไม่น่าแยกงานในสตูดิโอเป็นสองวันเลยนะคะ เมื่อวานนี้ ถ้าลุยถ่าย มันก็เสร็จไปแล้ว วันนี้ถ่ายนอกสถานที่ไปซะมันก็จะไม่ได้ไม่เสียเวลา” ขวัญชีวีโอดครวญเรื่องงานให้หลินฮันหมิงฟังหลังจากที่เลิกกองแล้วเขาชวนเธอออกมานั่งที่ร้านกาแฟในห้างหรูกลางเมือง
“ทางทีมงานกลัวขวัญเหนื่อยนะครับ แล้วกำหนดการเขาเตรียมเผื่อ ๆ สำหรับฝนตกแดดออกไว้ด้วย อีกอย่าง เขาอยากให้ทีมงานได้เที่ยวที่กัวลาลัมเปอร์ด้วย ก็เลยเป็นแบบนี้ และที่สำคัญผมอยากให้คุณขวัญอยู่ที่นี่นาน ๆ ครับ”
“ไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจเลย เมืองไหน ๆ ก็เหมือน ๆ กันค่ะ”
“พูดเหมือนมาเลเซียไม่มีอะไรน่าสนใจ ไม่มีอะไรดีในสายตาคุณขวัญเลยสักนิด”
“จะถอดขวัญออกจากการเป็นพรีเซนเตอร์เวอซ่าดีโก้ก็ไม่ทันซะแล้วนะคะ”
“ไม่หรอกครับ คุณขวัญเกิดมาเพื่อเวอซ่าดีโก้เลยครับ”
ขวัญชีวีนั่งยิ้มสู้สายตาของเขา ซึ่งเขาก็ไม่ยอมหลบสายตาจนกระทั่งขวัญชีวีรู้สึกขวยเขิน
“เมื่อกี้คุณขวัญว่า เมืองไหน ๆ ก็เหมือนกัน คุณขวัญไม่รู้สึกว่า เคแอลนี่แตกต่างจากกรุงเทพฯ บ้างเหรอครับ” KL เป็นชื่อย่อของกรุงกัวลาลัมเปอร์
“รู้สึกค่ะ...ที่เหมือน ๆ กัน คือ มีรถ มีคน มีตึก มีความวุ่นวาย ที่นี่ดูจะวุ่นวายน้อยกว่ากรุงเทพฯค่ะ”
“ถ้าต้องมาอยู่ที่นี่ คุณขวัญจะอยู่ได้ไหม”
“ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องไปอยู่ที่ไหน นอกจากกรุงเทพฯ ขวัญรักประเทศไทยค่ะ...ถึงจะวุ่นวายก็น่าอยู่แบบเมืองไทย”
“พูดเหมือนคิดถึงบ้านแล้วนะครับ”
“คิดถึงคุณยายค่ะ เมื่อเช้าโทรกลับไป คุณยายบ่นคิดถึงขวัญเหมือนกัน”
“ไม่คิดถึงคุณพ่อคุณแม่บ้างเหรอครับ”
“ขวัญกับพี่ชายโตมากับคุณยายมากกว่าพ่อแม่ค่ะ พ่อเป็นข้าราชการอยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง เอาแน่เอานอนกับเรื่องสถานที่เรียนไม่ได้ ขวัญก็เลยอยู่กับคุณยายมาตลอด....ผูกพันกับคุณยายมากกว่า แต่กับพ่อแม่ก็เข้ากันได้ค่ะ ไม่มีปัญหาอะไร”
“คุณแม่คุณขวัญคุยสนุกดีนะครับ เป็นคนอารมณ์ดีมาก”
“แม่เป็นคนพวกมากค่ะ ขวัญไม่ติดแม่เลย เงียบ ๆ ติดคุณยาย”
“แล้วเวลาทำงาน คุณขวัญทำได้ไง”
“ก็อยากได้เงิน อยากดัง อยากมีตังค์เยอะ ๆ ไม่อยากรับราชการทำงานทุกวันจนแก่เฒ่าถึงจะมีเงินเก็บ ประมาณนี้แหละคะ...”
หลินฮันหมิงหัวเราะ
“แต่จริง ๆ แล้วขวัญว่า บางเรื่องมันเป็นลิขิตจากฟ้ามากกว่าค่ะ บางทีคนที่จะมาเป็นดารา ไม่จำเป็นจะต้องมีคาแรคเตอร์ที่จัดจ้านเหมือนกันทุกคนหรอกค่ะ”
“ลิขิตจากฟ้า คุณขวัญเชื่อ”
“ไม่เคยดูหมอดูเหรอคะ”
“เคยครับพวกไพ่ยิปซีนะครับ แต่ไม่ได้ดูนานแล้ว”
“แล้วเคยดูพวกลายมือ ลงเลข วันเดือนปีเวลาเกิดอะไรบ้างไหม”
“เคยครับ นานมากแล้ว ซินแสดูให้ก่อนจะไปเรียนปริญญาโท”
“ท่านว่าอย่างไรบ้างคะ”
“ท่านบอกว่าดวงผมเป็นดวงคนเดินทาง ทำงานที่เดินทางบ่อย ๆ จะดี แล้วก็ดูว่าเนื้อคู่ผมเป็นคนต่างชาติครับ ตอนนั้นแม่กับพ่อผมเครียดมากเลย กลัวผมไม่กลับมาอยู่ที่นี่”
ขวัญชีวีขนลุกเกลียวขึ้นมาแล้วรีบกลบเกลื่อนความตื่นเต้นว่า “เหรอคะ”
“แต่ว่าไปแล้ว ชีวิตผมก็เจอแต่สาวต่างชาติต่างภาษาทั้งนั้นเลยนะครับ...แปลกดีเหมือนกัน”
ขวัญชีวีจ้องหน้าเขานิ่ง ๆ แล้วเขาก็เล่าต่อเสียเอง “แต่ผมไม่รู้สึกกับใครมากเท่ากับคุณขวัญ”
ใบหน้าของขวัญชีวีแดงซ่านขึ้นมาจนหญิงสาวต้องระงับความเขินอายโดยเสมองไปยังนอกร้าน...
“มันอาจจะรวดเร็วไป แต่ผมบอกคุณขวัญได้ว่าผมจริงใจกับคุณขวัญนะครับ”
“ค่ะ...”
“เวลาที่คุณขวัญเขิน คุณขวัญน่ารักมากเลยนะครับ”
“ขวัญเขินแล้วเหรอคะ”
“เขินแล้วครับ ผมดูออก” สายตาคมกล้าของเขายังคงอยู่ที่ใบหน้าของหญิงสาว ขวัญชีวีจึงต้องยอมรับและชวนเขาคุยไปในที “ผู้หญิงเขินก็น่ารักทุกคนแหละคะ”
“แต่คุณขวัญเขินแล้วผมรู้สึกมีความสุข”
“เราจะนั่งกันอยู่ที่นี่อีกนานไหมคะ...” ขวัญชีวีรู้สึกว่าตัวเองจะจนมุมหนุ่มมาเลเซียเข้าให้แล้วจึงต้องหาทางบ่ายเบียง
“คุณขวัญอยากไปไหนละครับ”
“อยากเดินเล่นบ้างค่ะ เห็นพวกเขาไปเที่ยวกันแล้วก็อยากไปกับพวกเขา...แต่งานก็คืองาน”
“ต่อไปคุณขวัญจะเบื่อมาเลเซียไปเลยครับ”
“ทำไมต้องเบื่อ”
“อนาคตคุณขวัญก็จะรู้เองครับ” สายตาของเขากรุ่มกริ่มจนขวัญชีวีรู้สึกว่าเลือดสาววิ่งพล่านไปทั่วร่างกาย
“ถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ”
การนิ่งเงียบ ใช้เพียงสายตาอนุญาต ทำให้ขวัญชีวีต้องพูดต่อโดยที่ไม่ยอมสบตาของเขา
“คุณรุตเพื่อนของคุณ เขาคิดอย่างไรกับณิชกานต์” พอวรรณรดาบอกกับขวัญชีวีว่า วิศรุตตามมาเพราะต้องการช่วยกันณิชกานต์ให้ออกห่างจากปวุฒิ ขวัญชีวีก็นึกเป็นห่วงณิชกานต์ขึ้นมา เพราะอำนาจของเงินตราที่วิศรุตมีอยู่นั้นมันสามารถทำให้ผู้หญิงหลงทางได้เหมือนกัน และแม้จะไม่ค่อยชอบหน้าณิชกานต์สักเท่าไหร่ แต่ใช่ว่าขวัญชีวีอยากจะให้ชีวิตของณิชกานต์นั้นเปลี่ยนแปลงไปทางหนึ่งทางใดเพราะผู้ชายที่เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างไม่บริสุทธิ์ใจ
“เรื่องนี้ ผมไม่รู้ใจเขาหรอกครับ”
“แล้วคุณรุตเขาเป็นคนอย่างไร”
“รุตไม่ใช่คนเจ้าชู้...ค่อนข้างจะไม่ประสีประสาเรื่องผู้หญิงด้วยซ้ำ เขาสนใจแต่เรียน งาน รถ เกมคอมพิวเตอร์ กีฬา อ่านหนังสือ เขาสามารถอยู่คนเดียวได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนฝูง”
“แล้วคบกับคุณรุตมาได้เพราะอะไรคะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน คุยกันรู้เรื่องมั้งครับ แล้วถ้าไม่เจอกับรุตมาก่อน ผมก็คงไม่มีโอกาสได้เจอคุณขวัญ ตอบแบบนี้ได้ไหม”
“ไม่พ้นเลยนะคะ”
“คุณพ่อกับคุณแม่ของผมชอบคุณมากเลยนะครับ”
“ขวัญยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ ยืนเป็นบื้อเป็นใบ้อย่างเดียวท่านชอบขวัญได้อย่างไร”
“แค่เห็นหน้าท่านก็ชอบแล้วครับ พี่สาวผมทั้งสองคนก็ชอบคุณขวัญนะ”
“วันนี้ไม่ไปเยี่ยมท่านเหรอคะ”
“เมื่อตอนสาย ๆ พากันกลับปีนังไปแล้วครับ”
“อ้าว...ย่าเล็กก็กลับไปด้วยซิ”
“จริง ๆ ย่าเล็กอยากมาดูคุณขวัญทำงานด้วย แต่ผมไม่ให้มา กลัวมาสร้างความวุ่นวาย”
“ดูคุณมาร์คเข้ากับย่าเล็กได้ดีนะคะ”
“เราเหมือนกันตรงที่อยู่กับคนสูงอายุ ที่อายุเท่ากันและเป็นเพื่อนกันเสียด้วย”
“ตอบไม่ตรงคำถาม”
“คุณขวัญถามว่าอะไรนะครับ”
“ดูคุณมาร์คเข้ากับย่าเล็กได้ดีนะคะ”
“แล้วจะให้ผมตอบว่าอย่างไรดี ก็อย่างที่เห็นแหละครับ ย่าไม่มีใคร ไม่ได้แต่งงาน ไม่มีลูก แล้วตอนนี้ย่าเล็กอยากให้ผมแต่งงานมาก ๆ”
“แล้วทำไมไม่แต่ง”
“ก็ต้องถามเจ้าสาวผมก่อนว่ายินดีจะแต่งงานกับผมไหม”
“ใครเหรอคะ”
“ก็นั่งอยู่ตรงกันข้ามกับผมนี่แหละ”
“รวดเร็วไปไหมคะ”
“ผมว่าไม่เร็วนะครับ”
“น่ากลัวค่ะ ตอนนี้ขวัญรู้สึกกลัวคุณมาร์คมาก ๆ”
“พ่อผมอาการทรุดลงเรื่อย ๆ ครับ และความปรารถนาของท่านก่อนที่จะเป็นอะไรไปคือเห็นผมเป็นฝั่งเป็นฝา”
“สรุปว่า อยากแต่งเพราะว่าคุณพ่อ”
“เอาท่านมาอ้างไปอย่างนั้นเองครับ ถ้าไม่แต่งก็คือไม่แต่ง แต่ท่านอยากให้ผมแต่งงานจริง ๆ นะ คุณแม่ก็วิ่งเต้นจัดการให้ผมไปดูตัวลูกสาวเพื่อน ๆ อยู่บ่อย ๆ แต่ผม ผมรู้สึกว่าไม่ใช่”
“เพราะอะไรคะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“มันน่าจะมีเหตุผลนะคะ”
“แล้วถ้าผมถามคุณขวัญบ้าง ว่าทำไมคุณขวัญไม่รักคุณปุ้ม”
ขวัญชีวีเลิกคิ้วกลอกตาไปมาเมื่อถูกถามกลับ
“วิศรุตเองเขาก็จีบคุณขวัญเหมือนกัน แล้วทำไมคุณขวัญถึงไม่สนใจเขา ทั้งที่วิศรุตก็รวยล้นฟ้า ใครได้เป็นภรรยาของวิศรุตนี่สบายไปทั้งชาติเลย”
“นั่นซินะ ทำไมเป็นอย่างนั้น”
ตาของเขาจ้องหน้าของขวัญชีวีอย่างเปิดเผย แต่ว่าขวัญชีวีก็จิตแข็งเกินกว่าจะหวั่นไหวเพราะลมปากของเขา “ดื่มกาแฟเถอะค่ะ อย่าเพิ่งคุยเรื่องนี้เลย”
“คุณขวัญนี่สุดยอดเลย”
“อะไรคะ”
“ใจแข็ง”
“ขวัญอายุยังน้อยค่ะ แล้วอีกอย่างขวัญยังรักงานที่ทำอยู่ ขวัญรักเมืองไทยมาก รักมากจนไม่คิดจะย้ายไปอยู่ที่ไหน ผู้หญิงคนก่อนหน้านั้นของคุณมาร์คก็อาจจะเป็นแบบขวัญก็ได้ใช่ไหมคะ มันถึงได้เป็นคนที่ยังไม่ใช่”
หลินฮันหมิงถอนหายใจเบา ๆ ยอมรับว่า ขวัญชีวีฉลาดและมีปฏิภาณไหวพริบเกินกว่าที่เขาคิดไว้ การหว่านล้อมด้วยคำว่า ‘รัก’ ‘ชอบ’ ‘ต้องการ’ ใช้ไม่ได้กับเธอ เธอต้องการใครสักคนที่พร้อมจะอยู่กับเธอที่เมืองไทยตลอดไป ผู้ชายคนนั้นเป็นเขาอย่างนั้นหรือ? เขาพร้อมที่จะไปอยู่เมืองไทยตลอดไปอย่างนั้นหรือ?
และเมื่อเห็นว่าหลินฮันหมิงนิ่งตรึกตรอง ขวัญชีวีจึงเสคนกาแฟในแก้วพลางมองออกไปนอกร้าน...
และขวัญชีวีก็ต้องหันกลับมาเมื่อหลินฮันหมิงพูดว่า
“คุณขวัญกำลังจะบอกผมว่าถ้าเราแต่งงานกันผมจะต้องเป็นฝ่ายไปอยู่เมืองไทยเท่านั้น ใช่ไหมครับ”
“ถ้าใช่ คุณมาร์คทำได้ไหมละคะ”
เมื่อกระเช้าลงมาถึงจุดรอขึ้น วิศรุตก็รีบดึงมือของณิชกานต์ให้ตามตัวเองเขาไปด้านใน วรรณรดาก้าวตามไปและปวุฒิรั้งท้าย แต่ว่าเมื่อประตูกระเช้าปิดแล้ว แม้ตอนแรกณิชกานต์จะนั่งอยู่ฝั่งเดียวกับวิศรุต แต่หญิงสาวก็หมุนตัวมานั่งตรงกลางระหว่างวรรณรดากับปวุฒิ โดยอ้างว่าไม่อยากนั่งหันหลังระหว่างที่กระเช้าไต่ระดับความสูงไปยังเกนติ้งไฮแลนด์เพราะรู้สึกหวาดเสียว เมื่อเป็นแบบนั้นวรรณรดาจึงต้องย้ายที่นั่งไปนั่งข้างวิศรุต...
และเมื่อกระเช้าเคลื่อนไปตามแรงดึงของสายเคเบิ้ล ณิชกานต์ก็ดูจะตื่นเต้นเกินกับสถานที่อันสวยงามแปลกตากว่าคนอื่น ๆ ก็รีบคว้าโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าสะพายสีแดงทรงกระสอบของตน วรรณรดากับวิศรุตมองหน้ากันอย่างพอรู้ว่าณิชกานต์ต้องการทำอะไร เบื้องต้นหญิงสาวถ่ายรูปวิว และก็ถ่ายรูปของตัวเองกับปวุฒิ ก่อนจะยื่นโทรศัพท์มาให้วรรณรดา....
“ช่วยถ่ายให้นิดกับพี่ปุ้มหน่อยค่ะ”
วรรณรดารับกล้องมาอย่างเสียไม่ได้ แต่ว่าวิศรุตก็เป็นคนดึงโทรศัพท์มาจัดการกดชัตเตอร์ให้เสียเอง...
และเมื่อณิชกานต์รับโทรศัพท์ไปดูรูปที่วิศรุตถ่าย หญิงสาวก็ถึงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเพราะรูปที่ณิชกานต์กะว่าจะต้องออกมาดูดีนั้น เห็นเพียงช่วงล่างของร่างกาย ครึ่งหน้าบ้าง บางภาพก็สั่นไหวพร่ามัว
...แต่ครั้นจะให้เขาถ่ายให้ใหม่ณิชกานต์ก็รู้ว่า อย่างไรแล้ววันนี้เธอคงไม่ได้ภาพคู่กับปวุฒิด้วยฝีมือวิศรุตแน่ ๆ ดังนั้นณิชกานต์ จึงต้องยกกล้องถ่ายใบหน้าตัวเองกับปวุฒิที่ดูให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเช่นเดิม
“ถ่ายกับผมบ้างซิครับ...คุณปุ้มมานั่งฝั่งนี้..ผมอยากถ่ายกับคุณนิดบ้างครับ” วิศรุตเล่นบท ‘หน้ามึน’ ขอเปลี่ยนที่นั่งกับปวุฒิก่อนจะส่งโทรศัพท์มือถือของตนส่งให้กับวรรณรดา และเมื่อสลับที่นั่งกับปวุฒิเรียบร้อย
ณิชกานต์ก็ได้ทีแกล้งเขาคืนบ้าง...แม้ใบหน้าจะยิ้ม ๆ หญิงสาวก็ยังยกมือทั้งสองข้างมาบังใบหน้าให้เป็นปริศนาว่า รูปนี้วิศรุตถ่ายรูปคู่กับใคร แต่ด้วยระยะเวลา 3 กิโลเมตรที่เป็นที่ตั้งของเสาเคเบิ้ลที่พาดผ่านไปบนป่าไม้และความสูงต่ำของภูเขาที่มีหมอกและอากาศเย็นปกคลุม ทำให้วิศรุตได้ภาพคู่กับณิชกานต์จนได้ นอกจากนั้นเขายังดึงกล้องจากมือของวรรณรดามาถ่ายรูปคู่ให้กับวรรณรดากับปวุฒิเพื่อเป็นที่ระลึกอีกด้วย กระทั่งกระเช้าถึงปลายทาง ทั้งสี่คนก็ออกมาเดินมองซ้ายมองขวาอยู่ด้วยกัน...
“ไปทางไหนก่อนดี...” ณิชกานต์รู้สึกกระชุ่มกระชวยเป็นอย่างมาก
“พี่ปุ้มสนใจกาสิโนค่ะ ไปกาสิโนก่อนไหม” วรรณรดานั้นต้องการเอาใจปวุฒิให้มากที่สุด และอีกอย่างการที่มีนิชกานต์ร่วมทริปมาด้วยนี้ หญิงสาวก็อยากเห็นว่า เขาแคร์ความรู้สึกของใครมากกว่ากัน
“ว่าไปพี่หิวข้าวนะ อยากหาข้าวกินก่อน” วิศรุตนั้นเป็นคนที่ชอบนั่ง ‘ชิม’ มากกว่าเดินดูสินค้าและมากกว่าที่จะไปนั่งลุ้น ‘โชค’ ในกาสิโน
“งั้นไปกินข้าวก่อนดีกว่าครับ ค่อยไปกาสิโน” ปวุฒิรู้สึกสนุกจนลืมไปว่า ทริปนี้เขาตั้งใจมาเพื่อขัดขวางไม่ให้หลินฮันหมิงทำคะแนนหัวใจ...
และเมื่อตกลงกันได้แล้ว วิศรุตก็เอ่ยปากว่า “มื้อนี้ผมขอเป็นเจ้าภาพนะครับ”
“อย่าเลยครับ หารเฉลี่ยดีกว่าเพื่อความสบายใจ” ปวุฒิรีบขัดเพราะไม่อยากติดหนี้บุญคุณของวิศรุต
ส่วนณิชกานต์ แม้เห็นว่าถ้ายอมรับข้อเสนอนั้นตัวเองก็จะได้ผลประโยชน์ แต่เพื่อต้องการเอาใจปวุฒิและต้องการให้วิศรุตเห็นว่าอย่างไรเสีย เขาก็ยังเป็นคนอื่นสำหรับเธอ ณิชกานต์จึงเอ่ยว่า “หารเฉลี่ยดีกว่าค่ะ เราทุกคนมีงานมีการทำ...”
“อย่างนั้นก็ได้”...
ทั้งหมดตัดสินใจเข้าร้านอาหารจีน
“ผมขอสั่งอย่างไม่เกรงใจนะครับ...” เมื่ออยากจะหารก็ต้องรู้ว่าเขานั้นชอบกินของอร่อยและเป็นของที่มีราคาแพงด้วย...
“ตามสบายเลยครับ...” ปวุฒิอนุญาตเพราะถือว่าการได้ชิมอาหารที่มีรสชาติแปลกลิ้นนั้นเป็นกำไรชีวิตเช่นกัน และเมื่อสั่งอาหารเสร็จแล้ว สองสาวก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ โดยทิ้งให้ชายหนุ่มนั่งอยู่ด้วยกัน
“คุณนิดเธอน่ารักดีนะครับ” วิศรุตเปิดฉากพูดทำนองให้ปวุฒิเปิดทางให้ตัวเองทันที
สำหรับปวุฒิ แม้ณิชกานต์จะจุ้นจ้านไปบ้างแต่ว่าเมื่อได้อยู่ใกล้ ๆ เขาก็รู้สึกว่า ณิชกานต์น่ารักอย่างที่วิศรุตพูดออกมา แต่การพูดของวิศรุตต่อหน้าเขาแบบนี้ วิศรุตต้องการอะไร
ต้องการผลักดันวรรณรดาให้กับเขาอย่างนั้นหรือ
วิศรุตต้องการให้หลินฮันหมิงคู่กับขวัญชีวี
ต้องการให้เขาคู่กับวรรณรดา
ส่วนตัวเองคู่กับณิชกานต์
และถ้ามันจะลงเอยอย่างที่วิศรุตต้องการได้มันจะเป็นอย่างไร
“คุณปุ้มว่าไหมครับ”
“ครับ นิดน่ารักมาก”
“แล้วคุณปุ้มรู้สึกอย่างไรกับคุณนิดครับ ที่ผมถามก็เพราะว่าผม ผมรู้สึกสนใจเธอคุณ จึงต้องถามก่อนไม่อยากให้มีปัญหากันทีหลัง”
“นิดเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี เป็นน้องสาวที่ดี เป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วสนุกดี ประมาณนี้ครับ”
“ถ้าผมจะขออนุญาตจีบเธอ”
“คุณรุตได้สิทธิ์นั้นอยู่แล้วครับ”
“ถ้าคุณชอบเธอ ผมก็จะไม่”
“คุณรุตก็น่าจะดูออกว่านิดรู้สึกอย่างไรกับผม” ปวุฒิตัดสินใจไม่อ้อมค้อมเพราะอยากจะดูคารมชั้นเชิงของผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“แต่คุณปุ้มมีคนอื่นอยู่แล้วนี่ครับ...”
“คนอื่นของผม คุณรุตหมายถึงใคร?”
“ขวัญชีวี”
ปวุฒิหัวเราะขื่น ๆ ทันที
“คุณก็รู้ดีนี่ว่า ตอนนี้ เพื่อนของคุณตีท้ายครัวผมไปเรียบร้อยแล้ว แล้วมันก็สำเร็จเสียแล้วด้วย แล้วครั้งนี้คุณจะมาขออนุญาตผมทำไม”
“ผมไม่อยากให้เราต้องผิดใจกันในวันหน้าครับ ผมเสียดายมิตรภาพที่มันเกิดขึ้นมาแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่คนกลางแล้วกันครับ ถ้าคุณจีบนิดได้ ก็เรื่องของคุณ ส่วนผม ขอบอกตรง ๆ ว่า ช่วงนี้หัวใจผมยังเจ็บแปลบกับขวัญอยู่ครับ”
“ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ”
“คุณอยากให้มันเป็นอย่างนี้ไม่ใช่เหรอครับ”
“ถ้าให้ผมพูดตรง ๆ ผมก็อยากบอกว่า ผมอยากให้คุณมองคนที่เขารักคุณ”
“ถ้าคนนั้นเป็นณิชกานต์ล่ะ คุณจะทำอย่างไร”
“ก็คงต้องสู้กันสักตั้ง”
“แล้วคุณชอบนิดที่ตรงไหน”
“เอาตรง ๆ นะ ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดจริงจังกับเขาหรอก แต่ตอนนี้ ผมรู้สึกชอบเขาขึ้นมาแล้ว มันเกิดขึ้นเอง”
“ความรักเกิดขึ้นง่าย ๆ อย่างนั้นเลยเหรอครับ”
“เอาตรง ๆ อีกครั้ง....คุณก็น่าจะรู้ว่าน้องดาคิดอย่างไรกับคุณ” วิศรุตตัดสินใจไม่อ้อมค้อม
ปวุฒิถอนหายใจเบา ๆ
“ดาเป็นเพื่อนของขวัญนะครับ”
“ถ้าผมจะบอกว่าขวัญรู้เรื่องนี้ดีล่ะ คุณจะว่าอย่างไร”
“พวกคุณทำอย่างกับผมเป็นคนสิ้นไร้ไม้ตอกหาผู้หญิงให้ตัวเองไม่ได้”
“คุณอย่าคิดว่าดาอยากให้มันเป็นอย่างนี้นะครับ ดาเขาบริสุทธิ์ใจที่จะรักคุณ คุณก็น่าจะรู้”
“บริสุทธิ์ใจในความหมายของคุณคืออะไร”
“รักโดยที่ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เป็นเจ้าข้าวเจ้าของ รักที่มีความปรารถนาดีปนอยู่ด้วย”
“ถ้าผมกับนิดลงเอยกันได้ คุณกับน้องสาวคุณจะยินดีกับเราสองคนไหม”
“เราจะไปห้ามความรู้สึกของคุณสองคนได้อย่างไรละครับ”
“ขอบคุณ”
จังหวะนั้นบริกรนำอาหารมาเสิร์ฟ สองหนุ่มจึงพร้อมใจกับนิ่งเงียบ กระทั่ง ๆ สองสาวเดินกลับมาจากห้องน้ำ
“โอ้โฮ อาหารน่ากินจัง แล้วทำไมไม่กินละคะ” ณิชกานต์ที่ทรุดตัวลงนั่งระหว่างกลางผู้ชายสองคนและนั่งอยู่ตรงกันข้ามกับวรรณรดา ชวนคุยทันที...
“รอคุณนิดครับ” วิศรุตเปิดปากทำลายความเงียบ ส่วนปวุฒินั้นใช้ตะเกียบคีบเกี้ยวกุ้งแม่น้ำทอดมาไว้ในจานก่อนจะใช้ช้อนตัดแบ่งกุ้งแล้วคีบเข้าปาก...
“ไม่จิ้มน้ำจิ้มหน่อยหรือคะ” ณิชกานต์แสดงความเอาใจใส่
“อยากชิมโดยไม่มีน้ำจิ้มก่อนครับ...คำที่สองค่อยดูว่า ถ้ามีน้ำจิ้มรสชาติจะแตกต่างกันอย่างไร” เคี้ยวกุ้งคำนั้นแล้วปวุฒิก็เปิดปากอธิบายด้วยสีหน้าดีขึ้น
หลังจัดการกับอาหารมื้อนั้นแล้ว ทีนี้เสียงของคณะก็แยกเป็นสองฝักสองฝ่าย ปวุฒินั้นอยากจะเข้ากาสิโนตามความตั้งใจแต่แรก แต่ว่าวิศรุตนั้นไม่ชอบเล่นการพนัน เช่นเดียวกับณิชกานต์ที่ไม่อยากเข้ากาสิโนเช่นกัน ดังนั้นวรรณรดาจึงเป็นฝ่ายช่วยตัดสินใจ โดยหญิงสาวไปกับปวุฒิและให้วิศรุตกับณิชกานต์ตี๋ตั๋วเข้าสวนสนุกกลางแจ้งด้วยกัน
และเมื่อนัดหมายเวลากับสถานที่เพื่อกลับมาเจอกันแล้ว ณิชกานต์ก็แยกตัวไปกับวิศรุต และระหว่างเดินอยู่ด้วยกัน วิศรุตก็เอ่ยปากถามณิชกานต์ว่า
“ทำไมไม่ไปกับคุณปุ้มละครับ...”
“ลองเดาซิคะ”
“ผมไม่เข้าใจความคิดของผู้หญิงเลยจริง ๆ”
“ทำไมคะ”
“ก็คุณนิดตามคุณปุ้มมาที่นี่เพื่ออะไรละครับ”
“แล้วคุณรุตตามนิดมาที่นี่เพื่ออะไรละคะ”
“อย่าบอกนะว่าคุณนิดจะให้โอกาสผมได้ทำคะแนน” วิศรุตที่เดินอยู่ข้างหันมาทำตาหวานซึ้งให้ณิชกานต์ได้เห็นแต่ว่าณิชกานต์กับเลิกคิ้วสั่นหัวเบา ๆ
“ไม่ค่ะ ไม่ให้โอกาส เพียงแต่ สถานที่ที่พี่ปุ้มอยากไป นิดไม่ได้อยากไป แล้วนิดเองก็มีความคิดเป็นของตัวของนิดเองด้วย เรารักเราชอบใคร มันจำเป็นที่จะต้องคล้อยตามความคิดเขาทั้งหมดหรือเปล่าละคะ”
“ถูกต้องเลยครับ คนสองคนถ้าคิดจะอยู่ด้วยกันให้ยืดยาว ก็ต้องปรับตัวเข้าหากัน”
“แต่ส่วนใหญ่ผู้หญิงอยากให้ผู้ชายเป็นฝ่ายปรับมากกว่า”
“แรก ๆ ผู้ชายก็พร้อมจะปรับ แต่สุดท้าย ธาตุแท้ของเขาเป็นอย่างไรมันก็ฝืนไม่ได้อยู่ดี”
“กระเป๋าสวยจังเลย” ตามประสามสาว ๆ เมื่อเห็นร้านขายสินค้าก็ยอมลดฝีเท้าลงและความอยากได้ก็ทำให้ณิชกานต์ต้องเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างกะทันหัน ซึ่งวิศรุตก็ชะงักเท้าในทันทีเช่นกัน
“อยากได้เหรอครับ”
“อยากได้ค่ะ ขอเข้าไปดูหน่อยแล้วกัน” ว่าแล้วณิชกานต์ก็เปลี่ยนทิศทางเดินนำวิศรุตเข้าไปในร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนม และเมื่อดูแบบ พลิกดูราคาจากป้ายที่แขวนไว้ ณิชกานต์ก็ละมือแล้วพยักหน้าเป็นเชิงให้วิศรุตรู้ว่า ออกจากร้านนี้ดีกว่า
“ถ้าถูกใจทำไมไม่ซื้อละครับ...”
“แพงไปค่ะ แล้วอีกอย่าง แบรนด์นี้ หิ้วที่เมืองไทย ใครก็ไม่รู้จักหรอก”
“แล้วคุณนิดจะเข้าไปดูทำไม”
“ผู้หญิงค่ะ อารมณ์มาก่อนเหตุผลเสมอ”
“ผมชักชอบคุณนิดขึ้นเรื่อย ๆ แล้วซิ” วิศรุตว่าพลางเดินเนิบนาบตามณิชกานต์ที่ยังใช้สายตาอยู่กับของสวย ๆ งาม ๆ ระหว่างทางไปสวนสนุก
“เป็นเกียรติค่ะ”
“ผมพูดจริง ๆ นะครับ...คบกับผมไหม”
“อันที่จริงไม่น่าแยกงานในสตูดิโอเป็นสองวันเลยนะคะ เมื่อวานนี้ ถ้าลุยถ่าย มันก็เสร็จไปแล้ว วันนี้ถ่ายนอกสถานที่ไปซะมันก็จะไม่ได้ไม่เสียเวลา” ขวัญชีวีโอดครวญเรื่องงานให้หลินฮันหมิงฟังหลังจากที่เลิกกองแล้วเขาชวนเธอออกมานั่งที่ร้านกาแฟในห้างหรูกลางเมือง
“ทางทีมงานกลัวขวัญเหนื่อยนะครับ แล้วกำหนดการเขาเตรียมเผื่อ ๆ สำหรับฝนตกแดดออกไว้ด้วย อีกอย่าง เขาอยากให้ทีมงานได้เที่ยวที่กัวลาลัมเปอร์ด้วย ก็เลยเป็นแบบนี้ และที่สำคัญผมอยากให้คุณขวัญอยู่ที่นี่นาน ๆ ครับ”
“ไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจเลย เมืองไหน ๆ ก็เหมือน ๆ กันค่ะ”
“พูดเหมือนมาเลเซียไม่มีอะไรน่าสนใจ ไม่มีอะไรดีในสายตาคุณขวัญเลยสักนิด”
“จะถอดขวัญออกจากการเป็นพรีเซนเตอร์เวอซ่าดีโก้ก็ไม่ทันซะแล้วนะคะ”
“ไม่หรอกครับ คุณขวัญเกิดมาเพื่อเวอซ่าดีโก้เลยครับ”
ขวัญชีวีนั่งยิ้มสู้สายตาของเขา ซึ่งเขาก็ไม่ยอมหลบสายตาจนกระทั่งขวัญชีวีรู้สึกขวยเขิน
“เมื่อกี้คุณขวัญว่า เมืองไหน ๆ ก็เหมือนกัน คุณขวัญไม่รู้สึกว่า เคแอลนี่แตกต่างจากกรุงเทพฯ บ้างเหรอครับ” KL เป็นชื่อย่อของกรุงกัวลาลัมเปอร์
“รู้สึกค่ะ...ที่เหมือน ๆ กัน คือ มีรถ มีคน มีตึก มีความวุ่นวาย ที่นี่ดูจะวุ่นวายน้อยกว่ากรุงเทพฯค่ะ”
“ถ้าต้องมาอยู่ที่นี่ คุณขวัญจะอยู่ได้ไหม”
“ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องไปอยู่ที่ไหน นอกจากกรุงเทพฯ ขวัญรักประเทศไทยค่ะ...ถึงจะวุ่นวายก็น่าอยู่แบบเมืองไทย”
“พูดเหมือนคิดถึงบ้านแล้วนะครับ”
“คิดถึงคุณยายค่ะ เมื่อเช้าโทรกลับไป คุณยายบ่นคิดถึงขวัญเหมือนกัน”
“ไม่คิดถึงคุณพ่อคุณแม่บ้างเหรอครับ”
“ขวัญกับพี่ชายโตมากับคุณยายมากกว่าพ่อแม่ค่ะ พ่อเป็นข้าราชการอยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง เอาแน่เอานอนกับเรื่องสถานที่เรียนไม่ได้ ขวัญก็เลยอยู่กับคุณยายมาตลอด....ผูกพันกับคุณยายมากกว่า แต่กับพ่อแม่ก็เข้ากันได้ค่ะ ไม่มีปัญหาอะไร”
“คุณแม่คุณขวัญคุยสนุกดีนะครับ เป็นคนอารมณ์ดีมาก”
“แม่เป็นคนพวกมากค่ะ ขวัญไม่ติดแม่เลย เงียบ ๆ ติดคุณยาย”
“แล้วเวลาทำงาน คุณขวัญทำได้ไง”
“ก็อยากได้เงิน อยากดัง อยากมีตังค์เยอะ ๆ ไม่อยากรับราชการทำงานทุกวันจนแก่เฒ่าถึงจะมีเงินเก็บ ประมาณนี้แหละคะ...”
หลินฮันหมิงหัวเราะ
“แต่จริง ๆ แล้วขวัญว่า บางเรื่องมันเป็นลิขิตจากฟ้ามากกว่าค่ะ บางทีคนที่จะมาเป็นดารา ไม่จำเป็นจะต้องมีคาแรคเตอร์ที่จัดจ้านเหมือนกันทุกคนหรอกค่ะ”
“ลิขิตจากฟ้า คุณขวัญเชื่อ”
“ไม่เคยดูหมอดูเหรอคะ”
“เคยครับพวกไพ่ยิปซีนะครับ แต่ไม่ได้ดูนานแล้ว”
“แล้วเคยดูพวกลายมือ ลงเลข วันเดือนปีเวลาเกิดอะไรบ้างไหม”
“เคยครับ นานมากแล้ว ซินแสดูให้ก่อนจะไปเรียนปริญญาโท”
“ท่านว่าอย่างไรบ้างคะ”
“ท่านบอกว่าดวงผมเป็นดวงคนเดินทาง ทำงานที่เดินทางบ่อย ๆ จะดี แล้วก็ดูว่าเนื้อคู่ผมเป็นคนต่างชาติครับ ตอนนั้นแม่กับพ่อผมเครียดมากเลย กลัวผมไม่กลับมาอยู่ที่นี่”
ขวัญชีวีขนลุกเกลียวขึ้นมาแล้วรีบกลบเกลื่อนความตื่นเต้นว่า “เหรอคะ”
“แต่ว่าไปแล้ว ชีวิตผมก็เจอแต่สาวต่างชาติต่างภาษาทั้งนั้นเลยนะครับ...แปลกดีเหมือนกัน”
ขวัญชีวีจ้องหน้าเขานิ่ง ๆ แล้วเขาก็เล่าต่อเสียเอง “แต่ผมไม่รู้สึกกับใครมากเท่ากับคุณขวัญ”
ใบหน้าของขวัญชีวีแดงซ่านขึ้นมาจนหญิงสาวต้องระงับความเขินอายโดยเสมองไปยังนอกร้าน...
“มันอาจจะรวดเร็วไป แต่ผมบอกคุณขวัญได้ว่าผมจริงใจกับคุณขวัญนะครับ”
“ค่ะ...”
“เวลาที่คุณขวัญเขิน คุณขวัญน่ารักมากเลยนะครับ”
“ขวัญเขินแล้วเหรอคะ”
“เขินแล้วครับ ผมดูออก” สายตาคมกล้าของเขายังคงอยู่ที่ใบหน้าของหญิงสาว ขวัญชีวีจึงต้องยอมรับและชวนเขาคุยไปในที “ผู้หญิงเขินก็น่ารักทุกคนแหละคะ”
“แต่คุณขวัญเขินแล้วผมรู้สึกมีความสุข”
“เราจะนั่งกันอยู่ที่นี่อีกนานไหมคะ...” ขวัญชีวีรู้สึกว่าตัวเองจะจนมุมหนุ่มมาเลเซียเข้าให้แล้วจึงต้องหาทางบ่ายเบียง
“คุณขวัญอยากไปไหนละครับ”
“อยากเดินเล่นบ้างค่ะ เห็นพวกเขาไปเที่ยวกันแล้วก็อยากไปกับพวกเขา...แต่งานก็คืองาน”
“ต่อไปคุณขวัญจะเบื่อมาเลเซียไปเลยครับ”
“ทำไมต้องเบื่อ”
“อนาคตคุณขวัญก็จะรู้เองครับ” สายตาของเขากรุ่มกริ่มจนขวัญชีวีรู้สึกว่าเลือดสาววิ่งพล่านไปทั่วร่างกาย
“ถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ”
การนิ่งเงียบ ใช้เพียงสายตาอนุญาต ทำให้ขวัญชีวีต้องพูดต่อโดยที่ไม่ยอมสบตาของเขา
“คุณรุตเพื่อนของคุณ เขาคิดอย่างไรกับณิชกานต์” พอวรรณรดาบอกกับขวัญชีวีว่า วิศรุตตามมาเพราะต้องการช่วยกันณิชกานต์ให้ออกห่างจากปวุฒิ ขวัญชีวีก็นึกเป็นห่วงณิชกานต์ขึ้นมา เพราะอำนาจของเงินตราที่วิศรุตมีอยู่นั้นมันสามารถทำให้ผู้หญิงหลงทางได้เหมือนกัน และแม้จะไม่ค่อยชอบหน้าณิชกานต์สักเท่าไหร่ แต่ใช่ว่าขวัญชีวีอยากจะให้ชีวิตของณิชกานต์นั้นเปลี่ยนแปลงไปทางหนึ่งทางใดเพราะผู้ชายที่เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างไม่บริสุทธิ์ใจ
“เรื่องนี้ ผมไม่รู้ใจเขาหรอกครับ”
“แล้วคุณรุตเขาเป็นคนอย่างไร”
“รุตไม่ใช่คนเจ้าชู้...ค่อนข้างจะไม่ประสีประสาเรื่องผู้หญิงด้วยซ้ำ เขาสนใจแต่เรียน งาน รถ เกมคอมพิวเตอร์ กีฬา อ่านหนังสือ เขาสามารถอยู่คนเดียวได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนฝูง”
“แล้วคบกับคุณรุตมาได้เพราะอะไรคะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน คุยกันรู้เรื่องมั้งครับ แล้วถ้าไม่เจอกับรุตมาก่อน ผมก็คงไม่มีโอกาสได้เจอคุณขวัญ ตอบแบบนี้ได้ไหม”
“ไม่พ้นเลยนะคะ”
“คุณพ่อกับคุณแม่ของผมชอบคุณมากเลยนะครับ”
“ขวัญยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ ยืนเป็นบื้อเป็นใบ้อย่างเดียวท่านชอบขวัญได้อย่างไร”
“แค่เห็นหน้าท่านก็ชอบแล้วครับ พี่สาวผมทั้งสองคนก็ชอบคุณขวัญนะ”
“วันนี้ไม่ไปเยี่ยมท่านเหรอคะ”
“เมื่อตอนสาย ๆ พากันกลับปีนังไปแล้วครับ”
“อ้าว...ย่าเล็กก็กลับไปด้วยซิ”
“จริง ๆ ย่าเล็กอยากมาดูคุณขวัญทำงานด้วย แต่ผมไม่ให้มา กลัวมาสร้างความวุ่นวาย”
“ดูคุณมาร์คเข้ากับย่าเล็กได้ดีนะคะ”
“เราเหมือนกันตรงที่อยู่กับคนสูงอายุ ที่อายุเท่ากันและเป็นเพื่อนกันเสียด้วย”
“ตอบไม่ตรงคำถาม”
“คุณขวัญถามว่าอะไรนะครับ”
“ดูคุณมาร์คเข้ากับย่าเล็กได้ดีนะคะ”
“แล้วจะให้ผมตอบว่าอย่างไรดี ก็อย่างที่เห็นแหละครับ ย่าไม่มีใคร ไม่ได้แต่งงาน ไม่มีลูก แล้วตอนนี้ย่าเล็กอยากให้ผมแต่งงานมาก ๆ”
“แล้วทำไมไม่แต่ง”
“ก็ต้องถามเจ้าสาวผมก่อนว่ายินดีจะแต่งงานกับผมไหม”
“ใครเหรอคะ”
“ก็นั่งอยู่ตรงกันข้ามกับผมนี่แหละ”
“รวดเร็วไปไหมคะ”
“ผมว่าไม่เร็วนะครับ”
“น่ากลัวค่ะ ตอนนี้ขวัญรู้สึกกลัวคุณมาร์คมาก ๆ”
“พ่อผมอาการทรุดลงเรื่อย ๆ ครับ และความปรารถนาของท่านก่อนที่จะเป็นอะไรไปคือเห็นผมเป็นฝั่งเป็นฝา”
“สรุปว่า อยากแต่งเพราะว่าคุณพ่อ”
“เอาท่านมาอ้างไปอย่างนั้นเองครับ ถ้าไม่แต่งก็คือไม่แต่ง แต่ท่านอยากให้ผมแต่งงานจริง ๆ นะ คุณแม่ก็วิ่งเต้นจัดการให้ผมไปดูตัวลูกสาวเพื่อน ๆ อยู่บ่อย ๆ แต่ผม ผมรู้สึกว่าไม่ใช่”
“เพราะอะไรคะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“มันน่าจะมีเหตุผลนะคะ”
“แล้วถ้าผมถามคุณขวัญบ้าง ว่าทำไมคุณขวัญไม่รักคุณปุ้ม”
ขวัญชีวีเลิกคิ้วกลอกตาไปมาเมื่อถูกถามกลับ
“วิศรุตเองเขาก็จีบคุณขวัญเหมือนกัน แล้วทำไมคุณขวัญถึงไม่สนใจเขา ทั้งที่วิศรุตก็รวยล้นฟ้า ใครได้เป็นภรรยาของวิศรุตนี่สบายไปทั้งชาติเลย”
“นั่นซินะ ทำไมเป็นอย่างนั้น”
ตาของเขาจ้องหน้าของขวัญชีวีอย่างเปิดเผย แต่ว่าขวัญชีวีก็จิตแข็งเกินกว่าจะหวั่นไหวเพราะลมปากของเขา “ดื่มกาแฟเถอะค่ะ อย่าเพิ่งคุยเรื่องนี้เลย”
“คุณขวัญนี่สุดยอดเลย”
“อะไรคะ”
“ใจแข็ง”
“ขวัญอายุยังน้อยค่ะ แล้วอีกอย่างขวัญยังรักงานที่ทำอยู่ ขวัญรักเมืองไทยมาก รักมากจนไม่คิดจะย้ายไปอยู่ที่ไหน ผู้หญิงคนก่อนหน้านั้นของคุณมาร์คก็อาจจะเป็นแบบขวัญก็ได้ใช่ไหมคะ มันถึงได้เป็นคนที่ยังไม่ใช่”
หลินฮันหมิงถอนหายใจเบา ๆ ยอมรับว่า ขวัญชีวีฉลาดและมีปฏิภาณไหวพริบเกินกว่าที่เขาคิดไว้ การหว่านล้อมด้วยคำว่า ‘รัก’ ‘ชอบ’ ‘ต้องการ’ ใช้ไม่ได้กับเธอ เธอต้องการใครสักคนที่พร้อมจะอยู่กับเธอที่เมืองไทยตลอดไป ผู้ชายคนนั้นเป็นเขาอย่างนั้นหรือ? เขาพร้อมที่จะไปอยู่เมืองไทยตลอดไปอย่างนั้นหรือ?
และเมื่อเห็นว่าหลินฮันหมิงนิ่งตรึกตรอง ขวัญชีวีจึงเสคนกาแฟในแก้วพลางมองออกไปนอกร้าน...
และขวัญชีวีก็ต้องหันกลับมาเมื่อหลินฮันหมิงพูดว่า
“คุณขวัญกำลังจะบอกผมว่าถ้าเราแต่งงานกันผมจะต้องเป็นฝ่ายไปอยู่เมืองไทยเท่านั้น ใช่ไหมครับ”
“ถ้าใช่ คุณมาร์คทำได้ไหมละคะ”
เมื่อกระเช้าลงมาถึงจุดรอขึ้น วิศรุตก็รีบดึงมือของณิชกานต์ให้ตามตัวเองเขาไปด้านใน วรรณรดาก้าวตามไปและปวุฒิรั้งท้าย แต่ว่าเมื่อประตูกระเช้าปิดแล้ว แม้ตอนแรกณิชกานต์จะนั่งอยู่ฝั่งเดียวกับวิศรุต แต่หญิงสาวก็หมุนตัวมานั่งตรงกลางระหว่างวรรณรดากับปวุฒิ โดยอ้างว่าไม่อยากนั่งหันหลังระหว่างที่กระเช้าไต่ระดับความสูงไปยังเกนติ้งไฮแลนด์เพราะรู้สึกหวาดเสียว เมื่อเป็นแบบนั้นวรรณรดาจึงต้องย้ายที่นั่งไปนั่งข้างวิศรุต...
และเมื่อกระเช้าเคลื่อนไปตามแรงดึงของสายเคเบิ้ล ณิชกานต์ก็ดูจะตื่นเต้นเกินกับสถานที่อันสวยงามแปลกตากว่าคนอื่น ๆ ก็รีบคว้าโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าสะพายสีแดงทรงกระสอบของตน วรรณรดากับวิศรุตมองหน้ากันอย่างพอรู้ว่าณิชกานต์ต้องการทำอะไร เบื้องต้นหญิงสาวถ่ายรูปวิว และก็ถ่ายรูปของตัวเองกับปวุฒิ ก่อนจะยื่นโทรศัพท์มาให้วรรณรดา....
“ช่วยถ่ายให้นิดกับพี่ปุ้มหน่อยค่ะ”
วรรณรดารับกล้องมาอย่างเสียไม่ได้ แต่ว่าวิศรุตก็เป็นคนดึงโทรศัพท์มาจัดการกดชัตเตอร์ให้เสียเอง...
และเมื่อณิชกานต์รับโทรศัพท์ไปดูรูปที่วิศรุตถ่าย หญิงสาวก็ถึงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเพราะรูปที่ณิชกานต์กะว่าจะต้องออกมาดูดีนั้น เห็นเพียงช่วงล่างของร่างกาย ครึ่งหน้าบ้าง บางภาพก็สั่นไหวพร่ามัว
...แต่ครั้นจะให้เขาถ่ายให้ใหม่ณิชกานต์ก็รู้ว่า อย่างไรแล้ววันนี้เธอคงไม่ได้ภาพคู่กับปวุฒิด้วยฝีมือวิศรุตแน่ ๆ ดังนั้นณิชกานต์ จึงต้องยกกล้องถ่ายใบหน้าตัวเองกับปวุฒิที่ดูให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเช่นเดิม
“ถ่ายกับผมบ้างซิครับ...คุณปุ้มมานั่งฝั่งนี้..ผมอยากถ่ายกับคุณนิดบ้างครับ” วิศรุตเล่นบท ‘หน้ามึน’ ขอเปลี่ยนที่นั่งกับปวุฒิก่อนจะส่งโทรศัพท์มือถือของตนส่งให้กับวรรณรดา และเมื่อสลับที่นั่งกับปวุฒิเรียบร้อย
ณิชกานต์ก็ได้ทีแกล้งเขาคืนบ้าง...แม้ใบหน้าจะยิ้ม ๆ หญิงสาวก็ยังยกมือทั้งสองข้างมาบังใบหน้าให้เป็นปริศนาว่า รูปนี้วิศรุตถ่ายรูปคู่กับใคร แต่ด้วยระยะเวลา 3 กิโลเมตรที่เป็นที่ตั้งของเสาเคเบิ้ลที่พาดผ่านไปบนป่าไม้และความสูงต่ำของภูเขาที่มีหมอกและอากาศเย็นปกคลุม ทำให้วิศรุตได้ภาพคู่กับณิชกานต์จนได้ นอกจากนั้นเขายังดึงกล้องจากมือของวรรณรดามาถ่ายรูปคู่ให้กับวรรณรดากับปวุฒิเพื่อเป็นที่ระลึกอีกด้วย กระทั่งกระเช้าถึงปลายทาง ทั้งสี่คนก็ออกมาเดินมองซ้ายมองขวาอยู่ด้วยกัน...
“ไปทางไหนก่อนดี...” ณิชกานต์รู้สึกกระชุ่มกระชวยเป็นอย่างมาก
“พี่ปุ้มสนใจกาสิโนค่ะ ไปกาสิโนก่อนไหม” วรรณรดานั้นต้องการเอาใจปวุฒิให้มากที่สุด และอีกอย่างการที่มีนิชกานต์ร่วมทริปมาด้วยนี้ หญิงสาวก็อยากเห็นว่า เขาแคร์ความรู้สึกของใครมากกว่ากัน
“ว่าไปพี่หิวข้าวนะ อยากหาข้าวกินก่อน” วิศรุตนั้นเป็นคนที่ชอบนั่ง ‘ชิม’ มากกว่าเดินดูสินค้าและมากกว่าที่จะไปนั่งลุ้น ‘โชค’ ในกาสิโน
“งั้นไปกินข้าวก่อนดีกว่าครับ ค่อยไปกาสิโน” ปวุฒิรู้สึกสนุกจนลืมไปว่า ทริปนี้เขาตั้งใจมาเพื่อขัดขวางไม่ให้หลินฮันหมิงทำคะแนนหัวใจ...
และเมื่อตกลงกันได้แล้ว วิศรุตก็เอ่ยปากว่า “มื้อนี้ผมขอเป็นเจ้าภาพนะครับ”
“อย่าเลยครับ หารเฉลี่ยดีกว่าเพื่อความสบายใจ” ปวุฒิรีบขัดเพราะไม่อยากติดหนี้บุญคุณของวิศรุต
ส่วนณิชกานต์ แม้เห็นว่าถ้ายอมรับข้อเสนอนั้นตัวเองก็จะได้ผลประโยชน์ แต่เพื่อต้องการเอาใจปวุฒิและต้องการให้วิศรุตเห็นว่าอย่างไรเสีย เขาก็ยังเป็นคนอื่นสำหรับเธอ ณิชกานต์จึงเอ่ยว่า “หารเฉลี่ยดีกว่าค่ะ เราทุกคนมีงานมีการทำ...”
“อย่างนั้นก็ได้”...
ทั้งหมดตัดสินใจเข้าร้านอาหารจีน
“ผมขอสั่งอย่างไม่เกรงใจนะครับ...” เมื่ออยากจะหารก็ต้องรู้ว่าเขานั้นชอบกินของอร่อยและเป็นของที่มีราคาแพงด้วย...
“ตามสบายเลยครับ...” ปวุฒิอนุญาตเพราะถือว่าการได้ชิมอาหารที่มีรสชาติแปลกลิ้นนั้นเป็นกำไรชีวิตเช่นกัน และเมื่อสั่งอาหารเสร็จแล้ว สองสาวก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ โดยทิ้งให้ชายหนุ่มนั่งอยู่ด้วยกัน
“คุณนิดเธอน่ารักดีนะครับ” วิศรุตเปิดฉากพูดทำนองให้ปวุฒิเปิดทางให้ตัวเองทันที
สำหรับปวุฒิ แม้ณิชกานต์จะจุ้นจ้านไปบ้างแต่ว่าเมื่อได้อยู่ใกล้ ๆ เขาก็รู้สึกว่า ณิชกานต์น่ารักอย่างที่วิศรุตพูดออกมา แต่การพูดของวิศรุตต่อหน้าเขาแบบนี้ วิศรุตต้องการอะไร
ต้องการผลักดันวรรณรดาให้กับเขาอย่างนั้นหรือ
วิศรุตต้องการให้หลินฮันหมิงคู่กับขวัญชีวี
ต้องการให้เขาคู่กับวรรณรดา
ส่วนตัวเองคู่กับณิชกานต์
และถ้ามันจะลงเอยอย่างที่วิศรุตต้องการได้มันจะเป็นอย่างไร
“คุณปุ้มว่าไหมครับ”
“ครับ นิดน่ารักมาก”
“แล้วคุณปุ้มรู้สึกอย่างไรกับคุณนิดครับ ที่ผมถามก็เพราะว่าผม ผมรู้สึกสนใจเธอคุณ จึงต้องถามก่อนไม่อยากให้มีปัญหากันทีหลัง”
“นิดเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี เป็นน้องสาวที่ดี เป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วสนุกดี ประมาณนี้ครับ”
“ถ้าผมจะขออนุญาตจีบเธอ”
“คุณรุตได้สิทธิ์นั้นอยู่แล้วครับ”
“ถ้าคุณชอบเธอ ผมก็จะไม่”
“คุณรุตก็น่าจะดูออกว่านิดรู้สึกอย่างไรกับผม” ปวุฒิตัดสินใจไม่อ้อมค้อมเพราะอยากจะดูคารมชั้นเชิงของผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“แต่คุณปุ้มมีคนอื่นอยู่แล้วนี่ครับ...”
“คนอื่นของผม คุณรุตหมายถึงใคร?”
“ขวัญชีวี”
ปวุฒิหัวเราะขื่น ๆ ทันที
“คุณก็รู้ดีนี่ว่า ตอนนี้ เพื่อนของคุณตีท้ายครัวผมไปเรียบร้อยแล้ว แล้วมันก็สำเร็จเสียแล้วด้วย แล้วครั้งนี้คุณจะมาขออนุญาตผมทำไม”
“ผมไม่อยากให้เราต้องผิดใจกันในวันหน้าครับ ผมเสียดายมิตรภาพที่มันเกิดขึ้นมาแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่คนกลางแล้วกันครับ ถ้าคุณจีบนิดได้ ก็เรื่องของคุณ ส่วนผม ขอบอกตรง ๆ ว่า ช่วงนี้หัวใจผมยังเจ็บแปลบกับขวัญอยู่ครับ”
“ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ”
“คุณอยากให้มันเป็นอย่างนี้ไม่ใช่เหรอครับ”
“ถ้าให้ผมพูดตรง ๆ ผมก็อยากบอกว่า ผมอยากให้คุณมองคนที่เขารักคุณ”
“ถ้าคนนั้นเป็นณิชกานต์ล่ะ คุณจะทำอย่างไร”
“ก็คงต้องสู้กันสักตั้ง”
“แล้วคุณชอบนิดที่ตรงไหน”
“เอาตรง ๆ นะ ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดจริงจังกับเขาหรอก แต่ตอนนี้ ผมรู้สึกชอบเขาขึ้นมาแล้ว มันเกิดขึ้นเอง”
“ความรักเกิดขึ้นง่าย ๆ อย่างนั้นเลยเหรอครับ”
“เอาตรง ๆ อีกครั้ง....คุณก็น่าจะรู้ว่าน้องดาคิดอย่างไรกับคุณ” วิศรุตตัดสินใจไม่อ้อมค้อม
ปวุฒิถอนหายใจเบา ๆ
“ดาเป็นเพื่อนของขวัญนะครับ”
“ถ้าผมจะบอกว่าขวัญรู้เรื่องนี้ดีล่ะ คุณจะว่าอย่างไร”
“พวกคุณทำอย่างกับผมเป็นคนสิ้นไร้ไม้ตอกหาผู้หญิงให้ตัวเองไม่ได้”
“คุณอย่าคิดว่าดาอยากให้มันเป็นอย่างนี้นะครับ ดาเขาบริสุทธิ์ใจที่จะรักคุณ คุณก็น่าจะรู้”
“บริสุทธิ์ใจในความหมายของคุณคืออะไร”
“รักโดยที่ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เป็นเจ้าข้าวเจ้าของ รักที่มีความปรารถนาดีปนอยู่ด้วย”
“ถ้าผมกับนิดลงเอยกันได้ คุณกับน้องสาวคุณจะยินดีกับเราสองคนไหม”
“เราจะไปห้ามความรู้สึกของคุณสองคนได้อย่างไรละครับ”
“ขอบคุณ”
จังหวะนั้นบริกรนำอาหารมาเสิร์ฟ สองหนุ่มจึงพร้อมใจกับนิ่งเงียบ กระทั่ง ๆ สองสาวเดินกลับมาจากห้องน้ำ
“โอ้โฮ อาหารน่ากินจัง แล้วทำไมไม่กินละคะ” ณิชกานต์ที่ทรุดตัวลงนั่งระหว่างกลางผู้ชายสองคนและนั่งอยู่ตรงกันข้ามกับวรรณรดา ชวนคุยทันที...
“รอคุณนิดครับ” วิศรุตเปิดปากทำลายความเงียบ ส่วนปวุฒินั้นใช้ตะเกียบคีบเกี้ยวกุ้งแม่น้ำทอดมาไว้ในจานก่อนจะใช้ช้อนตัดแบ่งกุ้งแล้วคีบเข้าปาก...
“ไม่จิ้มน้ำจิ้มหน่อยหรือคะ” ณิชกานต์แสดงความเอาใจใส่
“อยากชิมโดยไม่มีน้ำจิ้มก่อนครับ...คำที่สองค่อยดูว่า ถ้ามีน้ำจิ้มรสชาติจะแตกต่างกันอย่างไร” เคี้ยวกุ้งคำนั้นแล้วปวุฒิก็เปิดปากอธิบายด้วยสีหน้าดีขึ้น
หลังจัดการกับอาหารมื้อนั้นแล้ว ทีนี้เสียงของคณะก็แยกเป็นสองฝักสองฝ่าย ปวุฒินั้นอยากจะเข้ากาสิโนตามความตั้งใจแต่แรก แต่ว่าวิศรุตนั้นไม่ชอบเล่นการพนัน เช่นเดียวกับณิชกานต์ที่ไม่อยากเข้ากาสิโนเช่นกัน ดังนั้นวรรณรดาจึงเป็นฝ่ายช่วยตัดสินใจ โดยหญิงสาวไปกับปวุฒิและให้วิศรุตกับณิชกานต์ตี๋ตั๋วเข้าสวนสนุกกลางแจ้งด้วยกัน
และเมื่อนัดหมายเวลากับสถานที่เพื่อกลับมาเจอกันแล้ว ณิชกานต์ก็แยกตัวไปกับวิศรุต และระหว่างเดินอยู่ด้วยกัน วิศรุตก็เอ่ยปากถามณิชกานต์ว่า
“ทำไมไม่ไปกับคุณปุ้มละครับ...”
“ลองเดาซิคะ”
“ผมไม่เข้าใจความคิดของผู้หญิงเลยจริง ๆ”
“ทำไมคะ”
“ก็คุณนิดตามคุณปุ้มมาที่นี่เพื่ออะไรละครับ”
“แล้วคุณรุตตามนิดมาที่นี่เพื่ออะไรละคะ”
“อย่าบอกนะว่าคุณนิดจะให้โอกาสผมได้ทำคะแนน” วิศรุตที่เดินอยู่ข้างหันมาทำตาหวานซึ้งให้ณิชกานต์ได้เห็นแต่ว่าณิชกานต์กับเลิกคิ้วสั่นหัวเบา ๆ
“ไม่ค่ะ ไม่ให้โอกาส เพียงแต่ สถานที่ที่พี่ปุ้มอยากไป นิดไม่ได้อยากไป แล้วนิดเองก็มีความคิดเป็นของตัวของนิดเองด้วย เรารักเราชอบใคร มันจำเป็นที่จะต้องคล้อยตามความคิดเขาทั้งหมดหรือเปล่าละคะ”
“ถูกต้องเลยครับ คนสองคนถ้าคิดจะอยู่ด้วยกันให้ยืดยาว ก็ต้องปรับตัวเข้าหากัน”
“แต่ส่วนใหญ่ผู้หญิงอยากให้ผู้ชายเป็นฝ่ายปรับมากกว่า”
“แรก ๆ ผู้ชายก็พร้อมจะปรับ แต่สุดท้าย ธาตุแท้ของเขาเป็นอย่างไรมันก็ฝืนไม่ได้อยู่ดี”
“กระเป๋าสวยจังเลย” ตามประสามสาว ๆ เมื่อเห็นร้านขายสินค้าก็ยอมลดฝีเท้าลงและความอยากได้ก็ทำให้ณิชกานต์ต้องเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างกะทันหัน ซึ่งวิศรุตก็ชะงักเท้าในทันทีเช่นกัน
“อยากได้เหรอครับ”
“อยากได้ค่ะ ขอเข้าไปดูหน่อยแล้วกัน” ว่าแล้วณิชกานต์ก็เปลี่ยนทิศทางเดินนำวิศรุตเข้าไปในร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนม และเมื่อดูแบบ พลิกดูราคาจากป้ายที่แขวนไว้ ณิชกานต์ก็ละมือแล้วพยักหน้าเป็นเชิงให้วิศรุตรู้ว่า ออกจากร้านนี้ดีกว่า
“ถ้าถูกใจทำไมไม่ซื้อละครับ...”
“แพงไปค่ะ แล้วอีกอย่าง แบรนด์นี้ หิ้วที่เมืองไทย ใครก็ไม่รู้จักหรอก”
“แล้วคุณนิดจะเข้าไปดูทำไม”
“ผู้หญิงค่ะ อารมณ์มาก่อนเหตุผลเสมอ”
“ผมชักชอบคุณนิดขึ้นเรื่อย ๆ แล้วซิ” วิศรุตว่าพลางเดินเนิบนาบตามณิชกานต์ที่ยังใช้สายตาอยู่กับของสวย ๆ งาม ๆ ระหว่างทางไปสวนสนุก
“เป็นเกียรติค่ะ”
“ผมพูดจริง ๆ นะครับ...คบกับผมไหม”

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 มี.ค. 2556, 17:08:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 มี.ค. 2556, 17:08:34 น.
จำนวนการเข้าชม : 1769
<< 19. | 21. >> |

nateetip 13 มี.ค. 2556, 17:26:26 น.
ลุ้นทุกคู่ค่ะ
ลุ้นทุกคู่ค่ะ

Zephyr 13 มี.ค. 2556, 17:45:32 น.
เอาเลยยยยยย คบกัน ดูท่าจะแปลกๆแนวๆดีนะคู่นี้
เอาเลยยยยยย คบกัน ดูท่าจะแปลกๆแนวๆดีนะคู่นี้

จุฬามณีเฟื่องนคร 13 มี.ค. 2556, 18:04:03 น.
อาจจะเดาักันผิดก็ได้นะครับ อย่าลืมว่า ผลงานเรื่องนี้ ภายใต้ นามปากกา จุฬามณี คริคริ
อาจจะเดาักันผิดก็ได้นะครับ อย่าลืมว่า ผลงานเรื่องนี้ ภายใต้ นามปากกา จุฬามณี คริคริ

mhengjhy 13 มี.ค. 2556, 18:12:50 น.
คุณรุตคิดจริงป่ะเนี่ย
คุณรุตคิดจริงป่ะเนี่ย
