Secret Love: ปฏิบัติการแอบรัก
แค่ได้อยู่ใกล้ๆ แค่ได้มองเห็นเขามีความสุข

ฉันยอมแลกทุกอย่าง...แม้เขาจะไม่รับรู้ถึงสิ่งที่ฉันทำเลยก็ตาม!

สายฝนเมื่อวันหนึ่ง นำพาเขาและเธอมาเจอกัน

ก่อเกิดเป็นมิตรภาพที่สวยงาม...จนเบ่งบานกลายเป็นความรู้สึกแสนพิเศษ

เพียงแต่ว่า...มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับ ‘เธอ’ เพียงคนเดียว!

เธอ...เจ็บเมื่อเห็นเขาเจ็บ

เธอ...ยอมเจ็บเพื่อให้เขามีรอยยิ้ม

แต่เมื่อการกระทำของเธอถูกเขามองว่าต้องการขัดขวางความรัก

คนเป็น ‘แค่เพื่อน’ จะทำอะไรได้...นอกจาก...


...เดินออกไปจากชีวิตเขา...

Tags: หมอ, นักศึกษา, เพื่อน, รัก, โรแมนติก

ตอน: บทที่ 7 : ปฏิบัติการ ‘หวง’ เพื่อน


แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ้าม่านเนื้อบางก่อนจะพาดผ่านเตียงกว้าง ลำแสงนั้นมิได้จ้ามาก หากก่อความรำคาญกับผู้ที่กำลังอยู่ในนิทราแสนหวานให้ต้องลืมตาตื่นขึ้น

หญิงสาวบนเตียงกว้างจะเอื้อมมือไปหยิบมือถือของตัวเองมากดดูเวลา ก่อนจะลุกพรวดขึ้นมาเรียกคนที่นอนอยู่ข้างๆ อย่างร้อนรน

“คุณสันต์คะ คุณสันต์...ตื่นสิคะ เช้าแล้วนะคะคุณ...”

“อื้อ...” ลำแขนแข็งแรงตวัดกอดเอวคอดนุ่ม ก่อนซุกซบใบหน้าคมกับผิวเนียน “ไม่เอาน่าคุณ...นี่ยังเช้าอยู่เลยนะ”

“เช้าที่ไหนกันคะ นี่มันจะแปดโมงแล้ว เดี๋ยว...”

น้ำเสียงหวานขาดหายเมื่อริมฝีปากอิ่มเย้ายวนถูกประกบแน่น ก่อนที่ผู้ครอบครองจะเพิ่มความเร่าร้อนลงไปในสัมผัสแนบแน่นเนิ่นนาน จนร่างบางอ่อนระทวยอยู่ในวงแขนแข็งแกร่งนั้นในที่สุด เมื่อชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกไป หญิงสาวจึงได้แต่ต่อว่าอย่างเอียงอาย

“คุณสันต์ ทำแบบนี้ไม่ดีเลยนะคะ...”

“อะไรไม่ดี หืมม์...” คนถูกต่อว่ายิ้มกว้าง ก่อนเอ่ยเสียงนุ่ม “ตายจริง ผมยังไม่ได้ morning kiss ใช่มั้ย...”

จูบอ่อนหวานหากแฝงความปรารถนาร้อนแรงทำให้ความคิดต่อต้านจางหาย หญิงสาวตอบสนองร้อนแรงรุกเร้า หากแต่เมื่อกำลังจะเพิ่มความวาบหวามไปมากกว่านั้น...เสียงเรียกเข้ามือถือก็ดังก้องขึ้นจนร่างบางผละออกจากแผงอกอุ่นทันควัน

“หยุดก่อนค่ะคุณสันต์...มีคนโทรมา...”

“ช่างเถอะน่า มาต่อกันก่อนเร็ว เดี๋ยวไปทำงานไม่ทันนะ” ชายหนุ่มพรมจูบหลอกล่อซ้ำๆ หากใบหน้าหวานกลับเบือนออกพลางหัวเราะคิกคัก

“โธ่...คุณสันต์ขา...เผื่อเป็นธุระด่วนไงคะ...”

“งั้นก็ดูก่อนว่าใครโทรมา ถ้าไม่สำคัญก็ต้องมาต่อนะ” ร่างสูงยอมแต่โดยดี หากก็ยังกอดรัดร่างเล็กนั้นไว้แน่น มืออุ่นเริ่มสำรวจเรือนร่างไปเรื่อยๆ

หญิงสาวปล่อยให้ริมฝีปากกับมือซุกซนลูบไล้ไปทั่วร่าง ขณะที่เธอเองพยายามเอื้อมมือไปหยิบมือถือที่วางอยู่บนหัวเตียงมาดู หากเมื่อเหลือบไปเห็นชื่อ ร่างบางก็ชะงักนิ่ง...

มือเรียวเอื้อมไปหยิบมือถือมากดปิดเสียง ก่อนจะหันกลับมาซุกอยู่ในอ้อมแขนของสันต์ แล้วบอกเรียบๆ “เบอร์นี้ช่างเขาก่อนเถอะค่ะ ธุระไม่สำคัญเท่าไหร่”

“งั้นเรามาต่อกันดีกว่านะนุช”

ใบหน้าหล่อเหลายิ้มกริ่ม ก่อนประกบริมฝีปากกับเรียวปากบางของหญิงสาวอีกครั้ง...

...ปล่อยให้ชื่อของภูธเรศกระพริบซ้ำๆ บนหน้าจอมือถือเนิ่นนาน

ก่อนจะตัดสายไปในที่สุด...




หมอหนุ่มกดวางสายมือถือ ใบหน้าคมขมวดคิ้วน้อยๆ อย่างสงสัย

ปกติเขาจะต้องโทรไปอรุณสวัสดิ์กับเธอทุกเช้า เพื่อที่จะได้นัดแนะเวลาที่จะไปรับนุชนาถไปที่ทำงาน แล้วเขาค่อยเข้าไปที่โรงพยาบาลต่อ

แต่วันนี้เขากะจะโทรไปบอกแฟนสาวว่าจะให้พริมาติดรถไปด้วย เมื่อไปส่งนุชนาถที่ทำงานแล้วจึงจะไปส่งพริมาที่ฝึกงาน เรื่องนี้ต้องบอกไว้ก่อนเพราะไม่อย่างนั้นหญิงสาวจะมาพูดทีหลังได้ว่า ‘ทำอะไรไม่เคยปรึกษา’

เขาโดนคำนี้มาบ่อยมากตั้งแต่เรียนหมอจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ หัวเสียกับคำนี้ก็มาก เพราะมีอะไรเขาก็เล่าให้นุชนาถฟัง ขอความเห็นจากเธอทุกครั้ง แต่ก็ทุกครั้งนั้นแหละที่หญิงสาวบอก

‘ภูก็คิดเองสิคะ ไม่ต้องถามนุชหรอก เรื่องแบบนี้นุชไม่รู้’

อย่างนี้ทุกที นอกจากไม่รู้บางทีก็บอกว่า ‘ไม่ถนัด’ บ้าง ‘ไม่สนใจ’ บ้าง พอนานๆ เข้า เขาก็คุ้นชินกับการตัดสินใจทำอะไรคนเดียวไปเสียแล้ว แต่หากนุชนาถมารู้ทีหลัง หญิงสาวก็จะบ่นอยู่ดีว่าเขาทำอะไรไม่เคยบอกกล่าวเธอ ยิ่งเป็นเรื่องของพริมายิ่งไม่ได้ ทำแล้วมาพูดทีหลังทีไร เขาซวยทุกที...

“ติดต่อคุณนุชไม่ได้เหรอ ถึงนั่งทำหน้านิ่วอยู่อย่างนี้เนี่ย”

พริมาว่าพลางใช้ผ้าเช็ดผมยาวเปียกน้ำ หากอาการขัดๆ นั้นทำให้ยกมือไม่ถนัดนัก

ภูธเรศกวักมือเรียกเพื่อนให้เดินเข้าไปใกล้ๆ โดยไม่พูดอะไร จนเมื่อร่างบางเข้ามาอยู่ในระยะเอื้อมมือถึงแล้ว หมอหนุ่มก็เอ่ย

“นั่งลง แล้วส่งผ้านั่นมาด้วย”

คนสั่งโยนมือถือผลุง โทรศัพท์บางเฉียบรุ่นใหม่ล่าสุดกลิ้งหลุนไปบนพื้นเตียงหากเจ้าของไม่สนใจ กลับดึงผ้าเช็ดตัวจากมือเรียวแล้วเอื้อมมือไปฉุดแขนเพื่อนให้นั่งลงข้างๆ

“ไม่ต้อง...ไม่ต้องเลยนะหมอ เราเช็ดผมเองได้” พริมาสั่นศีรษะก่อนพยายามเบี่ยงตัวหนี หากไม่ทันมือหนาที่เอื้อมมาจับต้นแขนไว้มั่น

ชายหนุ่มโปะผ้าขนหนูลงบนศีรษะเล็ก ก่อนจะเอื้อมมือไปเช็ดเงียบๆ ไม่ตอบอะไร

กิริยาอ่อนโยนนั้นทำให้หญิงสาวยอมนั่งนิ่ง หากยังไม่ยั้งปาก “คนอะไร โทรหาแฟนไม่ติดก็ต้องมาระบายกับหัวคนอื่นด้วย”

คราวนี้มือหนาเพิ่มแรงกดจนอีกฝ่ายสัมผัสได้ ภูธเรศเริ่ม ‘ขยี้ขยำ’ ผมเพื่อนจนพริมาร้องโอดโอย “พอแล้วๆ อะไรวะ ล้อเล่นนิดเดียวเอง”

คำตอบคือการผลักศีรษะน้อยๆ ก่อนจะเอ่ย “เสร็จแล้ว อยากพูดมากดีนัก รีบไปแต่งตัวเลยไป๊”

“แต่งตัวแล้วไงเล่า เหลือแต่จัดการตัวเองอีกเล็กน้อย” เพื่อนสาวตอบพลางลุกขึ้นเอาผ้าเช็ดตัวไปตาก ก่อนจะกลับมานั่งหวีผมพลางถามเรื่อยๆ “ตกลงติดต่อคุณนุชไม่ได้เหรอ”

“ไม่ได้น่ะสิ แต่เราส่งข้อความไปแล้วนะว่าถ้าจะให้เราไปรับก็โทรบอก แต่ว่าถ้าเธอทำเวลาได้ดีนะพริม ฉันก็จะไปส่งเธอก่อนแล้วค่อยไปรับนุชที่คอนโดฯ ทีหลังก็ได้”

หมอหนุ่มถอนหายใจ ก่อนจะกดมือถือเล่นระหว่างรอให้เพื่อนจัดการตัวเองให้เสร็จพร้อมที่จะออกเดินทางไปฝึกงาน หากพริมากลับส่งเสียงไม่เห็นด้วยหลังจากเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“ไม่เอาอ่ะ หมอไปทำงานไป๊! อย่ามายุ่งกะเรา”

“ไม่เอา เราไปส่งดีแล้ว เธอยังไม่ค่อยหายดี จะได้ไม่ต้องขับรถเองด้วย”

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่เจ็บแล้ว”

“ก็บอกแล้วไงว่าจะไปส่ง”

“เอ๊ะ!”

พริมายกมือขึ้นเท้าเอว ร่างสมส่วนในชุดกางเกงยีนส์ เสื้อโปโลสีกรมท่าทำตาขุ่นใส่คนที่ยืนขวางประตูอยู่ “บอกว่าเราจะไปทำงานเอง เดี๋ยวหมอไปโรงบาลไม่ทันนะ”

“จำทางไปได้เรอะเธอน่ะ” สีหน้าคนเป็นหมอทั้งท้าทายและกวนยั่วอารมณ์ผสมกัน จนคนมองอยากเอาอะไรฟาดหน้าหล่อๆ นั่นซักตั้ง

“ทำไมจะจำไม่ได้ยะ ถ้าจำไม่ได้ก็บอกใครซักคนให้มารับก็ได้”

“แล้วจะต้องรบกวนคนอื่นทำไมกัน ทำไมไม่ให้เราไปส่งเลยล่ะถ้าอย่างนั้น เสียเวลา” ภูธเรศว่าเอาบ้าง ร่างสูงอยู่ในชุดเสื้อกาวน์สั้นสีขาว กางเกงสแลคสีดำ และกำลังกอดอกมองเพื่อนสาวที่พยายามทำให้เขาถอยห่างจากประตูอย่างเอาเรื่อง

“ไป...รีบไปได้แล้ว เดี๋ยวเราจะได้กลับมารับนุชทันเวลา”

ร่างสูงเร่งเร้า หากพริมากลับสั่นศีรษะก่อนเอ่ยปฏิเสธหนักแน่น

“เราไม่ได้อยากรบกวนใครนะหมอ หลีกไปซะทีไม่อย่างนั้นจะสายกันหมดนะ”

หญิงสาวพยายามยื้อร่างสูงให้ถอยห่างจากลูกบิดประตู หากแต่คนเป็นหมอกลับปักหลักแน่นหนา ก่อนจะฉวยข้อมือเธอเอาไว้ซะอย่างนั้น ภูธเรศไม่พูดไม่จาอีก ชายหนุ่มเปิดประตูก่อนจะล็อกลูกบิดจากด้านใน พลางฉุดมือเพื่อนสาวให้เดินออกมาด้วยกันเป็นการยุติการโต้เถียงเรียบร้อย

“หมอ...เราไม่ไปกับหมอนะ...ภูธเรศ!”

เสียงอ่อนก็แล้ว เสียงแข็งก็แล้ว แต่คนที่ฉุดข้อมือเธอเดินลิ่วๆ ไปที่ลิฟท์ก่อนจะยัดตัวหญิงสาวเข้าไปด้านในไม่มีทีท่าว่าจะฟังอะไรทั้งสิ้น ใบหน้าหล่อเหลาที่วันนี้มีแว่นกรอบดำมาแทนที่คอนแทคเลนส์ปรายตามองนิ่งๆ สายตาคมดุที่นานๆ ชายหนุ่มจะเอามาใช้กับเพื่อนเสียทีหนึ่งเพื่อเป็นการบอกว่า ‘เขาเอาจริง’ นั้นเข้มข้นเสียจนเพียงพอแล้วที่จะทำให้พริมาเงียบลงไปได้

ใบหน้าเนียนย่นจมูกใส่คนที่ยืนข้างๆ กันทีหนึ่งเมื่ออีกฝ่ายเผลอ หากก็ขึ้นรถแต่โดยดี

“หมอทำให้เราลำบาก”

รถออกไปแล้วพริมาจึงกล้าเอ่ย น้ำเสียงหน่ายๆ ทำให้คนเป็นหมอที่กำลังง่วนอยู่กับการปรับเสียงเพลงบนรถหันมามองอย่างงงๆ

“ตรงไหน ตรงที่ได้นั่งรถสบายๆ ไปทำงานโดยไม่สายเนี่ยนะลำบาก?”

“ก็ตรงที่นั่งรถหมอไปทำงานนี่แหละ แล้วขากลับก็ลำบากให้คนอื่นไปรับไปส่งอีก”

“ทำไมต้องลำบากคนอื่นไปรับไปส่ง เราไปส่งเราก็ต้องไปรับกลับมาสิ คิดไรมาก” ภูธเรศยักไหล่สบายๆ ก่อนหันกลับไปฮัมเพลงอย่างรื่นรมย์

...ไปส่งเพื่อน แล้วค่อยไปทำงาน ตอนกลางวันไปรับแฟนไปกินข้าว ตอนเย็นรับเพื่อนกลับมา แล้วก็ค่อยไปรับนุชไปกินข้าวเย็น ไม่ได้ไปกินด้วยกันหลายวัน เอาเป็นว่านุชอยากไปไหนก็ตามใจเค้าหน่อยละกัน...

“เดี๋ยวเราให้พี่กฤษกลับไปส่งหอก็ได้ ไม่ยุ่งยากอะไรหรอก”

ดวงตาใต้แว่นกรอบดำเหลือบมามองใบหน้ายิ้มๆ ของเพื่อนที่หันไปมองดูดอกไม้ใบหญ้าข้างทางแล้ว ริมฝีปากบางของชายหนุ่มขมุบขมิบพึมพำอย่างเริ่มขุ่นใจ

“อยากให้คนอื่นไปส่งว่างั้น?”

“อยากไปกลับเองไม่ต้องพึ่งใครต่างหาก” เพื่อนสาวว่าอุบอิบ “แต่ถ้ามีคนอื่นที่ไม่ใช่หมอไปรับไปส่งจะดีมาก”

“แล้วทำไมต้องคนอื่น ทำไมเป็นเราไม่ได้” คนเป็นหมอยังดื้อดึง

“หมอไม่เคยได้ยินเรอะ ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้อ่ะ ไม่ใช่แฟนบางอย่างก็ไม่ต้องทำก็ได้นะ”

“อ๋อ...” ภูธเรศลากเสียงยาว หันกลับมามองใบหน้าเนียนอย่างเคืองแกมเยาะ “เริ่มอยากมีแฟนกับเค้าแล้วว่างั้น อย่างเธอน่ะเรอะพริม จะมี...”

“หมอ!”

หญิงสาวอุทาน ตวัดสายตากลับมามองเพื่อนอย่างขุ่นเคือง “พูดงี้หมายความว่ายังไง หมอหมายความว่ายังไง!”

ไม่มีคำตอบจากชายหนุ่ม หากอาการยักไหล่น้อยๆ ทำให้ริมฝีปากบางต้องเม้มแน่นเพื่อสะกดอารมณ์ พริมาสะกดอารมณ์โมโหก่อนเอ่ยถามอีกครั้ง

“หมอหมายความว่ายังไง เรามันเป็นยังไง แย่ขนาดหาแฟนไม่ได้เลยเรอะ”

“แล้วเคยมีแฟนกับเค้าบ้างมั้ยล่ะ อายุก็ตั้งเท่านี้แล้ว” ร่างสูงเอ่ยเรื่อยๆ พลางหันกลับมาปรายตามองเพื่อนอย่างสำรวจ “ผู้หญิงอะไร ความอ่อนหวานไม่มีซักนิด นิสัยก็ออกจะบู๊ล้างผลาญ พูดมาแต่ละทีไม่มีเล้ยคำออดอ้อน ถึงว่าไม่มีใครมาจีบซักที คงคิดว่าอยู่ด้วยแล้วเหมือนมีเพื่อนผู้ชายเพิ่มมาอีกคนละมั้ง”

จนจบประโยค ภูธเรศถึงรู้สึกถึงบรรยากาศที่ผิดปกติ ชายหนุ่มใจหายเมื่อรำลึกได้ว่าทุกประโยคที่กล่าวออกไปนั้นล้วนแต่รุนแรงและสามารถทำร้ายความรู้สึกคนได้ขนาดไหน

แต่...พริมาก็คงไม่รู้เหมือนกัน ว่าประโยคที่บอกว่า ‘ไม่ใช่หมอไปรับไปส่งจะดีมาก’ มันก็ทำให้เขา...เจ็บ

เจ็บเสียจนแปลกใจตัวเอง ว่ากะอีแค่เพื่อนปฏิเสธความช่วยเหลือ ทำไมถึงได้ปวดใจขนาดนี้

ความเงียบน่าอึดอัดปกคลุมไปทั้งคันรถ ก่อนที่พริมาจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา...ช้า...ชัด

“ต่อไปนี้...หมอไม่ต้องมารับมาส่งเราอีกแล้ว”

มือใหญ่ที่กำพวงมาลัยเกร็งแน่น “หมายความว่าไงน่ะ”

“หมายความว่า...”

พริมาหันมาสบสายตาคมที่จ้องมองมาอย่างไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้น ก่อนตัดสินใจเอ่ยคำพูดที่ทำให้ตัวเองเจ็บช้ำออกไป

“หมายความว่าเราจะหาแฟนมาให้หมอดู ว่า ‘ผู้หญิงอย่างเรา’ ก็มีแฟนได้เหมือนกัน!”



เธอหมายความตามนั้นจริงๆ หรือ?

ภูธเรศตวัดสายตาขุ่นใส่กระจกมองหลังเมื่อค่อยๆ ขับรถออกมาจากลานกว้างหน้ากองพิสูจน์หลักฐานที่ปกตินอกจากจะเป็นที่จอดรถแล้ว ยังเป็นที่ตรวจร่องรอยการเฉี่ยวชนที่เกิดขึ้นในคดีจราจร ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ส่วนมากตำรวจต้องการเคลียร์ทางให้เร็วที่สุดเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาการจราจร ดังนั้นปกติแล้วฝ่ายสืบฯ จะนำรถที่เกิดอุบัติเหตุมาให้ตรวจถึงกองฯ หรือไม่ก็เอาไปไว้ที่โรงพักของแต่ละท้องที่ ในกรณีที่รถเคลื่อนย้ายไม่สะดวกเนื่องจากที่เกิดเหตุกับกองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดอยู่ไกล รถมีขนาดใหญ่ หรือสภาพรถเกิดความเสียหายมาก

ชายหนุ่มนึกถึงร่างบางของเพื่อนที่รีบเปิดประตูรถก่อนออกจากรถไปด้วยกิริยาแทบจะเรียกว่า ‘กระโดดผลุง’ แล้ววิ่งเข้าไปในที่ทำงาน ลานจอดรถเมื่อเช้ามีรถที่เกิดอุบัติเหตุถูกเคลื่อนย้ายมารอการตรวจหลายคันแล้วก็เผลอคิด...

...ถ้าตรวจรถก็ต้องตรวจกลางแดด แล้วยัยพริมก็เป็นพวกหน้ามืดง่ายซะด้วย...

อารามเป็นห่วงทำให้คนเป็นหมอเกือบจะลดกระจกรถลงแล้วเอ่ยปากเตือน หากแต่ไม่ทันเพราะพริมาวิ่งเข้าไปข้างในที่ทำงานเสียแล้ว...โดยที่มีคนรอเปิดประตูให้ด้วยนะ!

เขาเห็น ‘พี่กฤษณ์’ ของยัยนั่นเปิดประตูให้เธอ

ความจริงมันก็ไม่มีอะไรมากนัก เพียงแต่ภาพใบหน้ายิ้มกว้างเมื่อครู่กับคำพูดติดหูที่ตอนนี้มันเริ่มวนลูปเป็นรอบที่ยี่สิบในหัวของเขาทำให้ภูธเรศนึกหมั่นไส้...

ใช่สิ! เขามันเป็นแค่เพื่อนตกกระป๋องนี่นะ ตอนนี้เธอไม่ได้ต้องการเพื่อน แต่กำลังจะหาแฟนแล้ว!

คนเป็นหมอกำพวงมาลัยแน่นจนข้อนิ้วขาว ริมฝีปากบางเม้มแน่นด้วยความขัดเคือง ไม่ได้คิดเลยว่าตัวเองนั่นแหละที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอต้องพูดแบบนั้น และยิ่งไม่ได้คิดสงสัยเลยว่าความโกรธมากมายนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร และเขามีสิทธิหรือไม่ที่จะโกรธหาก...เพื่อนจะมีแฟน...

แต่...นั่นมันยัยพริมนะ! ยัยพริมน่ะเคยรู้เรื่อง รู้ทันอะไรใครที่ไหน!

ผิดแล้วภูธเรศ...เสียงหนึ่งในหัวดังก้องขึ้นดุจจะเย้ยหยัน พริมาเป็นคนเก่ง นายก็รู้ ถ้าไม่นับเรื่องหลงทางกับเรื่องซุ่มซ่ามบางอย่าง เธอก็ดูแลตัวเองได้...ทำได้ดีด้วย...โดยที่ไม่ต้องมีนาย...แล้วถ้า ‘เพื่อน’ จะมีแฟนซักคน ‘เพื่อน’ อย่างนายจะทำอะไรได้?

ความคิดนั้นคล้ายจะเจือเสียงหัวเราะน้อยๆ กวนโทสะเสียจนชายหนุ่มต้องหยุดรถเพื่อระงับอารมณ์พลุ่งพล่านบางอย่างที่ตนเองไม่ยอมรับ ใบหน้าหล่อเหลาซบแตะหน้าผากกับพวงมาลัยนิ่ง นับหนึ่งถึงสิบในใจหลายๆ รอบจนรู้สึกว่าอารมณ์เริ่มกลับมาเป็นปกติ ก่อนจะเงยหน้าขึ้น...

.แวบหนึ่งที่ภูธเรศต้องขยับแว่นตา เมื่อมองเห็นรถเก๋งยี่ห้อหรูขับผ่านหน้า รถนั้นไม่คุ้นตา...หากทว่าคนที่นั่งอยู่ข้างคนขับนั้น...กลับเป็นยิ่งกว่าคนที่คุ้นเคย

เขากำลังเห็นนุชนาถในรถที่กำลังขับผ่านไป...



พริมามองมือถือในมืออีกครั้ง ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะเขียนหนังสือเบาๆ

ตั้งแต่วันที่เธอประกาศก้องว่าจะ ‘หาแฟน’ ให้ได้ จนถึงวันนี้ก็เป็นเดือนมาแล้วที่ภูธเรศหายเงียบ ไม่มีการติดต่อ ไม่มีข้อความ ไม่มีอะไรเลย...

หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น หันหน้าหนีจากโทรศัพท์เพื่อระงับอารมณ์ กลัวใจตัวเองว่านาทีใดนาทีหนึ่งเธออาจจะวิ่งเขาไปกดเบอร์อีตาหมอผ่าศพคนนั้น ก่อนจะต่อว่าให้สาแก่ใจ โทษฐานที่เขาทำให้เธอกังวล เป็นห่วง...และคิดถึง

พริมาลุกขึ้นยืนรวดเร็ว ไม่สนใจอาการหน้ามืดที่วูบขึ้นมาของตัวเอง ก่อนจะเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าไปในห้องน้ำ เปิดฝักบัวให้สายน้ำเย็นเฉียบไหลชะเอาความรู้สึกหวั่นไหวที่ไม่ควรเกิดให้หายไปให้หมด หญิงสาวอาบน้ำอยู่นานก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับผ้าเช็ดผมที่โปะอยู่บนศีรษะ ที่เจ้าตัวขยี้ๆ หวังเพียงให้ผมแห้งหมาดก็พอ

แวบหนึ่งที่เธอคิดถึงมือใหญ่...มือที่เคยเช็ดผมให้อย่างเบามือ มือนั้นเช่นกันที่เคยปลอบประโลมแผ่วเบายามที่เธอเหงาหรือเศร้าหมอง มือนั้นที่เคยทำแผลให้ยามเมื่อเธอได้แผลจากความเปิ่นเทิ่นของตัวเอง มือนั้นที่เคย...

พอเสียที! ภูธเรศเป็นแฟนของคนอื่น เธอไม่มีสิทธิที่จะคิดอะไรแบบนี้!

ก็บอก...ย้ำอย่างนี้กับตัวเองไม่รู้กี่หนต่อกี่หน พยายามหลบหน้าไม่ติดต่อก็หลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็ต้องแพ้กับสีหน้าหมองเศร้าของเขาในยามที่แก้ปัญหาความรักไม่ได้ เธอพยายามคุยกับนุชนาถหลายครั้งแล้วว่าภูธเรศนั้นมีภาระหน้าที่อย่างไร แต่อีกฝ่ายก็เอาแต่เรียกร้องให้ชายหนุ่มเข้าใจเธออยู่ฝ่ายเดียว และต้องการให้เขาทำตามความฝันของเธอด้วยการเปลี่ยนสายงานเป็นหมอเฉพาะทางสาขาอื่นที่เธอมองแล้วว่ามีรายได้และชื่อเสียงมากกว่าหมอนิติเวช

ถึงแม้ว่าหลังๆ มาภูธเรศจะเริ่มมีเวลาให้เธอมากขึ้นกว่าตอนที่เรียน แต่เนื่องจากการขาดแคลนหมอในสาขานิติเวชทำให้ชายหนุ่มนั้นต้องทำงานมากกว่าหมอคนอื่นๆ ดังนั้นเวลาว่างน้อยนิดของเขาจึงไม่เคยเพียงพอต่อความต้องการของแฟนสาว

บางทีเมื่อเห็นนุชนาถที่เอาแต่อารมณ์ตนเองเป็นใหญ่ และภูธเรศที่พยายามตามง้องอนทั้งๆ ที่ตนเองก็ไม่ได้ทำผิดอะไรนอกเสียจากว่าไม่สามารถไปช้อปปิ้งหรือซื้อของแพงๆ ให้อีกฝ่ายได้ รวมถึงอาชีพก็ไม่ได้โดดเด่นหรือมีชื่อเสียงพอที่จะทำให้เพื่อนในกลุ่มของนุชนาถนิยมชมชื่นได้เท่านั้น พริมาก็นึกโกรธหญิงสาวคนนั้นแทนเพื่อนของเธอเหลือเกิน...

โกรธที่เธอคนนั้นมองไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ โกรธที่เธอคนนั้นไม่เคยเคารพสิ่งที่เขาเป็นและความต้องการของเขา โกรธที่เธอคนนั้นสนใจแต่สิ่งภายนอกและเอามาวัดให้ภูธเรศต้องสะเทือนใจลึกๆ อยู่เสมอ...

ใช่ เธอรู้ว่าทุกครั้งที่ชายหนุ่มถูกแฟนตัวเองต่อว่า เขาน้อยใจ...น้อยใจที่ไม่สามารถทำให้เธอเข้าใจในสิ่งที่เขายึดมั่นมาตลอด น้อยใจที่เธอไม่เคยเข้าใจเขา แต่ตีค่าสิ่งที่เขาทำด้วยชื่อเสียงและเงินตรา ตีค่าความรักของเขาเป็นเพียงสิ่งที่สามารถนำไปอวดเพื่อนโดยที่ไม่น้อยหน้าได้ และเธอโกรธที่นุชนาถทำให้ภูธเรศรู้สึกอย่างนั้น...

แต่ที่ยิ่งกว่าโกรธนั้น...พริมารู้ เธอโกรธตัวเอง

โกรธ...ที่ตัวเองต้องการยืนอยู่แทนที่นุชนาถมาตลอด เธอเคยคิดอยู่บ่อยครั้งว่าหากเป็นเธอ...จะไม่ทำให้ภูธเรศต้องช้ำใจเป็นอันขาด...และเธอก็รู้สึกผิดแทบบ้าที่ตัวเองคิดอย่างนั้น

แต่เธอก็หนีออกจากวังวนนี้ไม่ได้ซะที...

ไม่ใช่...เธอกำลังพยายามที่จะหนีอีกครั้งแล้ว เมื่อเธอประกาศว่าจะหาแฟนให้ได้

มันอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ ในที่สุดเธออาจจะมีความสุขอยู่กับคนที่เป็นของเธอ...คนที่ไม่ใช่ภูธเรศ

...เพราะภูธเรศไม่มีวันเป็นของเธอ...

หญิงสาวยิ้มขื่นยามที่นั่งลงตรงปลายเตียงของตนเอง ก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะกังวานขึ้นทั่วห้อง ปลุกให้พริมาตื่นจากห้วงความคิดของตนเอง

ร่างบางลุกพรวดไปที่มือถือก่อนจะคว้ามากดรับโดยไม่แม้แต่ดูชื่อคนโทรมา “ฮัลโหล!”

“สวัสดีครับน้องพริม”

น้ำเสียงอ่อนโยนของคนปลายสายทำให้พริมาเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะลอบระบายลมหายใจแผ่วเบาเมื่อรู้ว่าตนเองเผลอคิดไปแวบหนึ่งว่า...ภูธเรศโทรมา

“พี่กฤษณ์เหรอคะ มีอะไรหรือคะ หรือว่ามีเหตุตอนกลางคืน จะให้ไปตรวจด้วย”

“แหม...ทำไมคิดว่าพี่ต้องโทรมาเรื่องงานด้วยล่ะ” หมวดกฤษณะหัวเราะน้อยๆ อย่างอารมณ์ดี “แต่ก็ถูกนั่นแหละ มีเหตุแจ้งเข้ามา มีคนตายน่ะ เลยว่าจะชวนน้องพริมไปตรวจ”

“อ้อ ได้สิคะ” หญิงสาวรับคำก่อนถาม “ที่เกิดเหตุอยู่แถวไหนคะ ถ้าใกล้ๆ แถวที่พริมอยู่พริมจะได้ขับรถไปเอง”

“ก็หมู่บ้านข้างๆ ที่หอเราอยู่นั่นแหละ กะเวลาห้านาทีแล้วออกไปเลยก็ได้นะ จะได้ไปถึงพร้อมกับพวกพี่พอดี”

“โอเคค่ะ งั้นเจอกันที่เกิดเหตุนะคะ”

พริมาวางสายก่อนลุกไปใส่เสื้อผ้าทะมัดทะแมงเพื่อเตรียมออกที่เกิดเหตุ ปกติแล้วนักศึกษาฝึกงานอย่างเธอนั้น อาจารย์จะกำชับกับตำรวจพิสูจน์หลักฐานที่เธอไปฝึกเสมอว่าหากมีเหตุตอนกลางคืนให้เรียกนักศึกษาฝึกงานไปด้วย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีเหตุตอนกลางคืน ทำให้หญิงสาวตื่นเต้นพอสมควร

ร่างบางเตรียมข้าวของเรียบร้อย ดูเวลาจนถึงประมาณห้านาทีก่อนที่จะออกไปจากห้อง

ปัดเรื่องที่ค้างอยู่ในใจให้ตกลงไปในซอกลึก...ที่เธอจะยังไม่เอื้อมมือไปเก็บในตอนนี้



Police line หรือเส้นกั้นสถานที่เกิดเหตุสีเหลืองนั้นไม่ค่อยมีประโยชน์ในการกั้นผู้คนที่ต้องการมีส่วนรู้เห็นเหตุการณ์เท่าใดนัก

พริมาจอดรถไว้ข้างๆ กับรถตรวจสถานที่เกิดเหตุที่ขับมาจอดพอดิบพอดี ก่อนที่หญิงสาวจะรีบลงไปช่วยยกอุปกรณ์ในการตรวจสถานที่เกิดเหตุลงมาตรวจสอบ

“อ้าว พริมเหรอ เรากำลังคิดว่าจะโทรไปตามพริมพอดี แล้วรู้ได้ยังไงเนี่ยว่ามีเหตุ” คุณหญิงผู้กองเอ่ยถาม แต่สายตากลับเหล่ไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของผู้หมวดหนุ่ม ที่กำลังสาละวนกับการใส่ถุงมือยางสีขาวก่อนเข้าสถานที่เกิดเหตุอย่างคนรู้ดี

พริมาเหลียวมองหาเพื่อนร่วมฝึกงานพลางตอบคำถาม “พี่กฤษณ์โทรบอกน่ะค่ะอาจารย์ แล้ว...พี่ภัทล่ะคะ”

“พี่ไม่ได้โทรไปบอกน่ะ เห็นว่าวันนี้น้องภัทไม่ค่อยสบาย เลยไม่รบกวนดีกว่า” ผู้หมวดหนุ่มตอบ ก่อนจะยื่นกล่องใส่ถุงมือยางให้เธอ หญิงสาวกล่าวขอบคุณเบาๆ ก่อนจะรับถุงมือไปใส่

ตอนนี้เป็นช่วงฤดูร้อน อากาศก็เลยร้อนเสียจนภัทริยาบ่นปวดหัวบ่อยๆ ความจริงแล้วพริมาก็ปวดหัวไม่แพ้กัน แต่เธอเพียงแค่บ่นไม่ทันสาวรุ่นพี่เท่านั้นเอง

เมื่อเตรียมตัวกันเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดจึงเริ่มต้นขอทางฝ่าฝูงชนเข้าไปในสถานที่เกิดเหตุ คุณหญิงผู้กองนั้นได้รับเสียงพึมพำอย่างประหลาดใจปนทึ่งในความงดงามทั้งใบหน้าและเรือนร่าง แต่อาจารย์พิเศษของพริมาก็ไมได้ทำท่าใส่ใจใดๆ กลับเดินเข้าไปในที่เกิดเหตุก่อนจะหยุดชะงักอยู่ที่ประตูห้องที่มีคนพบศพ โดยที่ผู้หมวดกฤษณะรับหน้าที่ถ่ายรูปด้านนอกอาคารและเขียนแผนที่เพื่อไปประกอบรายงาน

“พริม มาถ่ายรูปที่เกิดเหตุก่อนเร็ว”

หญิงสาวพยักหน้ารับ ก่อนที่คุณหญิงผู้กองจะเบี่ยงตัวหนีห่างจากประตู ให้พริมาไปยืนแทนที่ก่อนจะถ่ายรูปด้านในห้องแบบพาโนรามาเพื่อจะเก็บรายละเอียดห้องทั้งหมด

เมื่อถ่ายรูปเสร็จแล้ว คุณหญิงมธุการีก็นำหน้าเดินเข้าไป พริมาตั้งท่าจะเดินตามเข้าไปแต่รับรู้ถึงคนที่อยู่ด้านหลังเสียก่อน หญิงสาวนึกว่าเป็นหน่วยกู้ภัยที่จะมาช่วยเก็บศพเสมอๆ จึงเอ่ยออกไปว่า “รอแป๊บนึงนะคะ ขอให้ตรวจสถานที่เกิดเหตุกับชันสูตรศพเบื้องต้นให้เสร็จก่อนนะคะ”

“มันจะไม่เสร็จเพราะเธอมายืนขวางเราตรงนี้แหละพริมา”

น้ำเสียงนุ่มๆ ที่คุ้นเคยทำให้หญิงสาวหันขวับไปมองด้วยความตกใจ อาการหน้ามืดวูบเข้ามาจนอีกฝ่ายต้องรีบคว้าร่างบางเอาไว้แน่น

“หมอ!”

“อืม...เราเอง” ภูธเรศพยักหน้าเนือยๆ ชายหนุ่มดูท่าทางอ่อนล้า หนึ่งเดือนกว่าที่ไม่เจอกันทำให้พริมาอุปาทานว่าเขาผอมลงไปมาก...เขาโทรมลงไปจนหล่อนใจหาย

“หมอ”

“หืม...มีอะไร”

“ปล่อยเราได้แล้ว”

“อ้อ!” คนเป็นหมอปล่อยมือออกจากต้นแขนหญิงสาวทันทีที่พริมาทัก ก่อนจะเอนศีรษะลงมากระซิบเบาๆ พร้อมกับแววตาหลังกรอบแว่นที่วาววับกว่าปกติ “ไม่ได้เจอกันซะนาน คิดถึงกันบ้างมั้ย”

ก่อนที่พริมาจะทันได้ตอบหรือทำอย่างไรต่อไป ภูธเรศก็เดินเข้าไปในห้องที่เกิดเหตุเสียแล้ว หญิงสาวได้แต่เม้มริมฝีปากแน่นก่อนเดินตามเข้าไปสมทบ

“พริม อยากถ่ายรูปศพมั้ย” คุณหญิงหันมาถาม เมื่อเห็นลูกศิษย์พยักหน้า มธุการีก็เบี่ยงตัวออกห่างพร้อมกับภูธเรศ ปล่อยให้หญิงสาวเริ่มถ่ายรูปศพตามขั้นตอน

พริมาไม่เห็นว่าผู้เคราะห์ร้ายหน้าตาแบบไหน แต่เธอชำเลืองไปมองรูปในกรอบรูปที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงแล้วก็คิดในใจ...หากใช้คนในกรอบรูปจริง แสดงว่าผู้ตายเป็นผู้หญิงสาวที่หน้าตาสวยมากทีเดียว แต่ตอนนี้ศพนอนคว่ำอยู่ เมื่อถ่ายด้านหลังเรียบร้อยหญิงสาวจึงหันมาบอก “อาจารย์คะ ด้านนี้เรียบร้อยแล้วค่ะ”

ภูธเรศที่สวมถุงมือยางเรียบร้อยแล้วเดินเข้าไปใกล้ศพ ชายหนุ่มเริ่มสำรวจหาการเปลี่ยนแปลงหลังการตาย

“ดูจากสภาพศพ rigor ที่เริ่มเกิด livor ที่เริ่มมีแต่ยังไม่ fix ตัว น่าจะเสียชีวิตประมาณ 3-5 ชั่วโมงก่อนหน้านี้ครับ” ชายหนุ่มเอ่ยเบาๆ ก่อนที่จะใช้มือแหวกเส้นผมที่ชุ่มโชกไปด้วยหยาดเลือดหมาดเหนียว ที่บางส่วนก็เริ่มจับตัวแข็งเป็นลิ่มให้เปิดออกเพื่อหาบาดแผลที่ทำให้เลือดออกจนชุ่มไปทั้งบริเวณศีรษะ ก่อนจะเอ่ย “พริม ถ่ายรูปบาดแผลเร็ว”

หญิงสาวก้าวเข้าไปใกล้ มุมภาพที่ต้องการทำให้เธอต้องเอนตัวเข้าไปใกล้ภูธเรศที่ยืนนิ่ง มือแหวกผมให้เธอมองเห็นบาดแผลชัดๆ “เห็นรึเปล่า ผู้กองครับ บาดแผลเป็นลักษณะยาวและแคบ แต่ลึกพอสมควร คงถูกฟาดด้วยของแข็งมีเหลี่ยมมุมที่มีลักษณะขนานกัน ดูรอยที่ขนานกันไปนี่สิครับ...”

นิ้วเรียวชี้ให้เห็นลักษณะบาดแผล โดยที่พริมาก็ต้องถ่ายรูปโคลสอัพไปด้วย และฟังบรรยายท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งขึ้นทุกขณะที่คนเป็นหมอแหวกเส้นผมขึ้นไปด้วย

รอยเลือดที่ยาวเป็นสายพาดไปบนผนัง ไปจนถึงรอยสาดกระจายที่ติดอยู่ตามสิ่งของและมีติดที่ประตูที่อยู่อีกฟากหนึ่งของห้อง ทำให้รู้ว่าคนร้ายฟาดศีรษะของผู้ตายไม่ยั้งมือ

ภูธเรศตรวจบาดแผลพร้อมกับเขียนยุกยิกลงในกระดาษแบบฟอร์มบนแผ่นคลิปชาร์ตที่เตรียมมา ถุงมือเปื้อนเลือดถูกถอดทิ้งไว้ เมื่อเขียนเสร็จชายหนุ่มก็หันมายิ้มให้กับคุณหญิงผู้กอง

“ชันสูตรเบื้องต้นเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”

“อ้อ ขอบใจมากนะหมอ เดี๋ยวเคสนี้หมอจะผ่าเองเลยรึเปล่า ช่วงนี้รู้สึกว่าหมอวีจะไม่ค่อยว่างเท่าไหร่”

“ผมจะผ่าเองครับ”

ต่อจากนั้นพริมาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับชายหนุ่มอีก เพราะเธอต้องถ่ายรูปตามคำสั่งของคุณหญิงผู้กองที่ชี้ให้ถ่าย ก่อนที่จะปลดกล้องออกจากคอ แล้วเริ่มตรวจหลักฐานอื่นๆ ร่างบางขยับจะไปยกกระเป๋าอุปกรณ์ปัดฝุ่นลายนิ้วมือ หากกฤษณะกลับหิ้วมาให้เสียก่อนพร้อมรอยยิ้ม

ภูธเรศที่ยืนอยู่ในห้องเริ่มถอยออกมาอยู่ด้านข้าง มองดูเพื่อนสาวทำงานไปหัวเราะเบาๆ ไปกับคำพูดของผู้หมวดหนุ่ม เขาพยายามหาความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้จากการมอง...กฤษณะ...ด้วยความเป็นผู้ชายด้วยกัน เขารู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไงกับพริมา

แต่พริมานี่สิ...แววตาระยับและน้ำเสียงอ่อนหวานที่เธอใช้กับผู้ชายคนนั้น มันหมายความว่ายังไงกัน!

ชายหนุ่มพบว่าตัวเองร้อนรุ่มขึ้นไปทุกขณะ ก่อนที่จะทันห้ามตัวเอง ภูธเรศก็หันหลังเดินพรวดพราดออกไปจากห้องที่เกิดเหตุทันที



“ประเดี๋ยวพี่ขับรถตามไปส่งดีมั้ย”

กฤษณะพยายามยื่นความช่วยเหลือพร้อมรอยยิ้มกว้าง หลังจากตรวจที่เกิดเหตุเรียบร้อยแล้ว เขาและพริมากำลังเก็บอุปกรณ์ทำงานอยู่ คุณหญิงผู้กองกำลังคุยกับญาติผู้เสียชีวิตและสารวัตรสอบสวนเจ้าของคดี

“แหม...ไม่เป็นไรมั้งคะพี่กฤษณ์ หอพริมก็อยู่ใกล้ๆ นี่แหละ ไม่ต้องขับไปส่งก็ได้ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”

“แต่เรากว่าก็ดีนะ” มธุการีที่เสร็จจากธุระแล้วเดินมาสมทบพร้อมพูดสนับสนุน “ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าพริมา อีกอย่างอย่าทำให้กฤษณ์เสียน้ำใจเลย เขาอยากจะไปส่งก็ปล่อยให้เขาไปส่งก็ได้นะ”

คุณหญิงผู้กองพูดพลางยิ้มหวาน รอยยิ้มนั้นรู้เท่าทันจนกฤษณะเริ่มหน้าแดงขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง พริมานิ่งงัน พยายามหาคำปฏิเสธแต่ก็คิดไม่ออก รู้เพียงแต่ว่าเธออยากขับรถกลับเอง...อาจจะขับรถเล่นเลยไปไหนสักที่แล้ววนกลับมา เพื่อที่จะได้คิดถึงนัยที่แฝงอยู่ของคำพูดนั้น...

‘ไม่เจอกันซะนาน คิดถึงกันบ้างมั้ย’

“ไม่ต้องรบกวนผู้หมวดก็ได้ครับ ผมกะว่าจะติดรถพริมเขากลับเหมือนกัน”

พริมาสะดุ้งโหยง เหลียวไปมองข้างหลังโดยเร็วพร้อมๆ กับคุณหญิงและกฤษณะ ภูธเรศที่ยืนปะปนกับผู้คนที่ยังคงมาชุมนุมกันอย่างไม่ขาดสายเดินออกมายืนอยู่ข้างๆ เพื่อนสาวที่ยังทำตาโตเพราะคาดไม่ถึง

“เอ่อ...สรุปว่าหมอจะกลับพร้อมพริมใช่มั้ย” มธุการีเอ่ย สังเกตเห็นรอยแดงจางๆ บนใบหน้าของลูกศิษย์สาวก่อนจะพูดต่อ “อย่างนั้นกฤษณ์...เราก็คงไม่ต้องห่วงแล้วล่ะมั้ง กลับกันเถอะ”

“งั้นพี่กลับก่อนนะน้องพริม แล้วเดี๋ยวพี่จะโทรหาอีกทีนะครับ”

พริมายิ้มค้าง สายตาที่จ้องมองผู้หมวดหนุ่มผู้ทิ้งคำปริศนานไว้เต็มไปด้วยความงุนงงแกมตกใจ หากแต่มือกลับยกขึ้นโบกลาอัตโนมัติ

...ไหงพี่กฤษณ์พูดอะไรแปลกๆ อย่างนั้น พี่กฤษณ์ไม่เคยโทรมาหาเลยนี่นา...ถ้าไม่นับเรื่องงานเมื่อกี้นะ

หญิงสาวพยายามสลัดเอาความรู้สึกงงๆ ออกไป ก่อนจะหันหน้ากลับมาเจอกับใบหน้าหล่อเหลาที่แฝงแววประหลาดของภูธเรศเข้าเต็มเปา

น้ำเสียงของคนเป็นหมอทำให้พริมานึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันควัน


“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”





ปณัชญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 มี.ค. 2556, 00:08:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 มี.ค. 2556, 00:08:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 2299





<< บทที่ 6 : บางอย่าง   บทที่ 8 ความเปลี่ยนแปลง >>
Auuuu 9 มี.ค. 2556, 00:29:22 น.
แฟนหมอไม่ไหวนะ ไปนอนกับเจ้านายเฉยเลย


lovemuay 9 มี.ค. 2556, 06:56:42 น.
ดีออก หมอจะได้รู้สึกตัวสักที ว่าจริงๆแล้วชอบใครกันแน่


ใบบัวน่ารัก 9 มี.ค. 2556, 07:14:34 น.
ถูกสวมเขามานานเท่าไรแล้วนะ
จัดไปหลายยกหละซินุชแฟนหมอ หรือไง
สงสารเพื่อนสนิทบ้างนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account