โองการแช่งรัก
เกิดมาตั้ง 29 ปีอยากมีแฟนกับเขาสักทีทำไมมันยากยิ่งกว่าตามหามักกะลีผล ก็เธอทั้งสวย ทั้งรวย ทั้งเริ่ด! แต่ทำไมไม่มีใครตกหลุมเลยสักคน มันต้องมีใครแอบมาแช่งชักหักกระดูกเอาไว้ให้อกหักรักคุดตลอดชาติแน่ๆ!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: 1. เดอะวัน แอต อโยธยา
“นี่เราจะต้องนั่งรถกันอีกไกลไหมคะกว่าจะถึงรีสอร์ต พี่บีก็รู้ว่าจูนไม่ชอบนั่งรถนานๆ” เมถุนบ่นเป็นหมีกินผึ้ง หลังนั่งรถมาแล้วเกือบชั่วโมงจากกรุงเทพมหานคร เหลืออีกเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นก็จะถึงรีสอร์ตแถบชานเมืองอยุธยา ทว่าสีหน้าของคนทั้งรถกลับดูพะอืดพะอม อยากจะกระโดดลงจากรถเสียให้ได้ เมื่อต้องนั่งทนฟังเสียงค่อนแคะของนางแบบสาวตลอดทาง
“ทนหน่อยนะคะน้องจูน อีกแค่อึดใจเดียวก็ถึงรีสอร์ตแล้ว หลังจากนี้น้องจูนมีเวลาพักยาวจนเริ่มงานพรุ่งนี้เลย” บีปั้นหน้าส่งยิ้มฝืดๆ ไปให้คนที่นั่งอยู่ด้านข้าง ก่อนจะหันหน้าไปอีกทาง พร้อมเบะปากอย่างรำคาญใจ
“ใช่สิ ตอนนี้ก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายสองแล้ว กว่าจะไปถึงห้องพักจูนไม่เหนื่อยตายไปก่อนเหรอคะ” พูดพลางขยับแว่นกันแดดรุ่นใหม่ล่าสุดของเรย์แบนด์ให้เข้าที่บนสันจมูกได้รูป
“แหม...น้องจูนขา นั่งรถแค่ชั่วโมงเดียวมันไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“ก็จูนเหนื่อยนี่ ทำไมไม่มีสายการบินไหนที่เปิดเส้นทางกรุงเทพฯ อยุธยาบ้าง”
“ถ้าอยากให้เปิดสงสัยน้องจูนคงต้องไปจีบเจ้าของสายการบินแล้วละค่ะ” บีแอบค่อนแคะ ดวงตาเรียวเล็กของเธอตวัดมองคนร่างระหงข้างกายปะหลับปะเหลือก
“ก็หมายเลขสี่ไง พี่บีจำไม่ได้เหรอ” เมถุนทำเสียงขึ้นจมูก เมื่อหวนนึกถึงผู้ชายอีกรายที่ทิ้งเธอไป
“อ๋อ...คนที่หนีไปแต่งงานกับนางเอกคนนั้นน่ะเหรอ” สาวประเภทสองเจ้าของผมซอยสั้นยิ้มน้อยๆ ขณะย้ำถึงรายละเอียดของผู้ชายหมายเลขสี่อีกครั้งหนึ่ง “ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าจู่ๆ เขาก็หนีน้องจูนไปหาคนใหม่ได้เร็วปานนั้น”
“พี่บีคะ” คนฟังลากเสียงยาว ถอดแว่นกันแดดออกจากใบหน้าคมเฉี่ยว แล้วจ้องมองผู้จัดการส่วนตัวอย่างจริงจัง “อย่าพูดว่า ทิ้ง ต้องเรียกว่า ไก่ได้พลอย มีของดีอยู่ในมือแล้วไม่เห็นค่า”
ได้ยินดังนั้นบีก็เลิกคิ้วสูง เรียวปากอิ่มแย้มขึ้นเป็นรอยยิ้มขำ อันที่อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วงเสียมากกว่า เมื่อได้ยินแม่นางแบบสาวปรามาสผู้ชายพวกนั้นว่า ไก่ได้พลอย ก่อนจะคิดในใจ
พวกนั้นโชคดีสิไม่ว่าที่ไม่ต้องแต่งงานกับหล่อนน่ะ แต่จะว่าก็ว่าเถอะ...ถึงแม้หล่อนจะเอาแต่ใจไป(มาก)หน่อย แต่เท่าที่ฉันอยู่กับหล่อนมานาน ฉันว่าหล่อนคงไม่มีโชคเรื่องความรักจริงๆ เพราะอย่างน้อยหล่อนก็ไม่ได้ออกฤทธิ์ออกเดชกับผู้ชายพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย สงสัยว่าคงจะเป็นกรรมเก่าของหล่อนที่ทำเอาไว้เสียแล้วละมั้ง
“หรือว่ามันจะเกิดจากกรรมเก่า” หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง บีก็พูดในสิ่งที่เพิ่งคิดได้ออกมา
“กรรมเก่า?” คนฟังขมวดคิ้วมุ่น เหลือบมองคนนั่งข้างด้วยความสงสัย
“ก็กรรมเก่าในชาติปางก่อน อะไรทำนองนั้นไงคะ บางทีชาติที่แล้วอาจจะเคยมีใครแช่งชักหักกระดูกน้องจูนเอาไว้ว่าไม่ให้สมหวังในความรักทุกชาติไปก็ได้นะ”
“ทุกชาติ?!?” เมถุนอุทานลั่น ดวงตาเฉี่ยวคมเบิกโพลงกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน “บ้าน่าพี่บี ใครมันจะมาแช่งกันไม่ให้สมรสสมรักกันทุกชาติอย่างนั้น”
“อ้าว...พี่ก็พูดตามความรู้สึก ก็ดูตอนนี้สิแฟนคนเดียวก็ยังไม่เคยมีกับเขาเลย จะมีก็แต่ผู้ชายที่ถูกใจหมายมั่นปั้นมือ แต่ก็ชวดทุกรายเป็นนางสิบสองอย่างนี้น่ะ อุ๊บส์” พูดแล้วบีก็รีบยกมือขึ้นมาอุดปาก เมื่อเผลอพูดประโยคระคายหูคนฟังออกไป ทว่านางแบบสาวที่เริ่มคล้อยตามกลับไม่ได้สนใจมันมากนัก เพราะเธอมัวแต่สนใจข้อมูลใหม่ที่เพิ่งสว่างวาบขึ้นมาในหัว
“นั่นสินะพี่บี จะต้องมีใครแช่งจูนเอาไว้แน่ๆ ถึงได้โชคร้ายอย่างนี้น่ะ”
“พี่ก็ว่าอย่างนั้น เรื่องนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่”
“แล้วจูนควรทำยังไงดีเหรอพี่บี”
“อย่างนี้มันต้องแก้กรรมค่ะ”
“แก้กรรม...ยังไงคะ?”
“แหม...จะให้มาพูดกันตรงนี้ก็ใช่เรื่อง เอาเป็นว่าถ้ากลับไปกรุงเทพฯ เมื่อไหร่ เดี๋ยวพี่จะพาไปหาเจ้าแม่แก้กรรมเก่าให้ก็แล้วกันนะคะ แต่มันคงต้องทำอะไรจุกจิกหน่อยนะ ไม่รู้ว่าน้องจูนจะโอเครึเปล่าน่ะสิ”
“เยอะแค่ไหนจูนก็ไม่กลัวหรอก ขอแค่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตกันแน่ พี่บีดูเถอะ...จูนออกจะเพียบพร้อมขนาดนี้ แล้วทำไมจนป่านนี้ยังหาแฟนไม่ได้สักคนเดียว!” หญิงสาวชักของขึ้น มันต้องเป็นอย่างที่พี่บีพูดแน่ๆ!
บีชำเลืองมองคนข้างกายครู่หนึ่ง แอบแค่นยิ้ม ก่อนจะจีบปากจีบคอพูดต่อ “ช่ายค่ะ พี่คอนเฟิร์มเลยว่าเจ้าแม่คนนี้แม่นมาก...ใครมีกรรมเก่าติดตัวไป ให้เจ้าแม่นั่งทางในแป๊บเดียวได้เรื่อง น้องจูนไม่ต้องเป็นห่วง งานนี้เรารู้แน่ว่าต้องแก้กรรมยังไง”
“ถ้าอย่างนั้นจูนก็จะเริ่มจากหมายเลขสิบสามแล้วกัน” เมถุนพูดมาดมั่น ตั้งแต่เห็นรูปถ่ายเขาในวันนั้น หญิงสาวก็เริ่มหาข้อมูลของเขาทันที จึงได้รู้ว่านอกจากจะโสดแล้ว ยังรวยมาก หล่อน่าลาก แถมยังประวัติเลิศอีกต่างหาก ผู้ชายอย่างนี้ไม่ได้มีมาบ่อยๆ หากจะปล่อยให้หลุดมือไปก็ใช่เรื่อง ดังนั้นโสดสองร้อยห้าสิบเปอร์เซ็นต์อย่างเธอจะต้องคว้ามาครองให้จงได้!
“จะเอางั้นเลยเหรอน้องจูน” บีเบิกตากว้าง กลั้นยิ้ม สงสัยว่าต่อมสละคานของหญิงสาวคงบวมเป่ง พร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ
“ก็อย่างนี้สิคะ” สิ้นเสียงของเมถุน รถตู้ก็ถึงที่หมายพอดี มันเป็นรีสอร์ตห้าดาวขนาดใหญ่ไม่ไกลจากตัวเมือง บรรยากาศคล้ายๆ กับเรือนไทยในสมัยก่อน ด้านหน้าเป็นเรือนไม้รับรอง ทว่าด้านหลังยาวไปเป็นบ้านพักทรงไทยหลังกะทัดรัด เรียงรายล้อมทุ่งนาเล็กๆ เป็นวงกลม โอบล้อมไปด้วยป่าเทียมที่ทางรีสอร์ตจัดเอาไว้ดูร่มรื่น
แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นหลังจากเช็กอินบ้านพักที่จองเอาไว้ให้นางแบบสาว บีพบว่ามันหันหน้าเข้าหาทิศตะวันตก ซึ่งแดดในยามบ่ายแก่จะลอดผ่านหน้าต่างบานกว้างเข้ามา สร้างความรำคาญให้คนที่ต้องการพักผ่อน เมถุนรู้แล้วก็ฉุนกึก ยืนยันจะเปลี่ยนบ้านพักท่าเดียว
“พี่บีจะทำยังไงก็ได้ แต่จูนไม่เอาบ้านหลังนี้”
“แต่ฝั่งโน้นมีคนพักหมดทุกหลังแล้วนะคะน้องจูน มันย้ายไม่ได้จริงๆ” บีหน้าเสีย เมื่อเห็นอาการเหวี่ยงของนางแบบในความดูแลของตัวเองกำเริบขึ้นมา
“จูนไม่แคร์ ถ้างั้นพี่บีก็ไปหารีสอร์ตที่อื่นให้จูนสิ แต่ยังไงจูนก็ไม่พักห้องนี้” เมถุนเชิดหน้า ยืนกอดอกมองผู้จัดการส่วนตัวที่ยกมือขึ้นกุมขมับอย่างไม่ใส่ใจ หากเธอบอกว่าไม่ก็คือไม่ ยังไงเธอก็ไม่เอา!
“แต่คุณจูนคะ ห้องนี้เป็นห้องใหญ่ที่สุดของรีสอร์ตเราแล้วนะคะ ถ้าหากคุณจูนกลัวจะร้อนเพราะแดดส่อง เดี๋ยวดิฉันจะสั่งให้คนเอาผ้าม่านกันยูวีมาเปลี่ยนให้ก็ได้ค่ะ” ผู้จัดการสาวในชุดไทยบอกเสียงแผ่ว เมื่อเจอฤทธิ์นางแบบสาวที่ขึ้นชื่อว่าเอาแต่ใจ และเรื่องมากที่สุดในประเทศ
“ขอโทษนะคะเข้าใจที่จูนพูดรึเปล่า ว่า...จูน...ไม่...เอา...ห้อง...นี้ ถึงคุณจะเปลี่ยนผ้าม่านที่สั่งทำจากแพรีสให้ มันก็ไม่ใช่ประเด็นที่จูนขอ ตอนนี้อัพเซตมาก จบไหมคะ”
เมถุนเหลือบมองสาวร่างเล็กที่ยืนผ่อนลมหายใจเข้าออกตรงหน้าด้วยหางตา รู้ว่าฝ่ายนั้นกำลังระงับอารมณ์โกรธ แต่ในเมื่อมันเป็นความผิดของทางรีสอร์ตที่จัดบ้านพักหลังนี้ให้ ทั้งที่หญิงสาวบอกไปแล้วว่าไม่ชอบให้แดดส่องหน้าบ้านตอนบ่าย ก็ไม่ใช่กงการอะไรของเธอที่จะไว้หน้าเช่นกัน
“ทางเราต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ เนื่องจากกลัวคุณจูนไม่สะดวกทางเราเลยอัพเกรดห้องนี้ให้ แต่ถ้าคุณจูนอยากจะเปลี่ยนห้องในตอนนี้มันไม่สามารถทำได้แล้วจริงๆ ค่ะ เพราะมีลูกค้ามาพักอยู่ก่อนแล้ว” ผู้จัดการสาวยังคงทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยต่อไป โดยหารู้ไม่ว่าถึงเธอจะพูดอย่างไร ก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจเมถุนได้แม้แต่นิดเดียว
“อย่าไปใส่ใจเลยค่ะคุณระริน คนที่เข้าใจอะไรยากก็มักจะเป็นอย่างนี้แหละ เพลินเห็นใจนะ” เสียงเล็กๆ ที่ดังขึ้นจากหญิงสาวร่างสูงเพรียวระหงอีกคน เรียกความสนใจของคนที่ยืนกอดอกให้หันมามอง ก่อนฝ่ายนั้นจะถอดแว่นกันแดดสีตะกั่วออกจากใบหน้าได้รูป พร้อมปรายตามองอย่างเยาะๆ
“อ้าว มาแล้วเหรอ นึกว่าถึงช่วงขาลงแล้วจะลาออกจากวงการไปแล้วซะอีก” เมถุนเปิดฉากฟาดฟันคู่อริด้วยน้ำเสียงหวานใสทันที แต่อีกฝ่ายก็ไม่แพ้กัน ส่งยิ้มละมุนมาให้พร้อมคำพูดบาดหู
“ใครบอกว่าเป็นขาลงจ๊ะ ตอนนี้มีนิตยสารตั้งหลายที่มาติดต่อให้ฉันขึ้นปก แต่จะว่าก็ว่าเถอะ...คนเรามีไม่เยอะหรอกที่จะลักกี้อินเกมแอนด์ลักกี้อินเลิฟ เพราะรู้สึกว่าเธอเพิ่งชวดกับผู้ชายคนที่สิบสองไปไม่ใช่เหรอ เอ๊ะ...หรือว่าสิบสามกันแน่ ระวังนะคานทองมันจะหล่นทับตอนแก่ไม่รู้ตัว”
“คานทองก็ยังดีกว่า คานไม้ผุๆ ละมั้ง อีกไม่กี่ปีก็เหี่ยว ระวังจะยานแล้วเอเจนซี่เลิกจ้างไม่รู้ตัวนะจ๊ะ Oh...my poo friend”
ว่าแล้วก็หัวเราะร่วน ปล่อยให้อีกฝ่ายหน้าชา เบิกตาโพลง ท่ามกลางสายตาอิดหนาระอาใจของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ยิ่งผู้จัดการสาวประเภทสองยิ่งแล้วใหญ่ รายนั้นรีบยกมือขึ้นนวดขมับเบาๆ ไว้อาลัยให้กับภาษาอังกฤษเท่าหางอึ่งของเด็กในความดูแล
“น้องจูนคะ poor ค่ะ ไม่ใช่ poo คำนั้นแปลว่าขี้” บีรีบกระซิบข้างหูนางแบบสาวเบาๆ ได้ยินดังนั้น เมถุนก็หันขวับด้วยอาการหน้าแตก แต่ก็ยังไว้ตัวอยู่รอดูสถานการณ์
“ถ้าฉันเหี่ยวเธอก็เหี่ยวเหมือนกัน อย่านึกว่าตัวเองมีดีอยู่คนเดียว!” เพลินตาชักของขึ้น เมื่อถูกจี้ใจดำเช่นนี้ เพราะหญิงสาวแก่กว่าเมถุนถึงสามปี แต่ด้วยความที่เข้าวงการไล่เลี่ยกัน จึงกลายเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันไปโดยปริยาย
เมถุนได้ยินดังนั้นก็ไหวไหล่ โชคดีที่ไม่มีใครทักเรื่องภาษาอังกฤษ ก่อนจะคิดอะไรดีๆ ออก หันไปส่งยิ้มหวานหยดให้ผู้จัดการรีสอร์ตที่ยืนทำหน้าปูเลี่ยนอยู่ข้างหน้าทันที
“จูนมีความคิดดีๆ แล้วค่ะ เอาเป็นว่าจูนไม่ขอแลกห้องกับฝั่งโน้นแล้วก็ได้”
“ขอบคุณมากค่ะคุณจูน” ระรินแทบจะหลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ เมื่อเมถุนยอมลงให้ ทว่าน้ำตาแห่งความดีใจนั้นอยู่ได้ไม่นาน ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความหนักใจ เมื่อได้ยินประโยคถัดไปของนางแบบสาว
“แต่จูนขอแลกกับคุณเพลินตาก็แล้วค่ะ”
“อะไร จู่ๆ จะมาแลกห้องกับฉันได้ยังไงกัน!” เพลินตาแหวขึ้นทันที เมื่อได้ยินว่าฝ่ายนั้นหมายตาห้องของเธออยู่
“ก็ห้องเธอโดนแดดด้านข้างนี่ ฉันไม่ชอบให้หน้าห้องโดนแดดตอนบ่าย”
“แล้วฉันชอบนักเหรอ มีสิทธิ์อะไรที่ไปไล่ที่คนอื่นเขาไปทั่วอย่างนี้”
“ก็ฉันไม่ชอบ” เมถุนยังยืนยันคำเดิม อันที่จริงเธอก็ไม่ได้อยากจะยุ่งกับเพลินตาสักเท่าไหร่ ทว่าพอได้ลับฝีปากกันแล้ว มันเลยทำให้หญิงสาวอยากจะเอาชนะคู่แข่งทุกอย่าง ตั้งแต่เรื่องผู้ชายจนถึงเรื่องห้อง!
“น้องจูนคะ พี่ขอเถอะ...ถ้าน้องจูนไม่อยากอยู่ห้องนี้ เดี๋ยวเราไปหารีสอร์ตอื่นนอนก็ได้นะ” บีรีบเข้ามาไกล่เกลี่ย แต่ก็ไม่สามารถทำให้เรื่องดีขึ้นได้เลย
“จูนไม่ไปค่ะ ยังไงจูนก็จะอยู่ที่นี่ แล้วก็ต้องเป็นห้องของยัยเพลินตาด้วย”
“ไปขอส่วนบุญเอาข้างหน้าเถอะ ยังไงฉันก็ไม่ยกห้องให้เธอเด็ดขาด จองวัดไหนก็ไปสิงวัดนั้นสิยะ!” เพลินตากระแทกเสียงดัง จนแขกเหรื่อที่อยู่บริเวณนั้นเริ่มหันมามองด้วยความสนใจ
“ขนของฉันเอาไปไว้ห้องนั้นได้เลย” เมถุนหันไปสั่งพนักงานขนกระเป๋าที่ยืนรออยู่ ชายหนุ่มสองสามคนหันมามองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนจะหันไปขอความเห็นจากผู้จัดการสาวที่มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นกัน
“ดิฉันขอร้องละค่ะคุณจูน ห้องนั้นเราจองเอาไว้ให้คุณเพลินตาแล้ว และถ้าคุณเพลินตาไม่อยากแลก ทางเราก็ไม่สามารถแลกให้ได้จริงๆ ค่ะ” ระรินพยายามตะล่อมนางแบบนิสัยแย่อีกครั้งด้วยความอดทนและอดกลั้น
“คราวนี้ได้ยินชัดไหม” เพลินตายิ้มมุมปาก เชิดหน้ามองคนที่สูงกว่านิดหน่อยอย่างสะใจ
“ได้ยินแต่ไม่รับ ยังไงฉันก็ไม่อยู่หรอกนะห้องห่วยๆ พรรค์นั้นน่ะ” สิ้นเสียงของเมถุน ก็มีเสียงทุ้มของใครบางคนแทรกเข้ามา
“ถ้างั้นก็เชิญคุณออกไปพักที่อื่นได้ตามสบายใจ” ได้ยินดังนั้นคนที่ถูกท้าทายก็หันขวับไปมองต้นเสียงทันที เจ้าของเสียงทุ้มเป็นชายหนุ่มที่ดูท่าทางแก่กว่าเธอไปไม่กี่ปี รูปร่างสูงใหญ่ สูงกว่าเธอที่กำลังใส่ส้นสูงอยู่ด้วยซ้ำ สวมเสื้อเชิ้ตพับแขนกับกางเกงยีน ใบหน้าคมคายได้รูป คิ้วเข้มพาดเฉียง ดวงตาคมกล้ามีเสน่ห์ ผิวขาวกร้านแดดเล็กน้อย แตกต่างจากผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียนของเธอโดยสิ้นเชิง รวมๆ แล้วถือว่าเป็นผู้ชายหน้าตาดีมากคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ แต่เสียดายที่คะแนนลดฮวบฮาบในการเจอกันครั้งแรกด้วยคำพูดมะนาวไม่มีน้ำของเขาเอง
“คุณอิช!” ระรินอุทานขึ้นมาอย่างดีใจ เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของเจ้านายที่โผล่มาได้จังหวะพอดี
“ขอโทษ คุณเป็นใครไม่ทราบ ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับฉันก็สวัสดีและลาก่อน” เมถุนพูดแล้วก็ไหวไหล่ ก่อนจะหันกลับไปดึงดันจะถือกรรมสิทธิ์ห้องของเพลินตาต่อไป
“ผมเป็นเจ้าของรีสอร์ตห่วยๆ ที่คุณพูดถึงอยู่” อิชยาพูดพลางสาวเท้าเข้ามายืนประจันหน้ากับผู้หญิงที่เขาต้องส่ายหัวให้กับความเอาแต่ใจทันทีที่เห็นเธอยืนเชิดหน้าไม่ยอมรับข้อเสนอของทางรีสอร์ตแม้แต่อย่างเดียว
“อ้อ...ถ้าอย่างนั้นก็จัดการให้ฉันที ฉันอยากได้ห้องตรงมุมโน้น ไม่ใช่ห้องที่พวกคุณจัดเอาไว้ให้”
“เห็นจะไม่ได้ครับ เพราะทุกห้องล้วนมีเจ้าของ และคุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปสั่งให้ใครหน้าไหนยอมแลกห้องได้ทั้งนั้น” ชายหนุ่มเจ้าของรีสอร์ตเดอะวัน แอต อโยธยา วัยสามสิบสามปี เอ่ยเสียงเรียบติดแววไม่พอใจ
“เจ้าของรีสอร์ตพูดอย่างนี้กับลูกค้าได้ด้วยเหรอ” หญิงสาวพูดเสียงขุ่น หันไปสบตาคมกล้าของอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว
“จะให้พูดเยอะกว่านี้ก็ยังได้ ถ้าหากคุณยอมทำตามข้อกำหนด หรือกติกาของสังคม”
“ก็ฉันไม่ทำ แล้วคุณจะทำอะไรฉันได้” เมถุนยิ้มมุมปาก แต่ทันใดนั้นรอยยิ้มที่เพิ่งผุดขึ้นก็ต้องหายวับ เมื่อได้ยินประโยคถัดไปของเจ้าของรีสอร์ตหน้าเข้ม
“มาช่วยกันขนกระเป๋าของคุณผู้หญิงคนนี้โยนออกไปนอกรีสอร์ตที ไม่ต้องห่วงเรื่องภาพพจน์ ผมรับผิดชอบเอง”
“ทนหน่อยนะคะน้องจูน อีกแค่อึดใจเดียวก็ถึงรีสอร์ตแล้ว หลังจากนี้น้องจูนมีเวลาพักยาวจนเริ่มงานพรุ่งนี้เลย” บีปั้นหน้าส่งยิ้มฝืดๆ ไปให้คนที่นั่งอยู่ด้านข้าง ก่อนจะหันหน้าไปอีกทาง พร้อมเบะปากอย่างรำคาญใจ
“ใช่สิ ตอนนี้ก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายสองแล้ว กว่าจะไปถึงห้องพักจูนไม่เหนื่อยตายไปก่อนเหรอคะ” พูดพลางขยับแว่นกันแดดรุ่นใหม่ล่าสุดของเรย์แบนด์ให้เข้าที่บนสันจมูกได้รูป
“แหม...น้องจูนขา นั่งรถแค่ชั่วโมงเดียวมันไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“ก็จูนเหนื่อยนี่ ทำไมไม่มีสายการบินไหนที่เปิดเส้นทางกรุงเทพฯ อยุธยาบ้าง”
“ถ้าอยากให้เปิดสงสัยน้องจูนคงต้องไปจีบเจ้าของสายการบินแล้วละค่ะ” บีแอบค่อนแคะ ดวงตาเรียวเล็กของเธอตวัดมองคนร่างระหงข้างกายปะหลับปะเหลือก
“ก็หมายเลขสี่ไง พี่บีจำไม่ได้เหรอ” เมถุนทำเสียงขึ้นจมูก เมื่อหวนนึกถึงผู้ชายอีกรายที่ทิ้งเธอไป
“อ๋อ...คนที่หนีไปแต่งงานกับนางเอกคนนั้นน่ะเหรอ” สาวประเภทสองเจ้าของผมซอยสั้นยิ้มน้อยๆ ขณะย้ำถึงรายละเอียดของผู้ชายหมายเลขสี่อีกครั้งหนึ่ง “ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าจู่ๆ เขาก็หนีน้องจูนไปหาคนใหม่ได้เร็วปานนั้น”
“พี่บีคะ” คนฟังลากเสียงยาว ถอดแว่นกันแดดออกจากใบหน้าคมเฉี่ยว แล้วจ้องมองผู้จัดการส่วนตัวอย่างจริงจัง “อย่าพูดว่า ทิ้ง ต้องเรียกว่า ไก่ได้พลอย มีของดีอยู่ในมือแล้วไม่เห็นค่า”
ได้ยินดังนั้นบีก็เลิกคิ้วสูง เรียวปากอิ่มแย้มขึ้นเป็นรอยยิ้มขำ อันที่อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วงเสียมากกว่า เมื่อได้ยินแม่นางแบบสาวปรามาสผู้ชายพวกนั้นว่า ไก่ได้พลอย ก่อนจะคิดในใจ
พวกนั้นโชคดีสิไม่ว่าที่ไม่ต้องแต่งงานกับหล่อนน่ะ แต่จะว่าก็ว่าเถอะ...ถึงแม้หล่อนจะเอาแต่ใจไป(มาก)หน่อย แต่เท่าที่ฉันอยู่กับหล่อนมานาน ฉันว่าหล่อนคงไม่มีโชคเรื่องความรักจริงๆ เพราะอย่างน้อยหล่อนก็ไม่ได้ออกฤทธิ์ออกเดชกับผู้ชายพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย สงสัยว่าคงจะเป็นกรรมเก่าของหล่อนที่ทำเอาไว้เสียแล้วละมั้ง
“หรือว่ามันจะเกิดจากกรรมเก่า” หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง บีก็พูดในสิ่งที่เพิ่งคิดได้ออกมา
“กรรมเก่า?” คนฟังขมวดคิ้วมุ่น เหลือบมองคนนั่งข้างด้วยความสงสัย
“ก็กรรมเก่าในชาติปางก่อน อะไรทำนองนั้นไงคะ บางทีชาติที่แล้วอาจจะเคยมีใครแช่งชักหักกระดูกน้องจูนเอาไว้ว่าไม่ให้สมหวังในความรักทุกชาติไปก็ได้นะ”
“ทุกชาติ?!?” เมถุนอุทานลั่น ดวงตาเฉี่ยวคมเบิกโพลงกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน “บ้าน่าพี่บี ใครมันจะมาแช่งกันไม่ให้สมรสสมรักกันทุกชาติอย่างนั้น”
“อ้าว...พี่ก็พูดตามความรู้สึก ก็ดูตอนนี้สิแฟนคนเดียวก็ยังไม่เคยมีกับเขาเลย จะมีก็แต่ผู้ชายที่ถูกใจหมายมั่นปั้นมือ แต่ก็ชวดทุกรายเป็นนางสิบสองอย่างนี้น่ะ อุ๊บส์” พูดแล้วบีก็รีบยกมือขึ้นมาอุดปาก เมื่อเผลอพูดประโยคระคายหูคนฟังออกไป ทว่านางแบบสาวที่เริ่มคล้อยตามกลับไม่ได้สนใจมันมากนัก เพราะเธอมัวแต่สนใจข้อมูลใหม่ที่เพิ่งสว่างวาบขึ้นมาในหัว
“นั่นสินะพี่บี จะต้องมีใครแช่งจูนเอาไว้แน่ๆ ถึงได้โชคร้ายอย่างนี้น่ะ”
“พี่ก็ว่าอย่างนั้น เรื่องนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่”
“แล้วจูนควรทำยังไงดีเหรอพี่บี”
“อย่างนี้มันต้องแก้กรรมค่ะ”
“แก้กรรม...ยังไงคะ?”
“แหม...จะให้มาพูดกันตรงนี้ก็ใช่เรื่อง เอาเป็นว่าถ้ากลับไปกรุงเทพฯ เมื่อไหร่ เดี๋ยวพี่จะพาไปหาเจ้าแม่แก้กรรมเก่าให้ก็แล้วกันนะคะ แต่มันคงต้องทำอะไรจุกจิกหน่อยนะ ไม่รู้ว่าน้องจูนจะโอเครึเปล่าน่ะสิ”
“เยอะแค่ไหนจูนก็ไม่กลัวหรอก ขอแค่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตกันแน่ พี่บีดูเถอะ...จูนออกจะเพียบพร้อมขนาดนี้ แล้วทำไมจนป่านนี้ยังหาแฟนไม่ได้สักคนเดียว!” หญิงสาวชักของขึ้น มันต้องเป็นอย่างที่พี่บีพูดแน่ๆ!
บีชำเลืองมองคนข้างกายครู่หนึ่ง แอบแค่นยิ้ม ก่อนจะจีบปากจีบคอพูดต่อ “ช่ายค่ะ พี่คอนเฟิร์มเลยว่าเจ้าแม่คนนี้แม่นมาก...ใครมีกรรมเก่าติดตัวไป ให้เจ้าแม่นั่งทางในแป๊บเดียวได้เรื่อง น้องจูนไม่ต้องเป็นห่วง งานนี้เรารู้แน่ว่าต้องแก้กรรมยังไง”
“ถ้าอย่างนั้นจูนก็จะเริ่มจากหมายเลขสิบสามแล้วกัน” เมถุนพูดมาดมั่น ตั้งแต่เห็นรูปถ่ายเขาในวันนั้น หญิงสาวก็เริ่มหาข้อมูลของเขาทันที จึงได้รู้ว่านอกจากจะโสดแล้ว ยังรวยมาก หล่อน่าลาก แถมยังประวัติเลิศอีกต่างหาก ผู้ชายอย่างนี้ไม่ได้มีมาบ่อยๆ หากจะปล่อยให้หลุดมือไปก็ใช่เรื่อง ดังนั้นโสดสองร้อยห้าสิบเปอร์เซ็นต์อย่างเธอจะต้องคว้ามาครองให้จงได้!
“จะเอางั้นเลยเหรอน้องจูน” บีเบิกตากว้าง กลั้นยิ้ม สงสัยว่าต่อมสละคานของหญิงสาวคงบวมเป่ง พร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ
“ก็อย่างนี้สิคะ” สิ้นเสียงของเมถุน รถตู้ก็ถึงที่หมายพอดี มันเป็นรีสอร์ตห้าดาวขนาดใหญ่ไม่ไกลจากตัวเมือง บรรยากาศคล้ายๆ กับเรือนไทยในสมัยก่อน ด้านหน้าเป็นเรือนไม้รับรอง ทว่าด้านหลังยาวไปเป็นบ้านพักทรงไทยหลังกะทัดรัด เรียงรายล้อมทุ่งนาเล็กๆ เป็นวงกลม โอบล้อมไปด้วยป่าเทียมที่ทางรีสอร์ตจัดเอาไว้ดูร่มรื่น
แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นหลังจากเช็กอินบ้านพักที่จองเอาไว้ให้นางแบบสาว บีพบว่ามันหันหน้าเข้าหาทิศตะวันตก ซึ่งแดดในยามบ่ายแก่จะลอดผ่านหน้าต่างบานกว้างเข้ามา สร้างความรำคาญให้คนที่ต้องการพักผ่อน เมถุนรู้แล้วก็ฉุนกึก ยืนยันจะเปลี่ยนบ้านพักท่าเดียว
“พี่บีจะทำยังไงก็ได้ แต่จูนไม่เอาบ้านหลังนี้”
“แต่ฝั่งโน้นมีคนพักหมดทุกหลังแล้วนะคะน้องจูน มันย้ายไม่ได้จริงๆ” บีหน้าเสีย เมื่อเห็นอาการเหวี่ยงของนางแบบในความดูแลของตัวเองกำเริบขึ้นมา
“จูนไม่แคร์ ถ้างั้นพี่บีก็ไปหารีสอร์ตที่อื่นให้จูนสิ แต่ยังไงจูนก็ไม่พักห้องนี้” เมถุนเชิดหน้า ยืนกอดอกมองผู้จัดการส่วนตัวที่ยกมือขึ้นกุมขมับอย่างไม่ใส่ใจ หากเธอบอกว่าไม่ก็คือไม่ ยังไงเธอก็ไม่เอา!
“แต่คุณจูนคะ ห้องนี้เป็นห้องใหญ่ที่สุดของรีสอร์ตเราแล้วนะคะ ถ้าหากคุณจูนกลัวจะร้อนเพราะแดดส่อง เดี๋ยวดิฉันจะสั่งให้คนเอาผ้าม่านกันยูวีมาเปลี่ยนให้ก็ได้ค่ะ” ผู้จัดการสาวในชุดไทยบอกเสียงแผ่ว เมื่อเจอฤทธิ์นางแบบสาวที่ขึ้นชื่อว่าเอาแต่ใจ และเรื่องมากที่สุดในประเทศ
“ขอโทษนะคะเข้าใจที่จูนพูดรึเปล่า ว่า...จูน...ไม่...เอา...ห้อง...นี้ ถึงคุณจะเปลี่ยนผ้าม่านที่สั่งทำจากแพรีสให้ มันก็ไม่ใช่ประเด็นที่จูนขอ ตอนนี้อัพเซตมาก จบไหมคะ”
เมถุนเหลือบมองสาวร่างเล็กที่ยืนผ่อนลมหายใจเข้าออกตรงหน้าด้วยหางตา รู้ว่าฝ่ายนั้นกำลังระงับอารมณ์โกรธ แต่ในเมื่อมันเป็นความผิดของทางรีสอร์ตที่จัดบ้านพักหลังนี้ให้ ทั้งที่หญิงสาวบอกไปแล้วว่าไม่ชอบให้แดดส่องหน้าบ้านตอนบ่าย ก็ไม่ใช่กงการอะไรของเธอที่จะไว้หน้าเช่นกัน
“ทางเราต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ เนื่องจากกลัวคุณจูนไม่สะดวกทางเราเลยอัพเกรดห้องนี้ให้ แต่ถ้าคุณจูนอยากจะเปลี่ยนห้องในตอนนี้มันไม่สามารถทำได้แล้วจริงๆ ค่ะ เพราะมีลูกค้ามาพักอยู่ก่อนแล้ว” ผู้จัดการสาวยังคงทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยต่อไป โดยหารู้ไม่ว่าถึงเธอจะพูดอย่างไร ก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจเมถุนได้แม้แต่นิดเดียว
“อย่าไปใส่ใจเลยค่ะคุณระริน คนที่เข้าใจอะไรยากก็มักจะเป็นอย่างนี้แหละ เพลินเห็นใจนะ” เสียงเล็กๆ ที่ดังขึ้นจากหญิงสาวร่างสูงเพรียวระหงอีกคน เรียกความสนใจของคนที่ยืนกอดอกให้หันมามอง ก่อนฝ่ายนั้นจะถอดแว่นกันแดดสีตะกั่วออกจากใบหน้าได้รูป พร้อมปรายตามองอย่างเยาะๆ
“อ้าว มาแล้วเหรอ นึกว่าถึงช่วงขาลงแล้วจะลาออกจากวงการไปแล้วซะอีก” เมถุนเปิดฉากฟาดฟันคู่อริด้วยน้ำเสียงหวานใสทันที แต่อีกฝ่ายก็ไม่แพ้กัน ส่งยิ้มละมุนมาให้พร้อมคำพูดบาดหู
“ใครบอกว่าเป็นขาลงจ๊ะ ตอนนี้มีนิตยสารตั้งหลายที่มาติดต่อให้ฉันขึ้นปก แต่จะว่าก็ว่าเถอะ...คนเรามีไม่เยอะหรอกที่จะลักกี้อินเกมแอนด์ลักกี้อินเลิฟ เพราะรู้สึกว่าเธอเพิ่งชวดกับผู้ชายคนที่สิบสองไปไม่ใช่เหรอ เอ๊ะ...หรือว่าสิบสามกันแน่ ระวังนะคานทองมันจะหล่นทับตอนแก่ไม่รู้ตัว”
“คานทองก็ยังดีกว่า คานไม้ผุๆ ละมั้ง อีกไม่กี่ปีก็เหี่ยว ระวังจะยานแล้วเอเจนซี่เลิกจ้างไม่รู้ตัวนะจ๊ะ Oh...my poo friend”
ว่าแล้วก็หัวเราะร่วน ปล่อยให้อีกฝ่ายหน้าชา เบิกตาโพลง ท่ามกลางสายตาอิดหนาระอาใจของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ยิ่งผู้จัดการสาวประเภทสองยิ่งแล้วใหญ่ รายนั้นรีบยกมือขึ้นนวดขมับเบาๆ ไว้อาลัยให้กับภาษาอังกฤษเท่าหางอึ่งของเด็กในความดูแล
“น้องจูนคะ poor ค่ะ ไม่ใช่ poo คำนั้นแปลว่าขี้” บีรีบกระซิบข้างหูนางแบบสาวเบาๆ ได้ยินดังนั้น เมถุนก็หันขวับด้วยอาการหน้าแตก แต่ก็ยังไว้ตัวอยู่รอดูสถานการณ์
“ถ้าฉันเหี่ยวเธอก็เหี่ยวเหมือนกัน อย่านึกว่าตัวเองมีดีอยู่คนเดียว!” เพลินตาชักของขึ้น เมื่อถูกจี้ใจดำเช่นนี้ เพราะหญิงสาวแก่กว่าเมถุนถึงสามปี แต่ด้วยความที่เข้าวงการไล่เลี่ยกัน จึงกลายเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันไปโดยปริยาย
เมถุนได้ยินดังนั้นก็ไหวไหล่ โชคดีที่ไม่มีใครทักเรื่องภาษาอังกฤษ ก่อนจะคิดอะไรดีๆ ออก หันไปส่งยิ้มหวานหยดให้ผู้จัดการรีสอร์ตที่ยืนทำหน้าปูเลี่ยนอยู่ข้างหน้าทันที
“จูนมีความคิดดีๆ แล้วค่ะ เอาเป็นว่าจูนไม่ขอแลกห้องกับฝั่งโน้นแล้วก็ได้”
“ขอบคุณมากค่ะคุณจูน” ระรินแทบจะหลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ เมื่อเมถุนยอมลงให้ ทว่าน้ำตาแห่งความดีใจนั้นอยู่ได้ไม่นาน ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความหนักใจ เมื่อได้ยินประโยคถัดไปของนางแบบสาว
“แต่จูนขอแลกกับคุณเพลินตาก็แล้วค่ะ”
“อะไร จู่ๆ จะมาแลกห้องกับฉันได้ยังไงกัน!” เพลินตาแหวขึ้นทันที เมื่อได้ยินว่าฝ่ายนั้นหมายตาห้องของเธออยู่
“ก็ห้องเธอโดนแดดด้านข้างนี่ ฉันไม่ชอบให้หน้าห้องโดนแดดตอนบ่าย”
“แล้วฉันชอบนักเหรอ มีสิทธิ์อะไรที่ไปไล่ที่คนอื่นเขาไปทั่วอย่างนี้”
“ก็ฉันไม่ชอบ” เมถุนยังยืนยันคำเดิม อันที่จริงเธอก็ไม่ได้อยากจะยุ่งกับเพลินตาสักเท่าไหร่ ทว่าพอได้ลับฝีปากกันแล้ว มันเลยทำให้หญิงสาวอยากจะเอาชนะคู่แข่งทุกอย่าง ตั้งแต่เรื่องผู้ชายจนถึงเรื่องห้อง!
“น้องจูนคะ พี่ขอเถอะ...ถ้าน้องจูนไม่อยากอยู่ห้องนี้ เดี๋ยวเราไปหารีสอร์ตอื่นนอนก็ได้นะ” บีรีบเข้ามาไกล่เกลี่ย แต่ก็ไม่สามารถทำให้เรื่องดีขึ้นได้เลย
“จูนไม่ไปค่ะ ยังไงจูนก็จะอยู่ที่นี่ แล้วก็ต้องเป็นห้องของยัยเพลินตาด้วย”
“ไปขอส่วนบุญเอาข้างหน้าเถอะ ยังไงฉันก็ไม่ยกห้องให้เธอเด็ดขาด จองวัดไหนก็ไปสิงวัดนั้นสิยะ!” เพลินตากระแทกเสียงดัง จนแขกเหรื่อที่อยู่บริเวณนั้นเริ่มหันมามองด้วยความสนใจ
“ขนของฉันเอาไปไว้ห้องนั้นได้เลย” เมถุนหันไปสั่งพนักงานขนกระเป๋าที่ยืนรออยู่ ชายหนุ่มสองสามคนหันมามองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนจะหันไปขอความเห็นจากผู้จัดการสาวที่มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นกัน
“ดิฉันขอร้องละค่ะคุณจูน ห้องนั้นเราจองเอาไว้ให้คุณเพลินตาแล้ว และถ้าคุณเพลินตาไม่อยากแลก ทางเราก็ไม่สามารถแลกให้ได้จริงๆ ค่ะ” ระรินพยายามตะล่อมนางแบบนิสัยแย่อีกครั้งด้วยความอดทนและอดกลั้น
“คราวนี้ได้ยินชัดไหม” เพลินตายิ้มมุมปาก เชิดหน้ามองคนที่สูงกว่านิดหน่อยอย่างสะใจ
“ได้ยินแต่ไม่รับ ยังไงฉันก็ไม่อยู่หรอกนะห้องห่วยๆ พรรค์นั้นน่ะ” สิ้นเสียงของเมถุน ก็มีเสียงทุ้มของใครบางคนแทรกเข้ามา
“ถ้างั้นก็เชิญคุณออกไปพักที่อื่นได้ตามสบายใจ” ได้ยินดังนั้นคนที่ถูกท้าทายก็หันขวับไปมองต้นเสียงทันที เจ้าของเสียงทุ้มเป็นชายหนุ่มที่ดูท่าทางแก่กว่าเธอไปไม่กี่ปี รูปร่างสูงใหญ่ สูงกว่าเธอที่กำลังใส่ส้นสูงอยู่ด้วยซ้ำ สวมเสื้อเชิ้ตพับแขนกับกางเกงยีน ใบหน้าคมคายได้รูป คิ้วเข้มพาดเฉียง ดวงตาคมกล้ามีเสน่ห์ ผิวขาวกร้านแดดเล็กน้อย แตกต่างจากผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียนของเธอโดยสิ้นเชิง รวมๆ แล้วถือว่าเป็นผู้ชายหน้าตาดีมากคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ แต่เสียดายที่คะแนนลดฮวบฮาบในการเจอกันครั้งแรกด้วยคำพูดมะนาวไม่มีน้ำของเขาเอง
“คุณอิช!” ระรินอุทานขึ้นมาอย่างดีใจ เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของเจ้านายที่โผล่มาได้จังหวะพอดี
“ขอโทษ คุณเป็นใครไม่ทราบ ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับฉันก็สวัสดีและลาก่อน” เมถุนพูดแล้วก็ไหวไหล่ ก่อนจะหันกลับไปดึงดันจะถือกรรมสิทธิ์ห้องของเพลินตาต่อไป
“ผมเป็นเจ้าของรีสอร์ตห่วยๆ ที่คุณพูดถึงอยู่” อิชยาพูดพลางสาวเท้าเข้ามายืนประจันหน้ากับผู้หญิงที่เขาต้องส่ายหัวให้กับความเอาแต่ใจทันทีที่เห็นเธอยืนเชิดหน้าไม่ยอมรับข้อเสนอของทางรีสอร์ตแม้แต่อย่างเดียว
“อ้อ...ถ้าอย่างนั้นก็จัดการให้ฉันที ฉันอยากได้ห้องตรงมุมโน้น ไม่ใช่ห้องที่พวกคุณจัดเอาไว้ให้”
“เห็นจะไม่ได้ครับ เพราะทุกห้องล้วนมีเจ้าของ และคุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปสั่งให้ใครหน้าไหนยอมแลกห้องได้ทั้งนั้น” ชายหนุ่มเจ้าของรีสอร์ตเดอะวัน แอต อโยธยา วัยสามสิบสามปี เอ่ยเสียงเรียบติดแววไม่พอใจ
“เจ้าของรีสอร์ตพูดอย่างนี้กับลูกค้าได้ด้วยเหรอ” หญิงสาวพูดเสียงขุ่น หันไปสบตาคมกล้าของอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว
“จะให้พูดเยอะกว่านี้ก็ยังได้ ถ้าหากคุณยอมทำตามข้อกำหนด หรือกติกาของสังคม”
“ก็ฉันไม่ทำ แล้วคุณจะทำอะไรฉันได้” เมถุนยิ้มมุมปาก แต่ทันใดนั้นรอยยิ้มที่เพิ่งผุดขึ้นก็ต้องหายวับ เมื่อได้ยินประโยคถัดไปของเจ้าของรีสอร์ตหน้าเข้ม
“มาช่วยกันขนกระเป๋าของคุณผู้หญิงคนนี้โยนออกไปนอกรีสอร์ตที ไม่ต้องห่วงเรื่องภาพพจน์ ผมรับผิดชอบเอง”

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 มี.ค. 2556, 22:29:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ต.ค. 2556, 14:26:02 น.
จำนวนการเข้าชม : 1667
<< บทนำ | 2. นางมารร้าย >> |

Zephyr 12 มี.ค. 2556, 23:23:49 น.
นายนี่คือเบอร์สิบสามป่ะนะ
กระทืบไลค์ให้เลย ฮ่าๆๆๆ
สะจายยยยยยย
สมน้ำหน้า ยัยจูนนนนนนนนนนนน
นายนี่คือเบอร์สิบสามป่ะนะ
กระทืบไลค์ให้เลย ฮ่าๆๆๆ
สะจายยยยยยย
สมน้ำหน้า ยัยจูนนนนนนนนนนนน

kaelek 12 มี.ค. 2556, 23:29:46 น.
โอ้!!! จัดเต็มอ่ะ
โอ้!!! จัดเต็มอ่ะ

พันธุ์แตงกวา 13 มี.ค. 2556, 01:12:18 น.
อยากเห็นหน้ายายจูนกะพี่บีอ่ะ สุดโค่ยมาก ฮ่าๆๆๆ
อยากเห็นหน้ายายจูนกะพี่บีอ่ะ สุดโค่ยมาก ฮ่าๆๆๆ

goldensun 13 มี.ค. 2556, 11:48:45 น.
ขอบคุณค่ะ สำหรับความหมายของเมถุน ใช่จริงๆด้วย แต่พอเป็นสองความหมาย เลยฟังแล้วแปลกๆ เท่านั้น
สะใจจริงๆ คุณอิช ตอกกลับได้มั่นมาก ขี้วีนไม่ฟังเหตุผล ต้องเจอแบบนี้ น่าจะเอาอยู่
ว่าแต่ หมายมั่นปั้นมือ นะคะ ไม่น่าใช้ หมายหมั้น
ขอบคุณค่ะ สำหรับความหมายของเมถุน ใช่จริงๆด้วย แต่พอเป็นสองความหมาย เลยฟังแล้วแปลกๆ เท่านั้น
สะใจจริงๆ คุณอิช ตอกกลับได้มั่นมาก ขี้วีนไม่ฟังเหตุผล ต้องเจอแบบนี้ น่าจะเอาอยู่
ว่าแต่ หมายมั่นปั้นมือ นะคะ ไม่น่าใช้ หมายหมั้น

nunoi 14 มี.ค. 2556, 09:02:36 น.
คุณอิช นี่สุดยอดจริงๆ ยัยจูนต้องเจออย่างนี้แหละ อิอิ
คุณอิช นี่สุดยอดจริงๆ ยัยจูนต้องเจออย่างนี้แหละ อิอิ

kaze 18 มี.ค. 2556, 01:26:54 น.
นางเอกนิสัยเสียง่ะ!
นางเอกนิสัยเสียง่ะ!