โองการแช่งรัก
เกิดมาตั้ง 29 ปีอยากมีแฟนกับเขาสักทีทำไมมันยากยิ่งกว่าตามหามักกะลีผล ก็เธอทั้งสวย ทั้งรวย ทั้งเริ่ด! แต่ทำไมไม่มีใครตกหลุมเลยสักคน มันต้องมีใครแอบมาแช่งชักหักกระดูกเอาไว้ให้อกหักรักคุดตลอดชาติแน่ๆ!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 2. นางมารร้าย

“คุณทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้นะ ไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นใคร!” เมถุนโวยวายขึ้นทันที เมื่อถูกพนักงานโรงแรมคว้ากระเป๋าเดินทางสองใบของเธอออกไปยังประตู หน้าเรือนรับรอง

“ใครจะไปรู้ บัตรประชาชนก็มีดูเอาเองสิว่าตัวเองเป็นใคร” อิชยาสวนกลับทันควัน ดวงตาคู่คมตวัดมองหญิงสาวร่างระหงอย่างไม่ค่อยพอใจ

“ฉันเป็นนางแบบที่คุณคีตะจ้างมา ค่าตัวแพงยิ่งกว่าห้องพักถูกๆ ของคุณซะอีกไม่รู้รึไง” ริมฝีปากอิ่มเหยียดยิ้มออกมา ดวงตาคมเฉี่ยวชำเลืองมองคนตัวสูงเพียงหางตา

“ถ้างั้นก็ยิ่งดี เพราะผมจะได้ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเวลาโยนคุณออกไปจากรีสอร์ตผม” ว่าแล้วก็หันไปพยักหน้าให้พนักงานชายสองคนที่รอคำสั่งอยู่ ลากกระเป๋าเดินทางใบโตของนางแบบสาวออกไปให้พ้นรั้วรีสอร์ตของตัวเอง แต่มีผู้จัดการร่างอวบปราดเข้ามาห้ามไว้เสียก่อน

“โถ...คุณอิชขา อย่าไปถือสาน้องจูนเลยนะคะ เดี๋ยวพี่บีจะเคลียร์กับน้องจูนเอง คุณอิชอย่าเพิ่งโมโหเลยนะคะ” บีรีบขอโทษขอโพยชายหนุ่มหน้าเข้ม ก่อนจะหันไปถลึงตาใส่แม่ตัวดีที่ยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ พร้อมกระซิบบอกเสียงเบา

“นี่คือคุณอิชยา เจ้าของรีสอร์ตที่เรากำลังจะพักและที่สำคัญที่สุดคือ เขาเป็นเพื่อนกับคุณคีตะน้องจูนเข้าใจไหม” พอสิ้นเสียงของบี เมถุนก็เบิกตาโพลง รู้ตัวทันทีว่าทำพลาดไปแล้ว แต่ก็ยังไว้ลายด้วยทิฐิที่มี

“แล้วไงเหรอพี่บี ยังไงเขาก็ไม่มีสิทธิ์มาไล่ลูกค้าอย่างนี้” พูดพลางเบะปากเข้าใส่คนร่างสูงที่ส่ายหัวออกมาอย่างอิดหนาระอาใจ

“ทุกอย่างในนี้เป็นของผม ดังนั้นถ้าคุณจะบอกว่าผมไม่มีสิทธิ์ก็ช่วยกลับไปเรียนหนังสือใหม่ แต่ก่อนอื่น รบกวนเดินออกไปจากรีสอร์ตของผมดีๆ ก่อนที่ผมจะหมดความอดทนโยนคุณออกไปจริงๆ และผมก็ไม่แคร์ด้วยว่าคุณจะใหญ่คับฟ้ามาจากไหน เพราะยังไงที่นี่ก็ไม่ต้อนรับผู้หญิงนิสัยแย่ๆ” อิชยาพูดชัดถ้อยชัดคำเน้นย้ำให้อีกฝ่ายได้เข้าใจแจ่มแจ้ง

“น้องจูนขา พี่บีขอเถอะนะ...อย่ามีเรื่องกันเลย ถ้าข่าวนี้หลุดไปน้องจูนมีแต่เสียกับเสียนะ เชื่อพี่บีสักครั้งเถอะ...อยู่ห้องที่คุณอิชเขาจัดให้ก็ได้ มันเป็นห้องที่ดีที่สุดของรีสอร์ตแล้ว” บีหน้าเสีย ส่งสายตาเว้าวอนไปให้นางแบบสาว เพราะไม่อยากต้องตามไปแก้ข่าวให้อีกหน

ฉันเพลียกับเธอจริงๆ แม่นางสิบสอง!

“ก็จูนไม่...”

“มีอะไรกันรึเปล่าครับ” ทว่าเสียงนุ่มหูที่ดังแว่วมา ก็ทำเอาคนที่กำลังจะแสดงอิทธิฤทธิ์ต้องหุบปากฉับ หันขวับไปมองด้วยดวงตาเป็นประกาย

“คุณคีตะ?” น้ำเสียงของนางแบบสาวผิวสีน้ำผึ้งอ่อนยวบลงทันใด เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าได้รูป ดวงตาสีนิลฉายแววอบอุ่น เข้ากันกับริมฝีปากหยักเรื่อสีอ่อน รวมๆ แล้วจัดว่าเป็นคนหนุ่มที่หน้าตาดีมากอีกคน แม้จะหล่อคนละแบบกับเจ้าของรีสอร์ตหน้าเข้มก็ตามที

โอ้วก๊อด...ตัวจริงแฮนซั่มยิ่งกว่าในรูปซะอีก!

“ก็นางแบบที่คุณคีจ้างมาก่อเรื่องน่ะสิคะ เธออยากจะได้ห้องโน่นห้องนี่ ไม่ยอมอยู่ห้องที่คุณคีจองไว้ให้” เพลินตารีบฟ้องทันใด เพื่อทำคะแนน

“คือเรื่องของเรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ” เมถุนปรับโหมดเป็นจริงจังทันใด จนทุกคนไม่เว้นแม้แต่เจ้าของรีสอร์ตต้องเบิกตามองหญิงสาวขี้วีนตรงหน้าอีกครั้ง ราวกับดารารางวัลตุ๊กตาทองมาเอง

“ตอนแรกก่อนที่จะเช็กอิน จูนรีเควสห้องที่ไม่หันหน้าเข้าแดดตอนบ่ายไปแล้ว แต่ทางรีสอร์ตไม่จัดห้องให้ตามที่จูนร้องขอ จูนก็เลยให้ทางรีสอร์ตหาห้องใหม่ให้จูนก็เท่านั้นค่ะ ไม่ได้วุ่นวายอะไรเหมือนอย่างที่เพลินตาว่าเลย”

“อืม...เป็นอย่างนี้หรอกเหรอครับ” คีตะพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างกัน “ว่าไงอิช ทำไมแกถึงไม่หาห้องให้คุณจูนตามที่เขาขอมา”

“โทรมาขอก่อนเช็กอินห้านาที คิดว่าฉันจะหาให้นางแบบของแกทันรึเปล่า” อิชยาสวนกลับพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ตรงมุมปาก หลังชำเลืองมองนางแบบสาวที่ยังคงเชิดหน้า ทำคอแข็งไม่ยอมลงอยู่ท่าเดิม

สงสัยจะใส่เหล็กดามคอไว้ เลยแข็งซะขนาดนั้น

ได้ยินดังนั้น คีตะก็เข้าใจทันที หันไปพูดกับคนที่ยืนเชิดหน้าอยู่ด้วยเสียงนุ่ม “ผมต้องขอโทษแทนไอ้อิชด้วยนะครับคุณจูน เอาเป็นว่าเดี๋ยวคุณจูนแลกห้องกับผมแทนก็แล้วกัน เพราะห้องของผมอยู่ฝั่งที่คุณจูนต้องการ”

“จริงเหรอคะ” สีหน้าของนางแบบสาวดีขึ้นทันตาเห็น ส่งยิ้มหวานหยดย้อยไปให้ทันที

“จริงครับ แต่คงต้องรอสักพัก เพราะผมต้องเก็บของออกจากห้องนั้นก่อน”

“ทำไมคุณคีต้องไปลำบากเพราะยัยจูนด้วยคะ” เพลินตาแหวขึ้นทันควัน เมื่อเห็นคีตะยอมอ่อนข้อให้ผู้หญิงมากเรื่อง

“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณเพลิน” คีตะส่งยิ้มละไมไปให้หญิงสาวผมยาวดัดลอนที่ทำหน้าบูดบึ้ง ทว่าหญิงสาวผมเรียบยาวสลวยอีกคนหนึ่งที่มัดรวบไว้หลวมๆ กลับยิ้มเยาะ พร้อมหันไปพูดกับชายหนุ่มเสียงใส

“ถ้าทำให้คุณคีลำบากขนาดนี้ จูนต้องขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ เอาเป็นว่าจูนไม่เปลี่ยนห้องแล้วก็ได้ อยู่ห้องเดิมที่ทางรีสอร์ตเตรียมเอาไว้ให้ก็ได้ค่ะ” เมถุนอารมณ์ดี จนคนรอบข้างปรับสีหน้าตามแทบไม่ทัน

“น้องจูนพูดจริงๆ เหรอคะ” บีหน้าตื่น ยิ้มกว้างอย่างดีใจ

“ก็จริงสิ จูนไม่อยากให้คุณคีลำบากใจ อะไรที่ช่วยกันได้ก็ช่วยไปใช่ไหมคะคุณริน” พูดแล้วโปรยยิ้มหวานให้ผู้จัดการสาวที่ทำหน้าปูเลี่ยนอยู่ข้างหน้า

“ค่ะ ขอบคุณที่คุณจูนเข้าใจนะคะ” ระรินยิ้มแห้ง หันไปพยักหน้าให้พนักงานยกกระเป๋าที่ยืนรออยู่ ก่อนพวกเขาจะเดินออกไปพร้อมกระเป๋าของนางแบบสาวยังบ้านพักหลังเดิมที่ต้องเป็นของเธอตั้งแต่ครั้งแรก

อิชยาที่มองอยู่ถึงกับต้องส่ายหน้าให้กับความปลิ้นปล้อนของเมถุนที่มีดีแต่หน้าตาและรูปร่าง ทว่านิสัยแย่สุดทน พร้อมภาวนาขอให้การถ่ายแบบในครั้งนี้ผ่านลุล่วงไปด้วยดี เพราะความอดทนของเขาสงวนไว้ให้คนที่มีเหตุผลเท่านั้น

“ถ้าอย่างนั้นเราแยกย้ายกันไปพักผ่อนก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมจะขอตัวไปดูสถานที่ถ่ายแบบวันพรุ่งนี้กับทีมงานก่อน เผื่อมีปัญหาอะไรจะได้แก้ไขทัน” คีตะพูดพลางมองหน้านางแบบทั้งสองสลับกันไปมา

“คุณคีเป็นเจ้าของนิตยสารไม่ใช่เหรอคะ แล้วทำไมถึงไม่ให้ลูกน้องทำงานกันเอง จะลงมาทำให้เหนื่อยทำไมกัน” เมถุนเอียงคอเอ่ยถามอีกฝ่ายอย่างคับข้องใจ

“ผมหวังกับเล่มนี้ไว้มากครับ” ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ ทอดสายตามองคนขี้สงสัยอย่างเอ็นดู

“ถ้าอย่างนั้นจูนจะไม่ทำให้คุณคีผิดหวังค่ะ” ว่าแล้วก็ชายตามองคู่แข่งอีกคนด้วยสีหน้าเป็นต่อ

“เพลินก็จะไม่ทำให้คุณคีผิดหวังเช่นกันค่ะ รับรองได้ว่ามืออาชีพแบบเพลิน งานไม่มีสะดุดแน่นอน” เพลินตาว่ากระทบนางแบบอีกคนอย่างจงใจ

“ผมต้องขอบคุณทั้งสองคนมากนะครับที่ทำเพื่อเราขนาดนี้”

“ไม่มีปัญหาค่ะ” แล้วทั้งสองก็พูดขึ้นมาพร้อมกัน ต่างฝ่ายต่างหันขวับมามองกันอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะแยกย้ายกันไปยังบ้านพักของใครของมัน ท่ามกลางสายตาหวาดหวั่นของทุกคนที่เห็นเหตุการณ์

“งานนี้ไม่หมูแน่ว่ะคี ท่าทางสองสาวที่แกจ้างมาไม่กินเส้นกัน จนแทบจะฆ่ากันอยู่แล้ว” อิชยาเอื้อมมือไปตบบ่ากว้างของเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยเอาไว้อย่างเห็นอกเห็นใจ

“ไม่หรอก ถึงคุณเพลินกับคุณจูนจะไม่ชอบหน้ากัน แต่ถ้าเป็นเรื่องงาน สองคนนี้มือโปรอยู่แล้วหายห่วง”

“ขอให้จริงเถอะว่ะ แต่ยังไงแกก็ระวังตัวไว้บ้างนะ ดูท่าแม่สองสาวคงไม่ได้แค่อยากขึ้นปกนิตยสารของแกอย่างเดียวเสียละมั้ง” อิชยายิ้มน้อยๆ พอจะเดาได้เลาๆ ว่าสองสาวนั้นมีความสนใจในตัวของคีตะอยู่มากทีเดียว

“ฉันรับมือได้อยู่แล้วไม่ต้องห่วง ยังไงก็ขอฝากสองสาวให้แกดูแลไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวฉันไปดูสถานที่ก่อน อ้อ...วันพรุ่งนี้อย่าลืมจัดโลเกชั่นให้ด้วย ถ้าอยากให้ฉันโปรโมตรีสอร์ตแก มันต้องช่วยกันว่ะ”

อันที่จริงรวยระดับอิชยาไม่จำเป็นต้องโปรโมตอะไรอีก เพราะเป็นถึงลูกชายคนเดียวของเจ้าของโรงแรมในเครือเดอะวัน ที่มีสาขาในสถานที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศไทยอยู่แล้ว ทว่าเป็นเขาเองที่ต้องการใช้สถานที่รีสอร์ตแห่งนี้ในการถ่ายแบบ

“ถ้านางมารร้ายไม่ออกอาละวาดอีก ฉันก็คงไม่ต้องออกโรงหรอกไอ้คี” อิชยาพูดขำๆ ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงานของใครของมัน แต่ใครจะรู้ว่านางมารร้ายไม่ได้มีอิทธิฤทธิ์เพียงเท่านี้...



เสียงเอะอะโวยวายที่ดังขึ้นมาจากห้องอาหารในเรือนรับรองด้านหน้า เรียกให้อิชยาที่กำลังดูโครงการพัฒนารีสอร์ตให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ศิลปะและวัฒนธรรมสมัยอยุธยาในห้องทำงานอีกฝั่งหนึ่ง ถึงกับต้องทิ้งงาน เดินออกมาจากห้องด้วยความตกใจ เพราะคิดว่าคงเกิดเหตุไม่ดีขึ้นกับแขกของรีสอร์ต ทว่าภาพที่เห็นเบื้องหน้า ก็ทำให้อารมณ์ตกใจแปรเปลี่ยนเป็นของขึ้น เมื่อเสียงที่ดังแว้ดๆ เป็นเจ้าของเดียวกับคนที่ทำเอาพนักงานต้อนรับทั้งหลายหัวหมุนทันทีที่เธอเหยียบย่างเข้ามา

“จูนบอกแล้วไงว่าจูนไม่กินผักที่ไม่ใช่ของโครงการหลวง” เมถุนพูดเสียงดังลั่นโต๊ะ โชคดีที่เย็นนี้คนค่อนข้างบางตา เพราะต่างออกไปเดินเที่ยวชมความงามของโบราณสถานยามค่ำคืน

“แต่ผักของเราก็ปลอดสารพิษนะคะคุณจูน รีสอร์ตเราปลูกเองทั้งหมด” ระรินพยายามตะล่อมด้วยความอดกลั้นอย่างที่สุด

“จูนไม่แคร์ว่าคุณจะปลูกเองหรือซื้อมา แต่ที่จูนอยากกินคือผักปลอดสารพิษของโครงการหลวงเท่านั้น” นางแบบสาวย้ำอีกครั้ง จนคนฟังแอบถอนหายใจยาว ทว่ายังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงทุ้มที่เคยได้ยินไปเมื่อตอนบ่ายอีกครั้ง

“ถ้าคุณไม่ติดยี่ห้อ ผักของเราก็ปลอดสารพิษเหมือนกัน” อิชยาเหลือบมองคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สาน ในชุดแม็กซี่เดรสเกาะอกลายดอกไม้น่ารัก ที่ช่างขัดกับนิสัยส่วนตัวของคนใส่ราวฟ้ากับเหว

“ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าผักของคุณปลอดสารพิษจริง ฉันไม่มั่นใจหรอกนะ เกิดคุณแอบเอาผักตามตลาดมาใส่ให้ฉันจะทำยังไง” เมถุนเบะปากใส่คนตัวสูงที่ยืนทำหน้าตึงอยู่ข้างๆ เสียดายที่พี่บีไม่ได้อยู่ด้วย เพราะต้องไปคุยงานกับคุณคีตะ ไม่งั้นเธอคงไม่ต้องมานั่งเรียกร้องสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเองให้เสียอารมณ์หรอก

“รับรองว่าเราไม่ทำอย่างนั้นกับแขกของเราแน่” ชายหนุ่มยกมือขึ้นกอดอก เป็นท่าทางที่ใครหลายๆ คนเห็นแล้วก็พอจะรู้ว่าเขากำลังพยายามใช้ความอดกลั้นมากขึ้น

“แค่ลมปาก ใครก็พูดได้”

“พูดอย่างนี้คงอยากเห็นด้วยตาตัวเอง” ว่าแล้วอิชยาก็ยิ้มมุมปาก หันไปสั่งลูกน้องที่ยืนรออยู่ทันที “เตรียมตะกร้าแล้วตามผมกับคุณจูนมาเลย”

“จะทำอะไร ฉันไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้น!” เมถุนแหวขึ้น เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินดุ่มๆ เข้าหา

“ก็ไปดูให้เห็นกับตาไง ว่าผักของเราปลอดสารพิษจริงๆ หรือว่าคุณดีแต่ปาก อันที่จริงก็แค่เรียกร้องความสนใจจากทุกคน”

“ฉันเนี่ยนะเรียกร้องความสนใจ?” หญิงสาวแค่นหัวเราะ มองหน้าคนที่ยืนอยู่ตั้งแต่หัวจรดเท้า “ฉันรักความสงบจะตาย ไม่เชื่อก็ลองถามใครดูก็ได้”

เหรอ...เป็นคำพูดที่ผุดขึ้นมาในใจของทุกคนที่ได้ยิน

“รักความสงบ?” ชายหนุ่มทวนคำ คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคมกล้าฉายแววขบขัน ก่อนจะพูดต่อ “เอาเป็นว่าถ้าคุณอยากจะอดตายเพราะไม่ได้กินผักปลอดสารพิษของโครงการหลวงก็เชิญ เพราะไม่มีใครที่นี่จะออกไปหาซื้อให้คุณได้ มันเป็นคำสั่งของผมเอง ได้ยินชัดไหมทุกคน...ถ้ามีใครขัดคำสั่งผม แล้วออกไปซื้อผักให้คุณจูน ผมตัดเงินเดือนครึ่งเดือน” ท้ายประโยค หันไปมองหน้าลูกน้องที่ยืนฟังอยู่

“คุณจะบ้าเหรอ พนักงานผิดอะไร ถึงจะไปตัดเงินเดือนเขา เพียงเพราะทำตามที่ฉันขอ ไร้เหตุผลสิ้นดี” ไอ้ที่พูดนี่...ไม่ได้มองดูตัวเองด้วยซ้ำ

“ก็ตามนั้น เผอิญเหตุผลมีไว้ใช้กับคนที่เข้าใจ แต่กับคุณคำนี้คงไม่มีความหมายหรอก อ้อ...แล้วถ้าคุณกลัวอดตาย ก็เปลี่ยนเมนูเป็นอย่างอื่นก็ได้ หมู เห็ด เป็ด ไก่ เรามีเยอะ”

“ฉันจะกินสลัดผักของโครงการหลวงเท่านั้น understand!”

“งั้นก็เชิญอดตาย” ว่าแล้วก็ไหวไหล่ เดินกลับไปยังห้องทำงาน ปล่อยให้คนที่รักสุขภาพยิ่งกว่าชีวิตของตนเองบ่นเป็นหมีกินผึ้งอยู่ด้านหลัง ก่อนเธอจะเดินปึงปังกลับไปยังบ้านพักที่อยู่ไม่ไกลจากเรือนรับรอง ท่ามกลางเสียงถอนหายใจของพนักงานทุกคนที่ต้องคอยมารองรับอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของนางแบบสาวเบอร์หนึ่งของเมืองไทย



เกือบสี่ทุ่มแล้ว...แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของบีแม้แต่น้อย เมถุนนึกโกรธผู้จัดการส่วนตัวที่ปล่อยให้โทรศัพท์มือถือของตัวเองแบตเตอร์รี่หมด หลังออกไปดูสถานที่กับคีตะได้ไม่นานนัก พร้อมโมโหเจ้าของรีสอร์ตที่แล้งน้ำใจและไร้สำนึกของผู้ให้บริการ ที่ปล่อยให้เธอต้องนอนท้องร้องโครกคราก เพราะไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว

นอนบิดตัวไปมาอยู่นาน เมถุนก็ตัดสินใจผุดลุกขึ้นหยิบเมนูอาหารบนโต๊ะหัวเตียงเพื่อดู แต่พอไล่สายตาดูรายชื่อเมนูอาหารแล้ว เธอก็ต้องสั่นหัว น้ำมันเยอะไปบ้าง ผักจะปลอดสารพิษรึเปล่า? ทว่าสุดท้ายก็ตัดสินใจให้เมนูยำคะน้ากุ้งสดชนะไปโดยปริยาย เพราะทนหิวไม่ไหว พอได้เมนูที่ต้องการแล้ว ก็หยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงขึ้นมากดหมายเลขตรงไปยังเรือนรับรองทันที

“สวัสดีค่ะ” เสียงระรินดังแว่วเข้ามาตามสาย

“สั่งอาหารหน่อยค่ะ”

“ขอโทษด้วยนะคะ ครัวของเราปิดไปตั้งแต่สามทุ่มแล้วค่ะ”

“อะไรนะ ยังไม่ทันจะสี่ทุ่มเลย ทำไมรีบปิดแล้วล่ะ?!?” เมถุนแหวขึ้นมาอย่างลืมตัว

“ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ค่ะ แต่มันเป็นระเบียบของทางรีสอร์ต ดิฉันไม่สามารถยืดเวลาได้ค่ะ”

“แต่ฉันยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ตอนกลางวันเลยนะ” นางแบบสาวโอดครวญ นี่มันคราวซวยของเธอชัดๆ!

“ที่เรือนรับรองมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไม่ทราบว่าคุณจู...” ยังไม่ทันที่ระรินจะพูดจบ ปลายทางก็กระแทกหูตัดสายดังโครม จนหญิงสาวต้องนิ่วหน้า ก่อนจะส่ายหัวไปมาอย่างหนักใจ กับนิสัยแย่ๆ ของคนดัง

“โดนอะไรอีกเหรอพี่ริน” พนักงานต้อนรับอีกคน เอ่ยถามรุ่นพี่ที่เพิ่งวางโทรศัพท์ลงบนเคาน์เตอร์ด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นอิทธิฤทธิ์ของนางมารร้ายไปเมื่อช่วงบ่ายและช่วงเย็น

“คุณนายเธอหิวน่ะ แต่ไม่สามารถเสวยมาม่าได้ understand” ระรินทิ้งท้ายด้วยคำพูดที่เพิ่งได้ยินไปของเมถุนเมื่อตอนเย็น ก่อนเสียงหัวเราะของสาวๆ สองสามคนจะดังขึ้นมาพร้อมกัน



หลังจากที่เพิ่งกระแทกหูโทรศัพท์ลงไป เมถุนก็อยากจะร้องไห้เสียเดี๋ยวนั้น ให้เธออดตายยังดีกว่าต้องกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่อุดมไปด้วยแป้งและผงชูรส ไร้ประโยชน์ต่อร่างกาย แถมยังทำให้ไขมันพอกพูน จนกลายเป็นเซลลูไลต์น่ารังเกียจพวกนั้น

นางแบบเครียด!

แต่ให้อดอาหารจนถึงเช้า เธอก็ทำไม่ได้อีกเช่นกัน หญิงสาวนอนดิ้นไปดิ้นมาอยู่พักใหญ่ พลันคำพูดของอิชยาก็ดังก้องขึ้นมาในสมองอีกครั้ง

‘ก็ไปดูให้เห็นกับตาไงว่าผักของเราปลอดสารพิษจริงๆ หรือว่าคุณดีแต่ปาก อันที่จริงก็แค่เรียกร้องความสนใจจากทุกคน’

ถ้าอิชยาไม่ได้โกหกเพื่อให้เธอตายใจ ก็แสดงว่ารีสอร์ตแห่งนี้มีแปลงผักปลอดสารพิษอยู่จริงๆ คิดได้ดังนั้นเมถุนก็ผุดลุกขึ้นมาควานหาเสื้อสะอาดสักตัว เพื่อออกไปล่าขุมทรัพย์ประทังชีวิต!

ท้องฟ้าเบื้องบนแปรเปลี่ยนเป็นสีนิลพร่างพรายด้วยกลุ่มดาวน้อยใหญ่ที่เรียงตัวกันอย่างไร้ระเบียบ ทว่ากลับมีแบบแผน จนทำให้มนุษย์สามารถถอดความเป็นจักรราศีต่างๆ ได้ และหนึ่งในนั้นก็เป็นที่มาของชื่อเธออย่างไม่ต้องสงสัย เมถุนแหงนมองฟ้ากระจ่างด้านบนอีกครั้ง หลังเปิดประตูห้องพักออกมา เธอไม่ได้กลัวภูตผีวิญญาณ หรือสิ่งมีชีวิตเร้นลับที่คนโบราณเล่าขาน แต่หญิงสาวกลัวฟ้าฝนไม่เป็นใจ ทว่าพอเห็นท้องฟ้าไร้เมฆบดบังเช่นนี้ ก็อุ่นใจไปได้เปลาะหนึ่ง ร่างสูงเพรียวค่อยๆ เดินฝ่าความมืดที่มีเพียงโคมไฟทางเดินทอดยาวไปตามถนน มุ่งหน้าสู่แปลงผักปลอดสารพิษตามป้ายนำทาง

แต่หญิงสาวก็แทบหัวใจวายตายไปเสียก่อน เมื่อเดินเข้าไปยังโรงเรือนขนาดใหญ่ที่ล้อมด้วยตาข่ายกันแมลง แล้วเห็นร่างเล็กๆ ของหญิงชราในชุดชาวสวน กำลังเดินดูผักต่างๆ ที่ปลูกเรียงรายกันอยู่บนรางแบบไฮโดรโปรนิกส์

“อุ๊ย! นั่นใครน่ะ” เมถุนเอ่ยถามไปด้วยใจหวั่นๆ แม้จะบอกว่าไม่กลัวสิ่งเร้นลับ แต่พอได้เจอกับตัวเองแล้ว มือไม้กลับเย็นเฉียบ ขนลุกไปทั้งร่าง

“ถ้าฉันเป็นผีแล้วหนูจะวิ่งรึเปล่า” คุณยายวัยน่าจะเลยแปดสิบ ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ผมยาวสีขาวโพลนถูกมวยเอาไว้ด้านบน พร้อมปิ่นเงินวาววับที่ปักอยู่ ขัดกับการแต่งตัวมอซออย่างสิ้นเชิง เห็นดังนั้น เมถุนก็ถอนใจอย่างโล่งอก นึกว่าจะเจอดีเข้าให้แล้ว

“แล้วยายมาทำอะไรที่นี่คนเดียวดึกๆ ดื่นๆ คะ” หญิงสาวเริ่มคลายกังวล เมื่อฝ่ายนั้นไม่ได้น่ากลัวเลยแม้แต่น้อย แถมยังคุยกับเธอเหมือนคนปกติ ผีที่ไหนจะหลอกคนได้แนบเนียนอย่างนี้?

“แล้วหนูล่ะ มาทำอะไรที่นี่ดึกดื่นคนเดียว” คุณยายถามกลับ ขณะก้มลงไปมองผักสลัดสีสดบนรางอย่างถูกอกถูกใจ

“จูนก็แค่มาเก็บผักไปกินเท่านั้นเอง” เมถุนบอกเสียงอ้อมแอ้ม

“ขอเจ้าของเขารึยัง”

“ต้องขอด้วยเหรอคะ นึกว่าจะเป็นบริการของโรงแรมที่เอาไว้ต้อนรับแขกวีไอพีอย่างจูน”

“ของทุกอย่างย่อมมีเจ้าของ จู่ๆ ไปเอาของเขามาระวังจะถูกแช่ง” สิ้นเสียงของคุณยาย หญิงสาวก็หน้ามุ่ยทันที ก่อนจะตอบกลับออกไปอย่างลืมตัว

“แล้วยายล่ะคะ มาทำอะไรดึกๆ ดื่นๆ คนเดียว มาแอบขโมยผักเหมือนกันรึเปล่า” เมถุนแทบจะกัดลิ้นตัวเองหลังพูดคำว่า ‘เหมือนกันรึเปล่า’ ออกไป ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นไม่รู้ไม่ชี้ รอฟังคำตอบจากคุณยายที่แย้มยิ้มออกมาน้อยๆ

“ฉันไม่ได้มาขโมยของใคร แค่มาเดินเล่น”

“เดินเล่นกลางค่ำกลางคืนคนเดียวเนี่ยนะ บรึ๊ย...ยายไม่กลัวเหรอ บรรยากาศน่าขนลุกจะตาย”

“ฉันชินแล้ว ชอบออกมาเดินเล่นตอนกลางคืน อากาศมันเย็นดี”

“ยายเป็นคนแปลกจัง ว่าแต่เป็นอะไรกับเจ้าของรีสอร์ตรึเปล่าคะ บ้านอยู่ไหน ไกลรึเปล่า ออกมาเดินคนเดียวค่ำๆ มืดๆ อย่างนี้อันตรายนะ ให้จูนเดินไปส่งไหมยาย” เมถุนถามเป็นชุด จนคนถูกถามเผลอหัวเราะออกมาเบาๆ

“ถามมากความจริง ฉันกลับก่อนดีกว่า แต่ไม่ต้องไปส่ง ฉันกลับของฉันเองทุกวัน” คุณยายโบกมือไปมา ก่อนจะเดินท่อมๆ ออกไปทางประตูหลัง ไม่สนใจคนที่ร้องเรียกอยู่ด้านหลังแม้แต่น้อย

เมื่อร่างเล็กๆ ของคุณยายหายลับไปแล้ว ความหิวก็แสดงอาการอีกครั้ง เมถุนจึงเลิกสนใจ หันไปมองผักสดๆ ที่ชูช่อสลอน รอให้เธอเด็ดกินตรงหน้า ราวกับคิวบุฟเฟ่ต์ในภัตตาคารชื่อดัง

“รอดตายแล้วยัยจูน” ว่าแล้วก็เดินไปดึงผักสดขึ้นมาอย่างดีใจ จึงไม่ทันได้สังเกตเงาของใครบางคนที่กำลังใกล้เข้ามา

คืนนี้อิชยาไม่ได้ตั้งใจจะกลับบ้านดึก ทว่าเขามีเหตุจำเป็นที่ต้องอยู่เคลียร์งานจนเสร็จ บ้านของเขาอยู่ในพื้นที่ของรีสอร์ต แต่แยกเป็นสันโดษด้าน หลังท่ามกลางป่าเทียม เส้นทางนั้นต้องเดินผ่านโรงปลูกผักแบบไฮโดรโปรนิกส์ที่เขาเองภูมิใจนักหนา เพราะเป็นผักปลอดสารพิษร้อยเปอร์เซ็นต์ แถมยังเป็นจุดขายของรีสอร์ตที่คนให้ความสนใจอีกแห่งหนึ่งด้วย

ทว่าคืนนี้ในโรงเรือนผักไฮโดรโปรนิกส์กลับดูแปลกตา เมื่อเห็นว่าประตูด้านหน้าเปิดอ้าทิ้งไว้ ชายหนุ่มใจหายวาบ กลัวว่าแมลงกลางคืนจะใช้โอกาสนี้ไปกัดกินพืชผักจนเสียหาย อิชยาจึงเร่งฝีเท้าตรงเข้าไปที่โรงเรือนดังกล่าว นึกโมโหคนดูแลโรงเรือนอยู่ในใจที่เผลอเปิดประตูทิ้งไว้เช่นนี้

แต่ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปตรวจดูความเรียบร้อย ชายหนุ่มก็ต้องขนพองสยองเกล้า เมื่อเห็นร่างของผู้หญิงคนหนึ่งท่ามกลางความมืดสลัว กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่บนแปลงผักของเขา ก่อนหญิงสาวผมยาวผู้นั้นจะหันกลับมา พร้อมผักสลัดที่ห้อยคาปากดูน่ากลัว จนอิชยาเผลอร้องตะโกนออกมาเสียงดัง ขนลุกไปทั้งตัว

“เฮ้ย...กระสือ! กูเจอดีแล้ว!”




ดารานิล
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 มี.ค. 2556, 00:07:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ต.ค. 2556, 14:26:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 1720





<< 1. เดอะวัน แอต อโยธยา   3. สลัดผักกับนิทานปรัมปรา >>
พันธุ์แตงกวา 14 มี.ค. 2556, 01:00:12 น.
เฮ้ย! ลงตอนใหม่แล้วเหรอ แซงอ่ะแซง555
ชอบเรื่องนี้มากกกก อ่านไปก๊ากไป ถึงกับตีอกชกตัว นังจูน เธอออสก้าเหลือร้าย
เล่มนี้ออกเมื่อไหร่จะซื้อแจกเพื่อน 5 เล่มเลย


wane 14 มี.ค. 2556, 02:26:51 น.
555+ ยัยจูนกลายเป็นปอบหยิบไปซะแล้ว


sugar 14 มี.ค. 2556, 05:06:46 น.
สนุกจังค่ะ รออ่านนะคะ ^^


goldensun 14 มี.ค. 2556, 07:59:56 น.
ไม่ต้องรับ -- ไม่ต้อนรับ
ฮามาก ตอนนี้ จูนทั้งขี้วีน เหวี่ยง หลงตัวเอง แอ๊บอีกต่างหาก
คู่จูนคงไม่พ้นอิชแน่ ขำ จูนกลายเป็นกระสือไปแล้ว อิชตาลายจนเห็นแต่หัวจูนแล้ว ถึงว่าเป็นกระสือ


Pat 14 มี.ค. 2556, 08:12:57 น.
กินดิบๆเลยเรอะจูนเอ้ย


nunoi 14 มี.ค. 2556, 09:05:13 น.
ฮาอ่ะ ยัยจูนกลายเป็นกระสือ ไปซะงั้น


Zephyr 14 มี.ค. 2556, 09:44:33 น.
โห แรงงงงง กระสือ 555
อะไรจะหิวปานนั้น กินแบบนั้นไม่โรคจิตอีกเรอะว่าไม่สะอาดอ่ะ ยังไม่ได้ล้างเลย


kaelek 14 มี.ค. 2556, 11:33:08 น.
555 พระเอกกลัวปอบ


pkka 14 มี.ค. 2556, 20:50:07 น.
กร๊ากกก


anOO 15 มี.ค. 2556, 12:07:11 น.
นางเอกเรานิสัยแย่เกินทนจริงๆ ยังดีนะที่ปอบลงแล้วกินแค่ผักก็ได้


kaze 18 มี.ค. 2556, 02:02:16 น.
5555555555 ปวดท้องค่ะ 5555555555 หยุดขำไม่ได้


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account