โองการแช่งรัก
เกิดมาตั้ง 29 ปีอยากมีแฟนกับเขาสักทีทำไมมันยากยิ่งกว่าตามหามักกะลีผล ก็เธอทั้งสวย ทั้งรวย ทั้งเริ่ด! แต่ทำไมไม่มีใครตกหลุมเลยสักคน มันต้องมีใครแอบมาแช่งชักหักกระดูกเอาไว้ให้อกหักรักคุดตลอดชาติแน่ๆ!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 3. สลัดผักกับนิทานปรัมปรา

“ว้าย มีกระสือด้วยเหรอ!” เมถุนหวีดลั่น โผเข้าหาคนร่างสูงที่ยืนตัวแข็งด้านหน้าทันที อิชยาหัวใจแทบวาย เมื่อเห็นผีสาวผมยาวปากคาบผักสลัดพุ่งเข้าใส่

“เฮ้ย...อย่าเข้ามา! ไปที่ชอบๆ เถอะ!” ชายหนุ่มตกใจจนไม่สามารถขยับขาได้ มือไม้เย็นเฉียบ ยิ่งมันวิ่งเข้ามาใกล้ เขาก็ยิ่งใจอ่อน กระทั่งแสงไฟจากด้านนอกส่องมากระทบใบหน้าสวยคมที่ดูตื่นตกใจ หอบหิ้วเสื้อยืดที่เต็มไปด้วยผักสลัดในอ้อมแขน อิชยาก็ปล่อยก๊ากออกมาทันที

นึกว่าผีที่ไหน ที่แท้ก็ผีตายท้องโบ๋นี่เอง!

“ฮือๆ พาฉันกลับที ฉันกลัวกระสือ!” เมถุนแทบจะร้องไห้ แต่พอเห็นอาการหัวเราะจนหยุดไม่ได้ของผู้ชายตัวโต หญิงสาวก็ชะงักกึก งุนงงกับอารมณ์ผีเข้าผีออกของเขาจนทำตัวไม่ถูก

“หัวเราะอะไร?!? แล้วกระสือล่ะ!” พูดทั้งที่ยังหอบผักของเขาเอาไว้เต็มอก

“ก็อยู่แถวนี้ๆ” อิชยาพยายามฝืนหยุดหัวเราะและพูดออกมาอย่างยากเย็น เพียงเท่านั้นคนฟังก็เริ่มเข้าใจว่ากระสือนั้นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ก็ตัวเธอเองนี่แหละ!

“บ้า สวยๆ อย่างฉันจะเป็นกระสือได้ยังไง!” หญิงสาวแหวลั่น ดีที่ผักสลัดในปากหลุดออกไปตั้งแต่ตอนวิ่งเข้าใส่คนตรงหน้า ไม่เช่นนั้นคงมีหลักฐานคาปากปฏิเสธไม่พ้น ทั้งที่จริงหลักฐานสำคัญมันอยู่ในอ้อมแขนเธอนั่นเอง

“ถ้าหิวขนาดนี้บอกผมก็ได้ ไม่จำเป็นต้องแอบมาขโมยกินผักดึกๆ ดื่นๆ หรอก แถมยังกินคารางไม่ล้างอีกต่างหาก” แม้จะเคืองคนขี้ขโมยอยู่บ้าง แต่ก็อดขำไม่ได้ ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยเจอใครหิวจนปอบลงอย่างเธอผู้นี้มาก่อน

“ใครบอกฉันกินคาราง แค่ชิมเฉยๆ ย่ะ ไม่ได้กินสักหน่อย”

“ห้อยเต็มปากยังบอกว่าไม่ได้กิน ระวังจะเจอพยาธิคลานออกตูด”

“ยี้ แสดงว่าผักที่นี่สกปรกไม่ได้มาตรฐาน!”

“ถ้าจะกินแบบคุณผักที่ไหนก็ไม่ได้มาตรฐานทั้งนั้นแหละ ผมรับรอง” ว่าแล้วก็ชำเลืองมองผักสลัดที่อยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่ายอย่างจับผิด “แล้วผมก็ไม่ได้อนุญาตให้ใครหน้าไหนมาแอบขโมยผักไปกินตอนกลางคืนด้วย”

“ฉันไม่ได้ขโมย แค่เดินมาเอาก่อน แล้วค่อยจ่ายเงินทีหลัง อย่ามาใส่ความฉันนะ” เมถุนตีหน้ามึน ไม่รับผิดท่าเดียว

“งั้นก็จ่ายเงินค่าผักที่คุณหอบเอาไว้ กับที่กินไปแล้วบางส่วนมา” อิชยายกมือขึ้นกอดอก เหล่มองคนร่างระหงที่ยังเชิดหน้าไม่สำนึกสักนิด

“เท่าไร” หญิงสาวพูดเสียงแข็ง แม้จะรู้สึกเสียหน้าจนแก้มร้อนผะผ่าวก็ตามที

“ไม่ต้องจ่ายเป็นเงิน แค่ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไป คุณเลิกทำตัววุ่นวายน่ารำคาญก็พอ แล้วผมจะแถมให้โดยเอาผักที่คุณขโมยผมมาไปทำสลัดน้ำใสให้กินคืนนี้ แล้วจะเก็บเอาไว้ให้เผื่อวันถัดไปด้วย ตกลงไหม” ชายหนุ่มเอ่ยปาก เพราะเสียดายผักสดที่คาดว่าจะกินไม่หมด ไม่ได้เกิดจากความชอบพออะไรทั้งสิ้น

ได้ยินดังนั้นนางแบบสาวก็นิ่งไปเพื่อใช้ความคิด สมองประมวลผลอย่างรวดเร็ว งานนี้เธอมีแต่ได้ไม่มีเสีย นอกจากจะได้กินฟรีแล้ว แค่ทำตัวดี มันง่ายยิ่งกว่าคลิกสั่งเครื่องสำอางในอินเทอร์เน็ตเสียอีก เพราะเธอก็เป็นคนดีที่สุดในโลกอยู่แล้ว!

“แต่คุณจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครใช่ไหม” เมถุนพูดขึ้นมาเพื่อปกป้องชื่อเสีย(ง)ของตัวเอง

“ไม่ ตราบใดที่คุณไม่สร้างความวุ่นวายให้รีสอร์ตผมอีก”

“งั้นก็ตกลง อะ...รับไป” ว่าแล้วก็ยื่นผักในอ้อมแขนให้คนตรงหน้าที่ยืนนิ่งทำหน้าตึงอยู่

“ผมไม่ใช่คนใช้ อยากกินก็หอบผักเดินตามมา” พูดเสร็จร่างสูงใหญ่ของเจ้าของรีสอร์ตก็เดินนำลิ่วตรงไปยังบ้านไม้สองชั้นด้านหลัง ท่ามกลางความวังเวงของป่าเทียมที่เขาสร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์

หญิงสาวเบะปากใส่คนตัวใหญ่ ก่อนจะเร่งฝีเท้าตามไป ด้วยกลัวว่าจะเจอ ของดี เข้าให้ เพราะต้นไม้แถบนี้น่ากลัวน้อยเสียเมื่อไหร่ สูงใหญ่ราวกับป่าของจริงที่เห็นได้ตามป่าดงดิบทั่วไป

“จะสร้างเป็นป่าทำไม น่ากลัวจะตาย สวนดอกไม้สวยกว่าตั้งเยอะ” เมถุนเปรยขึ้น เข้าหูคนที่เดินนำหน้าทันที

“ป่าสิดี ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซน์ แถมช่วยให้ร่มเงาได้อีก” อิชยาหันมาบอกคนที่หอบผักเดินตามหลังมาไม่ห่าง

“แล้วคุณไม่กลัวเหรอ อยู่บ้านคนเดียวกลางป่าอย่างนี้น่ะ”

“ถ้ากลัวก็คงไม่อยู่” พูดเสร็จ ก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีก เพื่อตัดบทสนทนา เป็นเหตุให้คนที่เดินตามต้องซอยเท้าให้เร็วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะแอบบ่นเขาอยู่ในใจ

ทว่าบ้านไม้สองชั้นทรงไทยขนาดกะทัดรัดที่แฝงตัวอยู่กลางป่าด้านหลัง ก็เรียกรอยยิ้มพอใจจากคนที่เดินหอบผักอยู่ได้ไม่ยาก ตรงระเบียงกว้างด้านบนมีโต๊ะไม้ถูกจัดวางเข้าชุดเพื่อรับแขก ถัดเข้าไปเป็นห้องหับที่กะประมาณจากสายตาน่าจะไม่ต่ำกว่าสองห้อง ส่วนด้านล่างเปิดโล่งไว้ มีโต๊ะกลมใหญ่จัดอยู่ตรงกลาง ถัดเข้าไปเป็นห้องครัวซึ่งหญิงสาวเดาเอาว่าเขาคงจะใช้ที่นี่ในการทำสลัดผักให้เธอ

“บ้านคุณสวยจัง” นับเป็นคำชมแรกที่หญิงสาวจอมวีนมีให้กับชายหนุ่ม อิชยายิ้มรับเล็กน้อย เดินตรงไปห้องครัวที่ตกแต่งเป็นแบบทันสมัยมีโต๊ะใหญ่อยู่กลางห้อง พร้อมเคาน์เตอร์ครัวติดกับหน้าต่างอีกด้านหนึ่ง ก่อนจะจัดการกับผักมากมายที่อีกฝ่ายเก็บมา

“แบ่งผักที่จะกินออกมา แล้วเอาไปล้างให้สะอาด” ชายหนุ่มเอ่ยปากสั่งทันที

“ทำไมฉันจะต้องทำด้วย คุณบอกว่าจะทำให้ฉันไม่ใช่รึไง” เมถุนแย้งทันควัน

“ผมบอกว่าจะทำสลัดให้ ไม่ได้บอกว่าจะล้างให้ เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า” อิชยายืนเท้าสะเอว เหล่ตามองหญิงสาวหุ่นเพรียวตรงหน้าอย่างระอาใจ

“ฉันล้างไม่เป็น”

“ไม่เป็นก็ไม่ต้องกิน”

“แต่คุณบอกจะทำให้ฉัน!”

“เบื่อพูดประโยคเดิม ซ้ำซาก เสียเวลา” พูดเสร็จ เจ้าของรีสอร์ตรูปหล่อก็เดินออกไปจากห้องครัวเสียดื้อๆ ปล่อยให้เมถุนยืนทำหน้าง้ำอยู่กลางห้อง ก่อนเธอจะโพล่งขึ้นมาเสียงดัง

“ล้างก็ได้ กลับมาทำให้ฉันสิคุณอิช!” ได้ยินดังนั้นคนที่ยืนหันหลังอยู่ก็กระตุกยิ้ม เดินกลับมาหาคนที่ทำหน้าบูดบึ้งอย่างอารมณ์ดี

“ในที่สุดก็สื่อสารกันเข้าใจสักที” อิชยาเปรยออกมา หลังยืนกอดอกมองนางแบบสาวโยนผักทั้งหมดลงในอ่างล้างจานบนเคาน์เตอร์ปูนขัดมันอย่างไม่ทะนุถนอม

“เฮ้ย...แบ่งผักก่อนสิ เดี๋ยวผักที่ยังไม่กินก็เน่ากันหมดพอดี” ชายหนุ่มโวยลั่น เมื่อเห็นฝ่ายนั้นไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เขาพูดเมื่อสักครู่นี้

“อ้าว...ก็คุณบอกให้ฉันล้างนี่” เมถุนค้อนขวับ ยกมือขึ้นเท้าสะเอวมองหน้าคนตัวใหญ่กว่าอย่างเอาเรื่อง

“ผมบอกให้แบ่งล้าง ถ้าล้างแล้วเก็บไว้ ผักก็เน่ากันพอดีสิคุณ ไม่เคยเข้าครัวบ้างรึไง”

“ไม่เคย!”

“ถ้าไม่เคยก็ต้องฟัง เพราะถ้าไม่ฟังก็เชิญเดินออกไปได้เลย”

“โอ๊ย...ก็ได้ๆ!” หญิงสาวฉุนกึก “ผู้ชายบ้าอะไร จู้จี้จุกจิกยิ่งกว่าผู้หญิงซะอีก ถามจริงคุณเป็นตุ๊ดรึไง”

แต่อีกฝ่ายไม่ตอบ กลับเม้มปากขึ้นเป็นเชิงบอกให้รู้ว่าเขาเริ่มรำคาญแล้ว และถ้าเธอยังไม่หุบปากภายในสิบวินาทีนี้ มีหวังถูกเฉดหัวออกจากบ้านไปทั้งที่ยังหิวท้องกิ่วแน่

เห็นดังนั้น เมถุนจึงหันไปก้มหน้าก้มตาแยกผักที่อยากกินออกมาจากผักกองโต ซึ่งวางเรียงรายอยู่ในอ่างล้างจานด้านหน้าอย่างกระฟัดกระเฟียด

“แยกเสร็จก็ล้างซะ จะได้เอามาเด็ดทำสลัดผัก” ได้ยินเสียงเรียบๆ ของอิชยา คนที่ถูกสั่งก็พ่นลมออกมาอย่างขัดใจที่ไม่สามารถแสดงอิทธิฤทธิ์อะไรได้ เนื่องจากความหิวมันค้ำคออยู่ ก่อนจะจัดการล้างผักที่แยกออกมา จนกระทั่งถึงขั้นตอนสุดท้าย

“เด็ดผักออกมาเป็น...”

“โครกกก” ทว่าเสียงท้องร้องของคนหิว ก็ดังขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน ได้ยินดังนั้นชายหนุ่มก็อดขำไม่ได้ หัวเราะออกมาทั้งที่ยังพยายามปั้นหน้าขรึมอยู่

“หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้นะ!” เมถุนหน้าร้อนผะผ่าว อายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี กับอาการพยศของท้องตัวเอง

“เอ้าๆ ถือว่าสงสารผีท้องโบ๋ก็แล้วกัน เดี๋ยวผมจะช่วยเอาบุญ” ว่าแล้วก็กลั้นหัวเราะ เดินเข้าไปแย่งผักในมือของคนที่ยืนเข่นเขี้ยวอยู่ข้างๆ มาเด็ดเสียเอง

หญิงสาวเห็นดังนั้น จึงยื่นผักทั้งหมดให้อีกฝ่าย อิชยาไม่ว่าอะไรเพราะความสงสารปนขำ จึงจัดการผักเหล่านั้นจนเสร็จ ปล่อยให้ผีท้องโบ๋เตรียมจานมาใส่ในขั้นตอนสุดท้าย

“คุณทำอาหารเป็นด้วยเหรอ” เมถุนถามขึ้นด้วยความสงสัย เมื่อเห็นท่าทางคล่องแคล่วของชายหนุ่มตรงหน้า

“ก็พอทำเป็นบ้าง กันตาย” ว่าแล้วก็จัดการเทน้ำสลัดสีใสจากโถแก้วในตู้เย็นที่เอาออกมาเตรียมไว้ ลงบนผักสลัดในจานตรงหน้า

“คนงาน ลูกจ้าง ก็ออกจะตั้งเยอะ ทำไมไม่ใช้พวกนั้นล่ะ คุณจะเหนื่อยทำไม” สิ้นเสียงของคนที่นั่งมองเขาตาเขม็ง อิชยาก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง

“เขามีหน้าที่ของเขา ผมไม่ได้จ้างเขามาเพื่อมาคอยรับใช้” ชายหนุ่มพูดพลางเลื่อนจานสลัดไปให้คนตรงหน้าอย่างระอาใจกับมุมมองต่อผู้อื่นของหญิงสาวคนนี้

“ก็แล้วแต่คุณ” พูดเสร็จเมถุนก็ยักไหล่ ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เพราะตอนนี้เธอหิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว ทันทีที่ตักผักสดๆ กับน้ำสลัดรสชาติกลมกล่อมเข้าปาก เธอก็พยักหน้าออกมาด้วยความพอใจ จนคนที่มองอยู่ถึงกับยิ้มออกมา

“อร่อย” เมถุนชมจากใจจริง ไม่รู้ว่าเธอหิว หรือเพราะมันอร่อยจริงๆ ทว่าเธอก็ยังตักมันเข้าปากอยู่เรื่อยๆ จนอีกไม่กี่นาทีต่อมา สลัดผักก็อันตรธานหายวับราวกับถูกธรณีสูบ

“ไง...อร่อยลืมอ้วนเลยเหรอ” อิชยาอดกระเซ้าไม่ได้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายกินจนลืมไปว่าเขายังนั่งมองอยู่ไม่ห่าง

“กินแต่ผักไม่อ้วนหรอก” หญิงสาวค้อนขวับ

“ส่วนผักที่เหลือผมจะเก็บเอาไว้ให้พนักงานทำสลัดให้คุณวันอื่นก็แล้วกัน วันนี้กินเสร็จแล้วก็ล้างจาน แล้วกลับห้องไปซะ”

เมื่อเห็นว่านางแบบสาวกินเสร็จแล้ว ก็ออกปากไล่ทันที ไม่มีแม้แต่มิตรภาพดีๆ ที่สุภาพบุรุษพึงมีให้สุภาพสตรี เพราะตอนนี้มีเพียงแค่ผู้ชายที่โหยหาที่นอนนุ่มๆ เพราะนอนน้อยติดกันมาหลายวัน แถมวันพรุ่งนี้ก็ยังต้องตื่นเช้าไปคุมสถานที่ถ่ายแบบให้กองถ่ายเพื่อน กับหญิงสาวที่เป็นทั้งนางมารร้ายและกระสือผู้หิวโหยในเวลาเดียวกัน

“คุณเดินไปส่งฉันหน่อยสิ” เมถุนพูดพลางยิ้มอ้อน เมื่อฉุกคิดขึ้นได้ว่าป่าด้านนอกนั่นน่ากลัวน้อยเสียเมื่อไหร่

“ทีตอนเดินไปแอบขโมยกินผักชาวบ้าน ทำไมถึงไปเองได้ จากบ้านผมไปห้องคุณก็ไม่ได้ต่างกันเลย”

“นะๆ คุณอิชยา คุณดูฉันสิ...ออกจะสวย รวย หุ่นดี เป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ ทั้งประเทศ แล้วอย่างนี้คุณจะปล่อยให้ฉันเดินกลับคนเดียวดึกดื่นค่อนคืนอย่างนี้เหรอ” ได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มก็แทบจะสำลักน้ำลายตัวเอง ผู้หญิงอะไร หลงตัวเองชะมัด

“อยากได้คนไปส่งใช่ไหม” อิชยาหรี่ตามองคนตรงหน้าอีกครั้ง ก่อนจะบุ้ยปากไปยังจานกระเบื้องวาววับไร้เศษผักที่อยู่เบื้องหน้าของหญิงสาว “งั้นก็ล้างจานก่อน แล้วจะไปส่ง”

“โธ่...แค่นี้เอง นึกว่าอะไร” เมถุนยิ้มกว้าง กุลีกุจอเก็บจานของตัวเองไปล้างจนเรียบร้อย แล้วจึงหันมาส่งยิ้มให้คนตัวสูงที่ลุกขึ้นยืนมองอยู่อีกครั้งหนึ่ง

“เสร็จแล้วก็ออกไปจากบ้านผมได้เลย มีคนรอไปส่งคุณข้างนอกแล้ว”

“อะไรนะ ไม่ใช่คุณหรอกเหรอที่จะไปส่งฉัน?” หญิงสาวหน้าเหวอทันที เมื่อได้ยินที่เขาพูด

“ใครบอกผมจะไปส่งคุณ กินเสร็จแล้วก็รีบๆ ออกไปจากบ้านผมเถอะ ง่วงจะตายอยู่แล้ว” อิชยาบอกปัด อ้าปากหาวขึ้นมาทันที เพราะในระหว่างที่เมถุนหันไปล้างจาน เขาได้ส่งข้อความไปเรียกอัศวินส่วนตัวมารอรับช่วงต่อไว้เรียบร้อยแล้ว

“ไม่ใช่คุณแล้วจะเป็นใคร?”

“ไมเคิลเองครับคุณจูน” แล้วเสียงห้าวๆ ของใครบางคนก็ดังขึ้นหน้าประตู เมถุนที่ยืนงงอยู่จึงหันไปมองทันที ก็พบกับชายหนุ่มอายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ ผมหายไปครึ่งหัว ล้านเตียนไปจนถึงกลางกระหม่อม เหลือด้านหลังและกระจุกเล็กๆ สองข้างซ้ายขวาคล้ายขุนช้าง จมูกบี้แบนไม่ได้รูป แถมฟันหน้าด้านบนยังลาโลกไปแล้วสองซี่ ตัวดำเป็นเหนียง แต่อาจหาญใส่เสื้อสีส้มสะท้อนแสง กับกางเกงบอลสีเขียวสะอื้น ขาสั้นม่อต้อ ยืนยิ้มแฉ่ง โชว์ฟันหลออยู่อย่างภาคภูมิใจ

“ฉันไม่ไปกับนายหรอกนะ!” เมถุนแหวขึ้นมาด้วยความตกใจ ให้เดินกลับคนเดียวยังอุ่นใจกว่าไปกับน้องชายขุนช้าง!

“ไม่ไปกับไมเคิล คุณก็เดินกลับเองแล้วกัน” อิชยากลั้นยิ้ม เมื่อเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่ายเมื่อเห็น ‘ไมเคิล’ หรือ ‘ไม้ขอน’ คนสวนที่เขาไว้วางใจ ถึงแม้ไม้ขอนจะสติไม่ค่อยดีมาตั้งแต่เกิด ทว่าเด็กหนุ่มคนนี้ก็ไม่เคยทำอะไรนอกลู่นอกทาง เขาสั่งให้ทำอะไร ไม้ขอนก็ทำอย่างนั้น แถมทำมันอย่างไม่มีที่ติเสียด้วย ไม้ขอนเป็นเด็กกำพร้าไม่รู้ว่าพ่อแม่ที่แท้จริงคือใคร ที่ได้ชื่อว่าไม้ขอน เพราะหลวงตาที่วัดแถบนี้ไปเจอเด็กทารกผู้หนึ่งถูกวางทิ้งเอาไว้บนขอนไม้ข้างวัด หลวงตาจึงอุ้มมาชุบเลี้ยง และตั้งชื่อให้ว่าไม้ขอน แต่ชื่อไมเคิลเพิ่งได้มาไม่กี่ปีมานี้ หลังจากมาช่วยงานของชายหนุ่ม และถูกแขกฝรั่งเรียกเพี้ยนเป็นไมเคิล ซึ่งกลับกลายเป็นชื่อที่เจ้าตัวชื่นชอบ จนลืมชื่อเก่าไปโดยปริยาย

“ไม่! ฉันไม่ไว้ในนายไมเคิลอะไรของคุณทั้งนั้น คุณอิช...คุณต้องไปส่งฉันเดี๋ยวนี้!” แต่เสียงแหลมๆ ของหญิงสาวก็เป็นเพียงแค่ลมผ่านหู เมื่อชายหนุ่มไม่ใส่ใจ บิดขี้เกียจไปมา

“แสบแก้วหู ถ้าคุณไม่ไปกับไมเคิล ก็เลิกทำเสียงดังซะที แล้วเดินออกจากบ้านผมไปซะ อ้อ...แต่ก่อนไป ไมเคิลมีนิทานจะเล่าให้ฟังแน่ะ” อิชยายิ้มมุมปาก แล้วหันไปพยักหน้าให้กับอัศวินประจำกายทันที

“นิทานอะไร?”

“อ๋อ...นิทานที่นายเคยเล่าให้ไมเคิลฟังน่ะครับ เกี่ยวกับความเป็นมาของที่ผืนนี้ มันเคยเป็นสนามรบระหว่างพม่ากับไทย มีศพกองอยู่บนที่ดินนี้เป็นพัน ชาวบ้านได้ยินเสียงโหยหวน...”

ได้ยินดังนั้น เมถุนก็ร้องว้าย รีบหันไปมองร่างสูงของอิชยาที่ควรจะยืนอยู่ด้วยกันในห้องครัว ทว่ากลับเห็นเพียงแค่แผ่นหลังกว้างที่เดินออกไปยังประตูอีกบาน ที่ต่อกับตัวบ้านทอดไปยังบันไดด้านหลัง ซึ่งเธอไม่เคยรู้มาก่อนว่ามี

“กลับมาเดี๋ยวนี้นะคุณอิช กล้าดียังไง ทิ้งฉันเอาไว้ที่นี่!” หญิงสาวโวยลั่น ยกมือขึ้นปิดหู ไม่อยากฟังนิทานของไม้ขอนท่าเดียว

“ไม่ๆ ไม่ต้องเล่าอะไรทั้งนั้น ฉันขอร้องนะไมเคิล!” แม้เธอจะเป็นคนไม่กลัวผี แต่เมื่อต้องมาฟังเรื่องราวสยองขวัญผ่านผู้ชายที่มีใบหน้าท่าทางไม่ต่างจากเรื่องที่กำลังเล่า หญิงสาวก็ขนหัวลุกได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

“แต่ไมเคิลยังเล่าไม่จบเลยนะครับคุณจูน” ไมเคิลหน้าเบ้ เขาต้องทำตามคำสั่งของนายให้ลุล่วงด้วยดีในทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องนิทานที่นายเคยพูดว่ามันเป็นเรื่องตลกไว้แหกตาชาวบ้านเท่านั้น!

“ไม่...ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น แล้วนายก็ไม่ต้องตามฉันกลับห้องด้วย!” ว่าแล้วเมถุนก็ทำตัวลีบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เดินผ่านไม้ขอนที่เบี่ยงตัวหลบให้ เมื่อเห็นเธอเดินปิดหูออกมา

ถ้าเดินโดยไม่ใช้ตาได้ ฉันก็ปิดตาไปแล้วละย่ะ ไม่อยากเห็น!

“ไม่ได้หรอกครับ ถ้านายสั่งให้ทำอะไรไมเคิลก็ต้องทำตาม งั้นเอางี้ก็ได้ครับ เดี๋ยวไมเคิลจะเดินตามไปส่งคุณจูนถึงหน้าบ้านพักเลย แล้วจะเล่านิทานเรื่องนี้ให้ฟังไปด้วย” ไม้ขอนยิ้มกว้าง เมื่อคิดอะไรดีๆ ออก

“อย่า! ขอร้องละ...อย่าตามฉันมา ไปที่ชอบๆ เถอะนะ” พูดเสร็จหญิงสาวร่างเพรียวระหงก็เดินฉับๆ ออกไปจากบ้านทรงไทยไวว่อง โดยมีชายหนุ่มร่างสันทัดเดินตามไปติดๆ พร้อมเล่านิทานที่ฟังแล้วต้องขนพองสยองเกล้าไปตลอดทั้งทาง

อิชยาที่แอบมองผ่านหน้าต่างบนห้องนอนของตัวเอง ถึงกับกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นเมถุนวิ่งหน้าตั้ง เอามืออุดหู ตรงไปยังบ้านพักของตนเอง โดยมีไม้ขอนตามไปส่งอย่างใกล้ชิด ผู้หญิงที่ไม่ระแวดระวังภัยให้ตัวเอง ต้องโดนอย่างนี้เสียบ้างถึงจะรู้สึก ว่าการเดินเฉิดฉายไปไหนมาไหนคนเดียวในยามค่ำคืน มันไม่เป็นผลดีต่อใครทั้งสิ้น แม้จะอยู่ในสถานที่ที่มีความปลอดภัย อย่างรีสอร์ตของเขาก็ตามที เพราะไม่มีใครรู้ว่าแขกที่มาพักจะกลายเป็นผู้ร้ายไปเมื่อใด

ว่าแต่...นี่เขาชักจะร้ายกาจยิ่งกว่านางมารร้ายเสียแล้วสิ...อิชยา?




ดารานิล
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 มี.ค. 2556, 00:07:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ต.ค. 2556, 14:27:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 1600





<< 2. นางมารร้าย   4. เจ้าหญิงผู้น่าสงสาร >>
คิมหันตุ์ 19 มี.ค. 2556, 01:58:52 น.
เพิ่งจะตามมาอ่าน เรื่องนี้สนุกมากค่า..อ่านไปยิ้มไป อิอิ


พันธุ์แตงกวา 19 มี.ค. 2556, 03:34:26 น.
ในที่สุดผีท้องโบ๋ก็สมหวัง555


Pat 19 มี.ค. 2556, 08:41:14 น.
5555 ร้ายกว่านางเอก(ร้าย) จริง ๆ


goldensun 19 มี.ค. 2556, 15:38:24 น.
ผีสาวยาวคาบผัก ตก ผม ไปรึเปล่าคะ
แทนที่จะเป็นกระสือ น่าจะเหมือนปอบมากกว่านะคะ จูนน่ะ
แล้วสาวขี้วีนก็โดนดัดนิสัย อิชแอบขำจนหายง่วงเลยรึเปล่า


anOO 19 มี.ค. 2556, 19:23:38 น.
พระเอกน่ารักอ่ะ แต่นางเอกแบบจูนก็ต้องเจอแบบนี้แหละ


แพม 20 มี.ค. 2556, 00:23:18 น.
เอาชีไปดัดนิสัยซะ


wane 20 มี.ค. 2556, 06:32:59 น.
ฮาจริง อะไรจริงค๊าาา


nunoi 20 มี.ค. 2556, 20:20:03 น.


Zephyr 6 เม.ย. 2556, 14:08:01 น.
ฮา พี่อิชได้ใจมากกกกกกกกกก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account