สนิมดอกรัก (ตีพิมพ์แล้ว - สนพ.อรุณ)
แพรวเพชร สิริณธรณ์ ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
เมื่อเผ่าภาคินที่เธอเข้าใจว่าเสียชีวิตไปแล้วเกือบสี่ปี
จู่ๆจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
แถมยังมาในมาดมหาเศรษฐีหนุ่มรูปหล่อ ร่ำรวย
และโหดเหี้ยมเหมือนในนิยายเป๊ะ!
.
.
.
.
“เชิญกรอกข้อมูลส่วนตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะแนะนำรายละเอียดและขอบเขตการให้บริการให้ฟัง อ้อ...ต้องให้ดิฉันแจ้งค่าใช้จ่ายให้ทราบคร่าวๆก่อนไหมคะ เพราะค่าบริการของเราไม่แพงก็จริง แต่สำหรับคนกำลังเก็บเงินแต่งงาน มันก็...เป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลย”

“ดูเหมือนว่าเงินจะเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตคุณเสมอเลยนะ คุณแพรวเพชร” เผ่าภาคินหยัน

“พูดอย่างกับว่ามันไม่สำคัญสำหรับคุณงั้นแหละ” หญิงสาวบิดริมฝีปากนิดๆอย่างดูถูก จากนั้นเดินไปยังโต๊ะที่วางชิดผนัง ดึงเอกสารแผ่นหนึ่งจากแท่นใสทรงกระบอกถือมากางตรงหน้าชายหนุ่ม พลางอธิบายด้วยท่าทีเหมือนทองไม่รู้ร้อน ไม่สนใจแม้จะเห็นว่าสายตาที่จ้องเธอแทบจะแผดเผาลุกเป็นไฟ

“นี่ค่ะ อัตราค่าสมัครแรกเข้าสำหรับลงทะเบียนเป็นสมาชิกของคิวปิดฯ ส่วนคอร์สที่คุณจะเข้าใช้บริการแยกคิดเป็นรายครั้ง เรามีรายการให้คุณเลือกเยอะค่ะ ทั้งดำน้ำ วาดรูป อบรมบุคลิกภาพ เที่ยวพิพิธภัณฑ์ ทำบุญไหว้พระ ทำขนม อ้อ...แต่สุดท้ายนี่ฉันไม่แนะนำนะคะ เพราะคุณคงไม่อยากให้ครูคนนั้นรู้ว่ามาสมัครเป็นลูกค้าที่นี่”

“แล้วมีคอร์สสับรางไม่ให้รถไฟชนกันบ้างไหม หรือไม่ก็พวก...วิธีซ่อนชู้ ซ่อนกิ๊กอะไรแบบนี้น่ะ ผมสนใจเป็นพิเศษ และถ้าให้แนะนำ ผมว่าคุณน่ะเหมาะจะเป็นวิทยากรมาก ใช้ประสบการณ์ตรงมาสอนก็ได้ คงมีคนอยากเรียนกันเยอะแยะ”

แพรวเพชรหัวเราะขัน “แปลกนะคะ คุณพูดเองแท้ๆว่าฉันไม่ได้มีเกียรติ มีเสน่ห์ หรือว่ามีค่าพอให้คุณเสียดมเสียดายอะไรแล้ว แต่ไอ้ที่คุณพูดๆมาเนี่ย เหมือนว่า...คุณจะจำเรื่องราวเกี่ยวกับตัวฉันได้แม่นยำจังเลย”

หญิงสาวดักคอและลอยหน้าเอ่ยประโยคต่อไปว่า “เอ...หรือว่าอันที่จริงแล้วคุณไม่ได้คิดอย่างที่พูด แต่กำลังเรียกร้องความสนใจจากฉัน หรือบางทีไอ้ที่บอกว่าจะแต่งงานกับคุณนวลนรีนั่นก็เป็นแค่การโกหก แกล้งทำเป็นโชว์ออฟ เพียงเพราะอยากให้ฉันรู้สึกรู้สาไปด้วยเท่านั้นเอง ประชด...อะไรทำนองนั้นน่ะเหรอคะ”

ปฏิกิริยาที่ไม่ได้คาดไว้ล่วงหน้าทำให้เผ่าภาคินค้นหาคำตอบโต้ไม่พบแม้แต่คำเดียว

แพรวเพชรแต้มยิ้มทำสีหน้าสมเพช จากนั้นก้าวเข้ามาใกล้ เอื้อมมือแตะแก้มอีกฝ่ายแผ่วเบาหยอกเย้า “โถ...น่ารักจริง แต่ขอโทษด้วยที่ต้องทำให้ผิดหวัง ฉันแต่งงานแล้ว และก็ไม่เคยคิดนอกใจสามี เพราะเขาเป็นคนดีมาก ยิ่งเขาดีเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งนึกเสียดายที่เคยไปเกลือกกลั้วกับของสกปรกมาก่อน โชคดีที่เขาไม่ถือสาอดีตของฉัน ไม่เช่นนั้นฉันคงไม่ได้เป็นผู้หญิงโชคดีอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้”

ประโยคสุดท้ายทิ่มแทงหัวใจคนฟังจนแทบทนไม่ไหว และเพียงเสี้ยววินาทีที่เผ่าภาคินปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือความควบคุม อุ้งมือแข็งแรงก็ตวัดคว้าต้นแขนหญิงสาวพร้อมทั้งบีบรุนแรง กระแสบางอย่างที่แล่นปราดผ่านปลายนิ้วทำให้ชายหนุ่มเกือบจะปล่อยมือ แต่เขาก็ฝืนกำมือแน่น เค้นเสียงลอดไรฟันเอ่ยคำถัดมา

“ใช่ ฉันมันเลว ชั่ว แต่ก็สมกันดีแล้วไม่ใช่เหรอ ผู้ชายสกปรกกับผู้หญิงที่น่าขยะแขยงน่ะ แพรวเพชรคนอ่อนโยนไร้เดียงสาที่ฉันเคยรู้จัก มาวันนี้กลับกลายเป็นผู้หญิงกร้านโลก หลายใจ น่ารังเกียจไปแล้ว ทุเรศที่สุด”

“ในเมื่อพี่เผ่าคนที่ฉันเคยรู้จักตายไปแล้ว แพรวเพชรคนที่คุณเคยรู้จักก็สมควรจะตายไปได้แล้วเหมือนกัน ถือว่าเราเสมอกันไงคะ” หญิงสาวยิ้มกว้างอย่างสะใจ

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต

หากฝ่าฝืน สิริณ จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น

ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ ๑๐

แม้จะเป็นเวลาเพียงสิบเจ็ดนาฬิกาเศษ แต่เพราะเป็นช่วงฤดูหนาว ท้องฟ้าของซิดนีย์จึงมืดเร็วกว่าปกติ นราธิปเลือกทำเลข้างเสาไฟ แล้วทรุดกายลงนั่งบนขั้นบันไดง่ายๆ จากนั้นดึงตำราเรียนออกจากกระเป๋าเป้มาอ่านเงียบๆ นานทีจึงยกข้อมือขึ้นดูเวลาสักหน

เกือบหกโมงเย็นชายหนุ่มจึงสอดตำราเรียนเก็บคืนที่ ลุกขึ้นเดินทอดน่องอ้อยอิ่งไปยังประตูหอสมุด ทำทีคล้ายว่าเพิ่งมาถึงเมื่อสักอึดใจก่อนหน้า คอยไม่ถึงห้านาที คนที่กำลังรออยู่ก็หอบหนังสือเรียนก้าวยาวๆออกมาจากในอาคาร ไม่เอะใจเลยว่าไม่สามารถซ่อนท่าทีกระหืดกระหอบลุกลี้ลุกลนนั้นจากสายตาเขาได้ นราธิปหรือจะไม่รู้ว่าแพรวเพชรพยายามเร้นความจริงใดเอาไว้

สังคมนักเรียนไทยในซิดนีย์แคบกว่าที่คิด ยิ่งในมหาวิทยาลัยที่มีเด็กไทยนับคนได้ ข่าวคราวที่สาวไทยลักลอบนัดพบกับคนรักที่หอสมุดจึงกระพือไปตามลมปากเร็วและแรงยิ่งกว่าไฟโหม แรกๆเขาไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงที่เป็นหัวข้อสนทนาในทุกวงนินทาคือแพรวเพชร เพิ่งมาเอะใจก็เมื่อสังเกตพบสายตาของใครหลายคนมองมาที่เขาด้วยความเห็นใจ นราธิปจึงได้รู้ว่าคู่หมั้นของตนกำลังคบหากับใครอีกคนหนึ่งลับหลังเขา

เป็นเรื่องเศร้าที่ต้องยอมรับความจริงว่าผู้หญิงที่เขารักไม่เคยรักเขาเลย และมันเจ็บปวดยิ่งกว่าเมื่อจำต้องรับรู้ว่าเธอรักคนอื่นที่ไม่ใช่เขา!

นราธิปเลือกทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แสร้งหูหนวกตาบอดกับความสัมพันธ์ของแพรวเพชรกับไอ้หมอนั่น อย่างน้อยเพราะความที่แพรวเพชรกลัวเขาจะระแคะระคายความลับของเธอ เจ้าหล่อนจึงทำดีกับเขาโดยไร้ข้อแม้

บางครั้งนราธิปก็สมเพชตัวเองอยู่เหมือนกัน ที่ปฏิกิริยาจอมปลอมเพียงแค่นั้นทำให้เขามีความสุขได้แล้ว แต่นั่นแหละ...ถ้าเขายังบังคับตัวเองให้เลิกรักแพรวเพชรไม่ได้ แล้วจะไปบังคับให้เธอเลิกรักผู้ชายคนนั้นได้อย่างไร ชายหนุ่มได้แต่หวังว่าสักวันแพรวเพชรจะเบื่อกับความตื่นเต้นเร้าใจในโลกของความยากลำบากที่เผ่าภาคินพาเธอเข้าไปรู้จัก แล้วเธอจะกลับมาสู่อ้อมกอดที่พรั่งพร้อมด้วยความรักและความสะดวกสบายของเขาอีกครั้ง

ทุกเย็นหลังจากพาแพรวเพชรกลับไปส่งที่ห้องพัก แทนที่จะตรงกลับหอพักของตัวเอง นราธิปกลับซุ่มอยู่ในร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามอพาร์ตเมนต์ของหญิงสาว เฝ้ามองผู้ชายคนนั้นย่องขึ้นไปพบแพรวเพชรราวกับแมวขโมยที่ลิงโลดใจเมื่อจะได้แอบเข้าไปกินปลาย่าง

ชายหนุ่มเชื่อมั่นว่าแพรวเพชรวางตัวดี และเธอก็รู้จักผิดชอบชั่วดีมากพอ เขาจึงค่อนข้างมั่นใจว่าสตรีผู้เป็นที่รักคงไม่ยอมมีความสัมพันธ์เกินเลยกับคู่รักตกยากคนนั้น แต่คนที่เขาไม่เคยไว้ใจเลยก็คือผู้ชายอีกคนหนึ่งต่างหาก

ในระยะแรกนราธิปทำในสิ่งที่น่าเวทนาที่สุดในชีวิต ด้วยการย่องขึ้นไปยังหน้าห้องของแพรวเพชร แนบหูกับประตูอยู่เกือบสองชั่วโมง เพื่อสอดแนมว่าคนในห้องทำอะไรกันบ้าง!

และนั่นละ...เหตุผลที่เขารักแพรวเพชรมากมาย เพราะเธอประพฤติตัวงดงามสมดังที่แม่เขาชื่นชมจนอยากได้มาเป็นสะใภ้นัก ไอ้หมอนั่นทั้งพร่ำทั้งวอนที่จะปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์ให้คืบหน้าลึกซึ้ง ทั้งยังยกเหตุผลสารพัดขึ้นมาอ้าง ว่าคบหากับแพรวเพชรมาพอสมควรแล้ว และ ‘ใครๆที่นี่เขาก็ทำกัน’ แต่หญิงสาวใจแข็งอย่างน่าชื่นชม

สี่ปีที่เขาปล่อยให้แพรวเพชรมีอิสระกับชีวิตรักนั้น เคยหวังว่าเมื่อเธอเรียนจบและเดินทางกลับประเทศไทย เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่คงเป็นเพียงสายลมพัดผ่าน หญิงสาวจะกลับไปสร้างครอบครัวกับเขาดังที่บุพการีของทั้งสองฝ่ายหมายมั่นปั้นมือ ทว่าวันนั้น...กลับไม่เคยมาถึง!

วันที่แพรวเพชรจบการศึกษา นราธิปถูกบังคับให้รู้จักกับความจริงอันน่าเจ็บปวด เมื่อหญิงสาวไปฉลองกับเพื่อนๆที่เรียนจบพร้อมกัน แต่ไม่กลับที่พัก เขาเที่ยวหาตามบ้านเพื่อนทุกคน แล้วก็ต้องงันไปเมื่อจดหมายฉบับหนึ่งถูกส่งไปที่บ้านในบ่ายวันรุ่งขึ้น ข้อความในจดหมายไม่ยาวนัก แต่อธิบายเหตุผลการหายตัวไปของหญิงสาวได้ครบถ้วน

พี่นราคะ...
เพื่อนชวนเพชรมาฉลองเรียนจบด้วยการไปเที่ยวเมลเบิร์น พี่นราไม่ต้องห่วงนะคะ เพชรเที่ยวแค่สามอาทิตย์ เดี๋ยวก็กลับแล้วค่ะ แล้วจะเที่ยวเผื่อนะคะ
เพชรจะดูแลตัวเองดีๆค่ะ
แพรวเพชร

จดหมายมีแค่นั้น และเขาก็รู้ว่า ‘เพื่อน’ คนที่แพรวเพชรอ้างคงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก...เผ่าภาคิน!

เธอฉลาดที่เลือกบอกเขาด้วยการส่งจดหมายมาทางไปรษณีย์ เพราะกว่าเขาจะเปิดจดหมายออกอ่าน แพรวเพชรก็ไปไกลเกินกว่าเขาจะตามทันแล้ว

สามสัปดาห์ที่เฝ้ารอคอยด้วยความทรมาน แต่แล้วเมื่อวันที่การรอคอยสิ้นสุดลง เขากลับหวังให้ตัวเองย้อนเวลากลับไปร้อนรนกับความอยากรู้ดังเดิมเสียดีกว่า เพราะแพรวเพชรกลับมาพร้อมกับคำอธิบายที่แสนเจ็บปวด...

‘เพชรแต่งงานกับพี่นราไม่ได้ เพชรกับพี่เผ่า...’

ไม่ต้องรอให้หญิงสาวพูดให้จบประโยค เขาก็เดาได้ว่าเธอจะเอ่ยอะไรต่อ นราธิปฝืนยิ้มทั้งที่เลือดกำลังไหลโซมหัวใจ ‘เพชรมีความสุขใช่ไหม เขาดีกับเพชร...ใช่หรือเปล่า’

แพรวเพชรพยักหน้ารับคำ ไม่กล้าสบตาเขาด้วยซ้ำ นราธิปทำได้เพียงลูบศีรษะเธอเบาๆ

‘ได้ยินแบบนี้พี่ก็เบาใจ แล้วเขาบอกหรือเปล่าว่าจะแต่งงานกับเพชรเมื่อไหร่’

ดวงตาที่เบิกโพลงขณะแหงนขึ้นมองเขามีร่องรอยของความหวาดหวั่นฟุ้งกระจาย ศีรษะเล็กๆที่ปกคลุมด้วยเรือนผมสีดำราวนกกาน้ำส่ายไปมาแทนคำตอบ

‘ไม่ถูกต้องนะ เพชรจะคบกันไป ‘อย่างนี้’ เรื่อยๆไม่ได้หรอกนะ เกิดมี... ‘อุบัติเหตุ’ ขึ้นมาจะทำยังไง’

‘พี่เผ่าเขา...ป้องกัน’ หญิงสาวปกป้องคนรักทันควัน

นราธิปลูบหน้าแรงๆ ด้วยความหวังว่าเหตุการณ์ตรงหน้าจะเป็นแค่ฝันร้าย ทว่า...ภาพที่เห็นก็ยังเป็นเช่นเดิม แพรวเพชรก้มหน้าหลบตาเขาเหมือนนักเรียนที่ทำผิดแล้วรอครูสั่งทำโทษแทบไม่แผก

‘พรุ่งนี้นัดเขาให้มาพบพี่หน่อย ในฐานะที่พี่เป็นผู้ปกครองของเพชร แม่เพชรฝากให้พี่ดูแลเรา อย่างน้อยเขาต้องรู้ว่าจะมาทำเล่นๆกับเพชรไม่ได้’

‘พี่นราจะไม่ตำหนิพี่เผ่าใช่ไหมคะ’ เธอมองเขาด้วยแววตาอ้อนวอน

‘พี่จะเจรจาเรื่องความรับผิดชอบที่เขาควรจะจัดการให้ถูกต้องตามประเพณีเท่านั้น รับรองว่าไม่มีปัญหาอะไรหรอก เพชรไม่ต้องกังวล’ ดูเถิด...เขาควรจะต้องเป็นคนที่บาดเจ็บและได้รับการปลอบประโลมมิใช่หรือ โลกนี้เป็นอะไรกันไปหมด คนอกหักกลับต้องเป็นฝ่ายปลอบใจคนที่หักอกตัวเอง บ้าชะมัด!

‘แล้วเรื่อง...หมั้นของเราล่ะคะ’ แพรวเพชรทำเสียงกริ่งเกรง

‘ใครถาม เพชรก็บอกไปละกันว่าเพชรขอถอนหมั้นเพราะพี่นอกใจเพชร’

‘พี่นรา! เพชรจะทำแบบนั้นได้ยังไง ในเมื่อความจริงแล้วมันไม่ใช่’

‘เพชรไม่รู้ ไม่ได้หมายความว่าพี่ไม่ได้ทำ’ เขาบอกปัดง่ายๆ ‘เรื่องถอนหมั้นเอาไว้ก่อนก็ได้ ตอนนี้จัดการเรื่องเพชรกับผู้ชายคนนั้นให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า’

‘ถ้าพี่เผ่ายังไม่พร้อม พี่นราอย่าบังคับเขานะคะ เพชรไม่อยากให้เขาคิดว่าเพชรบีบให้เขารับผิดชอบ’ แพรวเพชรจะรู้ไหมหนอ ยิ่งเธอห่วงความรู้สึกผู้ชายอีกคนหนึ่งมากเท่าไร เธอก็กำลัง ‘ฆ่า’ ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าให้ตายทั้งเป็นมากเท่านั้น

‘งั้นระหว่างนี้เพชรไม่ควรควงกับเขาให้ประเจิดประเจ้อนัก คนจะเอาไปนินทาได้ว่าแฟนเพชรเห็นแก่ตัว เอาเปรียบเพชร เพราะฉะนั้นรอให้จัดการอะไรๆให้ลงตัวก่อน แล้วค่อยเปิดตัวว่าคบกันก็ยังทัน ตกลงไหม’

เหตุผลใดก็ตาม ถ้าอ้างว่าเป็นการทำเพื่อปกป้องภาพลักษณ์ของเผ่าภาคิน ดูเหมือนแพรวเพชรจะเต็มใจฟังและพร้อมจะปฏิบัติตามง่ายๆ น่าเสียดายที่คารมของเขาสู้เผ่าภาคินไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะชักแม่น้ำทั้งห้าอย่างไร สุดท้ายผู้ชายคนนั้นก็กล่อมให้แพรวเพชรย้ายเข้าไปอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ของฝ่ายชายในวันเดียวกันนั้นจนได้

และผลการเผชิญหน้ากับผู้ชายของแพรวเพชรในวันถัดมาก็เป็นดังคาด เผ่าภาคินไม่พอใจที่เขาสอดมือเข้ามาเรียกร้องความรับผิดชอบแทนหญิงสาว การเจรจาจบลงตั้งแต่พูดคุยกันไม่ถึงสิบนาที ผู้ชายคนนั้นปึงปังออกจากร้านอาหารไป โดยมีแพรวเพชรผวาวิ่งตามไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล ท่าทีไม่สบายใจ

ทิ้งให้เขาทำได้เพียงลุกขึ้นยืนท่ามกลางความเดียวดาย รั้งเธอไว้ด้วยเสียงที่แทบจะดังไม่พ้นลำคอด้วยซ้ำ

“เพชร!”

พร้อมกับเสียงพึมพำนั้น นราธิปผวาลุกขึ้นนั่ง กะพริบตาปริบๆ มองฝ่าความมืดสลัวไปด้วยอาการมึนงง นาน...กว่าจะตั้งสติได้ จึงเอื้อมไปกดสวิตช์เปิดโคมไฟที่หัวเตียง จากนั้นลูบหน้าแรงๆเพื่อขับไล่ภาพ ‘ฝันร้าย’ ออกจากใจ ไม่สิ...เรียกว่าฝันร้ายไม่ได้ ต้องบอกว่าเป็นความทรงจำอันน่ารังเกียจมากกว่า ความทรงจำที่ตามหลอกหลอนให้เขาหลับลงด้วยความหวาดระแวงว่าเหตุการณ์เดิมจะเกิดขึ้นซ้ำรอยเก่า โดยที่เขาทำได้เพียงแค่ยืนมองเท่านั้น

ลมหายใจที่หอบกระชั้นค่อยๆผ่อนเข้าสู่จังหวะปกติ เสียงเครื่องปรับอากาศครางแผ่วเบาทำให้ชายหนุ่มเพิ่งรู้สึกตัวว่าเหงื่อชุ่มโซมกายทั้งที่เปิดแอร์ไว้เย็นฉ่ำ

นราธิปตัดสินใจคว้าผ้าขนหนูไปอาบน้ำใหม่อีกครั้ง เมื่อกลับออกมาในชุดเสื้อคลุม ประสาทของเขาก็ตื่นโพลงเกินกว่าจะหลับลง ชายหนุ่มชั่งใจเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูที่คั่นระหว่างห้องนอนใหญ่กับห้องของลูกสาว ทั้งที่ห้องปูพรมเนื้อนุ่มหนา แต่เขายังไม่วายโหย่งเท้าเข้าไปตรวจดูให้แน่ใจว่ากานติมาห่มผ้าอบอุ่นเพียงพอ จากนั้นเลื่อนสายตาไปยังที่นอนอีกหลังที่อยู่ไม่ห่างจากเตียงเด็ก เตียงที่อยู่ตรงนี้ตลอดสามปีนับจากวันที่เดินทางกลับมาเมืองไทย ใครต่อใครภายนอกเข้าใจว่ามีไว้ให้สองสามีภรรยาผลัดกันมานอนเฝ้าลูก แต่ความจริงแล้วแพรวเพชรยึดเป็นที่นอนของตัวเองมาโดยตลอดต่างหาก

ชายหนุ่มถอยหลังช้าๆไปยืนพิงกรอบวงกบประตู ทอดสายตามองเหม่อไปยังโปงผ้าห่มที่ตะคุ่มอยู่กลางที่นอนของแพรวเพชร และนิ่งอยู่ในอิริยาบถนั้นเนิ่นนาน

ถูกละ...เขาคิดแต่ว่าแพรวเพชรเป็นผู้หญิงของเขา และจะไม่ยอมให้ผู้ชายคนเดิมหวนกลับมาแย่งเธอคืนไปได้เด็ดขาด แต่ความรู้สึกของแพรวเพชรเล่า แน่ใจได้อย่างไรว่าเธอเองจะ ‘ไม่ต้องการ’ ทวนย้อนไปบนเส้นทางสายเก่าอีกครั้ง หากเขาตัดสินใจในสิ่งที่คิดว่าควรทำโดยไม่ได้สนใจว่านั่นคือสิ่งที่หญิงสาวต้องการหรือไม่ เขาก็ไม่ต่างอะไรกับคนเห็นแก่ตัวที่ใช้ตัวเองเป็นที่ตั้ง

แม้ความจริงที่ได้รู้อาจเจ็บปวด แต่ในเมื่อมากกว่านี้เขาก็ทำมาแล้ว หากต้องเฉือนหัวใจตัวเองอีกสักครั้ง เพื่อให้คนที่รักมีความสุข ทำไมเขาจะเสียสละไม่ได้เล่า!
.
.
.
.
.
“คุณมีจุดประสงค์อะไรถึงได้กลับมาป้วนเปี้ยนวุ่นวายกับเพชรอย่างนี้” หลังจากคู่นัดนั่งลงตรงข้ามและสั่งเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้ว นราธิปก็ตั้งคำถามพุ่งเข้าสู่ประเด็นทันที โดยไม่มีการเกริ่นนำหรืออารัมภบทใดๆทั้งสิ้น

“คุณนี่ตรงไปตรงมาเหมือนเคย ไม่เปลี่ยนเลยสักนิดนะ คุณนราธิป” ผู้พูดเยาะ

“ตรงข้ามกับคุณสินะ ที่เปลี่ยนไปจนผมแทบจะจำไม่ได้เลย” นราธิปย้อน

“ที่เปลี่ยนไปก็แค่ภาพลักษณ์ภายนอกเท่านั้นแหละ แต่อะไรๆที่ใครเคยทำกับผมไว้ มันยังคงอยู่ในความทรงจำของผมครบถ้วนทุกรายละเอียดเชียวละ” เผ่าภาคินเอ่ยอย่างไร้อารมณ์

“แล้วคุณคิดว่าสิ่งที่คุณทำ ผมกับเพชรจะลืมได้อย่างนั้นเหรอ มันก็ไม่ต่างกันหรอก”

“คุณนัดผมมาเพื่อจะคุยเรื่องไร้สาระพวกนี้น่ะเหรอ อืม...เป็นข้าราชการลูกท่านหลานเธอนี่ดีจริงๆ พอทำงานครบไว้ให้เอาหน้าทั้งเช้าเย็นแล้ว ก็มีเวลาว่างเหลือให้ผลาญอีกเป็นครึ่งค่อนวัน จะออกไปเตร็ดเตร่ที่ไหนก็ได้ โดยที่ไม่มีใครกล้ามาแตะต้องเสียด้วย”

“ผมไม่ได้เชิญคุณมาพบเพื่อจะต่อปากต่อคำด้วยเรื่องไร้สาระพวกนั้นหรอก ในเมื่อคุณปล่อยให้ใครๆเข้าใจว่าตายไปแล้ว จู่ๆจะเข้ามาพัวพันกับเพชรอีกทำไม”

“คุณคงจะผิดหวังมากเลยใช่ไหมที่ผมไม่ได้ตายไปอย่างที่คุณต้องการน่ะ” เผ่าภาคินเหยียดริมฝีปากออกเผยความเหี้ยมเกรียมบนใบหน้าชัดเจนโดยไม่ปิดบัง

“คุณเข้าใจถูกละ ผมผิดหวังมากจริงๆ” นราธิปตอบเสียงเรียบ “และค่อนข้างจะแปลกใจด้วยว่าทำไมคุณถึงทิ้งช่วงเวลาไว้นานหลายปี กว่าจะออกมาปรากฏตัวอีกครั้ง”

“ก็คงจะเป็นการหลอกให้ศัตรูตายใจก่อนละมั้ง”

“เพชรไม่ใช่ศัตรู เธอเป็นผู้หญิงที่คุณรัก หรืออย่างน้อยก็เคยรัก คุณกำลังจะกลับมาทำให้เธอเจ็บปวดนะ”

“เพชรหรือคุณกันแน่ที่เจ็บปวดกับการกลับมาของผม โกหกไม่เก่งเลยนะดอกเตอร์” เผ่าภาคินเย้ย

“ผมมั่นใจว่าคุณเจตนาจะเข้ามาพัวพันกับเพชรอีกครั้ง ไอ้ที่คุณไปสมัครใช้บริการที่คิวปิดแอสซิสแทนซ์โดยอ้างว่าอยากจะสร้างคอนเนกชั่นนั่นน่ะ เอาไว้โกหกเพชรกับยายอิงเถอะ เพราะมุกนี้ใช้กับผมไม่ได้”

“คุณนี่ฉลาดสมกับเป็นดอกเตอร์จริงๆ” เผ่าภาคินเอนพิงพนักด้วยสีหน้าสบายอกสบายใจ คล้ายจงใจยั่วยุอารมณ์เขาให้เดือดขึ้นทีละนิด

นราธิปไม่เดินตามเกมของอีกฝ่ายง่ายๆ แต่ย้อนกลับมาสู่ประเด็นเดิมของตนโดยไม่อารีอารอบกับบริบทอื่นใด “เพชรต้องแบกรับอะไรมามากแล้ว ถ้าคุณไม่ได้ปรารถนาดีต่อเธอ อย่างน้อย...ก็อย่าทำร้ายเธอเลย เพชรอาจจะรับอะไรมากไปกว่านี้ไม่ไหวแล้ว”

“นี่เป็นคำขอร้องอย่างสุภาพเพื่อจะบอกให้ผมถอยไปห่างๆ อย่าเข้ามาทำให้ภรรยาของคุณไขว้เขวงั้นสิ อย่าบอกนะว่าคุณต้องอยู่กับความหวาดระแวงว่าผู้หญิงข้างกายพร้อมจะโผออกจากอ้อมอกคุณได้ทุกวินาทีมาตลอดสี่ปีที่ผ่านมา ช่างน่าสมเพชอะไรอย่างนี้”

“ผมไม่เคยต้องกลัวเรื่องอะไรที่คุณพูดนั่น เรารู้เท่าๆกันว่าเพชรไม่ใช่ผู้หญิงโลเลมักง่าย เธอเป็นผู้หญิงที่ดี เอ...ข้อหลังนี่ผมคงไม่ต้องย้ำ เพราะคุณน่าจะรู้ดีกว่าผมด้วยซ้ำในกรณีนั้น” นราธิปยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ปรามาสอีกฝ่ายด้วยกิริยาดูถูก

จริงอยู่ว่าทุกวันนี้ผู้คนส่วนใหญ่พยายามทำตัวเป็นพวก‘หัวก้าวหน้า’ ด้วยการปฏิบัติตนโดยยึดวัฒนธรรมตะวันตกเป็นที่ตั้ง ผู้หญิงยุคใหม่หลายคนหันมาใช้ชีวิตอิสระในทุกเรื่อง โลกคงกลับทิศไปแล้วที่ผู้หญิงจำพวกนั้นถูกยกย่องชื่นชมในความกล้าได้กล้าเสีย ขณะที่คนรักนวลสงวนตัวกลับถูกมองว่า ‘หัวโบราณ’

เผ่าภาคินย่อมต้องรู้ดีอยู่แล้วว่าแพรวเพชรเป็นผู้หญิงที่ถูกจัดอยู่ในจำพวกใด และการที่เธอยินยอมทอดกายให้อีกฝ่ายเชยชมจนหมิ่นเหม่ต่อการถูกประณามว่า ‘ใจง่าย’ เหตุผลก็มีเพียงประการเดียว...ความรัก!

ในเมื่อผู้ชายตรงหน้าพร่าผลาญความภาคภูมิใจของผู้หญิงคนหนึ่งทั้งที่ยังไม่ผ่านพิธีสมรส ต่อให้อ้างว่ารักปานใด แต่สุดท้ายความหมายของมันก็หนีไม่พ้นความมักมาก เห็นแก่ตัวของฝ่ายชายอยู่ดี และนราธิปก็ไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องให้เกียรติคนแบบนั้นด้วย

“คุณยกเรื่องนี้มาพูดก็ดีแล้ว เพราะนั่นแหละ...เหตุผลที่ผมเข้ามาใกล้ชิดกับเพชรอีกครั้ง ผมต้องการ ‘ของ’ ของผมคืน!”

“เพชรเป็นคน มีชีวิต มีจิตใจ ไม่ใช่สิ่งของที่คุณนึกจะมาหยิบฉวยเมื่อไหร่ก็ได้” นราธิปโต้เสียงแข็ง สีหน้าบึ้งตึงบอกชัดถึงโทสะที่พุ่งขึ้นรวดเร็วเพียงเพราะคู่สนทนาเย้ยหยามสตรีผู้เป็นที่รัก

“ผมไม่ได้ตั้งใจจะหมายความอย่างนั้น” เผ่าภาคินเสียงขุ่นหน้ายุ่ง “ที่พูดนั่นหมายความว่าถึงเวลาแล้วที่คุณควรจะคืนเพชรให้กับผม”

“ถามเพชรหรือยังว่าเธอต้องการแบบนั้นหรือเปล่า บางทีคุณอาจจะประหลาดใจกับคำตอบที่ได้รับก็ได้นะคุณเผ่าภาคิน”

“ครั้งนั้นคุณอาจจะใช้วิธีสกปรกแย่งเธอไป แต่คอยดูก็แล้วกัน เธอจะต้องกลับมาหาผม รักผมเหมือนอย่างที่เคยรัก แล้วคราวนี้คุณจะได้ลิ้มรสชาติของการเป็นคนที่ถูกทิ้งบ้าง เป็นไงครับ...ยุติธรรมดีไหม”

นราธิปไม่ตอบโต้ แต่ย้อนถาม “แล้วคุณล่ะ จะรักเพชรเหมือนอย่างที่เคยรักด้วยหรือเปล่า” ทั้งยังจ้องหน้าคู่สนทนาเขม็ง รอฟังคำตอบของเขาด้วยความจดจ่อ

“นั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องบอกคุณ ผมจะเก็บคำตอบนี้ไว้บอกกับเพชรเอง อ้อ...แล้วผมจะบอกเธอให้ด้วยนะ ว่าคุณมีน้ำใจห่วงใยเพชรมากขนาดไหน”

“ดูคุณจะมั่นใจมากเลยนะว่าเพชรยังรักคุณน่ะ” นราธิปหนักใจ มิใช่กับท่าทียโสของผู้ชายตรงหน้า แต่เขาห่วงว่าแพรวเพชรจะรับมือกับความมุ่งมั่นของผู้ชายคนนี้อย่างไรจึงจะ ‘เจ็บปวด’ น้อยที่สุดต่างหาก

“อยากลองกีดกันดูไหมล่ะ เผื่อจะได้บรรยากาศเหมือนคืนวันเก่าๆที่เราเล่นแมวไล่จับหนูกัน”

“คุณบอกเองว่าผมฉลาด ก็น่าจะเดาได้ว่าผมไม่ทำอะไรโง่ๆแบบนั้นหรอก ผมจะเปิดโอกาสให้คุณใกล้ชิดกับเพชรได้เต็มที่ ให้เธอเป็นคนเลือกว่าต้องการอะไร เคยได้ยินไหมที่ฝรั่งเขาบอกว่า If you love someone, set them free. If they come back they are yours; if they don’t they never were. ถ้าเรารักใครสักคน ก็จงปล่อยให้เขามีอิสระ หากเขากลับมา นั่นหมายความว่าคนคนนั้นคือคู่ของเรา แต่ถ้าเขาไม่กลับมา ก็แปลว่าไม่ใช่”

เผ่าภาคินปรบมือแปะๆเยาะเย้ย “ยกวาทะของริชาร์ด บาค มาอ้างซะด้วย อ่านไว้เยอะๆเถอะดอกเตอร์ เผื่อวันหนึ่งจะได้หยิบยกขึ้นมาปลอบใจตัวเอง เมื่อต้องยอมรับความจริงว่าเพชรเลือกผม คนที่เพชรรักมีคนเดียวก็คือผม!”

“ขอให้คุณโชคดี” นราธิปดึงธนบัตรใบใหญ่ที่สุดจากกระเป๋าสตางค์มาวางโดยใช้จานรองแก้วกาแฟหนีบไว้ จากนั้นลุกขึ้นยืน “มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง ถือเป็นการฉลองที่ ‘เราสามคน’ ได้กลับมาพบกันอีกครั้งก็แล้วกัน”

แล้วชายหนุ่มก็ออกจากร้านกาแฟเล็กๆแห่งนั้นไปโดยไม่เอ่ยลาสักคำ ปล่อยให้เผ่าภาคินซึ่งเกร็งตัวอยู่ตลอดเวลาที่พูดคุยผ่อนลมหายใจออกช้าๆ

พ่อมดไอทีเหลียวมองตามสามีของแพรวเพชรไปด้วยอาการขมวดคิ้ว ทั้งประหลาดใจและข้องใจในคราเดียวกันว่าไฉนนราธิปจึงเยือกเย็นผิดปกติเช่นนี้ ทั้งยังพูดจาแปลกๆ ยืนกรานจะเปิดโอกาสให้เขาใกล้ชิดแพรวเพชรได้เต็มที่อีกด้วย หรือบางที...ผู้ชายคนนั้นอาจกำลังวางแผนขุดบ่อล่อให้เขาเข้าไปติดกับเหมือนที่เคยทำมาแล้วก็เป็นได้!



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 มี.ค. 2556, 00:01:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 มี.ค. 2556, 00:01:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 1801





<< ตอนที่ ๙   ตอนที่ ๑๑ >>
สิริณ 14 มี.ค. 2556, 00:07:55 น.
มีหลายคนทักและถามมา
จึงขอย้ำอีกครั้งค่ะ
สนิมดอกรัก ผ่านการพิจารณากับ สนพ.อรุณ แล้ว
เดี๋ยวปกเสร็จแล้ว จะเอามาให้ชมกันนะค้า

อ่านตอนที่สิบจบแล้ว เดาเรื่องกันได้ไหมเ่อ่ย
ว่าจากนี้เรื่องราวจะไปทางไหนต่อ อิอิ
มีหลายคอมเม้นต์จากตอนที่แล้ว
ทำให้สิริณแอบอมยิ้ม ทึ่งจินตนาการคนอ่าน
มีหลายคนที่คอมเม้นต์เริ่มโดนใจสิริณแล้ว
ถ้ายังไงยังเปิดรับความคิดเห็นและการเดาจากเพื่อนๆไปเรื่อยๆนะคะ
ไม่มีกำหนดปิดรับค่ะ อิอิ
หากใครเขิน จะส่งคำตอบทางหลังไมค์ก็ได้น้า ^^

อยากรู้จังว่า...ถ้าไม่อ้อนวอนขอไล้ค์
จะมีใครกดให้ไหมน้า :P


พันธุ์แตงกวา 14 มี.ค. 2556, 01:10:27 น.
ตัดต่อได้บาดจิตมากเลยค่ะ
วันนั้นพี่นราพูดอะไรกับพี่เผ่าละน้อ หรือว่าจะมีมือที่สี่


Pampam 14 มี.ค. 2556, 02:20:40 น.
ตกลงใครกันที่อยู่เบื้องหลัง ดูเหมือนพี่นราจะไม่รู้เบื้องหน้าเบื้องหลัง มีตัวละครที่ยังไม่เผยตัวมั๊ยคะ


Pampam 14 มี.ค. 2556, 02:21:15 น.
กดlikeให้แล้วด้วยละ


goldensun 14 มี.ค. 2556, 07:29:11 น.
อะไรทำให้เผ่าเข้าใจว่าถูกเพชรทิ้ง และยอมให้เชื่อว่าตายแล้ว
ทำไมไม่รับผิดชอบเพชรตั้งแต่แรกที่นราเปิดโอกาสให้
นราดีเวอร์เลย จากที่บอกไม่ยอมปล่อยเพชร กลายเป็นยอม ถ้าเพชรจะมีความสุข
ลุ้นต่อไป


รอให้เป็นเล่ม 14 มี.ค. 2556, 07:57:49 น.
จะเป็นเล่มในงานหนังสือนี้หรือเปล่าค้า


nunoi 14 มี.ค. 2556, 09:37:06 น.
โอ๊ยยย สงสารพี่นรา อ่ะ


Sukhumvit66 14 มี.ค. 2556, 14:22:12 น.
ใครกันที่ร้ายที่สุด


bloomberg 14 มี.ค. 2556, 18:41:25 น.
อ่านมาถึงตอนนี้ก็ยังเดาไม่ถูกว่าใครเป็นคนสั่งฆ่าทั้งพี่เผ่าทั้งแม่ จะว่านราสั่งหรือ ดูจากอาการพี่แกก็ไม่น่าใช่
น่าจะเป็นแม่หนูเพชรแน่ๆ เพราะดูท่าแกจะหมายมั่นปั้นมือให้นรามาเป็นเขยมั่กๆ ขนาดนราบอกว่าเพชรให้มาหาหนังสือที่บ้าน นางยังโทรมาโวยวายซะโทรศัพท์แทบแตก


Auuuu 14 มี.ค. 2556, 19:06:11 น.
เรื่องนี้เงื่อนงำเยอะมากจริงๆนะเนี่ย คิดว่านราธิป ท้ายที่สุดแล้วคงปล่อยนางเอกไป
แต่แอบสงสารนราธิปเล็กๆ หรือว่าจริงๆแล้วนราธิปไม่ได้ทำอะไร แต่ถ้านราธิปไม่ทำ แล้วใครทำหว่า??


ทราย 14 มี.ค. 2556, 19:54:50 น.
ลึกลับซับซ้อน ชวนให้ติดตามมาก หรือว่าจะมีมือที่สี่ ห้า หก น่าติดตามสุดๆค่ะ ออกทันงานหนังสือมั้ยคะ


bsirirata 14 มี.ค. 2556, 22:45:22 น.
หรือนราธิปจะทำ??? อืม...เดายากจัง


supayalak 15 มี.ค. 2556, 10:56:12 น.
พี่เผ่าก็รัก พี่นราก็น่าสงสารแถมดีที่สุดอีกต่างหาก อะไรน้าที่ทำให้คนที่รักเพชรสองคนต้องมาหักห้ำหั่นกันจนปางตายขนาดนี้ เฮ้อออออ


คิมหันตุ์ 24 มี.ค. 2556, 00:00:38 น.
กินหวานเหมือนพ่อเผ่า สินะหนูกาน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account