โองการแช่งรัก
เกิดมาตั้ง 29 ปีอยากมีแฟนกับเขาสักทีทำไมมันยากยิ่งกว่าตามหามักกะลีผล ก็เธอทั้งสวย ทั้งรวย ทั้งเริ่ด! แต่ทำไมไม่มีใครตกหลุมเลยสักคน มันต้องมีใครแอบมาแช่งชักหักกระดูกเอาไว้ให้อกหักรักคุดตลอดชาติแน่ๆ!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 4. เจ้าหญิงผู้น่าสงสาร



วันนี้กองถ่ายของนิตยสารควีนโรสจะเริ่มถ่ายกันในส่วนของป่าด้านหลัง ซึ่งมีบ้านของอิชยาปลูกอยู่ โดยเจ้าตัวก็ต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี สั่งลูกน้องมาดูแลสถานที่ให้ตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่ แล้วก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นร่างระหงของนางแบบสาวที่เพิ่งรอดตายจากผักสลัดของเขาไปเมื่อคืนยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางช่างแต่งหน้าทำผม และฝ่ายเสื้อผ้าที่พากันแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยชุดไทยโบราณสีทองอร่าม เข้ากันดีกับผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียน ดูสง่างามและมีมนต์ขลังอย่างไม่น่าเชื่อ

“จะถ่ายกันตอนนี้เลยเหรอวะ” อิชยาหันไปถามเพื่อนที่ยืนคุมงานอยู่ข้างกันด้วยความสงสัย

“อยากจะให้เก็บภาพตอนพระอาทิตย์ขึ้น ตอนแสงแดดลอดผ่านป่าของแกเป็นฉากหลัง ฉันว่ามันดูมีเสน่ห์ ลึกลับ น่าค้นหาดี” คีตะให้ความเห็น ขณะยกมือขึ้นกะเฟรมของภาพ พร้อมรอยยิ้มเก๋ที่มุมปาก

“อืม...เข้าท่า แล้วคุณเพลินล่ะ ไม่มาถ่ายด้วยกันหรอกเหรอ”

“ถ่ายสิ แต่ฉากนี้ฉันอยากได้แค่คุณจูนคนเดียว เธอเป็นไฮไลต์ของเล่มนี้”

“ระวังเสือสาวสองตัวจะขย้ำกันเพราะแกก็แล้วกัน” สิ้นเสียงของเพื่อน คีตะก็เพียงแค่ส่งยิ้ม พร้อมไหวไหล่ ไม่ยินดียินร้ายกับคำพูดของอิชยา เห็นดังนั้นเจ้าของรีสอร์ตรูปหล่อก็ได้แต่ส่ายหัว ยกมือขึ้นตบไหล่หนาของพ่อเสือสำอาง ก่อนจะเดินออกไปดูคนงานอีกด้านหนึ่งที่กำลังจัดการกิ่งไม้เจ้าปัญหาที่หลงหูหลงตาไปเมื่อวาน โดยมีไม้ขอนเป็นคนลงมือทำ

พอเห็นร่างสูงของอิชยาเดินจากไป เมถุนที่ชำเลืองมองเจ้าของนิตยสารรูปหล่ออยู่เป็นระยะก็แย้มยิ้ม นึกขอบคุณบุญพาวาสนาส่งที่ทำให้เธอเจอหมายเลขสิบสามที่ดูเพียบพร้อมไปหมดทุกอย่างได้รวดเร็วเช่นนี้ ทันทีที่แต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จ นางแบบสาวที่ดูสวยสง่าในชุดไทยโบราณ ก็เดินตรงเข้าไปหาชายหนุ่มที่ยืนมองทีมงานอีกด้านหนึ่งทันที

โถ...ปลีกวิเวกออกมายืนคนเดียวอย่างนี้ แสดงว่าแอบมีใจเปิดทางให้เราเดินเข้าไปหาแน่ๆ เลย

“เมื่อคืนกลับมากี่โมงคะคุณคี” หญิงสาวส่งเสียงหวานออกไปทักคนร่างสูง พร้อมรอยยิ้มละไม ขับให้ดวงหน้าดูหวานคล้ายกับสาวสมัยก่อนไปจริงๆ

“เกือบเที่ยงคืนครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่พาคุณบีไปตะลอนเสียดึกขนาดนั้น” คีตะตอบพลางส่งยิ้มน้อยๆ ไปให้ ดวงตาคมกล้าทอดมองคนร่างระหงอย่างชื่นชม

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยังไงงานก็คืองาน จูนไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ว่าแต่คุณคีจะได้นอนเหรอคะ กลับก็ดึก แถมยังตื่นเช้าอีกต่างหาก” โอม...จงติดกับดักสาวอ่อนหวาน หน้าซื่อตาใส เพี้ยง!

“ไม่มีปัญหาหรอกครับ ผมชินแล้ว”

“ทำงานหนักทุกวันอย่างนี้ เดี๋ยวร่างกายก็พังกันพอดี ถ้ามีเวลาก็พักผ่อนเยอะๆ นะคะ”

“ขอบคุณครับ” คีตะแย้มยิ้ม ก่อนคิ้วเข้มจะขมวดขึ้นเล็กน้อย

“มีอะไรเหรอคะ” เมถุนชักหวั่นใจ เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะไม่พอใจอะไรบางอย่างในตัวเธอ

“อยู่นิ่งๆ ก่อนครับ” พูดเสร็จ ชายหนุ่มก็เอื้อมมือไปหยิบเศษใบไม้ที่ปลิวมาติดบนผมดำขลับที่เกล้าเอาไว้บนศีรษะออกอย่างอ่อนโยน จนฝ่ายที่ยืนนิ่งถึงกับหัวใจวูบไหว จากที่เคยชอบอยู่ในระดับเก้าจุดห้า บัดนี้คะแนนมันพุ่งพรวดขึ้นไปแตะเพดานสูงสุดของทุกหมายเลขแล้ว

เอาคะแนนไปเลยค่ะคุณคี สิบ สิบ สิบ!

“ขอบคุณค่ะ” เมถุนยิ้มกว้าง มองเศษใบไม้ที่อยู่ในมือของชายหนุ่มด้วยความพออกพอใจ เพราะตั้งแต่เริ่มรู้จักผู้ชายมา ก็มีคีตะคนแรกที่เอาใจใส่เธอ แม้กระทั่งเศษใบไม้บนหัว!

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวคุณจูนไปนั่งรอผมในเรือนรับรองก่อนก็ได้นะครับ พอดีมันมีปัญหากิ่งไม้โผล่นิดหน่อย ขอเวลาอีกไม่เกินสิบห้านาที”

“ให้จูนอยู่เป็นเพื่อนคุณคีตรงนี้ไม่ได้เหรอคะ ขี้เกียจเดินกลับไปที่โน่น อีกไม่กี่นาทีก็จะถ่ายแล้ว” หญิงสาวทำตาปริบๆ มองคนตัวสูงข้างกายอย่างน่าสงสาร

“ก็ได้ครับ ผมเกรงใจ กลัวว่าคุณจูนจะเมื่อย เพราะยืนรอนาน” คีตะยิ้มน้อยๆ ยอมแพ้ให้เธอคนนี้อีกครั้งหนึ่ง

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอกค่ะ” สิ้นเสียงหวานๆ เมถุนก็หันไปกวักมือเรียกพนักงานรีสอร์ตที่ยืนรออยู่ไกลๆ พร้อมเก้าอี้สนามพับได้ และร่มขนาดใหญ่ที่เธอเตรียมเอาไว้เผื่อทุกกรณี

สวยด้วย เก่งด้วย ฉลาดด้วย จะหาที่ไหนอย่างจูนได้อีกคะคุณคี...

“คุณเตรียมเก้าอี้กับร่มเอาไว้ด้วยเหรอครับ?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูง เมื่อเห็นพนักงานเดินเข้ามาพร้อมเก้าอี้

“อาชีพอย่างจูนต้องเตรียมพร้อมทุกสถานการณ์ค่ะ” พูดเสร็จก็หันไปมองคนที่เพิ่งวางเก้าอี้ลงกับพื้น ก่อนพนักงานผู้น่าสงสารคนนั้นจะกางร่มเสียบมันเอาไว้กับหลักยึดที่ขนมาด้วยพร้อมกันอย่างทุลักทุเล

“แต่มันไม่เห็นมีแดดเลยนี่ครับ?” คีตะพูดพลางเหลือบไปมองฟ้ากว้างด้านบนที่ยังเป็นสีขมุกขมัวในยามใกล้แจ้งด้วยความงุนงง

“แหม...คุณคีคะ เดี๋ยวก็มีเองค่ะ แดดเมืองไทยร้อนจะตาย”

“อ้อ...” แล้วชายหนุ่มก็อดยิ้มกับการเตรียมพร้อมของนางแบบที่ตัวเองจ้างมาไม่ได้

“ว่าแต่ทำไมคุณคีถึงเลือกที่จะถ่ายย้อนยุคแบบไทยๆ ล่ะคะ เล่มอื่นเห็นเขาเอาเป็นแบบฝรั่งกันตั้งเยอะ” คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เงยหน้าขึ้นถามหนุ่มตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างกันด้วยความสงสัย

“ผมชอบในความเป็นไทย มันดูมีมนต์ขลัง น่าค้นหา อยากจะให้การถ่ายแบบในครั้งนี้เป็นแรงบันดาลใจให้พวกเด็กๆ ที่กำลังถูกต่างชาติเข้าครอบงำด้วย” คีตะพูดพลางทอดสายตามองทีมงานที่กำลังจะจัดสถานที่เสร็จภายในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้หญิงสาวที่นั่งอยู่

รอยยิ้มเก๋ของชายหนุ่ม เรียกให้อีกฝ่ายยิ้มตามในทันที ผู้ชายคนนี้มองมุมไหนก็ดูสมบูรณ์ไปเสียหมด ไม่ว่าจะชาติตระกูล รูปร่างหน้าตา นิสัยใจคอ และที่สำคัญคือโสดสนิทไม่ซ่อนกิ๊กเหมือนคนอื่น เป็นผู้ชายที่เธอไม่คิดว่าชาตินี้จะหาได้จากที่ไหนอีกแล้ว

I’m falling in love with you!

“Cool guy...” เมถุนเปรยขึ้นมาเบาๆ นัยน์ตาเปล่งประกายระยิบระยับหวานฉ่ำ เมื่อมองคนตัวสูงที่ยืนอวดหุ่นอยู่ข้างๆ ก่อนจะพูดต่อ “จูนก็ชอบความเป็นไทยนะคะ แต่ที่จูนเผลอพูดอะไรเป็นภาษาอังกฤษออกมาเพราะมันชินเวลาไปทำงานเมืองนอก หวังว่าคุณคีคงไม่ว่าอะไรจูนนะ”

“ไม่หรอกครับ มันเป็นเรื่องส่วนตัวผมไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว”

“คุณคีเป็นคนดีจังเลยค่ะ” น้ำเสียงที่ดังขึ้นของหญิงสาวเปี่ยมไปด้วยความชื่นชม

“ผมไม่ใช่คนดีอะไรขนาดนั้นหรอกครับ ก็แค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง” ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบท้ายทอยเล็กน้อยแก้เขิน เห็นดังนั้นคนที่มองอยู่ก็ยิ่งยิ้มกว้างให้ความน่ารักของเขา

“ถ้าอย่างนั้นผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาคนนี้จะไม่ทำให้คุณคีผิดหวังแน่นอนค่ะ”

สิ้นเสียงหวานๆ คีตะก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะผายมือออกไปเพื่อเชิญให้คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ลุกขึ้นมาทำงาน ท่ามกลางสายตาของทุกคน ทั้งเจ้าของรีสอร์ตที่แทบจะกลั้นอ้วกเอาไว้ไม่อยู่ และนางแบบสาวอีกคนที่กำมือแน่นใบหน้าบูดบึ้ง เดินตะบึงตะบอนเข้ามา

“ทำไมแอบมาทำงานกันไวจังเลยคะ ไม่รอเพลินเลย” เพลินตาส่งเสียงหวานหยดมาทัก พร้อมจ้องมองมือใหญ่ของคีตะที่ยังกอบกุมมือน้อยของเมถุนเอาไว้ จนตาแทบถลนออกจากเบ้า

“ไม่ได้แอบนะจ๊ะ แต่ตั้งใจมากทำงาน เผอิญฉันมีคิวถ่ายก่อนเธอ” เมถุนแอบหันไปส่งยิ้มให้คนมาใหม่อย่างกระหยิ่มยิ้มย่องที่ตัวเองได้มีโอกาสใกล้ชิดกับคีตะก่อนใครเพื่อน

“ผมไม่รู้จริงๆ ว่าคุณเพลินอยากมาดูด้วย ต้องขอโทษด้วยครับที่ไม่ให้ได้เด็กไปปลุก” ชายหนุ่มเอ่ยขอโทษน้ำเสียงนุ่ม จนคนฟังอ่อนลงทันตาเห็น

“เพลินไม่ได้ว่าอะไรหรอกค่ะ เพียงแค่อยากมาเห็นการทำงานของ มืออาชีพ เท่านั้นเอง” เพลินตาในชุดเสื้อเชิ้ตแขนกุด กางเกงขาสั้นลายวินเทจ เน้นหนักตรงคำว่า มืออาชีพ เพื่อให้คนที่ได้ยินสำนึกถึงหน้าที่ของตนเองว่าต้องถ่ายแบบ ไม่ใช่ตามจับผู้ชาย!

“ถ้าอย่างนั้นก็ตั้งใจดูดีๆ นะจ๊ะ เดี๋ยวมืออาชีพคนนี้จะแสดงให้ดู” คนที่อยู่ในชุดไทยยิ้มมุมปาก ก่อนจะผละตัวออกจากชายหนุ่มและไม้เบื่อไม้เมา ตรงไปยังผืนป่าด้านหน้า ท่ามกลางความความมืดที่กำลังจะจางหาย แปรเปลี่ยนเป็นความงามของลำแสงสีทองที่เริ่มส่องผ่านหมู่เมฆลงมายังต้นไม้น้อยใหญ่ กระทบร่างงามสง่าของหญิงสาวในชุดไทยโบราณ จนใครหลายคนที่อยู่ในบริเวณนั้น จ้องมองราวกับถูกมนต์สะกดจนแทบลืมหายใจ

“สวย” คีตะที่ยืนมองอยู่ ถึงกับเปรยขึ้นมาเบาๆ พร้อมรอยยิ้มพึงใจ เขาคิดไม่ผิดที่เลือกเมถุนมาถ่ายแบบในครั้งนี้ เพราะนอกจากเธอจะเป็นนางแบบที่ทุกคนกล่าวขวัญ หญิงสาวยังใส่ชุดไทยได้ ขึ้น เสียจนอดตะลึงไม่ได้เช่นกัน

ทันทีที่เดินเข้าไปอยู่ในเฟรม เมถุนก็ทำหน้าที่มืออาชีพได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง ทำให้การถ่ายแบบในเช้าวันนี้ลุล่วงไปด้วยดี ท่ามกลางความโล่งใจของทีมงานทุกคนที่กลัวว่านางแบบคนสวยจะแสดงอิทธิฤทธิ์กลางกอง

แม้แต่อิชยาเอง ก็ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อสายตาตัวเองเท่าไหร่ หลังยืนมองการถ่ายแบบที่เป็นไปด้วยความราบรื่น ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงที่เอาแต่ใจ นิสัยระรานผู้อื่น จะกลายเป็นคนละคนกับตอนทำงานได้ถึงเพียงนี้

“เดี๋ยวพักกองสิบนาที แล้วคุณเพลินต่อเลยนะคะ” สาวร่างท้วมตัดผมสั้นคล้ายผู้ชาย ลูกน้องมือขวาของคีตะ พูดขึ้นมาหลังจากเดินไปคุยอะไรบางอย่างกับตากล้องสูงวัยที่พยักหน้าออกมาสองสามทีด้วยความพอใจ

“งานนี้เก่งมากค่ะน้องจูน ได้ใจหมายเลขสิบสามไปเต็มๆ” พี่บีที่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ข้างกอง พูดขึ้นหลังเห็นร่างระหงของนางแบบสาวเดินตรงเข้ามา

“ก็แหงอยู่แล้วค่ะพี่บี งานนี้จูนทุ่มสุดตัว”

“ทุ่มให้งาน หรือว่าทุ่มให้อะไรกันแน่” เพลินตาที่เตรียมตัวถ่ายต่อเปรยขึ้น ปรายตามองอย่างหมั่นไส้ จนผู้จัดการสาวหน้าจืดที่ยืนอยู่ข้างกันต้องสะกิดเบาๆ เพื่อปรามไม่ให้เขม่นกันไปมากกว่าเดิม

“ไม่น่าถาม เห็นๆ กันอยู่ว่าฉันทุ่มให้อะไร” เมถุนยิ้มเชือดเฉือน จนผู้จัดการของแต่ละฝ่ายเริ่มขวัญผวา กลัวว่าแม่สองเสือจะขย้ำกันเองก่อนจะเสร็จงาน

“ไม่เอาค่ะน้องจูน ไปพักก่อน เดี๋ยวมีถ่ายคู่กันช่วงบ่ายอีก” พี่บีรีบปราม

“ใช่ค่ะน้องเพลิน ไปเตรียมตัวตรงโน้นดีกว่า จะได้ไปดูสถานที่ด้วยไงว่าแสงจากมุมไหนดีกว่ากัน” นิดผสมโรง ลากแขนนางแบบในสังกัดตัวเองให้แยกตัวไปอีกทาง

“คุณคีเป็นของฉัน เธอมาทีหลังรู้ไว้ซะด้วย!” เพลินตาที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดไทยสีโอลด์โรสกระแทกเสียงใส่คนที่ยังคงลอยหน้าลอยตากวนอารมณ์อยู่ด้วยความขัดใจ

“คุณคีเป็นของเธอเมื่อไหร่จ๊ะยัยเพลินตาย เขายังโสด...เข้าใจไหม single น่ะ เพราะฉะนั้นไม่ว่าเธอหรือฉัน มันก็มีสิทธิ์เท่าๆ กันนั่นแหละ understand” เมถุนเบะปากใส่อีกฝ่ายอย่างไม่แคร์

“พูดอย่างนี้แสดงว่าอยากจะเป็นศัตรูกับฉันเต็มตัวใช่ไหม” เพลินตาชักของขึ้น เหลือบมองคนที่ตัวสูงกว่าด้วยหางตา

“ตายจริง พูดยังกับว่าเราเป็นเพื่อนรักกันมาก่อน” ว่าแล้วเมถุนก็ยกมือขึ้นป้องปาก หัวเราะเบาๆ ก่อนจะถูกอีกฝ่ายตวัดมองอย่างขุ่นเคือง

“ใครจะเป็นเพื่อนเธอได้ยะ แม่นางสิบสอง” สิ้นเสียงของเพลินตา คนฟังก็หุบยิ้มโดยพลัน ริมฝีปากอิ่มเม้มขึ้น ก่อนจะคลายออกเป็นแสยะยิ้ม

“แล้วใครอยากจะเป็นเพื่อนกับนางแบบขาลงอย่างเธอกันบ้าง ขอร้อง...อย่าเอาฉันไปรวมไว้กับพวกเพื่อนๆ เธอเลย เพื่อนฉันมีเยอะแล้ว sorry นะจ๊ะ” พูดเสร็จก็หัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง ปล่อยให้พี่บีที่ยืนฟังอยู่อดกลอกตาไปมาไม่ได้ เมื่อนึกถึงมนุษย์ที่ผู้หญิงคนนี้เรียกเป็นเพื่อน

นอกจากฉันแล้ว หล่อนยังมีคนคบอีกเหรอ แม่นางสิบสอง?

“ไปกันเถอะค่ะพี่บี ไม่อยากให้คนแถวนี้จับจูนไปรวมอยู่ในเพื่อนขาลงของนาง” ว่าแล้วก็ลากแขนผู้จัดการส่วนตัวให้เดินหนีออกจากวงสนทนาหลุนๆ ปล่อยให้เพลินตามองตามด้วยความโมโหระคนหมั่นไส้ กับนิสัยแย่ๆ ของแม่นางแบบชื่อดังคับประเทศ

อย่าให้ถึงทีฉันบ้างก็แล้วกัน!



แล้วก็ถึงเวลานางแบบทั้งสองต้องมีคิวถ่ายร่วมกันในช่วงบ่าย แม้ว่าจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด แต่พอถึงเวลาทำงานทั้งคู่ก็ไม่ทำให้ใครผิดหวัง โดยเฉพาะเจ้าของนิตยสารรูปหล่อที่ยืนกอดอกมองการถ่ายแบบครั้งนี้ด้วยความพอใจ ทว่าคนที่ยืนอยู่ข้างกัน กลับเปรยขึ้นมาอย่างไม่อยากเชื่อมากนัก

“แน่ใจเหรอว่าจะไม่มีปัญหา” อิชยาพูดขึ้น หลังยืนกอดอกมองการถ่ายแบบเงียบๆ มานาน

“ทำไมแกถึงถามฉันอย่างนี้” คีตะหรี่ตามองเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยด้วยความสงสัย

“ก็แค่รู้สึกว่านางแบบที่แกจ้างมา เจ้าปัญหากันทั้งนั้น”

“ไม่หรอก อย่างที่ฉันบอก สองคนนี้มืออาชีพพอที่จะไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาทำให้เสียงาน เดี๋ยวถ่ายอีกช็อตเดียวก็เสร็จแล้ว แกไม่ต้องห่วง”

“ไม่ได้เป็นห่วง ฉันแค่สงสัยเท่านั้นเองว่า...” อิชยากำลังจะพูดต่อ แต่ก็ถูกขัดจังหวะด้วยทีมงานคนหนึ่ง ที่เดินเข้ามาถามคีตะเกี่ยวกับสถานที่ที่จะถ่ายทำวันพรุ่งนี้ เห็นดังนั้นชายหนุ่มจึงปล่อยให้เพื่อนคุยงานให้เสร็จ ส่วนตัวเองก็หันกลับไปสนใจการถ่ายแบบต่ออย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เพราะแค่มาช่วยอำนวยความสะดวกให้เพื่อนก็เท่านั้น

เมื่อเห็นว่าร่างสูงของคีตะหันหลังไปคุยกับทีมงานชาย รอยยิ้มลึกลับก็ปรากฏขึ้นบนกลีบปากอิ่มของเพลินตาที่ยืนซ้อนหลังเมถุนบนโขดหินใหญ่ก้อนหนึ่ง ในชุดไทยประยุกต์สีฟ้าอ่อน ก่อนจะหันไปโพสท่าสุดท้ายให้ตากล้องที่เพิ่งส่งสัญญาณกลับมา

“เดี๋ยวคอยดูฉันอ้อนคุณคีก็แล้วกัน” เพลินตากระซิบเบาๆ กับคนใส่ชุดไทยประยุกต์สีชมพูพาสเทลที่ยืนโพสอยู่ด้านหน้า ก่อนจะยิ้มกริ่ม เมื่อเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่ายที่หันขวับมามองสายตาขุ่น

“น้องจูนมองกล้องด้วยครับ รูปสุดท้ายแล้ว” ตากล้องตะโกนเสียงดัง เมื่อเห็นนางแบบสาวไม่มีสมาธิในการทำงาน

“แล้วฉันจะคอยดู” เมถุนกระซิบตอบพร้อมยิ้มเยาะ ก่อนจะหันกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง กระทั่งได้ยินเสียงตากล้องคนเดิมตะโกนบอกว่าเรียบร้อย วิญญาณมารร้ายก็เข้าสิงสู่นางแบบทั้งสองทันที

ยังไม่ทันที่เมถุนจะได้หันกลับไปเพื่อต่อความยาวสาวความยืดกับเพลินตา ก็เห็นฝ่ายนั้นเซหลุนๆ มาชนเธอเข้า เป็นเหตุให้หญิงสาวต้องยึดร่างนั้นเอาไว้ด้วยสัญชาตญาณ ก่อนจะเข้าใจเจตนารมณ์อีกฝ่ายทันที เมื่อเห็นใบหน้าขัดใจของเพลินตา

“ฉันไม่ให้เธอล้มลงไปง่ายๆ หรอกจ้ะ My poor friend” เมถุนพูดเสียงหวาน ก่อนจะปล่อยมือออกมาจากต้นแขนของเพลินตาทันทีด้วยสีหน้ารังเกียจ

จะแกล้งล้ม แล้วอ่อยคุณคีตะเหรอ ฝันไปซะเถอะ!

ทางด้านคนที่แสร้งทำเป็นลม ก็ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเผลอปล่อยมือ เธอก็แข้งขาอ่อนอีกหน ก่อนจะลอบยิ้มด้วยความกระหยิ่มใจที่แม่นางแบบขี้วีนตามวิชามารของตัวเองไม่ทัน

ใครดีใครได้นะแม่นางสิบสอง!

ทว่ารอยยิ้มของเพลินตาก็หายวับไปจากหน้า เมื่อถูกมือของผู้หญิงคนเดิมคว้าเอวเอาไว้ได้อีกรอบหนึ่ง ก่อนน้ำเสียงเยาะๆ จะดังตามมา

“ก็บอกแล้วไงว่ามุกนี้มันซ้ำ จะใช้อะไรกันมากมายยะ!” แต่ยังพูดไม่จบประโยคดี เท้าข้างหนึ่งของเมถุนก็ลื่นหลุดจากก้อนหินที่เหยียบอยู่ เป็นเหตุให้ร่างระหงของนางแบบสองคนพลัดตกจากโขดหินใหญ่ที่มีแอ่งน้ำเล็กๆ รออยู่เบื้องล่าง ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของเจ้าตัวและผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด

“ว้ายน้องจูน! / น้องเพลิน!” ทั้งพี่บีและนิดต่างก็อุทานออกมาพร้อมกัน ก่อนจะวิ่งเข้าไปหา พร้อมคีตะที่มีสีหน้าตื่นตระหนก และอิชยาที่โคลงหัวไปมา เพราะพอจะเดาเหตุการณ์ได้เลาๆ

“เป็นอะไรรึเปล่าคะน้องจูน!” พี่บีหน้าเสีย เมื่อเห็นสภาพของเมถุนที่เปียกปอนไปด้วยน้ำและขี้โคลนเต็มตัว โดยมีร่างของเพลินตานอนทับอยู่ด้านบนอีกชั้นหนึ่ง

“เอายัยบ้าคนนี้ออกไปให้พ้นนะพี่บี จูนเจ็บจะตายอยู่แล้ว Oh gosh!” เมถุนแหวลั่น ซึ่งไม่ต่างอะไรกับอีกคนที่กำลังยันกายขึ้นมา สภาพดูไม่ได้เช่นกัน

“แล้วเธอมารั้งเอวฉันทำไมล่ะยะ!” เพลินตาแว้ดเข้าใส่ แผนที่สู้อุตส่าห์คิดมาพังครืนไม่เป็นท่า แถมยังมีสภาพน่าอายเช่นนี้อีก

“น้องเพลินโอเคไหมคะ พี่เห็นเหมือนจะเป็นลม” นิดพูดอย่างกังวล หลังเห็นอาการของเพลินตาอยู่ไกลๆ

“นั่นสิครับ โชคดีที่ได้คุณจูนช่วยเอาไว้” คีตะเสริมขึ้น ทำเอาคนที่กำลังจะอ้าปากด่าคู่อริ ถึงกับเปลี่ยนท่าทีราวกับกิ้งก่า

“ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ โชคดีอย่างที่คุณคีว่าไว้นั่นแหละ” นางแบบสาวที่ยันกายขึ้นมาได้แล้ว ส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้หนุ่มร่างสูงที่กำลังเอื้อมมือไปดึงมารหัวใจที่นอนแช่น้ำตื้นอยู่ด้วยสีหน้าเป็นห่วง

“ช่วยจูนด้วยค่ะคุณคี จูนเจ็บตรงซี่โครงมากเลย” พอได้ที เมถุนก็แสร้งบีบน้ำตา เรียกร้องความสงสารจากคีตะได้อย่างแนบเนียน จนชายหนุ่มถึงกับขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วงเธอจับใจ

ขอโทษทีนะจ๊ะเพลินตา บังเอิญว่าเลเวลระหว่างเรามันต่างชั้นกันเกินไป ใครดีใครได้ก็แล้วกัน!

“ไหวไหมครับคุณจูน เดี๋ยวผมจะช่วยประคอง” ว่าแล้วก็เอื้อมไปจับต้นแขนเสลาของเมถุนที่เต็มไปด้วยโคลนอย่างไม่นึกรังเกียจให้ขึ้นมานั่ง แต่ทว่าก็ต้องชะงักไป เมื่อได้ยินเสียงทุ้มๆ ของเพื่อนสมัยเรียนดังขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน

“เฮ้ย...ไอ้คี แกอย่าลงไปเกลือกกลั้ว เอ๊ย! ช่วยให้เปื้อนเลยว่ะ เดี๋ยวมีนัดคุยงานกับลูกค้าอยู่ไม่ใช่เหรอวะ งานนี้ให้เป็นหน้าที่ฉันดีกว่า” อิชยาพูดพลางเอื้อมมือไปแตะไหล่หนาของเพื่อนที่ใส่เสื้อเชิ้ตลายทางสีเทาอ่อนดูสะอาดสะอ้านอยู่อย่างเป็นห่วง

“คุณจะยุ่งทำไมคุณอิช ฉันเจ็บอยู่นะ!” เมถุนแหวขึ้นมาอย่างลืมตัว ก่อนจะรีบปรับสีหน้าเป็นสำออยต่อ เพื่อเรียกคะแนนความสงสารจากหนุ่มรูปงามที่เริ่มทำสีหน้าลังเล

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันค่อยไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ก็ได้”

“ถ้าเกิดแกไปช้า ลูกค้าหมดความเชื่อถือพอดีสิ” อิชยาหว่านล้อม จนคีตะพยักหน้าน้อยๆ อย่างครุ่นคิด

“แต่ตอนนี้ช่วยจูนก่อนเถอะค่ะคุณคี จูนเจ็บจะแย่อยู่แล้ว ลุกเดินเองไม่ไหวหรอกนะคะ” เมถุนพูดแทรกขึ้นมา เมื่อเห็นท่าทีของคีตะที่ถูกอิชยาเป่าหู นึกอยากจะข่วนหน้าหล่อๆ นั่นให้ได้แผลสักสองสามแผล โทษฐานที่เข้ามาสอดได้น่าโมโหที่สุด!

“หลบไปไอ้คี...ฉันเอง” อิชยารีบดึงตัวเพื่อนให้หลบไปด้านหลัง เมื่อเห็นว่าแม่นางแบบสาวยังยืนกรานคำเดิมว่าต้องการให้เจ้าของนิตยสารหน้าหยกเป็นผู้ดูแล

“ฉันไม่ได้ขอร้องให้คุณมาช่วยนะคุณอิช อย่ายุ่ง!” เมถุนหน้าบูดบึ้ง เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของอิชยาเคลื่อนตัวมาใกล้ คนไม่ได้ขอ ก็จะยัดเยียดความช่วยเหลือให้อยู่ได้!

“ผมก็ไม่ได้บอกนี่ว่าจะผมเป็นคนช่วยคุณ” ชายหนุ่มพูดพลางยักคิ้วให้คนที่ทำหน้างงอยู่

“อะไร? ยังไง? ไม่ใช่คุณแล้วจะเป็นใคร?” หญิงสาวรัวคำถามใส่ไม่ยั้ง คิ้วเรียวสวยขมวดเป็นปมจนยุ่งไปหมด ก่อนจะเลิกขึ้นด้วยความขนพองสยองเกล้า เมื่อได้ยินเขาเรียกหาผู้ช่วยส่วนตัวดังลั่น

“ไมเคิล! ไปมุดหัวอยู่ไหนวะ รีบมาอุ้มเจ้าหญิงซี่โครงร้าวไปส่งที่ห้องหน่อยโว้ย!”



ดารานิล
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 มี.ค. 2556, 18:06:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ต.ค. 2556, 13:46:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1476





<< 3. สลัดผักกับนิทานปรัมปรา   5. คุณคือคนแรก >>
kaelek 25 มี.ค. 2556, 19:35:04 น.
เจอไมเคิลแบบนี้ น้องจูนวิ่งได้แน่ๆๆ


Gingfara 25 มี.ค. 2556, 19:41:49 น.
หายไปอ่านหนังสือสอบแผล็บเดียว ถึงตอนนี้แล้วหรือนี่ ไม่ได้ละๆๆๆๆๆๆๆ กลับไปอ่าน ณ บัด นาว


goldensun 25 มี.ค. 2556, 20:20:57 น.
อิชยารู้ทันสาวเมถุนตลอดเลย แถมยังขวางแผนและมีตัวเบรคชั้นดีอย่างไม้ขอนด้วย จูนคงได้ค่อยๆปรับนิสัยสำออยได้แน่
จูนเรียกเพลินตาว่าเพลินตาย แต่เพลินเรียกจิกจูนแค่นางสิบสอง ทั้งที่ชื่อจริง ถ้าตัดสั้นๆ เหลือแค่ ถุน ก็เหลือรับแล้ว ว่ามั้ยคะ


Pat 25 มี.ค. 2556, 20:43:36 น.


พันธุ์แตงกวา 26 มี.ค. 2556, 08:18:07 น.
ฮ่าๆๆ ยายจูนเอ้ย ฝันสลาย คุณอิชดันรู้ทางซะนี่


anOO 26 มี.ค. 2556, 15:11:52 น.
ฮ่าๆๆๆ ไม้ขอน นายอยู่ไหน รีบๆมาอุ้มจูนพร้อมเล่านิทานตลอดทางด้วยเลย


Zephyr 6 เม.ย. 2556, 14:23:07 น.
ฮ่าๆๆๆ ทันกันตลอด


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account