กล้วยไม้ในมือมาร
กล้วยไม้คือผู้หญิง...เธอคือผู้หญิงชาวจีนที่ถูกซื้อมาเป็นสาวรับใช้ตั้งแต่วัยเด็ก...นวนิยายเรื่องนี้ฉายภาพสยามประเทศใน พ.ศ. 2473
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 40


40...

พอน้ำที่ท่วมกรุงลดลง...อากุ่ยก็จัดการซ่อมแซมบ้านของคุณนายสายหยุดเป็นการใหญ่ เพราะทั้งบันไดและเรือนคนใช้กับศาลาท่าน้ำล้วนเสียหายไม่น้อย รวมทั้งทางเดินในบ้านก็ต้องเทปูนใหม่ อากุ่ยทำงานโดยมีลุงเพิ่มเป็นลูกมือ แต่ลุงเพิ่มมักจะหาเวลาไปงีบช่วงบ่าย
ช่วงบ่ายวันนี้ก็เช่นเดียวกัน ทำงานได้สักพัก ลุงเพิ่มก็หาวหวอด “ข้าขอไปงีบเดี๋ยวหนึ่งนะอากุ่ย”
“ครับ” ชายหนุ่มชาวจีนเอ่ยคำไทยชัดเจน “ลุงไปพักก่อนเถอะ”
“เฮ้อ...แก่แล้วไม่มีอะไรดีเลย” ลุงเพิ่มบ่นพึมพำ เอามือทุบหลังตนเองเบาๆ “มันปวดเมื่อยไปหมด ได้เอนหลังหน่อยคงจะดีขึ้น”
แล้วลุงเพิ่มก็เดินผละจากไป อากุ่ยก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปได้อีกหน่อย ก็ได้ยินเสียงเรียกของกล้วยไม้
“พี่กุ่ย...คุณสายใจทำกระท้อนลอยแก้ว เธอให้ฉันเอามาให้พี่ด้วย”
อากุ่ยเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง พลางยกผ้าขนหนูที่คล้องคอขึ้นเช็ดเหงื่อบนใบหน้า
หญิงสาวเจ้าของเสียงถือถ้วยใส่กระท้อนลอยแก้วมีช้อนวางในถ้วยแก้วขนาดเล็กมาด้วย เธอวางถ้วยขนมหวานลงบนเก้าอี้ไม้ที่เขาวางพวกตะปู ขณะวางถ้วยขนม ด้ายแดงที่กล้วยไม้ใช้คล้องแหวนหยกขาวสวมคอนั้นเปื่อยจนขาด แหวนหล่นลงพื้นดิน
อากุ่ยกับกล้วยไม้ก้มลงหยิบพร้อมกัน แต่มืออากุ่ยหยิบแหวนได้ก่อน มือของกล้วยไม้จึงไปจับถูกมือของเขา หญิงสาวรีบหดมือกลับ
อากุ่ยหยิบแหวนขึ้นมาดู “แหวนหยกขาว หยกนี้เนื้อดีมาก เป็นของมีราคา ที่พวกคนจีนที่มีเงินชอบสวมกัน ของกล้วยไม้เหรอ?”
“อืม...” หญิงสาวไม่อยากตอบมากความ
“งั้นกล้วยไม้ก็มีเชื้อสายจีนสิ ถ้าพี่เดาไม่ผิด” เขาเอ่ยพลางคืนแหวนให้เธอ
“ใช่จ้ะ...ไม่เพียงเชื้อสาย แต่ฉันเป็นคนจีน มาจากเมืองจีนเหมือนพี่กุ่ยนั่นแหละ” กล้วยไม้เอ่ยความจริง “แต่คุณสายใจบอกว่า ถ้าฉันทำตัวเป็นคนไทยจะปลอดภัยกว่า”
“แล้วกล้วยไม้มีชื่อจีนว่าอะไร?”
“ฉันชื่อว่าลั้ง” กล้วยไม้ตอบ กำแหวนเอาไว้แน่น
“ลั้ง ก็แปลว่า กล้วยไม้” อากุ่ยเอ่ยเบาๆ ก่อนจะถามต่อว่า “แหวนนั่นสำคัญต่ออาลั้งมากเหรอ?”
“เรียกชื่อไทยของฉันดีกว่า เพราะคุณสายใจไม่อยากให้ฉันบอกเรื่องเป็นคนจีนแก่ใคร” กล้วยไม้พยายามเบนความสนใจของอากุ่ย
ชายหนุ่มพยักหน้า แต่เขายังไม่ลืมถามย้ำ “แหวนนั่นสำคัญมากเหรอ”
“จ้ะ” กล้วยไม้ตอบสั้นๆ ก่อนจะขอตัวว่า “ฉันต้องไปทำงานบนบ้านต่อแล้ว พี่กุ่ยกินขนมก่อนนะ” แล้วหญิงสาวไม่รอฟังคำตอบ หันกายผละจากไปทันที
อากุ่ยมองตามเงาร่างอรชรของกล้วยไม้ ในใจอดคิดไม่ได้...แหวนหยกวงนั้นเป็นแหวนผู้ชาย...เป็นของพ่อกล้วยไม้ หรือเป็นของใคร?

วันรุ่งขึ้น...อากุ่ยยืนดักรอกล้วยไม้ที่ลงมาทำครัวชั้นล่างติดเรือนคนใช้ เขารอจนหญิงสาวเดินมาใกล้จึงเรียกเบาๆ
“กล้วยไม้...”
หญิงสาวมองเจ้าของเสียง แล้วถาม “พี่กุ่ยมายืนทำอะไรอยู่แถวนี้”
“มารอกล้วยไม้”
“รอทำไม?” หญิงสาวถาม
“พี่มีของจะให้” เขาเอ่ยพลางหยิบสร้อยคอทองคำหนักสองบาทออกจากถุงผ้าสีแดงใบเล็ก “กล้วยไม้จะได้ใช้คล้องแหวนแทนด้ายแดง”
“ฉันรับไม่ได้หรอกพี่กุ่ย” หญิงสาวปฏิเสธ
“ทำไม?” อากุ่ยถาม แต่ในใจกลัวคำตอบ
แล้วคำตอบที่อากุ่ยกลัวก็หลุดออกจากปากของกล้วยไม้ “เจ้าของแหวนคงไม่อยากให้ฉันใช้สร้อยของพี่”
“เขาเป็นคนที่กล้วยไม้รักเหรอ?” อากุ่ยกลั้นใจถาม
“จ้ะ” กล้วยไม้ตอบเสียงเบา ทว่ามันบาดลึกเข้าไปถึงหัวใจของอากุ่ย
ชายหนุ่มพยายามจะยิ้ม แต่มันเป็นรอยยิ้มที่ดูเหยเก จนกล้วยไม้ต้องเมินมองไปทางอื่น แล้วรีบเดินเข้าครัวไป

อีกสิ่งที่ตามมาหลังน้ำลด คือการทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตร เสียงหวอที่ดังขึ้นมาทุกครั้งช่างโหยหวนจับใจ ทุกบ้านต้องดับไฟ เพื่อไม่เป็นเป้าหมายของระเบิด นั่นทำให้อากุ่ยมีงานทำอีกอย่างหนึ่ง คือการทำหลุมหลบภัย
พอหวอดัง...ทุกคนในบ้านจะดับไฟ แล้วหิ้วตะเกียงเล็กๆ ดวงเดียวลงไปยังหลุมหลบภัย พอเข้าครบหมดทุกคน ประตูทางเข้าที่เป็นบานไม้อยู่ด้านบนจะถูกปิด เพื่อป้องกันไม่ให้แสงสว่างจากตะเกียงเล็ดลอดออกไป จะกลายเป็นเป้าหมายทิ้งระเบิด แล้วทุกคนก็จะนั่งรอ รอจนกว่าเสียงระเบิดเงียบหาย และเสียงหวอดังขึ้นอีกครั้ง จึงจะออกจากหลุมหลบภัยมา
แม้อากุ่ยจะถูกกล้วยไม้ปฏิเสธกลายๆ แต่ชายหนุ่มยังคงทำตัวเป็นสมาชิกคนหนึ่งของบ้านท่านขุนวิจิตร เพราะทุกคนในบ้านต่างชอบพอนิสัยใจคอของเขา
เขาจะไปช่วยกล้วยไม้จ่ายตลาดเสมอ เช้าวันนี้ก็เช่นเดียวกัน...อากุ่ยหิ้วตะกร้าหวายเดินเคียงมากับกล้วยไม้ แล้วทั้งสองก็สะดุดตากับกลุ่มคนที่มุงอยู่ลานดินข้างๆ ตลาด
“เขามีอะไรกันน่ะพี่กุ่ย?” กล้วยไม้ถามเสียงค่อยๆ พอได้ยินกันแค่สองคน
“ไม่รู้สิ” อากุ่ยตอบ เพราะเดาไม่ถูกว่าเกิดอะไรขึ้นตรงที่คนยืนล้อมวงมุงดู จึงชวนว่า “พวกเราไปดูกันไหม?”
“จะดีเหรอ...พวกเรามาซื้อกับข้าว ไปดูจะทำให้ชักช้าหรือเปล่า” ใจหนึ่งกล้วยไม้ก็อยากไปดูว่าพวกนั้นเขามุงดูอะไรกัน แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวเสียงาน
“อ้าว...พี่กุ่ย” เสียงสมใจทัก แล้วหญิงสาวเจ้าของเสียงก็เดินมาเกาะแขนเขาหมับ ก่อนจะหันไปทักกล้วยไม้ “เธอก็มาด้วยเหรอ?”
กล้วยไม้ยิ้มให้อีกฝ่ายตอบ “จ้ะ...แล้วเธอทำไมไม่อยู่ที่แผงผักล่ะ ฉันกำลังจะไปซื้อผักกับเธออยู่พอดี”
“ตอนนี้ใครเขาขายของกัน ใครๆ ก็ไปดูทหารญี่ปุ่นลงโทษขโมยกันทั้งนั้น” สมใจเอ่ยเสียงสูง
“ที่เขามุงดูอยู่นี่เหรอ?” อากุ่ยถาม
“ใช่แล้วจ้ะพี่กุ่ย...เราก็รีบไปดูกันเถอะ ชักช้าเดี๋ยวจะไม่ได้ดู” ว่าแล้ว สมใจก็ทั้งลากทั้งดึงแขนของอากุ่ยให้ไปร่วมวงมุง
อากุ่ยก็ไม่ลืมคว้ามือกล้วยไม้ให้ตามเข้าไปด้วยอีกคน...เมื่อทั้งสามคนเบียดเสียดคนมุงจนมาอยู่ด้านหน้า
ก็เห็น...ทหารญี่ปุ่นยืนเป็นแถวเรียบร้อยอยู่ราวสิบกว่าคน มีชายคนไทยที่ถอดเสื้อนั่งคุกเข่าเอามือไพล่หลังอยู่สี่คน บางคนนุ่งกางเกงขาก๊วยสีดำ บางคนนุ่งผ้าขาวม้าหยักรั้ง ทั้งสี่ก้มหน้ามองพื้น มีนายทหารญี่ปุ่นที่พูดไทยได้แต่ไม่ชัดนักกำลังเอ่ยโทษของคนทั้งสี่
“พวกนี้เป็นขโมย เมื่อคืนเข้ามาขโมยน้ำมันในค่าย ในนามองค์จักรพรรดิ จึงให้ลงโทษโดยการให้ดื่นน้ำมันคนละปี๊บ...ปฏิบัติได้”
คำหลัง...นายทหารสั่งทหารที่ยืนแถวอยู่
“ไฮ้...”เสียงรับคำสั่งพร้อมเพรียง
แล้วทหารก็แยกย้ายกันจับคนโทษทั้งสี่ไม่ให้ดิ้นหนี เอากรวยจ่อปาก แล้วเทน้ำมันใส่ลงคอนักโทษ...เสียงซุบซิบอื้ออึง
กล้วยไม้เห็นสีหน้าทรมานของคนถูกกรอกปากด้วยน้ำมันแล้วทนดูไม่ได้ จึงสะกิดแขนอากุ่ย “พี่กุ่ย...ระ...เราออกไปกันเถอะ”
อากุ่ยพยักหน้า “ได้” แล้งจูงกล้วยไม้เบียดเสียดคนมุงออกมาข้างนอก เขาจึงสังเกตเห็น “กล้วยไม้หน้าซีดจัง”
“จ้ะ...ฉันรู้สึกไม่ค่อยดี” กล้วไม้ยอมรับ...ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้เธอนึกสงสารนักโทษทั้งสี่ ที่คงทรามานไม่น้อยเลย คนธรรมดาคนหนึ่งใครจะสามารถกินน้ำมันเป็นปี๊บได้ อย่าว่าน้ำมันเลย ต่อให้เป็นน้ำเปล่าก็ไม่ไหว “นี่เขาจะฆ่าคนชัดๆ”
“พวกทหารญี่ปุ่นกฎระเบียบเข้มงวด และเกลียดคนขโมยของที่สุด ยิ่งไปขโมยของในค่ายนี่ ยิ่งรอดยาก” อากุ่ยเอ่ยเสียงเรียบๆ เขาเป็นผู้ชายจึงไม่ค่อยกระทบกระเทือนทางอารมณ์ง่ายอย่างกล้วยไม้
“สี่คนนี้คงจะไม่รอด” กล้วยไม้เอ่ยเสียงแผ่ว รู้สึกสะเทือนใจไม่น้อย...คนที่เมื่อครู่ยังมีชีวิต มีลมหายใจ แต่อีกสักครู่ จะหมดทั้งชีวิต หมดทั้งลมหายใจ
เพิ่งคิดถึงตรงนี้...พวกคนที่มุงดูอยู่ก็แตกออกเป็นช่อง ทหารญี่ปุ่นยกแคร่ที่มีร่างของนักโทษที่คลุมผ้าดิบกันอุจาดสี่แคร่ เดินเรียงแถวผ่านไป
คนที่มุงดูแยกย้ายกันเป็นกลุ่มๆ วิพากษ์วิจารณ์
“น้ำมันยังไม่หมดปี๊บก็ตายซะแล้ว”
“พวกนี้มันเหี้ยมฆ่าคนอย่างเลือดเย็น”
“อย่าดังไป มันมีคนรู้ภาษาไทยด้วย”
“ข้าเคยเห็นคนพวกนี้ตัดมือคนชิงสร้อยของคนไทยด้วย”
“ทำไมคนไทยทำผิดต้องให้คนญี่ปุ่นมาลงโทษด้วย” เสียงคนเอ่ยไม่พอใจ
“เอ็งอย่าเสียงดังไป...เดี๋ยวก็เข้าปิ้งไปด้วย”
“กล้วยไม้ถอนหายใจ อดนึกถึงญาติมิตรของคนตายไม่ได้ คงไม่กล้ามาแสดงตัว เพราะกลัวจะต้องโทษไปด้วย แต่ก็คงเศร้าโศกเสียใจไม่น้อย
“แล้วญาติของคนตายจะทำยังไง?”
“พวกทหารญี่ปุ่นจะเอาศพไปไว้ที่ศาลาวัดใกล้ๆ นี่ พวกญาติหรือคนรู้จักของคนตายก็จะไปจัดการงานศพกันเอาเอง” อากุ่ยบอก
เขาเพิ่งพูดจบ...สมใจก็มาเกาะแขนเขาหมับ
“พี่กุ่ยหนีมาอยู่ตรงนี้เอง”
“ผมไม่ได้หนี” อากุ่ยเอ่ยเสียงเครียด “แล้วสมใจก็อย่าทำอย่างนี้ คนเขาเห็นจะนินทาเอาได้”
“ช่างปะไร พวกปากหอยปากปู” สมใจเชิดปาก
“ผมเป็นผู้ชายน่ะไม่เสียหาย แต่สมใจเป็นผู้หญิงจะเสียหาย”
“นี่พี่กุ่ยเป็นห่วงสมใจหรือ?” แม่ค้าขายผักสาวคิดเข้าข้างตนเอง
อากุ่ยเลยต้องตามน้ำ เพราะถ้าปฏิเสธ เรื่องจะอีกยาว...เขาจึงพยักหน้า “ใช่...ผมเห็นสมใจเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ก็ต้องเป็นห่วงเป็นธรรมดา” พลางแกะมือของสมใจที่เกาะแขนของตนออก
สมใจหน้างอ “ฉันไม่อยากให้พี่กุ่ยเห็นฉันเป็นน้องสาว”
อากุ่ยทำเป็นไม่ได้ยินตัดบทว่า “สมใจ...วันนี้มีผักอะไรบ้าง นี่ก็สายมากแล้ว เดี๋ยวคุณนายจะว่าได้ว่าผมมัวแต่เถลไถล”

เย็นวันนั้น...ไม่มีการทิ้งระเบิด ทุกคนต่างยินดีที่ไม่ได้ยินเสียงหวอโหยหวน แต่อยู่ๆ คุณนายกับคุณสายใจก็เรียกทุกคนมาพบที่ห้องนั่งเล่น แล้วคุณสายใจก็ประกาศว่า
“ฉันกับคุณแม่จะย้ายไปอยู่กับคุณพ่อที่พิจิตร เพราะจะได้ไม่ต้องใจหายใจคว่ำกับเรือบินที่มาทิ้งระเบิด เพราะพักนี้ชักจะถี่ขึ้น เกรงว่าอีกหน่อยจะถี่กว่านี้...ป้าม้วนกับลุงเพิ่มจะตามไปด้วยกันไหม?”
“อิฉันไปค่ะ” ป้าม้วนเอ่ยขึ้นทันที “ทุกวันนี้ก็นอนสะดุ้งอยู่ทุกคืน นอนตาไม่หลับเลยค่ะ”
“กระผมก็ไปครับ” ลุงเพิ่มเอ่ยบ้าง
“แล้วกล้วยไม้ล่ะ?” คุณสายใจถามหญิงสาว
กล้วยไม้นิ่งคิด...เธอจากบางกอกไปพักใหญ่ ได้กลับมาอีกครั้ง ก็อยากไปฟังข่าวของคุณชายป้อที่บ้านยี่เสี่ยเนี้ย แต่มาติดเรื่องน้ำท่วมเสียก่อน แล้วเธอเองก็ยังทำใจไม่กล้าไปเผชิญหน้าทุกๆ คนที่บ้านยี่เสี่ยเนี้ยไม่ได้ จึงยังไม่ได้ไป
แต่...หากเธอไปจากบางกอกอีก โอกาสที่จะได้พบหรือได้ข่าวคุณชายป้อจะยิ่งริบหรี่
“กล้วยไม้จะอยู่บางกอกต่อค่ะ” หญิงสาวตองเสียงเบา
“แน่ใจหรือ?” คุณสายใจถาม
“แน่ใจค่ะ” กล้วยไม้รับคำหนักแน่น
“ฉันไม่ถามเหตุผลกล้วยไม้หรอกนะว่าทำไม แต่ขอให้กล้วยไม้ระมัดระวังตัวให้รอบคอบ”
“ค่ะ...คุณสายใจ” กล้วยไม้เอ่ย รู้สึกใจหายเช่นกันที่ต้องจากกับเจ้านายสาวที่แสนดีอย่างนี้
ช่วงเวลาที่กล้วยไม้อยู่คุณนายสายหยุดกับคุณสายใจ ถึงจะเป็นคนใช้ แต่ก็ไม่ได้ทำงานหนักเหมือนที่ผ่านๆ มา ความเป็นอยู่ค่อนข้างสบาย เพราะงานบ้านก็ช่วยกันทำกับป้าม้วน ซ้ำคุณนายสายหยุดก็เอ็นดูช่วยสอนให้ทำอาหารคาวหวานตำรับชาววัง ซึ่งมีรสชาติอร่อยกว่าแกงต่างๆ ที่พี่อิ่มสอนให้ทำขาย และทุกเดือนยังกรุณาจ่ายเงินเดือนอีกเดือนละสามบาท
กล้วยไม้ซาบซึ้งในความดีของทั้งสองยิ่งนัก จึงคลานเข่าเข้าไปกราบคุณนายแทบเท้า น้ำตาแห่งความตื้นตันตกต้องเท้าของเจ้านาย
“อิฉันขอบพระคุณในความกรุณาของคุณนายมากค่ะ ที่สั่งสอนอิฉันหลายๆ อย่างที่เป็นความดีงามที่อิฉันไม่เคยพานพบมาก่อนในชีวิต”
“เอาเถอะ...” คุณนายสายหยุดเอ่ย พลางลูบศีรษะกล้วยไม้ “พวกเราคงเคยทำบุญร่วมกันมา”
แล้วกล้วยไม้ก็คลานไปกราบเท้าคุณสายใจ คุณสายใจรีบใช้มือรับมือของกล้วยไม้เอาไว้ก่อน บอกว่า “กับฉันไม่ต้องกราบเท้าหรอก”
“แต่กล้วยไม้ยินดีค่ะ” กล้วยไม้เอ่ย “บุญคุณของคุณสายใจมีมากจนกล้วยไม้พูดออกมาไม่หมด กล้วยไม้ได้แต่ซาบซึ่งอยู่ในใจ ไม่มีอะไรจะตอบแทน”
“ฉันก็ไม่ต้องการของตอบแทนจากกล้วยไม้หรอก แค่เห็นกล้วยไม้เป็นคนดี ฉันก็ดีใจแล้ว” คุณสายใจกล่าว น้ำตารื้นๆ เช่นกัน “จริงๆ ฉันอยากให้กล้วยไม้ไปด้วย แต่ฉันก็รู้ว่ากล้วยไม้ต้องมีเหตุผลที่ไม่ตามฉันไป ฉันไม่ถามหรอกนะว่าเหตุผลนั้นคืออะไร แต่จะบอกกับกล้วยไม้ว่า ถ้ากล้วยไม้จะตามไปเมื่อไหร่ ฉันยินดีต้อนรับเสมอ”
“ขอบพระคุณค่ะ” กล้วยไม้กราบบนมือของคุณสายใจ แล้วคลานถอยออกมา
คุณสายใจหันไปทางอากุ่ย ถามสั้นๆ “แล้วนายกุ่ยล่ะ?”
“กระผมก็จะอยู่ที่บางกอกต่อครับ” อากุ่ยตอบหนักแน่น
คำตอบของอากุ่ยทำให้ทั้งคุณนายสายหยุด คุณสายใจ ป้าม้วน และลุงเพิ่ม ต่างเข้าใจผิดตามๆ กัน รอยยิ้มจึงปรากฏอยู่บนใบหน้าทุกดวงจางๆ...เพราะคิดว่า ที่กล้วยไม้ไม่ไปจากบางกอก เนื่องจากตกลงใจอยู่กินกับอากุ่ยนี่เอง!




คำรัก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 มี.ค. 2556, 11:23:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 มี.ค. 2556, 11:23:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 1290





<< ตอนที่ 39   ตอนที่ 41 >>
์nuch 15 มี.ค. 2556, 18:49:32 น.
เหมือนกุ่ย จะเป็นคนไม่ดี
สงสารกล้วยไม้ น่าจะไปกับคุณสายหยุด


ree 18 มี.ค. 2556, 21:49:01 น.
เข้าใจผิดกันไปใหญ่ กล้วยไม้ไม่น่าเปลี่ยนใจจากคุณชายป้อไปง่ายๆ หรอก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account