กล้วยไม้ในมือมาร
กล้วยไม้คือผู้หญิง...เธอคือผู้หญิงชาวจีนที่ถูกซื้อมาเป็นสาวรับใช้ตั้งแต่วัยเด็ก...นวนิยายเรื่องนี้ฉายภาพสยามประเทศใน พ.ศ. 2473
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 41

41...


เมื่อคุณนายสายหยุดกับคุณสายใจย้ายไปอยู่ที่พิจิตร โดยมีป้าม้วนกับลุงเพิ่มตามไปด้วย คุณสายใจได้อนุญาตให้กล้วยไม้กับอากุ่ยพักอาศัยอยู่ที่บ้านต่อไป พร้อมกันนั้นยังให้ชุดสวยแก่กล้วยไม้อีกสามชุด
กล้วยไม้กับอากุ่ยจึงตกลงกันว่า...กล้วยไม้จะอยู่เฉพาะที่ชั้นล่างของตึกใหญ่ จะปิดชั้นบนซึ่งเคยเป็นที่พักของเจ้านายเอาไว้ ไม่ไปยุ่มย่ามนอกจากขึ้นไปทำความสะอาดเป็นครั้งคราว ส่วนอากุ่ยจะอยู่ที่เรือนคนใช้ และทั้งสองจะทำหน้าที่เฝ้าบ้านให้เจ้านายเป็นการตอบแทน
คุณสายใจเสนอก่อนไปว่า...จะให้ค่าจ้างกล้วยไม้ต่อไป
แต่กล้วยไม้ปฏิเสธว่า “อิฉันรับไม่ได้หรอกค่ะ แค่ให้อิฉันพักอาศัยอยู่ที่บ้านต่อไป ก็เป็นพระคุณอย่างล้นเหลือแล้วค่ะ”
“แล้วกล้วยไม้จะทำอย่างไร อยู่บางกอกต้องใช้เงิน ไม่เหมือนอยู่บ้านนอก พอจะเก็บผักเก็บหญ้าทำเป็นกับข้าวได้” คุณสายใจถามอย่างเป็นห่วง
“อิฉันจะขายข้าวแกงค่ะ” กล้วยไม้ตอบ “อิฉันขออนุญาตใช้ครัวนะคะ”
“ได้สิ” คุณสายใจอนุญาต “หม้อชามรามไหอะไรที่ต้องใช้ก็ใช้ได้ ยกเว้นชุดกระเบื้องลายกุหลาบ กับชุดเครื่องแก้วเจียระไนที่ฉันกับคุณแม่ใช้รับแขกเท่านั้น นอกนั้นฉันอนุญาตให้ใช้ได้”
“ขอบพระคุณค่ะ” กล้วยไม้กล่าวจากส่วนลึกของหัวใจ
คุณนายและคุณสายใจไปแต่เช้า กล้วยไม้ไปส่งที่สถานีรถไฟและกลับมาเมื่อสายๆ พร้อมกับอากุ่ย...หญิงสาวมองห้องนั่งเล่นที่เคยมีคุณนายกับคุณสายใจนั่งอยู่เสมอแล้วอดคิดถึงไม่ได้จึงทอดถอนหายใจยาว
“ถอนหายใจทำไม?” อากุ่ยถาม
“คิดถึงคุณสายใจกับคุณนาย” กล้วยไม้ตอบเสียงเบา
“เพิ่งไปส่งเมื่อครู่ใหญ่เอง” อากุ่ยว่า “ที่จริงควรจะดีใจกับเขาจึงถูก”
“ดีใจ?” กล้วยไม้มีสีหน้างุนงง
“ใช่...ดีใจ เพราะคุณนายกับคุณสายใจกำลังเดินทางไปหาท่านขุน จะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว ควรจะดีใจจริงไหม” อากุ่ยกล่าว
“ส่วนหนึ่งก็จริง แต่อีกส่วนหนึ่ง...” กล้วยไม้หยุดพูดแค่นี้
ยิ่งทำให้อากุ่ยสงสัย “อีกส่วนหนึ่งทำไมเหรอ?”
กล้วยไม้เม้มปากอ้ำอึ้งอยู่ครู่ ก่อนจะย้อนถามกลับ “พี่กุ่ยไม่ได้สังเกตเหรอ ว่าทำไมท่านขุนไม่ได้มาเยี่ยมบ้านบ้างเลย”
“นั่นสิ...” อากุ่ยเริ่มผิดสังเกตเช่นกัน “ทำไมล่ะ?”
“เพราะท่านมีภรรยาอีกคนอยู่ที่พิจิตร เห็นว่ามีลูกชายกันด้วย อายุน้อยกว่าคุณสายใจสักสิบปี ท่านขุนก็เลยเกรงใจภรรยาคนนั้นมาก ไม่มีธุระที่สำคัญจะไม่ลงมาบางกอกเลย”
“กล้วยไม้รู้เรื่องนี้ได้ยังไง?” อากุ่ยถาม
“ป้าม้วนเล่าให้ฟัง ลำพังฉันไม่กล้าออกปากถามคุณนายหรือคุณสายใจหรอก แล้วคุณนายกับคุณสายใจก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้ด้วย”
อากุ่ยพยักหน้า เข้าใจแล้วว่าทำไมกล้วยไม้ถึงเป็นห่วงคุณนายกับคุณสายใจนัก
“เรามาพูดถึงเรื่องขายข้าวแกงของฉันดีกว่าพี่กุ่ย” กล้วยไม้เปลี่ยนเรื่องสนทนา “พี่ว่าฉันควรขายที่ไหนดี?”
“กล้วยไม้ล่ะว่ายังไง” อากุ่ยมือหนึ่งกอดอกมือหนึ่งใช้นิ้วชี้เคาะที่ขมับเบาๆ อย่างใช้ความคิด
“ฉันเคยหาบข้าวแกงขายมาก่อน...”
กล้วยไม้เอ่ยไม่ทันจบ อากุ่ยก็ขัดขึ้นทันที
“พี่ไม่ให้กล้วยไม้ไปหาบข้าวแกงขายหรอก”
“แล้ว...?” กล้วยไม้เองก็ยังนึกอะไรไม่ออก
“ขายที่ตลาดไง!” อากุ่ยเอ่ย “กล้วยไม้ทำข้าวทำแกง พี่จะเป็นคนหาบไปให้เอง”
“จะดีเหรอ?”
“ดีสิ...พี่จะลงทุนด้วย ขายได้เท่าไหร่ หักทุนคืนแล้ว กำไรแบ่งออกเป็นสามส่วน พี่เอาหนึ่งส่วน กล้วยไม้เอาไปสองส่วน”
“อย่างนี้ก็เอาเปรียบพี่แย่” กล้วยไม้รู้สึกตามที่พูดจริงๆ
“ไม่หรอก คนหุงข้าว ปรุงแกงคือกล้วยไม้ พี่เป็นได้แค่ลูกมือ ลูกมือก็ต้องได้ส่วนแบ่งน้อยกว่าอยู่แล้ว” อากุ่ยเอ่ยด้วยทีท่าจริงจัง
จนกล้วยไม้แย้มยิ้มออกมา “ไม่เอาหรอกพี่กุ่ย เหนื่อยเหมือนๆ กัน ลงทุนเหมือนๆ กัน บางทีพี่อาจจะเหนื่อยมากกว่าฉันอีก จะให้ฉันเอาเปรียบพี่ได้ยังไงกัน ถ้าไม่แบ่งกำไรเท่าๆ กัน ฉันไม่ให้พี่กุ่ยร่วมลงทุนขายข้าวแกงกับฉันหรอก”
อากุ่ยเปิดยิ้มกว้าง “ตกลง...กำไรแบ่งเท่าๆ กันก็ได้”

เช้าวันรุ่งขึ้น...อากุ่ยกับกล้วยไม้ไปตลาดแต่ฟ้าเริ่มสาง เห็นแผงว่างหลายแผง เพราะคนหนีสงครามไปต่างจังหวัดกันมากขึ้น
สมใจเห็นอากุ่ยมาตลาดพร้อมกับกล้วยไม้ก็นึกหมั่นไส้ ค้อนกล้วยไม้วงใหญ่ ก่อนจะยิ้มหวานกับอากุ่ย ถามเสียงอ่อนเสียงหวานว่า “พี่กุ่ยจะซื้อผักอะไรบ้างจ๊ะ?”
“สมใจรู้ไหมว่าจะขายของที่แผงว่างจะต้องขออนุญาตใคร?” อากุ่ยถาม
สมใจเลิกคิ้วขึ้น “พี่กุ่ยจะขายของอะไรเหรอ?”
“ข้าวแกง...ผมจะร่วมทุนกับกล้วยไม้ขายข้าวแกง” อากุ่ยบอก
“ทำไมต้องร่วมทุนกับกล้วยไม้ด้วย?” สมใจถามด้วยน้ำเสียงไม่ชอบใจนัก
อากุ่ยทำเป็นไม่ได้ยินเสีย ย้ำถามคำเดิม “ผมต้องขออนุญาตจากใคร?”
“เจ้าของตลาดเขาให้ลุงฉุยดูแลเรื่องเก็บค่าเช่า โน่นไงลุงแกอยู่ที่แผงนั้น” สมใจตอบด้วยทีท่าไม่เต็มใจนัก พลางบุ้ยใบ้หน้าไปทางขวา
อากุ่ยเห็นชายวัยห้าสิบคนหนึ่งสวมกางเกงหลวมๆ สีกรมท่ากับเสื้อม่อฮ่อมคาดเอวด้วยผ้าขาวม้า ใส่หมวกที่สานจากใบลาน เดินเก็บค่าเช่าที่อยู่จึงเข้าไปพูดคุยธุระด้วย
กล้วยไม้ยังคงยืนอยู่ที่ใกล้ๆ แผงผักของสมใจ ซึ่งมีคนมาซื้อผักประปราย พอคนซื้อไปกันแล้ว สมใจก็เปิดฉากกระแนะกระแหนว่า
“หล่อนชวนพี่กุ่ยลงทุนขายข้าวแกงด้วยได้นี่เก่งไม่ใช่ย่อยนะ”
“เก่ง...ยังไง?” กล้วยไม้ไม่เข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายแฝงมากับถ้อยคำ
“ก็อีกหน่อย...เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน”
“สมใจอยากพูดอะไรก็พูดมาตรงๆ ฉันฟังคำพูดอ้อมค้อมไม่เข้าใจ” กล้วยไม้ตัดสินใจพูดอย่างตรงไปตรงมา
ทำเอาสมใจอึ้งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะว่า “ฉันพูดตรงๆ ก็ได้ หล่อนจะรวบหัวรวบหางพี่กุ่ยของฉันใช่ไหม ถึงชวนให้เขาลงทุนขายข้าวแกงด้วย”
สีหน้าสีตาของสมใจบ่งบอกความหึงหวงฉันชู้สาวเมื่อเอ่ยถึงอากุ่ย กล้วยไม้เองก็ไม่ถึงกับดูไม่ออก...จึงเอ่ยเสียงหนักแน่นว่า
“ฉันนับถือพี่กุ่ยเหมือนพี่ชายแท้ๆ ไม่มีความคิดเป็นอื่น”
“จริงเหรอ?”
“จริง”
“หล่อนกล้าสาบานไหม?”
“กล้า”
“งั้น...หล่อนก็สาบานมาเดี๋ยวนี้”
อากุ่ยเดินกลับมา ได้ยินที่สองสาวสนทนากัน เพราะทั้งสองมัวแต่พูดกันจึงไม่รู้สึกตัวเมื่อเขาเดินมาใกล้ เขาไม่ต้องการให้กล้วยไม้กล่าวคำสาบาน จึงขัดขึ้นว่า
“คุยอะไรกันอยู่หรือ?”
“พี่กุ่ยได้แผงขายของไหม?” กล้วยไม้ถามถึงสิ่งที่เป็นวัตถุประสงค์ในการมาตลาดแต่เช้าทันที
“ได้...อยู่ใกล้ๆ กับแผงของสมใจ”
“ดีเลย...ฉันจะได้ช่วยพี่กุ่ยขายของอีกแรง” สมใจเสนอตัว
เมื่อได้แผงแล้ว อากุ่ยก็จัดการซ่อมแซมแผงให้แข็งแรง เรียบร้อยดี เพื่อที่จะรับน้ำหนักของที่จะขาย กับทำโต๊ะเก้าอี้เล็กๆ สำหรับให้ลูกค้านั่งกินข้าวแกง กว่าข้าวแกงของกล้วยไม้จะได้ขายจริงๆ ก็อีกสี่วันต่อมา
วันแรก...คนไม่ค่อยซื้อกันเท่าไหร่ ข้าวของเหลือ ต้องเอาไปให้คนจรจัดกับวัดใกล้ๆ ทำให้อากุ่ยคิดหาวิธีที่จะขายของได้ต่อจากตลาด โดยการต่อรถเข็นขึ้นมาด้วยไม้มีล้อที่เป็นล้อรถจักรยาน
กล้วยไม้เองก็ทำอาหารลดจำนวนลงจากวันแรกครึ่งต่อครึ่ง จึงเหลือของให้อากุ่ยไปเข็นขายสองอย่างบ้าง หนึ่งอย่างบ้าง
ส่วนอากุ่ยขายได้ก็ขาย ขายไม่ได้ก็ตักแจกเด็กที่หิวโหย จนหมดหม้อ จึงกลับบ้าน
ขายข้าวแกงมาเดือนหนึ่ง...ไม่ถึงขนาดขาดทุน แต่ก็ไม่มีกำไรเป็นชิ้นเป็นอัน แค่พอได้อาศัยกินข้าวคนละสามมื้อเท่านั้น
คืนหนึ่ง...หลังจากหลบเครื่องบินทิ้งระเบิดในหลุมหลบภัยแล้ว มีเวลานอนหลับพักผ่อนก่อนถึงเวลาทำอาหารเพียงสองชั่วโมง กล้วยไม้ก็ฝันถึง...คุณชายป้อกับซาเสี่ยเนี้ย เหมือนตอนที่ตนหัดพูดภาษาไทย พอตกใจตื่น หญิงสาวก็ใจเต้นตึ๊กๆ กังวลว่า
‘ไม่รู้ว่าคุณชายป้อกับซาเสี่ยเนี้ยจะเป็นอย่างไรบ้าง ตนไม่กล้าไปที่บ้านนั้นจนแล้วจนรอดนี่ก็จะสองปีแล้วที่ตนมาอยู่บางกอก’
หญิงสาวตั้งใจจะไปดูให้รู้เห็นกับตาในวันนี้ ตอนทำอาหารซึ่งมีอากุ่ยเป็นลูกมือจึงบอกกับเขาว่า “พี่กุ่ย...วันนี้พี่ขายข้าวแกงคนเดียวได้ไหม?”
“ทำไมเหรอ?” อากุ่ยไม่ได้รับปากในทันที
“ฉันจะไปธุระ” กล้วยไม้เลี่ยงที่จะเล่าความจริง
อากุ่ยเองก็รู้สึกได้ว่า...หญิงสาวมีอะไรปกปิดตนบางอย่าง แต่เขาก็ไม่คาดคั้น “ระวังตัวด้วยล่ะ...เดี๋ยวนี้ทั้งโจรทั้งผู้ร้ายทั้งระเบิด มันไม่มีเวล่ำเวลาเอาซะเลย”
“จ้ะ...ฉันจะระวังตัว ทำธุระเสร็จแล้วฉันจะรีบกลับ” กล้วยไม้กล่าว
อากุ่ยเพียงแค่ยิ้ม ที่เขาทำทุกวันนี้ก็ขอเพียงได้อยู่ใกล้หญิงสาวเท่านั้น แม้เธอจะคิดกับเขาเพียงแค่พี่ชายก็ตาม

กล้วยไม้แต่งชุดสวยที่คุณสายใจให้ เป็นชุดสีฟ้าตัวเสื้อเข้ารูป ตัวกระโปรงบานยาวปิดเข่า ใช้ผ้าสีเดียวกันผูกเป็นโบที่เอว หญิงสาวจัดโบไว้ข้างๆ และสวมหมวกสีครีมติดดอกไม้ผ้าสีฟ้าที่เข้าชุดกัน สวมรองเท้าหุ้มส้น ทำให้เธอดูสวยสง่าราวกับบุตรสาวของตระกูลผู้ดี
หญิงสาวเรียกรถลากไปส่งย่านที่อยู่เก่า แล้วเดินเข้าไปที่ร้านด้วยใจเต้นไม่เป็นส่ำ ถ้าพบยี่เสี่ยเนี้ย เธอจะพูดว่ายังไง ถึงจะฟังดูดี
เท้าพาหญิงสาวเข้าใกล้จุดหมายเข้าไปทุกทีๆ จนกระทั่งเธอมาหยุดอยู่ที่ร้านสี่คูหาซึ่งในอดีตเธอเคยอยู่ที่นี่ ก่อนนั้นที่นี่เคยค้าขายคึกคัก แต่บัดนี้เงียบเชียบ ประตูร้านปิดสนิท
เกิดอะไรขึ้น...หญิงสาวสงสัย!
จึงเดินไปที่ร้านตรงข้าม ซึ่งเป็นร้านคูหาเดียว แต่การค้ายังคงคึกคัก เพราะร้านส่วนใหญ่ปิดเพราะสงคราม มีบางร้านเปิดขายด้วยการเปิดประตูเพียงนิดเดียวเท่านั้น พอถึง หญิงสาวก็ถามชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่หน้าร้านว่า
“อาแปะ...ร้านตรงข้ามเกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
ชายที่ถูกถามมองหญิงสาวเต็มตา แล้วตอบว่า
“ลื้อเป็นใคร อยากรู้ไปทำไม?”
หญิงสาวไม่ตอบ แต่ถามกลับ “อาแปะไม่รู้เหรอว่าเกิดอะไรขึ้น?”
“รู้...แต่เสียเวลาค้าขาย ถ้าลื้ออยากรู้ก็ไปถามอาไล้ดู อีอยู่เฝ้าบ้าน ลื้อไปเคาะประตูเรียกดูสิ” เขาเอ่ย ไม่อยากให้คนที่ไม่ได้ซื้อของมายืนบังหน้าร้าน ต่อให้เป็นสาวสวยแค่ไหนก็เถอะ
“ขอบคุณค่ะ”
กล้วยไม้เดินกลับมาที่ร้านของยี่เสี่ย เคาะประตูที่เป็นบานพับแผ่นไม้ พลางส่งเสียงเรียก “ป้าไล้ๆ...”
เรียกอยู่สักพักหนึ่ง เสียงอาไล้ก็ตอบมา
“ใคร...มีอะไร?”
“ฉันอาลั้ง มาเยี่ยมจ้ะ” กล้วยไม้ตอบเป็นภาษาจีน
เสียงถอนกลอนแล้วบานประตูก็แง้มออก ดวงหน้าป้าไล้โผล่ออกมา ดูนางแก่ชราขึ้นมาก นางมองดูกล้วยไม้ แล้วเบิกตาโต ถามว่า “ลื้อ...อาลั้งจริงๆ เหรอ?”
“จ้ะ...อั๊วอาลั้ง” กล้วยไม้ยืนยัน
“ลื้อมาทำไร?” อาไล้ยังตั้งแง่
“อั๊วมาเยี่ยมยี่เสี่ยเนี้ยกับซาเสี่ยเนี้ย”
“พวกอีไปกันหมดแล้ว ที่นี่มีแต่อั๊วคนเดียว” อาไล้เอ่ยเสียงสะบัด
“งั้น...อั๊วก็มาเยี่ยมป้าไล้” หญิงสาวหัดเอ่ยตามน้ำ
“มาเยี่ยมอั๊วทำไม?” อาไล้ขมวดคิ้ว
“อั๊วจากไปนาน ก็อยากมาเยี่ยมคนรู้จักเก่าบ้าง จะได้พูดคุยกันเรื่องเก่าๆ” กล้วยไม้เอ่ยเสียงนุ่มนวล
อาไล้นั้นอยู่เฝ้าบ้านคนเดียวช่างเงียบเหงา จะไปพูดคุยกับเพื่อนบ้าน เพื่อนบ้านส่วนใหญ่ก็ไม่ชอบขี้หน้านางนัก ทำให้นางเหงาปากจะแย่อยู่แล้ว เมื่ออาลั้งมา ถึงจะไม่ใช่คนที่อาไล้ชอบพอแต่อย่างไร แต่ก็คงได้พูดคุยพอหายเหงาได้บ้าง จึงเปิดประตูกว้างขึ้น แล้วเบี่ยงตัวไปด้านข้างเพื่อที่จะได้ไม่ขวางทาง พลางเอ่ยว่า
“เข้ามาก่อนสิ อาลั้ง”

กล้วยไม้นั่งคิดถึงเรื่องที่พูดคุยมากับป้าไล้ จนไม่ทันสังเกตเส้นทางที่รถลากแล่นผ่าน มารู้ตัวอีกที ก็เป็นเส้นทางที่เธอไม่เคยคุ้น
“นี่นายจะไปไหน?” หญิงสาวตะโกนถามคนลากรถ
“...” เขาไม่ตอบ แต่ยิ่งวิ่งตะบึงเร็วขึ้น
กล้วยไม้ยิ่งตกใจเมื่อเขาเลี้ยวเข้าซอยเปลี่ยว จึงตัดสินใจตะโกนว่า
“หยุดรถเดี๋ยวนี้!”
แต่แทนที่จะหยุดตามคำสั่ง เขายิ่งเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น
หญิงสาวตกใจมาก...อีกฝ่ายคงต้องคิดไม่ดีกับตนแน่นอน อาจจะคิดชิงทรัพย์ เพราะเห็นตนแต่งตัวดี หรืออาจจะมีความคิดเลวร้ายอื่นแอบแฝงอยู่ด้วย
“ช่วยด้วยๆๆ...” กล้วยไม้ตะโกนสุดเสียง
นอกจากจะตะโกนขอความช่วยเหลือแล้ว หญิงสาวยังพยายามจะกระโดดลงจากรถ แต่ความเร็วกับความกระเทือนของรถทำให้เธอตั้งหลักไม่ได้
“คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกด้วย” หญิงสาวได้แต่ภาวนา
ทันใด...ก็ปรากฏชายคนหนึ่งวิ่งตามรถมา เขาแต่งชุดประจำชาติญี่ปุ่น เสียงเกี๊ยะกระทบพื้นดังถี่ยิบ เขาวิ่งมาทันรถลากในไม่ช้า เสียงห้าวๆ ของเขาตวาดว่า
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
ชายลากรถชายหางตาเห็นคนเข้ามาเป็นคนญี่ปุ่น ก็ตกใจ ทิ้งรถลาก วิ่งหนีเอาดื้อๆ รถลากที่ถูกทิ้งกะทันหันพลิกคว่ำ กล้วยไม้กระเด็นออกมา เกือบหัวฟาดพื้น ดีที่ได้ชายชุดญี่ปุ่นกางแขนรับเอาไว้...


(โปรดอ่านต่อฉบับหน้า)




คำรัก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 มี.ค. 2556, 12:00:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 มี.ค. 2556, 12:00:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 1429





<< ตอนที่ 40   ตอนที่ 42 >>
ree 18 มี.ค. 2556, 21:46:23 น.
มีตัวละครใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกแล้ว หวังคงไม่ได้เป็นคนใจร้ายอีกนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account