เพื่อนกันวันสุดท้าย
เธอ...สาวทอมมาดหลุดผู้สับสนทางเพศ
เขา...คนที่เป็นเพศอะไรก็ได้เพื่อเธอ
และ
เธอ...เพื่อนสนิทคิด(ไม่)ซื่อ
เขา...เพื่อนชายนายแสนซื่อ(บื้อ)
Tags: เพื่อนกันวันสุดท้าย เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ เพื่อนสนิท รักเพื่อน เพื่อนรัก วินธัย ภัทรนรินทร์ ต้นน้ำ ศวิตา

ตอน: 8. ฉันขอ...

น้ำตาร่วงค่ะ เมื่อกี้ด้วยความเบ๊อะ ปริ๊นซ์เซฟตอนนี้ทับกับตอนต่อไป
มันก็เลยแทนที่ไปเรียบร้อยเลย อ๊างงงงงงงงงงงงงง!!!

ตอนนี้เลยมาพร้อมน้ำตา(ของคนเขียน)

ไม่พร่ำพรรณนาแล้ว รังแต่จะทำให้ชีช้ำกะหล่ำปลี โฮๆๆๆ

ตอบเม้นต์ค่ะ

คุณหมู้หมู --- แหม เห็นเม้นต์แล้วปลาบปลื้มใจ ขอบคุณที่นับวันรอคอยค่ะ ทำให้ต้องเหลือบไปมองว่านี่ฉันลงไปตั้งแต่วันที่เท่าไหร่น้ออออ อิอิ ยังไงก็มาแล้วน้า ขอบคุณสำหรับการติดตามอย่างเหนียวแน่นจ้า

คุณปาริน --- โถ่...เดี๋ยวนี้พระเอกนิยายบางเรื่องเขาก็ไม่แสนดีแล้วน้า สงสัยจะมีเรื่องของปริ๊นซ์กับปารินที่ยังอนุรักษ์พระเอกประเภทนี้ให้มีงานทำอยู่ 555

คุณตุ๊งแช่ --- สงสัยจะโยนงานให้เข้ายัยภัทรมากเกิ๊น คราวนี้งานเลยเข้าคนเขียนซะงั้น แงๆๆ

คุณanOO --- ยังไม่ต้องสงสารนายวินนะคะ เพราะว่าอะไรยังไม่เฉลย แต่ที่แน่ๆ วีต้าไม่ได้อยู่บนเรือน้าาา อุ๊บส์ แต่จะอยู่ตรงไหนต้องติดตามอย่างกระชั้นชิด(?)

คุณroseolar --- อยากบอกน้องฝ้ายว่าความบริสุทธิ์ของนายวินถูกพี่ฉกชิงไปแว้ววว อะจึ๋ยย ล้อเล่น! ไม่ต้องมาปรายตากดดันซะให้ยาก วันจันทร์นี้จะสอบ long case หนังสือหนังหาไม่อ่าน จาเรินจริงๆ ปล.ถ้าได้ไปวพม.พี่จะหาหล่อๆ แล้วเอาไม้ตีหัว ลากไปฝากฝ้ายสักคนสองคนดีมั้ย อิอิ

คุณใจใส --- ตายแล้ว! นายวินถูกหาว่าไม่ใจ เอ๊ะ! หรือว่าจะใจๆ ไปเลยดี แบบไม่พูดพร่ำทำเพลงตามประสา แล้ว...ซะเลย วะฮะฮ่า (หัวเราะด้วยความหื่น?!?) ปล.แต่ตอนนี้นายวินอาจจะพูดมากขึ้นมาสักติ๊ดนะคะ (มากได้แค่นี้ล่ะผู้ชายคนนี้)

คุณPat --- นายวินเขามีเหตุผลน้าที่ทำอย่างนั้น แต่ภัทรคงหน้ามืดตามัวเกิ๊นนน อิอิ

คุณincanto --- โล่อะไรอ่ะ โล่ชายผู้ชอบของแปลกแห่งปีอ๊ะเปล่า ฮ้าาา!!

คุณmottanoy --- ถึงไม่ช่วยตรวจทานแต่ก็มีประโยชน์เสมอค่า เพราะคนอ่านเป็นกำลังใจที่ดีที่ทำให้งานขับเคลื่อนไป (แม้จะอย่างช้าๆ ก็ตามที) ทุกครั้งที่ปริ๊นซ์ท้อหรือรู้สึกว่าไม่มีใคร ก็จะมีเพื่อนในโลกนิยายที่ชอบอะไรเหมือนๆ กันให้คุยผ่านตัวอักษรและตัวละครเสมอ ขอบคุณนะคะ

คุณคิมหันตุ์ --- รับรองว่าตอนนี้พี่วินจะน่ารัด เอ๊ย! น่ารักมากกว่าตอนที่แล้วอีกค่ะ แต่ไฉนจะน่ารักสู้คนอ่านของปริ๊นซ์ได้หามีไม่ (ปล.ส่วนคนเขียนก็น่ารกเป็นปกติ <<< เฮ้ย! ไม้หันอากาศหายไปไหนฟระ)

คุณpattisa --- 555 เค้าโครงความดราม่าเริ่มมาประปราย แต่จะพยายามไม่ให้ม่ามากกว่านี้จ๊ะ

คุณJelly --- กลัวคนอ่านตกใจ ตอนนี้เริ่มค่อยๆ คลานมาตามปกติ...ไม่ตกใจแล้วใช่ไหมจ๊ะ 555

คุณsai --- ตอนนี้เอาใจสาวกหนุ่มต้นแล้วกัน แต่อย่างไรก็ขอให้พี่วินขาได้พูด(มาก) หน่อยนะคะตอนนี้

คุณaom --- รอนานไหมคะ ช่วงนี้คนเขียนเป็นเด็กอนามัยค่ะ นอนเร็ว พยายามจะเขียนแต่หลับคาโต๊ะตลอด แหะๆ แต่คนอ่านจะยังรอคนเขียนเบ๊อะๆ คนนี้อยู่ใช่มั้ยค้าาา (เป็นคำถามที่เสี่ยงเหลือเกิ๊น 555)


ไปอ่านกันต่อค่ะ ^^
-----------------------------------------------------------------------------

8.

ต่อให้ต้องใช้ทั้งชีวิต...ผมก็ยินดี

เสียงอบอุ่นของวินธัยยังก้องกังวานไปทั้งหัวใจคนฟัง แม้ว่าบัดนี้ร่างสูงใหญ่จะเดินห่างออกไปแล้ว

หลังจากที่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น มนทิชาอาสาพาพนิตาที่สภาพจิตใจคงบอบช้ำพอตัวไปพักผ่อน และแน่นอนว่าเธอคงไม่ตามเข้าไปปลอบ แม้เรื่องแย่ๆ เหล่านั้นเธอควรจะมีส่วนรับผิดชอบก็ตาม แต่อย่างไรเสียมันก็เรื่องในครอบครัว พนิตาคงสะดวกใจที่จะเล่าให้มนทิชาเพื่อนสนิทฟังมากกว่าจะเป็นคนในช่วงเวลาสั้นๆ อย่างเธอ

แผ่นหลังคุ้นเคยห่างไปไกล ทิ้งไว้เพียงความอบอุ่นแต่ทว่าเย็นเยียบในความรู้สึกของเธอไว้

คำขอโทษมันจุกปาก และอาจจะไร้ค่าไปแล้ว เพราะตอนทำดันไม่คิด

ร่างโปร่งตัดสินใจวิ่งตามเขาไป ไม่ว่าอย่างไรเธอก็อยากขอโทษ หากทว่า...

“ฉันขออยู่คนเดียวสักพัก”





แค่ประโยคนั้นที่พูดออกไป วินธัยก็รู้สึกเหมือนได้อยู่คนเดียวจริงๆ ไม่มีเสียงหรือสิ่งที่แสดงถึงความมีตัวตนของภัทรนรินทร์ ไม่มีกลิ่นหอมๆ ของแป้งเด็ก ไม่มีตาที่คอยค้อนคว่ำ ไม่มีคนคอยจับชายเสื้อเขาแล้วรั้งไม่ให้ไปไหน

ไปแล้วจริงๆ อย่างที่เขาต้องการ

จริงหรือ...แกต้องการอย่างนั้นจริงๆ หรือวินธัย

ภาพที่ภัทรนรินทร์แนบชิดกับพนิตายังติดตาเขาอยู่ ซ้อนทับกับประโยคคำมั่นสัญญาที่เขาให้กับเธอ ทั้งที่สัญญาไว้แล้ว แต่ใจเขากลับรับมันไม่ได้เลย

เมื่อก่อนเขาอาจจะเคยเห็นภัทรนรินทร์ทำกิริยาแบบนี้กับสาวๆ ออกบ่อย แต่กลับไม่มีครั้งไหนที่ ‘เจ็บ’ เท่าครั้งนี้

โง่เง่า...นี่เขาคิดว่าแค่ตัวเองสัญญากับหล่อน ก็คล้ายกับผูกมัดหล่อนไว้ได้แล้วงั้นสิ

เขาคงหลงตัวเองมากเกินไป สำคัญตัวเองผิดไปจริงๆ นั่นแหละ





“เฮ้ย!” คนที่แอบนั่งใต้ต้นมะพร้าวเงียบๆ ผุดลุกขึ้นแล้ววิ่งหน้าตั้งอย่างไม่คิดชีวิตตามร่างสูงใหญ่ที่เดินดุ่มๆ ลงทะเลไปอย่างไม่กลัวอันตรายของมัน

“บ้าไปแล้วหรือไง?!?” ภัทรนรินทร์คว้าแขนเสื้อเขาไว้แล้วตวาดอย่างเหลืออด โกรธทั้งวินธัยและตัวเองจนหน้ามืดตามัว ไม่ทันได้เห็นสายตาแห่งความดีใจชั่วแวบหนึ่งของเขา

เธอยังอยู่...ไม่ได้จากไป

ภัทรนรินทร์มองคนตัวใหญ่กว่าดุๆ แต่พอสบดวงตานิ่งสงบของเขาได้ไม่นาน ความละอายใจก็พุ่งพรวดแทบชนะความโกรธ

“ไม่พอใจก็ด่าฉันสิ ทำแบบนี้ทำไม”

“...” วินธัยไม่ตอบน้ำเสียงที่สั่นนิดๆ ของเธอ เขาจะคิดไปเองหรือไม่ว่าปลายเสียงนั้นมันตัดพ้อเหลือเกิน

ทั้งที่คนที่ควรรู้สึกมันคือเขา...ไม่ใช่หรือ?

“ฉันขอโทษ”

ชายหนุ่มหันหลังให้เธอ เพิกเฉยต่อคำขอโทษ แล้วเผชิญหน้ากับผืนน้ำเวิ้งว้าง ระดับน้ำที่สูงแค่เอวแต่ทำให้ภัทรนรินทร์ใจคอไม่ดี ต้องรั้งชายเสื้อเขาไว้อีกครั้ง “จะด่าจะว่าอะไรฉันก็ทำ แต่อย่าทำแบบนี้ กลับเข้าฝั่งได้ยินไหม”

“...”

“ฉันบอกให้กลับไง ปัดโธ่เว้ย!” เสียงใสตวาดลั่น สองมือยื้อยุดมือใหญ่ของเขาแล้วตั้งท่าจะลากเขากลับจริงๆ

ตู้ม!

“แค่กๆ” สาวห้าวสำลักน้ำทะเล สะบัดศีรษะไล่ความมึนที่เผลอกลืนน้ำเข้าไปอึกใหญ่ หลังจากที่โดนแรงดึงจากวินธัยกระชากกลับจนล้มลงน้ำทั้งคู่ “เล่นบ้าอะไรเนี่ย แสบตาไปหมดแล้ว”

วินธัยยิ้มบางๆ อย่างที่คนในอ้อมกอดที่กำลังแสบตาไม่มีทางมองเห็น แต่เริ่มขยับตัวเมื่อรู้สึกว่าร่างกายกำลังถูกโอบกอดจนรัดแน่น “เอ๊ะ! จะทำอะไร ขึ้นฝั่งเดี๋ยวนี้”

“เธอบอกว่าจะทำอะไรก็ทำ”

“แต่ไม่ใช่แบบนี้ ปล่อยนะ คนอึดอัด” ใบหน้านวลเริ่มแดงเพราะสัมผัสถึงความรู้สึกประหลาดที่ไม่เกิดเวลาที่เธอแนบชิดกับดี้สาว ทั้งที่มันออกจะมากกว่านี้ด้วยซ้ำ

“ทีกับนิต้ายังทำได้”

“แล้วนายกับมิ้ลค์ก็ไม่เห็นต่าง” พูดไปแล้วก็ต้องกัดปากตัวเอง แล้วก็อยากจะกัดลิ้นตาย เพราะประโยคนั้นอาจสื่อถึงอะไรบางอย่างที่แม้แต่เธอก็ยังไม่แน่ใจทั้งคำพูดและการกระทำ

คิ้วเข้มขงชายหนุ่มเลิกขึ้นน้อยๆ สมองประมวลผลอย่างรวดเร็ว ความเสียใจถูกพัดพาหายไปกับคลื่นทะเล เมื่อเข้าใจอะไรบางอย่าง “นี่เธอ...หึงใช่ไหม”

“ไม่ใช่!” แค่ไม่พอใจเฉยๆ

“ฉันกับเขาคุยเรื่องงาน” ดวงตาสีดำสนิทชี้ชัดว่าทั้งหมดเป็นความจริง แต่คนแสบตายังคงถูกตาไม่เลิกเลยไม่ทันได้เห็นด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยใจ เพียงคำอธิบายสั้นๆ แต่น่าแปลกที่ใจไม่รักดีของเธอเชื่อคำพูดเขาทุกคำ แต่กระนั้นก็ยังเชิดหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “แล้วทำไมไม่บอก”

“บอกไม่ทัน” เขาตอบง่ายๆ แต่ยั่วโมโหคนฟังเป็นที่สุด

“เฮอะ!”

ชายหนุ่มยิ้มขำ ก่อนจะก้มหน้าลงเอาปลายจมูกตัวเองไปแตะหยอกเย้าแผ่วเบากับจมูกเชิดรั้นจนสาวเจ้าสะดุ้ง ลมหายใจที่ใช้ของกันและกันทำให้ภัทรนรินทร์ยืนตัวเกร็ง พยายามขืนตัวออกจากอ้อมกอดที่แข็งแรงทว่านุ่มนวลอ่อนหวาน วินธัยอมยิ้มในความมืด

“คิดก็ไม่ทัน” เสียงนุ่มกระซิบแผ่วๆ แถวข้างแก้ม “...มันหึง”

“วิน...”

หล่อนจะรู้บ้างไหมว่าที่เขาอยากอยู่คนเดียวก็เพราะว่าภาพความสนิทชิดเชื้อของเธอกับพนิตา หากเขาอยู่ใกล้หล่อนสักนิด คงอดรนทนไม่ไหว และที่เดินอาดๆ ลงทะเลก็หมายว่ามันจะช่วยลดความร้อนรุ่มในใจลงได้บ้าง

แต่บัดนี้เรือนร่างที่แสนบอบบางของเธอกลับมาอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว การกระทำที่แสดงถึงความในใจโดยที่เจ้าตัวไม่รู้สึกนั้นทำให้เขาพอใจเป็นอย่างมาก

มาก...จนเขาทนไม่ไหว

“ภัทร...ฉันขอ”

“ได้ๆ ฉันจะไม่ทำแบบนั้นกับนิต้าอีกแล้ว” คนในวงแขนเขาพูดเสียงสั่น แข้งขาพาลอ่อนแรงเมื่อลมหายใจอุ่นยังเป่ารดปลายจมูก หน้าผาก และแก้มนิ่ม แต่ก็ยังพยายามรวบรวมสติ พูดรัวเร็ว “...ขึ้นฝั่งดีกว่า ยิ่งยืนเดี๋ยวจะยิ่งถูกคลื่นพัดลงไปนะ”

“ฉันขอ...” จมูกโด่งเฉียดไปใกล้ซอกคอชวนจั๊กจี้

“ฮื่อ...บอกว่าได้ๆๆ ไง ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ”

คนอายรีบโวยวายอย่างไม่ทันคิดเพราะขนแขนลุกชันจากสัมผัสแผ่วเบาจากชายหนุ่มที่ทั้งชีวิตไม่เคยได้สัมผัส ก่อนจะรู้ตัวว่าพลาดไปเสียแล้วที่ไม่ทันได้ถามว่าเขา ‘ขอ’ อะไร

มือที่เคยว่าหนัก บัดนี้กลับทุบลงไปที่แผงอกกว้างอย่างอ่อนแรง พอๆ กับแข้งขาที่อ่อนเปลี้ยเอาเสียดื้อๆ เพราะถูกชายหนุ่มเพียรขอ ‘ลบ’ ร่องรอยที่ดี้สาวฝากไว้อย่างอ่อนหวาน สองร่างแนบชิดในอ้อมกอดของทะเลยามค่ำคืน ภายใต้ท้องฟ้าที่ดวงดาวพร่างพราย และในอ้อมกอดของกันและกัน





“คุณ...คุณคะ ถึงแล้วค่ะ”

ต้นน้ำค่อยๆ ปรือตาขึ้นมา หญิงท้วมผู้ร่วมทางยิ้มอย่างอารี ชายหนุ่มมองไปรอบๆ ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเกาะตรงหน้าดูเงียบพิกลจนน่าสงสัย

“นี่เราเข้าทางหลังเกาะหรือครับ”

“โอ๊ย!คุณ ตรงนี้น่ะหน้าที่สุดแล้ว” คนขับเรือตอบ ก่อนจะช่วยหญิงท้วมหอบหิ้วข้าวของที่เขาเห็นว่าเป็นของสดและของให้ส่วนหนึ่ง “รีบๆ ลงเถอะคุณ เดี๋ยวผมต้องรีบพาเรือกลับ”

ร่างสูงรีบหยิบของ ก่อนจะก้มลงพับกางเกงขึ้นมาเหนือเข่าแล้วกระโดดลงจากเรือ เดินลุยน้ำเข้าไปยังเกาะเล็กๆ แห่งนี้ แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่เห็นสิ่งมีชีวิตนอกจากตัวเขา คุณป้า และคนขับ

“พี่แน่ใจนะว่านี่มันเกาะ...” เขาเอ่ยชื่อเกาะที่ภัทรนรินทร์พูด แต่คนขับขมวดคิ้วแล้วมองงงๆ

“ตลกแล้วคุณ นี่มันเกาะศิรินทรา อย่าบอกนะว่าคุณขึ้นผิดลำน่ะ”

“ไม่นะ ก็นี่ไงเรือเบอร์...เฮ้ย!” ต้นน้ำร้องลั่น เมื่อเลข ‘3’ ที่เขาเห็นไกลๆ ตอนก่อนขึ้นเรือกลายเป็นเลข ‘8’ เวอร์ชั่นสีถลอก ชายหนุ่มกุมขมับ นึกย้อนกลับไปที่ท่าเรือ เขามองเห็นไกลๆ ว่ามันเป็นเลขสาม แต่ก่อนที่จะซูมให้ชัดๆ ก็โดนเจ้าเด็กพวกนั้นชนอารามรีบร้อนก็ฝังใจ ไม่ได้มองให้ถี่ถ้วนอีกครั้ง “...ไม่จริงน่า”

“งั้นก็ขึ้นผิดจริงๆ สิคุณ” คนขับเรือถาม “งั้นก็กลับไปพร้อมผมแล้วกัน แหม...ตอนแรกก็นึกว่าเป็นเพื่อนกับเจ้าของเกาะนี้ เห็นป้าจันแกทำเหมือนรู้จักคุณ...เกาะนี้มันของส่วนตัวน่ะคุณ”

“อ๋อครับ แล้วเดี๋ยวพี่จะกลับวันนี้เลยมั้ย ผมขอกลับไปด้วยแล้วกันเดี๋ยวช่วยค่าน้ำมัน”

“โอ๊ย...ไม่เป็นไรหรอกคุณ ยังไงผมก็ต้องกลับอยู่แล้ว” พี่คนขับเรือผิวเข้มเอ่ยอย่างมีน้ำใจ ก่อนจะหันไปลาป้าจัน แล้วเตรียมสตาร์ทเรือ แต่ทว่า...

“อ้าว!”

หนุ่มชาวเกาะรีบวิ่งไปดูน้ำมันก่อนจะร้องเสียงหลงอีกที “ตายห่า...น้ำมันหมดน่ะป้า”

“งั้นเอ็งรอที่นี่ไอ้ทิด เดี๋ยวป้าไปถามคุณหนูให้ คุณหนูของป้าน่ะใจดีน่ารัก คงให้เอ็งพักสักคืนหนึ่งล่ะวะ”

“แล้วคุณคนนี้ล่ะป้า?”

ต้นน้ำรอฟังคำตอบ ก่อนจะเปิดยิ้มแห้งๆ ให้หญิงสูงวัยกว่า ลำพัง ‘พี่ทิด’ คนขับเรือคงสนิทสนมกับป้าพอควร แต่เขานี่สิ เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้จัก แล้วอย่างนี้คุณหนูที่ป้าว่าใจดีน่ารักจะใจกว้างให้ที่พักเขาสักคืนไหมนะ

ป้าจันได้แต่ยิ้ม ก่อนจะตอบเสียงดังฟังชัด

“ให้สิ...ให้แน่ๆ”





ยังไม่ทันจะถามว่าเหตุใดป้าจันถึงมั่นใจขนาดนั้น คำตอบก็วิ่งตรงมา ผมสีน้ำตาลดัดเป็นลอนสลวยส่ายไปตามท่วงท่าการวิ่ง ร่างอรชนบอบบางอยู่ในชุดเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้น เครื่องหน้าได้รูปที่เขาไม่เคยลืมลอยเด่นมาแต่ไกล

ต้นน้ำแทบหยุดหายใจ มีเพียงมือที่กำสัมภาระแน่น จนอยากจะจิกมือตัวเองเพื่อยืนยันว่าไม่ได้ฝันไป ฝันที่ไม่รู้ว่าจะดีหรือ...ร้าย

ศวิตา...เป็นเธอจริงๆ

ไหนเลขาของศวิตาบอกว่าเจ้าตัวไปทำธุระที่สิงคโปร์

หล่อนหลบหน้าเขางั้นหรือ...ไม่อยากเจอเขาขนาดนั้นเลยหรือ

หรือจะคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่าเขามีอิทธิพลในใจของหล่อนต้องหลบมาที่นี่

แต่จะเพราะอะไรก็ช่าง แต่วินาทีนี้เขาอยากแค่หยุดเวลาไว้ ไม่อยากรับรู้สิ่งที่จะเกิดขึ้น ไม่อยากสนใจเรื่องที่ผ่านมา ไม่อยากสัมผัสความจริงในหัวใจที่มันดื้อด้านเหลือทน

“ต้น...”

ศวิตาพึมพำคล้ายละเมอ หล่อนวิ่งมาจากบ้านพักเพราะเห็นคนหน้าละม้ายคล้ายคลึงต้นน้ำจนต้องหนีความฟุ้งซ่านมาประจักษ์ให้เห็นกับตาว่าเป็นเธอเองที่คิดถึงเขามากเกินไป แต่ยิ่งใกล้ๆ ใจกลับยิ่งหลอกตัวเอง อ้อนวอนให้ผู้ชายคนนี้คือต้นน้ำ แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องงี่เง่าที่สุดในชีวิตก็ตาม

ไม่มีใครรู้ว่ามารดาของเธอมีเกาะส่วนตัวอยู่ที่นี่ แล้ว...

“มาได้ไง”

ต้นน้ำได้แต่อ้าปากยังตั้งสติไม่ได้ เสียงข้างหลังของหนุ่มผิวเข้มก็ดังขึ้นเสียก่อน พอให้ได้ยินกันสองจนทำให้เขาเกือบสติแตก “อูย ขาว สวย เอ็กซ์...”

“ต้น!”

ศวิตาร้อง เมื่อจู่ๆ เพื่อนสนิทก็คว้าแขนแล้วลากเธอเดินดุ่มๆ ไม่สนใจป้าจันกับคนขับเรือ ดวงตาหลังเลนส์แว่นไม่สบอารมณ์นัก แม้น้อยคนจะรับรู้ แต่ถ้าเป็นเรื่องของต้นน้ำ ไม่มีเรื่องไหนที่จะหลุดรอดความใส่ใจของเธอไปได้เสียที

“พอๆๆ ปล่อยได้แล้ว”

ร่างสูงปล่อยมือจากข้อมือบาง แล้วหันมายืนกอดอก ใช้สายตาประเมินเธอไปทั่วตัว “ทำไมแต่งตัวไม่เรียบร้อยอย่างนี้นะวีต้า”

“ก็...”

“ถึงจะเป็นเกาะของเธอ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีแขกไปใครมานี่” ดูอย่างไอ้พี่ทิดคนขับเรือนั่น เขาแทบจะเห็นวินาทีที่น้ำลายหกติ๋งๆ เสียแล้ว “...อย่าเถียงนะ”

“ฉันก็เป็นของฉันอย่างนี้จะทำไม” สาวเจ้าเชิดหน้าขึ้นเอ่ยรั้นๆ แม้ลึกๆ จะดีใจที่เขาห่วงใย

ต้นน้ำกัดฟันกรอด อยากต่อว่าคนมั่นใจตัวเองไปแรงๆ แต่ก็ทำไม่ลง จึงได้แต่ถอนหายใจแรงๆ แล้วกลับหลังหัน

“เดี๋ยวสิ” ศวิตาปราดเข้ามาเกาะแขนเขาไว้ “จะไปไหนน่ะ”

“กลับ!”

“กลับไปไหน ก็เมื่อกี้ได้ยินแว่วๆ ว่าน้ำมันหมดไม่ใช่หรอ” เธอถาม

“ไม่รู้”

“เด็กดื้อ” หล่อนเปรย ได้ผลเขาหันขวับ “ก็มันจริงมั้ยเล่า”

“เธอนั่นแหละเด็ก ชอบรั้น เอาแต่ใจ ทำอะไรไม่เข้าท่า นี่เหรอผู้บริหารรุ่นใหม่ นึกอยากจะหนีก็หนีหายไป ไม่อยากมาทำงานก็ทำได้อย่างนั้นสิผู้ใหญ่?”

ศวิตาเม้มปากแน่น ทุกอย่างที่ต้นน้ำพูดมานั้นถูกต้องทั้งหมด เพราะเหตุการณ์วันนั้นทำให้ต้องหลบมาให้เวลากับตัวเองเงียบๆ คนเดียวที่นี่ เพราะอยู่บริษัทรังแต่จะหาวิธีรับรู้ข่าวสารของคนตรงหน้าทุกวิถีทาง สู้มาอยู่เกาะคนเดียว ตัดขาดจากโลกภายนอกสักพักดีกว่า แล้วสั่งให้เลขาคนสนิทโกหกทุกคนว่าไปดูงานที่สิงคโปร์สักพัก

แต่เธอไม่ได้เอ่ยความคิดนั้นออกไป ใบหน้าสวยที่ไร้เครื่องสำอางเชิดขึ้น นัยน์ตาเจิดจ้าท้าทาย

“งั้นจะเป็นผู้ใหญ่ก็คงต้องเก็บเรื่องไร้สาระมาคิดจนไม่เป็นอันทำงานล่ะมั้ง?”

“วีต้า!” ชายหนุ่มตวาดอย่างเหลืออด กระชากแขนเพรียวไม่ออมแรง โกรธจัดที่ถูกจี้ใจดำ

ริมฝีปากหยักโค้งประกบลงบนเรียวปากอิ่มสีกุหลาบที่เผยออย่างตกใจอยู่ก่อนแล้ว ก่อนฉกชิงความหอมหวานและตักตวงจนพอใจ จนร่างอวบอิ่มระทวยอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง เรือนร่างแนบชิดอย่างหาหลักยึด ท่อนแขนเรียวที่ถูกปล่อยเป็นอิสระโอบต้นคอของเขาคล้ายจะเรียกร้อง

ต้นน้ำหลงใหลในวังวนที่เขาก่อขึ้นมาเอง ไม่ใยว่าจะมีใครเดินลัดเลาะมาเห็น ร่างสูงยืนบังร่างบอบบางที่แผ่นหลังเอนราบไปกับแผ่นหินใหญ่ นัยน์ตาหวานฉ่ำของศวิตาปรือมองเขา กระชากความยับยั้งชั่งใจเมื่อชายหนุ่มลดใบหน้าลงต่ำลงซุกไซร้ไปยังซอกคอหอมกรุ่น

“ไร้สาระหรือวีต้า...” เสียงนุ่มเอ่ยถามคล้ายละเมอ “เธอ...เรียกมันว่าไร้สาระหรือ หืม?”

คำถามของเขาเรียกสติเพียงน้อยนิดของหล่อนให้กลับมา หญิงสาวประคองใบหน้าเขาแล้วยันออกเบาๆ ตาสบตา พลางเอ่ยยั่วเย้า “ถ้าเป็นเด็กแล้วไร้สาระแบบนี้ได้...ฉันก็ยินดี”

หญิงสาวจุมพิตแผ่วเบาหากแต่มีชั้นเชิง มีรุกมีถอยหยอกเย้าจนเขาครางอย่างขัดใจ “วีต้า...”

“บนเกาะนี้ฉันเป็นเด็ก” หล่อนบอกเสียงแผ่ว แต่เป็นเขาที่รู้สึกว่ามันดังก้องไปทั่วทุกห้องหัวใจ ยามเจ้าหล่อนเอ่ยถาม “...พร้อมจะเป็นเด็กกับฉันมั้ย?”

แทนคำตอบ ร่างบางแทบระทวยบนหินกว้าง ชายหนุ่มให้สัญญาแสนหวานอย่างที่หล่อนจะไม่มีวันลืมเลยตลอดชีวิต แม้ว่ามันจะเป็นเพียงสัญญาไร้สาระของ ‘เด็กสองคน’ กับเวลาอันน้อยนิดบนเกาะแห่งนี้ก็ตามที

หล่อน...ยอม

-------------------------------------------------------------------
บทนี้จัดน้ำตา(ล)มาเต็มที่ แต่ตอนหน้า...อุบไว้ก่อน อิอิ

ขอบคุณสำหรับป้ายไฟ ป้ายไฟจงเจริญ - -"

ตอนหน้าเช่นเคย...ตามแต่จะกอบกู้ไฟล์ได้ไหม!
เม้าท์มอยกันเน้อ คนเขียนน้ำลายฟูมปาก ขี้โม้ ขี้เม้าท์ อิอิอิ

...

ไปแล้วนะคะ ขอตัวไปร้องไห้เงียบๆ ต่อ ฮืออออ

เอานิยายข้าเจ้าคืนม๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!!

ปล. ใครรู้วิธี(กอบ)กู้ ไฟล์คืนมา กรุณาบอกคนแต่งโลวเทคคนนี้ด้วยเน้อ จักเป็นพระคุณอย่างยิ่ง และมีผลต่อความเร็วในการลงตอนต่อไปอย่างมีนัยสำคัญ โฮก!!!


คิดถึงทุกคนจ๊ะ คิดถึงป้ายไฟด้วย แม้ดวงตาจะพร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตา (ดราม่ามากนะ นิยายหายไป 1 ตอน : เฮ้ย! ตั้งหนึ่งตอนนะเว้ยเฮ้ย ชิชะ)



เจ้าชายน้อย
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 พ.ค. 2554, 23:24:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 พ.ค. 2554, 23:24:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 1955





<< 7. เคือง หรือ...แคร์?   9. รู้หรือยังว่ามันไม่เหมือน >>
ใจใส 27 พ.ค. 2554, 23:48:42 น.
คนเขียนอย่าเพิ่งจมน้ำตานะ คนอ่านขอน้ำตาลก่อนบทหน้า
ทำไมคู่ต้นกับวีต้ามาเร็วเคลมเร็วขนาดนี้อ่ะ สงสารวิน ต้องแช่น้ำทะเลดับร้อนต่อไป


anOO 28 พ.ค. 2554, 00:14:33 น.
อยากจะช่วยกู้ไฟล์มาก แต่ไปค่อยรู้เรื่องเหมือน
ลองถามอากู๋ดูสิค่ะ
ทำไมวีต้ากับต้นต้องเป็นเด็กแค่บนเกาะด้วยล่ะ
เป็นตลอดไปก็ได้นะ


ชอบอ่าน 28 พ.ค. 2554, 01:02:25 น.
โอ็ย รีบมาอัพเร็วนะคร้า ตั้งหน้าตั้งตารอดูอยู่คะ


aom 28 พ.ค. 2554, 09:28:19 น.
หวานจริงๆ ถูกใจคนอ่านเลย
อันตัวเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องทำยังไง แต่ขอให้กู้คืนได้นะคะ


pattisa 28 พ.ค. 2554, 10:53:01 น.
ต้นกับวีต้าเคยสัญญาอะไรกันไว้หรือเปล่าน้า?


mottanoy 28 พ.ค. 2554, 11:11:57 น.
น่าฉงฉาน(คนอ่าน)จัง ไม่งั้นคงได้อ่านเร็วขึ้นเนาะ


Pat 28 พ.ค. 2554, 11:30:14 น.
อิอิ ตอนนี้น่าจะชื่อเปิดเผยความในใจแฮะ


sai 28 พ.ค. 2554, 12:49:30 น.
ไรเตอร์เหมือนเราตอนนี้เลยอ่ะ ลบโปรแกรมผิด กู้กลับไม่ได้เศร้ามากกก

ปล.ตอนนี้สั้นไปป่าวค่ะเนี่ยยย อิอิ


ชอบอ่าน 28 พ.ค. 2554, 23:41:07 น.
โหยต้องรออะเศร้าจัง ไม่งั้นได้อ่านตอนต่อไปเร็วแน่ๆอยากอ่านอ่า


หมู้หมู 29 พ.ค. 2554, 23:22:04 น.
กรี้ดดดดดดดดดดดดดด (ขอกรี้ดก่อน เพิ่งอ่านได้ครึ่งนึง 555)


หมู้หมู 29 พ.ค. 2554, 23:52:54 น.
หมายความว่า.... ต้องค้างคา เรื่องของ น้ำกะวีต้า ไปอีกยาวนานเหรอเนี่ยย... โอ้ววววว ไรเตอร์จ๋าาาา พลีสสสส


หมู้หมู 30 พ.ค. 2554, 00:05:36 น.
เค้าเห็นลางร้ายยย คู่ต้นน้ำกะวีต้าอ่ะ... ไรเตอร์จ๋า ช่วยกลับมาไวๆ แล้วอย่าลืมมาบอกว่าเค้าคิดผิดน้าาา


Jelly 2 มิ.ย. 2554, 19:16:09 น.
อั๊ยย๊ะ !


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account