เพื่อนกันวันสุดท้าย
เธอ...สาวทอมมาดหลุดผู้สับสนทางเพศ
เขา...คนที่เป็นเพศอะไรก็ได้เพื่อเธอ
และ
เธอ...เพื่อนสนิทคิด(ไม่)ซื่อ
เขา...เพื่อนชายนายแสนซื่อ(บื้อ)
Tags: เพื่อนกันวันสุดท้าย เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ เพื่อนสนิท รักเพื่อน เพื่อนรัก วินธัย ภัทรนรินทร์ ต้นน้ำ ศวิตา

ตอน: 7. เคือง หรือ...แคร์?

สวัสดีค่ะ วันนี้คิดว่ามาเร็ว (รึเปล่าหว่า 555)
สำหรับปริ๊นซ์เนี่ย เวลาผ่านไปเร็วมากเลยค่ะ
วันนี้พอมีช่วงเวลาว่างเล็กๆ ก่อนไปปั่นรายงาน เลยเอาตอนที่ 7 มาแต่งมาเติม แล้วก็เอามาให้ยลกันค่ะ

ปล. ทำไมยิ่งเขียนรู้สึกว่ามันยิ่งดราม่า(ฟระ!) กะจะให้เป็นนิยายกุ๊กกิ๊กดุ๊กดิ๊กจุ๊กจิ๊กนะเนี่ย - -"

ตอบเม้นต์จ้า

คุณ mottanoy --- ขอบคุณที่สุดเลยค่ะ ติเพื่อก่อจริงๆ โดยส่วนตัวคิดว่าคงยากอ่ะที่จะเห็นความผิดพลาดของตัวเอง ไม่ใช่ว่าอีโก้นะคะ แต่แค่คิดว่าถ้ารู้ว่ามันผิดก็คงไม่มีใครอยากจะทำ ก็เลยคิดว่าดีมากๆ เลยที่มีคนช่วยอ่านนิยายของเรา แถมยังช่วยทำให้มันสมบูรณ์มากขึ้นอีกด้วยค่ะ ^^
อันนี้พูดจากใจจริง ขอบคุณมากๆๆๆ เลยค่าคุณมดตะนอย

ปล. เรื่องสายตาเนี่ยถามรูมเมทค่ะ มันบอกว่าสั้น 800 ถ้าถอดแว่นก็จะมองไม่รู้ว่ารูมเมทมันเป็นใคร เออ พอมาลงคิดๆ อีกทีความจริงที่คิดจะสื่อเนี่ยอาจหมายถึงต้นน้ำไม่สามารถเห็นสายตาที่แสดงความรู้สึกของของวีต้าได้อย่างถ่องแท้ แต่ในเรื่องการเดินเหินในห้องที่คุ้นเคยที่ใช้แค่คุ้นโครงคร่าวๆ ก็เดินปร๋อเนี่ย เดี๋ยวขอตัวไปถามรูมเมทอีกที ถ้ามีอะไรปรับเปลี่ยนคงต้องแก้ไขกัน อิอิ ...ขอบคุณนะค้าบบบบบ

คุณใจใส --- เดี๋ยวมาดูกันว่าตอนนี้จะทำให้หวั่นไหวกับนายวินมากกว่าเดิมหรือเปล่าคิกๆ ปล.ปริ๊นซ์ชอบคนพูดน้อยค่ะ เลยออกมาเป็นนายวิน โฮะๆ

คุณหมู้หมู --- แหมๆๆ เมื่อชาติต้องการvาจจะเร็วกว่าสามอาทิตย์ก็ได้น้า เห็นป่าวๆๆ ^0^ แต่ก็ไม่แน่เสมอไป อันนี้ต้องลื่นไหลไปตามความขยัน(หรือขี้เกียจ?)ของคนเขียนจ้า 555

คุณchat --- ขอบคุณและดีใจที่ชอบกันค่ะ ปริ๊นซ์ก็จะพยายามเขียนต่อไป หวังว่าจะติดตามกันไปนานๆ นะคะ มีอะไรติชมได้เลยนะคะ จะขอบคุณม้ากมาก ^^

คุณ roseolar --- น้องฝ้ายจะแย่งวินไปเนี่ยต้องข้ามศพพี่เอ๊ย! ภัทรไปก่อนนะจ๊ะ 555 ตอนนี้อยู่เด็ก แต่พี่กลับชอบสูติมากกว่าเพราะเด็กนี่ร้องๆๆ คุยกันบ่เข้าใจ ฮือๆ ส่วนเรื่องที่ฝึกงาน พี่โทรไปถามราชวิถีมา เขาบอกว่าไม่เคยรับเลย พี่เลยขี้เกียจไปเป็นรุ่นแรก ^^" พอดีกับที่เพื่อนไปพระมงกุฏมาเลยแนะนำ บวกกับที่พี่ชอบ(คนใน?)เครื่องแบบ เลยว่าจะลองโทรไปถามดู แต่พี่ลงที่สงขลาไว้หนึ่งอาทิตย์ด้วยอ่ะ ลงจิตเวชไว้ คราวนี้จะได้ broadcasting สมใจ ?!?

คุณ pattisa --- แสดงว่าชอบแบบดราม่านิดๆ ใช่ป่ะคะ แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ เดี๋ยวคู่วินกับภัทรจะตามไป เพราะคนเขียนชักดราม่าไปไกลแล้ว โฮะๆ

คุณ Pat --- เพราะชาติยังต้องการเลยรีบ?มาเลยค่ะ เอิ๊กส์ๆ นายวินเขาฝากมาบอกว่าขอ like เดียวแต่ทุกตอนแล้วกันค่ะ ฮี่ๆ

คุณ anOO --- คบเพลิงเลยหรอคะ เหมือนปริ๊นซ์เป็นนักกีฬาโอลิมปิก หรือว่าพาราลิมปิกดี 555 ปล.คนอ่านก็ต้องลุ้นเอาใจช่วยทั้งสองคู่กันต่อไปจ้า

คุณตุ๊งแช่ --- ภัทรบอกว่ามีคนเขินแทนเยอะแล้ว จนกลัวจะมีคนมาแย่งบทนางเอก 55

คุณ sai --- แหมๆๆ มีป้ายไฟ แต่มีคำว่ากดดันด้วยนั่น! 555 อย่าเพิ่งชะล่าใจน้าว่าจะเหลือแต่คู่ต้นน้ำคู่เดียว อุ๊บ!

คุณ Jelly --- อ่า...ดีใจจังเลยที่มีคนชอบ ยังไงก็ขอบคุณนะคะ หวังว่าจะช่วยเขินกันต่อไป ฮาาา


ไปอ่านกันดีกว่านะ
===================================================

7.

ไอแดดของฤดูร้อนตอนปลายลามเลียไปทั่วผิวกาย แต่กลิ่นเค็มที่แฝงไปด้วยความสดชื่นกับเสียงคลื่นกระทบสองฝั่งเรือชวนให้เคลิบเคลิ้มนั่นทำให้คนบนเรือคลายความร้อนไปได้เยอะ

“ภัทรขา...”

เสียงแจ๋วๆ ที่ร้องมาแต่ไกลทำให้คนอารมณ์ดีต้องกุมขมับ แล้วหันไปมองต้นเสียงที่เป็นหญิงสาวร่างอวบอัดบนศีรษะมีหมวกปีกกว้าง บนหน้ามีแว่นกันแดดอันโต แต่บนตัวมีเพียงเสื้อกล้ามสีสดกับกางเกงขาสั้นจุ๊ดเท่านั้น

ภัทรนรินทร์นึกอยากตบหัวก้องภพคนจัดทริป มีอย่างที่ไหนตอนชวนกันก็ไม่บอกว่าจะมีกลุ่มสามสาวนี่มาด้วย แม้ว่าปกติเธอจะชอบสาวๆ สวยๆ อึ๋มๆ อย่างนี้อยู่แล้ว แต่กับ ‘พนิตา’ ไม่ค่อยจะเป็นอย่างนั้นสักเท่าไหร่ ต้นน้ำเคยบอกว่าอาจเป็นเพราะพนิตานั้นออกจะเป็นฝ่ายรุกไปสักนิด และเธอก็คงเหมือนผู้ชายทั่วไปที่ชอบจะเป็นฝ่ายรุกเข้าไปมากกว่า ยิ่งได้มายากเท่าไหร่ก็ยิ่งสนุกมากเท่านั้น

แต่ใช่ว่าเธอจะรังเกียจพนิตา เพราะอีกฝ่ายก็เป็นเพื่อนคณะเดียวกัน เพียงแต่ถ้าให้มาเที่ยวตัวคนเดียวแล้วต้องมีเจ้าหล่อนเกาะติดตลอด อย่างนี้คงไม่เรียกว่าการพักผ่อนเป็นแน่ ภัทรนรินทร์คิด

ใช่...เธอมาคนเดียว

ต้นน้ำปฏิเสธว่าไม่ว่าง แต่จะจริงหรือเปล่านั้นเธอไม่รู้ เพราะหลังจากคืนนั้นก็ได้ข่าวว่าเพื่อนสนิททำงานหามรุ่งหามค่ำ ชนิดที่ว่าถ้าไม่มีธุระจำเป็นจริงๆ อย่าว่าแต่คนอื่นเลย เธอเองก็ไม่มีสิทธิในเวลานั้น

ส่วนศวิตาก็หายหน้าหายตาไป ติดต่อลำบากกว่าใครเพื่อนทั้งที่ปกติคุยกันบ่อยกว่าใคร ครั้งสุดท้ายที่ได้คุยคือก่อนที่เพื่อนสาวคนสวยจะเดินทางไปทำธุระที่สิงคโปร์

คนสุดท้ายไม่ต้องพูดถึง บอกไม่ถูกว่าเธอโกรธวินธัยหรืออะไรไม่ทราบได้ เพราะคำปฏิเสธสั้นๆ ของมันชวนให้อารมณ์กรุ่นชอบกล

‘ไม่อยากลางาน’

ภัทรนรินทร์เบ้ปาก พยายามนึกหน้าวันที่อยู่บนสะพานพระรามแปด ใครกันนะที่พูดประโยคยาวๆ อย่างไม่ขัดเขิน แต่พอวันต่อมาก็กลายสภาพกลับเป็นเหมือนเดิมจนเธองง แต่ก็ดีแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นเธอคงทำตัวไม่ถูกเท่าไหร่นัก

แต่อย่าให้เจอนะ...จะด่าให้ยับเลย

“ภัทรขา...คิดอะไรอยู่คะ บอกนิต้าได้ไหมเอ่ย” สาวอวบถามเสียงฉอเลาะ มือขาวเกาะแขนบางของภัทรนรินทร์แนบชิดจนสัมผัสถึงความนุ่มหยุ่นที่กดลงบนต้นแขนอย่างจงใจ

สาวห้าวมองคนตรงหน้าอย่างชั่งใจในความคิดของตัวเอง ก่อนถามพนิตา “นิต้า...รู้ใช่ไหมว่าภัทรน่ะไม่จริงจังกับใครหรอกนะ”

เจ้าหล่อนทำตาโต แขนเรียวปล่อยจากต้นแขนบางชั่วขณะจนภัทรนรินทร์ต้องร้องเยสในใจ แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้นก่อนที่ร่างอวบอัดจะโถมเข้าหาหล่อนทั้งตัว คราวนี้แขนเรียวโอบคอเขาแน่นกว่าเมื่อครู่ แล้วถามเสียงตื่นเต้น

“พูดแบบนี้แสดงว่าภัทรขาเปิดใจให้นิต้าแล้วใช่มั้ยคะ? นิต้าดีใจที่สุดเลยค่ะ” หล่อนบอก “นิต้าสัญญานะคะว่าจะไม่ทำตัวน่ารำคาญ ไม่ผูกมัด แต่แค่ให้นิต้าได้อยู่กับภัทรขาก็พอ”

หล่อนสัญญาน่ารัก ตรงข้ามกับภัทรนรินทร์ที่รู้อยู่แก่ใจ ไม่ว่าใครก็ล้วนแต่พูดอย่างนี้ทั้งนั้น แต่พอเอาเข้าจริงจะทำได้สักเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ดูอย่างคราวเชอร์รี่ที่ฝากรอยตบไว้สามวันไม่จางก็ทำเธอขยาดไปสักพัก

แต่ก็เอาเถอะ...สามสี่วันบนเกาะที่ ‘ใครบางคน’ ไม่ยอมลางานมายืนคุมประพฤติ เธอก็จะไม่เกรงใจมันแล้ว

ฮึ่ม! ไม่มาเองช่วยไม่ได้นะนายวิน

“งั้นคืนนี้ภัทรขาให้นิต้าไปนอนด้วนะคะ พอดีว่ามันเป็นห้องสองคน นิต้าเห็นว่าภัทรไม่มีใครมาด้วยเลยเสียสละให้ยัยสองคนนั่นอยู่ห้องเดียวกัน”

สาวห้าวกลอกตาอย่างใช้ความคิด พนิตาเป็นดี้ที่เปลี่ยนคู่ควงบ่อยทีเดียว เพราะงั้นคงไม่ลำบากนักถ้าหลังกลับจากทริปนี้เธอจะค่อยๆ ถอยห่างไป...จิตใจฝ่ายชั่วคิด

มือเรียวเชยคางมนขึ้น นัยน์ตาสีเข้มแพรวพราวจนพนิตาพึงพอใจ คิดว่าในที่สุดภัทรนรินทร์ก็ต้องใจอ่อนกับเธอ แม้จะไม่ตอบเธอก็รู้ว่าคืนนี้จะได้นอนห้องเดียวกับภัทรนรินทร์แน่ๆ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว

ภัทรนรินทร์สบตาดี้สาวอย่างหมายมาด ดวงตาเจ้าชู้มองผ่านลากผ่านใบหน้าสวย ลำคอขาวผ่อง โลมเลียไปจนถึงร่องอกอิ่มแล้วกลับยิ้มใส่ตาให้อีกฝ่าย ดีที่เป็นตอนบ่ายๆ ที่คนส่วนใหญ่ลงไปทานของว่างที่ในตัวเรือ บนดาดฟ้าจึงเหลือเพียงแค่เธอกับพนิตาสองคน

หญิงสาวในชุดเสื้อกล้ามเน้นส่วนสัดเข้าใจดีในความหมายนั้น มือขาวจึงวางมือลงบนต้นขาของคนที่หมายปอง ทรวงอกนุ่มเบียดชิดกับหน้าอกแบนราบเพราะรัดทรงอย่างเย้ายวนปนเร่าร้อนท่ามกลางแสงแดดร้อนระอุ ก่อนที่หญิงสาวจะยืดตัวขึ้นเป้าหมายคือริมฝีปากเรียวบางน่าจูบของภัทรนรินทร์ที่ไม่แม้แต่จะเอี้ยวหลบ แถมยังมองมาด้วยสายตาแพรวพราวอีกต่างหาก

หากแต่ไม่ทันได้แค่สัมผัส ร่างของภัทรนรินทร์ก็ห่างวืดออกไป พนิตาลืมตาขึ้นก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อไม่ใช่ภัทรนรินทร์ที่ถอยไปเอง แต่เพราะมีใครกำลังดึงแขนอยู่นั่นต่างหาก

“มาได้ไง!” ภัทรนรินทร์ถามคนหน้าตึงข้างๆ ที่ยังไม่คลายมือออกจากแขนเธอจนเธอเอ่ยปากนั่นแหละ “ปล่อย...ฉันเจ็บ”

“วินมาด้วยหรอ แล้ววีต้าล่ะ” พนิตารีบถาม สำหรับเธอ ตัวมารความสุขก็คือแม่ดาวคณะที่สนิทสนมกับภัทรนรินทร์จนเกินพอดีและชอบโอ้อวดจนน่าหมั่นไส้

“วีต้าไม่ได้มาด้วยหรอก” วินธัยตอบเสียงเรียบ แล้วหันไปมองคนตัวดีที่ปัดมือเขาแล้วถอยไปยืนกอดอกมองหยิ่งๆ ชายหนุ่มหันมาตามเสียงเรียกของพนิตาอีกครั้ง

“งั้นคืนนี้นิต้าก็ไปนอนกับภัทรขาได้เหมือนเดิมใช่มั้ย ดีใจจังเลย”

“เห็นจะไม่ได้” เขาตัดบททันควัน “เพราะฉันก็ยังไม่มีห้องเหมือนกัน”

“หมายความว่ายังไงน่ะวิน” พนิตาถามน้ำเสียงไม่พอใจ นี่ศวิตาคงจะส่งวินธัยมาเป็นก้างขวางคอเธอแน่ๆ

ไม่เพียงแต่เธอ ภัทรนรินทร์ก็หันขวับแทบจะทันที “พูดบ้าอะไร นายก็ไปนอนห้องพวกไอ้ก้องสิ”

“ฉันจะนอนกับเธอ”

“เอ๊ะ!” ภัทรนรินทร์ร้องก่อนจะเม้มปากแน่นกับประโยคหมิ่นเหม่ศีลธรรมแบบที่ผู้ชายอย่างเธอ(?)ก็เคยพูดเล่นแหย่สาวไปวันๆ

พนิตามองทั้งสองคนอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะปรี่ไปยืนข้างๆ แล้วกอดแขนภัทรนรินท์แน่น เสียงแหลมเถียงกับวินธัย “วินจะบ้าหรอ ภัทรขาเป็นผู้หญิงนะจะให้ไปนอนกับวินได้ยังไง”

“ก็เพราะเป็นผู้หญิง” เขาตอบช้าๆ เน้นแต่ละคำ “ถึงไม่ควรนอนกับผู้หญิง อีกอย่างเราเป็นเพื่อนกันมานาน นอนห้องเดียวกันไม่เห็นแปลกตรงไหน” เขาแก้ต่าง รู้สึกพอใจกับสีหน้าแดงระเรื่อที่พอจับสังเกตได้ของเพื่อนสนิท

“แต่ว่า...”

“เอ้อ มิ้ลให้มาตามน่ะนิต้า เห็นว่ามือถือดังหลายครั้งแล้ว”

พนิตาเม้มปากแน่นสะกดอารมณ์ มองผู้มาใหม่แล้วนึกแค้นใจไปถึงใครอีกคน ส่วนภัทรนรินทร์ชิงเดินหนีไปอีกด้านของเรือก่อนแล้ว หญิงสาวในชุดเสื้อกล้ามจึงได้แต่กระทืบเท้าด้วยความขัดใจ ก่อนจะจากไปยังหันมาย้ำกับวินธัยว่า

“ฝากบอกวีต้าด้วยนะว่านิต้าไม่ยอมแพ้เด็ดขาด อย่าคิดว่ามาแผนนี้แล้วนิต้าจะรู้ไม่ทัน...ยังไงๆ ภัทรขาก็ต้องเป็นของนิต้าคนเดียว!”

ชายหนุ่มมองไล่หลังคนที่กล่าวอาฆาตทิ้งท้ายไว้ เขาอยากกลับไปแก้ความเข้าใจผิด เพราะไม่อยากให้ศวิตาโดนหางเลขไปด้วย และที่สำคัญเขาอยากบอกกับพนิตาเหลือเกินว่าเธอจะไม่มีวันแพ้ศวิตาหรอก

เพราะถ้าเป็นเรื่องของผู้หญิงที่ชื่อ ‘ภัทรนรินทร์’...มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะชนะเธอและทุกคนได้





เสียงฝีเท้าดังมาจากข้างหลัง ภัทรนรินทร์ที่ยืนตัวตรงกอดอกอยู่ตรงขอบเรือไม่ได้หันไปมองเพราะรู้ว่าเป็นใคร ผู้มาใหม่เดินมายืนข้างๆ สายตาประเมินความปลอดภัยของจุดที่เธอยืนแล้วนิ่งเงียบไม่พูดอะไร

หญิงสาวขมวดคิ้ว เธอคิดมาตลอดว่าตัวเองไม่เหมือนผู้หญิงสักเท่าไหร่นักและไม่ใช่คนขี้งอนเพราะฉะนั้นเรื่องเดินปึงปังหนีไปอย่างสะบัดสะบิ้งจึงไม่อยู่ในความคิดแม้แต่น้อย

แต่ไอ้คนที่ยืนอยู่ข้างๆ มันก็ ‘นิ่ง’ จนเธอเองชักหงุดหงิดประกอบกับอากาศที่เริ่มร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ เธอจึงตัดสินใจหมุนตัวกลับ

มือใหญ่รั้งข้อมือเล็กไว้ แล้วเอ่ยเบาๆ ว่า “ขอโทษ”

ภัทรนรินทร์มองมืออุ่นที่เปลี่ยนมาเกาะกุมมือเรียวของตัวเองเมื่อเห็นว่าเธอไม่พูดอะไร มือนิ่มยื้อออกจากความอบอุ่น แต่อีกฝ่ายคงไม่ยอม เสียงใสจึงถามห้วนๆ “มาทำไม”

“ว่าง” วินธับตอบสั้นๆ

คนฟังเบ้ปาก อดจิกกัดไม่ได้ “หนีงานมาอย่างนี้ระวังกลับไปเก้าอี้จะไม่ว่างนะท่านผู้บริหารหย่าย...”
ริมฝีปากหยักโค้งขยับยิ้มตอบแล้วโคลงศีรษะ พลางแก้ความเข้าใจผิดของเด็กน้อยตรงหน้า “ไม่ได้หนี แต่ลามา”

“ว้าววว” เธอตีสีหน้าตกใจถึงขีดสุด “...ดิฉันปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่งเลยที่มีโอกาสได้มาล่องเรือกับผู้บริหารตารางแน่นอย่างท่าน เป็นเกียรติอย่าง...เฮ้ย!”

“อื้ม ว่าไงต่อ” วินธัยถามคนในอ้อมกอดกลายๆ อย่างเป็นต่อ หลังจากที่ออกแรงดึงเพียงน้อยนิด ร่างบางก็เซเหมือนปู มาชนเขาแล้ว ดีที่ดาดฟ้าปลอดคนเขาจึงอยู่ในท่านี้ได้สักพัก

“เป็นบ้าอะไรเนี่ย!” ภัทรนรินทร์ร้องพลางดิ้นขลุกขลัก “วิน!”

“หืม?” เขาก้มลงมาถามใกล้แก้มนวลที่เบี่ยงหน้าหนีจนคอแทบเคล็ด กลิ่นเหงื่ออ่อนๆ ของหญิงสาวไม่ได้ทำให้เขารังเกียจเลยแม้แต่น้อย “โอ๊ย!”

ชายหนุ่มร้องเมื่อโดนศอกเข้าให้ที่หน้าท้องจนมือคลายจากมือบางอย่างเผลอตัว วินธัยอดมองคนที่กระเด้งไปยืนห่างเขาเป็นวาอย่างคาดโทษ แต่นอกจากอีกฝ่ายจะไม่สำนึกแล้ว ยังมีหน้ามาลอยหน้าลอยตากวนอารมณ์อีกด้วย

“รู้มั้ยวิน ส่วนที่แข็งแรงที่สุดของคนเราก็ข้อศอกนี่เองแหละ” หล่อนว่าตายิ้มๆ

“แล้วรู้หรือเปล่าว่าส่วนไหนที่นิ่มที่สุด”

“จะไปรู้หรอ สมองนายมั้ง นิ๊มนิ่ม” ได้ทีขี่แพะไล่ “...นิ่มอย่างนี้ล่ะมั้ง เมื่อกี้ถึงทำอะไรบ้าๆ อย่างผู้ชาย”

คนถูกหาว่า ‘สมองนิ่ม’ ทำหน้าไม่ถูกพักใหญ่เพราะไม่เข้าใจว่าตัวเองผิดอะไร ก่อนจะยกมือขึ้นสองข้างอย่างยอมแพ้ แล้วเอ่ยถามกลั้วหัวเราะ “ก็ฉันเป็นผู้ชายจะให้ทำตัวเหมือนผู้หญิงอย่างเธอหรือไง”

“ใครเหมือนผู้หญิง”

“แล้วไม่?”

“ไม่!” ภัทรนรินทร์ประกาศลั่น จ้องอีกฝ่ายตาวาวคล้ายเด็กน้อยที่ถูกผู้ใหญ่ดูถูก ก่อนจะรู้ตัวว่าตัวเองหลงกลคนพูดน้อยต่อยหนักอย่างวินธัยเสียแล้ว เมื่อเสียงนุ่มเอ่ยอย่างยั่วเย้าว่า

“ถ้าเป็นผู้ชายก็นอนห้องเดียวกันได้สินะ”

เท่านั้นเองเป็นเธอที่ทำหน้าไม่ถูก ได้แต่บ่นขมุบขมิบอยู่คนเดียวแล้วรีบจ้ำอ้าวหนีไป เป็นครั้งแรกที่ภัทรนรินทร์รู้จักคำว่า ‘เขิน’ อย่างแท้จริง





“ไอ้ต้น!” เมื่อลงที่คนสมองนิ๊มนิ่มไม่ได้ ภัทรนรินทร์ก็ไปพาลเอากับเพื่อนสนิทที่ป่านนี้คงนั่งบ้างานอยู่ที่บริษัท ทิ้งให้เธอต้องมาผจญเรื่องบ้าๆ เพียงลำพัง “ฉันเกลียดแกที่สุดเลย บ้างานลืมเพื่อน”

“เฮ้ย ไหงลากฉันไปเกี่ยวด้วยล่ะ ทิ้งเทิ้งที่ไหนที่ไปๆ ก็เพื่อนกันทั้งนั้น แกก็สนิทอยู่ไม่ใช่เรอะ”

“สนิทบ้านแกสิ กลุ่มสามสาวก็มาด้วย”

“เวร!” ปลายสายสบถอย่างลืมตัว ก่อนส่งเสียงล้อมาตามสาย “...แต่ก็ดีไม่ใช่หรอวะ หาดทราย สายลม กับสองเรา ยังไงนิต้าก็หมายหัวแกไว้อยู่แล้วนี่ ยอมๆ หน่อยจะเป็นไรไป ทนได้หรอวะมีสาวหุ่นอึ๋มมาอยู่ใกล้มือแค่เอื้อม คืนนี้จัดหนักเลยดีมั้ย?”

“ไอ้เวรต้นน้ำ!” เธอบ่นอย่างหัวเสีย มือข้างหนึ่งหยิบเป้คู่ใจพาดบ่า ไม่ใยว่าจะมีมือใหญ่มายื้อไว้ ตาเรียวหันไปทำตาดุเป็นเชิงว่าถือเองได้ แล้วหันไปบ่นกับคนในมือถือต่อ “แกนะแก...ถ้าแกมาก็ไม่เกิดเรื่อง”

“มันเกี่ยวกับฉันที่ไหนล่ะ ไม้กันหมาของแกมันต้องนู่นยัยวี...”

เสียงเพื่อนสนิทเงียบไป ภัทรนรินทร์นึกเห็นใจขึ้นมาครามครันแล้วอยากเขกกะโหลกตัวเองเสียที เสียงใสอ่อนลงอย่างปลอบใจ “ต้นเอ๋ย...ฉันไม่รู้จะปลอบแกยังไงดี แต่เอาเป็นว่าถ้าการอยู่แต่ในที่เดิมๆ มันทำให้แกเครียดก็ตามมาที่นี่ก็ได้นะ”

“ช่างมันเถอะ ฉันไม่เป็นไรหรอก งานที่นี่มันเยอะน่ะ คงตามแกไปไม่ได้ ขอโทษทีนะ”

“เออ ไม่เป็นไรหรอก ฉันน่ะเอาตัวรอดได้สบาย เห็นอย่างนี้ฉันก็ใจแข็งนะเว้ย”

ปลายสายเอ่ยเย้ามาสองสามคำ ก่อนจะขอตัวไปทำงานต่อ ปล่อยให้ภัทรนรินทร์จมกับความเป็นห่วงเพื่อนทั้งสองคน รู้ตัวอีกทีก็เมื่อมือของใครบางคนฟาดเข้าที่หัวโครมใหญ่

“เหม่อไรวะไอ้ภัทร” ก้องภพถาม พลางยื่นกุญแจให้แล้วหลบรัศมีเท้าเพื่อน หนุ่มกิจกรรมหลิ่วตาล้อๆ “แหม...แกนี่รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางจริงๆ เลยนะ นี่คงโทรเรียกเจ้าวินมันมาเลยล่ะสิพอรู้ว่าสามสาวมาด้วยน่ะ”

“...”

“มันวิ่งมาก่อนเรือออกท่าแป๊บเดียวเอง แต่แกขึ้นไปก่อนเลยคลาดกัน” เขาเล่า “แต่แปลก แทนที่จะถามหาแก ดั๊นถามหานิต้าซะอย่างนั้น ยัยมิ้ลเลยออกอาการบึ้งจนออกนอกหน้า พอฉันบอกว่านิต้าอยู่ดาดฟ้ากับแก ยัยมิ้ลถึงวานให้ไอ้วินไปตามนิต้าลงมาด้วย”

เธอพยักหน้ารับรู้ พอจะจับสังเกตได้บ้างว่ามิ้ลหรือมนทิชาดูจะพอใจวินธัยเป็นพิเศษ นี่คงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมวินธัยถึงบอกพนิตาว่ามนทิชาให้มาตาม

“แต่ไอ้วินนี่อย่างกับฮีโร่ขี่ม้าขาวเลยนะ” ก้องภพแซวยิ้มๆ “นี่คงจะกลัวแกเสียบริสุทธิ์ให้ยัยนิต้าใช่มั้ยล่ะถึงได้ถ่อมาขอกุญแจห้องของแกอีกอันตั้งแต่ยังไม่ขึ้นไปหาแกเลย”

เพียงเท่านั้น เสียงโวยวายและการวิ่งไล่ของคนปากไม่ดีกับ ‘คนกลัวเสียความบริสุทธิ์’ ก็เริ่มขึ้นดังลั่นทั่วหาดทรายขาวเป็นการเปิดการมาเที่ยวพักผ่อน ที่ดูจะไม่ได้พักอย่างที่คิดเสียแล้ว





ส่วนคนที่บอกว่างานยุ่งจนตามมาไม่ได้นั้น ได้แต่นั่งทอดถอนหายใจกับแฟ้มงานมากมายตรงหน้าเพราะตระหนักชัดว่ามันตั้งอยู่หลายวันแล้ว แต่ไม่มีวี่แววว่าจะลดลงไปสักนิด

เป็นเพราะศักยภาพในการทำงานของเขาต่ำลงจนถึงขีดสุด หาใช่ว่างานมันสุมหัวอย่างที่เขาบอกภัทรนรินทร์ไป

ต้นน้ำกุมขมับ เขาอยากจะทำตัวเป็นมนุษย์งาน อยากจะทิ้งๆ อะไรที่ไม่ควรจำไปบ้าง แต่ ‘อะไรๆ’ ที่มันเกี่ยวกับผู้หญิงที่ชื่อศวิตาเขากลับลืมมันไปไม่ได้เลย

“เธอใจร้ายเหลือเกินวีต้า”

เขาพึมพำก่อนจะนิ่งไปสักนิด เสียงเพื่อนแว่วกลับเข้ามาในความคิด ‘ถ้าการอยู่แต่ในที่เดิมๆ มันทำให้แกเครียดก็ตามมาที่นี่ก็ได้นะ”

สายตาภายใต้กรอบแว่นกวาดไปรอบๆ ห้องจนไปหยุดที่โซฟารับแขก พลันนั้นภาพซ้อนทับของศวิตาก็ชัดเจนขึ้นในใจ จนเจ้าของห้องรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปบอกเลขาอย่างคนตัดสินใจได้

“ผมไม่เข้าบริษัทสองสามวันนะ มีงานอะไรโน้ตไว้แล้วกัน” เสียงนุ่มบอกเลขาที่ยังช๊อคไม่หาย ร้อยวันพันปีคุณต้นน้ำไม่เคยตัดสินใจปุบปับอย่างนี้สักครั้ง “...เอ้อ ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องโทรตามนะ ผมต้องการความเป็นส่วนตัว”

รถซีอาร์วีสีน้ำเงินเข้มคู่ใจจอดสนิทที่ท่าเทียบเรือ หลังจากที่เจ้าของรถไม่เสียเวลากลับไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านสักนาที ร่างสูงของต้นน้ำยังอยู่ในชุดกางเกงสแลคเสื้อเชิ้ตแต่ปลดกระดุมออกสองเม็ด แขนเสื้อถลกขึ้นอย่างลวกๆ ดูลำลองขึ้นเล็กน้อย

ชายหนุ่มมองซ้ายขวาเห็นสปีดโบ๊อยู่หลายลำก็เริ่มหนักใจ เมื่อครู่เขารีบไปหน่อยเลยบึ่งรถออกมาจากกรุงเทพฯ ไม่ทันได้จองอะไรทั้งนั้น

“จะไปไหนล่ะพ่อหนุ่ม ได้จองไว้หรือยัง”

ต้นน้ำหันไปตามเสียงเรียก มีคุณลุงท่าทางใจดียืนรอคำตอบอยู่ เลยได้แต่อ้อมแอ้มไปว่า “ยังเลยครับ ไม่ทราบว่ารอบสุดท้ายมันกี่โมงครับลุง” ถามพลางมองฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสีแล้ว

“ก็แล้วจะไปไหนล่ะ”

“ไปเกาะ...” เขาเอ่ยชื่อเกาะที่ภัทรนรินทร์เคยบอกไว้

“อ๋อ งั้นเดี๋ยวจ่ายเงินตรงนี้เลยครึ่งนึงแล้วไปลงเรือเบอร์สามนะพ่อหนุ่ม เร็วๆ หน่อยล่ะเที่ยวสุดท้ายจะออกแล้ว”

“ครับๆ ลุง”

ต้นน้ำรับคำ ก่อนชะเง้อชะแง้แล้วเห็นเรือหมายเลขสามไกลๆ ก่อนจะอุทานเบาๆ เมื่อถูกเด็กตัวไม่เล็กนักวิ่งมาชน

“โทษทีเพ่!” หัวโจกตะโกนกลับมา ต้นน้ำส่ายหน้าก่อนจะมุ่งหน้าไปยังเรือที่เมื่อครู่เล็งไว้ไกลๆ ซึ่งตอนนี้ลูกเรือกำลังขนสัมภาระกันอย่างรีบด่วนท่ามกลางเสียงเร่งว่าเรือกำลังจะออกแล้ว เร่งเร้าให้

ภายในเรือที่กำลังจะออกจากท่า คนเดินเรือหันมาแวบหนึ่งก่อนจะหันไปหาผู้โดยสารอีกคน หญิงวัยสี่สิบปลายๆ ยิ้มให้ต้นน้ำ ก่อนพยักหน้าให้คนเรือนำเรือออก

ต้นน้ำโคลงศีรษะให้เพื่อนร่วมทางที่เขาไม่คุ้นหน้าสักนิด ชายหนุ่มยิ้มบางๆ ให้ผู้ร่วมเดินทางอัธยาศัยดีที่นั่งตรงข้าม ก่อนจะเหม่อมองไปยังเส้นสุดขอบฟ้าตรงที่สีฟ้าสองโทนประสานกันและพระอาทิตย์ที่อีกไม่นานคงจะเริ่มเคลื่อนคล้อยลงต่ำให้ราตรีกาลครอบคลุมทั่วผืนฟ้าและผืนน้ำ

ความมืด...ที่คืบคลานเข้ามาในใจของเขายามที่แสงสว่างอย่างเธอจางหายไป





ปาร์ตี้ย่อมๆ เริ่มขึ้นเมื่อพระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า เสียงคุยเฮฮาจากเพื่อนชายหญิงนับสิบคนไม่ทำให้ภัทรนรินทร์สนใจมากพอ ดวงตาเรียวยังคอยแวบมองไปทางบ้านพักเพราะครั้งสุดท้ายที่เจอวินธัย ชายหนุ่มกำลังคุยงานทางโทรศัพท์ดูท่าทางเคร่งเครียดจนเธอไม่กล้ากวน

แต่จนป่านนี้จะมืดอยู่แล้ว ทำไมยังไม่เสร็จสักที

หรืองานมันจะยุ่งมากจริงๆ

“แล้วยังจะมาอีก” หล่อนเปรยกับตัวเอง แต่ในใจนั้นแอบปลื้มนิดๆ ที่อีกฝ่ายยอมมาเป็นเพื่อนเธอทั้งที่มีงานรัดตัวเพราะเป็นระดับผู้บริหารแล้ว

แต่ความหลงตัวเองอยู่ได้ไม่นานนัก ใบหน้าเก๋ก็ต้องไม่สบอารมณ์ เมื่อร่างสูงใหญ่ที่ใส่เสื้อโปโลสีฟ้าน้ำทะเลเดินควงคู่มากับมนทิชา ภัทรนรินทร์เบ้ปากก่อนจะตวัดสายตากลับมายังปาร์ตี้ตรงหน้า แสร้งทำเป็นว่าไม่แคร์อะไร

ทั้งที่ในใจลึกๆ ร้องลั่นว่า...แคร์

“ภัทรขา...” พนิตาเรียกเสียงหวาน ถือวิสาสะนั่งลงข้างๆ คนที่ตนหมายปอง ก่อนจะยื่นบาบีคิวที่ตนเพิ่งปิ้งมาป้อนให้ถึงปาก “นิต้าอุตส่าห์ทำมาเผื่อภัทรขาโดยเฉพาะเลย ทานหน่อยนะคะ อ้ำ”

สาวห้าวกัดกรวมๆ อย่างไม่สบอารมณ์ แต่ฝ่ายดี้สาวไม่มีทางรู้ได้เลย บนใบหน้าจึงประดับไปด้วยรอยยิ้มกว้าง เพราะคิดว่าภัทรนรินทร์ใจอ่อนกับเธอมากแล้ว ไม่แน่มาเที่ยวคราวนี้เธออาจจะได้กิ๊กกั๊กควงกับภัทรนรินทร์สมใจ

คนที่เคี้ยวตุ้ยๆ ไม่สนใจใครถึงกับสะดุ้งน้อยๆ เมื่อร่างอวบอัดของพนิตาเขยิบเข้ามาใกล้จนแนบชิด แขนเรียวถูกดึงไปกอดไว้แน่น สัมผัสความนุ่มหยุ่นอย่างตั้งใจ เธอกลอกตาขึ้นฟ้า มีลางสังหรณ์ว่าอาจจะปลีกตัวจากพนิตายากเสียแล้ว

แต่ทว่าความคิดวุ่นวายเป็นต้องหยุดลง เมื่อที่ตรงข้ามมีผู้มาใหม่สองคนจับจอง หนึ่งในนั้นจ้องมาที่เธอไม่วางตาสลับกับดี้สาวข้างกายเธอ ดวงตานิ่งลึกไม่บอกอารมณ์ใดๆ อย่างเป็นปกติ จนเป็นเธอเองที่หงุดหงิด

รอยยิ้มที่มุมปากจุดประกายขึ้น ต่างกับดวงตาของเธอที่ไม่มีความรื่นรมย์เอาเสียเลย เร็วเท่าที่ใจคิดหญิงสาวที่อยู่ในชุดเสื้อยืดคอกลม กางเกงเลสีเหลืองสว่างยกมือโอบเอวคอดกิ่วของคนข้างกายทันควัน พนิตาเงยหน้ามองทอมสาวอย่างแปลกใจระคนดีใจ ก่อนจะขยับแนบชิดจนเรียกว่าเกือบจะเกยตักกัน

ภัทรนรินทร์ขมวดคิ้ว อยากจะเขยิบออกห่างด้วยความอึดอัด แต่เพราะสายตาคู่นั้นที่มองมาทำให้ไม่อาจทำได้ มิหนำซ้ำ มือที่วางไว้ตรงเอวของคนข้างกายยังค่อยๆ ขยับลูบไล้สีข้างและบั้นท้ายกลมกลึงเบาๆ ชั่วแวบเดียวที่เธอเห็นดวงไฟในตาของเขา ก่อนที่มันจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว

แต่นั่นก็คุ้มค่ากับการลงทุนมากแล้ว

“น้อยๆ หน่อยเว้ยไอ้ภัทร” ก้องภพตะโกนแซวมาไกลๆ “นี่ยังหัวค่ำเอง ออกลายแล้วหรอวะไอ้เสือ”

คนถูกแซวยิ้มไม่ยี่หระ ก่อนย้อนตอบ “จะกลางคืนกลางวันมันก็เหมือนกันแหละว่ะ ของอย่างนี้มันอยู่ในลีลา”

เพื่อนหลายคนผิวปากหวือ บ้างหันไปพนันกันว่าคืนนี้พนิตาจะเสร็จเสือตัวที่ชื่อภัทรนรินทร์หรือเปล่า หรือว่าจะเป็นดี้สาวที่ต้องช้ำใจเพราะโดนเสือหยอกแก้เซ็งเท่านั้น

“ภัทรเนี่ย...พูดอะไรก็ไม่รู้” พนิตาว่าทั้งที่นัยน์ตาพราวระยับ มือเจ้าหล่อนไล้ไปตามไหล่บางของภัทรนรินทร์เบาๆ “งั้นคืนนี้เรา...” เจ้าหล่อนชะงักคำพูดก่อนจะทิ้งตาอย่างสื่อความหมาย ริมฝีปากอิ่มแดงแตะเบาๆ ที่ซอกคอของสาวทอม

“โอ๊ย!”

“ว๊าย!” พนิตาร้องทั้งที่ร่างกายเกยบนหาดทราย เพราะคนที่ให้เธออิงแอบบัดนี้ลุกขึ้นพรวดพราดห่างจากเธอไปเป็นวา “อะไรกันคะภัทร”

“อ๋อ...พอดีมันปวดท้องน่ะ ทันทีเลย สงสัยข้าศึกจะโจมตี” โกหกลิ้นรัว มือก็แกล้งกุมท้อง เท้าซอยยิบอยู่กับที่ “ภัทรไปเข้าห้องน้ำที่บ้านก่อนจะ นิต้าตามสบายเลย ไปนานนิดนึงไม่ไหวแล้ว”

“ภัทร...ภัทร!”

ดี้สาวร้องเรียกตามอย่างหัวเสีย ก่อนจะตวัดสายตาไปทางกลุ่มเพื่อนที่เริ่มหัวเราะคิกคัก เงินพนันกำลังจะถูกส่งกลับไปยังฝั่งที่ทายว่าคืนนี้ภัทรนรินทร์คงจะ...ชิ่ง





“อึ๋ย...เกือบไปแล้ว”

เสียงใสบ่นกับตัวเอง มือเรียวลูบขนแขนที่ลุกชัน สัมผัสแผ่วเบาจากปากอิ่มของพนิตากระตุ้นอารมณ์พิศวาสของเธอได้เล็กน้อย แต่กระตุ้นอารมณ์สยองสยิวเสียมากกว่า

ทั้งที่ตัวเองเคยทำแบบนี้หรืออาจจะมากกว่านี้กับใครต่อใครมาตั้งเยอะแยะ แต่กลับไม่ค่อยถูกกระทำ ขนแขนเลยพลันลุกชัน

ร่างโปร่งเดินเลียบไปแถวบ้านพัก แล้วมองไปยังแสงสุดท้ายที่เคลื่อนต่ำหายไปอย่างรวดเร็ว ทะเลยามค่ำคืนดูรุนแรงมากกว่ากลางวัน แต่ก็เชื้อเชิญให้เดินลากเท้าเดินเอื่อยๆ ไปใกล้โดยไม่รู้ตัว

ความรู้สึกแย่ๆ อย่างเมื่อครู่มันเกิดจากอะไรกัน

ทั้งที่เมื่อก่อนไม่ยักเป็น แต่อาจจะเพราะคืนนั้นที่สะพานพระรามแปด เสียงทุ้มๆ กับประโยคที่ชวนจั๊กจี้หัวใจทำให้ความรู้สึกบางอย่างเริ่มหวามไหว หรืออาจเป็นเพราะเธอเป็นเด็กขี้อิจฉา ทนเห็นเพื่อนตัวเองไปสนิทสนมกับคนอื่นไม่ได้

แต่ก็แปลกตรงที่กับต้นน้ำหรือศวิตาไม่เคยมีอาการอย่างนี้สักที

เฮ้อ...คิดไปก็ปวดหัว

นึกพลางสูดไอทะเลยามค่ำคืนเข้าปอด...จะเป็นอย่างไรก็ช่าง เธอขี้เกียจมานั่งหาเหตุผลให้เรื่องนี้แล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แต่ที่แน่ๆ คืนนี้ระหว่างเธอกับพนิตาคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ไม่รู้เพราะอะไร

คลื่นลูกย่อมซัดสาดเข้าฝั่งมากระทบเบาๆ ที่ปลายเท้า ภัทรนรินทร์ก้มลงพับขากางเกงเลก่อนที่มันจะเปียกไปมากกว่านี้ ก่อนจะถอดรองเท้าแตะมาถือเตรียมเอากลับวางบนฝั่ง

“เวรละ...”

“ภัทรขา ไหนว่าไปเข้าห้องน้ำไง” พนิตาวิ่งเหยาะๆ เข้ามาหา ใบหน้ากระเง้ากระงอดอย่างแกล้งทำ ก่อนที่จะเดินมากอดเอวเธอ ใบหน้าซุกซบลงบนไหล่บาง “คงไม่ได้หนีนิต้ามาหรอกใช่ไหมคะ”

“เอ่อ...เปล่าหรอกนิต้า พอดีภัทรเพิ่งเข้าเสร็จเห็นทะเลสวยเลยมาเดินเล่น”

“จริงหรอคะ งั้นนิต้าเดินด้วยนะ” เจ้าหล่อนอ้อนน่ารัก

“นิต้าคือ...” ภัทรนรินทร์ไม่รู้จะบอกกับหล่อนอย่างไร รู้สึกผิดที่ดึงพนิตาเข้ามาเอี่ยวในเรื่องนี้ตั้งแต่ขึ้นเรือมา เธออยากสารภาพความจริงออกไป แต่สายตาเจ้ากรรมพาลไปเห็นมนทิชากับวินธัยเดินมาไกลๆ ความรู้สึกบ้าๆ จึงตีตื้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

วงแขนเรียวโอบกระหวัดร่างอวบอัดของดี้สาว รองเท้าในมืออีกข้างถูกโยนไปไกล พนิตาสบดวงตาร้อนของสาวห้าวแล้วหัวใจเต้นระรัว หล่อนรับรู้ได้ถึงความต้องการในตัวของภัทรนรินทร์

และไม่ต้องรอภัทรนรินทร์ ดี้สาวโอบรอบคออีกฝ่ายแล้วเบียดตัวแนบชิด ริมฝีปากแดงแนบไปตามซอกคอของภัทรนรินทร์อย่างยั่วยวน จงใจให้สาวทอมหลงในลีลาตัวเอง

ริมฝีปากแดงจูบเรื่อยจนประกบเข้าที่กลีบปากเรียวสีธรรมชาติ ภัทรนรินทร์เกือบขืนตัวออกแต่ทว่าไม่ทัน เพราะร่างของคนที่กำลังกอดจูบกับเธอถูกดึงออกไปเสียแล้ว

“พ่อ! โอ๊ย” พนิตาเบิกตากว้าง มองชายที่เดินมากับหญิงคราวลูกอย่างไม่นึกฝันว่าจะเจอ

“เออ ยังดีที่รู้ว่าฉันเป็นพ่อแก” ชายสูงวัยตวาด มือยังจิกแขนบุตรสาวแน่น “ใครฮะนิต้า ใครสอนให้แกวิปริต กอดจูบกับไอ้ผิดเพศไม่อายฟ้าดินแบบนี้”

“ฉันผิดเอง ฉันจูบนิต้าก่อน เธอไม่ได้เต็มใจ” ภัทรนรินทร์ตะโกนออกไป แต่ถูกสวนกลับมา

“เรื่องพ่อลูก แกอย่าจุ้น!”

“พ่ออย่าว่าภัทรนะ” พนิตาว่า “แล้วทีพ่อล่ะ โกหกว่ามาทำงาน ที่แท้ก็แอบมาเอาเด็กรุ่นลูกทำเมียหนูยังไม่ว่าสักคำ ระวังเถอะจะได้ตายคาอกมัน”

เพี๊ยะ!

“นิต้า!” มนทิชาปรี่เข้ามาพยุงเพื่อน “พอเถอะค่ะคุณลุง อย่าทำมันเลย”

ชายสูงวัยมองลูกสาวที่สะอึกสะอื้นด้วยความโกรธที่ถูกด่าอย่างไม่เห็นหัว แม้จะรู้ว่ามือที่ฝาดลงไปมันไม่เบานัก แต่คนมีทิฐิก็เลือกที่จะไม่สนใจ จูงมือเด็กสาวรุ่นลูกเดินจากไป แต่ยังหันมามองไอ้ผิดเพศที่ยืนอยู่ไม่ไกล

วินธัยเคลื่อนตัวมาบังภัทรนรินทร์ไว้ ตาคมสบตากับชายสูงวัย ไม่ล่วงเกิน แต่ทว่าไม่อ่อนข้อให้หากชายคนนี้หมายจะทำร้ายผู้หญิงข้างหลังเขาเหมือนอย่างที่ทำกับลูกสาวตัวเอง

“เฮอะ!” ชายสูงวัยแค่นหัวเราะ มองวินธัยและภัทรนรินทร์อย่างประเมินความสัมพันธ์ แล้วยิ้มเหยียดๆ “บอกให้เอาบุญ สันดานมันเปลี่ยนกันไม่ง่ายหรอกไอ้หนุ่ม”

“ไอ้!”

“ภัทร!” วินธัยตรึงแขนของคนใจร้อนไว้แน่น ดวงตายังไม่ละจากใบหน้าที่มีริ้วรอยของกาลเวลา น้ำเสียงที่เขาพูดมั่นคงและหนักแน่นไม่ต่างจากดวงตา แต่กระแสความอบอุ่นไหลวาบไปทั้งหัวใจที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดของภัทรนรินทร์

“ต่อให้ต้องใช้ทั้งชีวิต...ผมก็ยินดี”


=====================================
(ขอหน่อยเถอะ...พระเอกหนูจะแสนดีไปถึงไหนเนี่ยยยย)

ขอบคุณทุกป้ายไฟและทุกกำลังใจค่ะ (อ่า...ตาพร่ากับแสงไฟ ชอบจังงงงง)
แล้วจะหาเวลาว่างมาต่อให้เน้อ

ใครมีอะไรอยากบ่น อยากเม้าท์ หรือจะจับเข่าคุยก็ข้างล่างเลยนะจ๊ะ
อ่านทุกเม้นต์ ตอบทุกเม้นต์จ๊ะ

ฝนเริ่มตก รักษาสุขภาพและขับขี่อย่างระมัดระวังนะคะ
ห้องฉุกเฉินจะได้เวรไม่วุ่นค่ะ เย๊ย! คนอ่านที่น่ารักจะได้ปลอดภัยกันจ้า
จุ๊บๆ (อย่าหนีสิ วินเขาฝากมาให้น่ะ ฮิฮิ)



เจ้าชายน้อย
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 พ.ค. 2554, 18:03:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 พ.ค. 2554, 18:03:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 2044





<< 6. ยากที่จะเข้าใจ   8. ฉันขอ... >>
หมู้หมู 14 พ.ค. 2554, 18:12:41 น.
เย่..... ^^

มาแจ้งให้ทราบก่อนว่า รอ ตลอดเวลา 555


ปาริน 14 พ.ค. 2554, 18:24:48 น.
^^


ปาริน 14 พ.ค. 2554, 18:26:48 น.
(ลืมแซวๆว่าพระเอกแสนดีมักมีแต่ในนิยายเนอะ อิอิ)


หมู้หมู 14 พ.ค. 2554, 18:30:22 น.
กรี๊ดดดดดดดด จะเท่ไปไหน... แต่ละคำ เล่นเอาใจอุ่นวาบๆ ไปกะภัทร ด้วย


ตุ๊งแช่ 14 พ.ค. 2554, 18:53:23 น.
งานเข้าเสียแล้ว ภัทรเอ๋ย


anOO 14 พ.ค. 2554, 19:20:25 น.
เมื่อไหร่ภัทรจะรู้ใจตัวเองซะทีเนี้ย
สงสายวินจะแย่อยู่แล้ว
ต้นน้ำมาแล้ว ยัยวีต้าจะอยู่ในเรือด้วยรึป่าวหนอ?


roseolar 14 พ.ค. 2554, 20:04:47 น.
ขนแขน stand up เลยค่า
ภัทรนะภัทร ทำงี้ได้ไง เดี๋ยวยุให้วินจับจูบซะเลย เอ๊ย!ไม่ได้ๆ เดี๋ยววินของฝ้ายเสียความบริสุทธิ์ผุดผ่องหมด
แอบหวังว่าจะได้อ่านคู่ต้นน้ำ T T ไม่เป็นไรค่ะ รอตอนหน้าก็ได้ ยังไงก็คงรอไม่นานอยู่แล้วล่ะเนอะ (แอบปรายตากดดันเล็กน้อย เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ)
ปล...พี่ปริ๊นท์ชอบคนในเครื่องแบบเหมือนฝ้ายเลย ฮ่าฮ่า หนับหนุนค่า พระมงกุฏสอนดีมาก ว่าแต่...อย่าลืมส่องหนุ่มๆผมเกรียนมาเผื่อด้วยนะคะ เผื่อจะเจอแบบหมอก้องสักคน กิ๊บกิ้ววววว~


ใจใส 14 พ.ค. 2554, 22:03:17 น.
คนเขียนชอบคนไม่ค่อยพูดเหมือนเราเลยอ่ะ แอบบพูดน้อยแต่จริงจัง อร๊ายยยย วินไม่ใจเลยอ่ะ ภัทรทำแบบนี้เสียเชิงหมด ต้องจูบสั่งสอน


Pat 14 พ.ค. 2554, 22:09:05 น.
อิอิ วินอ่ะ มาตามหัวใจแล้วไปเดินกะคนอื่นอยู่ทำไมล่ะเนี่ย ไม่รู้หรือว่าภัทรหวงน้า แต่คำพูดโดนใจ ภัทรให้อภัยทุกอย่าง 555


incanto 14 พ.ค. 2554, 23:23:41 น.
มอบโล่ให้พี่วินไปเลยยยยย


mottanoy 15 พ.ค. 2554, 01:18:20 น.
ไม่เป็นไรค่ะ นานๆได้ทำประโยชน์ทีก็ดีใจแล้วค่ะ


คิมหันตุ์ 15 พ.ค. 2554, 03:29:01 น.
น่ารักเกินไปแล้วพี่วิน...


pattisa 15 พ.ค. 2554, 08:42:55 น.
โอ๊ยย คู่ต้นน้ำท่าจะดร่าม่าจริง 555 อย่าดราม่ามากนะค่ะ :D 55


Jelly 16 พ.ค. 2554, 18:55:45 น.
พี่มาไว จนหนูตกใจ


หมู้หมู 16 พ.ค. 2554, 21:32:40 น.
การเดินทางของต้นน้ำ ดูจะมีอะไร อะไร อยู่นะ.. รอจ้าาาาไรเตอร์จ๋าาา


sai 18 พ.ค. 2554, 10:52:44 น.
พี่วินคร้า คมตลอดอ่ะพี่ พูดมาแต่ละคำเอาใจรีดเดอร์ไปเต็มๆคร้าาาาา

สงสารหนุ่มต้นจริงๆ


aom 18 พ.ค. 2554, 12:06:40 น.
รอตอนต่อไปนะคะ


หมู้หมู 19 พ.ค. 2554, 21:06:43 น.
ว้า... นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันเองเหรอ... (อีกรอบ)


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account