สนิมดอกรัก (ตีพิมพ์แล้ว - สนพ.อรุณ)
แพรวเพชร สิริณธรณ์ ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
เมื่อเผ่าภาคินที่เธอเข้าใจว่าเสียชีวิตไปแล้วเกือบสี่ปี
จู่ๆจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
แถมยังมาในมาดมหาเศรษฐีหนุ่มรูปหล่อ ร่ำรวย
และโหดเหี้ยมเหมือนในนิยายเป๊ะ!
.
.
.
.
“เชิญกรอกข้อมูลส่วนตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะแนะนำรายละเอียดและขอบเขตการให้บริการให้ฟัง อ้อ...ต้องให้ดิฉันแจ้งค่าใช้จ่ายให้ทราบคร่าวๆก่อนไหมคะ เพราะค่าบริการของเราไม่แพงก็จริง แต่สำหรับคนกำลังเก็บเงินแต่งงาน มันก็...เป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลย”

“ดูเหมือนว่าเงินจะเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตคุณเสมอเลยนะ คุณแพรวเพชร” เผ่าภาคินหยัน

“พูดอย่างกับว่ามันไม่สำคัญสำหรับคุณงั้นแหละ” หญิงสาวบิดริมฝีปากนิดๆอย่างดูถูก จากนั้นเดินไปยังโต๊ะที่วางชิดผนัง ดึงเอกสารแผ่นหนึ่งจากแท่นใสทรงกระบอกถือมากางตรงหน้าชายหนุ่ม พลางอธิบายด้วยท่าทีเหมือนทองไม่รู้ร้อน ไม่สนใจแม้จะเห็นว่าสายตาที่จ้องเธอแทบจะแผดเผาลุกเป็นไฟ

“นี่ค่ะ อัตราค่าสมัครแรกเข้าสำหรับลงทะเบียนเป็นสมาชิกของคิวปิดฯ ส่วนคอร์สที่คุณจะเข้าใช้บริการแยกคิดเป็นรายครั้ง เรามีรายการให้คุณเลือกเยอะค่ะ ทั้งดำน้ำ วาดรูป อบรมบุคลิกภาพ เที่ยวพิพิธภัณฑ์ ทำบุญไหว้พระ ทำขนม อ้อ...แต่สุดท้ายนี่ฉันไม่แนะนำนะคะ เพราะคุณคงไม่อยากให้ครูคนนั้นรู้ว่ามาสมัครเป็นลูกค้าที่นี่”

“แล้วมีคอร์สสับรางไม่ให้รถไฟชนกันบ้างไหม หรือไม่ก็พวก...วิธีซ่อนชู้ ซ่อนกิ๊กอะไรแบบนี้น่ะ ผมสนใจเป็นพิเศษ และถ้าให้แนะนำ ผมว่าคุณน่ะเหมาะจะเป็นวิทยากรมาก ใช้ประสบการณ์ตรงมาสอนก็ได้ คงมีคนอยากเรียนกันเยอะแยะ”

แพรวเพชรหัวเราะขัน “แปลกนะคะ คุณพูดเองแท้ๆว่าฉันไม่ได้มีเกียรติ มีเสน่ห์ หรือว่ามีค่าพอให้คุณเสียดมเสียดายอะไรแล้ว แต่ไอ้ที่คุณพูดๆมาเนี่ย เหมือนว่า...คุณจะจำเรื่องราวเกี่ยวกับตัวฉันได้แม่นยำจังเลย”

หญิงสาวดักคอและลอยหน้าเอ่ยประโยคต่อไปว่า “เอ...หรือว่าอันที่จริงแล้วคุณไม่ได้คิดอย่างที่พูด แต่กำลังเรียกร้องความสนใจจากฉัน หรือบางทีไอ้ที่บอกว่าจะแต่งงานกับคุณนวลนรีนั่นก็เป็นแค่การโกหก แกล้งทำเป็นโชว์ออฟ เพียงเพราะอยากให้ฉันรู้สึกรู้สาไปด้วยเท่านั้นเอง ประชด...อะไรทำนองนั้นน่ะเหรอคะ”

ปฏิกิริยาที่ไม่ได้คาดไว้ล่วงหน้าทำให้เผ่าภาคินค้นหาคำตอบโต้ไม่พบแม้แต่คำเดียว

แพรวเพชรแต้มยิ้มทำสีหน้าสมเพช จากนั้นก้าวเข้ามาใกล้ เอื้อมมือแตะแก้มอีกฝ่ายแผ่วเบาหยอกเย้า “โถ...น่ารักจริง แต่ขอโทษด้วยที่ต้องทำให้ผิดหวัง ฉันแต่งงานแล้ว และก็ไม่เคยคิดนอกใจสามี เพราะเขาเป็นคนดีมาก ยิ่งเขาดีเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งนึกเสียดายที่เคยไปเกลือกกลั้วกับของสกปรกมาก่อน โชคดีที่เขาไม่ถือสาอดีตของฉัน ไม่เช่นนั้นฉันคงไม่ได้เป็นผู้หญิงโชคดีอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้”

ประโยคสุดท้ายทิ่มแทงหัวใจคนฟังจนแทบทนไม่ไหว และเพียงเสี้ยววินาทีที่เผ่าภาคินปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือความควบคุม อุ้งมือแข็งแรงก็ตวัดคว้าต้นแขนหญิงสาวพร้อมทั้งบีบรุนแรง กระแสบางอย่างที่แล่นปราดผ่านปลายนิ้วทำให้ชายหนุ่มเกือบจะปล่อยมือ แต่เขาก็ฝืนกำมือแน่น เค้นเสียงลอดไรฟันเอ่ยคำถัดมา

“ใช่ ฉันมันเลว ชั่ว แต่ก็สมกันดีแล้วไม่ใช่เหรอ ผู้ชายสกปรกกับผู้หญิงที่น่าขยะแขยงน่ะ แพรวเพชรคนอ่อนโยนไร้เดียงสาที่ฉันเคยรู้จัก มาวันนี้กลับกลายเป็นผู้หญิงกร้านโลก หลายใจ น่ารังเกียจไปแล้ว ทุเรศที่สุด”

“ในเมื่อพี่เผ่าคนที่ฉันเคยรู้จักตายไปแล้ว แพรวเพชรคนที่คุณเคยรู้จักก็สมควรจะตายไปได้แล้วเหมือนกัน ถือว่าเราเสมอกันไงคะ” หญิงสาวยิ้มกว้างอย่างสะใจ

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต

หากฝ่าฝืน สิริณ จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น

ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ ๑๒

แพรวเพชรก้มลงอ่านข้อความในโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง แล้วจึงผลักประตูกระจกก้าวเข้าไปในล็อบบี้ ผนังโค้งนูนที่ด้านหลังโต๊ะประชาสัมพันธ์ติดตัวอักษรไว้ว่าพาร์กิ้นอินเตอร์เนชันแนลเป็นภาษาอังกฤษ หญิงสาวมองไฟดาวน์ไลท์สีส้มที่สาดลงมาเบื้องล่างด้วยความพอใจกับโทนแสงนุ่มนวลของบริเวณต้อนรับแขกตรงหน้า เธอก้าวเข้าไปทักทายเจ้าหน้าที่สาวสวยที่ประจำอยู่หลังเคาน์เตอร์พร้อมกับอธิบาย “ดิฉันแพรวเพชรจากบริษัทคิวปิดแอสซิสแทนซ์ มาพบคุณบุญชัยแทนคุณอิงอรุณค่ะ นัดไว้ตอนบ่ายสอง”

“เอ๊ะ! แต่นี่บ่ายสามแล้วนี่คะ ไม่แน่ใจว่าคุณบุญชัยจะยังสะดวกหรือเปล่า สักครู่นะคะ” พนักงานต้อนรับส่งยิ้มมาให้ก่อนกดเรียกโทรศัพท์และกรอกเสียงลงไป “คุณนิดคะ แขกของคุณบุญชัยมาแล้วค่ะ จะให้หนูทำยังไงคะ”

แพรวเพชรส่งยิ้มคืนไปเมื่อเด็กสาวตรงหน้าตวัดตาขึ้นมอง พร้อมกับก้มศีรษะนิดๆเป็นเชิงลุแก่โทษ

“เอ่อ...คุณนิดคุยกับเธอเองดีไหมคะ คุณแพรวเพชรอยู่ที่นี่แล้ว” กระบอกโทรศัพท์ถูกยื่นมาตรงหน้าหญิงสาว “เลขาฯของคุณ...เอ้อ...คุณบุญชัยจะคุยด้วยค่ะ”

กามเทพสาวรับโทรศัพท์มาแนบหูทันที “ขอโทษด้วยค่ะ เลขาฯคุณบุญชัย พอดีว่าอิงอรุณคนที่นัดกับคุณบุญชัยมีอุบัติเหตุรถชนนิดหน่อย ดิฉันเลยต้องมาพบแทน อ๋อ ไม่เป็นอะไรมากค่ะ เหลือแค่เจรจากับคู่กรณีเท่านั้นเอง ใช่ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ ดิฉันจะคอยคำตอบ”

เธอส่งโทรศัพท์คืนเจ้าของสถานที่ ยืนคอยอย่างสงบ ไม่นานเสียงติ๊ดยาวๆก็ดังขึ้น พร้อมกับที่ใครบางคนผลักประตูกระจกก้าวออกจากส่วนสำนักงานมายืนอยู่ไม่ไกลจากเธอ

ความรู้สึกแรกของแพรวเพชรที่เห็นหน้าผู้ชายคนนี้โดยไม่คาดฝันคือสะดุ้งตกใจ ตามมาด้วยความไม่พอใจและหวาดหวั่นในท้ายที่สุด

ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใด เผ่าภาคินก็ทำสีหน้าเรียบเฉย ผายมือไปตามโถงทางเดิน “คุณบุญชัยติดประชุมอยู่ ผมจะคุยกับคุณเอง เชิญทางนี้”

สายตาประชาสัมพันธ์สาวที่มองมาอย่างสนใจและกิริยาวางเฉยอย่างยิ่งของเผ่าภาคินทำให้เธอยอมเดินไปตามทางที่เขาผายมือรอท่าด้วยความไม่เต็มใจ ในใจเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลแปลกๆ เมื่อครู่ตอนแวะไปหาอิงอรุณตรงจุดเกิดอุบัติเหตุ เพื่อนมีสีหน้าหงุดหงิดเพราะตกลงกับคู่กรณีไม่ลงตัวเสียที ทั้งที่อุบัติเหตุนั้นเล็กน้อยมากๆ

ทางเดินซึ่งทอดอยู่ตรงหน้าเหมือนจะยาวไกลไม่มีสิ้นสุด จนเผ่าภาคินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องหนึ่งซึ่งอยู่ลึกเกือบสุดทาง เมื่อมั่นใจว่าจะไม่มีบุคคลที่สามได้ยินบทสนทนานี้แน่นอน หญิงสาวจึงรีบเรียกเขาไว้ “เดี๋ยวค่ะ ฉันอยากจะแน่ใจว่าคุณไม่ได้เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุที่มอเตอร์ไซค์ชนกับรถของยายอิง ช่วยยืนยันให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ”

ชายหนุ่มชะงัก หันกลับมามองเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ขณะน้ำเสียงตัดพ้อ “เพชรมองพี่ในแง่ร้ายจัง”

แพรวเพชรเสหลบตาอีกฝ่ายทันที แม้ไม่เชื่อว่าเขา ‘บริสุทธิ์ใจ’ กับการนัดหมายครั้งนี้ แต่ใจลึกๆแอบหวังเหลือเกินว่าเธอคงจะคิดมากไปเอง

“ถ้าคุณกำลังพูดความจริงอยู่ แค่ตอบรับหรือปฏิเสธคำเดียว ไม่เห็นจะเป็นเรื่องยากเลยนี่คะ”

เผ่าภาคินยักไหล่ ทำหน้าบึ้ง แต่เสียงติดจะหยอกเย้ามากกว่า “ว้า! เพชรจับได้อย่างนี้ ไม่สนุกเลย”

“ทำไมถึงต้องทำอย่างนี้” แพรวเพชรไม่รู้สักนิดว่ากำลังปล่อยให้ความรู้สึกสองชนิดต่อสู้กันอยู่ในใจโดยไม่ห้ามปราม ประการแรก...หญิงสาวโกรธจนไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดได้อย่างไร ที่เขาดื้อดึงพยายามเอาตัวเองเข้ามาพัวพันกับเธอขนาดนี้ แต่อีกใจ...เธอกลับอยากได้ยินเขาพูดว่าพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อหาข้ออ้างมาใกล้ชิดกันอีกครั้ง!

ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือร้ายที่เขาเลือกทำ...อย่างหลัง!

“ถ้าพี่ไม่ทำอย่างนี้ ก็คงไม่มีโอกาสได้พบเพชรหรอก เพชรหลบหน้าพี่ พี่ไปคอยที่เนิร์สเซอรี่ของกานติมา เพชรก็เบี้ยวไม่ยอมไปรับลูกเองเสียอีก ใจร้ายใหญ่แล้วนะ ไม่รู้หรือไงว่ามีคนเขาคอยอยู่น่ะ”

“เอ๊ะ! คุณจะมาคอยฉันทำไม” แพรวเพชรพยายามกลบเสียงสั่นๆไว้ แต่ไม่สำเร็จ

“ถามแปลก ไปคอยก็เพราะอยากเจอน่ะสิ”

“แล้วทำไมถึงไม่ยอมรู้ตัวสักทีว่าคนเขาหลบหน้าเพราะไม่อยากเจอน่ะ”

“เพชรพูดไม่เพราะ แหม...อยากทำโทษจัง” วิธีที่คนตัวสูงก้มหน้าลงมาใกล้จนหน้าผากเกือบจะชนกัน รวมถึงรอยกรุ้มกริ่มที่ฉายชัดอยู่ในดวงตาคมคู่นั้นขณะมองริมฝีปากเธอ บอกให้แพรวเพชรรู้ว่าวิธีที่เขาคิดจะลงโทษคงต้องเป็นหนทางที่เธอไม่พึงใจแน่นอน

“เอาสิคะ ฉันจะได้ร้องโวยวายว่าคุณลวนลามฉัน”

“ตรงนี้เป็นโถงทางเดินนะเพชร ใครจะเชื่อว่าพี่จะโง่ขนาดลวนลามเพชรตรงนี้ สู้รอเข้าไปทำในที่รโหฐานไม่ดีกว่าหรือ อีกอย่าง...ที่นี่เป็นบริษัทของพี่ คนของพี่รู้ดีว่าซีอีโอของพวกเขาไม่เคยลวนลามใคร มีแต่ผู้หญิงเท่านั้นแหละที่จะเสนอตัวเข้ามาให้พี่ทำอะไรต่อมิอะไรด้วย เพชรอยากจะลองเล่นกับความคิดของมนุษย์ดูไหมล่ะ ถ้าพี่จำไม่ผิด รู้สึกว่าวิธีที่คนเราตัดสินผู้อื่นจากความรับรู้ที่เคยมีเนี่ย ทางจิตวิทยาเขาเรียกว่าเพอร์เซปชั่นใช่ไหม”

ถ้าเต้นได้แพรวเพชรก็คงเต้นเร่าด้วยความฉุนเฉียว หรือถ้าร้องได้เธอก็คงไม่แคล้วต้องกู่ตะโกนเพื่อระบายความอึดอัดไม่ได้ดังใจเป็นแน่ แต่เพราะเดาได้ว่าสิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมดมีแนวโน้มเป็นไปได้มากว่าจะจริง สิ่งเดียวที่เธอทำได้จึงมีเพียงก้าวถอยหลังเล็กน้อยและผลักอกเขาเต็มแรงแทน

“ฉันไม่มีเวลามาเล่นเกมอะไรกับคุณ เชิญพูดเรื่องงานมาได้แล้ว ฉันจะได้กลับเสียที” หญิงสาวหน้าบึ้ง

เผ่าภาคินอมยิ้ม ผลักประตูกระจกติดฝ้าเปิดกว้าง เชื้อเชิญให้แขกก้าวเข้าไปในห้องโดยไม่เอ่ยอะไร

แพรวเพชรตวัดค้อนใส่จอมบงการ และเมื่อเห็นเขายืนนิ่งไม่ยอมขยับ บอกชัดว่าคงไม่เปลี่ยนใจง่ายๆแน่นอน เธอจึงกระแทกเท้าเดินปึงปังผ่านหน้าเขาเข้าไปในห้องประชุมอย่างรวดเร็ว แต่แล้วร่างสูงโปร่งก็ชะงักขาแข็งก้าวไม่ออกราวกับถูกตรึงตอกด้วยตะปูติดกับพื้น ห้องกว้างที่เห็นตรงหน้าน่าจะเรียกว่าห้องรับรองแขกมากกว่าห้องประชุม ผนังสองด้านซ้ายขวาทาด้วยสีม่วงอ่อน ขณะด้านที่เหลือคือกรอบหน้าต่างไม้สีขาวที่มองออกไปเห็นท้องฟ้าและทุ่งดอกลาเวนเดอร์สีม่วงสดใสจนสุดลูกหูลูกตา โดยมีท้องฟ้าเกลื่อนด้วยปุยเมฆกระจัดกระจายเป็นพื้นหลัง

แต่ทุ่งดอกไม้จะมาปรากฏอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ในเมื่อนี่คือสำนักงานที่อยู่บนชั้นสามสิบสองของอาคาร!
แพรวเพชรเก็บความสงสัยไว้ กวาดตามองรอบห้องด้วยความรู้สึกทั้งตื่นตะลึงและชื่นชมอย่างไม่ปิดบัง โซฟาสีขาวและม่วงเข้มอย่างละตัวตั้งเผชิญหน้ากันไม่ทิ้งคอนเซ็ปต์ของห้อง คั่นกลางด้วยโต๊ะทำจากไม้ทาสลับสีเป็นริ้วโทนเดียวกับของตกแต่งอื่นๆ มุมหนึ่งจัดเป็นโซฟาแบบหนึ่งที่นั่งสองตัวหันเอียงเข้าหากัน โดยด้านหลังมีตู้ไม้เตี้ยๆวางเชิงเทียนและแจกันเซรามิกปักดอกลาเวนเดอร์ คุมโทนสีของห้องไว้เป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว เห็นได้ชัดว่าผู้ออกแบบเก็บทุกรายละเอียดเพื่อให้มันลงตัวอย่างประณีตนัก

“นี่มัน...” แพรวเพชรอึ้ง หาคำอธิบายไม่ถูก เพราะสิ่งที่เห็นตรงหน้าคือ...

“ห้องรับแขกในบ้านของเราไง” เผ่าภาคินเติมช่องว่างในประโยคให้ “ของที่เพชรเหลือทิ้งไว้ในอพาร์ตเมนต์มีไม่กี่ชิ้น และหนึ่งในจำนวนนั้นที่รอดมาจากกองเพลิงได้ก็คือสมุดสเก็ตช์ภาพ เพชรออกแบบบ้านของเราไว้สวยมาก พี่เสียดายเมื่อคิดว่าบ้านหลังนั้นจะเป็นได้แค่ภาพความฝัน ตอนตกแต่งสำนักงานก็เลยตัดสินใจเอาแบบมาให้มัณฑนากรดู จนออกมาเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ”

“คุณควรจะส่งมันคืนให้ฉัน” แพรวเพชรเค้นเสียง พยายามทำเหมือนไม่สนใจ แต่ไม่สำเร็จเอาเสียเลย

คล้ายว่าชายหนุ่มจะเดาความรู้สึกเธอได้ เพราะเขาเอ่ยต่อด้วยท่าทีกระตือรือร้น...“ออฟฟิศที่แคนเบอร์รา ห้องรับรองแต่งเป็นทุ่งดอกป๊อปปี้ ที่เมลเบิร์นเป็นทุ่งดอกมัสตาร์ด ส่วนสำนักงานใหม่ที่กำลังตกแต่งอยู่ พี่ทำเป็น...”

“ฉันไม่อยากรู้” แพรวเพชรขัดขึ้นก่อนที่ความอ่อนแอจะถูกแสดงออกมาให้ผู้ชายคนนี้เห็น เดาจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มีความจริงอันน่ารังเกียจเพียงประการเดียวที่เธอจำต้องยอมรับ

เขาแสดงว่า ‘ยังรักเธอ’ ได้แนบเนียนเหลือเกิน!

“แต่พี่อยากเล่าให้เพชรฟัง” ชายหนุ่มงับประตูกระจกฝ้าเข้าด้วยกัน แล้วเดินไปนั่งลงที่โซฟาตัวหนึ่ง เอนหลังและศีรษะพิงพนัก มองออกไปยังทุ่งดอกลาเวนเดอร์ตรงหน้าแล้วกล่าวลอยๆ ไม่สนใจแม้ว่าแขกอีกคนในห้องจะยืนเก้ๆกังๆทำตัวไม่ถูกอยู่ที่เดิม

“รู้ไหม...หลายปีมานี้มีเรื่องเกิดขึ้นทั้งที่เป็นความสุข ความสำเร็จ มีอุปสรรคล้านเจ็ด บางครั้งพี่เหนื่อยจนแทบไม่อยากตื่นขึ้นมาเจอความจริง และอีกหลายๆหนก็ภูมิใจกับสิ่งที่ทำลงไป จนอดคิดไม่ได้ว่ามันอาจจะเป็นแค่ความฝัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับพี่มากมายแค่ไหน แต่พี่ไม่เคยรู้สึกอยากจะเล่าให้ใครฟังเลย อาจเป็นเพราะพี่ไม่คุ้นกับการต้องแบ่งปันเรื่องราวของตัวเองให้คนอื่นฟัง...”

เผ่าภาคินเหลียวมาสบตาหญิงสาวขณะเอ่ย “พี่ไม่คุ้นจริงๆถ้าคนฟังไม่ใช่เพชร!”

ถ้าหัวใจเธอถูกห่อหุ้มด้วยน้ำแข็ง แพรวเพชรเชื่อว่าบัดนี้มันได้ละลายลงแล้วด้วยถ้อยคำที่ชายหนุ่มเพิ่งจะเอ่ยจบไป และหากนี่คือแผนการที่เขาวางไว้ ก็ต้องบอกว่าเผ่าภาคินทำได้สำเร็จอย่างงดงาม เพราะเหตุการณ์ในคืนวันเก่าๆผุดพลุ่งขึ้นมาในความทรงจำของเธอรวดเร็วและรุนแรง ทรงประสิทธิภาพสมกับที่เขาเป็นคนที่รู้จักเธอที่สุด!

เสียงหัวใจของผู้ชายตัวโตที่แนบอยู่กับหูขณะเธอซุกซบอยู่ในอ้อมกอดเขา เต้นคละเคล้ากับน้ำเสียงห้าวฮึกเหิมที่บอกเล่าถึงความฝันให้ฟังคืนแล้วคืนเล่า ก่อนจะจบลงด้วยเกมพิศวาสแสนหวาน ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า ทุกสัมผัสของผู้ชายคนนี้รวมถึงจุมพิตหวานซึ้งสลับร้อนรุ่มยังตราตรึงอยู่ในวิญญาณและความรู้สึกจนถึงทุกวันนี้...

“ทุกอย่างมันจบไปหมดแล้ว คุณจะรื้อฟื้นทำไมอีก” แพรวเพชรห้ามตัวเองไม่ได้จริงๆ จึงปล่อยให้น้ำตาพร่างลงมาช้าๆ

“มีแต่เพชรเท่านั้นแหละที่บอกว่าจบแล้ว สำหรับพี่...ตราบเท่าที่พี่ยังรักเพชรอยู่ พี่ไม่ยอมให้มันจบลงหรอก”ดวงตาคมปลาบตวัดมองเธอแน่วแน่ ประกาศความต้องการโดยไม่อ้อมค้อม

“คุณจะต้องเอาชนะให้ได้ทั้งที่รู้ว่าฉันมีลูกมีสามีอยู่แล้วเนี่ยนะ”

“มันสำคัญตรงไหนล่ะเพชร ผู้ชายคนนั้นแย่งเพชรไปจากพี่ทั้งๆที่เพชรมีพี่อยู่แล้วเหมือนกัน”

“อ๋อ...คุณเลยคิดจะแก้แค้นด้วยการกลับมาทำให้พี่นราเจ็บปวดจากการโดนทิ้งบ้างอย่างนั้นเหรอ”

“ถ้าได้อย่างนั้น พี่จะถือเป็นของแถมนะ แต่จุดหมายของพี่จริงๆแล้วมีแค่อย่างเดียว พี่ต้องการเพชรกลับมา”

“ต่อให้ได้แต่ตัว ไม่มีหัวใจอยู่ด้วย คุณก็ยังต้องการอย่างนั้นเหรอ”

เผ่าภาคินส่ายหน้า รอยขบขันจุดวาบที่ดวงตาทั้งคู่ขณะมุมปากถูกยกขึ้นนิดๆ บอกให้รู้ว่าพึงใจบางสิ่งอย่างลึกซึ้ง “ถ้าเพชรไม่รักพี่แล้ว เพชรคงไม่ร้องไห้อย่างนี้หรอก” คนพูดก้าวช้าๆมาสมทบกับเธอ ทำท่าจะยกมือแตะรอยชื้นบนใบหน้านวลที่เปื้อนคราบน้ำตา

แพรวเพชรถอยกรูด “ไม่ต้องมาเล่นมุกซับน้ำตาเหมือนในนิยาย ฉันไม่ซาบซึ้งด้วยหรอก”

“ปากแข็งอย่างนี้ ในนิยายเขาต้องจูบสั่งสอนนะ” เผ่าภาคินย้อนด้วยรอยยิ้ม

“ถ้ากล้าก็ลองดู” แม้มิได้ขยับตัวถอยหนีอีก ทั้งไม่มีกิริยาเตรียมจะตอบโต้รุนแรงใด ทว่าดวงตาวาววับเอาเรื่องบอกชัดว่าแพรวเพชรมิได้ล้อเล่น

รอยรื่นเริงที่พร่างละอองอยู่รอบกายผู้ชายตัวโตปลิววับหายราวกับน้ำค้างต้องแสงสุริยาร้อนแรง ในเสี้ยววินาทีมือทั้งสองข้างค่อยๆร่วงลงข้างตัวอย่างสิ้นเรี่ยวแรง

มีความเงียบตกหล่นอยู่ท่ามกลางอ้อมกอดของกาลเวลาเนิ่นนาน ในที่สุดแพรวเพชรก็ก้มศีรษะนิดๆ

“ถ้าให้ฉันเดา ไม่มีคุณบุญชัยที่ไหนหรอก ส่วนโครงการส่งเสริมให้พนักงานในบริษัทมีคู่นั่นก็คงเป็นแค่ข้ออ้างที่หลอกให้ฉันมาพบคุณเท่านั้น และอุบัติเหตุของอิงก็อาจจะมีต้นเหตุมาจากคุณด้วย เพราะฉะนั้นฉันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่อีก”

แพรวเพชรขยับหูกระเป๋าคล้องที่ข้อมือ เบี่ยงตัวหลบชายหนุ่มซึ่งยืนขวางทางอยู่ แล้วก้าวยาวๆไปที่ประตู มือแตะคันเปิด กำลังจะผลักออกไป

“สี่ปีที่แล้วเพชรก็เดินหนีพี่ไปแบบนี้ ใจคอเพชรจะหนีพี่ทุกครั้งที่เราเจอกันเลยหรือ”

หญิงสาวเบือนหน้ากลับมาช้าๆ “ค่ะ และต่อให้เราต้องพบเจอกันอีกกี่ครั้ง ฉันก็ยังยืนกรานที่จะทำแบบนี้ไม่เคยเปลี่ยน”

“ทำไม...วันนั้นเพชรเลือกไอ้หมอนั่นเพราะมันรวย วันนี้พี่มีอะไรที่สู้มันไม่ได้ อยากได้เงินเท่าไหร่ก็บอกมาสิ พี่จะหามากองให้”

“ฉันไม่ได้ต้องการเงิน ฉันต้องการความรัก”

“เพชร! พี่ไม่เคยรักใครอื่นนอกจากเพชร เพชรก็รู้อยู่แล้ว ทำไมถึงพูดแบบนี้”

“แล้วคุณเอาจอมขวัญไปไว้ที่ไหนคะ” คนถามแค่นเสียง ริมฝีปากเหยียดตรงยกมุมขึ้นนิดๆเป็นรอยยิ้มเยาะ

“ขวัญมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย ไอ้บ้านั่นมันเป่าหูอะไรเพชร หาว่าพี่นอกใจเพชรไปหาขวัญใช่ไหม”

“ฉันไม่ได้รู้อะไรมาผิดๆ แล้วก็ไม่เคยมีใครมาเป่าหูฉันด้วย ที่พูดนี่ก็เพราะเห็นด้วยตาตัวเองทั้งนั้น” แพรวเพชรปล่อยมือจากคันเปิดประตู หันหน้ากลับมาเผชิญกับเขาตรงๆ

“ถ้าย้อนเวลาได้ ฉันจะกลับไปเปลี่ยนทุกอย่างใหม่ทั้งหมด จะไม่เป็นฝ่ายเสนอตัวให้คุณเหมือนผู้หญิงรักสนุกใจง่ายอย่างที่เคยทำ เพราะฉันรู้แล้วว่าความสะใจที่ได้ขัดคำสั่งแม่แค่ในวันนั้น แต่ฉันกลับต้องจ่ายมันด้วยความรู้สึกผิดที่อยู่กับฉันไปตลอดทั้งชีวิต ความหวังที่ว่าพี่นราจะรังเกียจแล้วตัดสินใจถอนหมั้นก็พังทลายไม่เป็นท่า เพราะเขาไม่รังเกียจ ตรงกันข้าม เขากลับแสดงให้ฉันรู้ว่ารักของเขามีค่ามากกว่าแค่เรื่องเซ็กซ์ เขารักฉันได้แม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้ชายคนแรกของฉัน เขารักฉันได้ทั้งที่ฉันเป็นผู้หญิงเสเพลใจแตก และไม่ว่าฉันจะทำให้เขาเสียใจแค่ไหน แต่เขาก็ไม่เคยรักฉันน้อยลงเลย

“คุณรู้ไหม...ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองสกปรก ไร้ค่า เลวเหลือเกินที่ทำร้ายความรู้สึกคนดีๆไปตั้งมากมาย...เพื่อคุณ แต่คุณกลับหักหลัง ทำลายความไว้วางใจของฉัน แล้วก็สอนให้เข้าใจว่าฉันดูคนไม่ได้เรื่องเลย คุณไม่มีค่าพอที่จะให้ฉันรัก ไม่มีค่าเลย...” น้ำเสียงที่เค้นออกมาเต็มไปด้วยริ้วรอยเจ็บปวดอาดูร หญิงสาวป้ายน้ำตาที่หยาดลงมาอีกครั้ง เนิ่นนานกว่าเธอจะถอนสะอื้น

“นั่นเป็นการตัดสินใจผิดครั้งเดียว แต่มันเปลี่ยนตลอดทั้งชีวิตที่เหลือของฉันไปโดยสิ้นเชิง จนถึงทุกวันนี้พ่อแม่ยังไม่รู้ว่าฉันเหลวไหล ทำตัวเสื่อมเสีย แต่ฉันนี่สิ...รู้ดีอยู่ในทุกลมหายใจ แล้วก็ได้แต่เฝ้าหวาดผวาว่า สักวันลูกอาจทำแบบที่ฉันเคยทำหรือเปล่า เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น หัวใจฉันคงแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี”
“พี่ไม่เคยอยากให้เรื่องของเราจบลงแบบนั้นเลยนะเพชร แล้วก็ไม่เคยมองว่าเพชรใจง่าย ไม่ได้คิดว่าเพชรเสนอตัวมาให้พี่ ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความรักนะเพชร เรารักกัน ทำไมเพชรจะต้องโทษตัวเองแบบนั้นด้วย” เผ่าภาคินกัดริมฝีปากแน่น

“ทุกอย่างในชีวิตฉันไม่ได้บิดเบี้ยวเลวร้ายเพราะคุณหรือเพราะใครทั้งนั้น ทั้งหมดฉันเลือกเอง เมื่อเลือกผิดก็ต้องติดอยู่กับสิ่งที่เราเลือกไปจนตาย ถูกแล้วที่ฉันต้องโทษตัวเอง ฉันกลัวคุณไม่รักถ้ามัวแต่รักนวลสงวนตัวเป็นผู้หญิงหัวโบราณ ฉันหวังว่าพี่นราจะรังเกียจถ้าทำตัวไร้ค่า แต่โลกไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันเห็น มีอะไรอีกมากมายที่คาดไปไม่ถึง เพราะต่อให้ฉันมอบสิ่งที่มีค่าที่สุดให้คุณ คุณก็ยังมีผู้หญิงคนอื่นอยู่ดี และทั้งที่ฉันเหลวไหลขนาดนั้น พี่นราก็ไม่เคยรังเกียจฉันเลย”

เผ่าภาคินลูบหน้าแรงๆเพื่อให้แน่ใจว่าเขาได้ยินทุกอย่างถูกต้อง ทั้งที่มีคำพูดมากมายอยากจะปลอบโยนเพื่อไม่ให้เธอโทษตัวเองอย่างที่กำลังกระทำ แต่เขากลับพูดไม่ออก...

ก็...เธอเป็นคนเริ่มเองจริงๆ เขาแค่...ตอบสนองไปตามความต้องการของแพรวเพชรเท่านั้นเอง

“ทำไมทุกครั้งที่พูดถึงพี่ เพชรต้องเอาผู้ชายอีกคนมาเปรียบเทียบด้วย หรือเพราะที่จริงแล้ว ลึกๆในใจเพชรก็เฝ้าถามตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าเพชรอาจจะเลือกผิด...แบบนั้นใช่ไหม”

แพรวเพชรยิ้มทั้งน้ำตา “ชีวิตทุกคนมีทางเลือกสองทางตลอดเวลา ไม่แปลกถ้าเราจะเลือกทางหนึ่งแล้วอดสงสัยไม่ได้ว่า หากเลือกอีกหนทาง อะไรจะเปลี่ยนไปจากนี้แค่ไหน ฉันไม่สนใจหรอกว่า ถ้ากลับไปเปลี่ยนการตัดสินใจได้ เรื่องราวในวันนี้จะดีหรือร้ายกว่าที่เป็นอยู่ รู้แค่ว่า อย่างน้อย...ฉันจะได้ไม่ต้องอยู่กับความรู้สึกเกลียดตัวเองอย่างนี้” น้ำเสียงท้ายประโยคมีความขมขื่นรวดร้าว บอกทุกความโทมนัสของคนพูดครบถ้วน

“เพชร! ทำไมเพชรถึงเสียใจที่เรา...มีความสัมพันธ์กัน เพราะถ้าถามพี่ ทุกวินาทีที่เราอยู่ด้วยกัน พี่ไม่เคยเสียใจ ไม่เคยเสียดาย ไม่เคยรู้สึกอะไรในทางลบเลย พี่มีความสุขมาก ถ้าทำได้ พี่อยากจะหยุดเวลาอยู่ที่ตรงนั้น”

“เพราะนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ฉันตัดสินใจย้ายเข้าไปอยู่กับคุณไง แล้วก็ทำให้ได้รู้จักตัวตนของคุณในแบบที่ฉันไม่เคยรู้จักมาก่อน โดยเฉพาะเรื่อง...จอมขวัญ”

“ขวัญเป็นน้อง พี่ไม่เคยคิดอะไรกับขวัญเลยนะเพชร” เผ่าภาคินหัวเสียเมื่อถูกยัดเยียดข้อหาที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมีที่มาอย่างไร

แพรวเพชรเหยียดยิ้ม “น่าจะหาเหตุผลอื่นมาอธิบายบ้างนะ เผื่อว่าฉันจะเชื่อคุณ ยังไงก็...ขอบคุณนะคะที่ทำให้ฉันไม่เคยนึกเสียใจเลยที่เลือกพี่นราเมื่อสี่ปีก่อน” เธอเอ่ยเป็นคำสุดท้าย แล้วผลักประตูผลุนผลันออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจแม้ว่าใบหน้าจะยังมีคราบน้ำตาค้างอยู่ และอาจถูกมองด้วยสายตาใคร่รู้จากคนภายนอกก็ตามที

เผ่าภาคินมองตามหลังหญิงสาวไปด้วยสายตาเย็นชา ไม่ยอมรับว่าบางส่วนในหัวใจเจ็บแปลบแปลกๆกับรอยน้ำตาของผู้หญิงที่เขา ‘เคย’ รัก ชายหนุ่มหมุนตัวกลับไปทิ้งกายลงบนโซฟา พาดคอกับพนักพิงแล้วหลับตาลงนิ่งๆ

น่าแปลกที่ย้ำกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าไม่สนใจเหตุผลในอดีต ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่สำคัญ เพราะสิ่งที่เขาต้องการในวันนี้มีเพียงประการเดียว...

กระนั้น...ความทรงจำกลับเลื่อนลอยย้อนไปมองหาจุดผิดพลาดในเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น จนกลายมาเป็นความร้าวฉานรุนแรงในวันนี้โดยไม่ทันควบคุม

หลังเรียนจบเผ่าภาคินสมัครเข้าทำงานในบริษัทพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ที่มีชื่อเสียงติดอันดับต้นๆของประเทศ ความเป็นคนผิวเหลืองในสังคมที่มีการเหยียดผิวอย่างซ่อนเร้นทำให้เขาทั้งได้โอกาสและเสียโอกาสไปในคราวเดียวกัน นายจ้างเลือกเขาโดยมีข้อแม้ว่าจะได้รับเงินเดือนมาตรฐาน ‘ต่ำ’ กว่าคนท้องถิ่น ซึ่งเผ่าภาคินไม่มีปัญหากับเรื่องนั้น เขาต้องการมีงานทำเป็นหลักแหล่งให้เร็วที่สุด เพื่อเก็บสะสมเงินทุกบาททุกสตางค์ไว้สำหรับแผนการในอนาคต และทุกครั้งที่มีโอกาสเขาก็จะทำโอทีเพื่อรับเบี้ยเลี้ยงพิเศษ ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์เขาจะพาแพรวเพชรไปเที่ยวชมเมือง หาของอร่อยๆรับประทาน แล้วก็นั่งพูดคุยกัน ผลัดกันอ่านหนังสือให้อีกฝ่ายฟังบ้าง นานที...จึงจะเช่ารถข้ามเมืองไปเที่ยว

หนึ่งปีให้หลังเมื่อแพรวเพชรสำเร็จการศึกษาตามมา เขาลางานพาเธอไปเที่ยวออสเตรเลียตอนใต้เพื่อฉลองกันตามลำพัง ตลอดเวลาของการเดินทาง เขาไม่เคยก้ำเกินเธอมากไปกว่าแค่การกอดจูบ ก่อนจะแยกย้ายกันไปนอนเตียงใครเตียงมัน แต่แล้วในค่ำคืนสุดท้ายก่อนเดินทางกลับซิดนีย์นั่นเอง ที่สาวคนรักตัดสินใจมอบสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตให้กับเขา แพรวเพชรปีนขึ้นมาบนเตียง ขดตัวซุกอยู่ในอ้อมกอดเขา และเริ่มต้น...จูบ

หลายปีที่รู้จักและคบหากัน นับตั้งแต่แพรวเพชรเริ่มเข้าเรียนจนถึงวันที่เธอเรียนจบ เผ่าภาคินหยุดชีวิตหนุ่มโสดรักสนุกโดยสิ้นเชิง เขาร้างราความสัมพันธ์ทางกายไปนาน การมีสตรีที่รักและพึงใจมาเบียดแนบชิด ทั้งยังเปิดฉากจู่โจม ทำให้เลือดในกายเขาเริ่มร้อนขึ้นทีละนิด

นอกจากจูบแล้วแพรวเพชรไร้เดียงสาโดยสิ้นเชิง การที่เธอพยายามป่ายปะมือไปตามเนื้อตัวเขาอย่างเงอะงะ ทำให้เผ่าภาคินเอ็นดูจนแทบอดใจไม่ไหว เขากอดเธอไว้นิ่งๆ ตั้งคำถามตรงไปตรงมา

‘คิดจะทำอะไรอยู่น่ะเพชร’

‘เพชรว่าจะลองปล้ำพี่เผ่าดู แต่ถ้าพี่เผ่าสมยอม เพชรก็จะเปลี่ยนมาใช้วิธียั่วแทน’ คนพูดหน้าแดงก่ำ แถมยังไม่กล้าสบตาเขาสักนิด โถ...สาวน้อย ‘ทำ’ เป็นหรือเปล่ายังไม่รู้เลย ริคุยโตว่าจะปล้ำเขา!

‘เพชรเพิ่งเรียนจบนะ ไม่อยากใช้ชีวิตโสดเป็นอิสระไปอีกนานๆสักหน่อยหรือ’

‘อีกครึ่งปีพี่นราก็จะจบดอกเตอร์แล้ว ถึงตอนนั้นแม่คงเรียกตัวเพชรกลับพร้อมเขา เพชรไม่อยากกลับค่ะ’ นี่เอง...เหตุผลของเธอ เพียงแค่ผูกพันกับเขาลึกซึ้ง แพรวเพชรก็จะมีข้ออ้างชั้นดีให้นราธิปเป็นฝ่ายถอนหมั้น

‘แต่เราไม่ต้องทำแบบนี้จริงๆก็ได้นะ แค่เอาชื่อพี่ไปอ้างว่าล่วงเกินเพชรเฉยๆก็พอแล้ว พี่ยอมเสียชื่อเสียงแบบเนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง ส่วน ‘เรื่องนี้’ รอไว้ถึงวันที่เราแต่งงานกันก่อนก็ได้ ดีไหม’ เผ่าภาคินรู้ตัวดีว่าเขาไม่ใช่พ่อพระ ไม่ใช่พระเอกแสนดีแบบในละคร แต่ที่เสนอทางเลือกแบบนั้นให้เธอ เพราะอยากให้แพรวเพชรมั่นใจว่านี่คือสิ่งที่เธอต้องการจริงๆ มิใช่แค่หนทางที่เธอใช้เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

‘แต่เพชรต้องการแบบนี้’

‘เพชรจะไม่เสียใจทีหลังจริงหรือ’

‘ค่ะ! เพชรไม่มีวันเสียใจกับสิ่งที่เพชรเลือกแล้ว เพชรรักพี่เผ่า ยังไงวันนึงเราก็ต้องแต่งงานกันอยู่แล้วนี่คะ เพชรอยากให้พี่เผ่าเป็นผู้ชายคนแรกและคนสุดท้ายของเพชร เพชร...’

เผ่าภาคินไม่รอให้เธอเอ่ยต่อจนจบประโยค เขาก้มลงปิดปากช่างเจรจานั้นด้วยจุมพิตร้อนแรงดังที่ปรารถนาจะกระทำมานับครั้งไม่ถ้วน เขาปัดทุกมโนธรรมออกจากใจ ย้ำกับตัวเองว่าไม่มีอะไรต้องกังวล เขารักผู้หญิงคนนี้ด้วยใจจริง เมื่อไรที่เขาพร้อมจะสร้างครอบครัว เธอต้องเป็นเจ้าสาวของเขาอย่างแน่นอน เขาก็แค่...เลื่อนเวลาเข้าหอให้เร็วขึ้นกว่าที่ตั้งใจเท่านั้นเอง

อีกอย่างเธอเป็นคนต้องการแบบนี้ ไม่ใช่ความผิดของเขาสักนิด ไม่ใช่เลย...



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 มี.ค. 2556, 00:01:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 มี.ค. 2556, 00:01:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 1824





<< ตอนที่ ๑๑   ตอนที่ ๑๓ >>
สิริณ 18 มี.ค. 2556, 00:03:38 น.
ถึงคุณพี่เผ่าจะน่าจับตบสักแค่ไหน
แต่ขอความเห็นใจคนอ่าน
อย่าเพิ่งเกลียดพี่เผ่าเลยน้า
เดี๋ยวดราม่าหนักๆมาอีกระลอก
แล้วจะหวานแล้วค่า สัญญา


invisible 18 มี.ค. 2556, 07:04:56 น.
เริ่มใกล้จะรู้สาเหตุของเรื่องแล้วสินะ ^^


หมูอ้วน 18 มี.ค. 2556, 09:06:48 น.
จอมขวัญแน่ ๆ เลย ที่เป็นสาเหตุ


Auuuu 18 มี.ค. 2556, 11:55:05 น.
เนื้อเรื่องเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆละ ใกล้รู้สาเหตุละ


supayalak 18 มี.ค. 2556, 13:39:27 น.
อ่านไปอ่านมา ชักกลัวพี่เผ่าขึ้นทุกที ถ้าทำทุกอย่างเพราะรักและอยากคืนดีก็แล้วไป แต่หากไม่ละก็.... ไม่อยากคิดเลยอ่ะ


พันธุ์แตงกวา 18 มี.ค. 2556, 17:06:45 น.
น่าตบจริงๆด้วย ฮึ่ม!


goldensun 18 มี.ค. 2556, 17:32:19 น.
เพชรแสดงเหตุผลอย่างชัดเจนแล้ว เหลือแค่กรณีจอมขวัญที่ยังไม่เคลียร์กับพี่เผ่าว่าทำไมเชื่ออย่างนั้น
แต่พี่เผ่าก็ยังคิดแก้แค้นเพชรอยู่ ทำไมกัน ทำไมไม่หาว่าทำไมเพชรเข้าใจผิดเรื่องจอมขวัญล่ะ


nunoi 19 มี.ค. 2556, 09:45:04 น.
สงสารเพชรจัง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account