นางบำเรอตีทะเบียน By อัญจรี น้ำจันทร์
คำโปรยหน้า

บุพเพฤาชะตา ที่นำพามาพบเจอ

หน้าที่เมียบำเรอ เขาให้เธอจำขึ้นใจ

ฉากหน้าแสนโสภา ภรรยานิตินัย

ฉากหลังนั่งร้องไห้...นางบำเรอตีทะเบียน



คำโปรยหลัง

เมื่อความรักที่มีไม่ได้รับความเห็นชอบจากมารดาที่รัก

วาโย จึงต้องหาใครสักคนมาแก้แค้นผู้เป็นมารดาให้สมกับที่ท่านกีดกันเขาและสาวคนรักออกจากกัน

ละอองดาว คือผู้หญิงที่เหมาะสมที่สุดในเวลานั้น เพราะหล่อนไม่ใช่ไฮโซ ไม่ใช่ลูกผู้ลาภมากดี

หล่อนเป็นเพียงแค่ โสเภณี ที่เขาบังเอิญถูกชะตา

วาโยไม่รอช้าจดทะเบียนตีตรากับหล่อนเพื่อประชดมารดาในทันที

โดยหารู้ไม่ว่าแม่โสเภณีที่เขาซื้อมาหล่อนยังไร้ ราคี!



สามปีให้หลังเมื่อสัญญานางบำเรอสิ้นสุดลง ละอองดาวดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธะสัญญาที่ไร้รัก

แต่ทว่าสามีผู้หลงใหลในเรือนร่างคุณภรรยา กลับไม่ยอมหย่าให้!



เวลาต่อมา

เมื่อสตรีที่วาโยรักนักรักหนากำลังจะดับดิ้นสิ้นลมหายใจ เขาจึงอยากจะได้ใบหย่าไปให้สาวเจ้าชื่นชม

แต่ทว่า ตอนที่เธออยากหย่าเขาไม่ยอมหย่าให้ ตอนนี้ก็อย่าหวังเลยว่าเขาจะได้มันไป เช่นกัน!

ความเจ็บปวดใดๆ ที่สามีเคยทำไว้กับภรรยา นาทีนี้ก็เตรียมตัวรับความเจ็บปวดเช่นนั้นกลับไป สองเท่าตัว!




ชื่อเดิม โสเภณีตีทะเบียน -> คมทันฑ์สิเน่หา -> มาจบที่ นางบำเรอตีทะเบียน ค่า
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ห้ามมิให้ผู้ใดทำซ้ำหรือดัดแปลงแก้ไข ใครอุบอิบเอาของเขาขอให้แฟนทิ้งแฟนมีหญิงใหม่ สาธุ ^/\^

เตรียมใจตั้งแต่เนิ่นๆ นิยายอัพถึงบทที่ 15 นะคะ อาจจะแถมให้ถึง 16 ถ้าคนอ่านช่วยกระหน่ำไลค์ แต่เรื่องอัพจบคงไม่อัพจบค่าเพราะนิยายเรื่องนี้อัพมาหลายรอบแล้ว แต่ก็ขอบคุณนะคะที่ยังให้กำลังใจกันด้วยดี ป,ล ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยจร้า นักเขียนตัวน้อยยังด้อยประสพการณ์ ^/\^
Tags: ตีพิมพ์สำนักพิมพ์ธราธร

ตอน: บทที่ 10 กวางน้อยน่ารักนายยักษ์เลยจับกิน 60% น่ารักมากกกกก ^__________^

นางบำเรอตีทะเบียน
ถนนภายในซอยที่ไม่ได้กว้างมากมายนัก สิมันตราเดินทอดน่องไปเรื่อยราวกับว่ามันคือทุ่งหญ้าสีเขียวขจีที่น่าภิรมย์ยิ่ง หล่อนมิได้ยินเสียงแตรรถที่บีบไล่หลังมาแม้แต่น้อย และกว่าจะรู้ตัวทั่วทั้งร่างก็ทรุดลงไปกองบนริมฟุตบาท เสียงแตรรถอีกคันที่วิ่งตามหลังมามิได้ทำให้รถฟอร์จูนเนอร์สีนิลคันดังกล่าวลังเลแม้แต่น้อย เจ้าของรถมิได้หยุดรถแล้วลงมาดูอาการคนเจ็บซึ่งเขาเป็นผู้ขับรถเฉี่ยวชนแต่อย่างใด
สิมันตราไม่ได้รู้สึกเจ็บเพราะตอนนี้อาการเจ็บระบมที่ใจมันกลืนกินความเจ็บปวดทุกอย่างในร่างเธอจนสิ้นแล้ว
กุมภัณฑ์ก้าวอาดๆ มายังร่างที่นั่งแหมะอยู่ริมทางเท้า ดีที่เขาไม่เห็นร่องรอยโลหิตบนพื้นถนนหรือส่วนหนึ่งส่วนใดบนร่างเจ้าหล่อน มิเช่นนั้นแล้วละก็เขาสาบานว่าจะตามเจ้าของรถคันนั้นมารับผิดชอบความผิดที่มันได้ก่อให้สาสมทีเดียว
“กวาง! เธอเป็นอะไรหรือเปล่า กวาง?”
สิมันตราเงยหน้าชุ่มน้ำตาขึ้นมองคนที่กำลังเรียกชื่อเธอ ใบหน้าหล่อเหลามีแวววิตกปกคลุมจนเธอละอาย คิ้วเข้มขมวดมุ่นราวกับผูกด้วยเงื่อนร้อยปมแน่นหนา ริมฝีปากยามเอื้อนเอ่ยชื่อเธอก็สั่นน้อยๆ อย่างคนที่กำลังต่อสู้กับความกังวลที่ไม่อาจตวงวัดได้ด้วยเครื่องมือใดๆ และสุดท้ายสองฝ่ามือที่ลูบไล้เนื้อตัวเธออยู่อย่างอ่อนโยนและห่วงใยทำให้เธอต้องดึงตัวเองออกจากอาการที่เป็น
“กวาง...เอ่อ...ฉะ...ฉัน ฉันไม่เป็นไร รถคันนั้นไม่ได้เฉี่ยวฉันหรอก ฉันตกใจเลยเดินหลบเข้าข้างทางแต่ไม่ทันระวังก็เลยหกล้มเท่านั้นเอง”
หญิงสาวแก้ต่างให้นายจ้างผู้หล่อเหลาเข้าใจ เขาจะเชื่อหรือไม่หนอว่าเธอเอ่ยความจริง
“แน่ใจนะ ฉันว่าเธอหน้าซีด” เขาไม่ได้กล่าวเกินจริงแม้แต่น้อย ตอนนี้ใบหน้าหล่อนซีดเซียวจนน่าเป็นห่วง
กุมภัณฑ์พยุงร่างน้อยให้ลุกยืน เขาล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทก่อนจะใช้มันปัดเศษฝุ่นเศษดินที่อยู่ตามเรียวขาและชายกระโปรงให้กวางน้อย
สัมผัสแผ่วเบาแต่เร้าความรู้สึกได้ลึกสุดแก่นแท้ของจิตใจ ทั้งที่เธอพยายามหลีกหนีแต่พ่อยักษ์ใหญ่กุมภัณฑ์ตนนี้ก็ยังตามมาห่วงใย เธอไม่อยากจดจำที่คุณป้าที่รักพร่ำสอนเลย มันทำให้เธอเจ็บปวดราวลูกหลานอกตัญญูที่บังอาจขัดความประสงค์ของท่าน ความจริงที่สุดในตอนนี้คือเธอกับภุมภัณฑ์อยู่กันคนละชนชั้นไม่สมควรให้เขามาใส่ใจ
“พอ...พอแล้วคุณยักษ์” หญิงสาวพยายามปัดมือเขาออกจากร่างตน กุมภัณฑ์จะรู้ตัวหรือไม่ว่าเขากำลังคุกเข่าบนพื้นข้างถนนเพื่อปัดเศษฝุ่นเศษดินออกจากกระโปรงให้กับลูกหลานคนใช้ในบ้าน เขาคงลืมคิดกระมัง
“คุณยักษ์! พอแล้ว!”
สิมันตราโพล่งออกไปแล้วหยดน้ำตาก็รินไหลหยดเผาะ กรงเล็บของความเจ็บช้ำปนทรมานกำลังกัดเซาะหัวใจบางๆ จนเว้าแหว่งไม่เหลือหลอ แล้ววินาทีที่เขาเงยหน้าขึ้นมานั้นสองแขนแกร่งก็โอบรัดรอบเอวบางเธอไว้ก่อนที่ใบหน้าคมคายจะแนบฝังกับหน้าท้องของเธอ กุมภัณฑ์จะรู้บ้างไหมว่าเขากระทำสิ่งใดอยู่ เธออยากบอกให้เขารู้ว่ามันไม่สมควร
“คะ...คุณ คุณยักษ์คะ นี่มันข้างถนนนะคะ รีบลุกขึ้นเถอะค่ะเดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” สิมันตราอยากบอกเหลือเกินว่าใครที่ว่านั้นอาจจะเป็นนักข่าว พวกเขาคงยิ้มแก้มปริทีเดียวหากได้ภาพของกุมภัณฑ์กับเธอในตอนนี้
“ช่างหัวมันสิกวาง เธอไม่รู้หรอกว่าฉันรู้สึกยังไง หัวใจฉันจะวายให้ได้ตอนที่เห็นเธอล้มลง เธอไม่รู้หรอกว่าฉันรู้สึกยังไงบ้าง มันอธิบายไม่ถูกมันพูดไม่ออกเลยกวาง ฉัน...ฉัน...”
กุมภัณฑ์พร่ำพรรณนาถึงความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายให้ได้ หัวใจแข็งแกร่งมันหลุดออกจากขั้วเมื่อเห็นร่างกวางน้อยล้มลงไปข้างทาง ตอนนั้นเขาเชื่ออย่างสนิทใจว่าหล่อนต้องถูกรถคันนั้นชนเอาแน่ๆ ถ้าหล่อนเป็นอะไรไปมากกว่าฟกช้ำดำเขียวล่ะก็เขาสาบานว่าจะตามไปจองล้างจองผลาญเจ้าของรถจนไร้ลมหายใจเลยทีเดียว
“คุณยักษ์ใจเย็นๆ สิคะ ลุกขึ้นก่อนนะ เออ...กวางว่าคุณจอดรถเกะกะชาวบ้านนะคะ”
สิมันตราพยายามควบคุมน้ำเสียงมิให้สั่นพร่า ความวิตกกังวลของบุรุษที่เธอต้องการหนีให้ห่างกำลังตามติดหัวใจเธอประดุจเงาตามตัว เธอจะทำเช่นไรดีจึงจะหลีกหนีความห่วงใยที่ปะปนมากับความวิตกนั้นได้ เธออยากรับไว้แต่ก็ยังไม่กล้าพอ หัวใจเธอบอบบางเกินกว่าจะเผชิญความบอบช้ำในอนาคต มิใช่เพราะเกรงกลัวหัวใจที่ไม่มั่นคงของเขาเพราะสิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้น คือเธอ...ไม่คู่ควร!
กุมภัณฑ์ลุกขึ้นอย่างเคอะเขิน สติสัมปชัญญะของชายหนุ่มกลับมาเกือบครบ และพอพิจารณาถ้วนถี่แล้วมิได้เห็นร่องรอยความเจ็บปวดทางร่างกายของกวางน้อย สมองของพ่อยักษ์จึงหวนคิดไปถึงสาเหตุที่ทำให้เขาต้องบึ่งรถออกจากบ้านมาด้วยความรวดเร็ว
“มานี่เลยแม่ตัวดี”
เขาสั่งเสียงกร้าวไม่เหลือมาดพ่อยักษ์ผู้อ่อนโยนเมื่อครู่เลยสักกระผีก น่าแปลกที่ท่าทีเช่นนี้ของเขากลับทำให้สิมันตราสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเขาร้ายกับเธอเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ร้ายกับเธอให้มากๆ พรากความทรงจำอันอ่อนหวานระหว่างเธอกับเขาไปด้วยเลยยิ่งดี
กุมภัณฑ์ฉุดกระชากกวางน้อยไปขึ้นรถแล้วห้อรถเพียงไม่กี่สิบนาทีก็ถึงบริษัทจตุรศิลป์ พนักงานในออฟฟิศซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชายหันมามองร่างน้อยที่ถูกลากจูงด้วยมือหนาของบอสด้วยความงุนงง นานแล้วที่พวกเขามิได้เห็นบอสที่รักออกอาการหวงห่วงใครจนถึงขนาดต้องฉุดกระชากลากถูอย่างนี้
“สงสัยงานนี้น้องกวางจะถูกยักษ์กินแหงๆ”
หนึ่งในพนักงานของจตุรศิลป์แสดงทัศนะ แน่นอนว่าบรรดาเพื่อนพ้องไม่มีใครกล้าปฏิเสธความคิดนี้แม้แต่คนเดียว ได้แต่พยักหน้าเออออไปตามๆ กัน ก่อนจะแยกย้ายไปทำงานส่วนที่ได้รับมอบหมาย

ภายในห้องทำงานของกุมภัณฑ์
สิมันตราใช้ปลายนิ้วนวดคลึงข้อมือตัวเองเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด เธออยากใช้มือช่วยนวดแต่ว่าแผลพุพองบนฝ่ามือยังไม่หายดีมากพอที่สำคัญข้อมือเล็กยังถูกเจ้านายพันธนาการไว้แน่นหนา และพอเข้ามาถึงด้านในเขาก็เหวี่ยงร่างเธอลงบนโซฟาบุนวมส่วนตัวเองก็หันหลังให้ สองมือเท้าสะเอวหันหน้าออกสู่สวนสวยนอกบานกระจก ไหล่ลาดสะท้อนขึ้นลงถี่ๆ นั้นเธอเดาว่าเขากำลังพยายามควบคุมลมหายใจให้เป็นปรกติเพื่อระงับอารมณ์โกรธหรือขุ่นเคืองด้วยเรื่องบางอย่างอยู่แน่ๆ
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร!?” เขาหันมาถาม เดินตรงมานั่งข้างๆ แม่กวางน้อย วันนี้หล่อนดูอิดโรยชอบกล แต่ใครสนกันล่ะ เขาจะไม่แยแสหล่อนจนกว่าจะได้รับคำตอบที่เขาพอใจ
“คะ?...ใคร? คือใคร?” หญิงสาวไม่ได้ตั้งใจจะทำหน้างงเข้าใส่คนถามแต่มันเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ ถ้าใครตกอยู่ในสถานการณ์นี้ก็ย่อมมีปฏิกิริยาเช่นเดียวกับเธอแน่ๆ ก็เขาช่างถามคำถามได้ชัดเจนเสียนี่กระไร
“ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อ! ไอ้บ้านั่นมันเป็นใครทำไมฉันไม่รู้จัก แล้วทำไมมันต้องโทรมานัดแนะอะไรเธอด้วย บอกมา”
สิมันตราจ้องหน้าเขาอย่างค้นคว้า ประกายตาสีเพลิงร้อนแรงไม่อาจซุกซ่อนเมื่อเอ่ยถามถึงบุคคลนิรนาม เธอไม่รู้ว่าเขากำลังเอ่ยถึงใคร บางทีเขาอาจเข้าใจอะไรผิด
“ฉันเปล่านัดแนะใครที่ไหน แล้ววันนี้ทั้งวันฉันยังไม่ได้รับโทรศัพท์สักสายเดียว”
เธอยืนยันด้วยการล้วงเอาโทรศัพท์มือถือของตนออกมาวางบนโต๊ะด้วยสองมือกึ่งพิการของตัวเอง กุมภัณฑ์หยิบมากดเช็คดูก็พบว่าเป็นจริงตามที่หล่อนเอ่ยอ้าง แต่เขายังไม่มั่นใจเพราะของอย่างนี้มันเมคขึ้นมาได้
“ฉันไม่เชื่อ ป้าเจรียงบอกว่ามีคนโทรหาเธอ เธอเลยรีบออกมาโดยไม่รอฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” เขาสั่งเสียงห้วน ใบหน้าดุดันบูดบึ้งอย่างที่สุด สิมันตราใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เธอคงไม่ถูกพ่อยักษ์จับแทะเหลือแต่กระดูกหรอกนะ ผู้ชายบ้าอะไรอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ อย่างกับสตรีวัยทอง
“ป้าเจรียงคงเข้าใจผิดกระมังคะ ฉันไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย แต่ถ้าคุณปักใจเชื่ออย่างนั้นต่อให้ฉันอธิบายไปคุณก็ไม่เชื่ออยู่ดี ก็แล้วแต่คุณจะคิดก็แล้วกันนะคะ”
เสียงหวานอธิบายเบาๆ ทำไมเธอไม่ปล่อยให้เขาเข้าใจว่าอย่างนั้นนะเขาจะได้เลิกยุ่งกับเธอเสียที หัวใจบางๆ ดวงนี้จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดรวดร้าวอีกต่อไป
“กวาง?...” ครางชื่อกวางน้อยอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าหล่อนกลัวแม้กระทั่งการอธิบายให้เขาเข้าใจ มันยากเย็นนักหรือกับการเผยความจริงให้รู้
“คุณยักษ์คะ เลิกทำเป็นเจ้าของกวางเสียที เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันมากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง เลิกเป็นห่วงเป็นใย เลิกตอแย เลิกรังแก แล้วก็เลิกลวนลามกวางด้วย ไม่อย่างนั้น...”
“ไม่อย่างนั้นอะไรฮะ!? ไม่อย่างนั้นเธอจะบอกแม่ฉันหรือไง?”
กุมภัณฑ์โต้กลับอย่างเดือดดาล กรงเล็บแห่งความปวดร้าวขยุ้มเอาหัวใจแข็งแกร่งหลุดออกจากอกครั้งแล้วครั้งเล่า มันจะตายหรืออย่างไรสิมันตราหากจะแสดงให้เห็นว่าแคร์ความรู้สึกเขาสักนิด หรือว่าเรื่องที่ผ่านมาเขาคิดไปเองฝ่ายเดียว หล่อนไม่ได้หลงรักเขาหรอกหรือ
“ไม่! กวางจะไม่บอกใคร แต่กวางจะไปจากคุณ ถ้าวันใดที่คุณแตะต้องกวางอีก วันนั้นจะเป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้เห็นหน้ากัน!” สิมันตรายื่นคำขาดน้ำตาอาบสองแก้มซีดเซียว แล้วความอึดอัดประหนึ่งลอยอยู่ในลูกโป่งอัดแก๊สก็เบาบางลงไปมากโขเมื่อมีพนักงานของเขามาเคาะประตู ช่วยยุติการปะทะคารมไปโดยปริยาย เธอรีบเช็ดน้ำตาแล้วไปเปิดประตูให้เปิดอ้าออก
วิญ ผู้จัดการฝ่ายบัญชียืนอยู่ตรงหน้าสิมันตราพร้อมด้วยร่างผอมเพรียวอย่างนางแบบของ หม่อมหลวงตะวันฉาย เจ้าหล่อนดูดีทุกกระเบียดนิ้วเสมอเวลามาติดต่องานกับกุมภัณฑ์ ชายหนุ่มที่เจ้าหล่อนเอ่ยอ้างกับนักข่าวบันเทิงว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่น แต่ใครเล่าจะเชื่อ เธอเองยังไม่ค่อยจะเชื่อเลย
“เชิญค่ะ บอสรอคุณติ๋วอยู่” สิมันตราอ้างในเรื่องที่ไม่เป็นความจริง วันนี้กุมภัณฑ์ไม่ต้องรอใครทั้งนั้นเพราะเขาไม่มีนัดกับใครที่ไหน แต่เมื่อหม่อมหลวงตะวันฉายมาถึงที่เธอก็ไม่รอช้าใช้เจ้าหล่อนเป็นเครื่องมือเพื่อผลักพ่อยักษ์ออกไปไกลๆ ผลักออกจากหัวใจไปเลยยิ่งดี
“จริงหรือคะ ดีจริง ติ๋วว่าจะมาชวนยักษ์ไปทานข้าวเที่ยง ไปด้วยกันไหมคะ” ผู้มาใหม่กรีดกรายผ่านสิมันตราเข้าไปในห้อง เธอไม่ได้ยินเขาตอบว่าอะไรเพราะจงใจเดินออกมาแล้วปิดประตูให้เรียบร้อย เขาคงจะอร่อยกับมื้อเที่ยงตอนแปดโมงเช้ากระมัง
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ คุณกวางตาแดงๆ” วิญ หนุ่มใต้ผิวเข้มหน้าคมร่างสูงใหญ่เอ่ยถามกวางน้อยของบอสอย่างห่วงใย มันห้ามไม่ได้ในเมื่อหัวใจตกหลุมรักผู้หญิงของเจ้านายตั้งแต่แรกเห็น แต่จะแสดงออกมากก็ไม่ได้ เพราะเรื่องส่วนตัวอาจจะมีผลต่อเรื่องงานหากเขายังหน้าด้านกล้าจีบสาวน้อยคนนี้
“ไม่มีอะไรค่ะ กวางเจ็บมือเท่านั้นเอง” หญิงสาวบอกปัดแล้วรับแฟ้มที่ชายหนุ่มส่งให้ เขาเป็นหนึ่งในพนักงานหัวกะทิของจตุรศิลป์ และเป็นหนึ่งในหลายๆ คนที่เธอต้องติดต่อด้วย บางครั้งการทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกันก็เป็นเรื่องน่าปวดหัว แต่พอคิดถึงวันเวลาที่จะได้ออกไปจากที่นี่เธอก็รีบนับวันรอไม่ไหว อย่างแรกที่เธอต้องทำคือยื่นใบลาออกและเธอคิดว่าควรจะเริ่มร่างมันในคอมพิวเตอร์ได้แล้ว
“เออ...มือเป็นอะไรครับ ขอโทษที่ถามนะพี่แค่เป็นห่วง” บุรุษผู้มีใจใสสะอาดปวารณาตนเป็นพี่ชายของสาวน้อยโดยที่ไม่รอให้หล่อนอนุญาต สิมันตราใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อยที่เขามิได้เอ่ยเกี้ยวพาราสีดังที่เคยพบมา เพราะผู้ชายเก้าในสิบคนจะจีบเธอทันทีที่ได้เห็นหน้าทีเดียว
“อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ แต่เริ่มหายแล้ว ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะผู้จัดการ” เธอเรียกเขาอย่างเป็นงานเป็นการด้วยความเกรงใจ
“ถ้าขอบคุณจริงๆ ก็เรียกผู้จัดการว่าพี่สิครับ ผมอยากมีน้องสาวมานานแล้ว”
คำพูดตรงไปตรงมาทำเอาสิมันตราประหลาดใจเล็กน้อย แต่เธอก็พยักหน้ารับคำอย่างง่ายดายเพราะอยากมีใครสักคนไว้ปรับทุกข์เช่นกัน ทั้งสองยิ้มให้กันเล็กน้อยก่อนที่ฝ่ายชายจะกลับลงไปออฟฟิศด้านล่างเพื่อจัดการกับงานในส่วนของตน
อินเลิฟ http://www.inlove-book.com/n_novel_detail.php?ide=8481
สิรินดา http://home.love-stories.net/lovestories/room/Lilly Goodmanttp
ห้องสมุด ://www.hongsamut.com/readniyai.php?niyaiid=2797
เด็กดี http://writer.dek-d.com/valalee601/story/view.php?id=911052
ธันวลัยhttp://www.tunwalai.com/chapter/9194
ไลต์ออฟเลิฟhttp://www.lightoflovebooks.com/fiction.php?id=316



Lilly
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 มี.ค. 2556, 20:34:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 มี.ค. 2556, 20:34:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 16419





<< บทที่ 10 กวางน้อยน่ารักนายยักษ์เลยจับกิน 40%   บทที่ 10 กวางน้อยน่ารักนายยักษ์เลยจับกิน 80% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account