สนิมดอกรัก (ตีพิมพ์แล้ว - สนพ.อรุณ)
แพรวเพชร สิริณธรณ์ ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
เมื่อเผ่าภาคินที่เธอเข้าใจว่าเสียชีวิตไปแล้วเกือบสี่ปี
จู่ๆจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
แถมยังมาในมาดมหาเศรษฐีหนุ่มรูปหล่อ ร่ำรวย
และโหดเหี้ยมเหมือนในนิยายเป๊ะ!
.
.
.
.
“เชิญกรอกข้อมูลส่วนตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะแนะนำรายละเอียดและขอบเขตการให้บริการให้ฟัง อ้อ...ต้องให้ดิฉันแจ้งค่าใช้จ่ายให้ทราบคร่าวๆก่อนไหมคะ เพราะค่าบริการของเราไม่แพงก็จริง แต่สำหรับคนกำลังเก็บเงินแต่งงาน มันก็...เป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลย”

“ดูเหมือนว่าเงินจะเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตคุณเสมอเลยนะ คุณแพรวเพชร” เผ่าภาคินหยัน

“พูดอย่างกับว่ามันไม่สำคัญสำหรับคุณงั้นแหละ” หญิงสาวบิดริมฝีปากนิดๆอย่างดูถูก จากนั้นเดินไปยังโต๊ะที่วางชิดผนัง ดึงเอกสารแผ่นหนึ่งจากแท่นใสทรงกระบอกถือมากางตรงหน้าชายหนุ่ม พลางอธิบายด้วยท่าทีเหมือนทองไม่รู้ร้อน ไม่สนใจแม้จะเห็นว่าสายตาที่จ้องเธอแทบจะแผดเผาลุกเป็นไฟ

“นี่ค่ะ อัตราค่าสมัครแรกเข้าสำหรับลงทะเบียนเป็นสมาชิกของคิวปิดฯ ส่วนคอร์สที่คุณจะเข้าใช้บริการแยกคิดเป็นรายครั้ง เรามีรายการให้คุณเลือกเยอะค่ะ ทั้งดำน้ำ วาดรูป อบรมบุคลิกภาพ เที่ยวพิพิธภัณฑ์ ทำบุญไหว้พระ ทำขนม อ้อ...แต่สุดท้ายนี่ฉันไม่แนะนำนะคะ เพราะคุณคงไม่อยากให้ครูคนนั้นรู้ว่ามาสมัครเป็นลูกค้าที่นี่”

“แล้วมีคอร์สสับรางไม่ให้รถไฟชนกันบ้างไหม หรือไม่ก็พวก...วิธีซ่อนชู้ ซ่อนกิ๊กอะไรแบบนี้น่ะ ผมสนใจเป็นพิเศษ และถ้าให้แนะนำ ผมว่าคุณน่ะเหมาะจะเป็นวิทยากรมาก ใช้ประสบการณ์ตรงมาสอนก็ได้ คงมีคนอยากเรียนกันเยอะแยะ”

แพรวเพชรหัวเราะขัน “แปลกนะคะ คุณพูดเองแท้ๆว่าฉันไม่ได้มีเกียรติ มีเสน่ห์ หรือว่ามีค่าพอให้คุณเสียดมเสียดายอะไรแล้ว แต่ไอ้ที่คุณพูดๆมาเนี่ย เหมือนว่า...คุณจะจำเรื่องราวเกี่ยวกับตัวฉันได้แม่นยำจังเลย”

หญิงสาวดักคอและลอยหน้าเอ่ยประโยคต่อไปว่า “เอ...หรือว่าอันที่จริงแล้วคุณไม่ได้คิดอย่างที่พูด แต่กำลังเรียกร้องความสนใจจากฉัน หรือบางทีไอ้ที่บอกว่าจะแต่งงานกับคุณนวลนรีนั่นก็เป็นแค่การโกหก แกล้งทำเป็นโชว์ออฟ เพียงเพราะอยากให้ฉันรู้สึกรู้สาไปด้วยเท่านั้นเอง ประชด...อะไรทำนองนั้นน่ะเหรอคะ”

ปฏิกิริยาที่ไม่ได้คาดไว้ล่วงหน้าทำให้เผ่าภาคินค้นหาคำตอบโต้ไม่พบแม้แต่คำเดียว

แพรวเพชรแต้มยิ้มทำสีหน้าสมเพช จากนั้นก้าวเข้ามาใกล้ เอื้อมมือแตะแก้มอีกฝ่ายแผ่วเบาหยอกเย้า “โถ...น่ารักจริง แต่ขอโทษด้วยที่ต้องทำให้ผิดหวัง ฉันแต่งงานแล้ว และก็ไม่เคยคิดนอกใจสามี เพราะเขาเป็นคนดีมาก ยิ่งเขาดีเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งนึกเสียดายที่เคยไปเกลือกกลั้วกับของสกปรกมาก่อน โชคดีที่เขาไม่ถือสาอดีตของฉัน ไม่เช่นนั้นฉันคงไม่ได้เป็นผู้หญิงโชคดีอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้”

ประโยคสุดท้ายทิ่มแทงหัวใจคนฟังจนแทบทนไม่ไหว และเพียงเสี้ยววินาทีที่เผ่าภาคินปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือความควบคุม อุ้งมือแข็งแรงก็ตวัดคว้าต้นแขนหญิงสาวพร้อมทั้งบีบรุนแรง กระแสบางอย่างที่แล่นปราดผ่านปลายนิ้วทำให้ชายหนุ่มเกือบจะปล่อยมือ แต่เขาก็ฝืนกำมือแน่น เค้นเสียงลอดไรฟันเอ่ยคำถัดมา

“ใช่ ฉันมันเลว ชั่ว แต่ก็สมกันดีแล้วไม่ใช่เหรอ ผู้ชายสกปรกกับผู้หญิงที่น่าขยะแขยงน่ะ แพรวเพชรคนอ่อนโยนไร้เดียงสาที่ฉันเคยรู้จัก มาวันนี้กลับกลายเป็นผู้หญิงกร้านโลก หลายใจ น่ารังเกียจไปแล้ว ทุเรศที่สุด”

“ในเมื่อพี่เผ่าคนที่ฉันเคยรู้จักตายไปแล้ว แพรวเพชรคนที่คุณเคยรู้จักก็สมควรจะตายไปได้แล้วเหมือนกัน ถือว่าเราเสมอกันไงคะ” หญิงสาวยิ้มกว้างอย่างสะใจ

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต

หากฝ่าฝืน สิริณ จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น

ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ ๑๔

เผ่าภาคินจอดรถข้างเลกซัสสีขาวหน้ามินิมาร์ทของสถานีน้ำมัน แล้วลงมามองหาเจ้าของรถด้วยความร้อนใจ ผู้คนตรงหน้ามากมาย แต่กลับไร้ความหมาย เพียงเพราะไม่มีคนที่เขากำลังตามหาอยู่ในจำนวนนั้น

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขารีบกดรับทันที “คุณแพรวเพชรอยู่ที่ร้านกาแฟข้างมินิมาร์ทครับ นั่งอยู่โต๊ะด้านในสุด ตรงซุ้มต้นไม้นอกร้าน”

เผ่าภาคินก้าวไปยังทิศทางเดียวกับที่ได้รับรายงาน เพียงเห็นคนที่ตั้งใจมาตามหา ชายหนุ่มก็กดตัดสาย หย่อนโทรศัพท์ใส่กระเป๋า ย่างสามขุมเข้าไปยังซุ้มไม้ที่มีเถาพรรณพฤกษ์เลื้อยพันหลังคาเบื้องบน ตรงมุมด้านในสุดซึ่งเป็นชุดโต๊ะหวายทรงสี่เหลี่ยมกับเก้าอี้หวายบุนวมลายดอกไม้วางชิดผนัง บนเบาะนั้นเอง หญิงสาวคนหนึ่งนั่งพิงผนัง เอนศีรษะมองไปทางกระถางดอกไม้ที่อยู่ด้านในของร้านอย่างเหม่อลอย

สีหน้าถมึงทึงของชายหนุ่มแปรไปเป็นอ่อนโยนทีละนิดขณะก้าวเข้ามายืนคุกคามค้ำศีรษะอีกฝ่าย มือทั้งคู่เท้าเอวด้วยความไม่พอใจ แม้จะราความหงุดหงิดไปบ้างแล้วก็ยังอดโกรธไม่ได้ มานั่งอยู่คนเดียว ช่างไม่ระวังตัว ไม่กลัวอันตรายเลย เกิดมีพวกคนชั่วคิดไม่ดีมาเห็นเข้า มันเอายาโปะหรือฉุดขึ้นรถไป ใครจะช่วยได้ทัน

“เด็กบ้า! นี่คิดว่ากำลังทำอะไรอยู่หา! รู้หรือเปล่าว่าผลุนผลันออกมาแบบนี้ คนอื่นเขาจะเป็นห่วงแค่ไหน” เผ่าภาคินตะคอกหน้าบูด

ใบหน้าที่หันกลับมาทางเขาเปื้อนด้วยรอยน้ำตา ทั้งดวงตาและจมูกแดงก่ำ บอกให้รู้ว่าเจ้าตัวคงร้องไห้ไม่หยุดตลอดเวลาที่ผ่านมา

“เพชร...” เสียงห้าวครางด้วยความลืมตัว เพียงเสี้ยววินาทีที่เขาลดเกราะแห่งความเกลียดชังลง ความสงสารก็พุ่งเข้ามาเกาะกุมหัวใจแทน เขาจำความโกรธเกลียดไม่ได้แม้องคุลี ทุกความรู้สึกปลิววับจากใจ ชายหนุ่มแทบจะผวาเข้าไปประคองกอดเธอไว้ คว้าศีรษะเล็กๆนั้นให้ซุกซบที่หัวไหล่ ให้เธอร้องไห้อยู่กับบ่าของเขาเสียเดี๋ยวนั้น ทว่า...

“ฉันเกลียดคุณ!” ไม่ใช่แค่คำพูดที่แพรวเพชรกรีดร้องเท่านั้น เธอยังลุกจากที่นั่ง กระโดดผลุงเดียวโจนเข้าถึงตัวเขาอีกด้วย มือทั้งสองข้างมิได้ระดมทุบใส่เขาดังคาด แต่ชก!

ใช่! แพรวเพชรชกเขาอย่างจริงจังและรุนแรง ระบายทุกความโกรธผ่านกำปั้นน้อยๆโดยไม่ออมมือสักนิด

ทั้งคำพูดและการกระทำของเธอแทบจะเหมือนกับเหตุการณ์ในวันนั้นเป๊ะ! ต่างกันเพียงไม่มีนราธิปร่วมอยู่ด้วยในฉากสั้นๆนี้ แต่แค่นั้นก็ทำให้ความโกรธของเขาลดน้อยลงได้อย่างเหลือเชื่อแล้ว

หะแรกชายหนุ่มไม่ได้เตรียมใจไว้รับมือกับปฏิกริยารุนแรง คิดว่าอย่างมากแพรวเพชรก็คงแค่ร้องไห้กระอืดๆคร่ำครวญไปตามเรื่องเท่านั้น เมื่อตั้งสติได้เขาจึงยึดข้อมือทั้งสองข้างของเธอไว้ พร้อมกับดึงเรือนร่างสูงโปร่งเข้ามากอดไว้แนบแน่นแทน กดทุกความชอบธรรมหรือคำสั่งของสมองลงในซอกลึกที่สุดของหัวใจ ปัดทุกความแค้นหรือความถูกต้องใดๆออกไปจากใจทั้งหมด

วินาทีนั้นเผ่าภาคินรู้แค่ว่า...เขาไม่อยากปล่อยมือจากผู้หญิงคนนี้!

“รู้ไหม...ถ้าเพชรเป็นอะไรไป พี่จะไม่ให้อภัยตัวเองเลย โกรธพี่ใช่ไหมที่ส่งวิดีโอนั่นไปให้”

“ปล่อยฉัน ฉันเกลียดคุณ” แพรวเพชรดิ้นอีกคำรบ ทั้งยังโวยวายเสียงดังอีกด้วย

ชายหนุ่มจำต้องปล่อยมือยอมให้เธอเป็นอิสระด้วยความเสียดาย เพราะพนักงานในร้านกาแฟวิ่งหน้าตาตื่นออกมาถาม “มีอะไรหรือเปล่าคะพี่”

เผ่าภาคินหันไปทางแพรวเพชร หยั่งปฏิกิริยาอีกฝ่ายด้วยการโยนให้เธอตอบ

“ไม่...ไม่มีอะไรค่ะ ขอบคุณที่ถาม”

ชายหนุ่มคอยจนพนักงานกลับเข้าไปในร้านแล้ว จึงเอื้อมไปจับมือแพรวเพชร แต่เธอก็สะบัดออกทันที กระนั้นเขากลับมีรอยยิ้มแต้มบนใบหน้า บอกชัดว่าเอ็นดูคนกำลังงอน “ขอบใจที่ไม่บอกเด็กนั่นไปว่าพี่ลวนลามเพชร”

“ไม่รับ!”

“งั้นกองไว้ตรงนี้ละกัน” เผ่าภาคินหัวเราะหึๆ “รู้ไหม ถ้าเพชรพูดแบบนั้น พี่ก็จะแก้ตัวเหมือนในหนังนั่นละ ว่าเราเป็นแฟนกัน แค่กำลังทะเลาะกันนิดหน่อยเท่านั้นเอง”

“ที่ฉันบอกเด็กนั่นไปอย่างนั้น เพราะฉันรู้ว่าคุณต้องอ้างอะไรน้ำเน่าๆอย่างนี้ไงล่ะ ฉันไม่อยากถูกใครเข้าใจผิด ไม่ต้องการถูกนำไปเกี่ยวข้องกับคุณไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น”

“เพชรเกลียดพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ใช่” ทั้งที่บอกตัวเองว่าจะไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้คิดอ่านกับเขาแล้ว แต่การที่เธอตอบทันทีโดยไม่หยุดคิดก็ทำให้ชายหนุ่มปวดหนึบๆในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก

“เพชรกล้าพิสูจน์ไหมล่ะว่ารู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ” เขาท้าทาย

“ฉันไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรกับใครทั้งนั้น”

“ที่ไม่กล้าพิสูจน์ เป็นเพราะเพชรกำลังหลอกตัวเองอยู่ต่างหาก เพชรกลัวจะต้องยอมรับความจริงว่ายังรักพี่ ไม่ได้เกลียดพี่อย่างที่พูดแม้แต่นิดเดียว”

“ไม่จริง ฉันเกลียดคุณ เกลียดมากที่สุดเท่าที่จะเกลียดใครสักคนหนึ่งได้เลยด้วย”

ดวงตาเผ่าภาคินวาวโรจน์ราวสุมด้วยกองเพลิง คำว่าเกลียดที่อีกฝ่ายตอกย้ำซ้ำๆใส่หน้าทำให้เขาเริ่มโกรธเกรี้ยวจนชักจะทนฟังไม่ได้ อุ้งมือหนาคว้าข้อมือหญิงสาวหมับ แล้วลากเธอตรงดิ่งไปที่รถขับเคลื่อนสี่ล้อสีดำคันโต

แพรวเพชรสะดุ้ง พยายามขืนข้อมือออก ปรามเสียงสั่น “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”

“จะเป็นการฉลาดกว่านะ ถ้าเพชรจะไม่ทำให้พี่โมโห” น้ำเสียงกร้าวมาพร้อมกับใบหน้าดุดันอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

แพรวเพชรตัวแข็ง หยุดดิ้นด้วยความตกใจ ชายหนุ่มจึงกดสวิตช์ปลดล็อก เปิดประตู แล้วถือโอกาสนั้นจับหญิงสาวยัดเข้าไปในรถทันที เพียงเธอทำท่าดื้อดึงจะออกจากรถ เขาก็ชี้หน้า “อย่าแม้แต่จะคิดเชียวนะเพชร พี่ไม่ใช่คนมีชื่อเสียง ไม่มีอะไรจะเสีย และพี่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ เพชรอยากเสี่ยงลองดีกับพี่ก็เอา!”

แพรวเพชรตวัดตามองเขา ดวงตาคู่นั้นวาววับด้วยความถือดี ใบหน้าเชิดนิดๆเหมือนเด็กสาวอวดดีจอมท้าทาย ผิดกับภาพอ่อนหวานคุ้นตา ทำให้อารมณ์ซึ่งปะทุขึ้นของชายหนุ่มราความร้อนแรงลงอย่างน่าประหลาด

มุมปากด้านหนึ่งยกขึ้นนิดๆขณะแบมือมาตรงหน้าหญิงสาว “ขอกุญแจรถของเพชรด้วย พี่จะให้คนของพี่ขับไปส่งที่บ้านให้”

“ไม่ต้อง! ฉันให้คนขับรถของสามีฉันมาเอากลับไปเองได้”

“ตามใจ งั้น...โทร.เรียกเขาเดี๋ยวนี้เลยสิ” เผ่าภาคินซึ่งยืนค้ำอยู่ตรงช่องว่างระหว่างประตู เท้าข้อศอกกับตัวรถ ก้มหน้าลงมองคนที่นั่งอยู่ภายในอย่างล้อเลียน “ยืมโทรศัพท์พี่ไหม ใครต่อใครจะได้รู้กันหมดว่าเพชรอยู่กับพี่”

“คุณ!”

มือที่ยังแบอยู่กระดิกนิดๆ “อย่าดื้อน่า ส่งกุญแจมาเถอะ คนของพี่จะขับไปส่งที่คฤหาสน์หลังโตนั่น จอดเรียบร้อยแล้วจะเดินออกมาโดยไม่พูดอะไรสักคำ ตกลงไหม”

เห็นท่าทางที่เธอกลอกตาชั่งใจ เขาก็รู้แล้วว่าตัวเองชนะในเกมนี้ แพรวเพชรล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบกุญแจออกมาหย่อนใส่มือเขา โดยระวังไม่ให้แตะโดนกันแม้แต่น้อย

คนมองอมยิ้ม เผลอเอ็นดูอาการเอาชนะกันเล็กๆน้อยๆของหญิงสาวอย่างบอกไม่ถูก เขากำกุญแจไว้ในมือ แล้วถอยหลัง งับประตูรถเข้าด้วยกัน จากนั้นหยิบโทรศัพท์กดเรียกไปยังเลขหมายสุดท้าย ออกคำสั่งแค่ครู่เดียว ชายชุดดำที่จอดรถจักรยานยนต์อยู่ใต้ร่มไม้ไกลตาก็เดินตรงมาหา

เผ่าภาคินโยนกุญแจรถส่งให้ผู้มาใหม่ สั่งการเรียบร้อยแล้วค่อยอ้อมหน้าหม้อรถจะไปยังฝั่งคนขับ

เพียงแพรวเพชรเห็นเขาห่างจากประตูรถฟากเธอ หญิงสาวก็เปิดประตูวิ่งลงจากรถทันที คนข้างหลังขายาวกว่า แค่ก้าวยาวๆแค่ไม่กี่ก้าวก็ตามมาคว้าข้อศอกเธอไว้ทั้งยังบีบแน่น

“ถ้าเพชรหนีอีก พี่ไม่รับประกันความปลอดภัยนะ” ชายหนุ่มขู่เสียงเข้ม สีหน้าบอกความโมโหโทโสขณะลากเธอกลับมาที่รถ คราวนี้จับเธอยัดเข้าไปทางที่นั่งคนขับ แล้วเบียดตัวเองตามเข้ามาติดๆ แพรวเพชรรีบปีนไปยังเก้าอี้ข้างๆ เพราะไม่อยากเสียเปรียบไปมากกว่านี้

ชายหนุ่มติดเครื่องเรียบร้อย ขณะกำลังจะเคลื่อนรถ สายตาก็เหลือบไปเห็นว่าแพรวเพชรนั่งนิ่งเป็นสิงโตหิน ไม่ยอมคาดเข็มขัดนิรภัย จึงสั่งลอยๆ “คาดเข็มขัดด้วย”

ราวกับเดาความคิดของคนเจ้าเล่ห์ได้ เพราะแม้แพรวเพชรจะตวัดค้อนและเม้มปากแน่น ทว่าเธอก็ยอมหันไปดึงสายเข็มขัดมาคาด กดสลักลงช่องแต่โดยดี

จอมเผด็จการแอบผิดหวังเล็กน้อย เขาอุตส่าห์นึกว่าแพรวเพชรจะแผลงฤทธิ์เต็มที่ด้วยการไม่ยอมทำตามที่สั่งเสียอีก ซึ่งเขาหมายมาดไว้เต็มที่เลยว่าจะถือโอกาสนั้นเป็นคนจัดการคาดเข็มขัดให้เธอเอง แล้วก็อาจจะทวงรางวัลเล็กๆน้อยๆเป็นแก้มหอมๆนุ่มๆที่คิดถึงนั่นก็เป็นได้

รถเคลื่อนออกจากที่อย่างเชื่องช้า ก่อนความเร็วจะเพิ่มขึ้นทีละนิด

เผ่าภาคินเหลือบมองผู้หญิงที่เคยรักแล้วนึกสมเพชตัวเอง ทั้งที่เธอทำกับเขาขนาดนั้น แต่เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงความรักที่ซ่อนอยู่ในใจตนไม่เคยเปลี่ยน แต่แพรวเพชรสิ ถ้านับจากความโหดร้ายที่เธอเคยกระทำ ฟังจากคำพูดที่ตอกย้ำซ้ำๆเมื่อครู่ บางทีเธออาจจะเกลียดเขาสุดหัวใจจริงๆก็ได้ แล้วดูเถอะ ฝ่ายหนึ่งรัก ฝ่ายหนึ่งเกลียด แต่กลับต้องมาอยู่ด้วยกันบนรถแคบๆคันนี้ คิดๆไปมันก็น่าขันไม่น้อย...ชายหนุ่มส่ายศีรษะ หัวเราะเบาๆ

“หัวเราะทำไม” คนที่นั่งเงียบอยู่นานกระชากเสียงห้วนๆ

เผ่าภาคินไม่ตอบ ไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจเลยที่เขาไม่สามารถเกลียดเธอได้หมดทั้งหัวใจดังที่หวัง แต่ก็นั่นละ ไม่เป็นไรหรอก เขาอาจจะยัง ‘รู้สึกดีๆ’ กับเธออยู่นิดๆหน่อยๆได้บ้าง ขอแค่ให้ความเกลียดชังมีอยู่มากจนพร้อมจะผลักดันให้เขาแก้แค้นได้สำเร็จก็พอแล้ว

“ฉันถามว่าคุณหัวเราะทำไม” แพรวเพชรตวาดซ้ำเมื่อไม่ได้รับคำตอบ

คนฟังแปลกใจกับโหมดก๊อดซิลาพ่นไฟที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เขาอดนึกขันไม่ได้ ทั้งยังเพลิดเพลินอย่างประหลาดที่จะได้กลั่นแกล้งเธอ “ถ้าพี่ไม่ตอบซะอย่าง เพชรจะทำไม จะจูบสั่งสอนพี่หรือเปล่า”

แพรวเพชรหันรีหันขวาง ท่าทางคงกำลังหาอาวุธสักอย่างเพื่อจัดการเขาแน่ๆ ชายหนุ่มอมยิ้มโดยไม่รู้ตัว ชักชอบโหมดสาวห้าวจอมโหดของหญิงสาวมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเลี้ยวรถเข้าสู่ถนนสายหลักระหว่างเมือง แล้วคนที่นั่งดื้อเงียบอยู่นานก็โวยวายเสียงหลงอีกคำรบ

“นี่คุณจะไปไหน”

“ไปขับรถเล่น”

“รวยมากหรือไง ถึงจะมาผลาญน้ำมันเล่นน่ะ” แพรวเพชรประชด

“อืม...รวยมาก กลัวเพชรไม่รู้ว่าด้วยว่าพี่รวยแล้ว ถึงต้องอวดรวยบ่อยๆไง”

“โรคจิต” คนพูดเหน็บแนมเสียงหนัก

“เวลาเพชรพูดจาห้วนๆ ไม่มีหางเสียง ไม่น่ารักเลยรู้ไหม แต่พี่จะไม่ถือสา เพราะ...”

“พอได้แล้ว ฉันรำคาญเวลาได้ยินคุณพูดว่ารักฉัน เบื่อมาก ไม่รู้ตัวบ้างเลยหรือไง” แพรวเพชรขัด

“รู้จ้า แต่เมื่อกี้พี่ไม่ได้จะบอกว่ารักเพชรนะ แค่จะบอกว่าเวลาเพชรทำเสียงเขียวห้วนๆนั่นน่ะ เหมือนลูกแมวตัวน้อยที่หัดกางเล็บเลย เหมือนจะดุ แต่น่ารักมากกว่า”

“น้ำเน่า!” หญิงสาวตวัดค้อน และคนมองก็พอใจกับอารมณ์ของอีกฝ่าย จะโกรธจะเกลียด หรือจะรู้สึกอะไรต่อกันก็ได้ จะดีหรือร้ายก็ได้ทั้งนั้น อย่างน้อยก็ยังแสดงให้เห็นว่าเขายังมีความหมายต่อเธอ ดีกว่าทำท่านิ่งๆเฉยเมย แบบนั้นสิที่เขาดูไม่ออกว่าเธอรู้สึกอย่างไรกันแน่

“ทำไมเดี๋ยวนี้เพชรเอาใจยากจัง โน่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ดี พี่พูดอะไรก็ผิดหูเพชรไปหมดเลย”

“ฉันพูดตรงก็แล้ว อ้อมค้อมก็แล้ว ทำไมคุณยังไม่เข้าใจซะทีว่าฉันรังเกียจคุณ เกลียดคุณ ไม่ต้องการเห็นหน้าคุณน่ะ” ประโยคนั้นพาความเงียบหอบใหญ่มาห่มคลุมไปทั่วทั้งรถเนิ่นนาน

พาหนะคันโตแล่นไปเรื่อย ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพักที่ใด เมื่อเห็นป้ายบอกทางชี้ลูกศรแยกไปพัทยา เผ่าภาคินก็ชะลอรถเคลื่อนเข้าไปจอดข้างทาง เปิดไฟกะพริบเป็นสัญญาณฉุกเฉิน แล้วหันมาเผชิญหน้ากับคนข้างๆ ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เพชรโกรธอะไรพี่นักหนา ทำไมต้องตั้งป้อมเกลียดกันขนาดนี้ พี่ต่างหากไม่ใช่เหรอที่ควรจะเป็นฝ่ายโกรธน่ะ เพชรทิ้งพี่ไปกับไอ้หมอนั่น สี่ปีนะเพชร! พี่ต้องตื่นมาพร้อมกับคำถามว่าดูคนผิดไปขนาดนั้นได้ยังไงกัน เพชรเห็นเงินสำคัญกว่าความรักของเรา เพชรรู้ไหมว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องพยายามยอมรับความจริงว่าเรารักคนที่ไม่สมควรรักเลย รักแล้วยังโง่งมงายอยู่ลมๆแล้งๆคนเดียว ทั้งที่อีกฝ่ายลืมเราไปแล้ว เขาฆ่าเราจากชีวิตไปมีครอบครัวใหม่ มีความสุขไปแล้ว” ยิ่งพูดเสียงนั้นก็ยิ่งดัง เหมือนว่าเผ่าภาคินพยายามจะกลบรอยสะอื้นที่แทรกอยู่ในน้ำเสียง

แพรวเพชรหันมาสบตาเขานิ่งๆ “ทำไมคุณไม่เกลียดฉันซะ เผื่อว่าอะไรๆมันจะง่ายขึ้น”

“เพชรทำได้เหรอ เพชรเกลียดพี่ลงจริงเหรอ”

“ค่ะ ฉันทำได้”

“ทำไม...บอกพี่มาสิว่าทำไมต้องเกลียดกัน!” เขาตะคอก ใบหน้าแดงก่ำบอกยากว่าเพราะโกรธหรือเสียใจ

“เพราะคุณมันหน้าซื่อใจคดไง ไม่ใช่ลูกผู้ชาย ไม่กล้ารับผิดชอบการกระทำของตัวเอง”

“เพชรหมายถึงอะไร พูดมาให้ชัดๆ” เผ่าภาคินตะโกน เริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลของเรื่องนี้ สี่ปีก่อนแพรวเพชรก็ย้ำว่าเขาเป็นคนเลว ไม่รับผิดชอบการกระทำของตัวเอง “พี่น่ะเหรอไม่รับผิดชอบเพชร พี่บอกแล้วว่าขอเวลาเก็บเงินสักพักแล้วเราค่อยแต่งงานกัน เพชรต่างหากที่คอยไม่ได้ ทนอยู่กับคนจนๆไม่ได้ อยากได้แหวนเพชรเม็ดใหญ่ๆมากกว่าแหวนทองเกลี้ยงๆของพี่ ไม่อยากกัดก้อนเกลือกิน!” คำสุดท้ายนี้เองที่ตอกประทับกัดกร่อนหัวใจเขาเรื่อยมา

“ฉันไม่ได้ต้องการความรับผิดชอบแบบนั้น!” คนพูดสะบัดเสียง หน้ามุ่ย

จู่ๆเขาก็นึกสงสัยว่า บางทีคำว่าความรับผิดชอบที่อีกฝ่ายกำลังพูดถึงอาจจะเป็นคนละความหมายกับสิ่งที่เขาตั้งใจจะมอบให้ก็เป็นได้ “แล้วเพชรต้องการความรับผิดชอบแบบไหน”

“คุณนอกใจฉัน” แพรวเพชรเปลี่ยนเรื่อง “เอาเงินจากผู้หญิงคนนั้นมาซื้อข้าวของให้ฉัน ทุเรศ! ทำตัวเป็นแมงดาเกาะจอมขวัญ จะเลวก็เลวไปคนเดียวเถอะ อย่าลากฉันไปมีมลทินด้วยเลย”

“บ้าใหญ่แล้ว เพชรไปเอาเรื่องพวกนี้มาจากไหน” เผ่าภาคินโมโหเมื่อถูกกล่าวหาด้วยข้อหาที่เขาไม่ได้กระทำ “พี่ไม่เคยเกาะใครกิน ส่วนเรื่องขวัญ ต้องให้พูดอีกกี่ครั้งว่าขวัญเป็นน้อง เป็นน้อง!”

“โกหก! ฉันเห็นเช็คทุกใบที่จอมขวัญจ่ายให้คุณหมดแล้ว”

เผ่าภาคินอึ้ง เช็ค! เธอหมายถึงอะไร ความทรงจำย้อนไปถึงวันวานรวดเร็ว อ้อ...เช็คพวกนั้นน่ะเหรอต้นเหตุที่ทำให้แพรวเพชรโกรธเขา

“เคยเห็น แล้วเคยคิดจะถามไหมว่าขวัญจ่ายเช็คให้พี่ทำไม” อารมณ์โทโสปลิววับไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว

“ทำไมจะต้องถาม เพื่อให้คุณหาข้ออ้างมาหลอกลวงฉันต่อไปน่ะเหรอ ฉันไม่โง่ขนาดนั้นหรอก”

“โอเค งั้นพี่ก็โง่เองที่ประเมินเพชรไว้สูงส่ง คิดว่าเพชรจะแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น แต่ที่จริงแล้วเพชรก็หูเบาเหมือนผู้หญิงสมองกลวงพวกนั้น”

แพรวเพชรกรีดร้องด้วยความไม่พอใจ “หยุดนะ! ตัวเองผิดแล้วยังจะมากล่าวหาคนอื่นอีก หน้าไม่อายที่สุด”

“เพชรนั่นแหละ หยุดกรี๊ดกร๊าด ทำตัวไม่มีเหตุผลได้แล้ว” เผ่าภาคินคว้าหัวไหล่ทั้งสองข้างของหญิงสาวบีบแน่น “เช็คที่เพชรเห็นคือค่าจ้างที่พี่เขียนโปรแกรมให้คนรู้จักของขวัญ มันเป็นเงินค่าแรงที่พี่สมควรจะได้รับ”

แพรวเพชรชะงัก ปากที่อ้าค้างเตรียมวีนซ้ำหุบฉับ “หมายความว่ายังไง”

เผ่าภาคินพยักหน้าหนักแน่น ใช้สีหน้ามั่นคงตอกย้ำให้อีกฝ่ายเชื่อโดยไม่เอ่ยอะไรแม้แต่คำเดียว

“ใครถูกจับได้จังๆก็ต้องอ้างแบบนี้ทั้งนั้น” หญิงสาวเถียงทั้งที่เริ่มเอนเอียงไปทางเชื่อคำพูดของเขานิดๆ

“มีเรื่องอะไรอีกที่เพชรเข้าใจพี่ผิด” คนถือไพ่เหนือกว่าคาดคั้นต่อ

“ฉันไม่ได้เข้าใจผิด” แพรวเพชรโต้ทันควัน

“อย่าโกหกพี่ เพชรโกหกไม่เก่งเอาซะเลยนะ รู้ตัวหรือเปล่า” มือใหญ่ข้างหนึ่งเลื่อนมาปัดปอยผมที่ตกลงมาปรกหน้าผากหญิงสาว “มิน่า...เพชรถึงโกรธพี่นัก นี่เพชรเห็นพี่เป็นผู้ชายเฮงซวยขนาดนั้นเลยหรือ จับแพะผสมแกะเก่งเหลือเกินนะ” ตอนท้ายเขาบีบปลายจมูกหญิงสาวอย่างล้อเลียน

แพรวเพชรปัดมือเขาออก ทั้งยังผลักเขาออกห่าง ตอกย้ำ “คุณเฮงซวยจริงๆ ฉันไม่ได้คิดไปเอง”

“ถ้าพี่จะเฮงซวยก็มีอยู่เรื่องเดียว ตรงที่บ้าบอรักเพชรอยู่ได้ ทั้งที่เพชรมองพี่ในแง่ร้ายขนาดนั้น” ชายหนุ่มแต้มยิ้มกว้างยืนยันความคิดตัวเอง

แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายมองตอบมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย รอยยิ้มจึงค่อยๆเลือนลบไปทีละนิด ในที่สุดเขาทิ้งตัวพิงพนัก เหม่อมองไปไกล นาน...กว่าชายหนุ่มจะหันกลับมาทางคนข้างกาย แพรวเพชรยังคงเม้มปากแน่นในอิริยาบถเดิม ชายหนุ่มส่ายหน้า ไหล่หนาไหวแรงบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวถอนหายใจลึก สุดท้ายเขาปิดไฟฉุกเฉินแล้วเคลื่อนรถออกอีกครั้ง คราวนี้เลี้ยวเข้าเส้นทางรอง หาจุดกลับรถแรกเพื่อมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯโดยไม่เอ่ยอะไร จนเข้าใกล้ตัวเมืองเผ่าภาคินจึงถาม “วันนี้เพชรต้องไปรับลูกหรือเปล่า”

“ฉัน...” เธอไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่จึงปฏิเสธเสียงแข็ง “ไม่ต้อง”

“ปกติวันอังคารกับพฤหัสฯเป็นคิวของเพชรต้องไปรับหนูกานนี่”

“นี่คุณส่งคนมาสืบข้อมูลของฉันเหรอ มันชักจะละเมิดสิทธิส่วนบุคคลกันเกินไปแล้วนะ”

“เพชรนี่เก่งในเรื่องการพูดเพื่อทำร้ายความรู้สึกคนฟังจัง พี่ไม่ได้ส่งใครสืบเรื่องเพชรนะ แค่...ไปคอยเพชรที่เนิร์สเซอรี่ทุกวัน ก็รู้แล้วว่าเพชรไปรับลูกวันไหนบ้าง”

“ขอบคุณที่บอกค่ะ ฉันจะได้แจ้งให้ทางเนิร์สเซอรี่ทราบว่ามีคนแปลกหน้ามาด้อมๆมองๆอยู่ เขาจะได้ระวังมากเป็นพิเศษ”

“คนแปลกหน้า! เพชรพูดแบบนี้กับพี่ได้ยังไง” เผ่าภาคินสะอึก เค้นเสียงประโยคถัดมาด้วยความขมขื่นสุดประมาณ “เพชรเกลียดพี่จนเราเป็นแม้แต่เพื่อนกันก็ไม่ได้เลยหรือ”

“เราไม่ใช่เพื่อนกัน ไม่เคยเป็น แล้วก็จะไม่มีวันเป็นด้วย”

“ทำไม”

“เพราะฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ต้องการความเป็นเพื่อน คุณอยากกลับมาปั่นป่วนชีวิตฉันต่างหาก”

ถึงมันจะเป็นความจริง เผ่าภาคินก็ไม่มีวันยอมรับง่ายๆหรอก

“เอ...ประโยคเมื่อกี้เหมือนจะบอกว่าเพชรยังรู้ใจพี่ดี...ใช่ไหม”

“เอ๊ะ! คุณ!”

“ในวิชาจิตวิทยาหนึ่งศูนย์หนึ่งบอกว่า บางคนใช้ความโกรธปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงนะ ยิ่งสรรพนามที่เพชรใช้เนี่ย มันตีความได้ว่าเพชรกำลังพยายามใช้ความห่างเหินแทนกำแพงกั้นพี่ไว้”

“ไม่ต้องมาทำเป็นวิเคราะห์การกระทำของฉัน”

“ได้ยังไง พี่มันศิษย์มีครูนี่นา ก็ต้องใช้ความรู้ให้สมกับที่เคยมีคนใจดีติวให้หน่อยสิ”

“อยากจะพูด จะเข้าใจอะไร ก็ตามใจเถอะ ฉันไม่เต้นไปตามเกมของคุณแน่ๆ”

“เพชรรู้ไหม การประชดประชันจะไร้ค่าถ้าอีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย ในกรณีของเพชร พี่บอกได้เลยว่า ยิ่งเพชรประชดพี่เท่าไหร่ พี่ก็ยิ่งดีใจ เพราะรู้ว่าพี่มีความหมายกับเพชรมากเท่านั้น” เผ่าภาคินยิ้มกว้าง แม้จะไม่ได้รับคำตอบโต้ใดนอกจากความเงียบ

ชายหนุ่มแตะห้ามล้อเมื่อเห็นสัญญาณไฟสีส้ม เขาคอยจนรถจอดสนิทแล้วจึงหันไปทางคนข้างๆ เอื้อมไปใช้สองมือประคองใบหน้าหญิงสาวไว้ และก่อนที่เธอจะทันคาดคิด ใบหน้าคมคล้ามก็ฉกวูบลงมาประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากบอบบางอย่างรวดเร็ว

ไม่ใช่แค่ปากแตะปากฉาบฉวย เขายังละเลียดและเล็มชิมรสหวานละมุนที่คุ้นเคยจากริมฝีปากอีกฝ่ายช้าๆ ปลายลิ้นอ่อนนุ่มไล้โลมหยอกล้อสัมผัสแพรวเพชรอย่างที่ฝันถึงมาตลอดสี่ปี เผ่าภาคินจูบอย่างเรียกร้อง หิวกระหาย อธิบายทุกความปรารถนาในหัวใจด้วยจุมพิตหวามที่ค่อยๆทวีความเร่าร้อนขึ้นทีละนิด

มาได้สติรู้ตัวก็ตอนที่มีอะไรร้อนๆแตะแต้มบนแก้ม เมื่อเขาถอนริมฝีปากออก จึงเห็นว่าน้ำตากำลังพร่างลงมาจากดวงตาแพรวเพชร ขณะที่เธอใช้หลังมือเช็ดริมฝีปากแรงๆ ดวงตาฉายแววชอกช้ำ

“ต้องการแค่นี้เองเหรอ ข้างหน้านั่นไงโรงแรม เลี้ยวเข้าไปเลยสิ” คนพูดร่ำไห้สะอื้นแรงขึ้นเรื่อยๆ

“เพชร...พี่ขอโทษ” เขาละล่ำละลักเอ่ยคำแรกที่ผุดขึ้นในหัวใจ รีบใช้ปลายนิ้วโป้งไล้เช็ดรอยน้ำตาให้หญิงสาวด้วยอาการทะนุถนอม ไม่สนใจหาคำตอบด้วยซ้ำว่าสิ่งที่จะพูดต่อไปคือแผนการหรือมาจากหัวใจกันแน่ “พี่คิดถึงเพชรเหลือเกิน ไม่ใช่คิดถึงเพราะอย่างนั้น แต่...เพชรเข้าใจไหม มันเหมือนเราได้ของรักกลับคืนมา พี่อยากกอดเพชรตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน อยากจูบเพชร อยาก...”

“ฉันมีสามีแล้ว” แพรวเพชรกรีดร้องโวยวายเสียงแหลม

“ไม่เบื่อหรือที่พูดแต่ประโยคเดิมๆซ้ำอยู่ได้ เพชรจะสะกดจิตตัวเองหรือสะกดจิตพี่กันแน่เนี่ย”

แพรวเพชรไม่ตอบ กลับผลักเขาออกห่าง แล้วเสมองไปนอกหน้าต่างแทน

“เพชร...แค่การที่เพชรยังรักพี่ มันไม่ใช่เรื่องผิดหรอกนะ”

“ผิด! ฉันมีสามีแล้ว”

“เอาอีกแล้ว พูดประโยคเดิมอีกแล้ว” ชายหนุ่มส่ายหน้าระอา ก่อนจะนึกได้ จึงตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นยินดี “เดี๋ยว! เพชรยอมรับแล้วใช่ไหมว่าเพชรยังรักพี่อยู่”

แพรวเพชรเบิกตากว้าง หันหน้ากลับมาตั้งท่าจะแย้ง แต่เผ่าภาคินใช้ปลายนิ้วชี้ต้องเบาๆที่ริมฝีปากแทนการปราม จากนั้นประคองใบหน้าเธอไว้ ก้มลงมาแตะหน้าผากกัน จมูกแทบจะชนจมูก ส่วนปากลอยอยู่เหนือริมฝีปากอีกฝ่ายแค่เศษเสี้ยวองคุลี ขณะพึมพำด้วยรอยยิ้มผาสุกโดยไม่ทันควบคุม

“ขอบใจที่ไม่ได้เกลียดพี่ พี่ก็รักเพชรนะ”



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 มี.ค. 2556, 02:44:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 มี.ค. 2556, 02:50:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 1984





<< ตอนที่ ๑๓   ตอนที่ ๑๕ >>
สิริณ 22 มี.ค. 2556, 02:59:15 น.
พี่เผ่าท่าจะแพ้ภัยตัวเองเสียแล้ว
ตั้งท่าแก้แค้น แต่ไม่รู้ว่าตัวเองจะใจอ่อนหรือเปล่าเนอะ

มาลุ้นกันต่อค่ะ
ฉากนี้...จะว่าไปก็ยังไม่เรียกว่าหวานมากเนอะ
พอให้หายขมไปได้นิดๆกล้อมแกล้มก่อนน้า...

ตอนนี้กำลังแอบอมยิ้มกับคอมเม้นต์ของนักอ่านหลายคนแล้ว
ยิ่งบางคนถึงกับไปอ่านย้อนหลังเพื่อมาเดาใจสิริณเลยด้วย
โหย...แอบจดชื่อไว้แล้วนะคะ
นอกจากคอมเม้นต์ถูกใจคนเขียนแล้ว
เดี๋ยวจะมีรางวัลทุ่มเทยอดเยี่ยมให้ด้วยค่ะ อิอิ

เช่นเคย...หากถูกใจ ก็ขอแรงกดไล้ค์เบาๆด้วยน้า
คนเขียนจะชื่นใจมากค่ะ ^^


Pampam 22 มี.ค. 2556, 04:48:34 น.
อ้าวแล้วอย่างนี้จอมขวัญจะยังเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยของเราอีกป่าวน๋อ
อย่าบอกนะว่านางเอกคิดไปเอง ทั้งหมดเป็นเรื่องบังเอิน เค้าจิ้นไปไกลแล้วง่ะ


หมูอ้วน 22 มี.ค. 2556, 05:37:41 น.
ตามติดต่ะ ใครอยู่เบื้องหลังหนอ??


invisible 22 มี.ค. 2556, 07:07:59 น.
อย่างงี้ไม่ได้เรียกว่าเกลียดแล้วหนูเพชรเค้าเรียกว่ารักต่างหาก ^^


รอให้เป็นเล่ม 22 มี.ค. 2556, 07:55:26 น.
กรี้ดตอนนี้เป็นพิเศษ


รอให้เป็นเล่ม 22 มี.ค. 2556, 07:58:21 น.
วางแผงเมื่อไหร่ค้าาาาาา


supayalak 22 มี.ค. 2556, 08:56:41 น.
หรือว่าจอมขวัญจะเป็นน้องต่างแม่ ลูกพี่ลูกน้องอะไรงี้ แต่แหมเหตุการณ์มันจะประจวบเหมาะเคราะห์ดีขนาดนั้นเลยเหรอ ว่าป่่ะ แต่จะว่าไปคนเรานะเนอะแพ้อะไรไม่แพ้เท่าแพ้ใจตัวเองหรอกว่าไหม


bloomberg 22 มี.ค. 2556, 10:26:21 น.
พี่เผ่าแกหลุดมาดแก้แค้นแล้วล่ะค่ะ ถึงขนาดบีบจมูกล้อเลียนด้วย ทำอะไรก็น่ารักไปหมด ตวาดแว๊ดๆ ชกเปรี้ยงเข้าให้ ยังน่ารักเลย

สงสารเพชรนะ พยายามเอายันต์ "มีสามีแล้ว" แปะหน้าผากไว้ ยังเอาไม่อยู่ โดนพี่เผ่าจูบเข้าไปถึงกับร้องไห้เพราะนึกรังเกียจตัวเองว่ายังรักพี่เผ่ามากมาย

เพชรเอ๊ย !! หนูปิดยันต์กลับด้านน่ะลูก ผีเลยไม่กลัวผ้ายันต์


nunoi 22 มี.ค. 2556, 10:33:49 น.
นั่นสิ ตกลงว่าเพชร สะกดจิตตัวเองว่า "มีสามีแล้ว" ใช่ป่ะ
แอบฮากับคุณ bloomberg จริงๆ


goldensun 22 มี.ค. 2556, 14:40:45 น.
ความจริงค่อยๆ เผยทีละนิด การที่ค่อยๆ แก้ความเข้าใจผิดของเพชร จะทำให้พี่เผ่าเห็นมุมมองของเพชรจนค่อยๆ ลดความแค้นได้รึเปล่า จะทำให้ที่พี่เผ่าเข้าใจเพชรผิด ก็จะค่อยๆ ได้ความกระจ่างด้วยมั้ย เห็นได้ว่า พอเริ่มรู้ว่าเพชรเข้าใจผิดเรื่องในอดีต เหมือนความแค้นค่อยๆ ลดระดับนะคะ พี่เผ่าเล่นจู่โจมถึงตัวแบบนี้ ถ้ายังคิดแก้แค้น ก็สงสารเพชรนะ ลุ้นให้เปลี่ยนใจจริงๆ เพราะดูเพชรก็เริ่มอ่อนลงแล้ว


ปอปลาตากลม 22 มี.ค. 2556, 16:35:43 น.
ลุ้นต่อ จะเป็นไงอ่ะ


พันธุ์แตงกวา 22 มี.ค. 2556, 18:44:03 น.
ไม่รู้สิ ยังไม่อยากให้เพชรรักพี่เผ่าเลย (แฟนคลับพี่นรา)


heartlogue 22 มี.ค. 2556, 22:53:29 น.
แอบสงสารพี่นรานะ แต่ก็เชียร์พี่เผ่า
ทำคนอ่านสับสนนะคะ

แอบไปกินนากามูระ ระหว่างเพชรกับพี่เผ่าทะเลาะกัน เสียดายอ่ะ


lromchat 23 มี.ค. 2556, 13:40:56 น.
น่าร๊ากๆๆ กี๊ด เขิล


คิมหันตุ์ 24 มี.ค. 2556, 03:33:01 น.
ฮ่าฮ่า จับไก่ได้หนึ่งตัวแล้วสินะคุณเผ่า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account