สนิมดอกรัก (ตีพิมพ์แล้ว - สนพ.อรุณ)
แพรวเพชร สิริณธรณ์ ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
เมื่อเผ่าภาคินที่เธอเข้าใจว่าเสียชีวิตไปแล้วเกือบสี่ปี
จู่ๆจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
แถมยังมาในมาดมหาเศรษฐีหนุ่มรูปหล่อ ร่ำรวย
และโหดเหี้ยมเหมือนในนิยายเป๊ะ!
.
.
.
.
“เชิญกรอกข้อมูลส่วนตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะแนะนำรายละเอียดและขอบเขตการให้บริการให้ฟัง อ้อ...ต้องให้ดิฉันแจ้งค่าใช้จ่ายให้ทราบคร่าวๆก่อนไหมคะ เพราะค่าบริการของเราไม่แพงก็จริง แต่สำหรับคนกำลังเก็บเงินแต่งงาน มันก็...เป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลย”

“ดูเหมือนว่าเงินจะเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตคุณเสมอเลยนะ คุณแพรวเพชร” เผ่าภาคินหยัน

“พูดอย่างกับว่ามันไม่สำคัญสำหรับคุณงั้นแหละ” หญิงสาวบิดริมฝีปากนิดๆอย่างดูถูก จากนั้นเดินไปยังโต๊ะที่วางชิดผนัง ดึงเอกสารแผ่นหนึ่งจากแท่นใสทรงกระบอกถือมากางตรงหน้าชายหนุ่ม พลางอธิบายด้วยท่าทีเหมือนทองไม่รู้ร้อน ไม่สนใจแม้จะเห็นว่าสายตาที่จ้องเธอแทบจะแผดเผาลุกเป็นไฟ

“นี่ค่ะ อัตราค่าสมัครแรกเข้าสำหรับลงทะเบียนเป็นสมาชิกของคิวปิดฯ ส่วนคอร์สที่คุณจะเข้าใช้บริการแยกคิดเป็นรายครั้ง เรามีรายการให้คุณเลือกเยอะค่ะ ทั้งดำน้ำ วาดรูป อบรมบุคลิกภาพ เที่ยวพิพิธภัณฑ์ ทำบุญไหว้พระ ทำขนม อ้อ...แต่สุดท้ายนี่ฉันไม่แนะนำนะคะ เพราะคุณคงไม่อยากให้ครูคนนั้นรู้ว่ามาสมัครเป็นลูกค้าที่นี่”

“แล้วมีคอร์สสับรางไม่ให้รถไฟชนกันบ้างไหม หรือไม่ก็พวก...วิธีซ่อนชู้ ซ่อนกิ๊กอะไรแบบนี้น่ะ ผมสนใจเป็นพิเศษ และถ้าให้แนะนำ ผมว่าคุณน่ะเหมาะจะเป็นวิทยากรมาก ใช้ประสบการณ์ตรงมาสอนก็ได้ คงมีคนอยากเรียนกันเยอะแยะ”

แพรวเพชรหัวเราะขัน “แปลกนะคะ คุณพูดเองแท้ๆว่าฉันไม่ได้มีเกียรติ มีเสน่ห์ หรือว่ามีค่าพอให้คุณเสียดมเสียดายอะไรแล้ว แต่ไอ้ที่คุณพูดๆมาเนี่ย เหมือนว่า...คุณจะจำเรื่องราวเกี่ยวกับตัวฉันได้แม่นยำจังเลย”

หญิงสาวดักคอและลอยหน้าเอ่ยประโยคต่อไปว่า “เอ...หรือว่าอันที่จริงแล้วคุณไม่ได้คิดอย่างที่พูด แต่กำลังเรียกร้องความสนใจจากฉัน หรือบางทีไอ้ที่บอกว่าจะแต่งงานกับคุณนวลนรีนั่นก็เป็นแค่การโกหก แกล้งทำเป็นโชว์ออฟ เพียงเพราะอยากให้ฉันรู้สึกรู้สาไปด้วยเท่านั้นเอง ประชด...อะไรทำนองนั้นน่ะเหรอคะ”

ปฏิกิริยาที่ไม่ได้คาดไว้ล่วงหน้าทำให้เผ่าภาคินค้นหาคำตอบโต้ไม่พบแม้แต่คำเดียว

แพรวเพชรแต้มยิ้มทำสีหน้าสมเพช จากนั้นก้าวเข้ามาใกล้ เอื้อมมือแตะแก้มอีกฝ่ายแผ่วเบาหยอกเย้า “โถ...น่ารักจริง แต่ขอโทษด้วยที่ต้องทำให้ผิดหวัง ฉันแต่งงานแล้ว และก็ไม่เคยคิดนอกใจสามี เพราะเขาเป็นคนดีมาก ยิ่งเขาดีเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งนึกเสียดายที่เคยไปเกลือกกลั้วกับของสกปรกมาก่อน โชคดีที่เขาไม่ถือสาอดีตของฉัน ไม่เช่นนั้นฉันคงไม่ได้เป็นผู้หญิงโชคดีอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้”

ประโยคสุดท้ายทิ่มแทงหัวใจคนฟังจนแทบทนไม่ไหว และเพียงเสี้ยววินาทีที่เผ่าภาคินปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือความควบคุม อุ้งมือแข็งแรงก็ตวัดคว้าต้นแขนหญิงสาวพร้อมทั้งบีบรุนแรง กระแสบางอย่างที่แล่นปราดผ่านปลายนิ้วทำให้ชายหนุ่มเกือบจะปล่อยมือ แต่เขาก็ฝืนกำมือแน่น เค้นเสียงลอดไรฟันเอ่ยคำถัดมา

“ใช่ ฉันมันเลว ชั่ว แต่ก็สมกันดีแล้วไม่ใช่เหรอ ผู้ชายสกปรกกับผู้หญิงที่น่าขยะแขยงน่ะ แพรวเพชรคนอ่อนโยนไร้เดียงสาที่ฉันเคยรู้จัก มาวันนี้กลับกลายเป็นผู้หญิงกร้านโลก หลายใจ น่ารังเกียจไปแล้ว ทุเรศที่สุด”

“ในเมื่อพี่เผ่าคนที่ฉันเคยรู้จักตายไปแล้ว แพรวเพชรคนที่คุณเคยรู้จักก็สมควรจะตายไปได้แล้วเหมือนกัน ถือว่าเราเสมอกันไงคะ” หญิงสาวยิ้มกว้างอย่างสะใจ

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต

หากฝ่าฝืน สิริณ จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น

ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ ๑๕

“เพิ่งเปิดบริษัทได้ไม่นาน นี่คิดจะขยายออฟฟิศกันแล้วหรือ ข้างนอกวุ่นวายไปหมดเลย” เสียงนราธิปดังขึ้นขณะเจ้าตัวก้าวผ่านประตูเข้ามาในห้องทำงานของอิงอรุณ

“อ้าว! พี่นรามาได้ยังไงคะ”

“เพชรนัดพี่มากินข้าวกลางวันด้วยกันน่ะ อ้าว...นี่กระเป๋าเพชรนี่ แล้วเพชรไปไหนล่ะ พี่ไปหาที่ห้องก็ไม่เจอ”

อิงอรุณได้ยินคำตอบของพี่ชายแล้วจึงเพิ่งถึงบางอ้อว่าแพรวเพชรหอบปิ่นโตเถานั้นมาด้วยเหตุผลใด ทั้งยังเข้าใจเพิ่มขึ้นด้วยว่า ไฉนเพื่อนจึงสติแตกเมื่อเห็นของขวัญที่เผ่าภาคินส่งมาเซอร์ไพรส์ในวันนี้!

แพรวเพชรไม่เคยสวีตหวานกับพี่ชายเธอ เพราะฉะนั้นการที่เพื่อนซื้ออาหารมื้อพิเศษ แถมยังชวนนราธิปมาทานมื้อกลางวันด้วยกัน ย่อมไม่ใช่แค่สัญญาณความหวั่นไหวระดับปกติธรรมดา แต่เป็นเครื่องหมายบอกว่า เพื่อนกำลังยึดโยงทุกสายใยที่ทำได้เพื่อใช้เป็นเกราะกำบังความรู้สึกที่แท้จริง

เห็นได้ชัดว่าแพรวเพชรตั้งใจจะประคับประคองชีวิตครอบครัวไปให้ตลอดรอดฝั่ง ห่วงก็แต่ว่าแรงภายนอกที่เข้ามากระทบนั่นแหละ เพราะถ้าเผ่าภาคินยังรุกหนักขนาดนี้ ทุกอย่างที่ทุกคนพยายามปกปิดตลอดมาคงถึงคราวภินท์พังในไม่ช้า! และถ้าดูจากสิ่งที่เผ่าภาคินเพิ่งทำลงไป แถมแพรวเพชรก็รับกับอารมณ์ที่ถาโถมมาไม่ไหวจนเตลิดหนีไปเช่นนี้ ก็ยิ่งแสดงให้มั่นใจว่าเรื่องอาจกำลังก้าวไปสู่หนทางที่ยากเกินแก้ไข และวิธีเดียวที่น่าจะช่วยแพรวเพชรไว้ได้ก็คือความร่วมมือจากนราธิป

อิงอรุณไม่หยุดใคร่ครวญเลยในอันที่จะเล่าที่มาที่ไปของความวุ่นวายในห้องประชุมข้างนอกให้พี่ชายฟัง ชายหนุ่มถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้คนเป็นน้องนึกถึงการโต้คารมของเธอกับเผ่าภาคิน และกลั้นใจลองโยนหินถามทางดู “พี่นราว่าเป็นไปได้ไหมคะที่จะมีเรื่องเข้าใจผิดกันเมื่อสี่ปีก่อน”

“เราคุยเรื่องนี้กันมาหลายรอบแล้วนะอิง ผู้ชายคนนั้นนอกใจเพชร แล้วก็ยังเกือบจะฆ่า ‘ลูก’ ของตัวเองอีกด้วย ไม่มีเรื่องเข้าใจผิดหรอก ถ้าวันนั้นพี่ไม่อยู่ด้วย ยังไม่รู้เลยว่ามันจะทำอะไรเพชรหรือเปล่า”

“อิงกลัวจังเลยพี่นรา” คนเป็นน้องลุกขึ้นมากอดนราธิป

“มีอะไรต้องกลัวหรือ”

“อิงรู้สึกนะว่า ต่อให้พี่เผ่าใจร้ายกว่านั้น โหดร้ายกว่านั้น หรือว่าเลวร้ายกว่านั้น เพชรก็คงไม่มีวันเกลียดเขาได้จริงๆหรอก”

“ก็ดีแล้วนี่นา การเกลียดมันเป็นบาปนะ” นราธิปแสร้งเย้าปนหัวเราะ ตบบ่าน้องเบาๆ แล้วจึงดันเธอออกห่าง

อิงอรุณกลับถอนหายใจ “พี่นราไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอที่เมียตัวเองจะรักผู้ชายคนอื่นน่ะ”

“ตราบเท่าที่เพชรยังเลือกอยู่กับพี่ ก็ไม่มีอะไรที่พี่จะต้องกังวลหรอก”

“ก็จริงนะ เพชรต้องรักพี่นราบ้างแหละ ไม่งั้นคงไม่ตกลงใจยอมแต่งงานกับพี่ชายของอิงหรอกเนอะ”

นราธิปทำท่าจะอธิบายอะไรบางอย่าง แต่ตัดสินใจเงียบไว้ดังเดิม ถึงอิงอรุณจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นมากกว่าคนอื่น แต่ก็มีบางเรื่องที่เขาและแพรวเพชรยินดีรักษาไว้เป็นความลับที่รู้กันเพียงสองคนเท่านั้น

เรื่อง...ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของทั้งคู่!

“แล้วนี่เราจะทำยังไงกันต่อคะ ยายเพชรเตลิดไปไหนก็ไม่รู้ กระเป๋าอยู่นี่ โทรศัพท์โทรเสิบก็ไม่ได้เอาไป”

นราธิปดึงโทรศัพท์จากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตมากดเรียกไปยังเลขหมายหนึ่ง เขาเจรจาอยู่สองสามคำจึงวางสาย หันมาบอกน้องสาว “เพชรอยู่กับนายนั่นแล้ว”

เห็นคนฟังทำหน้าเหมือนเห็นผี เขาจึงอธิบายต่อ “พี่เคยนัดเจรจากับเขา และพอรู้ว่าเขาตั้งใจจะทำอะไร พี่เลยจ้างนักสืบติดตามเพชร ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีประโยชน์”

อิงอรุณยืนอึ้ง สุดท้ายจึงโซเซไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างสิ้นเรี่ยวแรง หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน หญิงสาวจึงแหงนขึ้นมองพี่ชาย “อิงรู้ว่าวันนี้เป็นคิวยายเพชรรับหนูกาน แต่เดี๋ยวเลิกเรียนแล้ว เรารีบไปรับหลานกันเถอะนะคะ”

“พี่กำลังคิดอยู่เหมือนกัน เรายังไม่ควรให้เขารู้ความจริงเกี่ยวกับหนูกานเร็วเกินไป ถ้าผู้ชายคนนั้นรักเพชรอย่างที่บอกจริงๆ เขาจะต้องยอมรับได้ว่าเพชรไม่ใช่ผู้หญิงของเขาคนเดียวอย่างเมื่อก่อนแล้ว เขาควรจะก้าวข้ามความจริงที่ว่าเพชรเป็นเมียพี่ได้ เหมือนที่พี่เคยทำมาแล้ว”

“แต่สุดท้ายอิงก็มั่นใจว่ายังไงเพชรต้องเลือกพี่นรา เพื่อนอิงไม่ใช่ผู้หญิงสมัยใหม่ประเภทที่จะร่อนไปกับคนโน้นทีคนนี้ทีโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรหรอก เพชรหน้าบางจะตาย”

“ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลนั้น เพชรคงไม่ยอมแต่งงานกับพี่ตั้งแต่แรก เขาแคร์กระทั่งความรู้สึกของเด็กไม่รู้เดียงสาอย่างหนูกาน ไม่อยากให้เกิดมากำพร้าพ่อ คนที่อ่อนโยนกับความรู้สึกคนรอบข้างอย่างนั้น ไม่มีทางจะเลือกทำเพื่อความพอใจของตัวเองก่อนหรอก ยกเว้น...”

อิงอรุณหน้าตื่น “มีข้อยกเว้นด้วยหรือคะ”

ชายหนุ่มพยักหน้าขรึมๆ “ยกเว้นว่า...พี่จะเป็นคนขอร้องให้เพชรเลือกเพื่อตัวเอง”

“พี่นราจะต้องไม่ทำอย่างนั้นนะคะ” หญิงสาวตาแดงๆ ทำท่าจะก่อดราม่าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

นราธิปโยกศีรษะน้องสาวอย่างล้อเลียน ขณะเอ่ยประโยคทิ้งท้าย “พี่ก็หวังว่าตัวเองจะไม่ต้องทำแบบนั้นเหมือนกัน” เขาชี้เถาปิ่นโต “ตกลงว่าเราจะกินอันนี้หรือว่าจะกินมื้อใหญ่ที่พ่อบุญทุ่มจัดมาบรรณาการเพชรดี”

อิงอรุณรู้ว่าพี่ชายกำลังพยายามประคับประคองบรรยากาศมิให้หมองเศร้าเกินไป จึงฝืนยิ้มกระตือรือร้น “ตอนอยู่ซิดนีย์ก็ไม่เคยไปชิมฝีมือเชฟนากามูระสักหน ตอนนี้อุตส่าห์มีโอกาสแล้ว ใครจะพลาด เราไปถล่มอีตาเศรษฐีขี้อวดนั่นกันให้พุงกางไปเลยดีกว่า”

นราธิปส่งมือให้น้องสาวซึ่งก้าวเข้ามาเกาะแขนเขาด้วยความเต็มใจ ขณะทั้งคู่ก้าวออกจากห้องพร้อมกัน จู่ๆอิงอรุณก็โพล่งขึ้นด้วยสีหน้าและรอยยิ้มแฝงแววเจ้าเล่ห์

“อิงนึกออกละว่าควรจะทำยังไงให้เรื่องนี้สนุกกว่าที่เป็นอยู่” เมื่อเห็นสีหน้าสงสัยของพี่ชาย เธอก็ยิ้มซุกซนเฉลยว่า “อิงจะชวนใครคนนึงมากินมื้อนี้กับเราด้วยน่ะสิคะ เผื่ออาจจะมีประโยชน์เอาไว้ขู่แบล็กเมล์พี่เผ่าได้บ้าง พี่นราคอยดูฝีมืออิงละกัน!”
.
.
.
.
.
แพรวเพชรได้แต่ก้าวตามแรงลากที่ข้อมือไปราวกับหุ่นยนต์ ไม่ว่าผู้ชายจอมเผด็จการจะพาเธอขึ้นลงรถ หรือเดินไปตามทางที่ราบรื่นหรือขรุขระเพียงใดก็ตาม

หญิงสาวไม่รู้เหมือนกันว่า ที่ไม่มีปากเสียงใดเลยเป็นเพราะเหนื่อยใจจะทุ่มเถียงกับเขาแล้ว หรือเพราะการได้เห็นแผ่นหลังกว้างที่คุ้นเคยอยู่ตรงหน้า ที่จริงคือความต้องการลึกที่สุดในหัวใจเธอกันแน่

แค่เสี้ยววินาทีที่เขาจู่โจมเข้าประชิดตัว ทว่ารอยอบอุ่นที่ไปล่ปลิวอยู่รอบกายกลับยาวนานในความรู้สึกราวชั่วกัปชั่วกัลป์ ทั้งอ้อมกอด รอยจูบ และรสสัมผัสที่คุ้นเคย เรียกความรู้สึกเก่าๆให้ฟุ้งตลบอวลอยู่ในทุกอณูของอากาศทั้งที่ไม่ต้องการเลย

“หิวไหม” เจ้าของเสียงห้าวหยุดเดินตั้งแต่เมื่อไรก็สุดรู้ เขาก้มมาถามโดยมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า ลักยิ้มเล็กๆที่บุ๋มลงใกล้มุมปากเป็นภาพชินตาที่ทำให้รู้โดยไม่ต้องให้พูดว่า เขากำลังมีความสุข...มากเสียด้วย
วูบหนึ่งที่หัวใจเธอโลดแรง รู้สึกคล้ายอะไรบางอย่างรินลงในอก ค่อยๆถมเติมโพรงว่างโหวงนั้นให้เต็มตื้นขึ้นช้าๆ แพรวเพชรไม่อยากรับรู้ถึงโลกเบื้องนอกและความเป็นจริงใดอีกเลย

น้ำตารื้นขึ้นโดยไม่ทันควบคุม และผู้ชายตัวโตก็ทำกิริยานั้นได้น่ารักนัก เมื่อเขาชูนิ้วชี้ขึ้นโบกไปมาอย่างล้อเลียน “ขี้แยแบบนี้ ไม่อายหนูกานหรือ”

แพรวเพชรกะพริบตาถี่ๆ ไล่รอยน้ำตาให้จางหายไปอย่างรวดเร็ว เธอเหลียวดูนาฬิกาที่ข้อมือและใคร่ครวญ “ฉันขอโทร.หาอิงได้ไหม” ไม่ใช่คำบอกเล่า แต่ถามคล้ายขออนุญาตมากกว่า

เผ่าภาคินหยิบโทรศัพท์มากดปุ่มอะไรบางอย่างก่อนส่งให้เธอ “พี่ซ่อนเบอร์โทร.แล้ว คนปลายทางจะเห็นข้อความว่าเป็นเบอร์ส่วนตัว แต่ไม่ขึ้นหมายเลขให้เห็น”

หญิงสาวตวัดตามองคนพูดด้วยความสนใจ “คุณทำอะไรแบบนั้นได้ด้วยเหรอ”

“พี่เผ่า ไม่ใช่คุณ” เขาย้ำเอาแต่ใจ เมื่อเธอไม่ทำตามง่ายๆจึงขู่ “ถ้าไม่เรียก งั้นพี่ก็ไม่บอก ว่าไง...”

แพรวเพชรหน้าง้ำ ไอ้เรียกน่ะไม่ยาก แต่เธอรู้ดีว่าใจกำลังอ่อนลงเรื่อยๆ ขืนทำตัวสนิทสนมกับเขาอย่างที่เคยเป็น กำแพงที่เพียรก่อไว้กางกั้นผู้ชายคนนี้มีหวังต้องพังทลายไม่เป็นท่าแน่นอน

“คุณเผ่าภาคิน” เธอเน้นเสียงย้ำทีละคำ จงใจดื้อให้ถึงที่สุด...อีกครั้ง

“รู้ตัวไหมว่าเวลาเพชรดื้อแบบนี้ จะว่าไปก็น่ารักดีเหมือนกันนะ”

“โรคจิตหรือไง ถึงได้ชอบอะไรประหลาดๆ”

ชายหนุ่มส่ายหน้า รีบยกมือจุปาก “พี่ไม่ใช่คนโรคจิตหรอกน่า ถึงได้ชอบอะไรบ๊องๆอย่างนี้ เพียงแต่ว่า...ทุกวันนี้ไม่ว่าพี่จะพูดอะไรก็มีแต่คนคอยพยักหน้าเห็นด้วย ไม่มีใครกล้าขัดใจพี่เท่าไหร่เลย การถูกเพชรขัดใจทำให้พี่ได้เห็นเพชรในมุมใหม่ๆบ้าง ก็ดีเหมือนกัน สนุกดี ชีวิตมีรสชาติชะมัด” เขาคว้ามือเธอขึ้นมาแบ แล้ววางโทรศัพท์ลงบนนั้น “เพชรโทร.ตามสบายเถอะ เสร็จแล้วสั่งอาหารซะด้วยละ เดี๋ยวพี่ขอไปล้างมือหน่อย”

เอ่ยจบคนเอาแต่ใจก็ก้าวผ่านหน้าเธอไป แพรวเพชรเพิ่งสังเกตเห็นว่าลานกว้างที่เดินเข้ามามีโต๊ะเก้าอี้ไม้วางเรียงรายเป็นระเบียบเกือบเต็ม ฟากหนึ่งคือรั้วระแนงปลูกไม้กระถางแขวนไว้เป็นระยะ ตรงหน้าร้านมีเตาย่างขนาดใหญ่ส่งควันโขมง ถัดเข้ามาเป็นตู้กระจก มีมะเขือเทศ มะละกอสับกองพูนอยู่ในถาดคลุมด้วยผ้าขาวบาง โถแก้วใส่กุ้งแห้ง ถั่วลิสง และเครื่องปรุงอื่นๆ เขาพาเธอมาที่ร้านส้มตำ!

ความรู้สึกสองฝ่ายกำลังต่อสู้กันอยู่ในใจ มโนสำนึกด้านหนึ่งกระตุ้นให้เธอทำสิ่งที่ถูกต้อง โดยถือโอกาสนี้เรียกแท็กซี่หนีกลับบ้านหรือไม่ก็บริษัทเสีย แต่ความต้องการลึกๆในใจกลับบอกให้เธออยู่ที่นี่ ขอทำตามหัวใจแค่ครั้งเดียว เธอจะวางเฉย จะไม่ทำท่ายินดียินร้าย และจะซึมซับช่วงเวลาที่ผู้ชายคนนี้ปฏิบัติต่อเธอเหมือนในวันวาน เพื่อเก็บไว้เป็นกำลังใจให้ก้าวเดินต่อไป...โดยที่ไม่มีเขา!

แพรวเพชรถอนใจ รู้ว่าควรทำประการแรก แต่ขากลับไม่เชื่อฟัง ก้าวไปหาที่นั่งตรงมุมซึ่งค่อนข้างเงียบและเป็นส่วนตัว กั้นเป็นสัดส่วน ซ่อนอยู่หลังซุ้มไม้ระแนงเตี้ยๆ เธอหยิบโทรศัพท์กดหมายเลขของอิงอรุณแล้วโทร.ออก เมื่อได้ยินว่าลูกสาวอยู่กับอีกฝ่ายแล้วก็เบาใจ น่าแปลกที่เพื่อนไม่ยักถามว่าเธออยู่ไหนหรืออยู่กับใคร กลับบอกแค่...

“ดูแลตัวเองดีๆนะเพชร” แล้ววางสายไปง่ายดาย

หญิงสาวมองโทรศัพท์ในมือราวกับเห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ปฏิกิริยาธรรมดาอย่างยิ่งของอิงอรุณแม้จะแปลกและน่าฉงน ทว่าเมื่อคิดอีกที ฝ่ายนั้นคงเบาใจไม่ห่วงเธอแล้ว เพราะลองถ้ายังมีปัญญาติดต่อกลับไปถามไถ่ถึงลูกได้ คนอย่างแพรวเพชรก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรให้ต้องกังวลอีก

หมดห่วงเรื่องลูกแล้วก็มาถึงเรื่องตรงหน้า นี่เธอจะทำยังไงกับความใจอ่อนของตัวเองดีหนอ

หญิงสาวปล่อยใจมองโทรศัพท์ในมืออย่างเลื่อนลอย แต่แล้วจุดรวมสายตาก็หรี่เล็กลงเมื่อนึกบางสิ่งออก น้ำหนักที่ถ่วงอยู่ในมือจู่ๆกลับกลายเป็นความเย้ายวนกระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาดื้อๆ หญิงสาวเหลียวมองไปยังทางเข้าซุ้มเพื่อดูลาดเลาแวบเดียว แล้วก้มหน้าก้มตาสำรวจโทรศัพท์ของเผ่าภาคิน โดยมีจุดหมายแรกอยู่ที่กล่องข้อความ ใบหน้างามบิดเบ้ด้วยความขัดใจ เมื่อพบว่ามีแต่เรื่องงานทั้งนั้น แทบไม่มีชื่อผู้หญิงเป็นเจ้าของข้อความเลย

เป้าหมายถัดไปอยู่ที่โปรแกรมสนทนายอดนิยม ทั้งวอตส์แอป ไลน์ หรือกระทั่งแทงโก้ ปรากฎว่าประวัติการสนทนาของคนที่เขาพูดคุยด้วยบ่อยๆก็มีแค่...เรื่องงาน!

เธออดไม่ได้ที่จะเลื่อนหาชื่อของนวลนรีด้วยความอยากรู้ ทว่าพบประวัติการโทร.ไม่ถี่ดังคาด เมื่อไล่ไปถึงหน้าหมายเลขที่โทร.บ่อย กลับพบแต่ชื่อแม่ มาร์คัส การุณ พงษ์ชัย แล้วก็คุณนิดปรากฎอยู่ในลำดับแรกๆ
แพรวเพชรไม่กล้าถามตัวเองว่าดีใจกับสิ่งที่เพิ่งค้นพบหรือเปล่า เธอกลัวคำตอบที่จะได้รับจับใจเลยทีเดียว!

“สืบประวัติพี่อยู่หรือ” เสียงห้าวดังขึ้นเหนือศีรษะ พร้อมกับที่ชายหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ฝั่งตรงข้าม

หญิงสาวสะดุ้งโหยง เงยหน้ามองเจ้าของเสียงอัตโนมัติทั้งยังมีหลักฐานคามือ

“เอ้อ...ฉัน...ฉันขอโทษ” เธออุบอิบเอ่ยเสียงเบา รีบเสือกโทรศัพท์ไปตรงหน้าเจ้าของแก้เก้อ

“อยากรู้อะไรก็ถามสิ พี่อธิบายได้ดีกว่าโทรศัพท์ตั้งเยอะ” เผ่าภาคินเลื่อนโทรศัพท์กลับมาหน้าเธอ “ส่วนนี่...ดูได้ พี่ไม่มีความลับอะไรกับเพชร ออกจะดีใจด้วยซ้ำที่เพชรอยากรู้เรื่องของพี่”

“เพชรต้องทำยังไงพี่เผ่าถึงจะเลิกทำอะไรแบบนี้” เมื่อใช้ไม้แข็งมาโดยตลอดแต่ไม่เคยได้ผล บางทีเธอน่าจะลองไม้นวมดูบ้าง

“แค่พูดเพราะๆอย่างนี้ พี่ก็ไปไหนไม่รอดแล้ว” คนพูดยิ้มกว้าง แววตาสุกใสอ่อนโยนตอบคนละเรื่อง

นั่นละ...แพรวเพชรจึงตระหนักว่าเธอไม่มีทางเอาชนะผู้ชายคนนี้ได้เลย หัวใจเธอเป็นของเขาตลอดมา และที่เธอกำลังกลัวก็คือ มันอาจจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป!

ยิ้มของเขาขโมยลมหายใจของเธอได้เช่นเคย ก็ยิ้มแบบนี้มิใช่หรือที่ทำให้วันวานเธอเลือกความรักมาก่อนความถูกต้องเหมาะสม อาการทดท้อทำให้เลือกก้มหน้าซ่อนความรู้สึก

“เพชรเลือกที่นั่งเก่ง ตรงนี้สงบ ไม่พลุกพล่าน พี่ชอบ เพชรสั่งอาหารหรือยัง” เขาถามเพราะเห็นเธอเงียบไป

“ยัง ฉันไม่หิว”

“แต่พี่หิว อยากกินส้มตำด้วย”

แพรวเพชรมองชายหนุ่มตาค้าง เผ่าภาคินไม่เคยชอบอาหารอีสาน เหตุผลง่ายนิดเดียว...เขาไม่กินเผ็ด! แล้วจู่ๆวันนี้เขาไปกินอะไรผิดสำแดงมา จึงได้พูดจาประหลาดเช่นนี้

“เพชรสั่งให้หน่อยนะ พี่สั่งไม่เป็น” เขาทำเสียงออดอ้อนน่ารักจนแพรวเพชรใจแข็งไม่ไหว เธอห้ามใจตัวเองอย่างหนัก แต่สุดท้ายก็ใจอ่อน หยิบเมนูที่วางอยู่บนโต๊ะมาอ่าน เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นผู้ชายที่อยู่ในหัวใจตลอดหลายปีที่ผ่านมากำลังส่งยิ้มมาให้ ทั้งดวงตา ริมฝีปาก ทุกอย่างที่ประกอบกันบนใบหน้านั้นบอกชัดถึงความสุขมากมาย

หญิงสาวเสหลบสายตาคู่นั้นด้วยการก้มหน้าก้มตาอ่านรายการอาหารและวาดวงกลมหน้ารายการที่ต้องการ แวบหนึ่งที่คิดจะแกล้งคนเอาแต่ใจด้วยการสั่งส้มตำปูปลาร้าเผ็ดจัดจ้าน ทว่าเมื่อนึกถึงสีหน้ายิ้มแย้มของเขา เธอก็ทำไม่ลง

บางทีก็น่าเศร้าที่ต้องยอมรับความจริงว่า ความรักที่มีต่อใครบางคน…ไม่เคยหายไปไหน

และไม่ว่าเขาจะทำให้เราผิดหวัง เสียใจ หรือเจ็บปวดเพียงใด

แต่รัก...ก็ยังคงอยู่ที่เดิม มีอยู่เท่าเดิม ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย!
.
.
.
.
.
หลังจากยืนหันรีหันขวางอยู่หน้าประชาสัมพันธ์ของบริษัทคิวปิดแอสซิสแทนซ์พักใหญ่ ในที่สุดนวลนรีก็ผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก เมื่ออิงอรุณกำลังก้าวยาวๆตรงมาหาเธอด้วยสีหน้ายินดี

“มาเสียที อิงกำลังรออยู่ มาค่ะ อาหารจานแรกกำลังจะเสิร์ฟพอดี”

“คุณอิงจะไม่เล่าอะไรให้นวลทราบเป็นการเกริ่นนำล่วงหน้าก่อนเลยหรือคะ”

“เซอร์ไพรส์ค่ะ บอกก่อนก็หมดความตื่นเต้นกันพอดีสิคะ” หญิงสาวจูงมือเพื่อนใหม่เข้าไปในห้องประชุมเล็ก ซึ่งบัดนี้ที่นั่งตัวหนึ่งหน้าโต๊ะอาหารถูกจับจองไว้ด้วยผู้ชายผิวขาว หน้าตาจัดเข้าขั้นหล่อสะอาดสะอ้าน เขาลุกขึ้นยืนต้อนรับด้วยมารยาทอันดี

อิงอรุณแนะนำให้สองหนุ่มสาวรู้จักและทักทายกันเรียบร้อย แล้วจึงคว้าข้อมือนวลนรีมาประจำที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับพี่ชาย โดยตัวเธอเองนั่งยังฟากที่ว่างเหลืออยู่ พลางอธิบาย “มีคนใจดีส่งครัวของนากามูระส์จากซิดนีย์มากำนัลคิวปิดแอสซิสแทนซ์ค่ะ สงสัยจะประทับใจกับบริการของบริษัทเรามาก อิงเห็นว่าเขาเตรียมที่นั่งไว้เยอะแยะ จะปล่อยทิ้งไปก็เสียดาย จำได้ว่าคุณเผ่าภาคินเคยบอกว่าคุณนวลชอบกินของอร่อย อิงเลยเชิญมาร่วมวงด้วยกันค่ะ”

“ขอบคุณค่ะที่อุตส่าห์นึกถึง นวลนี่สงสัยทำบุญมาดี เคยได้ยินชื่อร้านนากามูระส์มานาน แต่เพราะไม่เคยไปออสเตรเลีย เลยไม่เคยได้ชิมสักที วันนี้ทำงานอยู่ดีๆคุณอิงก็โทร.ไปชวนมาชิมรสชาติอาหารของเชฟนากามูระ ต้องถือว่าเป็นลาภปากเลยนะนี่” นวลนรีกางผ้ากันเปื้อนวางบนหน้าตัก แล้วหันมาทางชายหนุ่มคนเดียวในห้องเพื่อเปิดบทสนทนาตามมารยาทบ้าง “คุณนราธิปเป็นพี่ชายแท้ๆของคุณอิงหรือคะ หน้าตาไม่เห็นเหมือนกันเลย”

“จริงแท้แน่นอนเลยครับ อิงเขาโชคดีที่ผมเอาความขี้เหร่มาหมดแล้ว เหลือแต่ส่วนสวยๆดีๆของพ่อกับแม่ไว้ให้เขา อ้อ...ถ้าคุณนวลไม่ถือ จะเรียกผมว่าพี่เหมือนยายอิงก็ได้ครับ เพื่อนน้อง ผมก็จัดเป็นน้องเหมือนกันหมดแหละ”

เพียงนวลนรีประจำที่เรียบร้อย อาหารก็เริ่มทยอยออกมาเสิร์ฟทันที กว่าสเต๊กปลาเทราต์คลุกสาหร่ายญี่ปุ่นซึ่งเป็นเมนูโด่งดังที่สุดของร้านจะมาเสิร์ฟในจานที่หก บทสนทนาของพี่ชายและเพื่อนใหม่ก็เปลี่ยนแปรจากถ้อยทีถ้อยอาศัยกลายเป็นความคุ้นเคยกันไปแล้ว อิงอรุณร่วมวงวิจารณ์อาหารกับทั้งคู่ ฟังเรื่องตลกที่นราธิปเล่าให้นวลนรีฟัง บ้างก็ชวนฝ่ายหญิงให้พูดถึงร้านเบเกอรี่เป็นระยะ

ของหวานจานสุดท้ายเสิร์ฟตอนเกือบสิบห้านาฬิกา จัดเป็นการรับประทานมื้อกลางวันในเวลาทำงานที่ยาวนานที่สุดของอิงอรุณเลยก็ว่าได้ หญิงสาวยกผ้าเช็ดปากแตะริมฝีปาก ซ่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์พึงใจไว้อย่างแนบเนียน โดยเฉพาะเมื่อนวลนรีพูดคุยถูกคอกับพี่ชายเธอจนถึงกับชวน...

“ไว้พี่นราไปชิมฝีมือทำอาหารกับขนมของนวลบ้างนะคะ เดี๋ยวนวลลดราคาพิเศษให้เลย”

“อะไรกัน แค่ลดราคาได้ไง นี่พี่กะจะไปกินฟรีเลยนะเนี่ย” นราธิปทำไขสือโมเมดื้อๆ

“โอเคค่ะ นี่เป็นกรณีพิเศษนะคะ นวลจะยกให้สักครั้ง แต่มีข้อแม้ว่าพี่นราต้องพาหนูกานกับคุณเพชรไปด้วย คุณอิงด้วยนะคะ ไปกันให้พร้อมหน้าเลย ขอให้นวลตอบแทนที่เลี้ยงอาหารมื้อสุดไฮโซวันนี้บ้าง”

“วุ้ย คุณนวลว่าตัวเองโชคดี แต่อิงว่าตัวเองนี่เข้าขั้นถูกหวยเลยนะ มื้อนี้กินฟรี แถมชวนคนมากินถูกจังหวะ เลยจะได้ไปกินฟรีร้านคุณนวลอีกทอด คุ้มกว่านี้คงไม่มีแล้วนะเนี่ย กำไรเห็นๆเลย”

ประโยคนั้นเรียกรอยยิ้มจากคนฟังอีกสองคนได้ง่ายดาย และนราธิปก็ไม่พลาดโอกาสที่จะกระแนะกระแหนน้องสาวจอมตะกละดังเคย

อิงอรุณปล่อยให้สองหนุ่มสาวรุมกระหน่ำเธอด้วยรอยยิ้มและถ้อยคำโดยไม่โต้แย้ง ขณะในใจกระหยิ่มยิ้มย่อง หมายมาดไว้ว่าจะต้องหาประโยชน์จากการชวนนวลนรีมาทานข้าววันนี้ให้ได้ และแน่นอนว่าถ้านั่นเป็นส่วนหนึ่งที่เธอใช้กีดกันเผ่าภาคินออกจากเพื่อนรักได้ด้วย ก็จะยิ่งดีที่สุด!



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 มี.ค. 2556, 00:02:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 มี.ค. 2556, 00:02:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 1893





<< ตอนที่ ๑๔   ตอนที่ 16 >>
สิริณ 25 มี.ค. 2556, 00:10:22 น.
อาทิตย์ที่ผ่านมา สนิมดอกรักขึ้นเป็นนิยายยอดนิยมอันดับสี่แล้ว เย้ๆๆๆ
ปลาบปลื้มยินดีอย่างยิ่ง ขอบคุณทุกคนจริงๆค่ะ
คนละโหวตของเพื่อนๆ ทำให้สิริณหน้าบานเป็นจานเชิงเลยยยย

หากอ่านจบแล้ว อย่าลืมให้กำลังใจคนเขียน
ด้วยการกดไล้ค์คนละทีด้วยน้า

วันนี้ิสิริณอยากถือโอกาสชวนเพื่อนๆ
ไปไล้ค์แฟนเพจของสิริณด้วยค่ะ
จะได้เป็นอีกหนึ่งช่องทางสำหรับติดตามข่าวสารอัพเดท
สิริณจะมีกิจกรรมแจกหนังสือประกาศในเพจด้วย
ไปไล้ค์กันเยอะๆนะค้า

เข้าเฟซบุ๊กค้นหา "สิริณ แม่มณี เวฬา" ได้เลยค่ะ
เพจที่เจ้าของสวยๆ นั่นเป็นเพจส่วนตัว ใครใคร่แอดไปแซวเล่นกันก็ได้

ส่วนแฟนเพจของสิริณ จะเป็นรูปนาฬิกาทรายค่า
แอดกันโลดเน้อ ยินดีต้อนรับเพื่อนๆ ทุกท่านค่ะ ^^

ป.ล. ใครยังไม่ได้คอมเม้นต์ รีบคอมเม้นต์นะค้า
เดี๋ยวหนังสือพิมพ์เสร็จ
สิริณจะเอารายชื่อผู้ที่คอมเม้นต์ทุกคนมาใส่โถเพื่อจับสลากแจกหนังสือค่ะ
หนึ่งคอมเม้นต์หนึ่งสิทธิ์ค้าบพ้ม
ยิ่งคอมเม้นต์มาก ยิ่งมีสิทธิ์มากเน้อ


sai 25 มี.ค. 2556, 00:29:34 น.
ลุ้นๆคนในเงาต่อไป


คิมหันตุ์ 25 มี.ค. 2556, 01:02:42 น.
ถ้าพี่เผ่าไม่ประสงค์ร้ายก็น่าจะดีนะคะ


หยองตอด 25 มี.ค. 2556, 01:11:34 น.
ถ้านราธิปเป็นคนดีจริงๆโดยที่ไม่มีเบื้องหลังอะไร ก็น่าจะเชียร์ให้คู่กับนวลนรีเหมือนกันนะเนี่ย
ไม่อยากให้คนดีๆเสียใจ


Pampam 25 มี.ค. 2556, 04:12:26 น.
ยังหาเบาะแสไม่ได้เลยว่าใครอยู่เบื้องหลังกันแน่


เดิมเดิม 25 มี.ค. 2556, 08:10:04 น.
ยังสงสัยพี่นรานะเนี่ย


nunoi 25 มี.ค. 2556, 14:40:16 น.
ลุ้นว่าใครอยู่เบื้องหลังนะ อยากให้พี่นราคู่กับนวลนรี เหมือนกันเลยค่ะ


supayalak 25 มี.ค. 2556, 15:32:21 น.
ตกลงเราเดาผิดไปผิดมารึเปล่าวุ้ยยย เริ่มงงแระ


เด็กหญิงม่อน 25 มี.ค. 2556, 17:10:06 น.
พี่นราดูรักเพชรจัง ไม่อยากให้พี่นราเป็นตัวร้ายเลย


ทราย 25 มี.ค. 2556, 17:42:42 น.
ตอนนี้ไขว้เขว พี่นราจะเป็นคนใจร้ายจริงหรือเปล่า -3-


goldensun 25 มี.ค. 2556, 19:48:28 น.
เพชรใจอ่อนแล้ว พี่เผ่าก็น่าจะรู้ด้วย แต่ไม่แน่ใจเลย ว่าเลิกคิดร้ายกับเพชรแล้วรึยัง
แล้วพี่เผ่าจะสืบอดีตรึเปล่า จริงๆ มีเงินเยอะ มีเส้นพวกมาเฟีย น่าจะสืบได้ไม่ยากนะคะ
เพราะดูแล้ว คุณนราไม่น่าจะอยุ่เบื้องหลังการที่พี่เผ่าโดนทำร้ายนะคะ


bloomberg 26 มี.ค. 2556, 18:10:26 น.
หัวใจพี่นราแกเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กรึเปล่าเนี่ย พูดออกมาได้ ตราบเท่าที่เพชรยังเลือกอยู่กับพี่ ก็ไม่มีอะไรให้กังวล...แน่ใจนะที่พูดเนี่ย

ไม่ใช่ว่าเมื่อไหร่ที่เพชรบอกว่ากลับไปมีอะไรกับพี่เผ่า (ทั้งที่ยังอยู่กับพี่) แล้ววันนั้นพี่ล้มทั้งยืนเนี่ย เท่ากับพี่แหกตาประประชาชน ใช้เหล็กไม่ได้มาตรฐานนะพี่


heartlogue 26 มี.ค. 2556, 23:17:36 น.
ยังไม่เข้าใจพี่นรา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account