สนิมดอกรัก (ตีพิมพ์แล้ว - สนพ.อรุณ)
แพรวเพชร สิริณธรณ์ ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
เมื่อเผ่าภาคินที่เธอเข้าใจว่าเสียชีวิตไปแล้วเกือบสี่ปี
จู่ๆจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
แถมยังมาในมาดมหาเศรษฐีหนุ่มรูปหล่อ ร่ำรวย
และโหดเหี้ยมเหมือนในนิยายเป๊ะ!
.
.
.
.
“เชิญกรอกข้อมูลส่วนตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะแนะนำรายละเอียดและขอบเขตการให้บริการให้ฟัง อ้อ...ต้องให้ดิฉันแจ้งค่าใช้จ่ายให้ทราบคร่าวๆก่อนไหมคะ เพราะค่าบริการของเราไม่แพงก็จริง แต่สำหรับคนกำลังเก็บเงินแต่งงาน มันก็...เป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลย”
“ดูเหมือนว่าเงินจะเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตคุณเสมอเลยนะ คุณแพรวเพชร” เผ่าภาคินหยัน
“พูดอย่างกับว่ามันไม่สำคัญสำหรับคุณงั้นแหละ” หญิงสาวบิดริมฝีปากนิดๆอย่างดูถูก จากนั้นเดินไปยังโต๊ะที่วางชิดผนัง ดึงเอกสารแผ่นหนึ่งจากแท่นใสทรงกระบอกถือมากางตรงหน้าชายหนุ่ม พลางอธิบายด้วยท่าทีเหมือนทองไม่รู้ร้อน ไม่สนใจแม้จะเห็นว่าสายตาที่จ้องเธอแทบจะแผดเผาลุกเป็นไฟ
“นี่ค่ะ อัตราค่าสมัครแรกเข้าสำหรับลงทะเบียนเป็นสมาชิกของคิวปิดฯ ส่วนคอร์สที่คุณจะเข้าใช้บริการแยกคิดเป็นรายครั้ง เรามีรายการให้คุณเลือกเยอะค่ะ ทั้งดำน้ำ วาดรูป อบรมบุคลิกภาพ เที่ยวพิพิธภัณฑ์ ทำบุญไหว้พระ ทำขนม อ้อ...แต่สุดท้ายนี่ฉันไม่แนะนำนะคะ เพราะคุณคงไม่อยากให้ครูคนนั้นรู้ว่ามาสมัครเป็นลูกค้าที่นี่”
“แล้วมีคอร์สสับรางไม่ให้รถไฟชนกันบ้างไหม หรือไม่ก็พวก...วิธีซ่อนชู้ ซ่อนกิ๊กอะไรแบบนี้น่ะ ผมสนใจเป็นพิเศษ และถ้าให้แนะนำ ผมว่าคุณน่ะเหมาะจะเป็นวิทยากรมาก ใช้ประสบการณ์ตรงมาสอนก็ได้ คงมีคนอยากเรียนกันเยอะแยะ”
แพรวเพชรหัวเราะขัน “แปลกนะคะ คุณพูดเองแท้ๆว่าฉันไม่ได้มีเกียรติ มีเสน่ห์ หรือว่ามีค่าพอให้คุณเสียดมเสียดายอะไรแล้ว แต่ไอ้ที่คุณพูดๆมาเนี่ย เหมือนว่า...คุณจะจำเรื่องราวเกี่ยวกับตัวฉันได้แม่นยำจังเลย”
หญิงสาวดักคอและลอยหน้าเอ่ยประโยคต่อไปว่า “เอ...หรือว่าอันที่จริงแล้วคุณไม่ได้คิดอย่างที่พูด แต่กำลังเรียกร้องความสนใจจากฉัน หรือบางทีไอ้ที่บอกว่าจะแต่งงานกับคุณนวลนรีนั่นก็เป็นแค่การโกหก แกล้งทำเป็นโชว์ออฟ เพียงเพราะอยากให้ฉันรู้สึกรู้สาไปด้วยเท่านั้นเอง ประชด...อะไรทำนองนั้นน่ะเหรอคะ”
ปฏิกิริยาที่ไม่ได้คาดไว้ล่วงหน้าทำให้เผ่าภาคินค้นหาคำตอบโต้ไม่พบแม้แต่คำเดียว
แพรวเพชรแต้มยิ้มทำสีหน้าสมเพช จากนั้นก้าวเข้ามาใกล้ เอื้อมมือแตะแก้มอีกฝ่ายแผ่วเบาหยอกเย้า “โถ...น่ารักจริง แต่ขอโทษด้วยที่ต้องทำให้ผิดหวัง ฉันแต่งงานแล้ว และก็ไม่เคยคิดนอกใจสามี เพราะเขาเป็นคนดีมาก ยิ่งเขาดีเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งนึกเสียดายที่เคยไปเกลือกกลั้วกับของสกปรกมาก่อน โชคดีที่เขาไม่ถือสาอดีตของฉัน ไม่เช่นนั้นฉันคงไม่ได้เป็นผู้หญิงโชคดีอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้”
ประโยคสุดท้ายทิ่มแทงหัวใจคนฟังจนแทบทนไม่ไหว และเพียงเสี้ยววินาทีที่เผ่าภาคินปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือความควบคุม อุ้งมือแข็งแรงก็ตวัดคว้าต้นแขนหญิงสาวพร้อมทั้งบีบรุนแรง กระแสบางอย่างที่แล่นปราดผ่านปลายนิ้วทำให้ชายหนุ่มเกือบจะปล่อยมือ แต่เขาก็ฝืนกำมือแน่น เค้นเสียงลอดไรฟันเอ่ยคำถัดมา
“ใช่ ฉันมันเลว ชั่ว แต่ก็สมกันดีแล้วไม่ใช่เหรอ ผู้ชายสกปรกกับผู้หญิงที่น่าขยะแขยงน่ะ แพรวเพชรคนอ่อนโยนไร้เดียงสาที่ฉันเคยรู้จัก มาวันนี้กลับกลายเป็นผู้หญิงกร้านโลก หลายใจ น่ารังเกียจไปแล้ว ทุเรศที่สุด”
“ในเมื่อพี่เผ่าคนที่ฉันเคยรู้จักตายไปแล้ว แพรวเพชรคนที่คุณเคยรู้จักก็สมควรจะตายไปได้แล้วเหมือนกัน ถือว่าเราเสมอกันไงคะ” หญิงสาวยิ้มกว้างอย่างสะใจ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต
หากฝ่าฝืน สิริณ จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น
ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^
เมื่อเผ่าภาคินที่เธอเข้าใจว่าเสียชีวิตไปแล้วเกือบสี่ปี
จู่ๆจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
แถมยังมาในมาดมหาเศรษฐีหนุ่มรูปหล่อ ร่ำรวย
และโหดเหี้ยมเหมือนในนิยายเป๊ะ!
.
.
.
.
“เชิญกรอกข้อมูลส่วนตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะแนะนำรายละเอียดและขอบเขตการให้บริการให้ฟัง อ้อ...ต้องให้ดิฉันแจ้งค่าใช้จ่ายให้ทราบคร่าวๆก่อนไหมคะ เพราะค่าบริการของเราไม่แพงก็จริง แต่สำหรับคนกำลังเก็บเงินแต่งงาน มันก็...เป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลย”
“ดูเหมือนว่าเงินจะเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตคุณเสมอเลยนะ คุณแพรวเพชร” เผ่าภาคินหยัน
“พูดอย่างกับว่ามันไม่สำคัญสำหรับคุณงั้นแหละ” หญิงสาวบิดริมฝีปากนิดๆอย่างดูถูก จากนั้นเดินไปยังโต๊ะที่วางชิดผนัง ดึงเอกสารแผ่นหนึ่งจากแท่นใสทรงกระบอกถือมากางตรงหน้าชายหนุ่ม พลางอธิบายด้วยท่าทีเหมือนทองไม่รู้ร้อน ไม่สนใจแม้จะเห็นว่าสายตาที่จ้องเธอแทบจะแผดเผาลุกเป็นไฟ
“นี่ค่ะ อัตราค่าสมัครแรกเข้าสำหรับลงทะเบียนเป็นสมาชิกของคิวปิดฯ ส่วนคอร์สที่คุณจะเข้าใช้บริการแยกคิดเป็นรายครั้ง เรามีรายการให้คุณเลือกเยอะค่ะ ทั้งดำน้ำ วาดรูป อบรมบุคลิกภาพ เที่ยวพิพิธภัณฑ์ ทำบุญไหว้พระ ทำขนม อ้อ...แต่สุดท้ายนี่ฉันไม่แนะนำนะคะ เพราะคุณคงไม่อยากให้ครูคนนั้นรู้ว่ามาสมัครเป็นลูกค้าที่นี่”
“แล้วมีคอร์สสับรางไม่ให้รถไฟชนกันบ้างไหม หรือไม่ก็พวก...วิธีซ่อนชู้ ซ่อนกิ๊กอะไรแบบนี้น่ะ ผมสนใจเป็นพิเศษ และถ้าให้แนะนำ ผมว่าคุณน่ะเหมาะจะเป็นวิทยากรมาก ใช้ประสบการณ์ตรงมาสอนก็ได้ คงมีคนอยากเรียนกันเยอะแยะ”
แพรวเพชรหัวเราะขัน “แปลกนะคะ คุณพูดเองแท้ๆว่าฉันไม่ได้มีเกียรติ มีเสน่ห์ หรือว่ามีค่าพอให้คุณเสียดมเสียดายอะไรแล้ว แต่ไอ้ที่คุณพูดๆมาเนี่ย เหมือนว่า...คุณจะจำเรื่องราวเกี่ยวกับตัวฉันได้แม่นยำจังเลย”
หญิงสาวดักคอและลอยหน้าเอ่ยประโยคต่อไปว่า “เอ...หรือว่าอันที่จริงแล้วคุณไม่ได้คิดอย่างที่พูด แต่กำลังเรียกร้องความสนใจจากฉัน หรือบางทีไอ้ที่บอกว่าจะแต่งงานกับคุณนวลนรีนั่นก็เป็นแค่การโกหก แกล้งทำเป็นโชว์ออฟ เพียงเพราะอยากให้ฉันรู้สึกรู้สาไปด้วยเท่านั้นเอง ประชด...อะไรทำนองนั้นน่ะเหรอคะ”
ปฏิกิริยาที่ไม่ได้คาดไว้ล่วงหน้าทำให้เผ่าภาคินค้นหาคำตอบโต้ไม่พบแม้แต่คำเดียว
แพรวเพชรแต้มยิ้มทำสีหน้าสมเพช จากนั้นก้าวเข้ามาใกล้ เอื้อมมือแตะแก้มอีกฝ่ายแผ่วเบาหยอกเย้า “โถ...น่ารักจริง แต่ขอโทษด้วยที่ต้องทำให้ผิดหวัง ฉันแต่งงานแล้ว และก็ไม่เคยคิดนอกใจสามี เพราะเขาเป็นคนดีมาก ยิ่งเขาดีเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งนึกเสียดายที่เคยไปเกลือกกลั้วกับของสกปรกมาก่อน โชคดีที่เขาไม่ถือสาอดีตของฉัน ไม่เช่นนั้นฉันคงไม่ได้เป็นผู้หญิงโชคดีอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้”
ประโยคสุดท้ายทิ่มแทงหัวใจคนฟังจนแทบทนไม่ไหว และเพียงเสี้ยววินาทีที่เผ่าภาคินปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือความควบคุม อุ้งมือแข็งแรงก็ตวัดคว้าต้นแขนหญิงสาวพร้อมทั้งบีบรุนแรง กระแสบางอย่างที่แล่นปราดผ่านปลายนิ้วทำให้ชายหนุ่มเกือบจะปล่อยมือ แต่เขาก็ฝืนกำมือแน่น เค้นเสียงลอดไรฟันเอ่ยคำถัดมา
“ใช่ ฉันมันเลว ชั่ว แต่ก็สมกันดีแล้วไม่ใช่เหรอ ผู้ชายสกปรกกับผู้หญิงที่น่าขยะแขยงน่ะ แพรวเพชรคนอ่อนโยนไร้เดียงสาที่ฉันเคยรู้จัก มาวันนี้กลับกลายเป็นผู้หญิงกร้านโลก หลายใจ น่ารังเกียจไปแล้ว ทุเรศที่สุด”
“ในเมื่อพี่เผ่าคนที่ฉันเคยรู้จักตายไปแล้ว แพรวเพชรคนที่คุณเคยรู้จักก็สมควรจะตายไปได้แล้วเหมือนกัน ถือว่าเราเสมอกันไงคะ” หญิงสาวยิ้มกว้างอย่างสะใจ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต
หากฝ่าฝืน สิริณ จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น
ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ ๑๕
“เพิ่งเปิดบริษัทได้ไม่นาน นี่คิดจะขยายออฟฟิศกันแล้วหรือ ข้างนอกวุ่นวายไปหมดเลย” เสียงนราธิปดังขึ้นขณะเจ้าตัวก้าวผ่านประตูเข้ามาในห้องทำงานของอิงอรุณ
“อ้าว! พี่นรามาได้ยังไงคะ”
“เพชรนัดพี่มากินข้าวกลางวันด้วยกันน่ะ อ้าว...นี่กระเป๋าเพชรนี่ แล้วเพชรไปไหนล่ะ พี่ไปหาที่ห้องก็ไม่เจอ”
อิงอรุณได้ยินคำตอบของพี่ชายแล้วจึงเพิ่งถึงบางอ้อว่าแพรวเพชรหอบปิ่นโตเถานั้นมาด้วยเหตุผลใด ทั้งยังเข้าใจเพิ่มขึ้นด้วยว่า ไฉนเพื่อนจึงสติแตกเมื่อเห็นของขวัญที่เผ่าภาคินส่งมาเซอร์ไพรส์ในวันนี้!
แพรวเพชรไม่เคยสวีตหวานกับพี่ชายเธอ เพราะฉะนั้นการที่เพื่อนซื้ออาหารมื้อพิเศษ แถมยังชวนนราธิปมาทานมื้อกลางวันด้วยกัน ย่อมไม่ใช่แค่สัญญาณความหวั่นไหวระดับปกติธรรมดา แต่เป็นเครื่องหมายบอกว่า เพื่อนกำลังยึดโยงทุกสายใยที่ทำได้เพื่อใช้เป็นเกราะกำบังความรู้สึกที่แท้จริง
เห็นได้ชัดว่าแพรวเพชรตั้งใจจะประคับประคองชีวิตครอบครัวไปให้ตลอดรอดฝั่ง ห่วงก็แต่ว่าแรงภายนอกที่เข้ามากระทบนั่นแหละ เพราะถ้าเผ่าภาคินยังรุกหนักขนาดนี้ ทุกอย่างที่ทุกคนพยายามปกปิดตลอดมาคงถึงคราวภินท์พังในไม่ช้า! และถ้าดูจากสิ่งที่เผ่าภาคินเพิ่งทำลงไป แถมแพรวเพชรก็รับกับอารมณ์ที่ถาโถมมาไม่ไหวจนเตลิดหนีไปเช่นนี้ ก็ยิ่งแสดงให้มั่นใจว่าเรื่องอาจกำลังก้าวไปสู่หนทางที่ยากเกินแก้ไข และวิธีเดียวที่น่าจะช่วยแพรวเพชรไว้ได้ก็คือความร่วมมือจากนราธิป
อิงอรุณไม่หยุดใคร่ครวญเลยในอันที่จะเล่าที่มาที่ไปของความวุ่นวายในห้องประชุมข้างนอกให้พี่ชายฟัง ชายหนุ่มถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้คนเป็นน้องนึกถึงการโต้คารมของเธอกับเผ่าภาคิน และกลั้นใจลองโยนหินถามทางดู “พี่นราว่าเป็นไปได้ไหมคะที่จะมีเรื่องเข้าใจผิดกันเมื่อสี่ปีก่อน”
“เราคุยเรื่องนี้กันมาหลายรอบแล้วนะอิง ผู้ชายคนนั้นนอกใจเพชร แล้วก็ยังเกือบจะฆ่า ‘ลูก’ ของตัวเองอีกด้วย ไม่มีเรื่องเข้าใจผิดหรอก ถ้าวันนั้นพี่ไม่อยู่ด้วย ยังไม่รู้เลยว่ามันจะทำอะไรเพชรหรือเปล่า”
“อิงกลัวจังเลยพี่นรา” คนเป็นน้องลุกขึ้นมากอดนราธิป
“มีอะไรต้องกลัวหรือ”
“อิงรู้สึกนะว่า ต่อให้พี่เผ่าใจร้ายกว่านั้น โหดร้ายกว่านั้น หรือว่าเลวร้ายกว่านั้น เพชรก็คงไม่มีวันเกลียดเขาได้จริงๆหรอก”
“ก็ดีแล้วนี่นา การเกลียดมันเป็นบาปนะ” นราธิปแสร้งเย้าปนหัวเราะ ตบบ่าน้องเบาๆ แล้วจึงดันเธอออกห่าง
อิงอรุณกลับถอนหายใจ “พี่นราไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอที่เมียตัวเองจะรักผู้ชายคนอื่นน่ะ”
“ตราบเท่าที่เพชรยังเลือกอยู่กับพี่ ก็ไม่มีอะไรที่พี่จะต้องกังวลหรอก”
“ก็จริงนะ เพชรต้องรักพี่นราบ้างแหละ ไม่งั้นคงไม่ตกลงใจยอมแต่งงานกับพี่ชายของอิงหรอกเนอะ”
นราธิปทำท่าจะอธิบายอะไรบางอย่าง แต่ตัดสินใจเงียบไว้ดังเดิม ถึงอิงอรุณจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นมากกว่าคนอื่น แต่ก็มีบางเรื่องที่เขาและแพรวเพชรยินดีรักษาไว้เป็นความลับที่รู้กันเพียงสองคนเท่านั้น
เรื่อง...ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของทั้งคู่!
“แล้วนี่เราจะทำยังไงกันต่อคะ ยายเพชรเตลิดไปไหนก็ไม่รู้ กระเป๋าอยู่นี่ โทรศัพท์โทรเสิบก็ไม่ได้เอาไป”
นราธิปดึงโทรศัพท์จากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตมากดเรียกไปยังเลขหมายหนึ่ง เขาเจรจาอยู่สองสามคำจึงวางสาย หันมาบอกน้องสาว “เพชรอยู่กับนายนั่นแล้ว”
เห็นคนฟังทำหน้าเหมือนเห็นผี เขาจึงอธิบายต่อ “พี่เคยนัดเจรจากับเขา และพอรู้ว่าเขาตั้งใจจะทำอะไร พี่เลยจ้างนักสืบติดตามเพชร ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีประโยชน์”
อิงอรุณยืนอึ้ง สุดท้ายจึงโซเซไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างสิ้นเรี่ยวแรง หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน หญิงสาวจึงแหงนขึ้นมองพี่ชาย “อิงรู้ว่าวันนี้เป็นคิวยายเพชรรับหนูกาน แต่เดี๋ยวเลิกเรียนแล้ว เรารีบไปรับหลานกันเถอะนะคะ”
“พี่กำลังคิดอยู่เหมือนกัน เรายังไม่ควรให้เขารู้ความจริงเกี่ยวกับหนูกานเร็วเกินไป ถ้าผู้ชายคนนั้นรักเพชรอย่างที่บอกจริงๆ เขาจะต้องยอมรับได้ว่าเพชรไม่ใช่ผู้หญิงของเขาคนเดียวอย่างเมื่อก่อนแล้ว เขาควรจะก้าวข้ามความจริงที่ว่าเพชรเป็นเมียพี่ได้ เหมือนที่พี่เคยทำมาแล้ว”
“แต่สุดท้ายอิงก็มั่นใจว่ายังไงเพชรต้องเลือกพี่นรา เพื่อนอิงไม่ใช่ผู้หญิงสมัยใหม่ประเภทที่จะร่อนไปกับคนโน้นทีคนนี้ทีโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรหรอก เพชรหน้าบางจะตาย”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลนั้น เพชรคงไม่ยอมแต่งงานกับพี่ตั้งแต่แรก เขาแคร์กระทั่งความรู้สึกของเด็กไม่รู้เดียงสาอย่างหนูกาน ไม่อยากให้เกิดมากำพร้าพ่อ คนที่อ่อนโยนกับความรู้สึกคนรอบข้างอย่างนั้น ไม่มีทางจะเลือกทำเพื่อความพอใจของตัวเองก่อนหรอก ยกเว้น...”
อิงอรุณหน้าตื่น “มีข้อยกเว้นด้วยหรือคะ”
ชายหนุ่มพยักหน้าขรึมๆ “ยกเว้นว่า...พี่จะเป็นคนขอร้องให้เพชรเลือกเพื่อตัวเอง”
“พี่นราจะต้องไม่ทำอย่างนั้นนะคะ” หญิงสาวตาแดงๆ ทำท่าจะก่อดราม่าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
นราธิปโยกศีรษะน้องสาวอย่างล้อเลียน ขณะเอ่ยประโยคทิ้งท้าย “พี่ก็หวังว่าตัวเองจะไม่ต้องทำแบบนั้นเหมือนกัน” เขาชี้เถาปิ่นโต “ตกลงว่าเราจะกินอันนี้หรือว่าจะกินมื้อใหญ่ที่พ่อบุญทุ่มจัดมาบรรณาการเพชรดี”
อิงอรุณรู้ว่าพี่ชายกำลังพยายามประคับประคองบรรยากาศมิให้หมองเศร้าเกินไป จึงฝืนยิ้มกระตือรือร้น “ตอนอยู่ซิดนีย์ก็ไม่เคยไปชิมฝีมือเชฟนากามูระสักหน ตอนนี้อุตส่าห์มีโอกาสแล้ว ใครจะพลาด เราไปถล่มอีตาเศรษฐีขี้อวดนั่นกันให้พุงกางไปเลยดีกว่า”
นราธิปส่งมือให้น้องสาวซึ่งก้าวเข้ามาเกาะแขนเขาด้วยความเต็มใจ ขณะทั้งคู่ก้าวออกจากห้องพร้อมกัน จู่ๆอิงอรุณก็โพล่งขึ้นด้วยสีหน้าและรอยยิ้มแฝงแววเจ้าเล่ห์
“อิงนึกออกละว่าควรจะทำยังไงให้เรื่องนี้สนุกกว่าที่เป็นอยู่” เมื่อเห็นสีหน้าสงสัยของพี่ชาย เธอก็ยิ้มซุกซนเฉลยว่า “อิงจะชวนใครคนนึงมากินมื้อนี้กับเราด้วยน่ะสิคะ เผื่ออาจจะมีประโยชน์เอาไว้ขู่แบล็กเมล์พี่เผ่าได้บ้าง พี่นราคอยดูฝีมืออิงละกัน!”
.
.
.
.
.
แพรวเพชรได้แต่ก้าวตามแรงลากที่ข้อมือไปราวกับหุ่นยนต์ ไม่ว่าผู้ชายจอมเผด็จการจะพาเธอขึ้นลงรถ หรือเดินไปตามทางที่ราบรื่นหรือขรุขระเพียงใดก็ตาม
หญิงสาวไม่รู้เหมือนกันว่า ที่ไม่มีปากเสียงใดเลยเป็นเพราะเหนื่อยใจจะทุ่มเถียงกับเขาแล้ว หรือเพราะการได้เห็นแผ่นหลังกว้างที่คุ้นเคยอยู่ตรงหน้า ที่จริงคือความต้องการลึกที่สุดในหัวใจเธอกันแน่
แค่เสี้ยววินาทีที่เขาจู่โจมเข้าประชิดตัว ทว่ารอยอบอุ่นที่ไปล่ปลิวอยู่รอบกายกลับยาวนานในความรู้สึกราวชั่วกัปชั่วกัลป์ ทั้งอ้อมกอด รอยจูบ และรสสัมผัสที่คุ้นเคย เรียกความรู้สึกเก่าๆให้ฟุ้งตลบอวลอยู่ในทุกอณูของอากาศทั้งที่ไม่ต้องการเลย
“หิวไหม” เจ้าของเสียงห้าวหยุดเดินตั้งแต่เมื่อไรก็สุดรู้ เขาก้มมาถามโดยมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า ลักยิ้มเล็กๆที่บุ๋มลงใกล้มุมปากเป็นภาพชินตาที่ทำให้รู้โดยไม่ต้องให้พูดว่า เขากำลังมีความสุข...มากเสียด้วย
วูบหนึ่งที่หัวใจเธอโลดแรง รู้สึกคล้ายอะไรบางอย่างรินลงในอก ค่อยๆถมเติมโพรงว่างโหวงนั้นให้เต็มตื้นขึ้นช้าๆ แพรวเพชรไม่อยากรับรู้ถึงโลกเบื้องนอกและความเป็นจริงใดอีกเลย
น้ำตารื้นขึ้นโดยไม่ทันควบคุม และผู้ชายตัวโตก็ทำกิริยานั้นได้น่ารักนัก เมื่อเขาชูนิ้วชี้ขึ้นโบกไปมาอย่างล้อเลียน “ขี้แยแบบนี้ ไม่อายหนูกานหรือ”
แพรวเพชรกะพริบตาถี่ๆ ไล่รอยน้ำตาให้จางหายไปอย่างรวดเร็ว เธอเหลียวดูนาฬิกาที่ข้อมือและใคร่ครวญ “ฉันขอโทร.หาอิงได้ไหม” ไม่ใช่คำบอกเล่า แต่ถามคล้ายขออนุญาตมากกว่า
เผ่าภาคินหยิบโทรศัพท์มากดปุ่มอะไรบางอย่างก่อนส่งให้เธอ “พี่ซ่อนเบอร์โทร.แล้ว คนปลายทางจะเห็นข้อความว่าเป็นเบอร์ส่วนตัว แต่ไม่ขึ้นหมายเลขให้เห็น”
หญิงสาวตวัดตามองคนพูดด้วยความสนใจ “คุณทำอะไรแบบนั้นได้ด้วยเหรอ”
“พี่เผ่า ไม่ใช่คุณ” เขาย้ำเอาแต่ใจ เมื่อเธอไม่ทำตามง่ายๆจึงขู่ “ถ้าไม่เรียก งั้นพี่ก็ไม่บอก ว่าไง...”
แพรวเพชรหน้าง้ำ ไอ้เรียกน่ะไม่ยาก แต่เธอรู้ดีว่าใจกำลังอ่อนลงเรื่อยๆ ขืนทำตัวสนิทสนมกับเขาอย่างที่เคยเป็น กำแพงที่เพียรก่อไว้กางกั้นผู้ชายคนนี้มีหวังต้องพังทลายไม่เป็นท่าแน่นอน
“คุณเผ่าภาคิน” เธอเน้นเสียงย้ำทีละคำ จงใจดื้อให้ถึงที่สุด...อีกครั้ง
“รู้ตัวไหมว่าเวลาเพชรดื้อแบบนี้ จะว่าไปก็น่ารักดีเหมือนกันนะ”
“โรคจิตหรือไง ถึงได้ชอบอะไรประหลาดๆ”
ชายหนุ่มส่ายหน้า รีบยกมือจุปาก “พี่ไม่ใช่คนโรคจิตหรอกน่า ถึงได้ชอบอะไรบ๊องๆอย่างนี้ เพียงแต่ว่า...ทุกวันนี้ไม่ว่าพี่จะพูดอะไรก็มีแต่คนคอยพยักหน้าเห็นด้วย ไม่มีใครกล้าขัดใจพี่เท่าไหร่เลย การถูกเพชรขัดใจทำให้พี่ได้เห็นเพชรในมุมใหม่ๆบ้าง ก็ดีเหมือนกัน สนุกดี ชีวิตมีรสชาติชะมัด” เขาคว้ามือเธอขึ้นมาแบ แล้ววางโทรศัพท์ลงบนนั้น “เพชรโทร.ตามสบายเถอะ เสร็จแล้วสั่งอาหารซะด้วยละ เดี๋ยวพี่ขอไปล้างมือหน่อย”
เอ่ยจบคนเอาแต่ใจก็ก้าวผ่านหน้าเธอไป แพรวเพชรเพิ่งสังเกตเห็นว่าลานกว้างที่เดินเข้ามามีโต๊ะเก้าอี้ไม้วางเรียงรายเป็นระเบียบเกือบเต็ม ฟากหนึ่งคือรั้วระแนงปลูกไม้กระถางแขวนไว้เป็นระยะ ตรงหน้าร้านมีเตาย่างขนาดใหญ่ส่งควันโขมง ถัดเข้ามาเป็นตู้กระจก มีมะเขือเทศ มะละกอสับกองพูนอยู่ในถาดคลุมด้วยผ้าขาวบาง โถแก้วใส่กุ้งแห้ง ถั่วลิสง และเครื่องปรุงอื่นๆ เขาพาเธอมาที่ร้านส้มตำ!
ความรู้สึกสองฝ่ายกำลังต่อสู้กันอยู่ในใจ มโนสำนึกด้านหนึ่งกระตุ้นให้เธอทำสิ่งที่ถูกต้อง โดยถือโอกาสนี้เรียกแท็กซี่หนีกลับบ้านหรือไม่ก็บริษัทเสีย แต่ความต้องการลึกๆในใจกลับบอกให้เธออยู่ที่นี่ ขอทำตามหัวใจแค่ครั้งเดียว เธอจะวางเฉย จะไม่ทำท่ายินดียินร้าย และจะซึมซับช่วงเวลาที่ผู้ชายคนนี้ปฏิบัติต่อเธอเหมือนในวันวาน เพื่อเก็บไว้เป็นกำลังใจให้ก้าวเดินต่อไป...โดยที่ไม่มีเขา!
แพรวเพชรถอนใจ รู้ว่าควรทำประการแรก แต่ขากลับไม่เชื่อฟัง ก้าวไปหาที่นั่งตรงมุมซึ่งค่อนข้างเงียบและเป็นส่วนตัว กั้นเป็นสัดส่วน ซ่อนอยู่หลังซุ้มไม้ระแนงเตี้ยๆ เธอหยิบโทรศัพท์กดหมายเลขของอิงอรุณแล้วโทร.ออก เมื่อได้ยินว่าลูกสาวอยู่กับอีกฝ่ายแล้วก็เบาใจ น่าแปลกที่เพื่อนไม่ยักถามว่าเธออยู่ไหนหรืออยู่กับใคร กลับบอกแค่...
“ดูแลตัวเองดีๆนะเพชร” แล้ววางสายไปง่ายดาย
หญิงสาวมองโทรศัพท์ในมือราวกับเห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ปฏิกิริยาธรรมดาอย่างยิ่งของอิงอรุณแม้จะแปลกและน่าฉงน ทว่าเมื่อคิดอีกที ฝ่ายนั้นคงเบาใจไม่ห่วงเธอแล้ว เพราะลองถ้ายังมีปัญญาติดต่อกลับไปถามไถ่ถึงลูกได้ คนอย่างแพรวเพชรก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรให้ต้องกังวลอีก
หมดห่วงเรื่องลูกแล้วก็มาถึงเรื่องตรงหน้า นี่เธอจะทำยังไงกับความใจอ่อนของตัวเองดีหนอ
หญิงสาวปล่อยใจมองโทรศัพท์ในมืออย่างเลื่อนลอย แต่แล้วจุดรวมสายตาก็หรี่เล็กลงเมื่อนึกบางสิ่งออก น้ำหนักที่ถ่วงอยู่ในมือจู่ๆกลับกลายเป็นความเย้ายวนกระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาดื้อๆ หญิงสาวเหลียวมองไปยังทางเข้าซุ้มเพื่อดูลาดเลาแวบเดียว แล้วก้มหน้าก้มตาสำรวจโทรศัพท์ของเผ่าภาคิน โดยมีจุดหมายแรกอยู่ที่กล่องข้อความ ใบหน้างามบิดเบ้ด้วยความขัดใจ เมื่อพบว่ามีแต่เรื่องงานทั้งนั้น แทบไม่มีชื่อผู้หญิงเป็นเจ้าของข้อความเลย
เป้าหมายถัดไปอยู่ที่โปรแกรมสนทนายอดนิยม ทั้งวอตส์แอป ไลน์ หรือกระทั่งแทงโก้ ปรากฎว่าประวัติการสนทนาของคนที่เขาพูดคุยด้วยบ่อยๆก็มีแค่...เรื่องงาน!
เธออดไม่ได้ที่จะเลื่อนหาชื่อของนวลนรีด้วยความอยากรู้ ทว่าพบประวัติการโทร.ไม่ถี่ดังคาด เมื่อไล่ไปถึงหน้าหมายเลขที่โทร.บ่อย กลับพบแต่ชื่อแม่ มาร์คัส การุณ พงษ์ชัย แล้วก็คุณนิดปรากฎอยู่ในลำดับแรกๆ
แพรวเพชรไม่กล้าถามตัวเองว่าดีใจกับสิ่งที่เพิ่งค้นพบหรือเปล่า เธอกลัวคำตอบที่จะได้รับจับใจเลยทีเดียว!
“สืบประวัติพี่อยู่หรือ” เสียงห้าวดังขึ้นเหนือศีรษะ พร้อมกับที่ชายหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ฝั่งตรงข้าม
หญิงสาวสะดุ้งโหยง เงยหน้ามองเจ้าของเสียงอัตโนมัติทั้งยังมีหลักฐานคามือ
“เอ้อ...ฉัน...ฉันขอโทษ” เธออุบอิบเอ่ยเสียงเบา รีบเสือกโทรศัพท์ไปตรงหน้าเจ้าของแก้เก้อ
“อยากรู้อะไรก็ถามสิ พี่อธิบายได้ดีกว่าโทรศัพท์ตั้งเยอะ” เผ่าภาคินเลื่อนโทรศัพท์กลับมาหน้าเธอ “ส่วนนี่...ดูได้ พี่ไม่มีความลับอะไรกับเพชร ออกจะดีใจด้วยซ้ำที่เพชรอยากรู้เรื่องของพี่”
“เพชรต้องทำยังไงพี่เผ่าถึงจะเลิกทำอะไรแบบนี้” เมื่อใช้ไม้แข็งมาโดยตลอดแต่ไม่เคยได้ผล บางทีเธอน่าจะลองไม้นวมดูบ้าง
“แค่พูดเพราะๆอย่างนี้ พี่ก็ไปไหนไม่รอดแล้ว” คนพูดยิ้มกว้าง แววตาสุกใสอ่อนโยนตอบคนละเรื่อง
นั่นละ...แพรวเพชรจึงตระหนักว่าเธอไม่มีทางเอาชนะผู้ชายคนนี้ได้เลย หัวใจเธอเป็นของเขาตลอดมา และที่เธอกำลังกลัวก็คือ มันอาจจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป!
ยิ้มของเขาขโมยลมหายใจของเธอได้เช่นเคย ก็ยิ้มแบบนี้มิใช่หรือที่ทำให้วันวานเธอเลือกความรักมาก่อนความถูกต้องเหมาะสม อาการทดท้อทำให้เลือกก้มหน้าซ่อนความรู้สึก
“เพชรเลือกที่นั่งเก่ง ตรงนี้สงบ ไม่พลุกพล่าน พี่ชอบ เพชรสั่งอาหารหรือยัง” เขาถามเพราะเห็นเธอเงียบไป
“ยัง ฉันไม่หิว”
“แต่พี่หิว อยากกินส้มตำด้วย”
แพรวเพชรมองชายหนุ่มตาค้าง เผ่าภาคินไม่เคยชอบอาหารอีสาน เหตุผลง่ายนิดเดียว...เขาไม่กินเผ็ด! แล้วจู่ๆวันนี้เขาไปกินอะไรผิดสำแดงมา จึงได้พูดจาประหลาดเช่นนี้
“เพชรสั่งให้หน่อยนะ พี่สั่งไม่เป็น” เขาทำเสียงออดอ้อนน่ารักจนแพรวเพชรใจแข็งไม่ไหว เธอห้ามใจตัวเองอย่างหนัก แต่สุดท้ายก็ใจอ่อน หยิบเมนูที่วางอยู่บนโต๊ะมาอ่าน เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นผู้ชายที่อยู่ในหัวใจตลอดหลายปีที่ผ่านมากำลังส่งยิ้มมาให้ ทั้งดวงตา ริมฝีปาก ทุกอย่างที่ประกอบกันบนใบหน้านั้นบอกชัดถึงความสุขมากมาย
หญิงสาวเสหลบสายตาคู่นั้นด้วยการก้มหน้าก้มตาอ่านรายการอาหารและวาดวงกลมหน้ารายการที่ต้องการ แวบหนึ่งที่คิดจะแกล้งคนเอาแต่ใจด้วยการสั่งส้มตำปูปลาร้าเผ็ดจัดจ้าน ทว่าเมื่อนึกถึงสีหน้ายิ้มแย้มของเขา เธอก็ทำไม่ลง
บางทีก็น่าเศร้าที่ต้องยอมรับความจริงว่า ความรักที่มีต่อใครบางคน…ไม่เคยหายไปไหน
และไม่ว่าเขาจะทำให้เราผิดหวัง เสียใจ หรือเจ็บปวดเพียงใด
แต่รัก...ก็ยังคงอยู่ที่เดิม มีอยู่เท่าเดิม ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย!
.
.
.
.
.
หลังจากยืนหันรีหันขวางอยู่หน้าประชาสัมพันธ์ของบริษัทคิวปิดแอสซิสแทนซ์พักใหญ่ ในที่สุดนวลนรีก็ผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก เมื่ออิงอรุณกำลังก้าวยาวๆตรงมาหาเธอด้วยสีหน้ายินดี
“มาเสียที อิงกำลังรออยู่ มาค่ะ อาหารจานแรกกำลังจะเสิร์ฟพอดี”
“คุณอิงจะไม่เล่าอะไรให้นวลทราบเป็นการเกริ่นนำล่วงหน้าก่อนเลยหรือคะ”
“เซอร์ไพรส์ค่ะ บอกก่อนก็หมดความตื่นเต้นกันพอดีสิคะ” หญิงสาวจูงมือเพื่อนใหม่เข้าไปในห้องประชุมเล็ก ซึ่งบัดนี้ที่นั่งตัวหนึ่งหน้าโต๊ะอาหารถูกจับจองไว้ด้วยผู้ชายผิวขาว หน้าตาจัดเข้าขั้นหล่อสะอาดสะอ้าน เขาลุกขึ้นยืนต้อนรับด้วยมารยาทอันดี
อิงอรุณแนะนำให้สองหนุ่มสาวรู้จักและทักทายกันเรียบร้อย แล้วจึงคว้าข้อมือนวลนรีมาประจำที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับพี่ชาย โดยตัวเธอเองนั่งยังฟากที่ว่างเหลืออยู่ พลางอธิบาย “มีคนใจดีส่งครัวของนากามูระส์จากซิดนีย์มากำนัลคิวปิดแอสซิสแทนซ์ค่ะ สงสัยจะประทับใจกับบริการของบริษัทเรามาก อิงเห็นว่าเขาเตรียมที่นั่งไว้เยอะแยะ จะปล่อยทิ้งไปก็เสียดาย จำได้ว่าคุณเผ่าภาคินเคยบอกว่าคุณนวลชอบกินของอร่อย อิงเลยเชิญมาร่วมวงด้วยกันค่ะ”
“ขอบคุณค่ะที่อุตส่าห์นึกถึง นวลนี่สงสัยทำบุญมาดี เคยได้ยินชื่อร้านนากามูระส์มานาน แต่เพราะไม่เคยไปออสเตรเลีย เลยไม่เคยได้ชิมสักที วันนี้ทำงานอยู่ดีๆคุณอิงก็โทร.ไปชวนมาชิมรสชาติอาหารของเชฟนากามูระ ต้องถือว่าเป็นลาภปากเลยนะนี่” นวลนรีกางผ้ากันเปื้อนวางบนหน้าตัก แล้วหันมาทางชายหนุ่มคนเดียวในห้องเพื่อเปิดบทสนทนาตามมารยาทบ้าง “คุณนราธิปเป็นพี่ชายแท้ๆของคุณอิงหรือคะ หน้าตาไม่เห็นเหมือนกันเลย”
“จริงแท้แน่นอนเลยครับ อิงเขาโชคดีที่ผมเอาความขี้เหร่มาหมดแล้ว เหลือแต่ส่วนสวยๆดีๆของพ่อกับแม่ไว้ให้เขา อ้อ...ถ้าคุณนวลไม่ถือ จะเรียกผมว่าพี่เหมือนยายอิงก็ได้ครับ เพื่อนน้อง ผมก็จัดเป็นน้องเหมือนกันหมดแหละ”
เพียงนวลนรีประจำที่เรียบร้อย อาหารก็เริ่มทยอยออกมาเสิร์ฟทันที กว่าสเต๊กปลาเทราต์คลุกสาหร่ายญี่ปุ่นซึ่งเป็นเมนูโด่งดังที่สุดของร้านจะมาเสิร์ฟในจานที่หก บทสนทนาของพี่ชายและเพื่อนใหม่ก็เปลี่ยนแปรจากถ้อยทีถ้อยอาศัยกลายเป็นความคุ้นเคยกันไปแล้ว อิงอรุณร่วมวงวิจารณ์อาหารกับทั้งคู่ ฟังเรื่องตลกที่นราธิปเล่าให้นวลนรีฟัง บ้างก็ชวนฝ่ายหญิงให้พูดถึงร้านเบเกอรี่เป็นระยะ
ของหวานจานสุดท้ายเสิร์ฟตอนเกือบสิบห้านาฬิกา จัดเป็นการรับประทานมื้อกลางวันในเวลาทำงานที่ยาวนานที่สุดของอิงอรุณเลยก็ว่าได้ หญิงสาวยกผ้าเช็ดปากแตะริมฝีปาก ซ่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์พึงใจไว้อย่างแนบเนียน โดยเฉพาะเมื่อนวลนรีพูดคุยถูกคอกับพี่ชายเธอจนถึงกับชวน...
“ไว้พี่นราไปชิมฝีมือทำอาหารกับขนมของนวลบ้างนะคะ เดี๋ยวนวลลดราคาพิเศษให้เลย”
“อะไรกัน แค่ลดราคาได้ไง นี่พี่กะจะไปกินฟรีเลยนะเนี่ย” นราธิปทำไขสือโมเมดื้อๆ
“โอเคค่ะ นี่เป็นกรณีพิเศษนะคะ นวลจะยกให้สักครั้ง แต่มีข้อแม้ว่าพี่นราต้องพาหนูกานกับคุณเพชรไปด้วย คุณอิงด้วยนะคะ ไปกันให้พร้อมหน้าเลย ขอให้นวลตอบแทนที่เลี้ยงอาหารมื้อสุดไฮโซวันนี้บ้าง”
“วุ้ย คุณนวลว่าตัวเองโชคดี แต่อิงว่าตัวเองนี่เข้าขั้นถูกหวยเลยนะ มื้อนี้กินฟรี แถมชวนคนมากินถูกจังหวะ เลยจะได้ไปกินฟรีร้านคุณนวลอีกทอด คุ้มกว่านี้คงไม่มีแล้วนะเนี่ย กำไรเห็นๆเลย”
ประโยคนั้นเรียกรอยยิ้มจากคนฟังอีกสองคนได้ง่ายดาย และนราธิปก็ไม่พลาดโอกาสที่จะกระแนะกระแหนน้องสาวจอมตะกละดังเคย
อิงอรุณปล่อยให้สองหนุ่มสาวรุมกระหน่ำเธอด้วยรอยยิ้มและถ้อยคำโดยไม่โต้แย้ง ขณะในใจกระหยิ่มยิ้มย่อง หมายมาดไว้ว่าจะต้องหาประโยชน์จากการชวนนวลนรีมาทานข้าววันนี้ให้ได้ และแน่นอนว่าถ้านั่นเป็นส่วนหนึ่งที่เธอใช้กีดกันเผ่าภาคินออกจากเพื่อนรักได้ด้วย ก็จะยิ่งดีที่สุด!
“อ้าว! พี่นรามาได้ยังไงคะ”
“เพชรนัดพี่มากินข้าวกลางวันด้วยกันน่ะ อ้าว...นี่กระเป๋าเพชรนี่ แล้วเพชรไปไหนล่ะ พี่ไปหาที่ห้องก็ไม่เจอ”
อิงอรุณได้ยินคำตอบของพี่ชายแล้วจึงเพิ่งถึงบางอ้อว่าแพรวเพชรหอบปิ่นโตเถานั้นมาด้วยเหตุผลใด ทั้งยังเข้าใจเพิ่มขึ้นด้วยว่า ไฉนเพื่อนจึงสติแตกเมื่อเห็นของขวัญที่เผ่าภาคินส่งมาเซอร์ไพรส์ในวันนี้!
แพรวเพชรไม่เคยสวีตหวานกับพี่ชายเธอ เพราะฉะนั้นการที่เพื่อนซื้ออาหารมื้อพิเศษ แถมยังชวนนราธิปมาทานมื้อกลางวันด้วยกัน ย่อมไม่ใช่แค่สัญญาณความหวั่นไหวระดับปกติธรรมดา แต่เป็นเครื่องหมายบอกว่า เพื่อนกำลังยึดโยงทุกสายใยที่ทำได้เพื่อใช้เป็นเกราะกำบังความรู้สึกที่แท้จริง
เห็นได้ชัดว่าแพรวเพชรตั้งใจจะประคับประคองชีวิตครอบครัวไปให้ตลอดรอดฝั่ง ห่วงก็แต่ว่าแรงภายนอกที่เข้ามากระทบนั่นแหละ เพราะถ้าเผ่าภาคินยังรุกหนักขนาดนี้ ทุกอย่างที่ทุกคนพยายามปกปิดตลอดมาคงถึงคราวภินท์พังในไม่ช้า! และถ้าดูจากสิ่งที่เผ่าภาคินเพิ่งทำลงไป แถมแพรวเพชรก็รับกับอารมณ์ที่ถาโถมมาไม่ไหวจนเตลิดหนีไปเช่นนี้ ก็ยิ่งแสดงให้มั่นใจว่าเรื่องอาจกำลังก้าวไปสู่หนทางที่ยากเกินแก้ไข และวิธีเดียวที่น่าจะช่วยแพรวเพชรไว้ได้ก็คือความร่วมมือจากนราธิป
อิงอรุณไม่หยุดใคร่ครวญเลยในอันที่จะเล่าที่มาที่ไปของความวุ่นวายในห้องประชุมข้างนอกให้พี่ชายฟัง ชายหนุ่มถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้คนเป็นน้องนึกถึงการโต้คารมของเธอกับเผ่าภาคิน และกลั้นใจลองโยนหินถามทางดู “พี่นราว่าเป็นไปได้ไหมคะที่จะมีเรื่องเข้าใจผิดกันเมื่อสี่ปีก่อน”
“เราคุยเรื่องนี้กันมาหลายรอบแล้วนะอิง ผู้ชายคนนั้นนอกใจเพชร แล้วก็ยังเกือบจะฆ่า ‘ลูก’ ของตัวเองอีกด้วย ไม่มีเรื่องเข้าใจผิดหรอก ถ้าวันนั้นพี่ไม่อยู่ด้วย ยังไม่รู้เลยว่ามันจะทำอะไรเพชรหรือเปล่า”
“อิงกลัวจังเลยพี่นรา” คนเป็นน้องลุกขึ้นมากอดนราธิป
“มีอะไรต้องกลัวหรือ”
“อิงรู้สึกนะว่า ต่อให้พี่เผ่าใจร้ายกว่านั้น โหดร้ายกว่านั้น หรือว่าเลวร้ายกว่านั้น เพชรก็คงไม่มีวันเกลียดเขาได้จริงๆหรอก”
“ก็ดีแล้วนี่นา การเกลียดมันเป็นบาปนะ” นราธิปแสร้งเย้าปนหัวเราะ ตบบ่าน้องเบาๆ แล้วจึงดันเธอออกห่าง
อิงอรุณกลับถอนหายใจ “พี่นราไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอที่เมียตัวเองจะรักผู้ชายคนอื่นน่ะ”
“ตราบเท่าที่เพชรยังเลือกอยู่กับพี่ ก็ไม่มีอะไรที่พี่จะต้องกังวลหรอก”
“ก็จริงนะ เพชรต้องรักพี่นราบ้างแหละ ไม่งั้นคงไม่ตกลงใจยอมแต่งงานกับพี่ชายของอิงหรอกเนอะ”
นราธิปทำท่าจะอธิบายอะไรบางอย่าง แต่ตัดสินใจเงียบไว้ดังเดิม ถึงอิงอรุณจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นมากกว่าคนอื่น แต่ก็มีบางเรื่องที่เขาและแพรวเพชรยินดีรักษาไว้เป็นความลับที่รู้กันเพียงสองคนเท่านั้น
เรื่อง...ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของทั้งคู่!
“แล้วนี่เราจะทำยังไงกันต่อคะ ยายเพชรเตลิดไปไหนก็ไม่รู้ กระเป๋าอยู่นี่ โทรศัพท์โทรเสิบก็ไม่ได้เอาไป”
นราธิปดึงโทรศัพท์จากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตมากดเรียกไปยังเลขหมายหนึ่ง เขาเจรจาอยู่สองสามคำจึงวางสาย หันมาบอกน้องสาว “เพชรอยู่กับนายนั่นแล้ว”
เห็นคนฟังทำหน้าเหมือนเห็นผี เขาจึงอธิบายต่อ “พี่เคยนัดเจรจากับเขา และพอรู้ว่าเขาตั้งใจจะทำอะไร พี่เลยจ้างนักสืบติดตามเพชร ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีประโยชน์”
อิงอรุณยืนอึ้ง สุดท้ายจึงโซเซไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างสิ้นเรี่ยวแรง หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน หญิงสาวจึงแหงนขึ้นมองพี่ชาย “อิงรู้ว่าวันนี้เป็นคิวยายเพชรรับหนูกาน แต่เดี๋ยวเลิกเรียนแล้ว เรารีบไปรับหลานกันเถอะนะคะ”
“พี่กำลังคิดอยู่เหมือนกัน เรายังไม่ควรให้เขารู้ความจริงเกี่ยวกับหนูกานเร็วเกินไป ถ้าผู้ชายคนนั้นรักเพชรอย่างที่บอกจริงๆ เขาจะต้องยอมรับได้ว่าเพชรไม่ใช่ผู้หญิงของเขาคนเดียวอย่างเมื่อก่อนแล้ว เขาควรจะก้าวข้ามความจริงที่ว่าเพชรเป็นเมียพี่ได้ เหมือนที่พี่เคยทำมาแล้ว”
“แต่สุดท้ายอิงก็มั่นใจว่ายังไงเพชรต้องเลือกพี่นรา เพื่อนอิงไม่ใช่ผู้หญิงสมัยใหม่ประเภทที่จะร่อนไปกับคนโน้นทีคนนี้ทีโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรหรอก เพชรหน้าบางจะตาย”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลนั้น เพชรคงไม่ยอมแต่งงานกับพี่ตั้งแต่แรก เขาแคร์กระทั่งความรู้สึกของเด็กไม่รู้เดียงสาอย่างหนูกาน ไม่อยากให้เกิดมากำพร้าพ่อ คนที่อ่อนโยนกับความรู้สึกคนรอบข้างอย่างนั้น ไม่มีทางจะเลือกทำเพื่อความพอใจของตัวเองก่อนหรอก ยกเว้น...”
อิงอรุณหน้าตื่น “มีข้อยกเว้นด้วยหรือคะ”
ชายหนุ่มพยักหน้าขรึมๆ “ยกเว้นว่า...พี่จะเป็นคนขอร้องให้เพชรเลือกเพื่อตัวเอง”
“พี่นราจะต้องไม่ทำอย่างนั้นนะคะ” หญิงสาวตาแดงๆ ทำท่าจะก่อดราม่าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
นราธิปโยกศีรษะน้องสาวอย่างล้อเลียน ขณะเอ่ยประโยคทิ้งท้าย “พี่ก็หวังว่าตัวเองจะไม่ต้องทำแบบนั้นเหมือนกัน” เขาชี้เถาปิ่นโต “ตกลงว่าเราจะกินอันนี้หรือว่าจะกินมื้อใหญ่ที่พ่อบุญทุ่มจัดมาบรรณาการเพชรดี”
อิงอรุณรู้ว่าพี่ชายกำลังพยายามประคับประคองบรรยากาศมิให้หมองเศร้าเกินไป จึงฝืนยิ้มกระตือรือร้น “ตอนอยู่ซิดนีย์ก็ไม่เคยไปชิมฝีมือเชฟนากามูระสักหน ตอนนี้อุตส่าห์มีโอกาสแล้ว ใครจะพลาด เราไปถล่มอีตาเศรษฐีขี้อวดนั่นกันให้พุงกางไปเลยดีกว่า”
นราธิปส่งมือให้น้องสาวซึ่งก้าวเข้ามาเกาะแขนเขาด้วยความเต็มใจ ขณะทั้งคู่ก้าวออกจากห้องพร้อมกัน จู่ๆอิงอรุณก็โพล่งขึ้นด้วยสีหน้าและรอยยิ้มแฝงแววเจ้าเล่ห์
“อิงนึกออกละว่าควรจะทำยังไงให้เรื่องนี้สนุกกว่าที่เป็นอยู่” เมื่อเห็นสีหน้าสงสัยของพี่ชาย เธอก็ยิ้มซุกซนเฉลยว่า “อิงจะชวนใครคนนึงมากินมื้อนี้กับเราด้วยน่ะสิคะ เผื่ออาจจะมีประโยชน์เอาไว้ขู่แบล็กเมล์พี่เผ่าได้บ้าง พี่นราคอยดูฝีมืออิงละกัน!”
.
.
.
.
.
แพรวเพชรได้แต่ก้าวตามแรงลากที่ข้อมือไปราวกับหุ่นยนต์ ไม่ว่าผู้ชายจอมเผด็จการจะพาเธอขึ้นลงรถ หรือเดินไปตามทางที่ราบรื่นหรือขรุขระเพียงใดก็ตาม
หญิงสาวไม่รู้เหมือนกันว่า ที่ไม่มีปากเสียงใดเลยเป็นเพราะเหนื่อยใจจะทุ่มเถียงกับเขาแล้ว หรือเพราะการได้เห็นแผ่นหลังกว้างที่คุ้นเคยอยู่ตรงหน้า ที่จริงคือความต้องการลึกที่สุดในหัวใจเธอกันแน่
แค่เสี้ยววินาทีที่เขาจู่โจมเข้าประชิดตัว ทว่ารอยอบอุ่นที่ไปล่ปลิวอยู่รอบกายกลับยาวนานในความรู้สึกราวชั่วกัปชั่วกัลป์ ทั้งอ้อมกอด รอยจูบ และรสสัมผัสที่คุ้นเคย เรียกความรู้สึกเก่าๆให้ฟุ้งตลบอวลอยู่ในทุกอณูของอากาศทั้งที่ไม่ต้องการเลย
“หิวไหม” เจ้าของเสียงห้าวหยุดเดินตั้งแต่เมื่อไรก็สุดรู้ เขาก้มมาถามโดยมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า ลักยิ้มเล็กๆที่บุ๋มลงใกล้มุมปากเป็นภาพชินตาที่ทำให้รู้โดยไม่ต้องให้พูดว่า เขากำลังมีความสุข...มากเสียด้วย
วูบหนึ่งที่หัวใจเธอโลดแรง รู้สึกคล้ายอะไรบางอย่างรินลงในอก ค่อยๆถมเติมโพรงว่างโหวงนั้นให้เต็มตื้นขึ้นช้าๆ แพรวเพชรไม่อยากรับรู้ถึงโลกเบื้องนอกและความเป็นจริงใดอีกเลย
น้ำตารื้นขึ้นโดยไม่ทันควบคุม และผู้ชายตัวโตก็ทำกิริยานั้นได้น่ารักนัก เมื่อเขาชูนิ้วชี้ขึ้นโบกไปมาอย่างล้อเลียน “ขี้แยแบบนี้ ไม่อายหนูกานหรือ”
แพรวเพชรกะพริบตาถี่ๆ ไล่รอยน้ำตาให้จางหายไปอย่างรวดเร็ว เธอเหลียวดูนาฬิกาที่ข้อมือและใคร่ครวญ “ฉันขอโทร.หาอิงได้ไหม” ไม่ใช่คำบอกเล่า แต่ถามคล้ายขออนุญาตมากกว่า
เผ่าภาคินหยิบโทรศัพท์มากดปุ่มอะไรบางอย่างก่อนส่งให้เธอ “พี่ซ่อนเบอร์โทร.แล้ว คนปลายทางจะเห็นข้อความว่าเป็นเบอร์ส่วนตัว แต่ไม่ขึ้นหมายเลขให้เห็น”
หญิงสาวตวัดตามองคนพูดด้วยความสนใจ “คุณทำอะไรแบบนั้นได้ด้วยเหรอ”
“พี่เผ่า ไม่ใช่คุณ” เขาย้ำเอาแต่ใจ เมื่อเธอไม่ทำตามง่ายๆจึงขู่ “ถ้าไม่เรียก งั้นพี่ก็ไม่บอก ว่าไง...”
แพรวเพชรหน้าง้ำ ไอ้เรียกน่ะไม่ยาก แต่เธอรู้ดีว่าใจกำลังอ่อนลงเรื่อยๆ ขืนทำตัวสนิทสนมกับเขาอย่างที่เคยเป็น กำแพงที่เพียรก่อไว้กางกั้นผู้ชายคนนี้มีหวังต้องพังทลายไม่เป็นท่าแน่นอน
“คุณเผ่าภาคิน” เธอเน้นเสียงย้ำทีละคำ จงใจดื้อให้ถึงที่สุด...อีกครั้ง
“รู้ตัวไหมว่าเวลาเพชรดื้อแบบนี้ จะว่าไปก็น่ารักดีเหมือนกันนะ”
“โรคจิตหรือไง ถึงได้ชอบอะไรประหลาดๆ”
ชายหนุ่มส่ายหน้า รีบยกมือจุปาก “พี่ไม่ใช่คนโรคจิตหรอกน่า ถึงได้ชอบอะไรบ๊องๆอย่างนี้ เพียงแต่ว่า...ทุกวันนี้ไม่ว่าพี่จะพูดอะไรก็มีแต่คนคอยพยักหน้าเห็นด้วย ไม่มีใครกล้าขัดใจพี่เท่าไหร่เลย การถูกเพชรขัดใจทำให้พี่ได้เห็นเพชรในมุมใหม่ๆบ้าง ก็ดีเหมือนกัน สนุกดี ชีวิตมีรสชาติชะมัด” เขาคว้ามือเธอขึ้นมาแบ แล้ววางโทรศัพท์ลงบนนั้น “เพชรโทร.ตามสบายเถอะ เสร็จแล้วสั่งอาหารซะด้วยละ เดี๋ยวพี่ขอไปล้างมือหน่อย”
เอ่ยจบคนเอาแต่ใจก็ก้าวผ่านหน้าเธอไป แพรวเพชรเพิ่งสังเกตเห็นว่าลานกว้างที่เดินเข้ามามีโต๊ะเก้าอี้ไม้วางเรียงรายเป็นระเบียบเกือบเต็ม ฟากหนึ่งคือรั้วระแนงปลูกไม้กระถางแขวนไว้เป็นระยะ ตรงหน้าร้านมีเตาย่างขนาดใหญ่ส่งควันโขมง ถัดเข้ามาเป็นตู้กระจก มีมะเขือเทศ มะละกอสับกองพูนอยู่ในถาดคลุมด้วยผ้าขาวบาง โถแก้วใส่กุ้งแห้ง ถั่วลิสง และเครื่องปรุงอื่นๆ เขาพาเธอมาที่ร้านส้มตำ!
ความรู้สึกสองฝ่ายกำลังต่อสู้กันอยู่ในใจ มโนสำนึกด้านหนึ่งกระตุ้นให้เธอทำสิ่งที่ถูกต้อง โดยถือโอกาสนี้เรียกแท็กซี่หนีกลับบ้านหรือไม่ก็บริษัทเสีย แต่ความต้องการลึกๆในใจกลับบอกให้เธออยู่ที่นี่ ขอทำตามหัวใจแค่ครั้งเดียว เธอจะวางเฉย จะไม่ทำท่ายินดียินร้าย และจะซึมซับช่วงเวลาที่ผู้ชายคนนี้ปฏิบัติต่อเธอเหมือนในวันวาน เพื่อเก็บไว้เป็นกำลังใจให้ก้าวเดินต่อไป...โดยที่ไม่มีเขา!
แพรวเพชรถอนใจ รู้ว่าควรทำประการแรก แต่ขากลับไม่เชื่อฟัง ก้าวไปหาที่นั่งตรงมุมซึ่งค่อนข้างเงียบและเป็นส่วนตัว กั้นเป็นสัดส่วน ซ่อนอยู่หลังซุ้มไม้ระแนงเตี้ยๆ เธอหยิบโทรศัพท์กดหมายเลขของอิงอรุณแล้วโทร.ออก เมื่อได้ยินว่าลูกสาวอยู่กับอีกฝ่ายแล้วก็เบาใจ น่าแปลกที่เพื่อนไม่ยักถามว่าเธออยู่ไหนหรืออยู่กับใคร กลับบอกแค่...
“ดูแลตัวเองดีๆนะเพชร” แล้ววางสายไปง่ายดาย
หญิงสาวมองโทรศัพท์ในมือราวกับเห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ปฏิกิริยาธรรมดาอย่างยิ่งของอิงอรุณแม้จะแปลกและน่าฉงน ทว่าเมื่อคิดอีกที ฝ่ายนั้นคงเบาใจไม่ห่วงเธอแล้ว เพราะลองถ้ายังมีปัญญาติดต่อกลับไปถามไถ่ถึงลูกได้ คนอย่างแพรวเพชรก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรให้ต้องกังวลอีก
หมดห่วงเรื่องลูกแล้วก็มาถึงเรื่องตรงหน้า นี่เธอจะทำยังไงกับความใจอ่อนของตัวเองดีหนอ
หญิงสาวปล่อยใจมองโทรศัพท์ในมืออย่างเลื่อนลอย แต่แล้วจุดรวมสายตาก็หรี่เล็กลงเมื่อนึกบางสิ่งออก น้ำหนักที่ถ่วงอยู่ในมือจู่ๆกลับกลายเป็นความเย้ายวนกระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาดื้อๆ หญิงสาวเหลียวมองไปยังทางเข้าซุ้มเพื่อดูลาดเลาแวบเดียว แล้วก้มหน้าก้มตาสำรวจโทรศัพท์ของเผ่าภาคิน โดยมีจุดหมายแรกอยู่ที่กล่องข้อความ ใบหน้างามบิดเบ้ด้วยความขัดใจ เมื่อพบว่ามีแต่เรื่องงานทั้งนั้น แทบไม่มีชื่อผู้หญิงเป็นเจ้าของข้อความเลย
เป้าหมายถัดไปอยู่ที่โปรแกรมสนทนายอดนิยม ทั้งวอตส์แอป ไลน์ หรือกระทั่งแทงโก้ ปรากฎว่าประวัติการสนทนาของคนที่เขาพูดคุยด้วยบ่อยๆก็มีแค่...เรื่องงาน!
เธออดไม่ได้ที่จะเลื่อนหาชื่อของนวลนรีด้วยความอยากรู้ ทว่าพบประวัติการโทร.ไม่ถี่ดังคาด เมื่อไล่ไปถึงหน้าหมายเลขที่โทร.บ่อย กลับพบแต่ชื่อแม่ มาร์คัส การุณ พงษ์ชัย แล้วก็คุณนิดปรากฎอยู่ในลำดับแรกๆ
แพรวเพชรไม่กล้าถามตัวเองว่าดีใจกับสิ่งที่เพิ่งค้นพบหรือเปล่า เธอกลัวคำตอบที่จะได้รับจับใจเลยทีเดียว!
“สืบประวัติพี่อยู่หรือ” เสียงห้าวดังขึ้นเหนือศีรษะ พร้อมกับที่ชายหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ฝั่งตรงข้าม
หญิงสาวสะดุ้งโหยง เงยหน้ามองเจ้าของเสียงอัตโนมัติทั้งยังมีหลักฐานคามือ
“เอ้อ...ฉัน...ฉันขอโทษ” เธออุบอิบเอ่ยเสียงเบา รีบเสือกโทรศัพท์ไปตรงหน้าเจ้าของแก้เก้อ
“อยากรู้อะไรก็ถามสิ พี่อธิบายได้ดีกว่าโทรศัพท์ตั้งเยอะ” เผ่าภาคินเลื่อนโทรศัพท์กลับมาหน้าเธอ “ส่วนนี่...ดูได้ พี่ไม่มีความลับอะไรกับเพชร ออกจะดีใจด้วยซ้ำที่เพชรอยากรู้เรื่องของพี่”
“เพชรต้องทำยังไงพี่เผ่าถึงจะเลิกทำอะไรแบบนี้” เมื่อใช้ไม้แข็งมาโดยตลอดแต่ไม่เคยได้ผล บางทีเธอน่าจะลองไม้นวมดูบ้าง
“แค่พูดเพราะๆอย่างนี้ พี่ก็ไปไหนไม่รอดแล้ว” คนพูดยิ้มกว้าง แววตาสุกใสอ่อนโยนตอบคนละเรื่อง
นั่นละ...แพรวเพชรจึงตระหนักว่าเธอไม่มีทางเอาชนะผู้ชายคนนี้ได้เลย หัวใจเธอเป็นของเขาตลอดมา และที่เธอกำลังกลัวก็คือ มันอาจจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป!
ยิ้มของเขาขโมยลมหายใจของเธอได้เช่นเคย ก็ยิ้มแบบนี้มิใช่หรือที่ทำให้วันวานเธอเลือกความรักมาก่อนความถูกต้องเหมาะสม อาการทดท้อทำให้เลือกก้มหน้าซ่อนความรู้สึก
“เพชรเลือกที่นั่งเก่ง ตรงนี้สงบ ไม่พลุกพล่าน พี่ชอบ เพชรสั่งอาหารหรือยัง” เขาถามเพราะเห็นเธอเงียบไป
“ยัง ฉันไม่หิว”
“แต่พี่หิว อยากกินส้มตำด้วย”
แพรวเพชรมองชายหนุ่มตาค้าง เผ่าภาคินไม่เคยชอบอาหารอีสาน เหตุผลง่ายนิดเดียว...เขาไม่กินเผ็ด! แล้วจู่ๆวันนี้เขาไปกินอะไรผิดสำแดงมา จึงได้พูดจาประหลาดเช่นนี้
“เพชรสั่งให้หน่อยนะ พี่สั่งไม่เป็น” เขาทำเสียงออดอ้อนน่ารักจนแพรวเพชรใจแข็งไม่ไหว เธอห้ามใจตัวเองอย่างหนัก แต่สุดท้ายก็ใจอ่อน หยิบเมนูที่วางอยู่บนโต๊ะมาอ่าน เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นผู้ชายที่อยู่ในหัวใจตลอดหลายปีที่ผ่านมากำลังส่งยิ้มมาให้ ทั้งดวงตา ริมฝีปาก ทุกอย่างที่ประกอบกันบนใบหน้านั้นบอกชัดถึงความสุขมากมาย
หญิงสาวเสหลบสายตาคู่นั้นด้วยการก้มหน้าก้มตาอ่านรายการอาหารและวาดวงกลมหน้ารายการที่ต้องการ แวบหนึ่งที่คิดจะแกล้งคนเอาแต่ใจด้วยการสั่งส้มตำปูปลาร้าเผ็ดจัดจ้าน ทว่าเมื่อนึกถึงสีหน้ายิ้มแย้มของเขา เธอก็ทำไม่ลง
บางทีก็น่าเศร้าที่ต้องยอมรับความจริงว่า ความรักที่มีต่อใครบางคน…ไม่เคยหายไปไหน
และไม่ว่าเขาจะทำให้เราผิดหวัง เสียใจ หรือเจ็บปวดเพียงใด
แต่รัก...ก็ยังคงอยู่ที่เดิม มีอยู่เท่าเดิม ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย!
.
.
.
.
.
หลังจากยืนหันรีหันขวางอยู่หน้าประชาสัมพันธ์ของบริษัทคิวปิดแอสซิสแทนซ์พักใหญ่ ในที่สุดนวลนรีก็ผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก เมื่ออิงอรุณกำลังก้าวยาวๆตรงมาหาเธอด้วยสีหน้ายินดี
“มาเสียที อิงกำลังรออยู่ มาค่ะ อาหารจานแรกกำลังจะเสิร์ฟพอดี”
“คุณอิงจะไม่เล่าอะไรให้นวลทราบเป็นการเกริ่นนำล่วงหน้าก่อนเลยหรือคะ”
“เซอร์ไพรส์ค่ะ บอกก่อนก็หมดความตื่นเต้นกันพอดีสิคะ” หญิงสาวจูงมือเพื่อนใหม่เข้าไปในห้องประชุมเล็ก ซึ่งบัดนี้ที่นั่งตัวหนึ่งหน้าโต๊ะอาหารถูกจับจองไว้ด้วยผู้ชายผิวขาว หน้าตาจัดเข้าขั้นหล่อสะอาดสะอ้าน เขาลุกขึ้นยืนต้อนรับด้วยมารยาทอันดี
อิงอรุณแนะนำให้สองหนุ่มสาวรู้จักและทักทายกันเรียบร้อย แล้วจึงคว้าข้อมือนวลนรีมาประจำที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับพี่ชาย โดยตัวเธอเองนั่งยังฟากที่ว่างเหลืออยู่ พลางอธิบาย “มีคนใจดีส่งครัวของนากามูระส์จากซิดนีย์มากำนัลคิวปิดแอสซิสแทนซ์ค่ะ สงสัยจะประทับใจกับบริการของบริษัทเรามาก อิงเห็นว่าเขาเตรียมที่นั่งไว้เยอะแยะ จะปล่อยทิ้งไปก็เสียดาย จำได้ว่าคุณเผ่าภาคินเคยบอกว่าคุณนวลชอบกินของอร่อย อิงเลยเชิญมาร่วมวงด้วยกันค่ะ”
“ขอบคุณค่ะที่อุตส่าห์นึกถึง นวลนี่สงสัยทำบุญมาดี เคยได้ยินชื่อร้านนากามูระส์มานาน แต่เพราะไม่เคยไปออสเตรเลีย เลยไม่เคยได้ชิมสักที วันนี้ทำงานอยู่ดีๆคุณอิงก็โทร.ไปชวนมาชิมรสชาติอาหารของเชฟนากามูระ ต้องถือว่าเป็นลาภปากเลยนะนี่” นวลนรีกางผ้ากันเปื้อนวางบนหน้าตัก แล้วหันมาทางชายหนุ่มคนเดียวในห้องเพื่อเปิดบทสนทนาตามมารยาทบ้าง “คุณนราธิปเป็นพี่ชายแท้ๆของคุณอิงหรือคะ หน้าตาไม่เห็นเหมือนกันเลย”
“จริงแท้แน่นอนเลยครับ อิงเขาโชคดีที่ผมเอาความขี้เหร่มาหมดแล้ว เหลือแต่ส่วนสวยๆดีๆของพ่อกับแม่ไว้ให้เขา อ้อ...ถ้าคุณนวลไม่ถือ จะเรียกผมว่าพี่เหมือนยายอิงก็ได้ครับ เพื่อนน้อง ผมก็จัดเป็นน้องเหมือนกันหมดแหละ”
เพียงนวลนรีประจำที่เรียบร้อย อาหารก็เริ่มทยอยออกมาเสิร์ฟทันที กว่าสเต๊กปลาเทราต์คลุกสาหร่ายญี่ปุ่นซึ่งเป็นเมนูโด่งดังที่สุดของร้านจะมาเสิร์ฟในจานที่หก บทสนทนาของพี่ชายและเพื่อนใหม่ก็เปลี่ยนแปรจากถ้อยทีถ้อยอาศัยกลายเป็นความคุ้นเคยกันไปแล้ว อิงอรุณร่วมวงวิจารณ์อาหารกับทั้งคู่ ฟังเรื่องตลกที่นราธิปเล่าให้นวลนรีฟัง บ้างก็ชวนฝ่ายหญิงให้พูดถึงร้านเบเกอรี่เป็นระยะ
ของหวานจานสุดท้ายเสิร์ฟตอนเกือบสิบห้านาฬิกา จัดเป็นการรับประทานมื้อกลางวันในเวลาทำงานที่ยาวนานที่สุดของอิงอรุณเลยก็ว่าได้ หญิงสาวยกผ้าเช็ดปากแตะริมฝีปาก ซ่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์พึงใจไว้อย่างแนบเนียน โดยเฉพาะเมื่อนวลนรีพูดคุยถูกคอกับพี่ชายเธอจนถึงกับชวน...
“ไว้พี่นราไปชิมฝีมือทำอาหารกับขนมของนวลบ้างนะคะ เดี๋ยวนวลลดราคาพิเศษให้เลย”
“อะไรกัน แค่ลดราคาได้ไง นี่พี่กะจะไปกินฟรีเลยนะเนี่ย” นราธิปทำไขสือโมเมดื้อๆ
“โอเคค่ะ นี่เป็นกรณีพิเศษนะคะ นวลจะยกให้สักครั้ง แต่มีข้อแม้ว่าพี่นราต้องพาหนูกานกับคุณเพชรไปด้วย คุณอิงด้วยนะคะ ไปกันให้พร้อมหน้าเลย ขอให้นวลตอบแทนที่เลี้ยงอาหารมื้อสุดไฮโซวันนี้บ้าง”
“วุ้ย คุณนวลว่าตัวเองโชคดี แต่อิงว่าตัวเองนี่เข้าขั้นถูกหวยเลยนะ มื้อนี้กินฟรี แถมชวนคนมากินถูกจังหวะ เลยจะได้ไปกินฟรีร้านคุณนวลอีกทอด คุ้มกว่านี้คงไม่มีแล้วนะเนี่ย กำไรเห็นๆเลย”
ประโยคนั้นเรียกรอยยิ้มจากคนฟังอีกสองคนได้ง่ายดาย และนราธิปก็ไม่พลาดโอกาสที่จะกระแนะกระแหนน้องสาวจอมตะกละดังเคย
อิงอรุณปล่อยให้สองหนุ่มสาวรุมกระหน่ำเธอด้วยรอยยิ้มและถ้อยคำโดยไม่โต้แย้ง ขณะในใจกระหยิ่มยิ้มย่อง หมายมาดไว้ว่าจะต้องหาประโยชน์จากการชวนนวลนรีมาทานข้าววันนี้ให้ได้ และแน่นอนว่าถ้านั่นเป็นส่วนหนึ่งที่เธอใช้กีดกันเผ่าภาคินออกจากเพื่อนรักได้ด้วย ก็จะยิ่งดีที่สุด!

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 มี.ค. 2556, 00:02:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 มี.ค. 2556, 00:02:43 น.
จำนวนการเข้าชม : 1967
<< ตอนที่ ๑๔ | ตอนที่ 16 >> |

สิริณ 25 มี.ค. 2556, 00:10:22 น.
อาทิตย์ที่ผ่านมา สนิมดอกรักขึ้นเป็นนิยายยอดนิยมอันดับสี่แล้ว เย้ๆๆๆ
ปลาบปลื้มยินดีอย่างยิ่ง ขอบคุณทุกคนจริงๆค่ะ
คนละโหวตของเพื่อนๆ ทำให้สิริณหน้าบานเป็นจานเชิงเลยยยย
หากอ่านจบแล้ว อย่าลืมให้กำลังใจคนเขียน
ด้วยการกดไล้ค์คนละทีด้วยน้า
วันนี้ิสิริณอยากถือโอกาสชวนเพื่อนๆ
ไปไล้ค์แฟนเพจของสิริณด้วยค่ะ
จะได้เป็นอีกหนึ่งช่องทางสำหรับติดตามข่าวสารอัพเดท
สิริณจะมีกิจกรรมแจกหนังสือประกาศในเพจด้วย
ไปไล้ค์กันเยอะๆนะค้า
เข้าเฟซบุ๊กค้นหา "สิริณ แม่มณี เวฬา" ได้เลยค่ะ
เพจที่เจ้าของสวยๆ นั่นเป็นเพจส่วนตัว ใครใคร่แอดไปแซวเล่นกันก็ได้
ส่วนแฟนเพจของสิริณ จะเป็นรูปนาฬิกาทรายค่า
แอดกันโลดเน้อ ยินดีต้อนรับเพื่อนๆ ทุกท่านค่ะ ^^
ป.ล. ใครยังไม่ได้คอมเม้นต์ รีบคอมเม้นต์นะค้า
เดี๋ยวหนังสือพิมพ์เสร็จ
สิริณจะเอารายชื่อผู้ที่คอมเม้นต์ทุกคนมาใส่โถเพื่อจับสลากแจกหนังสือค่ะ
หนึ่งคอมเม้นต์หนึ่งสิทธิ์ค้าบพ้ม
ยิ่งคอมเม้นต์มาก ยิ่งมีสิทธิ์มากเน้อ
อาทิตย์ที่ผ่านมา สนิมดอกรักขึ้นเป็นนิยายยอดนิยมอันดับสี่แล้ว เย้ๆๆๆ
ปลาบปลื้มยินดีอย่างยิ่ง ขอบคุณทุกคนจริงๆค่ะ
คนละโหวตของเพื่อนๆ ทำให้สิริณหน้าบานเป็นจานเชิงเลยยยย
หากอ่านจบแล้ว อย่าลืมให้กำลังใจคนเขียน
ด้วยการกดไล้ค์คนละทีด้วยน้า
วันนี้ิสิริณอยากถือโอกาสชวนเพื่อนๆ
ไปไล้ค์แฟนเพจของสิริณด้วยค่ะ
จะได้เป็นอีกหนึ่งช่องทางสำหรับติดตามข่าวสารอัพเดท
สิริณจะมีกิจกรรมแจกหนังสือประกาศในเพจด้วย
ไปไล้ค์กันเยอะๆนะค้า
เข้าเฟซบุ๊กค้นหา "สิริณ แม่มณี เวฬา" ได้เลยค่ะ
เพจที่เจ้าของสวยๆ นั่นเป็นเพจส่วนตัว ใครใคร่แอดไปแซวเล่นกันก็ได้
ส่วนแฟนเพจของสิริณ จะเป็นรูปนาฬิกาทรายค่า
แอดกันโลดเน้อ ยินดีต้อนรับเพื่อนๆ ทุกท่านค่ะ ^^
ป.ล. ใครยังไม่ได้คอมเม้นต์ รีบคอมเม้นต์นะค้า
เดี๋ยวหนังสือพิมพ์เสร็จ
สิริณจะเอารายชื่อผู้ที่คอมเม้นต์ทุกคนมาใส่โถเพื่อจับสลากแจกหนังสือค่ะ
หนึ่งคอมเม้นต์หนึ่งสิทธิ์ค้าบพ้ม
ยิ่งคอมเม้นต์มาก ยิ่งมีสิทธิ์มากเน้อ

sai 25 มี.ค. 2556, 00:29:34 น.
ลุ้นๆคนในเงาต่อไป
ลุ้นๆคนในเงาต่อไป

คิมหันตุ์ 25 มี.ค. 2556, 01:02:42 น.
ถ้าพี่เผ่าไม่ประสงค์ร้ายก็น่าจะดีนะคะ
ถ้าพี่เผ่าไม่ประสงค์ร้ายก็น่าจะดีนะคะ

หยองตอด 25 มี.ค. 2556, 01:11:34 น.
ถ้านราธิปเป็นคนดีจริงๆโดยที่ไม่มีเบื้องหลังอะไร ก็น่าจะเชียร์ให้คู่กับนวลนรีเหมือนกันนะเนี่ย
ไม่อยากให้คนดีๆเสียใจ
ถ้านราธิปเป็นคนดีจริงๆโดยที่ไม่มีเบื้องหลังอะไร ก็น่าจะเชียร์ให้คู่กับนวลนรีเหมือนกันนะเนี่ย
ไม่อยากให้คนดีๆเสียใจ



เดิมเดิม 25 มี.ค. 2556, 08:10:04 น.
ยังสงสัยพี่นรานะเนี่ย
ยังสงสัยพี่นรานะเนี่ย

nunoi 25 มี.ค. 2556, 14:40:16 น.
ลุ้นว่าใครอยู่เบื้องหลังนะ อยากให้พี่นราคู่กับนวลนรี เหมือนกันเลยค่ะ
ลุ้นว่าใครอยู่เบื้องหลังนะ อยากให้พี่นราคู่กับนวลนรี เหมือนกันเลยค่ะ


เด็กหญิงม่อน 25 มี.ค. 2556, 17:10:06 น.
พี่นราดูรักเพชรจัง ไม่อยากให้พี่นราเป็นตัวร้ายเลย
พี่นราดูรักเพชรจัง ไม่อยากให้พี่นราเป็นตัวร้ายเลย

ทราย 25 มี.ค. 2556, 17:42:42 น.
ตอนนี้ไขว้เขว พี่นราจะเป็นคนใจร้ายจริงหรือเปล่า -3-
ตอนนี้ไขว้เขว พี่นราจะเป็นคนใจร้ายจริงหรือเปล่า -3-

goldensun 25 มี.ค. 2556, 19:48:28 น.
เพชรใจอ่อนแล้ว พี่เผ่าก็น่าจะรู้ด้วย แต่ไม่แน่ใจเลย ว่าเลิกคิดร้ายกับเพชรแล้วรึยัง
แล้วพี่เผ่าจะสืบอดีตรึเปล่า จริงๆ มีเงินเยอะ มีเส้นพวกมาเฟีย น่าจะสืบได้ไม่ยากนะคะ
เพราะดูแล้ว คุณนราไม่น่าจะอยุ่เบื้องหลังการที่พี่เผ่าโดนทำร้ายนะคะ
เพชรใจอ่อนแล้ว พี่เผ่าก็น่าจะรู้ด้วย แต่ไม่แน่ใจเลย ว่าเลิกคิดร้ายกับเพชรแล้วรึยัง
แล้วพี่เผ่าจะสืบอดีตรึเปล่า จริงๆ มีเงินเยอะ มีเส้นพวกมาเฟีย น่าจะสืบได้ไม่ยากนะคะ
เพราะดูแล้ว คุณนราไม่น่าจะอยุ่เบื้องหลังการที่พี่เผ่าโดนทำร้ายนะคะ

bloomberg 26 มี.ค. 2556, 18:10:26 น.
หัวใจพี่นราแกเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กรึเปล่าเนี่ย พูดออกมาได้ ตราบเท่าที่เพชรยังเลือกอยู่กับพี่ ก็ไม่มีอะไรให้กังวล...แน่ใจนะที่พูดเนี่ย
ไม่ใช่ว่าเมื่อไหร่ที่เพชรบอกว่ากลับไปมีอะไรกับพี่เผ่า (ทั้งที่ยังอยู่กับพี่) แล้ววันนั้นพี่ล้มทั้งยืนเนี่ย เท่ากับพี่แหกตาประประชาชน ใช้เหล็กไม่ได้มาตรฐานนะพี่
หัวใจพี่นราแกเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กรึเปล่าเนี่ย พูดออกมาได้ ตราบเท่าที่เพชรยังเลือกอยู่กับพี่ ก็ไม่มีอะไรให้กังวล...แน่ใจนะที่พูดเนี่ย
ไม่ใช่ว่าเมื่อไหร่ที่เพชรบอกว่ากลับไปมีอะไรกับพี่เผ่า (ทั้งที่ยังอยู่กับพี่) แล้ววันนั้นพี่ล้มทั้งยืนเนี่ย เท่ากับพี่แหกตาประประชาชน ใช้เหล็กไม่ได้มาตรฐานนะพี่


heartlogue 26 มี.ค. 2556, 23:17:36 น.
ยังไม่เข้าใจพี่นรา
ยังไม่เข้าใจพี่นรา