จุมพิตอัคคี (ภาคต่อหัวใจใกล้เกินเอื้อม) by น้ำจันทร์ อัญจรี
วางแผง 28-3-56 งานหนังสือบูธทัชนะคะ C1 บูธ M 20

จุมพิตอัคคี
(ภาคต่อหัวใจใกล้เกินเอื้อม)

เมรภัทร เอวะโยธิน
น้องพาย เธอเก่ง เธอสวย เธอเซ็กซี แต่เธอไร้หัวใจ

เดลลอร์ฟ เจมส์
เดลทุกอย่างทำเพื่อ สตรีรัก ไม่ได้ใจร้าย แต่ไม่ยอมรามือ

หลังจากที่ จิตาภา พกพาความแค้นที่มีต่อ เมธาวีและธีรภัทรคนรักมานานหลายปี
(อ่านเรื่องของภาคแม่ได้ใน หัวใจใกล้เกินเอื้อม สามารถหาซื้อได้ในงานหนังสือมีนานี้ และที่ร้านซีเอ็ด นายอินทร์ เพราะหน้าเว็บ สำนักพิมพ์ Touch Publishing หมดสต็อกแล้วค่ะ 15-3-56 )
เวลานี้ก็ถึงเวลาสะสาง นางให้หลานชายบุญธรรม คือเดลลอร์ฟ มาขืนใจ เมรภัทร ลูกสาวของเมธาวี โดยแผนการนั้นมีอยู่ว่าเดลจะต้องเอาโรงแรมทิพย์ธารามาขึ้นกับเจมส์ให้ได้แล้วเดลจะได้รางวัลเป็น การแต่งงาน กับ เจนนิตา ลูกสาวของนาง หารู้ไม่ว่า ลูกสาวที่หวงยิ่งกว่าไข่ในหินกำลังปลูกต้นรักอย่างเงียบๆ กับภีรภัทร น้องสาวของเมรภัทร ลูกอีกคนของเมธาวี

เดลลอร์ฟถูกเมรภัทรซ้อนแผน หล่อนเสแสร้งให้เขารักในบทบาทของน้องพาย ผู้หญิงที่เป็นเพียงเหยื่อในแค้นครั้งนี้ เดลลอร์ฟหลงน้องพายหัวปักหัวปำ เขาโอนทุกอย่างให้น้องพาย แม้แต่หุ้นของเจมส์ เพราะเขาเกรงว่าหากวันหนึ่งถูกปองร้ายจากศัตรู น้องพายกับลูกของเขาจะได้ไม่ลำบาก หารู้ไม่ว่า คนที่สั่งการให้มือสังหารมายิงตัวเองคือเมรภัทรภรรยาที่แสนดีนั่นเอง
********** วางแผง 28-3-56 งานหนังสือ ระดับชาติศูนย์ศิริฯ*************

ไรเตอร์รั่วๆ แต่จริงใจ ^_^

เข้ามาแล้วไซร้ไยไม่กดถูกใจละเจ้าคะ

^_^ งุงิงุงิ อ้อนๆๆๆๆๆ












Tags: สำนักพิมพ์ ViVa ในเครือ Touch

ตอน: บทที่ 5แผนพิชิตใจ



23:30 นาที นาฬิกาเรือนทองบนโต๊ะข้างเตียงบอกเขาเช่นนั้น แต่เขารู้สึกกระวนกระวายจนข่มตาให้หลับไม่ได้ เครื่องมือสื่อสารที่วางอยู่ข้างกัน ส่งเสียงกรีดร้องยามวิกาล มันน่ารำคาญจนเขาไม่อาจนิ่งเฉยต้องคว้ามันมาแนบหูด้วยอยากรู้ว่า ใคร บังอาจโทรมารบกวนเวลานี้

“เดล...ฮึกๆ ช่วยด้วย!”

เสียงกรีดร้องแหบพร่า เจือหวาดหวั่น เขาเดาว่าหล่อนคงหลบอะไรอยู่ที่ไหนสักที่เลยไม่กล้าเสียงดัง

“พาย! เธอ...เธออยู่ที่ไหน ทำไมเสียงอย่างนั้น”

เขาเร่งเร้าถามออกไป หัวใจหล่นวูบเพียงได้ยินเสียงเครือตอบกลับมา

“ฉัน...ฉันถูกปล้น มันมาแค่คนเดียว ฉัน...ฉันเลยเอาปืนของภีค ยิงมัน ฮึกๆ เดล...ฉัน ฉันกลัว...ฮือๆๆ”

เสียงร่ำไห้ราวจะเฉือนใจชายให้เลือดไหลซิบๆ เดลลอร์ฟถลาออกจากห้อง เขาบึ่งรถคู่ใจเหยียบคันเร่งมิดเข็มไมล์ เพื่อไปช่วยหล่อน ช่วย...ศัตรู



เวลาเดียวกันริมถนนสายเปลี่ยว

“จัดการเลย”

เพล้ง!!!

กระจกรถยนต์ถูกทุบด้วยของแข็งคือค้อนปอนด์แน่นหนัก ทุกอย่างเป็นไปตามแผน เมรภัทรยืนกอดอกมองสภาพรถตัวเองด้วยนัยน์ตา เฉยชา

“เอาเลือดราดตรงพื้นนั่น แล้วเอาปลอกกระสุนหว่านลงตรงนี้”

หล่อนสั่งต่อ การจัดฉากเรียกร้องความสนใจคราวนี้ เธอทุ่มสุดตัว หนึ่งอาทิตย์หลังจากนี้ เขาต้องรักเธอ บอดีการ์ดสองนายจัดการตามที่นายสาวสั่ง พวกเขาหลบซุ่มอยู่ข้างทางเมื่อทุกอย่างพร้อม เมรภัทรดึงทึ้งเสื้อผ้าหน้าผมให้ดูกระเซอะกระเซิง หล่อนเข้าไปนั่งหลบหลังพุ่มไม้ใบหนา ที่การ์ดส่วนตัวจัดที่ทางไว้ให้

กระดุมเสื้อถูกเจ้าของจงใจดึงให้มันหลุดออกถึงสามเม็ด อกอิ่มกับบราสีเพลิงจึงสามารถมองเห็นอย่างชัดเจนถึงครึ่งเต้า

5 4 3 2 1... เมรภัทรนับในใจ เขาควรมาถึงให้เร็วกว่านี้ แต่เอาเถอะสำหรับคนที่เป็นศัตรูกัน มันพอให้อภัย

“พวกนายกลับได้ บอกภีคดูแลโรงแรมแทนฉันด้วย”

เมรภัทรสั่งลูกน้องทางโทรศัพท์ หล่อนเห็นแล้วว่ารถของเขาเข้ามาจอดเทียบริมฟุตบาทบริเวณที่รถของเธอถูกทุบ ไม่ถึงนาทีเสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้น หล่อนยิ้มหยันใส่มันเล็กน้อยก่อนจะกรอกสายลงไป ซึ่งแน่นอนว่า น้ำเสียงกับท่าทางแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

“ดะ..เดล ฮึกๆ ฉันกลัวฮือออ”

เมรภัทรร่ำร้องใส่โทรศัพท์ขณะที่มือเรียวควานหา น้ำตาเทียม จากกระเป๋าเสื้อ

“พาย!”

เดลลอร์ฟใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขาตรงเข้าไปยังพุ่มไม้ใบหนาตามที่หล่อนบอกมือถือเมื่อสักครู่

“เดล...โอ..ฉันนึกว่านายจะไม่มาฮึกๆ”

เดลลอร์ฟหัวใจแทบหยุดเต้นสภาพหล่อนแย่มากๆ ทั้งมอมแมม เสื้อผ้าหน้าผมหลุดลุ่ย แก้มบางอาบด้วยหยดน้ำตา ช่างน่าสงสารเหลือเกิน

เขารั้งร่างบางให้ลุกยืน หล่อนค่อยๆ ลุกออกมาจากหลังพุ่มไม้อย่างหวาดกลัว

“ไม่มีอะไร มันไปแล้ว พายมาเถอะ เธอแย่มากเลยรู้รึเปล่า”

น้ำเสียงทุ้มอ่อนโยนทำเอาเมรภัทรรู้สึกผิด แต่อย่างว่า หล่อนขึ้นนั่งหลังเสือแล้ว จะลงตอนนี้คงจะถูกตะปบฉีกเนื้อเท่านั้นเอง

มือหนาคว้ามือน้อยจับจูงไปขึ้นรถ เขาให้หล่อนนั่งข้างหลังจะได้หลับได้สบาย แต่หล่อนกลับไม่ยอมนอน เขาสังเกตเห็นแววตาหวาดระแวงของหล่อน หรือว่าหล่อนจะยังตกใจไม่หาย ใช่แน่ๆ

เขาจอดเลียบข้างทางอีกครั้ง ใต้ร่มเงาใหญ่ของต้นไม้ริมทาง ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ก้าวลงจากรถไปหยิบเอาผ้าขนหนูผืนหนาและน้ำหนึ่งขวดจากหลังรถ เขาขึ้นไปนั่งเบาะหลังพร้อมกับยื่นขวดน้ำให้หล่อน

เมรภัทรรับไว้มือไม้สั่น หล่อนกระดกน้ำเข้าปากดังอักๆ อย่างกระหายสุดชีวิต เมรภัทรเช็ดน้ำออกจากริมฝีปากสีระเรื่อ มันเปียกชุ่มลงไปแม้แต่ร่องอกและหน้าตักของหล่อน

เขายื่นผ้ามาให้ หล่อนจับมันเช็ดอย่างมือไม้ที่ห่างไกลคำว่าปกติ มันสั่นจนเขาทนไม่ไหวจับผ้ามาไล่เช็ดตามเนื้อตัวให้หล่อนเสียเอง

“ขอบคุณนะ...ที่...มา”

เมรภัทรตอบทั้งน้ำตา ไม่น่าเชื่อ! หล่อนร้องจริงๆ มันไหลบ่ามาเองเพียงเขาแตะฝ่ามือลงบนแผ่นหลังหล่อนลูบเบาๆ แล้วเอ่ยถ้อยคำปลอบประโลม

“ไม่เป็นไร พาย ฉันอยู่นี่ ฉันจะปกป้องเธอเอง”

เมรภัทรมองเขาผ่านม่านน้ำตา เขารู้ตัวหรือเปล่าว่าเอ่ยสิ่งใดออกมา เขาจะกางปีกปกป้องศัตรูอย่างนั้นหรือ!?

“ขอบคุณ” หล่อนเอ่ยแผ่วเบา

เขายังเช็ดเนื้อตัวหน้าตาให้หล่อนทั้งที่มันสะอาดดีแล้ว ผ้าผืนน้อยถูกชุบน้ำหมาดๆ นำมาเช็ดไล้ใบหน้าและลำคอให้หล่อนเป็นรอบที่สาม

“ทำไมถึงโทรหาฉัน ไม่โทรหาคนอื่น”

เขาถามขณะไล้ผ้าหมาดชื้นลงต่ำ...ใกล้ร่องอกของหล่อน

เมรภัทรส่ายศีรษะว่าเธอไม่รู้ ความจริงคือเธอกำลังรู้สึกแปลกๆ กับร่างกายมากกว่า มันวูบๆ วาบๆ เพียงนิ้วเขาเผลอสัมผัสเนินอก

“ฉัน...ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนั้น ฉัน...นึกถึงหน้านายเป็นคนแรก ฉันขอโทษ ฉันขอโทษที่ทำให้นายต้อง...ลำบาก...ขอโทษ”

เมรภัทรกล่าวเสียงเครือ เดลลอร์ฟปล่อยผ้าผืนน้อยร่วงลงบนตักหล่อน เขาช้อนใบหน้าคนเจ้าน้ำตาขึ้นมาเพ่งพินิจด้วยสองฝ่ามือ เกลี่ยไล้มันเบาๆ แต่มันก็ยังไหล และสุดท้ายเขาก็ไม่อาจหักห้ามใจ ก้มลงจูบจุมพิตเพื่อเช็ดน้ำตาให้หล่อนทั้งสองแก้ม

“เดล....นี่...มันข้างทาง”

เมรภัทรรีบทักท้วงเมื่อเขาจะทำมากกว่านั้น ใบหน้าสาวแดงก่ำเมื่อฝ่ามือข้างหนึ่งของเขาหายเข้าไปใต้ชายกระโปรง!

“ไม่มีใครเห็นหรอก เชื่อฉันนะพาย”

เดลลอร์ฟเสียงแหบพร่ากระซิบบอกเจ้าหญิง นัยน์ตาสีเงินยวงพราวระยับ

เขารั้งร่างบางของหล่อนขึ้นมาก่ายเกยบนหน้าตัก

เมรภัทรใจเต้นตึก...ตึก...ตึก ราวเสียงกลองโหมกระหน่ำเป็นจังหวะอยู่ในอก

ฝ่ามืออุ่นร้อนของเขาช้อนใต้ท้ายทอยหล่อน เขาค่อยๆ โน้มจมูกและริมฝีปากลงมาจูบซับด้านหลังใบหู เมรภัทรขนลุกซู่

เดลแกะเข็มขัดออกอย่างรวดเร็ว เขาเอนกายสูงใหญ่พิงเบาะร่างเขาจึงอยู่ในลักษณะกึ่งนั่งกึ่งนอน โดยมีร่างของเจ้าหญิงนั่งคร่อมอยู่ด้านบน

ตัดฉากเรทจ้า**************

เมรภัทรมองไปนอกหน้าต่าง สองข้างทางมืดสนิทได้ยินเสียงหรีดหริ่ง เรไรร้องระงม ท้องฟ้าที่แลเห็นยามเย็น มีหมู่ดาวน้อยกระพริบแสงข่มแสงจันทร์อยู่ไกลๆ ช่างน่าขัน เพราะมันช่างเหมือนตัวเธอเวลานี้ ในขณะที่กายร่างสุขสม เธอต้องทนทุกข์ระทมขมขื่น ด้วยการข่มและขืนความรู้สึกของตัวเองว่า

อย่า! เผลอรัก...ศัตรู

เมรภัทรบอกทางให้เดลลอร์ฟพามาส่งที่บ้านพักตากอากาศของเอวะโยธิน บ้านริมทะเล เมื่อก่อนครอบครัวเธอมาพักผ่อนบ่อยๆ เธอวางแผนเอาไว้ เจ็ดวันนับจากนี้ เขาต้องรักเธอ ทว่า บางอย่างกำลังผิดพลาด เธอเห็นเขาถือสายใครบางคนอยู่นานแล้วตั้งแต่ลงจากรถ เมรภัทรยังไม่ก้าวขึ้นบ้าน เธอรอดูท่าทีของเขา ร่างอรชรเดินเล่นตรงลานหน้าบ้าน

ป้าจวงคนดูแลบ้านวัยเลยกลางคนรีบมารับกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอไปเก็บ แล้วขอตัวกลับไปดูหลานชายให้ลูกสาว ด้วยเด็กน้อยไม่สบาย พ่อแม่ก็ยังไม่กลับมาจากที่ทำงาน ดี! เข้าทางเธอเลย

เดลลอร์ฟมุ่นคิ้วหล่อนเป็นอะไรอีกละนั่น มาถึงตั้งนานแล้วแต่ไม่ยอมขึ้นบ้าน

“มีอะไรหรือเปล่า” เขาเอ่ยถามร้อนรน น้องสาวคนดีหล่อนตกบันได ตอนนี้พักฟื้นอยู่โรงพยาบาล เขาใจร้อนจนอยากจะกลับกรุงเทพด้วยความห่วงใยมากล้น แต่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ทำให้เขากังวลใจไม่แพ้กัน

“พาย...” เขาเรียกชื่อหล่อนอีกหน

เมรภัทรเห็นท่าทีลุกลี้ลุกลนของเขา เดี๋ยวมองนาฬิกา เดี๋ยวมองโทรศัพท์ เขาคงมีธุระแน่ๆ เธอคอแข็ง เสียงแข็งในบัดดล

“ถ้ามีธุระก็กลับเถอะ ฉันอยู่ได้ แค่...บ้านหลังเล็กๆ กับผู้หญิงตัวคนเดียว ฉันอยู่ได้”

หล่อนประชดเขาเล็กน้อย

“พาย...คือว่า ตัวจี๊ดตกบันไดตอนนี้อยู่โรงพยาบาล” เดลอิหลักอิเหลื่อ เหลือทน แต่เมรภัทรกลับตรงกันข้าม หล่อนมีสีหน้าอ่อนลง แฟนน้องชายตกบันได แล้วภีครู้เรื่องหรือยังล่ะนี่

“นาย...คุณกลับไปเถอะ ฉันอยู่ได้ ป้าจวงไปดูหลาน คืนนี้คงไม่กลับ แต่อย่าห่วงเลย ฉันมาที่นี่ออกจะบ่อย แค่มี เงิน ทุกอย่างก็หายห่วง”

เมรภัทรเน้นบางคำให้เดลลอร์ฟจำให้ขึ้นใจ หล่อนเดินกลับไปเอากระเป๋าถือในรถเขา แล้วเดินขึ้นบ้าน ทว่า เท้ายังไม่แตะขั้นบันไดดี มือหนาก็คว้าเอวบางของเธอเอาไว้

เมรภัทรลอบยิ้ม เขาคิดถูกแล้วที่เห็นเธอดีกว่าน้องสาวที่รัก

แต่ทว่า...

“แล้วเราจะได้พบกันอีกไหม” เขาถามชิดใบหูบอบบางของหล่อน เมรภัทรกำหมัดแน่น

“ฉันไม่รู้ เพราะฉันไม่ใช่ ผู้หญิงข้างเสาไฟ พอหิว ขึ้นมาค่อยกลับมาหิ้วขึ้นรถ!”

“พาย!”

เดลลอร์ฟเสียงแข็งบ้าง หล่อนเป็นคนอย่างไรกันแน่ เดี๋ยวอ่อนโยน เดี๋ยวแข็งกระด้าง เขาตามไม่ทันแล้วนะ

เมรภัทรได้สติ เธอค่อยๆ ผ่อนลมหายใจระงับโทสะ

“ฉัน...จะขึ้นบ้านแล้ว นายรีบไปเถอะ ฉันอยู่ได้จริงๆ เมื่อก่อนไม่มีนายฉันยังอยู่ได้ วันนี้ฉันก็ต้องอยู่ได้”

เมรภัทรหันมาตอบเขา ปลายเล็บหัวแม่มือจิกเข้าเนื้ออ่อนของนิ้วชี้จนเล็บแทบหัก ความเจ็บทำให้บางอย่างสำฤทธิ์ผล เธอรู้สึกว่าหยดน้ำตาค่อยๆ ไหลซึมออกมาให้เขาได้เห็น

“พาย...” เขาครางชื่อหล่อนอีกครั้ง เอื้อมมือหมายจะปาดหยดน้ำตาให้หล่อน

เมรภัทรถอยห่าง

“น้ำตาของฉัน ฉันจะเช็ดมันเอง นายกลับไปเช็ดน้ำตาให้คนที่นาย รัก เถอะ”

เสียงเครือเอ่ยตอบ เธอคิดไปเองหรือเปล่า เมื่อครู่นี้ ทำไมหัวใจมันเจ็บแปลบขึ้นมาดื้อๆ ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าตัวเอง รับรู้ความเจ็บปวด ในสิ่งที่เธอปั้นแต่งขึ้นมาเพื่อลวงเขา ทำไม!?

เมรภัทรหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ เธอวิ่งขึ้นบันไดหินอ่อน ไม่แม้แต่จะเหลียวหลังกลับมามองว่าเขา จะกลับไปแล้วหรือไม่

เสียงรถยนต์คุ้นหูแล่นออกไปจากลานหน้าบ้าน เมรภัทรปาดหยดน้ำตา มันจะไหลออกมาทำไมกัน!

เธอตั้งสติอีกครั้ง เทของออกจากกระเป๋าถือ ริมฝีปากเคลือบสีระเรื่อยิ้มเหยียดออกมา เมื่อมองหา ของสองอย่างแล้วไม่เจอ ... กระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มือถือ

“เดลลอร์ฟ ไม่คืนนี้ ก็พรุ่งนี้ นายต้องกลับมาแน่ๆ เตรียมตัวตกหลุมรักน้องพายให้ดีๆ ก็แล้วกัน หึๆ”

เมรภัทรหัวเราะเจ้าเล่ห์อยู่หน้ากระจก ป่านนี้จะมีใครโทรหาเธอหรือเปล่า ถ้ามี ก็ช่วยโทรถี่ๆ หน่อยก็แล้วกันเพราะโทรศัพท์มันอยู่ห่างจากเจ้าของเหลือเกิน



เดลลอร์ฟค่อยๆ พยุงน้องสาวมาขึ้นรถ คุณครูสอนเปียโนขาเดี้ยงแต่ยังฮึดสู้ยอมแบกขาตัวเองไปสอนเด็กกำพร้าที่บ้านอิ่มใจ

เขาส่งน้องสาวขึ้นรถ แล้วเตรียมตัวไปเจมส์ทาวเวอร์ วันนี้คงต้องรีบสักหน่อย เพราะจะเที่ยงอยู่แล้ว แต่ทว่า บางอย่างหยุดอาการเร่งรีบของเขาเอาไว้...มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในรถ มันกำลังส่งเสียงประหนึ่งว่าถ้าหลับอยู่คงไม่สามารถหลับต่อได้

“บ้าฉิบ!”

เสียงสบถดังลั่นรถ เมรภัทร หล่อนจะเป็นอย่างไรบ้าง จะกินอะไรแล้วหรือยัง ไม่มีทาง! เสียงหนึ่งในใจร้องบอกเขา หล่อนจะกินอะไรได้ ในเมื่อทั้งกระเป๋าสตางค์และมือถือของหล่อน มันกองอยู่บนพื้นรถคันนี้ ตั้งแต่เมื่อคืนจนกระทั่งตอนนี้...เที่ยงวัน!



เมรภัทรนั่งมองประตูใหญ่ด้วยใจจดจ่อ ทำไมเขายังไม่มานะ คนสวยเซ็งจับจิต เธอหยิบเอาขนมขบเคี้ยวที่ยังพอมีในตู้ห้องครัวมาแกะกินไปแล้วสองห่อ ความจริงเธอควรได้กินฝีมือป้าจวง แต่แกกลับไม่มาทำงานในวันนี้คงเพราะเรื่องหลานชายของแก ฉะนั้น แผนติดเกาะ แล้วรอเจ้าชายมาช่วยเลยสมบูรณ์แบบ

เมรภัทร เธอถูกปล่อยลอยคอจริงๆ นั่นล่ะ

นาฬิกาเรือนทองที่ข้างฝาตีบอกเวลาเที่ยงวัน เมรภัทรหิวจนไส้กิ่ว เธอลากสังขารลงมาจากชั้นบนเพื่อหาน้ำสักขวด ความจริงเธอหามันมาสามรอบแล้ว

ร่างสวยทรุดนั่งลงข้างตู้วางของ มันว่างเปล่าเพราะเจ้าของไม่มาเยี่ยมเยียนนานแรมปี

เธอนั่งชันเข่า หมดอาลัยตายอยาก ทำไมเขายังไม่มานะ เธอยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เย็นวาน แถมขนมขบเขี้ยวที่กลืนเข้าไป ยังทำให้หิวน้ำมากขึ้นไปอีก เธออนามัยจัดเกินกว่าจะกล้าดื่มน้ำประปาจากก๊อก

เมรภัทรค่อยๆ ลุกขึ้น ลากสังขารตัวเองมานอนบนพรมสีหวานที่ปูหน้าจอทีวีเครื่องยักษ์ คนสวยหลับตาลงอย่างอ่อนล้าอีกครั้ง

สายลมเย็นพัดโชยเข้ามาทางหน้าต่าง ความอ่อนเพลียบวกกับสายลมเย็นๆ ทำให้เมรภัทรเคลิ้มหลับ

เดลลอร์ฟก้าวลงจากรถด้วยใจที่ร้อนรุ่ม สองมือเขามีถุงจากร้านสะดวกซื้อติดมาทั้งสองมือ เขาประหลาดใจที่ตัวเองร้อนรนเพียงเพราะกลัวว่าหล่อนจะลำบาก มันไม่น่าเกิดขึ้นเลยจริงๆ

เมรภัทรขยับกายเล็กน้อย เมื่อสักครู่เธอคิดว่าได้ยินเสียงรถ

ร่างสวยเร้ายวนรีบลุกขึ้นยืน ทว่าความหิว กระหายจนร่างกายอ่อนเพลียทำให้อาการวูบเข้าโจมตี ทั้งหน้ามืดมองไม่เห็นทาง สมองหมุนคว้าง ในหูอึงอนด้วยเสียงลมอื้ออึง

“โอ ไม่นะ! ไม่! กรี๊ดดด!!!” เสียงกรีดร้องของตัวเองดังก้องในหู เธอต้องร่วงลงพื้นแล้วกระแทกบางอย่างแน่ๆ แต่ว่าวงแขนแกร่งของใครบางคนกลับช้อนร่างเธอได้กลางอากาศ

เมรภัทรหลับตาปี๋ กลิ่นกายชายลอยเข้าจมูก เธอจำได้ เธอจำกลิ่นเข้าได้...ทำไมต้องจำได้ด้วย?

“เดล!”

เมรภัทรขานชื่อเขา หล่อนลืมตาขึ้นพร้อมๆ กับหยดน้ำตา มันไหลออกมาเองไม่ได้เสแสร้ง

“พาย...ฉันขอโทษ เธอเป็นยังไงบ้าง” เขารีบถาม ใบหน้าหล่อนซีดเซียวเอาการ

“ช่วย...วางฉันลงก่อน ฉันเวียนหัว” บอกเขาแล้วเช็ดน้ำตาให้ตัวเอง

เมรภัทรพูดความจริง เธอหิวจนตาลายสมองตื้อไปหมด

“ก็ได้ๆ ฉันซื้อของกินมาด้วย เดี๋ยวไปเอาจานมาให้ใส่ให้นะ” เขาเดินหายไปทางห้องครัว

เมรภัทรมองตามแผ่นหลังกว้างใหญ่ของเขา หล่อนกัดริมฝีปากแน่น ถ้อยคำที่เขาเอ่ยออกมา เธอรู้ดีว่ามีความห่วงใยอยู่ท่วมท้น

“ขอบคุณนะ ที่กลับมา” บอกเขาน้ำตารื้น

เดลลอร์ฟยิ้มอ่อนโยนมาให้ เขาตักข้าวผัดปูป้อนหล่อน เมรภัทรรับเข้าปาก ใบหน้าหล่อนขึ้นสีเล็กน้อย คำแรกผ่านไป คำที่สองก็ตามมา แต่พอคำที่สามบางอย่างก็ผิดปกติ

“ดะ...เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อน” หล่อนผลักมือเขาออก

เมรภัทรมองหาบางอย่างในจานข้าว ชัดเลย! ข้าวผัดปู เธอเกลียดปู และตอนนี้ เธอคิดว่าตัวเองกำลังจะ อาเจียน

ร่างบอบบางคว้าถุงพลาสติกจากร้านสะดวกซื้อมารองรับข้าวผัดสองคำแรกที่กลืนลงท้องไป หล่อนโก่งคออาเจียนจนตัวโก่ง

เดลลอร์ฟ ใจหาย หล่อนเป็นอะไรหรือว่า...

“ขอ..น้ำ หน่อย”

เมรภัทรเอ่ยกระท่อนกระแท่น ดีนะที่กลืนลงท้องแค่สองคำ ถ้ามากกว่านั้น ได้ผื่นขึ้นทั้งตัวแน่ๆ

“พาย...เธอ...” เธอมองเขางงๆ ตาเดลลอร์ฟสงสัยอะไรอีกหนอ

“พักนี้ เป็นบ่อยหรือเปล่า” เมรภัทรมุ่นคิ้ว เขาคิดว่าเธอเป็นอะไร?

“ก็เปล่า...ขอ เอ่อ น้ำส้มได้ไหมฉันเปรี้ยวปากจังเลย”

เดลลอร์ฟเปิดฝาน้ำส้มแล้วส่งให้ ยี่ห้อนี้ไม่ค่อยหวานเท่าไหร่เขาเลยชอบดื่ม

“อี๋ หวานจัง ไม่เปรี้ยวเลย มีอะไรเปรี้ยวๆ ไหม เร็วเข้าฉันคลื่นไส้” หล่อนบอกเขาด้วยความไม่พอใจ กลิ่นข้าวผัดผสมเนื้อปูยังติดจางๆ ที่ปลายจมูก

เดลลอร์ฟยื่นมะขามสามรสในขวดพลาสติกเล็กๆ ให้หล่อน เมรภัทรรีบหยิบเข้าปาก หล่อนเอนหลังหลับตาพริ้ม อมยิ้มน้อยๆ เมื่อรสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ ของมันทำให้อาการคลื่นเหียนจางหาย

“พาย” เขาเรียกชื่อหล่อนอีกหน

เมรภัทรมุ่นคิ้ว เขาจะเรียกเธอทำไมนักหนา น่ารำคาญจริง

“อือ...ฉันฟังอยู่”

“เธอ ผิดปกติอะไรหรือเปล่า” เขาถามด้วยความสงสัยระคนกังวล

“ผิดปกติ?”

เมรภัทรไม่เข้าใจ นอกจาก แพ้ปู เธอก็ไม่ได้ผิดปกติตรงไหน

“ฉันหมายความว่า...” เขาถอนหายใจก่อนจะถามคำถามนี้

“เธอท้อง หรือเปล่า?”

เมรภัทรอยากหัวเราะให้ฟันร่วงเธอจะท้องได้อย่างไรในเมื่อกินยาทุกวัน แต่ถ้าเขาอยากเข้าใจอย่างนั้น...ย่อมได้ค่ะเดลลอร์ฟ

“ฉัน...ฉัน” หล่อนแสร้งอ้ำอึ้ง เขาหน้าเสีย

เมรภัทรลอบยิ้มในใจ

“เอ่อ...เดล ฉันคิดว่า ฉัน...อยากอ้วกอีกแล้ว อุ๊บส์”

เมรภัทรแสร้งผะอืดผะอม เดลลอร์ฟ รีบเข้ามาลูบหลังอีกครั้ง

“ไปหาหมอไหม?”

เมรภัทรส่ายหน้า บีบน้ำตาจนมันไหลมาคลอเบ้า

“ฉัน...ฉันกลัว”

หล่อนตอบเสียงอ่อย สายลมเย็นโชยเข้ามาทางหน้าต่างพัดผ่านช่อผมให้ปลิวไหวระใบหน้า

ชายหนุ่มเอื้อมมือปัดมันไปทัดหูให้หญิงสาวพร้อมๆ กับเอ่ยบางอย่างออกมา

“พาย เราแต่งงานกันเถอะ”

เมรภัทรหน้าซีด เธอไม่ได้อยากแต่งงาน เธอเลี่ยงที่ตอบคำขอนั้น แล้วแสร้งบอกเขาว่าปวดศีรษะอยากพักผ่อน เดลลอร์ฟอุ้มหล่อนมาส่งถึงเตียงนอน ก่อนจะออกไปเมื่อเสียงมือถือเครื่องบางในกระเป๋ากางเกง ส่งเสียงกรีดร้อง

เมรภัทรรอเขาอยู่นาน เมื่อไม่เห็นเขาเข้ามาสักที แผนออดอ้อนของเธอมันจึงไม่อาจสำเร็จลุล่วง เธอลุกลงจากเตียงเดินหาเขาจนเจอ เดลลอร์ฟกำลังคุยอยู่กับใครสักคนท่าทางเคร่งเครียด เธอจะไม่เสียมารยาทแอบฟังเลย ถ้าชื่อ ชื่อหนึ่งไม่หลุดออกจากปากเขา

“เมรภัทรครับ ผมคิดว่ากำลังตั้งท้อง”

‘ดี! ทำยังไงก็ได้ เอาทิพย์ธารามาขึ้นกับเจมส์ทาวเวอร์ให้เร็วที่สุด แล้วหลังจากนั้น เธออยากได้อะไรอาจะให้ทุกอย่างเดลลอร์ฟ’

“ผมไม่แน่ใจ อาครับ ถ้าเธอท้องจริงๆ ผม....”

เมรภัทรกลั้นใจ เขาจะเอ่ยสิ่งใดต่อ บางทีเขาอาจเปลี่ยนใจไม่แก้แค้นเธอแล้ว หึ ถ้าเป็นอย่างนั้น เธอจะได้สมหวัง ยัยแก่จิตาภาคงกระอักเพราะหัวเรี่ยวหัวแรงของเจมส์ มาหลงรักศัตรู

ริมฝีปากอิ่มสวยคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ ทว่า มันแย้มยิ้มได้เพียงหน่อยเดียวเพราะสิ่งที่เขาเอ่ยออกมามันสุมไฟแค้นในทรวงของเมรภัทรให้ลุกโชติช่วงชัชวาล

“ถ้าเธอท้องจริงๆ ผมต้องรับผิดชอบลูกที่กำลังจะเกิดมาแน่ๆ แล้วตัวจี๊ดล่ะ ตกลงอาจะให้ตัวจี๊ดแต่งงานกับผมตอนไหนกัน”

เพล้ง!!!

เดลลอร์ฟ รีบกดตัดสาย เขาหันกลับไปมองด้านหลัง เมรภัทรหล่อนนั่งแหมะอยู่บนพื้น รอบข้างเกลื่อนไปด้วยเศษกระเบื้องจากแจกันใบสวย

“พาย!”

เขาพยายามประคองให้หล่อนลุกขึ้น แต่เจ้าตัวกลับฮึดฮัดดิ้นรนขัดขืน

“พาย! อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวก็กระเทือนลูกกันพอดี” เมรภัทรกัดริมฝีปาก เด็กนั่นคงได้เกิดหรอก ถ้าพ่อมันเลวขนาดนี้อยู่เป็นผีเฝ้านรกยังจะดีเสียกว่า

“ลูกใคร? ใครท้อง!” หล่อนทำเสแสร้งไม่รู้เรื่อง

“เธอท้องแน่ๆ ไปหาหมอกัน ตรวจให้รู้” เขาว่า

“ไม่! ปล่อยฉันนะ! สารเลว ไม่รักไม่แคร์ฉันแล้วมาตามตอแยฉันทำไมฮะ! รักน้องสาวตัวเองมากไม่ใช่รึ จะแต่งงานกันแล้วนี่ ไปเลย! ไปเลยสิไปเลย ฮือๆๆ ถ้าลูกฉันต้องเกิดมามีพ่ออย่างนาย อย่าให้เขาเกิดมาเลยจะดีกว่า ฮึกๆๆ” เมรภัทรร่ำไห้น้ำตารินเป็นทาง เขาจะกอดปลอบ แต่หล่อนไม่ยอม วิ่งหนีเข้าห้องปิดประตูเงียบ

เดลลอร์ฟรู้สึกผิดจับใจ เขายืนนิ่งอยู่หน้าประตู หลังจากที่เคาะไปหลายทีแล้วหล่อนไม่ยอมเปิด

เขาทรุดกายลงตรงนั้น ใบหน้าหล่อเหลาเศร้าหมอง เขาจะทำอย่างไรกับชีวิตดี



Lilly
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 มี.ค. 2556, 22:34:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 มี.ค. 2556, 23:44:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 1247





<< บทที่ 4 กลลวงใจ   บทที่ 6โกยคะแนน (นางเอกจะแหลไปหน้ายยยย) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account