กล้วยไม้ในมือมาร
กล้วยไม้คือผู้หญิง...เธอคือผู้หญิงชาวจีนที่ถูกซื้อมาเป็นสาวรับใช้ตั้งแต่วัยเด็ก...นวนิยายเรื่องนี้ฉายภาพสยามประเทศใน พ.ศ. 2473
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 44


กล้วยไม้ในมือมาร
44...


กล้วยไม้ใช้มือปัดมือที่ปิดปากออก เอ่ยเสียงจริงจังแต่แผ่วเบาว่า “คุณต้องบอกความจริงต่อฉันมาก่อน ฉันถึงจะบอกเรื่องกระดาษแผ่นนั้นต่อคุณ”
ชายหนุ่มมองหน้ากล้วยไม้อย่างลึกซึ้ง ก่อนจะตอบเบาๆ ว่า “ใช่...ผมเป็นเสรีไทย”
“คุณก็เป็นคนร้านน่ะสิ” หญิงสาวสรุป
“ใครบอกคุณว่าเสรีไทยเป็นคนร้าย?” เขาย้อนถาม
“ผู้กองทาเคชิ” กล้วยไม้ตอบ
“ทหารญี่ปุ่นเรอะ...เฮอะ...” เขาทำหน้ายิ้มเยาะ “คุณเชื่อ เพราะคุณค้าขายกับพวกญี่ปุ่นน่ะสิ”
“ไม่ใช่...” กล้วยไม้ส่ายหน้า “ฉันเชื่อ เพราะรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่นเป็นมิตรกัน”
“มิตรที่ถูกบังคับน่ะสิ” น้ำเสียงชายหนุ่มแข็งกระด้าง
“หมายความว่าอะไร?” สีหน้าหญิงสาวสงสัย “ใครบังคับใคร”
“ก็กองทัพญี่ปุ่นบังคับให้รัฐบาลไทยร่วมมือด้วย รัฐบาลไม่มีทางเลือก เพื่อชีวิตและความอยู่รอดของประชาชน รัฐบาลจึงจำต้องเป็นมิตรกับญี่ปุ่น ส่วนเสรีไทยก็คือคนไทยที่รักชาติที่ทำการต่อต้านญี่ปุ่น”
สีหน้ากล้วยไม้ลังเล...ที่เขาพูดมาเป็นความจริงหรือ?
“กองทัพญี่ปุ่นเข้ามายึดประเทศไทยเป็นฐานเพื่อโจมตีพม่าซึ่งมีคนอังกฤษอยู่มาก และลากให้รัฐบาลไทยต้องสู้รบกับพันธมิตรอเมริกา”
“ที่เครื่องบินมาทิ้งระเบิดหรือ?” กล้วยไม้ถาม เรียวคิ้วงามขมวดมุ่น
“ใช่...เขาไม่ต้องการทิ้งระเบิดคนไทย แต่เขาต้องการทิ้งระเบิดญี่ปุ่น”
“ฉันจะเชื่อใจคุณได้เหรอ?” หญิงสาวจ้องมองอีกฝ่าย
“ถ้าไม่เชื่อผม เชื่อใจคุณเองดู คุณก็เห็นแล้วว่าทหารญี่ปุ่นโหดร้ายทารุณต่อประชาชนคนไทยอย่างไร ความผิดเพียงแค่ลักเล็กขโมยน้อยไม่สมควรต้องถึงกับฆ่า พวกญี่ปุ่นก็ฆ่า เพราะพวกญี่ปุ่นบ้าอำนาจ”
เขากล่าวยังไม่ทันจบถ้อยกระทงความดี ก็มีเสียงฝีเท้าย่ำดังมา เขารีบหลบเข้าทางแยกวิ่งหายไปอย่างรวดเร็ว
“กล้วยไม้...” เสียงทุ้มห้าวเรียก
กล้วยไม้หันไปยิ้มให้เจ้าของเสียง พลางเรียก “ผู้กองทาเคชิ”
“คุณมาทำอะไรอยู่ตรงนี้?” นายทหารหนุ่มถาม
“เมื่อกี้มีคนซื้ออาหารแล้วยังไม่ได้ทอนเงิน อิฉันเลยเดินมาดูว่ายังอยู่แถวนี้หรือเปล่าค่ะ” กล้วยไม้แก้ตัว
นายทหารญี่ปุ่นไม่สงสัยอะไรมากนัก บอกว่า “ผมมากินข้าว”
“เชิญค่ะ เดี๋ยวอิฉันจะไปตักอาหารที่คุณชอบให้” แล้วหญิงสาวก็เดินนำอีกฝ่ายกลับมาที่แผงขายข้าวแกง

ชายหนุ่มที่มาขอแผ่นกระดาษคืนจากกล้วยไม้ หลังจากวิ่งจนคิดว่าพ้นจากการติดตามของศัตรูแล้ว เขาก็เดินลัดเลาะออกถนนใหญ่ ตรงดิ่งไปยังคฤหาสน์หลังหนึ่ง แต่เขาไม่ได้เข้าทางประตูหน้า และไม่ได้เข้าทางประตูใดๆ เขาเดินอ้อมกำแพงสูงใหญ่ไปจนกระทั่งถึงที่ที่พงหญ้าขึ้นรกปกคลุมรูที่ขุดรอดกำแพงไว้ จึงมุดเข้าไป ต่อจากทางรอดใต้กำแพงก็มีห้องลักษณะเป็นโกดังเก็บของใช้เก่าๆ ที่เป็นเก้าอี้นวมบ้าง โซฟาบ้างที่วางเก็บเอาไว้หลอกตาคน เพราะข้างใต้ห้องเก็บของ เป็นห้องใต้ดิน ที่จุดตะเกียงให้เห็นคนที่นั่งรออยู่สองคน เป็นชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง ชายรูปร่างสันทัด สีหน้าแววตาเป็นคนฉลาด ส่วนหญิงเป็นสาวสวยคนหนึ่งแต่งตัวชุดกระโปรงเข้าเอว พอเห็นชายหนุ่มที่กลับมาจากข้างนอกก็เรียก
“คุณปองได้เรื่องมั้ยคะ?”
คนถูกเรียกว่าคุณปองส่ายหน้า “แม่ค้าคนนั้นไม่ยอมคืนแผนที่ให้”
“คงเอาไปให้ทหารญี่ปุ่นแล้ว” ชายหนุ่มท่าทางฉลาดเฉลียวเอ่ย
“ยังหรอกครับคุณแสง”
“ทำไมคุณถึงคิดว่ายัง?” แสงถาม
“เป็นความรู้สึกน่ะครับ” ปองตอบ
“ใช้ความรู้สึกตัดสินนี่จะไม่เสี่ยงเกินไปหน่อยหรือ?”
“แต่ฉันว่า...ความรู้สึกของคุณปองน่าจะถูกต้อง” หญิงสาวสวยเอ่ยขึ้น
“ทำไมคุณพิกุลถึงคิดเช่นนั้น?” แสงถาม
“เพราะฉันก็เป็นผู้หญิง ฉันรู้สึกได้ถึงการกระทำของแม่ค้าคนนั้น ตั้งแต่ทีแรกที่พบคุณปอง หล่อนบอกคุณปองว่าหลังบ้านมีคลอง คือการชื้ทางหนีทีไล่ให้คุณปอง เพราะไม่อยากให้คุณปองถูกทหารญี่ปุ่นจับตัวได้ และหล่อนจะต้องไม่เอาแผนที่ที่เป็นหลักฐานมัดตัวเองให้แก่ทหารญี่ปุ่นแน่ แต่อาจจะเก็บซ่อนไว้ที่ใดที่หนึ่ง” พิกุลเอ่ยอย่างมั่นใจ
“แล้วที่ไหนล่ะ...” แสงเอ่ยลอยๆ ไม่เจาะจงถามใคร ก่อนจะกล่าวต่อจริงจัง “ผมจะเป็นคนไปเอาแผนที่จากแม่ค้าคนนั้น”
“ไม่ต้อง...เรื่องนี้ผมควรจัดการเอง คุณไปพบหล่อนอีกคน ก็จะเปิดเผยคนของพวกเรามากขึ้นอีกคน” ปองเอ่ย
“ฉันก็คิดเหมือนคุณปอง” พิกุลเอ่ย “เจ้าคุณพ่อคิดจะให้ฉันแต่งงานกับหลานชายของนายพลคุมะ เพื่อให้ทางญี่ปุ่นไม่ระแวงสงสัยว่าเจ้าคุณพ่อคือหัวหน้าเสรีไทยคนหนึ่ง”
หญิงสาวเอ่ยพลางสบตาปอง...นัยน์ตาของหล่อนมีความหมายมากมาย หล่อนรู้สึกชอบเขาตั้งแต่แรกเห็น และความชอบก็ก่อตัวทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนบัดนี้กลายเป็น...ความรัก แต่หล่อนก็ไม่เคยออกปากหรือแสดงกิริยาใดๆ ให้เขารู้ เพราะความเป็นกุลสตรีที่อบรมมาดี ประกอบกับการศึกษาที่สูง ทำให้หล่อนเก็บกิริยาจนมิดชิด แต่การบอกครั้งนี้ หล่อนอยากรู้ว่าเขารู้สึกกับหล่อนอย่างไรบ้าง
“จำเป็นต้องลงทุนขนาดเอาตัวเข้าแลกอย่างนี้ด้วยหรือ?” แสงเอ่ยเสียงเข้ม “ผมไม่เห็นด้วย”
พิกุลถอนหายใจ...หล่อนอยากได้ยินคำพูดนี้จากปากปองมากกว่า แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไร
“เพื่อประเทศชาติ เจ้าคุณพ่อยังยอมสละลูกสาวคนเดียวของท่าน แล้วฉันจะไม่ยอมเสียสละเพื่อชาติบ้านเมืองบ้างหรือ?”
“แต่นี่หมายถึงความสุขชั่วชีวิตของคุณเลยนะคุณพิกุล” แสงเอ่ยเสียงเข้ม “คุณและท่านเจ้าคุณน่าจะไตร่ตรองดูอีกครั้ง”
“เจ้าคุณพ่อท่านคิดหลายครั้งแล้ว ท่านว่าหนทางนี้เท่านั้นจะทำให้พวกญี่ปุ่นวางใจท่านมากขึ้น” พิกุลเอ่ยเสียงเรียบๆ
“ผมขอยกย่องความกล้าหาญและการเสียสละของคุณพิกุลอย่างสูงครับ” ปองเอ่ยจากใจจริง ก่อนจะเอ่ยต่อว่า “ส่วนผมจะหาทางเอาแผนที่คืนมาให้ได้”

ที่กองบัญชาการทหารญี่ปุ่น...ผู้กองทาเคชิลงจากรถทหาร เดินเข้าไปยังห้องของท่านนายพลคุมะ
“ร้อยเอกทาเคชิรายงานตัวครับ” เขาเอ่ยเสียงดังฟังชัดที่หน้าห้อง
“เข้ามาได้” เสียงท่านนายพลตอบ ทหารยามหน้าห้องก็เปิดประตูให้
ผู้กองทาเคชิเดินเข้าไปทำความเคารพท่านนายพลซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ มีทหารยศร้อยเอกอีกคนหนึ่งยืนอยู่ด้านข้าง เขาคือผู้กองคุโบตะ บุตรชายของท่านนายพล
“ทาเคชิ...เรื่องแต่งงานกับคุณหนูพิกุล ตัดสินใจแล้วหรือยัง?” ท่านนายพลถาม
“ผมทบทวนดูแล้ว เรื่องนี้ยังไม่ลงตัวครับ” ผู้กองทาเคชิตอบ
“ตรงไหน?” ท่านนายพลถาม
“ผมเป็นแค่หลานห่างๆ ทางไทยจะไว้วางใจพวกเราหรือ?” ผู้กองทาเคชิตอบ
“หมายความว่า...” ท่านนายพลหยุดเล็กน้อย รอให้ผู้กองทาเคชิเอ่ยต่อ
“ผมว่าผู้กองคุโบตะจะเหมาะสมกว่าผม” ผู้กองทาเคชิเอ่ย พลางมองตรงไปยังนายทหารญี่ปุ่นที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“แต่คุโบตะมีคู่หมั้นแล้ว...คุณหนูเคโกะ” ท่านายพลเอ่ย พลางเคาะนิ้วลงบนโต๊ะอย่างใช้ความคิด
“เรื่องนี้เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ...คุณหนูเคโกะคงเข้าใจ” ผู้กองทาเคชิเอ่ย
“เรื่องนี้ให้ฉันทบทวนดูอีกที” ท่านนายพลเอ่ย “ทั้งสองคนออกไปได้”
ทั้งผู้กองทาเคชิกับผู้กองคุโบตะต่างคำนับท่านนายพล แล้วเดินออกจากห้องทำงานนั้นไป
ทั้งสองเดินเคียงกันมาจนออกนอกตัวอาคาร และอยู่ในที่ที่ไม่มีทหารคนอื่นๆ อยู่ด้วย ผู้กองคุโบตะก็ถามว่า “ทำไมคุณถึงเสนอชื่อผม?”
“เพราะผมรู้ว่าคุณชอบคุณหนูพิกุล ส่วนคุณหนูเคโกะ ทางผู้ใหญ่จัดการให้เพราะเห็นว่าเหมาะสม” ผู้กองทาเคชิตอบ
ผู้กองคุโบตะเปิดยิ้มอย่างยอมรับ ก่อนจะถามกลับว่า “เรื่องแม่กล้วยไม้ของผู้กองล่ะไปถึงไหนแล้ว?”
ผู้กองทาเคชิเปิดยิ้มบ้าง “ดูๆ หล่อนก็มีใจให้ผมเช่นกัน แต่หล่อนเป็นผู้หญิงจึงไม่ค่อยแสดงออก”
แล้วทั้งสองก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ต่างยกมือขวาจับไหล่ฝ่ายตรงข้าม เอ่ยว่า “ขอให้เราทั้งคู่สมหวัง”

กล้วยไม้เก็บข้าวของจานชามที่ล้างแล้วผึ่งแดดให้แห้ง ก็ได้ยินเสียงกุกกักบนเรือนใหญ่ หญิงสาวถือท่อนฟืนเป็นอาวุธ ค่อยๆ ย่องขึ้นบันไดไปอย่างเงียบกริบ เห็นด้านหลังของชายหนุ่มกำลังลื้อค้นลิ้นชักตู้อยู่ ก็ฟาดเต็มแรง แต่จังหวะนั้นพอดีเขาเอี้ยวตัว ไม้จึงเฉียดไป หญิงสาวตกใจ ชายหนุ่มคนนี้คือคนที่เมื่อเช้ามาขอแผ่นกระดาษคืน แต่เธอไม่ให้ เพราะแผ่นกระดาษไม่ได้พกติดตัว เขาเข้ามารื้อค้นของ แสดงว่าแผ่นกระดาษนั้นต้องสำคัญมาก
พอหญิงสาวฟาดผิดเป้า ปองก็รีบเข้าล็อกตัวเธอเอาไว้
“คุณ...ผมไม่ใช่คนร้าย”
“ปล่อยฉัน” กล้วยไม้ร้องเสียงดัง พลางสะบัดตัวเต็มแรง ทำให้เธอหลุดจากการถูกล็อกตัว แต่มือของปองก็เกี่ยวเอาเชือกสีแดงที่เธอห้อยแหวนหยกขาวขาด
แหวนหยกขาวตกลงบนพื้น แต่เพราะเป็นพื้นไม้ แหวนจึงไม่แตก ปองมองแหวนอย่างตื่นเต้น รีบชิงหยิบขึ้นมาก่อนกล้วยไม้ เขามองมันเหมือนเพื่อนเก่าที่จากกันมานาน เพิ่งได้พบกันอีกครั้ง
“แหวนนี้เป็นของคุณหรือ?” เขาถาม
“ใช่ แหวนนี้เป็นของฉัน” กล้วยไม้ตอบ
“คุณได้มันจากผู้ชายที่ชื่อป้อ”
“คุณรู้ได้อย่างไร?” หญิงสาวถาม ใจเต้นระรัว
“เพราะผมคือป้อ” เขาเอ่ยเสียงหนักแน่น
“คุณชายป้อ...” เธอพึมพำ แทบจะไม่เชื่อหู แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้า ผู้ชายคนนี้นอกจากสูงใหญ่ขึ้นตามวัยแล้ว เค้าหน้ายังไม่ทิ้งเค้าโครงวัยรุ่นที่กล้วยไม้รู้จัก โดยเฉพาะดวงตาคู่สวยที่รอบด้วยขนตาดกหนา
“อาลั้ง...ฉันจำเธอได้แล้ว” คุณชายป้อหรือปองเอ่ย พลางเข้ามาโอบกอดร่างอรชรไว้ “สวรรค์ทรงโปรด ในที่สุดฉันก็ได้พบเธออาลั้ง”
กล้วยไม้รู้สึกเหมือนตนเองกำลังตกอยู่ในความฝัน น้ำตาแห่งความยินดีไหลรินเป็นเส้นสาย “คุณชาย...ฉันคิดว่าฉันจะไม่ได้พบคุณชายแล้วชั่วชีวิต”
“ฉันเองก็นึกไม่ถึงว่าจะได้พบกับอาลั้งอีก เพราะกลับบ้านครั้งที่แล้ว แม่บอกว่าอาลั้งแต่งงานไป”
พอพูดเรื่องแต่งงาน กล้วยไม้ก็นึกขึ้นได้...เธอแต่งงานแล้ว เธอไม่เหมาะสมกับคุณชายป้อ ไม่มีค่าพอให้เขามารักอีกต่อไปแล้ว
“ปล่อยอิฉันเถอะค่ะ” เสียงของเธอสั่นเพราะแรงสะอื้น
“ทำไมหรืออาลั้ง?” คุณชายป้อถาม แต่ยังไม่ปล่อยมือที่โอบกอดหญิงสาว
“อิฉันเป็นคนมีราคีแล้ว ไม่มีค่าพอให้คุณชายมาเหลือบแล”
มือของคุณชายตกลง ถามว่า “สามีเธอคือผู้ชายคนที่ช่วยเธอขายข้าวแกงหรือ?”
กล้วยไม้ถอยห่างสองก้าว พลางยกมือปาดเช็ดน้ำตา ก่อนจะตอบตามความจริงว่า “พี่กุ่ยไม่ใช่สามีของอิฉัน เราเป็นเพื่อนกัน เราคบหานับถือกันเหมือนพี่น้องแท้ๆ”
“แล้วสามีเธออยู่ไหน?” น้ำเสียงของคุณชายเจ็บปวดเมื่อเอ่ยถึงชายที่เอาดวงใจของเขาไปครอง
“อิฉันเลิกกับเขาแล้วค่ะ” กล้วยไม้ตอบ
“เลิกแล้ว...” คุณชายป้อเอ่ยอย่างยินดี “ตอนนี้เธอก็เป็นอิสระน่ะสิ”
“ค่ะ เป็นอิสระ แต่ก็มีราคีที่ล้างอย่างไรก็ไม่ออกติดตัวไปจนตาย” กล้วยไม้ตอบ
“ฉันไม่สนใจหรอกนะเรื่องนั้น ฉันรู้แต่ว่าเธอไม่ได้แต่งงานด้วยความสมัครใจ แต่ถูกบังคับให้แต่ง เธอจึงไม่ได้ผิดสัญญา และฉันเองก็รักษาสัญญาของเรามาตลอด ฉันไม่เคยรักผู้หญิงคนอื่น และแม้จะรู้ว่าเธฮแต่งงานไปแล้ว ฉันก็ยังคงยึดมั่นในสัญญาที่จะรักแต่เธอเพียงคนเดียวไปตลอดชีวิต” คุณชายป้อเอ่ยอย่างจริงจัง
“ขอบคุณ...ขอบคุณมาก” กล้วยไม้น้ำตาไหลอีกครา “อิฉันไม่รู้จะขอบคุณอย่างไรดีกับความดีของคุณชาย”
“ก็รักฉันสิ...รักฉันให้มากๆ เหมือนอย่างที่ฉันรักเธอ”
“ทั้งๆ ที่อิฉันไม่เหมาะสมกับคุณชายด้วยประการทั้งปวงน่ะหรือ?” กล้วยไม้สะอื้นฮัก
“ในความรัก ไม่มีความไม่เหมาะสม ไม่ราคีใดๆ แปดเปื้อนได้ เพราะรักเกิดจากใจ มันบริสุทธิ์เหมือนเปลวไฟ ที่สามารถชะล้างทุกสิ่ง”
กล้วยไม้โผเข้ากอดคุณชายป้อ คุณชายก็โอบร่างหญิงสาวไว้แน่น ราวกลัวจะหลุดลอยไปอีก
“อิฉันเข้าใจความรักไม่ลึกซึ้งเท่าคุณชาย แต่อิฉันทำใจไม่ให้รักคุณชายไม่ได้ อิฉันไม่เคยลืมคุณชายแม้แต่อึดใจเดียว”
“ฉันเชื่อ เพราะอาลั้งห้อยแหวนของฉันติดตัวอยู่เสมอ มันอยู่ใกล้หัวใจของอาลั้ง มันบอกทุกสิ่งทุกอย่างที่อาลั้งอยากพูดแก่ฉัน อาลั้งห้อยแหวนจนเชือกเปื่อย พอฉันเกี่ยวถูกหน่อยก็ขาด ทำให้ฉันรู้ว่า อาลั้งต้องเปลี่ยนเชือกห้อยแหวนมาแล้วหลายครั้ง แล้วก็...”
คุณชายป้อจงใจหยุด เพื่อให้หญิงสาวถาม
กล้วยไม้ก็ถามจริงๆ ว่า “แล้วก็...อะไรคะ?”
“อาลั้งรักคุณชายป้อมากที่สุด?” เสียงตอบหนักแน่น จริงจัง
สีหน้าขึงขังของเขาทำให้กล้วยไม้หัวเราะคิก ทั้งๆ ที่ดวงหน้างามยังเปียกน้ำตา
คุณชายป้อยิ้มให้ “สบายใจขึ้นหรือยังอาลั้ง”
“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้า
“เราจะรักกัน ถึงแม้จะมีอุปสรรคขวากหนามใดๆ เราก็จะข้ามมันไปด้วยกัน” คุณชายป้อเอ่ยอย่างมุ่งมั่น
กล้วยไม้ยังมีสีหน้าลังเล
“รับปากสิอาลั้ง” คุณชายป้อเอ่ยขอ แต่ก่อนที่กล้วยไม้จะทันได้รับปาก อากุ่ยก็โผล่พรวดเข้ามา
“ลื้อเป็นใคร?”

(โปรดอ่านต่อฉบับหน้า)




คำรัก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 มี.ค. 2556, 13:37:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 มี.ค. 2556, 13:37:46 น.

จำนวนการเข้าชม : 1426





<< ตอนที่ 43   ตอนที่ 45 >>
saralun 25 มี.ค. 2556, 14:19:30 น.
ขอให้อาลั้งสมหวังสักที


์nuch 25 มี.ค. 2556, 14:43:34 น.
แหม ให้ลุ้นอีกแล้ว


wind 25 มี.ค. 2556, 16:23:29 น.
เจอกันจนได้ แต่อุปสรรคเยอะแน่


maybelittledevil 25 มี.ค. 2556, 17:05:57 น.
อยากให้อาลั้งมีความสุข สมหวัง หลังจากมีแต่เรื่องร้าย ๆ มาโดยตลอด


ree 25 มี.ค. 2556, 17:10:26 น.
อากุ่ยคงคลั่งแน่ เจอเจ้าของแหวนตัวจริง


pattisa 25 มี.ค. 2556, 19:24:15 น.
กรี๊ดดดดด อาป้อโผล่ เเล้ว หวังส่าอากุ่ยจะไม่ไปบอกทหารญี่ปุ่นเรื่องนายปองนะ


ธีร์จุฑา 25 มี.ค. 2556, 20:35:50 น.
ชีวิตอาลั้งยิ่งกว่าโอชินอีกอ่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account