สนิมดอกรัก (ตีพิมพ์แล้ว - สนพ.อรุณ)
แพรวเพชร สิริณธรณ์ ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
เมื่อเผ่าภาคินที่เธอเข้าใจว่าเสียชีวิตไปแล้วเกือบสี่ปี
จู่ๆจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
แถมยังมาในมาดมหาเศรษฐีหนุ่มรูปหล่อ ร่ำรวย
และโหดเหี้ยมเหมือนในนิยายเป๊ะ!
.
.
.
.
“เชิญกรอกข้อมูลส่วนตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะแนะนำรายละเอียดและขอบเขตการให้บริการให้ฟัง อ้อ...ต้องให้ดิฉันแจ้งค่าใช้จ่ายให้ทราบคร่าวๆก่อนไหมคะ เพราะค่าบริการของเราไม่แพงก็จริง แต่สำหรับคนกำลังเก็บเงินแต่งงาน มันก็...เป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลย”
“ดูเหมือนว่าเงินจะเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตคุณเสมอเลยนะ คุณแพรวเพชร” เผ่าภาคินหยัน
“พูดอย่างกับว่ามันไม่สำคัญสำหรับคุณงั้นแหละ” หญิงสาวบิดริมฝีปากนิดๆอย่างดูถูก จากนั้นเดินไปยังโต๊ะที่วางชิดผนัง ดึงเอกสารแผ่นหนึ่งจากแท่นใสทรงกระบอกถือมากางตรงหน้าชายหนุ่ม พลางอธิบายด้วยท่าทีเหมือนทองไม่รู้ร้อน ไม่สนใจแม้จะเห็นว่าสายตาที่จ้องเธอแทบจะแผดเผาลุกเป็นไฟ
“นี่ค่ะ อัตราค่าสมัครแรกเข้าสำหรับลงทะเบียนเป็นสมาชิกของคิวปิดฯ ส่วนคอร์สที่คุณจะเข้าใช้บริการแยกคิดเป็นรายครั้ง เรามีรายการให้คุณเลือกเยอะค่ะ ทั้งดำน้ำ วาดรูป อบรมบุคลิกภาพ เที่ยวพิพิธภัณฑ์ ทำบุญไหว้พระ ทำขนม อ้อ...แต่สุดท้ายนี่ฉันไม่แนะนำนะคะ เพราะคุณคงไม่อยากให้ครูคนนั้นรู้ว่ามาสมัครเป็นลูกค้าที่นี่”
“แล้วมีคอร์สสับรางไม่ให้รถไฟชนกันบ้างไหม หรือไม่ก็พวก...วิธีซ่อนชู้ ซ่อนกิ๊กอะไรแบบนี้น่ะ ผมสนใจเป็นพิเศษ และถ้าให้แนะนำ ผมว่าคุณน่ะเหมาะจะเป็นวิทยากรมาก ใช้ประสบการณ์ตรงมาสอนก็ได้ คงมีคนอยากเรียนกันเยอะแยะ”
แพรวเพชรหัวเราะขัน “แปลกนะคะ คุณพูดเองแท้ๆว่าฉันไม่ได้มีเกียรติ มีเสน่ห์ หรือว่ามีค่าพอให้คุณเสียดมเสียดายอะไรแล้ว แต่ไอ้ที่คุณพูดๆมาเนี่ย เหมือนว่า...คุณจะจำเรื่องราวเกี่ยวกับตัวฉันได้แม่นยำจังเลย”
หญิงสาวดักคอและลอยหน้าเอ่ยประโยคต่อไปว่า “เอ...หรือว่าอันที่จริงแล้วคุณไม่ได้คิดอย่างที่พูด แต่กำลังเรียกร้องความสนใจจากฉัน หรือบางทีไอ้ที่บอกว่าจะแต่งงานกับคุณนวลนรีนั่นก็เป็นแค่การโกหก แกล้งทำเป็นโชว์ออฟ เพียงเพราะอยากให้ฉันรู้สึกรู้สาไปด้วยเท่านั้นเอง ประชด...อะไรทำนองนั้นน่ะเหรอคะ”
ปฏิกิริยาที่ไม่ได้คาดไว้ล่วงหน้าทำให้เผ่าภาคินค้นหาคำตอบโต้ไม่พบแม้แต่คำเดียว
แพรวเพชรแต้มยิ้มทำสีหน้าสมเพช จากนั้นก้าวเข้ามาใกล้ เอื้อมมือแตะแก้มอีกฝ่ายแผ่วเบาหยอกเย้า “โถ...น่ารักจริง แต่ขอโทษด้วยที่ต้องทำให้ผิดหวัง ฉันแต่งงานแล้ว และก็ไม่เคยคิดนอกใจสามี เพราะเขาเป็นคนดีมาก ยิ่งเขาดีเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งนึกเสียดายที่เคยไปเกลือกกลั้วกับของสกปรกมาก่อน โชคดีที่เขาไม่ถือสาอดีตของฉัน ไม่เช่นนั้นฉันคงไม่ได้เป็นผู้หญิงโชคดีอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้”
ประโยคสุดท้ายทิ่มแทงหัวใจคนฟังจนแทบทนไม่ไหว และเพียงเสี้ยววินาทีที่เผ่าภาคินปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือความควบคุม อุ้งมือแข็งแรงก็ตวัดคว้าต้นแขนหญิงสาวพร้อมทั้งบีบรุนแรง กระแสบางอย่างที่แล่นปราดผ่านปลายนิ้วทำให้ชายหนุ่มเกือบจะปล่อยมือ แต่เขาก็ฝืนกำมือแน่น เค้นเสียงลอดไรฟันเอ่ยคำถัดมา
“ใช่ ฉันมันเลว ชั่ว แต่ก็สมกันดีแล้วไม่ใช่เหรอ ผู้ชายสกปรกกับผู้หญิงที่น่าขยะแขยงน่ะ แพรวเพชรคนอ่อนโยนไร้เดียงสาที่ฉันเคยรู้จัก มาวันนี้กลับกลายเป็นผู้หญิงกร้านโลก หลายใจ น่ารังเกียจไปแล้ว ทุเรศที่สุด”
“ในเมื่อพี่เผ่าคนที่ฉันเคยรู้จักตายไปแล้ว แพรวเพชรคนที่คุณเคยรู้จักก็สมควรจะตายไปได้แล้วเหมือนกัน ถือว่าเราเสมอกันไงคะ” หญิงสาวยิ้มกว้างอย่างสะใจ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต
หากฝ่าฝืน สิริณ จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น
ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^
เมื่อเผ่าภาคินที่เธอเข้าใจว่าเสียชีวิตไปแล้วเกือบสี่ปี
จู่ๆจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
แถมยังมาในมาดมหาเศรษฐีหนุ่มรูปหล่อ ร่ำรวย
และโหดเหี้ยมเหมือนในนิยายเป๊ะ!
.
.
.
.
“เชิญกรอกข้อมูลส่วนตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะแนะนำรายละเอียดและขอบเขตการให้บริการให้ฟัง อ้อ...ต้องให้ดิฉันแจ้งค่าใช้จ่ายให้ทราบคร่าวๆก่อนไหมคะ เพราะค่าบริการของเราไม่แพงก็จริง แต่สำหรับคนกำลังเก็บเงินแต่งงาน มันก็...เป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลย”
“ดูเหมือนว่าเงินจะเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตคุณเสมอเลยนะ คุณแพรวเพชร” เผ่าภาคินหยัน
“พูดอย่างกับว่ามันไม่สำคัญสำหรับคุณงั้นแหละ” หญิงสาวบิดริมฝีปากนิดๆอย่างดูถูก จากนั้นเดินไปยังโต๊ะที่วางชิดผนัง ดึงเอกสารแผ่นหนึ่งจากแท่นใสทรงกระบอกถือมากางตรงหน้าชายหนุ่ม พลางอธิบายด้วยท่าทีเหมือนทองไม่รู้ร้อน ไม่สนใจแม้จะเห็นว่าสายตาที่จ้องเธอแทบจะแผดเผาลุกเป็นไฟ
“นี่ค่ะ อัตราค่าสมัครแรกเข้าสำหรับลงทะเบียนเป็นสมาชิกของคิวปิดฯ ส่วนคอร์สที่คุณจะเข้าใช้บริการแยกคิดเป็นรายครั้ง เรามีรายการให้คุณเลือกเยอะค่ะ ทั้งดำน้ำ วาดรูป อบรมบุคลิกภาพ เที่ยวพิพิธภัณฑ์ ทำบุญไหว้พระ ทำขนม อ้อ...แต่สุดท้ายนี่ฉันไม่แนะนำนะคะ เพราะคุณคงไม่อยากให้ครูคนนั้นรู้ว่ามาสมัครเป็นลูกค้าที่นี่”
“แล้วมีคอร์สสับรางไม่ให้รถไฟชนกันบ้างไหม หรือไม่ก็พวก...วิธีซ่อนชู้ ซ่อนกิ๊กอะไรแบบนี้น่ะ ผมสนใจเป็นพิเศษ และถ้าให้แนะนำ ผมว่าคุณน่ะเหมาะจะเป็นวิทยากรมาก ใช้ประสบการณ์ตรงมาสอนก็ได้ คงมีคนอยากเรียนกันเยอะแยะ”
แพรวเพชรหัวเราะขัน “แปลกนะคะ คุณพูดเองแท้ๆว่าฉันไม่ได้มีเกียรติ มีเสน่ห์ หรือว่ามีค่าพอให้คุณเสียดมเสียดายอะไรแล้ว แต่ไอ้ที่คุณพูดๆมาเนี่ย เหมือนว่า...คุณจะจำเรื่องราวเกี่ยวกับตัวฉันได้แม่นยำจังเลย”
หญิงสาวดักคอและลอยหน้าเอ่ยประโยคต่อไปว่า “เอ...หรือว่าอันที่จริงแล้วคุณไม่ได้คิดอย่างที่พูด แต่กำลังเรียกร้องความสนใจจากฉัน หรือบางทีไอ้ที่บอกว่าจะแต่งงานกับคุณนวลนรีนั่นก็เป็นแค่การโกหก แกล้งทำเป็นโชว์ออฟ เพียงเพราะอยากให้ฉันรู้สึกรู้สาไปด้วยเท่านั้นเอง ประชด...อะไรทำนองนั้นน่ะเหรอคะ”
ปฏิกิริยาที่ไม่ได้คาดไว้ล่วงหน้าทำให้เผ่าภาคินค้นหาคำตอบโต้ไม่พบแม้แต่คำเดียว
แพรวเพชรแต้มยิ้มทำสีหน้าสมเพช จากนั้นก้าวเข้ามาใกล้ เอื้อมมือแตะแก้มอีกฝ่ายแผ่วเบาหยอกเย้า “โถ...น่ารักจริง แต่ขอโทษด้วยที่ต้องทำให้ผิดหวัง ฉันแต่งงานแล้ว และก็ไม่เคยคิดนอกใจสามี เพราะเขาเป็นคนดีมาก ยิ่งเขาดีเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งนึกเสียดายที่เคยไปเกลือกกลั้วกับของสกปรกมาก่อน โชคดีที่เขาไม่ถือสาอดีตของฉัน ไม่เช่นนั้นฉันคงไม่ได้เป็นผู้หญิงโชคดีอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้”
ประโยคสุดท้ายทิ่มแทงหัวใจคนฟังจนแทบทนไม่ไหว และเพียงเสี้ยววินาทีที่เผ่าภาคินปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือความควบคุม อุ้งมือแข็งแรงก็ตวัดคว้าต้นแขนหญิงสาวพร้อมทั้งบีบรุนแรง กระแสบางอย่างที่แล่นปราดผ่านปลายนิ้วทำให้ชายหนุ่มเกือบจะปล่อยมือ แต่เขาก็ฝืนกำมือแน่น เค้นเสียงลอดไรฟันเอ่ยคำถัดมา
“ใช่ ฉันมันเลว ชั่ว แต่ก็สมกันดีแล้วไม่ใช่เหรอ ผู้ชายสกปรกกับผู้หญิงที่น่าขยะแขยงน่ะ แพรวเพชรคนอ่อนโยนไร้เดียงสาที่ฉันเคยรู้จัก มาวันนี้กลับกลายเป็นผู้หญิงกร้านโลก หลายใจ น่ารังเกียจไปแล้ว ทุเรศที่สุด”
“ในเมื่อพี่เผ่าคนที่ฉันเคยรู้จักตายไปแล้ว แพรวเพชรคนที่คุณเคยรู้จักก็สมควรจะตายไปได้แล้วเหมือนกัน ถือว่าเราเสมอกันไงคะ” หญิงสาวยิ้มกว้างอย่างสะใจ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต
หากฝ่าฝืน สิริณ จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น
ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ ๑๗
เสียงจ้อกแจ้กจอแจของเด็กๆที่หัวเราะหยอกเย้ากันดังขึ้นทีละนิดเมื่อเจ้าของร่างสูงเข้าใกล้ประตูรั้วของเนิร์สเซอรี่มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ด้วยระเบียบของสถานรับเลี้ยงเด็กซึ่งไม่อนุญาตให้คนแปลกหน้าซึ่งไม่มีบัตรประจำตัวที่โรงเรียนออกให้เข้าไปในเขตรั้วเด็ดขาด ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงหลบมาสังเกตการณ์ยังร้านกาแฟฝั่งตรงข้าม มุมที่เขาเลือกค่อนข้างกว้างและไม่มีสิ่งกีดขวางบดบังทัศนวิสัย จึงเห็นสนามหญ้าและด้านหน้าของเนิร์สเซอรี่ชัดเจน
รอยยิ้มบางๆเผยขึ้นบนใบหน้าชายหนุ่ม เมื่อเห็นแพรวเพชรปรากฏตัวขึ้นในระยะสายตา เธอเดินหายเข้าไปในอาคารชั่วครู่ แล้วกลับออกมาโดยมีเด็กหญิงตัวน้อยจูงมือกันไว้ ท่าทางกานติมาจะมีเรื่องเล่ามากมาย เพราะเขาเห็นปากย้อยนั้นขยับเล่าจ๋อยๆ มือก็ทำท่าประกอบเป็นระยะ คนเป็นแม่ก้มลงไปพยักพเยิดตั้งใจฟังจนกระทั่งมาถึงรถซึ่งจอดอยู่นอกรั้วสถานรับเลี้ยงเด็ก
เผ่าภาคินทอดสายตาลอดกระจกรถมองหญิงสาวก้มลงไปคาดเข็มขัดนิรภัยให้เด็กหญิง คอยจนเลกซัสสีขาวแล่นลับสายตาไปแล้ว จึงชำระเงินแล้วออกจากร้านกาแฟ เดินผ่านหน้าเนิร์สเซอรี่กลับไปที่รถซึ่งจอดลึกเข้าไปในซอยเพื่อไม่ให้แพรวเพชรสังเกตเห็น สมองครุ่นคิดถึงวิธีการที่จะดำเนินการตามแผนขั้นต่อไปอย่างแนบเนียน
แต่แล้วขณะเดินผ่านรั้วสถานรับเลี้ยงเด็กนั่นเอง เสียงของใครคนหนึ่งซึ่งดังมาจากสนามเด็กเล่นก็เรียกเขาไว้ “เอ๊ะ! นั่นเพื่อนคุณเพชรใช่ไหมคะ”
เผ่าภาคินชะงัก หันกลับไปทางต้นเสียง เห็นคุณครูคนที่เคยพบเมื่อครั้งตามมาตอแยแพรวเพชรถึงที่นี่กำลังเดินตรงเข้ามาหา พูดคุยกันผ่านรั้ว
“คุณคลาดกับคุณเพชรแล้วละค่ะ คุณเพชรเพิ่งรับหนูกานกลับไปเมื่อครู่นี้เอง”
“อ๋อ...เหรอครับ ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมกำลังจะตามไปสมทบกับเพชรอยู่แล้ว” ชายหนุ่มรับสมอ้างพอให้พ้นตัว
“งั้นคงต้องรีบหน่อยละค่ะ เดี๋ยวช้าจะไม่ทันหนูกานตัดเค้ก” หญิงสาวอมยิ้ม “พูดให้ถูกก็คือเดี๋ยวจะไปไม่ทันกินเค้ก เพราะหนูกานกินหมดเสียก่อน”
คนฟังขมวดคิ้ว เขาไม่ได้แปลกใจที่ได้ยินว่ากานติมาชอบทานขนมหวาน แต่ที่ข้องใจก็คือ...
“เค้ก เอ๊ะ!วันนี้วันเกิดหนูกานหรือครับ”
“ใช่ค่ะ แกครบสามขวบแล้ว คุณเพชรมารับเร็วกว่าปกติก็เพราะจะพากันไปฉลองนี่ละค่ะ”
“งั้นผมคงต้องขอตัวรีบตามไปสมทบแล้วละครับ ขอบคุณมากนะครับคุณครู” เผ่าภาคินก้มศีรษะแทนการบอกลาแล้วก้าวเท้ายาวๆกลับไปที่รถ สมองวิ่งวุ่นด้วยคำถามมากมาย
เขานับเวลาย้อนหลังรวดเร็ว กานติมาจะอายุสามขวบได้อย่างไร ในเมื่อระยะเวลาที่เขากับแพรวเพชรเลิกรากันคือสามปีกับห้าเดือนเศษ!
ต่อให้เธอเลิกกับเขาแล้วตัดสินใจคบหากับนราธิปเลยในทันที ก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะตั้งครรภ์แค่ห้าเดือนแล้วให้กำเนิดเด็กที่สมบูรณ์แข็งแรงอย่างกานติมาได้เด็ดขาด
บทสรุปนั้นยังผลให้หัวใจชายหนุ่มโลดแรงราวกับจะทะลุออกมานอกอก มือที่กดโทรศัพท์มือถือคำนวณตัวเลขสั่นระริก ขณะเดียวกันเขาก็พบว่ามันเย็นเฉียบด้วยความตื่นเต้น
เขาเขียนทดตัวเลขบนหน้าจอโทรศัพท์ ค่อยๆไล่เดือนปีย้อนหลังอย่างเชื่องช้า ทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีความผิดพลาดในขั้นตอนการคำนวณอย่างแน่นอน แล้วคำตอบที่ได้ก็ทำให้ชายหนุ่มขนลุกซู่รู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกดื้อๆ
หนทางเดียวที่กานติมาจะอายุครบสามขวบในวันนี้ได้ก็คือ...แพรวเพชรตั้งท้องอยู่แล้วตอนที่เลิกรากับเขา!
เผ่าภาคินหยิบโทรศัพท์กดหาเพื่อนที่เป็นแพทย์ หัวใจโหมลั่นราวกับกลองรบขณะคอยฟังเสียงสัญญาณด้วยใจที่ร้อนรนราวจะลุกเป็นไฟ
“ไอ้หมอ...ถ้าเด็กคลอดก่อนกำหนด แม่ต้องมีอายุครรภ์อย่างน้อยกี่เดือนวะ เด็กถึงจะรอดน่ะ” เขาทักทาย และแนะนำตัวรวดเร็ว ตามด้วยการพุ่งตรงเข้าสู่ประเด็นทันที
“ถามอะไรอย่างนี้วะ เมียเอ็งจะคลอดลูกหรือไง”
“ตอบมาก่อนสิวะ อย่าเพิ่งถาม” เขาสวนกลับร้อนรน
“โอเคๆ” ปลายสายนิ่งไปชั่วครู่คล้ายกำลังทบทวนข้อมูล แล้วจึงเอ่ย “จากสถิติแล้วแม่เด็กควรจะมีอายุครรภ์อย่างน้อย ๓๐ สัปดาห์ บางรายเป็นกรณีพิเศษ ๒๔ สัปดาห์แล้วเด็กรอดก็มี แต่คลอดแล้วก็ยังต้องอยู่ในตู้อบพักใหญ่เพื่อปรับสภาพร่างกายให้แข็งแรงก่อนนะเว้ย”
“ยี่สิบสี่สัปดาห์ ก็ตกราวๆหกเดือนสิวะ ใช่ไหม”
“เอาเป๊ะๆก็หกเดือนหนึ่งสัปดาห์”
“แล้วเด็กจะผิดปกติไหม” เผ่าภาคินไม่รู้ตัวสักนิดว่าเขาแทบกลั้นหายใจเพื่อรอฟังคำตอบนั้นเลยทีเดียว
“อายุครรภ์ยิ่งน้อยก็ยิ่งมีความเสี่ยงว่าเด็กจะพัฒนาร่างกายได้ไม่ครบ ส่วนใหญ่คลอดแล้วหมอจะเอกซเรย์ตรวจร่างกาย เผื่อมีปัญหาจะได้แก้ไขทัน”
“แล้วเป็นไปได้ไหมวะว่าผู้หญิงจะท้องสักเดือนหรือสองเดือนโดยที่ดูไม่ออกน่ะ”
“เป็นได้สิวะ ท้องสาวน่ะ บางทีห้าหกเดือนแล้วยังดูแทบไม่ออกเลยก็มี”
“ท้องสาว...แปลว่าอะไรไอ้หมอ” เผ่าภาคินงง ไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้ชายอย่างเขาจะต้องมาทำความรู้จักคำแปลกๆพวกนี้
“ก็แปลว่าผู้หญิงสาวๆที่เพิ่งตั้งครรภ์ลูกเป็นคนแรกน่ะ ร่างกายเขาต้องค่อยๆปรับตัว การขยายของช่องท้องค่อนข้างน้อย บางทีมองจากภายนอกจะดูไม่ออกว่าท้อง อาจจะคิดว่าแค่อ้วน”
“ขอบใจมาก แค่นี้แหละ” ชายหนุ่มตัดสายทันทีเมื่อได้คำตอบที่ต้องการครบถ้วน ไม่สนใจแม้เสียงโวยวายของเพื่อนจะดังลอดมาให้ได้ยินก็ตามที
“อายุครรภ์อย่างน้อยหกเดือน งั้นตอนที่เพชรไปกับไอ้หมอนั่น เพชรท้องได้เดือนเศษแล้วน่ะสิ หรือบางทีถ้ากานติมาไม่ได้คลอดก่อนกำหนด ก็แปลว่าเพชรท้องมานานแล้ว อาจจะถึงสามหรือสี่เดือนอย่างที่ไอ้หมอว่าก็ได้” เผ่าภาคินลูบหน้าแรงๆ คล้ายยังไม่แน่ใจว่าเขากำลังอยู่ในความฝันหรือเปล่า
นี่เอง...เหตุผลที่แพรวเพชรทวงหา ‘ความรับผิดชอบ’ จากเขา เธอไม่ได้หมายถึงการแต่งงาน แต่หมายถึงลูกต่างหาก กานติมาเป็นลูกเขา!
เพียงข้อความนั้นถูกย้ำลงในความรับรู้อีกครั้ง เผ่าภาคินก็ขนลุกซู่ ความปีติตื้นตันเปลี่ยนแปรเป็นหยดน้ำตาที่รื้นเอ่อขึ้นตรงปลายตา วินาทีนั้นเขาลืมทุกแผนการ จำไม่ได้แม้กระทั่งว่าเคยถูกทำร้ายจนปางตายอย่างไร สิ่งเดียวที่อยากทำก็คือหัวเราะให้ดังก้อง อยากตะโกนบอกโลกทั้งใบว่าเขากำลังมีความสุขมากเพียงใด
เขามีลูก กานติมาเป็นลูกของเขา! ลูกของเขากับแพรวเพชร!
เผ่าภาคินบีบพวงมาลัยรถแน่น เรียกสติที่ฟุ้งซ่านกระเจิดกระเจิงด้วยความยินดีให้กลับมารวมกัน แม้แวบหนึ่งที่เขาชะงัก มือเผลอลูบแผลเป็นตรงหน้าอกเบื้องซ้าย ขณะใจประหวัดไปถึงที่มาที่ไปของมัน ทว่าความแค้นก็ผ่านวาบเข้ามาแล้วปลิวหายวับไปอย่างรวดเร็ว เขาสลัดมันออกจากความคิดทันควัน บอกตัวเองว่ามันไม่สำคัญอีกต่อไป เขาพร้อมแล้วที่จะก้าวข้ามทุกกำแพงที่รายล้อมเพื่อกลับไปสู่หัวใจของเธออีกครั้ง
ชายหนุ่มยิ้มกริ่มอย่างมีความสุข ช่างหัวอดีต ช่างหัวทุกอย่าง ช่างมันไปให้หมด!
เผ่าภาคินยังจำการพบกันที่ร้านเค้กหวานได้ แวบแรกที่แพรวเพชรเห็นเขา ชายหนุ่มมั่นใจว่าเขาเห็นความยินดีในดวงตาคู่นั้น บางที...อาจจะมีความเข้าใจผิดเกิดขึ้นก็ได้ เธออาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่มือมีดปริศนาคนนั้นบุกเข้าไปฆ่าปิดปากเขา
สีหน้าฉงนฉงายของแพรวเพชรตอนถามเขาว่าศพที่พบในอพาร์ตเมนต์เป็นใครยังติดตา หญิงสาวอาจไม่มีส่วนรู้เห็นกับการวางเพลิงนั่นเลยก็เป็นได้
ชายหนุ่มควานหาทุกเศษเสี้ยวของความหวังที่ตกหล่นอยู่ในทุกการพบกันมาใช้เป็นเหตุผลสนับสนุนให้ตัวเองยกโทษให้หญิงสาว เขาเก็บกอบทุกข้ออ้างที่พอจะหาได้มาย้ำให้ตัวเองมีความชอบธรรมที่จะรักเธออย่างที่เคยรัก ไม่สนใจว่ามันจะสมเหตุสมผลหรือไม่ก็ตาม
ถึงตอนนี้อะไรก็ไม่สำคัญเท่าเขาจะต้องหาทางเอาสมบัติของตัวเองกลับคืนมาสู่อ้อมอกให้ได้ สมบัติ...ที่ไม่ใช่สิ่งของ แต่หมายถึงแพรวเพชรและลูก!
เผ่าภาคินปล่อยให้หัวใจที่เย็นชาไร้ความรู้สึกโหมลั่นเป็นท่วงทำนองของความสุข ตั้งธงหมายมาดปรารถนามั่น เขาจะทำทุกวิธีทางเพื่อแย่งแพรวเพชรคืนมาอีกครั้ง ต่อให้ต้องแลกกับอะไร เขาก็พร้อมจะยอมทั้งสิ้น!
บางทีการที่หญิงสาวแต่งงานกับนราธิปอาจไม่ใช่เพราะหมดรักเขาแล้ว แต่เป็นเพราะรักมากจนต้องใช้สถานะทางสังคมในฐานะภรรยาของใครสักคนในการปกป้องลูกสาวของเขา
ใช่แน่แล้ว...ต้องเป็นอย่างนี้แน่นอน เขามั่นใจ!
.
.
.
.
.
ตลอดสัปดาห์ถัดมาเผ่าภาคินกลับมาเป็นคนหนุ่มไฟแรงบ้าคลั่งกับการทำงานเหมือนกับก่อนที่อาการ ‘อกหัก’ จะเข้าโจมตี คนรอบข้างมองความเปลี่ยนแปลงของเขาด้วยความอัศจรรย์ใจ แต่ไม่มีใครกล้าออกปากถามว่าเหตุใดเขาจึงหายจากอาการซึมเศร้าได้ง่ายดายนัก การประชุมผู้บริหารที่ต้องเลื่อนไปถึงสองครั้งสองคราได้รับการปรับลำดับขึ้นมาเป็นความสำคัญอันดับแรกอีกครั้ง
“ยินดีด้วยนะคุณเผ่า ตอนนี้ไอซีอินทิเกรทเต็ดและชิปเมคเกอร์เป็นของคุณอย่างละครึ่งเรียบร้อยแล้ว” พงษ์ชัยเอ่ยเป็นประโยคแรกเมื่อเผ่าภาคินก้าวเข้ามาในห้องประชุม เรียกเสียงปรบมือจากทีมผู้บริหารทั้งห้องได้กราวใหญ่
“ต้องขอบคุณทีมงานทุกคนที่ช่วยกันทำทุกอย่างจนการเจรจาลุล่วงมากกว่า” เผ่าภาคินยิ้มอารมณ์ดี ขณะเดินไปนั่งที่หัวโต๊ะเตรียมเริ่มการประชุม
บทสรุปของแต่ละแผนกถูกรายงานตามลำดับ ชายหนุ่มสั่งการรวดเร็วด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจ และครั้งนี้...เห็นจะต้องบอกว่ามีความแข็งกร้าวมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
“เรื่องไทยแสงฟ้าว่ายังไง มีความคืบหน้าไหม” เผ่าภาคินถามถึงบริษัทที่เคยทำหนังสือมาเสนอตัวขายหุ้นให้กับพาร์กิ้นอินเตอร์เนชันแนล
ผู้บริหารที่รับผิดชอบเรื่องนี้กดปุ่มบนเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่นานภาพก็แสดงบนจอหน้าห้อง เสียงอธิบายคล่องแคล่วไม่ติดขัดของเจ้าตัวดังเป็นจังหวะ
“งบบริษัทไม่ค่อยดีครับ ตัวสินค้าทำกำไรได้มาก แต่ค่าใช้จ่ายก็สูงไม่แพ้กัน ทุกเดือนแทบไม่เหลือกำไร ยิ่งตอนนี้เอาสินทรัพย์ตัวโรงงานไปค้ำกู้แบงก์ออกมาจนเต็มวงเงินแล้วด้วย สภาพคล่องไม่มีเลย ถ้าสถานการณ์เป็นอย่างนี้ต่อไป ไม่นานก็เจ๊ง”
“ของก็ทำกำไรได้ ทำไมหมุนเงินไม่ทัน” เผ่าภาคินตั้งคำถามเรียกดูบัญชีกระแสเงินสด เจ้าหนี้ ลูกหนี้ แยกประเภท และค่าใช้จ่าย เขาอ่านตัวเลขอย่างเชี่ยวชาญก่อนลงท้ายด้วยการส่ายหน้า
“พื้นฐานดี แต่บริหารไม่ได้เรื่อง ค่าแรงคนงานบานอย่างนี้ ถ้าลงทุนเอาเครื่องจักรเข้ามาแทนก็สิ้นเรื่อง” เขาหันไปทางผู้ร่วมประชุม “พวกคุณคิดว่ายังไง”
“ราคาที่คุณแสงฟ้าเสนอขายต่ำกว่าตลาด ถ้าซื้อมาปรับระบบ ทำงบสวยๆ น่าจะขายต่อทำกำไรได้พอสมควร” ฝ่ายการเงินเสนอ
“ถ้าลงทุนเครื่องจักร เอามาเป็นกำลังผลิตสำรองของบริษัทในเครือก็ดีนะครับ” ฝ่ายโรงงานให้ความเห็น
เผ่าภาคินฟังความเห็นทั้งด้านบวกและลบของทุกคน ฟังการทุ่มเถียงเพื่อประโยชน์ของบริษัทด้วยความสุขใจ เขารักการทำงาน หลงใหลการเป็นผู้ชนะก็เพราะอย่างนี้ หลังจากชั่งใจกับผลประโยชน์ที่จะได้รับและต้องเสียไปอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดจึงตัดสินใจได้เด็ดขาด “ปฏิเสธไปละกัน บอกว่าเราไม่สนใจข้อเสนอ บริษัทมีแต่หนี้ กว่าจะปลดสภาพหนี้ กว่าจะทำกำไร ไม่คุ้มกับเวลาและกำลังคนที่เราต้องทุ่มลงไป”
“เสนอเงินกู้ให้ดีไหมครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้น
“ผมไม่ใช่ธนาคาร ผู้บริหารที่กู้เอาเงินบริษัทมาส่งลูกเรียนไม่ใช่ลูกหนี้ที่ดี ผมไม่อยากให้หนี้สูญ” เขาปฏิเสธไร้เยื่อใย แล้วหันไปบอกพงษ์ชัย “บอกปัดไปครับ ไม่มีเงื่อนไข ไม่มีข้อเสนอ จบแค่นี้”
การประชุมดำเนินต่อเนื่องไปอีกหลายชั่วโมง และเมื่อใกล้จะจบลง เผ่าภาคินหยิบแฟ้มของบริษัททั้งสองแห่งที่เพิ่งเข้าเป็นผู้ถือหุ้นครึ่งหนึ่งโยนลงบนโต๊ะพร้อมกับตั้งคำถามเสียงกร้าว
“ถ้าผมอยากให้เอาสองโรงงานนี้มาเป็นของผมหนึ่งร้อยเปอร์เซนต์ ต้องใช้เวลากี่เดือน ปีนึงพอไหม”
แฟ้มเล่มที่อยู่ด้านบนสุดเปิดหราออก แต่ไม่มีใครสนใจ ทุกคนมัวแต่หันไปมองหน้ากันด้วยอาการไม่แน่ใจ ก่อนที่พงษ์ชัยจะรับหน้าเสื่อเจรจากับเจ้านายเช่นเคย
“จะขุดบ่อล่อปลาทั้งที ใจร้อนไม่ได้หรอกนะคุณเผ่า เกิดกวนน้ำขุ่นปลารู้ตัวว่ายหนีไปหมด ไอ้เงินที่เสียไปเป็นค่าขุดบ่อจะกลายเป็นเปล่าประโยชน์ ได้ไม่คุ้มเสียหรอก สู้ใจเย็นๆให้ปลาค่อยๆว่ายมาลงบ่อเอง ทีนี้เราจะใช้กระชอนตักขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ แบบนี้ดีกว่า เชื่อผมเถอะ”
ชายหนุ่มหัวเราะหึๆกับความเจ้าคารี้สีคารมของคนอาบน้ำร้อนมาก่อน แม้เหตุผลของอีกฝ่ายจะฟังขึ้น แต่ใช่ว่าเขาจะยอมประนีประนอมง่ายๆ “งั้นคุณต้องการกี่ปี”
“สี่...โอเค สามปีก็ได้” พงษ์ชัยแย้ง แม้จะมีคำตอบที่ห่างไกลจากความคาดหวังของเจ้านายค่อนข้างมาก แต่ด้วยพรรษาและอายุงานที่คร่ำหวอดในวงการธุรกิจมานาน ทำให้สามารถคำนวณความเป็นไปได้ในหัวรวดเร็ว และปรับเปลี่ยนระยะเวลาเพื่อตอบคำถามอีกฝ่ายตามสถานการณ์และความเหมาะสมได้ทันท่วงที
“สิบแปดเดือน” เผ่าภาคินยื่นคำขาด
“เร็วที่สุดคือสามสิบเดือน ถ้าคุณรวบรัดเร็วกว่านั้น มันจะไร้จริยธรรมแล้วก็โฉ่งฉ่างเกินไป อีกหน่อยอาจไม่มีใครกล้าร่วมทุนกับเราอีก” พงษ์ชัยเน้นเสียง
“ตกลง...สองปีครึ่ง ซื้อบริษัทนั้นมาให้ได้ แล้วผมจะมีโบนัสให้พวกคุณอย่างงาม” เผ่าภาคินยิ้มกว้างพอใจ และเมื่อมองไปทางคู่โต้วาทีเมื่อครู่ ก็เห็นฝ่ายนั้นส่ายหน้า ท่าทางบอกชัดว่าเจ็บใจไม่น้อยที่ ‘เสียรู้’ ให้แก่เขา
“คุณมีตัวเลขสามสิบเดือนอยู่ในใจแล้ว แต่ดันเอาปีนึงมากดดันให้พวกเราต้องลดเงื่อนเวลาจากสี่ปีลงมาตั้งเกือบครึ่ง ทำกันได้ลงคอนะคุณเผ่า” พงษ์ชัยโวย ทว่าสีหน้ายิ้มแย้มเห็นได้ชัดว่าชื่นชมและพอใจกับลูกล่อลูกชนของเจ้านาย และแน่นอนว่าคำชมจากคนผ่านโลกมามาก โชกโชนในโลกธุรกิจอย่างพงษ์ชัยย่อมมิใช่ธรรมดา
“ผมต้องขอบคุณทุกคนมากกว่าที่จะช่วยกันทำตามแผนที่วางไว้ให้สำเร็จตามกำหนด” เผ่าภาคินถ่อมตัว เขาฟังทีมผู้บริหารถกเถียงกันด้วยประเด็นอื่นๆอีกพักใหญ่จึงบอกเลิกประชุม
เมื่อทั้งห้องเหลือเพียงเขาลำพัง ชายหนุ่มเอื้อมไปคว้าแฟ้มที่เปิดอ้าอยู่มาตรงหน้า ขณะกำลังจะงับมันเข้าด้วยกันนั้นเอง ข้อความบรรทัดหนึ่งก็สะดุดตาเข้า ก่อนเข้าร่วมทุนในกิจการใดก็ตาม ที่ปรึกษาด้านการเงินและประเมินความเสี่ยงจะต้องสืบประวัติของบริษัทเป้าหมายอย่างละเอียด ปกติเผ่าภาคินเปิดผ่านหน้าแรกในส่วนของอารัมภบทการก่อตั้งกิจการ โดยเน้นไปดูที่ตัวเลขผลประกอบการและประมาณการณ์ระยะเวลาที่จะคืนทุนเป็นหลัก
แต่วันนี้...จะด้วยความบังเอิญหรือจะบอกว่าเป็นโชคดีของเขาก็สุดรู้ เอกสารหน้าที่เปิดค้างอยู่บนโต๊ะ นอกจากจะมีข้อความสำคัญกระเด้งเตะตาแล้ว รูปที่ประกอบอยู่กับข้อความนั้นยังยืนยันให้เขายิ่งสบายใจมากขึ้นว่า เทพีแห่งโชคชะตาคงกำลังประทับอยู่บนบ่าของเขาแน่นอน
ไอซีอินทิเกรทเต็ดก่อตั้งจากโรงรถที่ถูกใช้เป็นทั้งแหล่งผลิตและสำนักงาน ก่อนย้ายมาก่อสร้างโรงงานบนพื้นที่ห้าไร่ในเขตจังหวัดนครปฐม
ใช่แน่แล้ว...รูปที่ปรากฎอยู่บนหน้าเอกสารคือบ้านพ่อแม่ของแพรวเพชร เขาจำได้จากรูปถ่ายที่เธอเคยเอาให้ดูสมัยยังอยู่ซิดนีย์ด้วยกัน
ความมั่นใจ พอใจพลุ่งขึ้นก่อนเป็นลำดับแรก แล้วจึงตามมาด้วยอาการชะงักเมื่อระลึกได้ว่าเขาเพิ่งสั่งการให้ทีมงานฮุบโรงงานที่ว่าให้ได้ภายในสองปีครึ่ง
เผ่าภาคินขมวดคิ้วอยู่ครู่เดียว รอยยิ้มก็เคลื่อนเข้ามาแทนที่ เมื่อนึกหาหนทางใช้สิ่งที่เพิ่งรู้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเองได้มากที่สุดพบแล้ว!
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
พรุ่งนี้ก็จะเป็นงานสัปดาห์หนังสือฯ วันแรกแล้วนะคะ
ลายแทง สำหรับผู้ที่สะสมหนังสือของสิริณยังไม่ครบทุกเล่ม
ไปตามนี้ได้เลยค่า
ภาพรักในฝัน รอยตะวัน และแผนก่อการรัก
ซื้อได้ที่ บูธร้านนายอินทร์ #Q12 โซน C ชั้น 2 หรือ Z02 โซน D
บุหงาซ่อนกลิ่น ซื้อได้ที่ โอเชียนบุ๊คมาร์ท #R32 โซน C ชั้น 2
สำหรับ สนิมดอกรัก
ยังไม่คอนเฟิร์มว่าจะวางแผงช่วงต้น ช่วงกลาง หรือท้ายงาน
(แวะไปช่วงไหน ไปลองถามที่บูธนายอินทร์ได้นะคะ)
เดี๋ยวจะเอาปกฉบับเต็มมาให้ชมกันค่ะ
รอยยิ้มบางๆเผยขึ้นบนใบหน้าชายหนุ่ม เมื่อเห็นแพรวเพชรปรากฏตัวขึ้นในระยะสายตา เธอเดินหายเข้าไปในอาคารชั่วครู่ แล้วกลับออกมาโดยมีเด็กหญิงตัวน้อยจูงมือกันไว้ ท่าทางกานติมาจะมีเรื่องเล่ามากมาย เพราะเขาเห็นปากย้อยนั้นขยับเล่าจ๋อยๆ มือก็ทำท่าประกอบเป็นระยะ คนเป็นแม่ก้มลงไปพยักพเยิดตั้งใจฟังจนกระทั่งมาถึงรถซึ่งจอดอยู่นอกรั้วสถานรับเลี้ยงเด็ก
เผ่าภาคินทอดสายตาลอดกระจกรถมองหญิงสาวก้มลงไปคาดเข็มขัดนิรภัยให้เด็กหญิง คอยจนเลกซัสสีขาวแล่นลับสายตาไปแล้ว จึงชำระเงินแล้วออกจากร้านกาแฟ เดินผ่านหน้าเนิร์สเซอรี่กลับไปที่รถซึ่งจอดลึกเข้าไปในซอยเพื่อไม่ให้แพรวเพชรสังเกตเห็น สมองครุ่นคิดถึงวิธีการที่จะดำเนินการตามแผนขั้นต่อไปอย่างแนบเนียน
แต่แล้วขณะเดินผ่านรั้วสถานรับเลี้ยงเด็กนั่นเอง เสียงของใครคนหนึ่งซึ่งดังมาจากสนามเด็กเล่นก็เรียกเขาไว้ “เอ๊ะ! นั่นเพื่อนคุณเพชรใช่ไหมคะ”
เผ่าภาคินชะงัก หันกลับไปทางต้นเสียง เห็นคุณครูคนที่เคยพบเมื่อครั้งตามมาตอแยแพรวเพชรถึงที่นี่กำลังเดินตรงเข้ามาหา พูดคุยกันผ่านรั้ว
“คุณคลาดกับคุณเพชรแล้วละค่ะ คุณเพชรเพิ่งรับหนูกานกลับไปเมื่อครู่นี้เอง”
“อ๋อ...เหรอครับ ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมกำลังจะตามไปสมทบกับเพชรอยู่แล้ว” ชายหนุ่มรับสมอ้างพอให้พ้นตัว
“งั้นคงต้องรีบหน่อยละค่ะ เดี๋ยวช้าจะไม่ทันหนูกานตัดเค้ก” หญิงสาวอมยิ้ม “พูดให้ถูกก็คือเดี๋ยวจะไปไม่ทันกินเค้ก เพราะหนูกานกินหมดเสียก่อน”
คนฟังขมวดคิ้ว เขาไม่ได้แปลกใจที่ได้ยินว่ากานติมาชอบทานขนมหวาน แต่ที่ข้องใจก็คือ...
“เค้ก เอ๊ะ!วันนี้วันเกิดหนูกานหรือครับ”
“ใช่ค่ะ แกครบสามขวบแล้ว คุณเพชรมารับเร็วกว่าปกติก็เพราะจะพากันไปฉลองนี่ละค่ะ”
“งั้นผมคงต้องขอตัวรีบตามไปสมทบแล้วละครับ ขอบคุณมากนะครับคุณครู” เผ่าภาคินก้มศีรษะแทนการบอกลาแล้วก้าวเท้ายาวๆกลับไปที่รถ สมองวิ่งวุ่นด้วยคำถามมากมาย
เขานับเวลาย้อนหลังรวดเร็ว กานติมาจะอายุสามขวบได้อย่างไร ในเมื่อระยะเวลาที่เขากับแพรวเพชรเลิกรากันคือสามปีกับห้าเดือนเศษ!
ต่อให้เธอเลิกกับเขาแล้วตัดสินใจคบหากับนราธิปเลยในทันที ก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะตั้งครรภ์แค่ห้าเดือนแล้วให้กำเนิดเด็กที่สมบูรณ์แข็งแรงอย่างกานติมาได้เด็ดขาด
บทสรุปนั้นยังผลให้หัวใจชายหนุ่มโลดแรงราวกับจะทะลุออกมานอกอก มือที่กดโทรศัพท์มือถือคำนวณตัวเลขสั่นระริก ขณะเดียวกันเขาก็พบว่ามันเย็นเฉียบด้วยความตื่นเต้น
เขาเขียนทดตัวเลขบนหน้าจอโทรศัพท์ ค่อยๆไล่เดือนปีย้อนหลังอย่างเชื่องช้า ทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีความผิดพลาดในขั้นตอนการคำนวณอย่างแน่นอน แล้วคำตอบที่ได้ก็ทำให้ชายหนุ่มขนลุกซู่รู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกดื้อๆ
หนทางเดียวที่กานติมาจะอายุครบสามขวบในวันนี้ได้ก็คือ...แพรวเพชรตั้งท้องอยู่แล้วตอนที่เลิกรากับเขา!
เผ่าภาคินหยิบโทรศัพท์กดหาเพื่อนที่เป็นแพทย์ หัวใจโหมลั่นราวกับกลองรบขณะคอยฟังเสียงสัญญาณด้วยใจที่ร้อนรนราวจะลุกเป็นไฟ
“ไอ้หมอ...ถ้าเด็กคลอดก่อนกำหนด แม่ต้องมีอายุครรภ์อย่างน้อยกี่เดือนวะ เด็กถึงจะรอดน่ะ” เขาทักทาย และแนะนำตัวรวดเร็ว ตามด้วยการพุ่งตรงเข้าสู่ประเด็นทันที
“ถามอะไรอย่างนี้วะ เมียเอ็งจะคลอดลูกหรือไง”
“ตอบมาก่อนสิวะ อย่าเพิ่งถาม” เขาสวนกลับร้อนรน
“โอเคๆ” ปลายสายนิ่งไปชั่วครู่คล้ายกำลังทบทวนข้อมูล แล้วจึงเอ่ย “จากสถิติแล้วแม่เด็กควรจะมีอายุครรภ์อย่างน้อย ๓๐ สัปดาห์ บางรายเป็นกรณีพิเศษ ๒๔ สัปดาห์แล้วเด็กรอดก็มี แต่คลอดแล้วก็ยังต้องอยู่ในตู้อบพักใหญ่เพื่อปรับสภาพร่างกายให้แข็งแรงก่อนนะเว้ย”
“ยี่สิบสี่สัปดาห์ ก็ตกราวๆหกเดือนสิวะ ใช่ไหม”
“เอาเป๊ะๆก็หกเดือนหนึ่งสัปดาห์”
“แล้วเด็กจะผิดปกติไหม” เผ่าภาคินไม่รู้ตัวสักนิดว่าเขาแทบกลั้นหายใจเพื่อรอฟังคำตอบนั้นเลยทีเดียว
“อายุครรภ์ยิ่งน้อยก็ยิ่งมีความเสี่ยงว่าเด็กจะพัฒนาร่างกายได้ไม่ครบ ส่วนใหญ่คลอดแล้วหมอจะเอกซเรย์ตรวจร่างกาย เผื่อมีปัญหาจะได้แก้ไขทัน”
“แล้วเป็นไปได้ไหมวะว่าผู้หญิงจะท้องสักเดือนหรือสองเดือนโดยที่ดูไม่ออกน่ะ”
“เป็นได้สิวะ ท้องสาวน่ะ บางทีห้าหกเดือนแล้วยังดูแทบไม่ออกเลยก็มี”
“ท้องสาว...แปลว่าอะไรไอ้หมอ” เผ่าภาคินงง ไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้ชายอย่างเขาจะต้องมาทำความรู้จักคำแปลกๆพวกนี้
“ก็แปลว่าผู้หญิงสาวๆที่เพิ่งตั้งครรภ์ลูกเป็นคนแรกน่ะ ร่างกายเขาต้องค่อยๆปรับตัว การขยายของช่องท้องค่อนข้างน้อย บางทีมองจากภายนอกจะดูไม่ออกว่าท้อง อาจจะคิดว่าแค่อ้วน”
“ขอบใจมาก แค่นี้แหละ” ชายหนุ่มตัดสายทันทีเมื่อได้คำตอบที่ต้องการครบถ้วน ไม่สนใจแม้เสียงโวยวายของเพื่อนจะดังลอดมาให้ได้ยินก็ตามที
“อายุครรภ์อย่างน้อยหกเดือน งั้นตอนที่เพชรไปกับไอ้หมอนั่น เพชรท้องได้เดือนเศษแล้วน่ะสิ หรือบางทีถ้ากานติมาไม่ได้คลอดก่อนกำหนด ก็แปลว่าเพชรท้องมานานแล้ว อาจจะถึงสามหรือสี่เดือนอย่างที่ไอ้หมอว่าก็ได้” เผ่าภาคินลูบหน้าแรงๆ คล้ายยังไม่แน่ใจว่าเขากำลังอยู่ในความฝันหรือเปล่า
นี่เอง...เหตุผลที่แพรวเพชรทวงหา ‘ความรับผิดชอบ’ จากเขา เธอไม่ได้หมายถึงการแต่งงาน แต่หมายถึงลูกต่างหาก กานติมาเป็นลูกเขา!
เพียงข้อความนั้นถูกย้ำลงในความรับรู้อีกครั้ง เผ่าภาคินก็ขนลุกซู่ ความปีติตื้นตันเปลี่ยนแปรเป็นหยดน้ำตาที่รื้นเอ่อขึ้นตรงปลายตา วินาทีนั้นเขาลืมทุกแผนการ จำไม่ได้แม้กระทั่งว่าเคยถูกทำร้ายจนปางตายอย่างไร สิ่งเดียวที่อยากทำก็คือหัวเราะให้ดังก้อง อยากตะโกนบอกโลกทั้งใบว่าเขากำลังมีความสุขมากเพียงใด
เขามีลูก กานติมาเป็นลูกของเขา! ลูกของเขากับแพรวเพชร!
เผ่าภาคินบีบพวงมาลัยรถแน่น เรียกสติที่ฟุ้งซ่านกระเจิดกระเจิงด้วยความยินดีให้กลับมารวมกัน แม้แวบหนึ่งที่เขาชะงัก มือเผลอลูบแผลเป็นตรงหน้าอกเบื้องซ้าย ขณะใจประหวัดไปถึงที่มาที่ไปของมัน ทว่าความแค้นก็ผ่านวาบเข้ามาแล้วปลิวหายวับไปอย่างรวดเร็ว เขาสลัดมันออกจากความคิดทันควัน บอกตัวเองว่ามันไม่สำคัญอีกต่อไป เขาพร้อมแล้วที่จะก้าวข้ามทุกกำแพงที่รายล้อมเพื่อกลับไปสู่หัวใจของเธออีกครั้ง
ชายหนุ่มยิ้มกริ่มอย่างมีความสุข ช่างหัวอดีต ช่างหัวทุกอย่าง ช่างมันไปให้หมด!
เผ่าภาคินยังจำการพบกันที่ร้านเค้กหวานได้ แวบแรกที่แพรวเพชรเห็นเขา ชายหนุ่มมั่นใจว่าเขาเห็นความยินดีในดวงตาคู่นั้น บางที...อาจจะมีความเข้าใจผิดเกิดขึ้นก็ได้ เธออาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่มือมีดปริศนาคนนั้นบุกเข้าไปฆ่าปิดปากเขา
สีหน้าฉงนฉงายของแพรวเพชรตอนถามเขาว่าศพที่พบในอพาร์ตเมนต์เป็นใครยังติดตา หญิงสาวอาจไม่มีส่วนรู้เห็นกับการวางเพลิงนั่นเลยก็เป็นได้
ชายหนุ่มควานหาทุกเศษเสี้ยวของความหวังที่ตกหล่นอยู่ในทุกการพบกันมาใช้เป็นเหตุผลสนับสนุนให้ตัวเองยกโทษให้หญิงสาว เขาเก็บกอบทุกข้ออ้างที่พอจะหาได้มาย้ำให้ตัวเองมีความชอบธรรมที่จะรักเธออย่างที่เคยรัก ไม่สนใจว่ามันจะสมเหตุสมผลหรือไม่ก็ตาม
ถึงตอนนี้อะไรก็ไม่สำคัญเท่าเขาจะต้องหาทางเอาสมบัติของตัวเองกลับคืนมาสู่อ้อมอกให้ได้ สมบัติ...ที่ไม่ใช่สิ่งของ แต่หมายถึงแพรวเพชรและลูก!
เผ่าภาคินปล่อยให้หัวใจที่เย็นชาไร้ความรู้สึกโหมลั่นเป็นท่วงทำนองของความสุข ตั้งธงหมายมาดปรารถนามั่น เขาจะทำทุกวิธีทางเพื่อแย่งแพรวเพชรคืนมาอีกครั้ง ต่อให้ต้องแลกกับอะไร เขาก็พร้อมจะยอมทั้งสิ้น!
บางทีการที่หญิงสาวแต่งงานกับนราธิปอาจไม่ใช่เพราะหมดรักเขาแล้ว แต่เป็นเพราะรักมากจนต้องใช้สถานะทางสังคมในฐานะภรรยาของใครสักคนในการปกป้องลูกสาวของเขา
ใช่แน่แล้ว...ต้องเป็นอย่างนี้แน่นอน เขามั่นใจ!
.
.
.
.
.
ตลอดสัปดาห์ถัดมาเผ่าภาคินกลับมาเป็นคนหนุ่มไฟแรงบ้าคลั่งกับการทำงานเหมือนกับก่อนที่อาการ ‘อกหัก’ จะเข้าโจมตี คนรอบข้างมองความเปลี่ยนแปลงของเขาด้วยความอัศจรรย์ใจ แต่ไม่มีใครกล้าออกปากถามว่าเหตุใดเขาจึงหายจากอาการซึมเศร้าได้ง่ายดายนัก การประชุมผู้บริหารที่ต้องเลื่อนไปถึงสองครั้งสองคราได้รับการปรับลำดับขึ้นมาเป็นความสำคัญอันดับแรกอีกครั้ง
“ยินดีด้วยนะคุณเผ่า ตอนนี้ไอซีอินทิเกรทเต็ดและชิปเมคเกอร์เป็นของคุณอย่างละครึ่งเรียบร้อยแล้ว” พงษ์ชัยเอ่ยเป็นประโยคแรกเมื่อเผ่าภาคินก้าวเข้ามาในห้องประชุม เรียกเสียงปรบมือจากทีมผู้บริหารทั้งห้องได้กราวใหญ่
“ต้องขอบคุณทีมงานทุกคนที่ช่วยกันทำทุกอย่างจนการเจรจาลุล่วงมากกว่า” เผ่าภาคินยิ้มอารมณ์ดี ขณะเดินไปนั่งที่หัวโต๊ะเตรียมเริ่มการประชุม
บทสรุปของแต่ละแผนกถูกรายงานตามลำดับ ชายหนุ่มสั่งการรวดเร็วด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจ และครั้งนี้...เห็นจะต้องบอกว่ามีความแข็งกร้าวมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
“เรื่องไทยแสงฟ้าว่ายังไง มีความคืบหน้าไหม” เผ่าภาคินถามถึงบริษัทที่เคยทำหนังสือมาเสนอตัวขายหุ้นให้กับพาร์กิ้นอินเตอร์เนชันแนล
ผู้บริหารที่รับผิดชอบเรื่องนี้กดปุ่มบนเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่นานภาพก็แสดงบนจอหน้าห้อง เสียงอธิบายคล่องแคล่วไม่ติดขัดของเจ้าตัวดังเป็นจังหวะ
“งบบริษัทไม่ค่อยดีครับ ตัวสินค้าทำกำไรได้มาก แต่ค่าใช้จ่ายก็สูงไม่แพ้กัน ทุกเดือนแทบไม่เหลือกำไร ยิ่งตอนนี้เอาสินทรัพย์ตัวโรงงานไปค้ำกู้แบงก์ออกมาจนเต็มวงเงินแล้วด้วย สภาพคล่องไม่มีเลย ถ้าสถานการณ์เป็นอย่างนี้ต่อไป ไม่นานก็เจ๊ง”
“ของก็ทำกำไรได้ ทำไมหมุนเงินไม่ทัน” เผ่าภาคินตั้งคำถามเรียกดูบัญชีกระแสเงินสด เจ้าหนี้ ลูกหนี้ แยกประเภท และค่าใช้จ่าย เขาอ่านตัวเลขอย่างเชี่ยวชาญก่อนลงท้ายด้วยการส่ายหน้า
“พื้นฐานดี แต่บริหารไม่ได้เรื่อง ค่าแรงคนงานบานอย่างนี้ ถ้าลงทุนเอาเครื่องจักรเข้ามาแทนก็สิ้นเรื่อง” เขาหันไปทางผู้ร่วมประชุม “พวกคุณคิดว่ายังไง”
“ราคาที่คุณแสงฟ้าเสนอขายต่ำกว่าตลาด ถ้าซื้อมาปรับระบบ ทำงบสวยๆ น่าจะขายต่อทำกำไรได้พอสมควร” ฝ่ายการเงินเสนอ
“ถ้าลงทุนเครื่องจักร เอามาเป็นกำลังผลิตสำรองของบริษัทในเครือก็ดีนะครับ” ฝ่ายโรงงานให้ความเห็น
เผ่าภาคินฟังความเห็นทั้งด้านบวกและลบของทุกคน ฟังการทุ่มเถียงเพื่อประโยชน์ของบริษัทด้วยความสุขใจ เขารักการทำงาน หลงใหลการเป็นผู้ชนะก็เพราะอย่างนี้ หลังจากชั่งใจกับผลประโยชน์ที่จะได้รับและต้องเสียไปอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดจึงตัดสินใจได้เด็ดขาด “ปฏิเสธไปละกัน บอกว่าเราไม่สนใจข้อเสนอ บริษัทมีแต่หนี้ กว่าจะปลดสภาพหนี้ กว่าจะทำกำไร ไม่คุ้มกับเวลาและกำลังคนที่เราต้องทุ่มลงไป”
“เสนอเงินกู้ให้ดีไหมครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้น
“ผมไม่ใช่ธนาคาร ผู้บริหารที่กู้เอาเงินบริษัทมาส่งลูกเรียนไม่ใช่ลูกหนี้ที่ดี ผมไม่อยากให้หนี้สูญ” เขาปฏิเสธไร้เยื่อใย แล้วหันไปบอกพงษ์ชัย “บอกปัดไปครับ ไม่มีเงื่อนไข ไม่มีข้อเสนอ จบแค่นี้”
การประชุมดำเนินต่อเนื่องไปอีกหลายชั่วโมง และเมื่อใกล้จะจบลง เผ่าภาคินหยิบแฟ้มของบริษัททั้งสองแห่งที่เพิ่งเข้าเป็นผู้ถือหุ้นครึ่งหนึ่งโยนลงบนโต๊ะพร้อมกับตั้งคำถามเสียงกร้าว
“ถ้าผมอยากให้เอาสองโรงงานนี้มาเป็นของผมหนึ่งร้อยเปอร์เซนต์ ต้องใช้เวลากี่เดือน ปีนึงพอไหม”
แฟ้มเล่มที่อยู่ด้านบนสุดเปิดหราออก แต่ไม่มีใครสนใจ ทุกคนมัวแต่หันไปมองหน้ากันด้วยอาการไม่แน่ใจ ก่อนที่พงษ์ชัยจะรับหน้าเสื่อเจรจากับเจ้านายเช่นเคย
“จะขุดบ่อล่อปลาทั้งที ใจร้อนไม่ได้หรอกนะคุณเผ่า เกิดกวนน้ำขุ่นปลารู้ตัวว่ายหนีไปหมด ไอ้เงินที่เสียไปเป็นค่าขุดบ่อจะกลายเป็นเปล่าประโยชน์ ได้ไม่คุ้มเสียหรอก สู้ใจเย็นๆให้ปลาค่อยๆว่ายมาลงบ่อเอง ทีนี้เราจะใช้กระชอนตักขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ แบบนี้ดีกว่า เชื่อผมเถอะ”
ชายหนุ่มหัวเราะหึๆกับความเจ้าคารี้สีคารมของคนอาบน้ำร้อนมาก่อน แม้เหตุผลของอีกฝ่ายจะฟังขึ้น แต่ใช่ว่าเขาจะยอมประนีประนอมง่ายๆ “งั้นคุณต้องการกี่ปี”
“สี่...โอเค สามปีก็ได้” พงษ์ชัยแย้ง แม้จะมีคำตอบที่ห่างไกลจากความคาดหวังของเจ้านายค่อนข้างมาก แต่ด้วยพรรษาและอายุงานที่คร่ำหวอดในวงการธุรกิจมานาน ทำให้สามารถคำนวณความเป็นไปได้ในหัวรวดเร็ว และปรับเปลี่ยนระยะเวลาเพื่อตอบคำถามอีกฝ่ายตามสถานการณ์และความเหมาะสมได้ทันท่วงที
“สิบแปดเดือน” เผ่าภาคินยื่นคำขาด
“เร็วที่สุดคือสามสิบเดือน ถ้าคุณรวบรัดเร็วกว่านั้น มันจะไร้จริยธรรมแล้วก็โฉ่งฉ่างเกินไป อีกหน่อยอาจไม่มีใครกล้าร่วมทุนกับเราอีก” พงษ์ชัยเน้นเสียง
“ตกลง...สองปีครึ่ง ซื้อบริษัทนั้นมาให้ได้ แล้วผมจะมีโบนัสให้พวกคุณอย่างงาม” เผ่าภาคินยิ้มกว้างพอใจ และเมื่อมองไปทางคู่โต้วาทีเมื่อครู่ ก็เห็นฝ่ายนั้นส่ายหน้า ท่าทางบอกชัดว่าเจ็บใจไม่น้อยที่ ‘เสียรู้’ ให้แก่เขา
“คุณมีตัวเลขสามสิบเดือนอยู่ในใจแล้ว แต่ดันเอาปีนึงมากดดันให้พวกเราต้องลดเงื่อนเวลาจากสี่ปีลงมาตั้งเกือบครึ่ง ทำกันได้ลงคอนะคุณเผ่า” พงษ์ชัยโวย ทว่าสีหน้ายิ้มแย้มเห็นได้ชัดว่าชื่นชมและพอใจกับลูกล่อลูกชนของเจ้านาย และแน่นอนว่าคำชมจากคนผ่านโลกมามาก โชกโชนในโลกธุรกิจอย่างพงษ์ชัยย่อมมิใช่ธรรมดา
“ผมต้องขอบคุณทุกคนมากกว่าที่จะช่วยกันทำตามแผนที่วางไว้ให้สำเร็จตามกำหนด” เผ่าภาคินถ่อมตัว เขาฟังทีมผู้บริหารถกเถียงกันด้วยประเด็นอื่นๆอีกพักใหญ่จึงบอกเลิกประชุม
เมื่อทั้งห้องเหลือเพียงเขาลำพัง ชายหนุ่มเอื้อมไปคว้าแฟ้มที่เปิดอ้าอยู่มาตรงหน้า ขณะกำลังจะงับมันเข้าด้วยกันนั้นเอง ข้อความบรรทัดหนึ่งก็สะดุดตาเข้า ก่อนเข้าร่วมทุนในกิจการใดก็ตาม ที่ปรึกษาด้านการเงินและประเมินความเสี่ยงจะต้องสืบประวัติของบริษัทเป้าหมายอย่างละเอียด ปกติเผ่าภาคินเปิดผ่านหน้าแรกในส่วนของอารัมภบทการก่อตั้งกิจการ โดยเน้นไปดูที่ตัวเลขผลประกอบการและประมาณการณ์ระยะเวลาที่จะคืนทุนเป็นหลัก
แต่วันนี้...จะด้วยความบังเอิญหรือจะบอกว่าเป็นโชคดีของเขาก็สุดรู้ เอกสารหน้าที่เปิดค้างอยู่บนโต๊ะ นอกจากจะมีข้อความสำคัญกระเด้งเตะตาแล้ว รูปที่ประกอบอยู่กับข้อความนั้นยังยืนยันให้เขายิ่งสบายใจมากขึ้นว่า เทพีแห่งโชคชะตาคงกำลังประทับอยู่บนบ่าของเขาแน่นอน
ไอซีอินทิเกรทเต็ดก่อตั้งจากโรงรถที่ถูกใช้เป็นทั้งแหล่งผลิตและสำนักงาน ก่อนย้ายมาก่อสร้างโรงงานบนพื้นที่ห้าไร่ในเขตจังหวัดนครปฐม
ใช่แน่แล้ว...รูปที่ปรากฎอยู่บนหน้าเอกสารคือบ้านพ่อแม่ของแพรวเพชร เขาจำได้จากรูปถ่ายที่เธอเคยเอาให้ดูสมัยยังอยู่ซิดนีย์ด้วยกัน
ความมั่นใจ พอใจพลุ่งขึ้นก่อนเป็นลำดับแรก แล้วจึงตามมาด้วยอาการชะงักเมื่อระลึกได้ว่าเขาเพิ่งสั่งการให้ทีมงานฮุบโรงงานที่ว่าให้ได้ภายในสองปีครึ่ง
เผ่าภาคินขมวดคิ้วอยู่ครู่เดียว รอยยิ้มก็เคลื่อนเข้ามาแทนที่ เมื่อนึกหาหนทางใช้สิ่งที่เพิ่งรู้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเองได้มากที่สุดพบแล้ว!
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
พรุ่งนี้ก็จะเป็นงานสัปดาห์หนังสือฯ วันแรกแล้วนะคะ
ลายแทง สำหรับผู้ที่สะสมหนังสือของสิริณยังไม่ครบทุกเล่ม
ไปตามนี้ได้เลยค่า
ภาพรักในฝัน รอยตะวัน และแผนก่อการรัก
ซื้อได้ที่ บูธร้านนายอินทร์ #Q12 โซน C ชั้น 2 หรือ Z02 โซน D
บุหงาซ่อนกลิ่น ซื้อได้ที่ โอเชียนบุ๊คมาร์ท #R32 โซน C ชั้น 2
สำหรับ สนิมดอกรัก
ยังไม่คอนเฟิร์มว่าจะวางแผงช่วงต้น ช่วงกลาง หรือท้ายงาน
(แวะไปช่วงไหน ไปลองถามที่บูธนายอินทร์ได้นะคะ)
เดี๋ยวจะเอาปกฉบับเต็มมาให้ชมกันค่ะ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 มี.ค. 2556, 00:01:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 มี.ค. 2556, 00:01:29 น.
จำนวนการเข้าชม : 2030
<< ตอนที่ 16 | ตอนที่ ๑๘ >> |

สิริณ 29 มี.ค. 2556, 00:03:08 น.
ฉากที่ทุกคนรอคอยมาแว้วววววว อิอิ
ตอนหน้า...เตรียมยากันมดกันมาด้วยน้า 55555
หากปลื้มไปกับพี่เผ่า ก็ขอแรงกดคนละไล้ค์ด้วยน้า
ตอนที่แล้ว...สงสัยคนไม่ค่อยปลื้ม
มีคนชอบแค่ 23 คนเอง T_T
คนเขียนแอบนอยด์นะคะเนี่ยยยยยยย
ฉากที่ทุกคนรอคอยมาแว้วววววว อิอิ
ตอนหน้า...เตรียมยากันมดกันมาด้วยน้า 55555
หากปลื้มไปกับพี่เผ่า ก็ขอแรงกดคนละไล้ค์ด้วยน้า
ตอนที่แล้ว...สงสัยคนไม่ค่อยปลื้ม
มีคนชอบแค่ 23 คนเอง T_T
คนเขียนแอบนอยด์นะคะเนี่ยยยยยยย

คิมหันตุ์ 29 มี.ค. 2556, 01:24:32 น.
คุณเผ่านี่ร้ายตลอด อิอิ
คุณเผ่านี่ร้ายตลอด อิอิ

เด็กหญิงม่อน 29 มี.ค. 2556, 01:41:57 น.
จะรอดูว่าพี่เผ่าจะเอาชนะใจเพชรยังไง
จะรอดูว่าพี่เผ่าจะเอาชนะใจเพชรยังไง

พันธุ์แตงกวา 29 มี.ค. 2556, 08:36:47 น.
ในที่สุดเรื่องของหนูกานก็เฉลย
ในที่สุดเรื่องของหนูกานก็เฉลย

เดิมเดิม 29 มี.ค. 2556, 12:12:18 น.
ไลค์ด้วยค่ะ
ไลค์ด้วยค่ะ

supayalak 29 มี.ค. 2556, 15:01:06 น.
ระวังนะค่ะคุณเผ่า ทำอะไรอย่าลืมคิดหน้าคิดหลังดีๆ หล่ะ เดี๋ยวหากเพชรรู้จะเสียใจทีหลังน่าาา
ระวังนะค่ะคุณเผ่า ทำอะไรอย่าลืมคิดหน้าคิดหลังดีๆ หล่ะ เดี๋ยวหากเพชรรู้จะเสียใจทีหลังน่าาา

nunoi 29 มี.ค. 2556, 17:14:11 น.
แอบคิดว่า พี่เผ่าจะนึกได้ว่าหนูกานชอบกินขนมหวานเหมือนพ่อ ซะอีก
แอบคิดว่า พี่เผ่าจะนึกได้ว่าหนูกานชอบกินขนมหวานเหมือนพ่อ ซะอีก

goldensun 29 มี.ค. 2556, 17:56:21 น.
ถ้าไม่ได้เงื่อนเรื่องอายุหนูกาน พี่เผ่าจะปิดหูปิดตาไปนานแค่ไหน มองความคล้ายไม่มีเลยหรือคะ ที่ชอบของหวานเหมือนกันอีก แต่ก็ดีแล้ว ที่รู้ และอย่างที่คิด ว่าพอรู้ พี่เผ่าคงลืมความแค้นและเริ่มคิดแบบมีเหตุผลแน่ หลังจากที่ปิดหูปิดตาแค้นตลอด
และคงเอาเรื่องบริษัทพ่อเพชรมาเป็นข้อได้เปรียบแน่
ยังคิดอยู่นะคะ ว่าข้าราชการแบบพี่นรา ไม่น่าใช้บริการลูกน้องเจ้าพ่อทำร้ายพี่เผ่า
งานนี้ คิดว่า พี่นรายอมถอยแน่ และพี่เผ่าก็มีแรงที่จะรุกให้เพชรยอมรับแล้ว
ถ้าไม่ได้เงื่อนเรื่องอายุหนูกาน พี่เผ่าจะปิดหูปิดตาไปนานแค่ไหน มองความคล้ายไม่มีเลยหรือคะ ที่ชอบของหวานเหมือนกันอีก แต่ก็ดีแล้ว ที่รู้ และอย่างที่คิด ว่าพอรู้ พี่เผ่าคงลืมความแค้นและเริ่มคิดแบบมีเหตุผลแน่ หลังจากที่ปิดหูปิดตาแค้นตลอด
และคงเอาเรื่องบริษัทพ่อเพชรมาเป็นข้อได้เปรียบแน่
ยังคิดอยู่นะคะ ว่าข้าราชการแบบพี่นรา ไม่น่าใช้บริการลูกน้องเจ้าพ่อทำร้ายพี่เผ่า
งานนี้ คิดว่า พี่นรายอมถอยแน่ และพี่เผ่าก็มีแรงที่จะรุกให้เพชรยอมรับแล้ว

bloomberg 2 เม.ย. 2556, 15:30:01 น.
เจี๊ยก!!! อิพี่เผ่าทำงานกับคอมพิวเตอร์มากไป สงสัยมีชิปกระเด็นใส่หัว คิดเร็วม๊วกก
ถูกใจแม่ยกจริง ๆ
เจี๊ยก!!! อิพี่เผ่าทำงานกับคอมพิวเตอร์มากไป สงสัยมีชิปกระเด็นใส่หัว คิดเร็วม๊วกก
ถูกใจแม่ยกจริง ๆ
