สนิมดอกรัก (ตีพิมพ์แล้ว - สนพ.อรุณ)
แพรวเพชร สิริณธรณ์ ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
เมื่อเผ่าภาคินที่เธอเข้าใจว่าเสียชีวิตไปแล้วเกือบสี่ปี
จู่ๆจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
แถมยังมาในมาดมหาเศรษฐีหนุ่มรูปหล่อ ร่ำรวย
และโหดเหี้ยมเหมือนในนิยายเป๊ะ!
.
.
.
.
“เชิญกรอกข้อมูลส่วนตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะแนะนำรายละเอียดและขอบเขตการให้บริการให้ฟัง อ้อ...ต้องให้ดิฉันแจ้งค่าใช้จ่ายให้ทราบคร่าวๆก่อนไหมคะ เพราะค่าบริการของเราไม่แพงก็จริง แต่สำหรับคนกำลังเก็บเงินแต่งงาน มันก็...เป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลย”

“ดูเหมือนว่าเงินจะเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตคุณเสมอเลยนะ คุณแพรวเพชร” เผ่าภาคินหยัน

“พูดอย่างกับว่ามันไม่สำคัญสำหรับคุณงั้นแหละ” หญิงสาวบิดริมฝีปากนิดๆอย่างดูถูก จากนั้นเดินไปยังโต๊ะที่วางชิดผนัง ดึงเอกสารแผ่นหนึ่งจากแท่นใสทรงกระบอกถือมากางตรงหน้าชายหนุ่ม พลางอธิบายด้วยท่าทีเหมือนทองไม่รู้ร้อน ไม่สนใจแม้จะเห็นว่าสายตาที่จ้องเธอแทบจะแผดเผาลุกเป็นไฟ

“นี่ค่ะ อัตราค่าสมัครแรกเข้าสำหรับลงทะเบียนเป็นสมาชิกของคิวปิดฯ ส่วนคอร์สที่คุณจะเข้าใช้บริการแยกคิดเป็นรายครั้ง เรามีรายการให้คุณเลือกเยอะค่ะ ทั้งดำน้ำ วาดรูป อบรมบุคลิกภาพ เที่ยวพิพิธภัณฑ์ ทำบุญไหว้พระ ทำขนม อ้อ...แต่สุดท้ายนี่ฉันไม่แนะนำนะคะ เพราะคุณคงไม่อยากให้ครูคนนั้นรู้ว่ามาสมัครเป็นลูกค้าที่นี่”

“แล้วมีคอร์สสับรางไม่ให้รถไฟชนกันบ้างไหม หรือไม่ก็พวก...วิธีซ่อนชู้ ซ่อนกิ๊กอะไรแบบนี้น่ะ ผมสนใจเป็นพิเศษ และถ้าให้แนะนำ ผมว่าคุณน่ะเหมาะจะเป็นวิทยากรมาก ใช้ประสบการณ์ตรงมาสอนก็ได้ คงมีคนอยากเรียนกันเยอะแยะ”

แพรวเพชรหัวเราะขัน “แปลกนะคะ คุณพูดเองแท้ๆว่าฉันไม่ได้มีเกียรติ มีเสน่ห์ หรือว่ามีค่าพอให้คุณเสียดมเสียดายอะไรแล้ว แต่ไอ้ที่คุณพูดๆมาเนี่ย เหมือนว่า...คุณจะจำเรื่องราวเกี่ยวกับตัวฉันได้แม่นยำจังเลย”

หญิงสาวดักคอและลอยหน้าเอ่ยประโยคต่อไปว่า “เอ...หรือว่าอันที่จริงแล้วคุณไม่ได้คิดอย่างที่พูด แต่กำลังเรียกร้องความสนใจจากฉัน หรือบางทีไอ้ที่บอกว่าจะแต่งงานกับคุณนวลนรีนั่นก็เป็นแค่การโกหก แกล้งทำเป็นโชว์ออฟ เพียงเพราะอยากให้ฉันรู้สึกรู้สาไปด้วยเท่านั้นเอง ประชด...อะไรทำนองนั้นน่ะเหรอคะ”

ปฏิกิริยาที่ไม่ได้คาดไว้ล่วงหน้าทำให้เผ่าภาคินค้นหาคำตอบโต้ไม่พบแม้แต่คำเดียว

แพรวเพชรแต้มยิ้มทำสีหน้าสมเพช จากนั้นก้าวเข้ามาใกล้ เอื้อมมือแตะแก้มอีกฝ่ายแผ่วเบาหยอกเย้า “โถ...น่ารักจริง แต่ขอโทษด้วยที่ต้องทำให้ผิดหวัง ฉันแต่งงานแล้ว และก็ไม่เคยคิดนอกใจสามี เพราะเขาเป็นคนดีมาก ยิ่งเขาดีเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งนึกเสียดายที่เคยไปเกลือกกลั้วกับของสกปรกมาก่อน โชคดีที่เขาไม่ถือสาอดีตของฉัน ไม่เช่นนั้นฉันคงไม่ได้เป็นผู้หญิงโชคดีอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้”

ประโยคสุดท้ายทิ่มแทงหัวใจคนฟังจนแทบทนไม่ไหว และเพียงเสี้ยววินาทีที่เผ่าภาคินปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือความควบคุม อุ้งมือแข็งแรงก็ตวัดคว้าต้นแขนหญิงสาวพร้อมทั้งบีบรุนแรง กระแสบางอย่างที่แล่นปราดผ่านปลายนิ้วทำให้ชายหนุ่มเกือบจะปล่อยมือ แต่เขาก็ฝืนกำมือแน่น เค้นเสียงลอดไรฟันเอ่ยคำถัดมา

“ใช่ ฉันมันเลว ชั่ว แต่ก็สมกันดีแล้วไม่ใช่เหรอ ผู้ชายสกปรกกับผู้หญิงที่น่าขยะแขยงน่ะ แพรวเพชรคนอ่อนโยนไร้เดียงสาที่ฉันเคยรู้จัก มาวันนี้กลับกลายเป็นผู้หญิงกร้านโลก หลายใจ น่ารังเกียจไปแล้ว ทุเรศที่สุด”

“ในเมื่อพี่เผ่าคนที่ฉันเคยรู้จักตายไปแล้ว แพรวเพชรคนที่คุณเคยรู้จักก็สมควรจะตายไปได้แล้วเหมือนกัน ถือว่าเราเสมอกันไงคะ” หญิงสาวยิ้มกว้างอย่างสะใจ

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต

หากฝ่าฝืน สิริณ จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น

ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ ๑๘

แพรวเพชรเคาะปลายนิ้วบนโต๊ะอย่างใจลอย ขณะพนักงานขายของบริษัทกำลังรายงานสถิติการให้บริการลูกค้าในเดือนที่ผ่านมาอยู่ตรงกระดานหน้าห้อง

โทรศัพท์ที่ตั้งไว้เป็นระบบสั่นกระทบกับโต๊ะส่งเสียงครืดคราดเรียกหญิงสาวให้ก้มลงไปกดหน้าจอดูด้วยความสงสัยก็พบว่าเป็นข้อความจากพนักงานเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่บอกว่า

‘ลูกค้าที่คุณเพชรนัดไว้ตอนบ่ายสองมาถึงแล้วค่ะ คอยอยู่ที่ห้องประชุมทิฟฟานี’

หญิงสาวเรียกตารางนัดในโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วอดแปลกใจไม่ได้ เพราะจำได้แม่นว่ามิได้นัดหมายกับใคร แต่ในปฏิทินโทรศัพท์ซึ่งดึงตารางงานจากคอมพิวเตอร์มาใส่ไว้ กลับระบุว่าเธอมีนัดตอนบ่ายสอง! หญิงสาวจึงเดาว่าอาจมีเรื่องเข้าใจผิดกัน เป็นไปได้ที่มีคนใส่ชื่อผู้รับนัดผิดคน จึงเอนไปหาอิงอรุณที่นั่งอยู่ข้างๆ กระซิบถาม

“อิงมีนัดลูกค้าไว้หรือเปล่า มีคนมารอที่ห้องประชุมแน่ะ”

อีกฝ่ายส่ายหน้าหวือ “เพชรก็รู้ว่าปกติอิงไม่ดีลกับลูกค้า เพชรเองนั่นแหละนัดไว้หรือเปล่า พักนี้ยิ่งป้ำๆเป๋อๆเหม่อลอยบ่อยๆ อาจจะนัดแล้วลืมจดใส่ตารางก็ได้นะ”

โดนตำหนิตรงๆแบบเถียงไม่ออก แพรวเพชรจึงได้แต่อุบอิบรับผิดเสียงอ่อย “สงสัยจะใช่แฮะ เราลืมจริงด้วย งั้นเดี๋ยวเราไปคุยกับลูกค้าก่อน”

“อืม...ไปเถอะ ที่นี่เดี๋ยวอิงจัดการเอง”

แพรวเพชรหยิบโทรศัพท์เดินออกจากห้อง พยายามทบทวนความทรงจำว่าลูกค้ารายไหนที่เธอนัดเอาไว้ แต่คิดอย่างไรก็นึกไม่ออกเสียที เมื่อผลักประตูเข้าไปในห้องประชุมสีฟ้ากำมะหยี่ ก็ต้องเท้าเอวทำเสียงจิ๊จ๊ะในคอด้วยความหงุดหงิด เพราะตรงหน้า...มีแต่ความว่างเปล่า

ขณะกำลังจะหันหลังกลับมานั่นเอง สายตาก็แลผ่านไปเห็นอะไรบางอย่างซึ่งวางอยู่บนโต๊ะเตี้ยใกล้ผนังห้องประชุมด้านเดียวกับประตู หญิงสาวก้าวเข้าไปที่โต๊ะ วางโทรศัพท์แล้วใช้สองมือประคองมันขึ้นมาพิจารณาด้วยความฉงน โครงไม้สีน้ำตาลแดงทรงกระบอกขนาดเกือบเท่าขวดน้ำดื่มชนิดพกพา มีขาแกะสลักลวดลายเป็นเครือเถางดงามสองอันยึดแผ่นไม้กลมชิ้นบนและล่างเข้าด้วยกัน ภายในโครงทรงกระบอกเป็นกระเปาะแก้วคอดกลางบรรจุทรายเม็ดละเอียดกำลังไหลจากด้านบนลงสู่ด้านล่างช้าๆ แต่สม่ำเสมอ

ระหว่างกำลังข้องใจว่านาฬิกาทรายเรือนสวยมาตั้งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร จู่ๆก็มีอ้อมแขนสอดมาจากด้านหลัง รัดเอวไว้จนแผ่นหลังเธอสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากร่างกายของใครอีกคน พร้อมกับเสียงห้าวที่ดังขึ้นแทบจะในวินาทีเดียวกัน “พี่เอาสัญญามาคืน”

แพรวเพชรตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก มือที่ถือนาฬิกาทรายหมดเรี่ยวแรงเกือบทำพลัดหลุดมือ ดีว่าเผ่าภาคินช่วยรับไว้ด้วยการใช้สองมือมาประสานช้อนใต้มือเธอไว้

“เกือบตกแตกแล้วเชียว ทำไมไม่ระวังเลยล่ะ หืม” เขาทำเสียงหยอกเย้าล้อเลียน

คนฟังมัวแต่ตะลึงจนสมองว่างเปล่า นึกไม่ออกจริงๆว่าควรจะตอบโต้อย่างไร ทันทีที่ได้สติหญิงสาวจึงบิดข้อมือจากการเกาะกุมอย่างเงอะงะ อาจเป็นโชคดีที่เขาไม่ดื้อดึงขืนเอาไว้ ยอมปล่อยเธอแต่โดยดี

แพรวเพชรหมุนตัวกลับมามองภาพตรงหน้าด้วยอาการคล้ายๆจะอ้าปากค้างและเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา เมื่อควานหาเสียงพบ แพรวเพชรก็ได้ยินคำถามที่ไม่ได้เรื่องที่สุดในโลกของตัวเอง "พี่เผ่ามาทำอะไรที่นี่คะ"

"อะไรกัน ยังไม่ทันแก่เลย หูตึงชะแล้วหรือ" คนถามทำเสียงล้อเลียน “พี่บอกแล้วไงว่าเอาสัญญามาคืน”

แพรวเพชรไม่ขำ แต่ตัดพ้อ "ไหนพี่เผ่าว่าเข้าใจแล้ว แล้วก็รับปากว่าเราจะไม่มาเจอกันอีกไงคะ"

"พี่จะทำตามที่เคยรับปากก็ต่อเมื่อได้รู้ความจริงก่อนว่าหนูกานเป็นอะไรกับพี่"

ถูกยื่นข้อเสนอจู่โจมมายังเรื่องราวซึ่งเธอยังไม่พร้อมเปิดเผย แพรวเพชรจึงปฏิเสธเสียงสั่น “หนูกานไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ทั้งนั้น แกเป็นลูกเพชรกับพี่นรา พี่เผ่ามาเกี่ยวอะไรด้วย”

เผ่าภาคินแต้มยิ้มนิดๆพลางพยักหน้า “ถ้าเพชรยืนยันอย่างนั้น พี่ก็จะเชื่อ”

คนมองดูออกว่าท่าทางของเขาไปกันคนละทางกับน้ำเสียงโดยสิ้นเชิง ฟังก็รู้ว่าเผ่าภาคินประชด “เพชรพูดจริงๆนะคะ พี่เผ่าอย่าเข้าใจอะไรไปเองซี้ซั้วเด็ดขาดเลยนะ”

ชายหนุ่มส่ายหน้าทำท่าทีราวกับผู้ใหญ่ระอาเด็กดื้อที่ไม่ยอมรับความจริงเวลาทำผิด “เพชรเป็นคนสอนพี่เองว่า กฎข้อแรกๆในทางจิตวิทยาน่ะ ถ้าจะโกหกก็ไม่ควรให้ข้อมูลเยอะเกินไป รู้ตัวหรือเปล่าว่าเพชรกำลังอธิบายเรื่องหนูกานมากเกินความจำเป็น”

“เพชรไม่ได้โกหก” หญิงสาวเชิดหน้าสบตาเขาเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ

“อันนี้เพชรก็เป็นคนสอนพี่อีกเหมือนกัน ว่าการกล้าสบตามากผิดปกติแสดงให้เห็นว่ากำลังซ่อนความจริงบางอย่างเอาไว้”

แพรวเพชรขมวดคิ้ว ขึงตามองอีกฝ่ายอย่างเหลืออด ขณะอุทานเสียงเข้ม “พี่เผ่า!”

“จ๋า...” เขาขานอ่อนหวาน เลิกคิ้วนิดๆ ทำให้กามเทพสาวเจ้าของบริษัทลืมสิ่งที่กำลังจะพูดไปหมด

ดวงตาคมที่ทอดมองมายังเธอสุกใสเป็นประกายวิบวับ คล้ายมีละอองดาวแต่งแต้มอยู่ในนั้น เผ่าภาคินยื่นมือมากุมซ้อนกับมือเธอที่ประคองนาฬิกาทรายอยู่อีกครั้ง

“เพชรเคยบอกว่าเวลาของเราหมดลงแล้ว เรื่องของเราจบแล้ว วันนี้พี่ก็เลยเอาเวลามาให้เพชร มาบอกและยืนยันให้เพชรรู้ว่า นี่ต่างหากเวลาของเรา เวลา...ที่เป็นนิรันดร์” เขายกนาฬิกาทรายที่ทรายเม็ดสุดท้ายเพิ่งร่วงลงสู่กระเปาะด้านล่างจนเหลือเพียงความว่างเปล่า จับมันคว่ำเพื่อให้ทรายเริ่มต้นไหลลงสู่ด้านล่างใหม่อีกครั้ง

“ความรักของพี่ที่มีต่อเพชรก็เหมือนทรายในนาฬิกาทรายเรือนนี้แหละ ไม่มากขึ้น ไม่น้อยลง และจะรินจากใจพี่ไปสู่ใจเพชรเรื่อยไปอย่างนี้ตราบเท่าที่เพชรยังคงยอมหมุนกลับข้างนาฬิกา”

แพรวเพชรกัดริมฝีปากที่สั่นระริกไว้แน่น เก็บกลั้นความเต็มตื้นที่เอ่อขึ้นในใจด้วยความยากเย็น กำลังใจที่จะต่อสู้กับความต้องการลึกๆในหัวใจปลิววับไปในอากาศ

ณ วินาทีนี้ เธอจำได้แค่ความหวานชื่น ความสุขสดใส ความอบอุ่นที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายคนนี้....

ชายหนุ่มออกแรงดึงมือที่กุมอยู่นิดเดียว เรือนร่างสูงเพรียวของแพรวเพชรก็ผวาเข้าสู่อ้อมกอดของเขาง่ายดาย เผ่าภาคินกอดสตรีผู้เป็นที่รักด้วยอาการทะนุถนอมอ่อนโยน มือข้างหนึ่งรัดเอวเธอคล้ายกลัวจะหลุดลอยลับตา ขณะอีกมือกดศีรษะอีกฝ่ายแนบบ่าตัวเองแล้วลูบเบาๆ

“เราเลิกหลอกตัวเองกันเสียทีนะเพชร รู้ไหม ตอนที่พยายามรักษาสัญญาของเพชร พี่รู้สึกเหมือนคนไม่มีวิญญาณ ซังกะตาย ไม่อยากทำอะไรสักอย่าง อยากนั่งเฉยๆ อยากร้องไห้ อยากได้ยินเสียงเพชรคนเดียว” ชายหนุ่มเอ่ยประโยคนั้นง่ายดาย ไม่ต้องเฟ้นหาหรือปั้นแต่งใดๆทั้งสิ้น เหมือน...เขาเรียบเรียงความรู้สึกจากเบื้องลึกที่สุดของหัวใจถ่ายทอดออกมาให้อีกฝ่ายฟัง

ไม่มีคำตอบจากเธอ แต่เพียงสัมผัสได้ถึงรอยร้อนชื้นที่ซึมผ่านเสื้อเชิ้ตมาต้องผิวเนื้อ ชายหนุ่มก็รู้สึกเหมือนทุกพันธนาการที่ขมวดเขม็งอยู่ในหัวใจได้รับการปลดปล่อยภายในเสี้ยววินาที รอยยิ้มแต้มบนใบหน้าขณะเขากดริมฝีปากลงที่ริมขมับคนในอ้อมกอด พร้อมทั้งจูบแรงๆด้วยความขอบคุณ พลางงึมงำเสียงพร่า

“เรามาเริ่มต้นทุกอย่างกันใหม่นะเพชร ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรรออยู่ เราจะสู้ไปด้วยกัน พี่จะไม่ยอมให้เพชรทิ้งพี่ไปไหนอีกแล้ว เมื่อไหร่ที่เราสะสางปัญหาทั้งหมดได้ พี่อยากแต่งงานกับเพชร...”

ฝ่ามือเล็กๆแตะที่สีข้างเขา เผ่าภาคินนึกว่าเธอใช้มันแทนการรับคำ แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อหญิงสาวดันเขาออกห่างแทน เขายินยอมโอนอ่อนตามความต้องการของเธอ ก้มลงมองสบตากันด้วยความฉงน

“จะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อพี่เผ่ากำลังจะแต่งงานกับคุณนวลนรี ส่วนเพชรก็...”

ชายหนุ่มส่ายหน้าปรามไม่ยอมให้เธอพูดต่อ แล้วรีบแทรกขึ้น พูด...ในสิ่งที่อยู่ในหัวใจจริงๆ ไม่ต้องเสแสร้งเอาความรู้สึกอื่นมาปิดบังอีกต่อไป “ไม่เอา เลิกย้ำคำนั้นให้พี่ฟังเสียที รู้หรือเปล่าทุกครั้งที่ได้ยินแบบนั้น พี่ไม่ได้โกรธเพชรหรอกนะ แต่พี่อิจฉาไอ้ดอกเตอร์นั่น ทั้งหึงทั้งหวงเพชรจนอยากจะชกหน้าไอ้บ้านั่นสักวันละห้าร้อยรอบได้เลยละมั้ง” เขายิ้มขันเมื่อแพรวเพชรขึงตาดุใส่ทั้งที่ใบหน้ายังเปื้อนคราบน้ำตาแท้ๆ เผ่าภาคินรีบเสอธิบายต่อ ไม่เปิดโอกาสให้เธอโวยที่บังอาจไปแตะต้อง ‘ไอ้พ่อพระแสนดีจนโอเว่อร์’ นั่น

“เรื่องนวล...พี่ยอมรับนะว่าเคยคิดจะแต่งงานกับเขาเพื่อให้แม่สบายใจ ตอนเราเจอกันที่ร้านเบเกอรี่น่ะ พี่ขอเขาแต่งงานจริง แต่นวลไม่โอเค ตอนเขาปฏิเสธพี่โล่งใจนะ แต่ที่เอาไปเกทับให้เพชรฟังก็เพราะต้องการประชด ลึกๆแล้วพี่หวังว่าเพชรจะเสียดายพี่ จะหึงพี่บ้าง แต่เปล่าเลย...เพชรกลับพูดถึงลูก รู้หรือเปล่าว่าวันนั้นพี่ทั้งอิจฉา ทั้งโกรธ ทั้งอะไรต่อมิอะไรประดังกันเข้ามา จนพี่ขาดสติทุบแก้วแหลกคามือเลยนะ”

“โอเว่อร์แล้ว” แพรวเพชรทำสีหน้าเหมือนไม่เชื่อน้ำยาคนขี้โม้

“ไม่เว่อร์นะ พี่พูดจริง” เขารีบบิดสันมือที่ยังมีรอยขีดจางๆอันเป็นผลจากการเย็บทิ้งไว้ให้เห็น “เย็บไปสิบเอ็ดเข็ม เลือดงี้นองพื้นร้านจนยายนวลเขาแทบกรี๊ดแน่ะ”

กิริยาที่แพรวเพชรถือนาฬิกาทรายไว้มือหนึ่ง อีกมือรีบคว้ามือเขาไปพินิจใกล้ๆด้วยอาการตื่นตระหนกและห่วงใย ยังไม่ทำให้หัวใจชายหนุ่มฮึกเหิมพองฟูได้เท่ากับตอนที่เธอเงยขึ้นโดยมีร่องรอยเจ็บปวดโชนมาจากดวงตาทั้งคู่

“เจ็บไหมคะ”

“ถ้ามือน่ะไม่เจ็บ ตอนนั้นเจ็บที่หัวใจมากกว่า”

คนอุตส่าห์เป็นห่วงปล่อยมือเขาผลุง ทำท่าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันจอมสำออย ทั้งยังประณามทันควัน “น้ำเน่า!”

“จะให้ซึ้งซะหน่อย ดันโดนดุซะนี่” เผ่าภาคินบ่นกระปอดกระแปดแล้วย้อนกลับมาเรื่องเดิม “สรุปว่าเราคุยกันเข้าใจแล้วใช่ไหมคนดี อย่าผลักไสพี่อีกเลยนะเพชร ตอนพยายามรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเพชร พี่น่ะอยากจะบ้าตายซะวันละหลายร้อยหน ชีวิตมันน่าเบื่อแล้วก็ไม่มีความหมายอะไรเลย เพชรไม่รู้สึกแบบนั้นหรือ”

“เพชรมีเรื่องทำเยอะแยะ ไหนจะงาน ไหนยังต้องดูแลลูก ไม่มีเวลาฟุ้งซ่านอย่างพี่เผ่าหรอก” หญิงสาวอธิบายคล่อง...เกินไป

“งั้นแปลว่าเพชรน่ะฟุ้งซ่านกว่าพี่ซะอีก แทนที่จะปล่อยให้ตัวเองเป็นบ้า เพชรกลับหาอะไรต่อมิอะไรทำเพื่อให้ลืมเรื่องของเรา เพชรเก่งกว่าพี่นะเนี่ย” เขาสรุปเข้าข้างตัวเองหน้าตาเฉย

“นี่พี่เผ่าไปกินอะไรผิดสำแดงมาคะ พูดจาเอาประโยชน์ใส่ตัวเก่งเหลือเกินนะ”

“พี่พูดความจริง เพชรจะโกหกใครก็ทำไป แต่เพชรหลอกตัวเองไม่ได้หรอก ไอ้ที่แกล้งทำเป็นหัวเราะ ร่าเริงแจ่มใส แล้วก็ทำงานได้เป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนั่นน่ะ ความจริงแล้วเพชรเหงาแทบตายเลย พี่รู้...”

“พี่ไม่ต้องมาเดาใจเพชรเลย พี่ไม่มีวันคาดอะไรได้ใกล้เคียงกับความจริงเด็ดขาด”

“พี่ไม่ได้เดาใจ แต่พี่รู้ใจเพชรต่างหาก” เผ่าภาคินประกาศหน้าชื่น “ถ้าเพชรเศร้าให้เห็นบ้าง พี่จะเชื่อนะ แต่เพชรไม่เศร้าสักนิด มันผิดปกติ อืม...ติวเตอร์ของพี่เขาเคยสอนว่ายังไงน้า” นักเรียนตัวโข่งแกล้งทำท่าทบทวนความจำทั้งที่รู้คำตอบนั้นอยู่แก่ใจ “อ๋อ...นึกออกละ การแสดงออกตรงข้ามกับความรู้สึกที่แท้จริงเป็นกลไกโดยอัตโนมัติที่จิตใจมนุษย์บางคนใช้ปกปิดและซ่อนเร้นความเจ็บปวด แล้วมนุษย์คนที่พี่กำลังพูดถึง...ก็คือเพชรยังไงล่ะ”

“ถ้าเก่งจิตวิทยาขนาดนี้ แล้วพี่มาให้เพชรติวให้ทำไม” ติวเตอร์จำเป็นเมื่อหลายปีก่อนทั้งฉุนทั้งเคือง แต่ยอมรับว่าลึกๆแล้ว...มีความสุขที่ได้ต่อปากต่อคำ ได้แหย่เย้ากับอีกฝ่ายเช่นนี้

“พี่น่ะโง่จิตวิทยาจะตาย โชคดีว่าครูพี่เก่งมาก สอนยังไงก็ไม่รู้ ลูกศิษย์จำได้แม้นแม่น”

คุณครูแสร้งเมินไปทางอื่น ดูก็รู้ ไม่ใช่ว่าไม่รับคำชม แต่กิริยานั้นเป็นไปเพราะหมั่นไส้สีหน้าชื่นชมเอาอกเอาใจกันของคนพูดต่างหาก

“ที่เพชรไม่เถียงแปลว่าพี่พูดถูกใช่ไหม เพชรหลอกตัวเอง หลอกทุกคนว่าโอเค ไม่รู้สึกอะไรที่เราจะไม่ได้เจอกันอีก แต่ความจริงแล้วเพชรก็รู้สึกเหมือนกับพี่นั่นแหละ พี่มั่นใจว่าเราเจ็บปวดไม่ต่างกันเลย เพชรจะอนุญาตให้พี่สะสางทุกปัญหาให้หมดแล้วเรามาแต่งงานกันได้ไหม”

แม้โดยรวมละม้ายว่าเธอคล้อยตามเขาแล้ว แต่แพรวเพชรก็ไม่วายหนักใจ “แล้วคุณนวลจะรู้สึกยังไงคะ”

“เลิกห่วงคนอื่นได้แล้ว นี่เป็นเรื่องของเราสองคนนะเพชร สนใจแค่ตัวเพชรกับพี่ก็พอแล้ว”

ก็ขนาดเขายังพร้อมจะลืมทุกความรู้สึกของคนรอบตัว ลบลืมความโกรธแค้นของตนเอง และเตรียมตัวสำหรับอธิบายเหตุผลให้มารดาฟังแล้วด้วยซ้ำ เขาก้ามข้ามทุกความหวาดกลัวในหัวใจง่ายดาย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อลูก เพราะฉะนั้นมันง่ายมากที่ความรู้สึกของคนอื่นจะไร้ความหมายสำหรับเขา

“เพชรจะทำแบบนั้นได้ไง พ่อแม่เพชรคงยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ แม่พี่เผ่าก็เคยเจอเพชรกับพี่นรามาแล้ว ท่านคงจะยอมรับไม่ได้ถ้า...”

“นั่นไม่ใช่ปัญหาของเพชร แต่เป็นเรื่องที่พี่จะต้องจัดการเอง เพชรเชื่อใจพี่ได้ไหม เราจะแก้ปัญหาทุกเรื่องไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ เพื่อที่เราจะได้กลับมารักกัน แต่งงานกัน แล้วอยู่ด้วยกันอีกครั้ง” ชายหนุ่มมั่นใจ...แค่แม่รู้ว่ากานติมาคือหลานสาวแท้ๆ ท่านก็จะเข้าใจและยอมรับแพรวเพชรได้แน่นอน

“พี่เผ่าพูดจริงหรือคะ” หญิงสาวพึมพำราวกับละเมอ

“จริงสิ สัญญาด้วยก็ได้” เขาใช้สองมือประคองใบหน้าแพรวเพชรไว้ ก้มลงมาสบตากับหญิงสาวนิ่งๆ ถ่ายทอดความรักให้เธอรับรู้ผ่านทางดวงตาเปี่ยมความหมาย

แพรวเพชรไม่เอ่ยอะไรสักคำ แต่หลับตาพริ้มพร้อมกับแหงนหน้าขึ้นอีกนิด บอกแทนด้วยการกระทำว่าเธอตัดสินใจเช่นไร!

เผ่าภาคินไม่หยุดคิดแม้เสี้ยววินาที เขาก้มลงไปประทับริมฝีปากลงที่หน้าผากนูนเกลี้ยงแผ่วเบา แล้วนิ่งอยู่ในอิริยาบถนั้นเนิ่นนาน เก็บกอบทุกความรู้สึกอิ่มเอมที่กำลังไหลรินเข้ามาในหัวใจอย่างช้าๆ

เมื่อถอนริมฝีปากออก ก็เห็นดวงตาที่แสดงความฉงนกำลังมองมา จึงอ้อมแอ้มอธิบาย “พี่ไม่อยากให้เพชรหาว่าพี่จ้องแต่จะคิด ‘เรื่องแบบนั้น’ นี่นา” คนพูดหน้าแดง “เมื่อก่อนพี่เคยเอาเปรียบเพชร ทำให้เพชรรู้สึกไม่ดีกับตัวเองเพราะความสัมพันธ์ของเรา พี่เสียใจนะ พี่สัญญา...ว่าจากนี้เราจะค่อยเป็นค่อยไป พี่จะรอจนกว่าวันที่เราแต่งงานกัน เพชรรอได้ไหม” เขาเย้ายิ้มๆ และก็ได้ของขวัญเป็นกำปั้นทุบอั้กลงมาที่อก

“โอ๊ย! ให้รอแค่นี้ถึงกับต้องทุบกันเลยเหรอ แปลว่าโกรธที่พี่ให้รอใช่เปล่าเนี่ย”

“พี่เผ่าบ้า นี่คิดว่าเพชรเป็นผู้หญิงยังไงเนี่ย”

เผ่าภาคินหัวเราะก้องด้วยความผาสุก รีบรวบตัวเธอเข้ามากอดไว้แทนคำตอบ วินาทีที่เธออยู่ในอ้อมแขน กลิ่นหอมอ่อนๆจากเรือนผม ผิวแก้ม เรียกย้อนทุกความโหยหา ความปรารถนาที่เขากดซ่อนไว้ในหัวใจให้กลับคืนมาจนหมดสิ้น ชายหนุ่มยอมรับว่าเขารู้สึกเหมือนเพิ่งตามหาบางส่วนของตัวเองพบ บางสิ่งที่ขาดหายไปนานเหลือเกิน อ้อมกอดนี้ เนื้อตัวนี้ มือไม้ ใบหน้า ทุกอย่างในตัวแพรวเพชรเคยเป็น ‘สมบัติ’ ของเขา ไม่เคยมีตารางนิ้วใดในร่างกายแพรวเพชรที่เขาไม่รู้จัก เธอ...เป็นผู้หญิงของเขา

ในวันเวลาที่มีพร้อมพรั่งทุกสิ่ง ทั้งฐานะ เงินทอง ความสะดวกสบาย ที่สามารถเนรมิตทุกสิ่งได้ สิ่งเดียวที่เขาไม่เคยมีอีกเลย...ความสุข!

และเขาได้มันกลับคืนมาเพียงแค่มีแพรวเพชรอยู่ในอ้อมกอด เหมือนดอกไม้ผลิบานในเสี้ยววินาที สายลมแผ่วพัดผ่านหัวใจบางเบา ให้ความสงบงาม นุ่มนวล เขาจำความรู้สึกนั้นได้ มันเหมือนทุกคืนวันที่ใช้จ่ายไปกับหญิงสาวผู้เป็นที่รักแทบราวกับไม่เคยมีเวลาสี่ปีเข้ามาคั่นกลาง

“ล้อเล่นน่า พี่น่ะคิดถึงทุกอย่างที่รวมกันเป็นตัวเพชร อยาก ‘รัก’ เพชรใจจะขาดแล้วด้วยซ้ำ แต่ที่พี่พูดแบบนี้ก็เพราะไม่อยากทำให้เพชรรู้สึกไม่ดีหรือว่าเกลียดตัวเองอีกแล้ว”

ชายหนุ่มรู้ว่าแพรวเพชรโทษตัวเองกับเรื่องราวในค่ำคืนนั้น ขณะที่เขาเองกลับขี้ขลาดจนทำได้เพียงแค่หลอกตัวเองว่าโอนอ่อนไปตามความต้องการของคนรัก แต่ความจริงแล้วมันเป็นความผิดของเขาต่างหาก เขารู้แก่ใจว่าวันที่นราธิปสำเร็จการศึกษา แพรวเพชรต้องถูกเรียกตัวกลับเมืองไทย หญิงสาวร้อนรนมากขึ้นทุกที หลายหนที่เปรยลอยๆว่าจนปัญญาหาข้ออ้างเพื่ออยู่ออสเตรเลียต่อแล้ว ทว่าเขากลับเพิกเฉย ปลอบไปแกนๆว่าทุกอย่างต้องแก้ไขได้

เขาบีบให้เธอเลือกเส้นทางนี้ ทำให้เธออับจนหนทางจนต้องใช้วิธีสุดท้ายที่เหลือ

เขาผิด...ที่ฉวยโอกาสทำตามใจตัวเอง ความคิดจะยับยั้งชั่งใจไม่มีในหัวอยู่แล้ว สำหรับผู้ชาย...มันง่ายนิดเดียวที่จะนอนกับใครสักคน ยิ่งถ้ามีความรักเป็นพื้นฐานด้วยแล้ว ก็ยิ่งง่ายขึ้นเป็นทวีคูณ!

เขาผิด...ที่เห็นแก่ตัวจนเอาเปรียบผู้หญิงที่ตนรัก ทั้งที่ถ้ารักเธออย่างที่พูดจริง เขาควรจะรอจนถึงวันเวลาที่เหมาะสม ไม่ใช่ฉวยข้ออ้างที่เธอหยิบยื่นมาให้แล้วตามใจตัวเองแบบนั้น

เขาผิด...ที่อยากเอาชนะผู้ชายอีกคนที่ดีกว่าตัวเองทุกประการ รสชาติของความลำพองยังหอมหวานอิ่มเอมอยู่ในใจ ยิ่งวันที่นราธิปจูงมือแพรวเพชรมาทวงความรับผิดชอบจากเขา เผ่าภาคินเชื่อว่าเขาไม่มีวันลืมความภาคภูมิมีชัยที่ห้อมล้อมหัวใจอยู่ได้เลยจนบัดนี้ ถูกละ...กึ่งหนึ่งเขาบอกตัวเองว่าต้อง ‘ได้’ แพรวเพชรเพื่อหักหน้าไอ้ลูกเศรษฐีเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อนั่นให้ได้ ยิ่งมันหวงห้ามมากเท่าไร เขาก็ยิ่งอยากเอาชนะมากขึ้นเท่านั้น!

และเหนืออื่นใดทั้งหมด...เขาผิดที่รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่กลับโยนไปให้แพรวเพชรรับมันเอาไว้ในหัวใจแต่เพียงผู้เดียว

ไม่รู้ว่าเขาสำนึกได้ในตอนนี้จะสายเกินไปไหม เผ่าภาคินรู้แค่ว่าตราบเท่าที่เธอยังมีหัวใจรักให้กัน เขาก็พร้อมแล้วที่จะหาหนทางหวนคืนกลับสู่เส้นทางสายหัวใจของแพรวเพชรอีกครั้ง ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรก็ตาม

“เพชรจ๋า...ความสัมพันธ์ของเราไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความใคร่ แต่มันเป็นเพราะความรัก อย่าเกลียดชังหรือผิดหวังกับการตัดสินใจในครั้งนั้นเลยนะ เลิกโทษตัวเองได้แล้ว ถ้าจะมีใครผิด ขอให้คนคนนั้นเป็นพี่เถอะ พี่ใช้วิธีของพี่บีบให้เพชรเลือกทำแบบนั้น ถึงเพชรไม่เริ่ม ในไม่ช้าพี่ก็ต้องเป็นฝ่ายรุกเองอยู่ดี พี่ไม่มีวันยอมให้เพชรเป็นของผู้ชายคนอื่นหรอก”

“ยอมรับแล้วหรือคะว่าพี่เผ่าเห็นแก่ตัวน่ะ” เธออุบอิบอยู่ที่บ่าเขา

“ใช่ แล้วพี่ก็เห็นแก่ตัวได้มากกว่าที่เคยทำมาอีกเป็นร้อยล้านเท่าเลยด้วย ถ้าต้องทำอย่างนั้นเพื่อให้เพชรได้อยู่กับคนที่เพชรรักอีกครั้ง”

“แน้...ตู่แล้ว เพชรพูดเมื่อไหร่ว่ารักพี่เผ่า”

“เพชรเคยพูดไว้นานแล้ว พี่จำได้...แล้วก็ไม่เคยคิดจะลืมเลยด้วย” เขายืนกรานด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ไม่มีอารมณ์อื่นใดปะปน...นอกจากอ่อนหวาน!

สายตาสื่อความหมายเร่าร้อนที่มองมายังแพรวเพชรถ่ายทอดทุกความรู้สึกให้เธอรับรู้ ชายหนุ่มไม่พยายามไขว่คว้าหรือล่วงเกินเธอมากไปกว่าที่เป็นอยู่เลย พวงแก้มแพรวเพชรร้อนผ่าวเมื่ออ่านประกายปรารถนาในดวงตาเขาออกราวกับอ่านใจตัวเอง บางอย่างในร่างกายเธอคล้ายถูกปลุกให้ตื่นขึ้นช้าๆ จำต้องยอมรับว่าสายตาของผู้ชายคนนี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้หญิงที่น่าปรารถนา เขาทำให้เธอแทบไม่เหลือความยับยั้งชั่งใจเลยทีเดียว

แพรวเพชรห้ามตัวเองอย่างยิ่งมิให้เป็นฝ่ายเขย่งตัวขึ้นไปจูบเขา เพื่อดับความรู้สึกโหยหาในใจ หญิงสาวรีบใช้มือข้างที่ว่างดันเขาออกห่าง หันหน้าหนี ซ่อนจังหวะหายใจถี่กระชั้นแปลกๆไว้อย่างยากเย็น

ใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีก่ำคงจะยากแก่การซ่อนจากสายตาคมกริบรู้ทัน เธอจึงตัดสินใจปล่อยเลยตามเลย เสเปลี่ยนบรรยากาศเร่าร้อนรอบกายด้วยการยกนาฬิกาทรายในมือขึ้นมาหาเรื่องชวนคุยแทน

“นี่เป็นของขวัญที่โรแมนติกมากเลยรู้ไหมคะ เพชรชอบมาก”

“ถ้าชอบมาก แล้วไหนล่ะ...รางวัล” คนทำดีทวงสิ่งตอบแทนทันควัน

แพรวเพชรยู่หน้านิดๆอย่างหมั่นไส้ แต่อดใจไม่ได้ จึงแกล้งพ่อฤาษีเคร่งตบะด้วยการยกนาฬิกาทรายในมือขึ้น แล้วจงใจแตะริมฝีปากที่กระเปาะแก้วด้านบนซึ่งเม็ดทรายยังคงไหลลงสู่อีกด้านหนึ่งเป็นการแหย่เย้า

เผ่าภาคินสบตากับเธอ รอยระรื่นลิงโลดเต้นระริกในดวงตาวาววามคู่นั้น เขาวางมือทั้งสองข้างซ้อนมือหญิงสาวช่วยประคองนาฬิกาทราย แล้วโน้มตัวลงมาเล็กน้อย แตะริมฝีปากอีกฟากตรงข้ามของกระเปาะแก้ว สบสายตากับเธอผ่านโครงไม้ของนาฬิกาทรายเงียบๆ ไม่ต้องมีคำพูดใดต่อกันอีกต่อไป...

ทั้งคู่รู้เท่ากันว่า รักคือความหมายที่ไม่ต้องการคำอธิบาย ไม่มีถูก ไม่มีผิด มีแค่หัวใจสองดวงที่ถักทอร้อยรัดกันด้วยสายใยเสน่หาที่มองไม่เห็น

ใยรัก...ที่อุปสรรคใดก็มิอาจสะบั้น นอกจาก...การโกหกหลอกลวง!



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 เม.ย. 2556, 01:43:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 เม.ย. 2556, 01:53:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 1907





<< ตอนที่ ๑๗   ตอนที่ 19 + ประกาศรายชื่อผู้โชคดี รับหนังสือฟรี >>
คิมหันตุ์ 1 เม.ย. 2556, 02:23:02 น.
คุณเผ่ายังมีแผนร้ายหรือป่าว.....แอบกลัว!!


พันธุ์แตงกวา 1 เม.ย. 2556, 03:19:42 น.
วันที่เจ็ดเมษาเลขสวยมาก ขอให้ขายดิบขายดีนะคะไรท์เตอร์ เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ


ไรน้ำ 1 เม.ย. 2556, 04:53:29 น.
แอยหวั่นกับสิ่งร้ายๆ ที่จะตามมาหลังจากนี้ เพราะเหมือนจะมีปมอีกเยอะมากๆ อยากได้หนังสือ แต่ปีนี้ไม่ได้ขึ้นงานสัปดาห์ จะรอซื้ออีกรอบ


สิริณ 1 เม.ย. 2556, 10:58:41 น.
ฉากหวานตอนแรกมาแล้ว
หวังว่าจะถูกใจคนที่คอยอยู่นะคะ
แล้วจากนี้ไป คงจะหวานขึ้นเรื่อยๆจนมดเรียกพี่กันเลยทีเดียว
อ่านแล้วถูกใจ อย่าลืมไล้ค์เบาๆคนละทีเป็นกำลังใจให้สิริณด้วยน้า

วันนี้สิริณมาพร้อมกับปกของสนิมดอกรักค่ะ
จะเห็นว่าวันนี้เป็นตอนที่ 18 แล้ว
เดี๋ยวสิริณจะโพสต์ให้อ่านกันถึงตอนที่ 20 นะคะ
(ครึ่งเล่มพอดีค่ะ สนิมดอกรักมีทั้งหมด 40 ตอนจบ)
สำหรับสาเหตุที่จะต้องหยุดโพสต์
ก็เพราะหนังสือพร้อมวางแผงแล้วค่ะ
เพื่อเป็นการให้เกียรติสำนักพิมพ์
จึงขออนุญาตโพสต์เป็นตัวอย่างให้ทดลองอ่านกันเพียงครึ่งเล่มนะคะ
ฝากติดตามส่วนที่เหลือในหนังสือค่ะ

โปรดเมตตานักเขียนหน้าตาดี สวย น่ารัก สักคน <-- มั่นใจเสมอค่า...อิอิ
ช่วยกันอุดหนุนคนละไม้ละมือนะค้า...
สิริณจะได้มีกำลังใจจะเขียนผลงานมาให้อ่านกันอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ
(ประสานมือที่หน้าอก แล้วทำตาวิ๊งๆ ทำเสียงอ้อนวอน) ฮี่ๆๆ

สำหรับกำหนดคร่าวๆของสนิมดอกรัก จะเป็นดังนี้

วางแผง : 7 เมษายน 2556

ที่ : งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ศูนย์ประชุมสิริกิติ์
บูธร้านนายอินทร์ Q12 โซน C ชั้น 2 มุมสำนักพิมพ์อรุณ

ราคา : 345 บาท (ในงานลด 15% เหลือ 294 บาท)

หลังจบงานหนังสือฯ (งานหมดวันที่ 8 เมษาฯ)
คาดว่าจะทยอยวางแผงตามร้านหนังสือทั่วประเทศภายในหนึ่งสัปดาห์

สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกไปงานหนังสือฯ
สิริณจะรับฝากซื้อจากในงานมาแพ็คส่งให้
(บริการเต็มที่ อยากให้เพื่อนๆได้อ่านในราคาพิเศษ อิอิ)
หนังสือในงานจะลด 15% เหลือ 294 บาทค่ะ
((หากอยากฝากซื้อเล่มอื่นของอรุณ
ติดต่อมาที่อีเมลก่อนค่ะ
สิริณจะเช็กให้ว่าที่บูธเอามาลดราคาหรือเปล่า))

ผู้ที่สนใจจะฝากซื้อ โอนเงินมาที่
บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพฯ สาขาภาษีเจริญ
ชื่อบัญชี เพียงลภัส พงศ์ฉัตรมณี
เลขที่บัญชี 246-0-15754-4
รบกวนโอนมาเป็นเศษสตางค์นะคะ
เช่น 293.97 บาท หรือ 294.03 บาท ประมาณนี้
สิริณจะได้เช็คยอดได้ว่าใครโอนมาบ้างแล้ว

โอนมาแล้ว แจ้งชื่อ ที่อยู่ มาที่ si.rin(แอท)hotmail.com ค่ะ
สิริณจะจัดส่งหนังสือให้ในวันที่ 9 เมษายน
ขอปิดรับออเดอร์วันที่ 7 เมษา นะคะ
เพราะวันที่ 8 (งานหนังสือวันสุดท้าย)
สิริณจะซื้อแล้วหอบกลับบ้านมาเซ็น & แพ็ค ให้ทีเดียวเลย

ฝากเนื้อฝากตัว ฝากผลงานไว้ในอ้อมใจทุกคนด้วยนะค้า...


ทราย 1 เม.ย. 2556, 11:00:33 น.
พี่เผ่ามีแผนอะไรอีกรึเปล่าวคะเนึ่ย


ปอปลาตากลม 1 เม.ย. 2556, 12:45:22 น.
มีแผนไรอ่าาาา


supayalak 1 เม.ย. 2556, 16:58:26 น.
ทิ้งท้ายไว้ให้คิดแบบน่ากลัววววววอีกแย้ววว


goldensun 2 เม.ย. 2556, 11:06:19 น.
ยังไม่ครึ่งเรื่อง หวานซะแล้ว แต่เป็นความหวานบนปมปัญหาที่ยังค้างคาอยู่ ถ้าพี่เผ่ายังหาตัวคนที่ทำร้ายไม่ได้ ก็ยังมีจุดที่จะสะบั้นความสัมพันธ์กับเพชรได้แน่ เพราะรักแต่ไม่เข้าใจ เชื่อใจ จะไปรอดได้ยังไง ก็ยังหวังว่าพี่เผ่าจะคลี่คลายปมได้นะคะ
ขอให้ขายดี ติดอันดับค่ะ


bloomberg 2 เม.ย. 2556, 15:38:04 น.
โห เข้าใจกันตอนครึ่งเล่มเนี่ยนะ อีกครึ่งเล่มคงจะกระโดดกระเด้ง อ่านไปคงต้องเช็ดน้ำตาไป กวาดน้ำตาลไป อย่างนั้นเลยรึเปล่าคะเนี่ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account