บ่วงรักแรงอธิษฐาน
รักในปัจจุบันผูกพันกับรักที่ปวดร้าวในอดีตชาติ
คำอธิษฐานและบุพเพสันนิวาสนำเขาและเธอกลับมาพบกันอีกครั้ง
แต่จะทำเช่นไรเมื่อหนึ่งคือเพื่อนรักที่ยอมสละชีพเพื่อเราและหนึ่งคือยอดดวงใจที่เฝ้ารักเฝ้ารอมาหลายภพชาติ
Tags: ย้อนอดีต ระลึกชาติ บุพเพสันนิวาส

ตอน: ตอนที่ 17 พันธสัญญา


“แยกย้ายกันไปหาให้ทั่ว!”

ท่านเจ้าคุณเฟื่องสั่งบ่าวในบ้านทุกคนด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด เสียงดังฟังชัด ทว่าเป็นความเกรี้ยวกราดที่ออกมาจากหัวใจปวดร้าวของคนเป็นพ่อ ลูกสาวสุดที่รักเพียงคนเดียวหนีออกจากบ้าน และดูเหมือนว่าอาจเป็นการหนีไปกับ..ผู้ชาย.. แค่เพียงคิดมันก็เจ็บปวดเหมือนเอาถ่านไฟแดงๆ มานาบลงตรงหัวใจ คุณหญิงรำไพช่วยประคองร่างสั่นเทานั้นให้นั่งลงที่ม้านั่งหน้าบ้าน หัวใจของคนเป็นแม่ก็เจ็บร้าวไม่แพ้กัน ตอนนี้ทั่วบริเวณบ้านสว่างไสวไปด้วยคบเพลิง ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงและบ่าวทั้งหมดถูกแบ่งเป็นกลุ่มๆ เพื่อกระจายกันค้นหา

“มึงจะไปไหนไอ้กล้า”
“กล้า...จะไปตามหาเนื้ออ่อนขอรับ”
“ไม่ต้อง!!”
“คุณพี่คะ ให้กล้าไปเถอะค่ะ ที่สำคัญที่สุดเวลานี้คือตามหาลูกให้พบนะคะ” มือเรียวและน้ำเสียงปลอบโยนทำให้ท่านเจ้าคุณเฟื่องลดความเกรี้ยวกราดลงได้บ้าง แต่อารมณ์ที่ระเบิดออกมาแล้วใช่จะกำจัดทิ้งไปได้ง่ายๆ ด้วยเหตุผลอันใดก็ตาม
“กล้าสาบานขอรับคุณท่าน กล้าแค่เป็นห่วงเนื้ออ่อนเท่านั้นจริงๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณท่านเข้าใจขอรับ ถ้าคุณท่านยังคาใจ ก็ขอให้ตามเนื้ออ่อนกลับมาได้ก่อน แล้วจะตีจะฆ่ายังไงกล้าก็ยอมขอรับ”
ชายหนุ่มสัญญามั่นเหมาะกับผู้เป็นนายเหนือหัว แน่นอนที่สุดกล้าไม่มีทางทำกับเนื้ออ่อนอย่างที่ท่านเจ้าคุณเข้าใจ เพราะรักของกล้ามีค่ากว่านั้นมากมายนัก

“แล้วพ่อกล้าไม่รู้เลยรึว่าน้องคบหากับใครที่ไหนบ้าง”
“ไม่มีขอรับคุณหญิง กล้าไม่ทราบเลย” คำว่าไม่ทราบเลย ตอกย้ำให้คนพูดรู้สึกปวดหนึบที่หัวใจเสียยิ่งกว่ารอยฟกช้ำดำเขียวที่ปรากฏอยู่ทั่วกาย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“แล้วชื่อในกระดาษนี้ล่ะ” ท่านเจ้าคุณหยิบกระดาษยับยู่ยี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เป็นจดหมาย? สองฉบับ ซึ่งมาจากคนคนเดียวกับกระดาษใบเล็กที่เคยเห็นมาแล้ว


“ถ้าทนไม่ไหว ก็หนีไปกับพี่ต้องได้ รับรองว่าน้องเนื้ออ่อนจะปลอดภัยและไม่มีใครที่บ้านตามหาพบ พี่ต้องเอ็นดูน้องเนื้ออ่อนก็เหมือนน้องสาวแท้ๆ ไม่ต้องกลัว เอาไว้เจ้าคุณพ่อหายโกรธเมื่อไหร่แล้วพี่ต้องจะพากลับไปขอโทษท่าน”
ด้วยความปรารถนาดี
พี่ต้อง


“เนื้ออ่อน... ต้อง...?” กล้าหลับตานึกด้วยหัวใจสับสน ทั้งเป็นห่วงกังวลและสงสัย ชายผู้นี้จะเป็นใครที่ไหนกัน ที่เขาจะไม่รู้จักเลย ปกติแล้วเนื้ออ่อนจะไม่มีความลับถ้ารู้จักใครหรือคบใครเป็นพิเศษก็น่าจะเล่าให้ฟัง

‘หรือว่า... แต่นั่นมัน...สองปีแล้วนี่นา?’ แล้วภาพวันนั้นในตลาดก็สะกิดเตือนให้รู้สึกอีกครั้ง เพราะนอกจากชายที่เดินชนวันนั้นเนื้ออ่อนก็ไม่มีใครอีกแล้วที่กล้าพอจะนึกได้ในตอนนี้

บ่าวออกไปกันหมดแล้ว เหลือเพียงท่านเจ้าคุณและคุณหญิงที่รอฟังข่าวอยู่ที่เรือน ท่านเจ้าคุณเริ่มรู้สึกถึงความผิดพลาดในการตัดสินใจของตน ผิดพลาดที่สั่งลงโทษลูกโดยไม่ได้ซักถามให้แน่ชัด ความโมโหโกรธาทำให้มองข้ามวิธีหาคำตอบที่ง่ายที่สุดไปจึงต้องมานั่งเสียใจแบบนี้ หากเพียงเอ่ยปากถามลูกดีๆ เชื่อว่าเด็กที่ว่านอนสอนง่ายอย่างเนื้ออ่อนต้องยอมปริปากอยู่แล้ว การพูดคุยสอบถามสารทุกข์สุกดิบการปรับความเข้าใจในครอบครัวนั้นจำเป็นอย่างยิ่ง แต่...ท่านเจ้าคุณไม่ได้ทำ ปล่อยให้อารมณ์โกรธมาสร้างกำแพงหนาขวางกั้นความสัมพันธ์และปิดประตูหัวใจที่เคยสื่อถึงกันอย่างเปิดเผยในทุกๆ เรื่องเช่นที่ผ่านมา

“โธ่..เนื้ออ่อน ลูกพ่อ...”

“ใจเย็นๆ เจ้าค่ะคุณพี่ อาจไม่เลวร้ายอย่างที่เราคิด ลูกไม่ใช่คนเหลวไหล” คุณหญิงรำไพปลอบใจผู้เป็นสามีทั้งที่หัวใจก็หวั่นไหวไม่น้อยไปกว่ากัน ถึงส่วนลึกแล้วคุณหญิงจะมั่นใจในความเป็นเด็กดีของลูกสาว ว่าคงไม่ได้คิดหนีไปทำเรื่องเสียหายร้ายแรง หากแต่เป็นเพราะน้อยอกน้อยใจที่ถูกเจ้าคุณพ่อทำโทษเสียมากกว่า แต่..ไม่ว่าลูกจะบริสุทธิ์ใจแค่ไหน แล้วคนที่มาพาลูกหนีไปล่ะจะวางใจได้สักเพียงไหน

การค้นหาดำเนินไปทั้งคืนแต่ก็ไร้วี่แววของเนื้ออ่อน แสงจากคบเพลิงที่เคลื่อนเข้ามาไกลๆ จุดประกายความหวังให้กับท่านเจ้าคุณและคุณหญิงรำไพ แต่ความหวังนั้นก็ดับวูบลงครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่มีเจ้าของร่างเล็กๆ รอยยิ้มเบิกบานที่คุ้นเคยตามกลุ่มผู้ค้นหากลับมา ไม่มี...แม้แต่เงา



“อย่าแกล้งเขานะ...”

ภาพเด็กหญิงผมจุกตัวเล็กๆ ที่เคยหยอกล้อเล่นกันที่ธารน้ำตกแห่งนี้เมื่อครั้งอดีตยังคงแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำ แต่เมื่อไม่มีเด็กหญิงคนนั้น ธารน้ำตกที่เคยร่มรื่นและเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจได้เสมอก็ไม่มีความหมายอีกแล้ว กล้านั่งทอดอาลัยสายตาเหม่อลอย ในใจเฝ้าคิดถึงแต่ ‘เนื้ออ่อน’ ที่ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นอย่างไร ดอกไม้เหี่ยวเฉาร่วงโรยหล่นไหลเรื่อยผ่านไปกับสายน้ำดอกแล้วดอกเล่า

“อาต้อง อีไม่ล่ายมาที่นี่หลายวังเลี้ยว อั้วก็ไม่ลู้เหมืองกางว่าอีไปหนาย” ตัวการสุดท้ายที่จะเป็นคำตอบสำหรับทุกคำถามหายไปไร้ร่องรอย แต่อย่างน้อยตอนนี้ทุกคนก็รู้แล้วว่า ชายผู้อาจหาญคนนั้นชื่อ ‘ต้อง’ เจ้าของจดหมายลึกลับ และเป็นคนพาเนื้ออ่อนหนีไป

ท่านเจ้าคุณเฟื่องและท่านเจ้าคุณฟ้าฟื้นส่งคนออกตามล่า ต่อให้เป็นเทือกเขาเหล่ากอของใคร ก็จะต้องลากคอมันมาชำระโทษให้สาสมกับความผิดที่ได้ลบหลู่เกียรติและศักดิ์ศรี ย่ำยีหัวใจของทุกคนถึงเพียงนี้

‘เนื้ออ่อน..เนื้ออ่อนอยู่ที่ไหน..’

ท้องฟ้ามืดครึ้มและสายฝนที่โปรยปรายพาหัวใจให้เงียบเหงาและสับสนมากยิ่งขึ้น สามวันแล้วที่การค้นหาต้องคว้าน้ำเหลวกลับมาทุกครั้ง แต่กระนั้นก็ไม่อาจทำให้หัวใจที่เต็มไปด้วยความห่วงหาอาทรรู้สึกย่อท้อ แม้ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจจากการมี ‘ความลับ’ และคำถามมากมายเกิดขึ้นในใจไม่เว้นแต่ละนาที แต่ลึกๆ แล้ว กล้าก็ยังมั่นใจว่าน้องสาวตัวเล็กไม่ใช่คนเหลวไหล หากไม่เพราะน้อยใจเจ้าคุณพ่อ เนื้ออ่อนไม่มีวันทำอย่างนั้นแน่นอน และตราบที่ยังไม่พบ จะไม่มีการหยุดการค้นหาเด็ดขาด

“ไปกันเถอะกล้า ไม่ว่าจะยังไงเราก็ต้องตามหาน้องเนื้ออ่อนให้พบให้ได้”
ต้นและมะปรางตามมาสมทบเพื่อเริ่มการค้นหาสำหรับวันนี้
ชายหนุ่มลอบถอนหายใจแผ่วเบาเพื่อระบายความอัดอั้น ก่อนจะลุกจากโขดหินและลำธารที่คุ้นเคย หวังว่าอีกไม่นานบรรยากาศเก่าๆ ความอบอุ่นและสุขใจในแบบเดิมๆ จะเกิดขึ้นที่นี่อีกครั้ง พร้อมการกลับมาของสมาชิกคนสำคัญ นี่เป็นการเล่นซ่อนหาครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเล่นกันมา



“เฮ้อ..น่าสงสารโยมเฟื่องนะ ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่น่ะไม่มีอะไรจะทำให้ทุกข์ใจได้มากกว่านี้แล้วละ”

หลวงปู่ถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางโน้มตัวบ้วนน้ำหมากสีแดงช้ำลงกระโถนที่ตั้งอยู่ข้างๆ การมาที่นี่นอกจากต้องการกำลังใจแล้ว วัด เป็นศูนย์รวมผู้คนจากทั่วสารทิศ จึงแอบหวังว่าบางครั้งหลวงปู่อาจพอทราบเบาะแสบ้าง
“ท่านเจ้าคุณซูบไปมากขอรับ กินไม่ได้นอนไม่หลับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น”
“โยมเองก็ต้องพักผ่อนบ้างนะ ค่อยๆ คิด ค่อยๆ แก้กันไป ไม่ดูแลตัวเองเลยถ้าไม่สบายไปอีกคนจะลำบาก”
“ขอรับหลวงปู่..เอ๊ะ?”
“มีอะไรเหรอกล้า?”
น้ำเสียงแปลกใจทำให้ทุกคนหันมองกล้าเป็นตาเดียว ก่อนจะเบนจุดสนใจไปยังบางสิ่งที่กล้าให้ความสนใจเป็นพิเศษ ..แหวนใบไม้ถักแห้งๆ สองวงในห่อผ้าเช็ดหน้าสีขาวผืนเล็ก วางอยู่บนพื้นใกล้ๆ อาสนะของหลวงปู่
“อ๋อ นั่นเด็กเอามาถวายน่ะ เพิ่งลงจากศาลาไปเมื่อตะกี้นี้เอง มีอะไรหรือโยม”

“นี่มัน...ของเนื้ออ่อน!”

ความหวังริบหรี่ที่เกือบจะเลือนหายกลับมาสว่างไสวอีกครั้ง รอยยิ้มแห่งความตื่นเต้นยินดีปรากฏบนใบหน้า เนื้ออ่อนจะต้องอยู่ไม่ไกลจากที่นี่
“นี่ผ้าเช็ดหน้าของเนื้ออ่อน และแหวนใบไม้นี่ กล้าเป็นคนถักให้เนื้ออ่อนเอง เนื้ออ่อนอยู่แถวนี้ต้น!”
“เรามีหวังแล้วกล้า” ต้นเองก็ยินดีกับความหวังใหม่นี้ไม่น้อยไปกว่ากัน อดแอบสงสัยไม่ได้ว่า ‘แหวนใบไม้’ วงน้อยนั้นจะมีความหมายอื่นแอบแฝงหรือไม่ ความหมายที่ต้นไม่เคยนึกเอะใจมาก่อนเลยสักนิด แต่ไม่ว่าจะอย่างไรสิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้คือตามหาเนื้ออ่อนให้พบ เรื่องอื่นเอาไว้ค่อยว่ากันทีหลังก็แล้วกัน




ที่ตลาดยังคงคึกคักดังเช่นทุกวัน กล้าและต้นเดินกึ่งวิ่งเบียดเสียดผู้คน สอดส่ายสายตามองหาเด็กหญิงชายสองพี่น้องตามคำบอกเล่าของหลวงปู่ ซึ่งกล้ารู้ว่าจะต้องเป็นเด็กสองคนที่เคยพบที่นี่อย่างแน่นอน ระยะเวลาสองปีคงไม่ทำให้หน้าตาของเด็กเปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ มะปรางวิ่งตามมาทันอย่างเหนื่อยหอบและเดินแยกไปอีกทาง
‘ไปไหนกันนะ’
หัวใจที่เต้นแรงสูบฉีดความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความหวังให้อัดแน่นจนแทบจะระเบิด ผู้คนที่สัญจรไปมาเป็นเป็นเพียงเงาที่วูบไหว สายตาจับจ้องและควานหาอย่างมีจุดหมาย หากแต่เป็นจุดหมายที่อาจไม่ได้อยู่ในที่แห่งนี้ คนแล้วคนเล่า ครั้งแล้วครั้งเล่าที่กล้าต้องส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง ไม่มีวี่แววว่าจะพบเด็กชายหญิงที่ต้องการ
“ไอ้หนู!” เอื้อมมือจับหัวไหล่เด็กชายคนหนึ่งที่ยืนเคียงข้างพี่สาวให้หันมาด้วยคิดว่า ในที่สุดก็เจอจนได้
“มีอะไรเหรอน้า”
“เอ่อ..ไม่มีอะไร น้าขอโทษ น้านึกว่า...”
‘โธ่...เนื้ออ่อน...’ วินาทีแห่งความผิดหวังเราไม่อาจมีเวลาให้ความสนใจหรือตอบคำถามให้ความกระจ่างผู้ใดอย่างสมบูรณ์ ความเป็นห่วงและกังวลกลับมายึดครองพื้นที่แห่งใจทั้งหมดอีกครั้ง ต้นและมะปรางเดินกลับมาสมทบด้วยสีหน้าผิดหวังเช่นกัน แต่...

“นึกว่าอีผันกับไอ้แดงใช่ไหมล่ะ”




แค่กๆๆ
ดวงหน้าที่เคยสดใสเพราะวัยสาวบัดนี้กลับซีดเซียวเพราะพิษไข้ สองวันเต็มที่เนื้ออ่อนนอนโซอยู่ที่นี่ ในเรือนไม้ฟากผุพัง หลังคาหญ้าแฝกที่แทบจะไม่พอคุ้มฝน มีเด็กชายหญิงสองพี่น้องคอยดูแลป้อนยาและอาหาร เวลาทุกนาทีผ่านไปกับความรู้สึกเจ็บปวด หวาดกลัว และสำนึกผิด

‘เลือดยังไม่หยุดไหล’ มือเรียวละจากผ้าขาวชุ่มเลือดที่ปิดไว้บริเวณชายโครงด้านซ้าย ความเจ็บปวดเกาะกินไปทั้งส่วนกลางของร่างกายอย่างไม่มีท่าทีว่าความเคยชินจะทำให้ความเจ็บนั้นทุเลาลงได้ และที่เจ็บปวดยิ่งกว่านั่นคือความรู้สึกในหัวใจ เจ็บปวดในความโง่เง่าหลงผิดตัดสินใจหนีจากมาด้วยอารมณ์น้อยใจชั่ววูบ เจ็บปวดที่ได้ทำให้คนที่รักตนดังแก้วตาดวงใจต้องเป็นห่วง ผิดหวัง และเสียใจ

“เจ้าคุณพ่อ...คุณแม่...เนื้ออ่อนขอโทษ...” บัดนี้หญิงสาวผู้โง่เขลาเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความเป็นห่วงของผู้เป็นบุพการี และถ้าหากมีโอกาสพบหน้ากันอีกครั้งทั้งที่ยังมีลมหายใจอยู่ เนื้ออ่อน..จะยอมให้เจ้าคุณพ่อจับขังตราบเท่าที่เจ้าคุณพ่อจะสบายใจ เป็นความจริงที่ว่าผู้เคยอาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมเข้าใจความเป็นไปของโลกได้ดีกว่า ที่เจ้าคุณพ่อกักบริเวณเนื้ออ่อนก็เพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นนั่นเอง

สายลมพัดเข้ามาทางหน้าต่างวูบใหญ่พาร่างบอบบางต้องสั่นสะท้าน เอื้อมมือที่สั่นเทาไร้เรี่ยวแรงคว้าผ้าห่มผืนเล็กมาคลุมตัว รู้สึกหนาวเย็นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ลมหายใจติดขัด ดวงตาเริ่มพร่ามัว ทุกสิ่งรอบข้างดูวูบไหวและเลือนรางเต็มที คลื่นไส้จนอยากจะอาเจียนแต่ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทน สองพี่น้องออกไปหายายังไม่กลับหากเป็นอะไรไปตอนนี้ก็คงไม่มีใครได้เห็นใจ

“พี่กล้า..ช่วย..เนื้ออ่อนด้วย...”
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาความรู้สึกที่ห่มใจอยู่เสมอและไม่เคยจางหาย คือความอบอุ่นและปลอดภัยจากอ้อมแขนของพี่กล้า และถึงแม้เวลานี้ เนื้ออ่อนจะอยู่ไกลเกินที่สองมือของพี่กล้าจะปกป้องถึง แต่เนื้ออ่อนก็ยังแอบหวัง หวังว่า... พี่กล้าจะมาช่วยเนื้ออ่อน
สองมือกระชับผ้าห่มผืนน้อยให้คลุมตัวมิดชิดยิ่งขึ้น สติที่เลือนรางพาให้เคลิ้มไปว่าได้อยู่ในอ้อมแขนอบอุ่นของพี่กล้าอีกครั้ง

‘เนื้ออ่อน..หนาว...’ แล้วทุกอย่างก็...ดับวูบไป


ปังๆๆๆๆ
“เนื้ออ่อน! นี่พี่เองนะ เปิดประตูให้พี่ด้วย”
“เนื้ออ่อน นี่พี่ต้นเอง เปิดประตูให้พี่ด้วย”
เสียงเรียกชื่อตัวเองจากภายนอกและเสียงทุบประตูโครมคราม เรียกความรู้สึกที่ดำดิ่งวูบลึกให้กลับฟื้นคืนมาอีกครั้ง รู้สึกดีใจมากมายเหลือเกิน ในที่สุด ความหวังของเนื้ออ่อนก็เป็นจริง

“พี่...กล้า...” ขยับจะลุกแต่ก็เจ็บไปทั้งตัว ต้องค่อยๆ คืบไปกับพื้นอย่างช้าๆ น้ำตาแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจพร่างพรูอีกครั้ง เวรกรรมอะไรหนอทำให้เนื้ออ่อนต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เนื้ออ่อนทำผิดต่อเจ้าคุณพ่อก็ด้วยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ไม่เห็นจะต้องลงโทษกันถึงเพียงนี้ ..สวรรค์ช่างใจร้ายนัก
“เนื้อ..อ่อน..ลุกไม่ไหว..ฮือๆ”

โครม!!
แล้วประตูก็ถูกกระแทกเปิดออก ดานประตูหักเป็นสองท่อนกระเด็นกระดอนไปคนละทาง ท่ามกลางบรรยากาศที่วูบไหว พี่กล้าพุ่งเข้ามาประคอง สีหน้าและแววตาแสดงถึงความเป็นห่วงล้นใจ พี่ต้นตามเข้ามาช้อนร่างบอบบางอีกฝั่งหนึ่งด้วยท่าทีเป็นห่วงเป็นใยไม่แพ้กัน
“ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะเนื้ออ่อน”
“น้องเนื้ออ่อน พี่ต้นมาแล้วไม่ต้องกลัว กล้า...ไปตามเจ้าคุณอา ตามหมอมาด้วย!!”

“ไม่...พี่กล้า...อยู่กับเนื้ออ่อน เนื้ออ่อนหนาว” รั้งเรียวแขนที่ไร้เรี่ยวแรงกระชับร่างแนบชิดกับอกอุ่นของพี่กล้า
“เนื้ออ่อน...ไม่ให้พี่กล้า...ไป”

ต้นจำต้องละมือและจากไปอย่างเงียบๆ บัดนี้เข้าใจสิ้นแล้วว่า พี่กล้าต่างหากที่เป็นคนสำคัญที่แท้จริงของเนื้ออ่อน...ไม่ใช่..พี่ต้น

มะปรางที่วิ่งตามมาทันพร้อมกับเด็กสองคนถึงกลับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่เมื่อเห็นสภาพของน้องสาวตัวเล็กในอ้อมแขนของพี่กล้า ทรุดตัวลงข้างๆ น้อมตัวกอดเอวบางๆ เอาไว้แนบแน่น มีเพียงเสียงสะอื้นฮักๆ ที่บอกให้รู้ว่าพี่ผู้เป็นบ่าวคนนี้สะเทือนใจเพียงใด
“ทำไมเป็นแบบนี้” ชายหนุ่มกระซิบถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ อ้อมแขนที่คุ้นเคยกระชับแน่นถ่ายเทความอบอุ่นและปลอบประโลม สถานการณ์เลวร้ายกว่าที่คิดเอาไว้
“เนื้ออ่อนกลัว ฮือๆ”
“โธ่..เนื้ออ่อน”


วันนั้น...
‘เจ้าคุณพ่อ...อย่าทำอะไรพี่กล้านะ คุณแม่..ช่วยพี่กล้าด้วย ฮือๆๆ’
เสียงเรียกร้องใดๆ ไม่อาจทำให้เจ้าคุณพ่อหันมารับฟัง เข้าใจ หรือสนใจได้ ความรู้สึกของหญิงสาวที่เริ่มสงบและยอมรับชะตากรรมกลับมาพลุ่งพล่านอีกครั้ง
‘หนี..เนื้ออ่อนต้องหนีไปจากที่นี่!!’ ความคิดชั่ววูบแล่นเข้ามาในสำนึก เมื่อเจ้าคุณพ่อใจร้ายนัก เนื้ออ่อนก็ต้องแสดงออกให้รู้ว่าเนื้ออ่อนทรมานเหลือเกินที่ถูกขังอยู่แบบนี้และเนื้ออ่อนจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว
‘เจ้าคุณพ่อใจร้าย’

ร่างเล็กๆ ของคุณหนูเนื้ออ่อนหญิงสาวผู้กำลังน้อยใจในตัวเจ้าคุณพ่อปีนป่ายบันไดไม้ไผ่ที่พี่กล้าพาดเอาไว้ที่หน้าต่างห้องนอนด้วยน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้ม ก่อนจะหลบหายไปทางสวนหลังบ้านท่ามกลางความมืดและความโกลาหลวุ่นวาย จะไปไหนยังไม่รู้รู้แต่เพียงว่าต้องไปให้พ้นจากที่นี่ ที่ที่ไม่มีเจ้าคุณพ่อมาคอยบงการชีวิตของเนื้ออ่อน ที่ที่ไม่ต้องทนเห็นเจ้าคุณพ่อทำร้ายคนอื่นตามอารมณ์ตามอำเภอใจ ลัดเลาะทุ่งนาและป่าละเมาะผ่านทางเดินแคบๆ ไกลออกไปๆ ไปเถิดเนื้ออ่อนไปตายเอาดาบหน้าเสียยังดีกว่าทนอยู่กับคนใจร้าย
‘น้องเนื้ออ่อนพี่ต้องอยู่ทางนี้‘

แล้วหญิงสาวก็ต้องสะดุ้งสุดตัวกับเสียงเรียกอย่างคุ้นเคยจากใครสักคนที่ไม่รู้จัก เขาก้าวออกมาจากที่มืดใต้ร่มไม้ เสี้ยวหน้าที่สะท้อนแสงจันทร์พอทำให้รู้สึกได้ว่าเคยพบกันที่ไหนสักแห่ง แต่ก็ไม่ได้คุ้นเคยถึงขั้นจะมาเรียกแทนตัวว่า...น้องเนื้ออ่อน...

‘นึกว่าจะปล่อยให้พี่ต้องรอเก้อเสียแล้ว‘

‘รอเก้อ? พูดอะไรน่ะ เนื้ออ่อนไม่เห็นจะเข้าใจ‘ น้ำเสียงที่แปร่งๆ เพราะน้ำในโพรงจมูกสะสมพูดออกไปพลางถอยกรูดด้วยความหวาดระแวง ชายผู้นี้เป็นใครกันทำไมถึงบอกว่ารอเราอยู่
‘อ้าว...นี่น้องเนื้ออ่อนไม่ได้หนีมาเพราะได้รับจดหมายของพี่หรอกหรือ? ‘
‘จดหมาย?..จดหมายอะไรกันเนื้ออ่อนไม่รู้เรื่อง‘
‘อ้าว...ก็จดหมายที่เขียนใส่กระดาษปั้นเป็นก้อนกลมๆ โยนเข้าทางหน้าต่างห้องนอนของน้องเนื้ออ่อนยังไงล่ะครับ‘
หญิงสาวถอยห่างด้วยเห็นท่าไม่ค่อยดี จดหมาย...หน้าต่าง...ไม่เห็นจะเคยมี...แล้วทำไมจะต้องทำแบบนั้นด้วยนะ

‘เอาละๆ ถือว่าช่างมันก็แล้วกันนะครับ งั้นเรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ พี่ชื่อพี่ต้องที่เคยเดินชนกันในตลาดเมื่อนานมาแล้วน้องเนื้ออ่อนจำได้ไหมเอ่ย‘ น้ำเสียงนุ่มทุ้มลื่นหูนั้นทำให้ผู้มาใหม่ดูเป็นผู้ใหญ่ใจดี และเนื้ออ่อนก็พอจะนึกได้ลางๆ แล้วว่าเขาคือพี่ชายคนที่เอ่ยอ้างนั้นจริงๆ แต่ต่อให้เป็นจริงตามนั้นก็ไม่เห็นจะเกี่ยวข้องอะไรกับเนื้ออ่อนเลยสักนิด

‘ไหนๆ ตอนนี้น้องเนื้ออ่อนก็หนีออกมาแล้ว และพี่ต้องก็คิดว่าน้องเนื้ออ่อนคงยังไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหนดี เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะครับ ที่บ้านของพี่ต้องมีห้องหับว่างๆ อยู่หลายห้อง ถ้าน้องเนื้ออ่อนไม่รังเกียจ...‘
‘อย่าเลยเจ้าค่ะ เนื้ออ่อนเกรงใจ‘ รีบตอบสวนกลับไปอย่างนั้นเพราะรู้ทันแล้วว่าชายผู้นี้กำลังคิดอะไร แค่เพียงถ้าปล่อยให้ได้มีการเปล่งเสียงเป็นคำพูดออกมาจนเสร็จสิ้นเต็มประโยค มันก็บัดสีเกินที่เนื้ออ่อนจะทนรับฟังได้ไหว ความมืดยามราตรีช่วยปกปิดแววตากระด้างอย่างขัดใจของผู้ยื่นข้อเสนอเอาไว้ได้
‘ช่วยหลีกทางด้วยเจ้าค่ะ เนื้ออ่อนต้องไปแล้ว‘

‘อย่าให้มันมากความนักเลยน่าน้องสาว!! ‘
“ว้าย!” เมื่อความโฉดชั่วที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากผู้ดีนั้นแสดงออกมาก็สายเกินที่หญิงสาวตัวเล็กๆ จะคิดแก้สถานการณ์ได้ทัน ‘ไอ้ต้อง’ รวบร่างอ่อนระทวยเพราะฤทธิ์กำปั้นของมันขึ้นพาดบ่า ลัดเลาะทุ่งหญ้ามุ่งหน้าสู่เรือนของมัน รวบรัดตัดตอนแบบนี้จะได้ไม่ต้องเสียเวลาสร้างภาพของผู้ชายที่แสนดี ไม่ว่าจดหมายนั่นจะถึงหรือไม่ถึงมือ อย่างไรเสียคนเป็นถึงลูกสาวท่านเจ้าคุณเฟื่องคงไม่กล้าประจานตัวเองต่อสังคมเป็นแน่



‘อย่านะ! ‘

คนที่เพิ่งฟื้นคืนสติต้องรีบผลักไสร่างกำยำที่กำลังโถมกายเข้าประชิด กระเสือกกระสนถอยห่างจนแผ่นหลังชนหัวเตียง นี่ไม่ใช่ห้องนอนของเนื้ออ่อน นี่มันที่ไหนกัน และเมื่อสติสัมปชัญญะกลับมาครบสมบูรณ์หญิงสาวผู้อ่อนโลกก็ใจหล่นวูบ...เนื้ออ่อนถูกฉุดมา... ใบหน้าเคร่งเครียดด้วยความห่วงใยของเจ้าคุณพ่อและทุกคนในบ้านลอยเข้ามาในสามัญสำนึก นี่เนื้ออ่อนทำอะไรลงไป

‘อย่าทำเป็นเล่นตัวไปหน่อยเลยน่า พี่ต้องจะทำให้น้องเนื้ออ่อนลืมไอ้หนุ่มนั่นไปเลย‘ ร่างกำยำของคนที่เรียกตัวเองว่า ‘พี่ต้อง’ เคลื่อนเข้าหา สีหน้าและแววตาต่างจากที่เคยเห็นอย่างสิ้นเชิง นี่คือความถ่อยที่ซ่อนอยู่ใต้คราบของผู้ดีอย่างนั้นหรือ โธ่เอ๋ยเนื้ออ่อน

‘พี่ต้องพูดอะไร เนื้ออ่อนไม่เห็นเข้าใจ‘ ยันกายลุกขึ้นและผลุนผลันลงจากเตียงอย่างตื่นตระหนก รู้สึกโล่งใจได้ไม่ทันข้ามคืนที่ออกจากการคุมขังของเจ้าคุณพ่อได้สำเร็จ ก็ต้องมาพบกับเหตุการณ์แบบนี้ มันเลวร้ายและกระชั้นจนเกินกว่าหญิงสาวตัวเล็กๆ อ่อนต่อโลกจะทันตั้งตัว

‘ก็ไอ้หนุ่มคนนั้นไงเล่า ที่พี่เคยเห็นมันไปเดินตลาดกับเนื้ออ่อน กระหนุงกระหนิงกันซะขนาดนั้นอย่าบอกนะว่ายังไม่เคยมีอะไรกัน‘

‘คิดอะไรอุบาทว์ที่สุด พี่กล้าเป็นเหมือนพี่ชายแท้ๆ ของเนื้ออ่อนนะ‘
‘อ้าว นี่ยังไม่มีอะไรกันหรอกรึ? หึหึหึ‘

เจ้าคนใจบาปหยาบช้าสลัดคราบของชายหนุ่มลูกผู้ดีอย่างพี่ต้องทิ้งไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งคำพูด กริยาท่าทางและการกระทำ มันใช้แขนกำยำถอดเสื้อของตัวเองออกทางศีรษะ สายตาหื่นกระหายจับจ้องที่ร่างบาง แสยะยิ้มมุมปากอย่างสาแก่ใจ สองปีที่เฝ้าหาโอกาสอย่างเงียบๆ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง คอยดูเถอะคืนนี้กูจะเชยชมให้สมอยาก

‘อย่านะ! ‘ หญิงสาวถอยกรูดด้วยอารามสับสนและตกใจ ลุกขึ้นมาจากที่นอนได้แต่ก็หนีไม่พ้นเงื้อมแขนแข็งแรงของคนถ่อย มันรวบข้อมือบอบบางขึงพืดชิดข้างฝา แนบลำตัวเข้าประชิด ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้หวังสูดความหอมจากสองแก้มปลั่งที่ได้แต่เบือนหนีอย่างตื่นกลัวและขยะแขยง

‘ไอ้หนุ่มนั่นมันโง่จริงๆ ที่ปล่อยน้องเนื้ออ่อนให้ลอยนวลอยู่ได้‘
‘บ้า! คิดชั่วๆ พี่น้องที่ไหนเขาจะทำอย่างนั้นกัน อย่าคิดว่าคนอื่นเขาจะเป็นเหมือนตัวเองสิ‘
‘หึหึหึ พี่น้องงั้นรึ ผู้ชายด้วยกัน แค่มองตาก็รู้แล้วว่าไอ้หมอนั่นน่ะ มันคงอยากจะเคลมน้องเนื้ออ่อนเสียจนตัวสั่น‘
‘ไม่จริง พี่กล้าไม่มีทางคิดอย่างนั้นกับเนื้ออ่อน‘
‘อ๋อ งั้นรึ เคยถามมันแล้ว...งั้นรึ? ‘

‘...‘


มันก้มหน้าชั่วๆ ลงมามองใกล้ แววตาแสดงความมั่นอกมั่นใจว่าสิ่งที่มันคิดนั้นจริงแท้แน่นอน ดวงหน้างามเบือนไปทางอื่นอย่างไม่อยากต่อปากต่อคำ แต่ก็อดจะหวั่นไหวตามคำพูดของมันไม่ได้ พี่กล้าน่ารักและแสนดีกับเนื้ออ่อนเสมอ เฝ้าดูแลเอาใจใส่ไม่ให้เนื้ออ่อนต้องลำบาก ทุกสิ่งทุกอย่างและทุกเวลาหากเนื้ออ่อนต้องการ แค่เพียงนึกถึงพี่กล้าก็แทบจะยืนข้างกายโดยไม่ต้องเอ่ยปากแม้สักคำ และเมื่อนึกย้อนหลังก็มีบ่อยครั้งที่เนื้ออ่อนสังเกตเห็นท่าทีแปลกๆ ของพี่กล้า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง....

‘เงียบ หรือว่า...น้องเนื้ออ่อน ก็แอบชอบไอ้หนุ่มนั่น‘

‘บ้า!! ปล่อยเนื้ออ่อนเดี๋ยวนี้นะ‘ พยายามบิดข้อมือให้หลุดพ้นจากพันธนาการ แต่ก็ไม่อาจสู้แรงมือใหญ่กำยำของมันได้ ทำยังไงดีล่ะเนื้ออ่อน
‘แต่ไม่ว่าจะยังไง ไอ้หนุ่มนั่นก็หมดโอกาสแล้วละ เพราะวันนี้น้องเนื้ออ่อนต้องเป็นของพี่แล้ว‘
‘พี่ต้องจ๋า ปล่อยเนื้ออ่อนไปเถอะนะ อย่าทำเนื้ออ่อนเลย‘ เมื่อมองไม่เห็นทางสิ่งเดียวสุดท้ายที่ทำได้คือ ร้องไห้และขอร้องกับมันดีๆ เคยได้ยินมาว่าผู้ชายร้อยทั้งร้อยย่อมพ่ายแพ้แก่น้ำตาอิสตรี แต่...
‘ปล่อยงั้นรึ? ปล่อยก็โง่น่ะสิ รู้ไหมว่าพี่ต้องเฝ้ารอวันนี้มาตั้งสองปีเต็ม แล้วพอวันนี้มาถึง จะมาบอกให้พี่ปล่อยน้องไปเถอะ ไม่ใจร้ายกับพี่ไปหน่อยเหรอจ๊ะน้องเนื้ออ่อนคนสวย‘
‘เนื้ออ่อนขอร้องล่ะ ปล่อยเนื้ออ่อนเถอะนะ เนื้ออ่อนอยากกลับบ้าน‘ แสงตะเกียงพาทุกอย่างเป็นเงาวูบไหว เหตุการณ์ภายในห้องยิ่งทำให้จิตใจบอบบางต้องหวาดหวั่นยิ่งขึ้น
‘กลับไปหาไอ้หนุ่มนั่นน่ะรึ‘
‘เนื้ออ่อนจะกลับไปหาเจ้าคุณพ่อ‘ ร้องไห้คร่ำครวญร้องขอแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเจ้าคนชั่วจะยอมใจอ่อน


‘เจ้าคุณพ่อ...หึหึหึ วันนี้ไอ้ต้องจะเป็นลูกเขยท่านเจ้าคุณเฟื่องแล้ว‘

‘พี่กล้า ช่วยเนื้ออ่อนด้วย‘



ไอรายา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 พ.ค. 2554, 08:10:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 พ.ค. 2554, 08:10:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 1901





<< ตอนที่ 16 เสียงเรียกร้องของหัวใจ   ตอนที่ 18 ศรัทธาธิษฐาน >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account