บ่วงพราย
ขนมงจีนถูกส่งไปที่คฤหาสน์สีขาว ที่นั่นเป็นบ้านของคุณหลวง ทว่า...เธอได้พบกับวิญญานชายหนุ่ม ที่แม้แต่ที่อยู่และสถานที่ที่ตัวเองตาย ก็ยังไม่รูั้เลย แล้วเธอจะทำอะไรดีเนี่ย
Tags: รักหวานแหวว หวานซึ้ง พล็อดสนุก สนุกสนาน

ตอน: กำไลแกะสลัก

บทที่ 17
กำไลแกะสลัก

เมื่อรินดาเอาถุงน้ำร้อนมาให้ เธอมองลอดช่องหน้าต่างเห็นภาพเขาและเธอก็ต้องชะงักกึก

ภาพเขากอดเธอไว้ในอ้อมแขน ทำให้เธอหน้าชาและเจ็บร้าวเกินกว่าจะเอ่ยคำใด แต่นั่น..ก็ทำให้เธอถอยกลับออกไปในฐานะผู้แพ้

เธอน้ำตาไหลลงอาบแก้มใส

พี่นราเดินแล้ววิ่งออกมาเพื่อมาดูขนมจีนด้วยความเป็นห่วง แต่เขาก็มาเห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาของรินดา เขาจึงถามด้วยความเป็นห่วงว่า

“คุณเป็นอะไร”

“เปล่าค่ะ แต่ผงเข้าตาเท่านั้น” เธอยิ้ม

“แค่ผงหรือ”

“ค่ะ แล้วคุณจะไปไหนคะ”

“ผมจะเข้าไปเยี่ยมขนมจีน ว่าแต่อาการเขาเป็นยังไงบ้าง” พี่นรามองไปยังห้องนอนของขนมจีนทำท่าจะเข้าไปถามแต่ถูกรินดาจับแขนเอาไว้ก่อน

“อย่าเพิ่งไปเลยค่ะ”

“ทำไมหรือ”

“ปล่อยให้เขาได้อยู่กันสองคนเถอะ” เธอกระซิบแผ่ว คำพูดประโยคนั้นทำเอาพี่นราขมวดคิ้ว

“คุณรู้อยู่แล้วเหรอ”

“ค่ะ รู้มานานแล้วด้วย แต่ฉัน...” เธอเอ่ย “ฉันไม่ยอมรับความจริงเท่านั้นเอง”

“คุณรินดา”

“ไปช่วยฉันทำข้าวต้มที่ห้องครัวเถอะค่ะ เดี๋ยวพอขนมจีนฟื้นขึ้นมาจะได้กินกัน”

“ครับ” ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ “ไปกันเถอะ”


....ขนมจีนฝันว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางความมืดใต้แสงจันทร์ ฝันเห็นเรือนคุณชบาที่กำลังป่วยหนักเธอเป็นอาการหน้าซีดผิวขาว นอนครางผะแผ่วอยู่ในความมืดโดยมีคุณหลวงคอยจับมือไว้คอยปลอบประโลมไม่ให้เป็นห่วง อาการของเธอไม่มียารักษาให้หาย ได้แต่นอนลมหายใจระริน

“คุณท่าน...ฉันไม่ไหวแล้วล่ะ”

“อย่าพูดอย่างนั้นแม่ชบา ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ”

“กำไลงาช้างนี่ เอาคืนไปเถอะค่ะ...เอาไปให้คุณแสง เธอเหมาะที่สุดแล้ว”

“ทำไมล่ะ เธอไม่อยากอยู่กับฉันแล้วงั้นหรือ”

“ฉัน...” เธอน้ำตาเอ่อล้น “ฉันเสียลูกไปคน ฉันก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้ว

“แม่ชบา”

แสงแอบดูที่ราวหน้าต่าง เธอยิ้มเยาะ

คราวนี้แหละ เธอจะได้เป็นผู้ครอบครองกำไลงาช้างนั่นเสียที

“ไปเรียกแม่แสงมาซิ เร็วเข้า”

“เจ้าค่ะ”

แสงถูกเรียกเข้ามาในห้องของแม่ชบา เธอย่อตัวลงต่ำหน้าตาแสร้งร้องไห้จนตัวโยน

“ฉันมาแล้วค่ะ คุณท่าน...”

“ร้องไห้ทำไม ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”

“ก็ฉัน...กำลังจะเสียคุณชบาไปเรื่องนี้เป็นเพราะเรือนผสมยาราชาวดีป่าให้คุณกินแท้ ๆ ถ้าฉันสืบรู้เร็วกว่านี้คุณชบาก็คง..” เธอกล้ำกลืนฝืนทน

“เหลวไหล คุณชบายังไม่ได้ตายเสียหน่อย”

“แสง..” คุณชบาเรียก

“คะ คุณชบา”

“กำไลงาช้างนี่ ฉันขอยกให้แสง...และแม่แสงช่วยปฏิบัติหน้าที่คอยดูแลคนในบ้านด้วยนะ”

“แต่ว่า แสงไม่กล้าหรอกค่ะ”

“เอาเถอะ ฉันให้”

คุณท่านถอนหายใจยาว เพราะถ้าไม่มีชบาแล้วก็ไม่มีใครเหมาะสมที่จะได้รับอภิสิทธ์อีก

“ขอบคุณค่ะ แสงจะไม่ลืมพระคุณเลย”

หลังจากวันนั้นเพียงสามวันอาการของชบาก็ทรุดหนักและจากไปในที่สุด แสงแอบยิ้มเยาะเพราะรู้ดีว่าเธอตายไปเสียได้เพราะเธอผสมยาพิษให้กินยาที่เธอใช้ต้มเป็นช้องรำพัน เป็นไม้พุ่มสูงไม่ผลัดใบ ใบเดี่ยวรูปรีแกมหอกแผ่นใบหนา ติดตรงข้ามเป็นคู่ ดอกสีเหลืองอ่อน ผลขอบมันฆ่าคนได้เป็นกับผักและปลา งานพิธีศพจัดอย่างยิ่งใหญ่และเธอก็ได้ยกตำแหน่งเป็นเมียเอกสมใจ

แต่ว่าคนลากรถที่เป็นผัวเธอกลับไม่ชอบใจนัก

เพราะเขาจะแอบพบเธอก็ต้องลักลอบเป็นชู้กัน ตำแหน่งเมียเอกเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเธอคนเดียว

ขณะที่แสงเดินเล่นอยู่ในสวน เธอสวมชุดผ้าลูกไม้ใส่ผ้าถุงเดินเล่นอยู่แถวนั้น นายเพียรที่ซุ่มดูอยู่ใกล้ ๆ ก็ออกมากอดรัดเธอเอาไว้ แสงสะบัดตัวด้วยความรังเกียจ

“จะทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ”

“พี่คิดถึงแสงใจจะขาดแล้ว”

“นี่ปล่อยนะ อย่ามาทำเป็นเล่นนะ ถอยไป”

เธอผลักเพียรออกไปจนเกือบล้ม เขาทำหน้านิ่วคิ้วขมวด

“เป็นอะไรไปแสง พี่กอดแค่นี้ทำเป็นหวงตัวด้วยเหรอ”

“เดี๋ยวใครเขามาเห็น เราจะได้ซวยทั้งคู่” เธอแหวเสียงดัง “เดี๋ยวนี้ฉันเป็นคุณนายเอกแล้ว ดูฉันสิฉันสวมเสื้อลูกไม้ผ้าถุงไหมสีทอง แล้วจะมายุ่งกับแกทำไม”

“คุณแสง นี่กล้าทำแบบนี้แล้วเหรอ”

“ใช่ หรือถ้าแกไม่พอใจอะไร ก็เชิญออกไปได้”

“อ๋อ เดี๋ยวนี้พอได้ยกระดับเป็นเมียเอก ก็ทิ้งผัวเก่าเลยเหรอ” นายเพียรเดินเข้ามากอดมาหอมแก้ม “ทีไอ้คนขายผ้าจากต่างแดนนั่น ฉันเห็นเธอฉอเลาะกับมัน คิดว่าคุณหลวงจะไม่รู้เหรอ”

“เออ เขาก็ยังดีกว่าแกแหละ”

“มานี่มา มาขอหอมให้ชื่นใจหน่อยเถอะ”

“ปล่อยนะ ใครก็ได้ช่วยด้วย”

“อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลย”

“ไอ้บ้า ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที”

“เฮ้ย หมอนั่นมันนายเพียรนี่นา หยุดนะ”

“จะทำอะไรนะ นี่มันเรื่องของผัวเมียนะ” เขาร้องขณะถูกฉุดกระชากลากถูกออกไปโดยลูกน้องของนายเหนือหัวสี่ห้าคน แสงยิ้มเยาะคนอย่างมันนะเหรอจะสะเออะเป็นผัวฉัน

“ใครเป็นเมียแก อย่าสะเออะให้มากนักเลย”

“นังแสง แก..”

“ลากมันออกไปโบยด้วยไม้สักยี่สิบที เอาให้มันอย่ากลับมาสะเออะต่อหน้าฉันอีก” แสงยิ้มเยาะ อย่างมันน่ะเหรอเป็นแค่คนขับรถจะมาเปรียบกับคุณหลวงได้ยังไง

“นังแสง แกมันชั่วช้า”

ผัวะ

“อั่ก” นายเพียรโดนโบยยี่สิบไม้ เนื้อตัวแตกยับเต็มไปด้วยเลือดจนสลบไป คุณหลวงนั่งดูมันก่อนเดินมาหาแล้วกระชากจิกหัวผมให้ลุกขึ้นเอาน้ำเทใส่

“นายเพียร กล้าดียังไงถึงได้มากอดเมียฉัน”

“คุณหลวง....หึ...ก็มันเป็นเมียฉันนี่ ถึงตายมันก็เป็นเมียฉันอยู่ดี” นายเพียรหัวเราะ คุณหลวงเลือดขึ้นหน้า

“ไอ้ระยำ”

“ว่าผมว่าไอ้ระยำงั้นหรือ โน่นไปหานังแสงโน่น ป่านนี้คงคลอเคลียกับไอ้คนขายผ้าโน่นแล้ว” นายเพียรหัวเราะ “คุณหลวงน่ะโง่จึงถูกนางตัวดีนั่นหลอกใช้”

“อะไรนะ”

“ผมนี่แหละเป็นคนฆ่าเรือน แล้วนังนั่นก็ใส่ยาพิษให้คุณชบากินจนขาดใจตาย ฮ่าๆๆ” นายเพียรหัวเราะจึงถูกโบยด้วยไม้จนอาการตกเลือกขาดใจตายทั้ง ๆ ที่ตายังเหลือกค้าง คุณหลวงโกรธจนหน้ามืดใช้ให้คนไปตามแสงว่าอยู่ที่ไหน เขาเดินออกตามหาแสงที่อยู่เรือนกับพ่อค้าขายผ้า

“ไปเรียกนังแสงมา ไปเร็ว”

“ขอรับ”


....ที่เรือนใหญ่คุณแสงนั่งเบียดพ่อค้าขายผ้า เขาเอาผ้าไหมงดงามลวดลายงดงามมาให้เธอลองใส่ดู แสงเงยหน้ามองพ่อค้ารูปงามแถมยังหนุ่มล่ำสัน พ่อค้าก็โอบกอดไหล่เธอเอาไว้ ภายในเรือนใหญ่ไม่มีใครอยู่ทุกคนต่างรู้หน้าที่ออกไปกันจนหมด เหลือเพียงคุณแสงกับพ่อค้าเธอลูบไล้ต้นแขนเขาด้วยความเสน่ห์หา

“ผ้าทั้งหมดนี่ พี่ให้คุณแสงหมดเลย”

“จะดีเหรอจ๊ะ พี่เอาไว้ขายไม่ใช่เหรอ” เธอจีบปากจีบคอพูด

“ดีสิจ๊ะ คราวหน้าพี่เอามาขายอีกคุณหลวงจะได้ซื้อผ้าทั้งหมดนี่ให้คุณแสงคนเดียว ดีหรือเปล่า” พ่อค้าเจ้าเล่ห์พลางเอ่ยยิ้ม

“พี่ละก็ เงินมันก็มากอยู่คุณหลวงจะซื้อให้ฉันเหรอ”

“ถ้าไม่ซื้อ พี่จะให้คุณแสงเอาไว้ห่มแก้หนาวเผื่อว่าไม่มีอะไรใส่” เขาเอ่ยอย่างกรุ้มกริ่ม

“พี่นี่ล่ะก็” เธอตีผัวะที่แขนเขา

ประตูเปิดผางออก เต็มไปด้วยคนอีกมากมายและคนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกคือคุณหลวง

“คุณหลวง” หน้าตาเธอซีดเผือดรีบถอยห่างออกมาจากพ่อค้า

“ฉันนึกแล้ว ว่าแกมันเลี้ยงไม่เชื่อง...” เขาคำรามต่ำ “นายเพียรฉันก็ให้อภัยแล้ว แต่นี่ดันมาทำบัดสีบัดเถลิงอยู่กับพ่อค้าขายผ้าอีก แกมันเลวนัก”

“เปล่านะคะ ฉันแค่เอาผ้ามาดู แต่พ่อค้าลวนลามฉัน”

“อ้าว คุณแสงมาพูดแบบนี้ได้ยังไง เมื่อคืนเราเพิ่งจะ...”

“หุบปากนะ” เธอตวาดแหว หมอนควานเข้าไปกอดเท้าคุณหลวง

คุณหลวงหรี่ตามองเธออย่างคลั่งแค้น

“คุณหลวง ได้โปรดเมตตาเถอะ เชื่อฉันสักครั้งตั้งแต่คุณชบาตายไป ฉันก็ไม่เคยนอกใจคุณเลยนะคะ” เธอบีบน้ำตาให้น่าสงสาร

“งั้นเหรอ นายเพียรบอกกับฉันว่าแกเป็นคนสั่งให้มันฆ่านังเรือน ใช่หรือเปล่า”

เพียรหน้าซีดเผือด

“ไม่ใช่ค่ะ นังเรือนมันตายเอง ฉันไม่ได้ทำ”

“อ๋อ งั้นเรอะ แล้วแกก็ยังเอายาพิษใส่ให้คุณชบาจนตายตกตามกัน แกมันชั่วช้าที่สุด เอากำไลมาคนอย่างแกไม่มีค่าสวมมันหรอก”

“ไม่นะ อย่าเอาไป”

“เอาตัวมันไปขังไว้ในห้องมืด แล้วให้มันอดข้าวอดน้ำจนกว่ามันจะตาย” เขาตวาดกร้าว

“ไม่-ม-ม”

“ไม่นะ...ไม่” ขนมจีนกระซิบแผ่ว

“ขนมจีน คุณเป็นยังไงบ้าง”

“ไม่นะ” เธอกรีดร้องเสียงดังจนธีร์ต้องเขย่าตัวโดยแรง

“ขนมธีร์ คุณได้ยินเสียงผมหรือเปล่า”

ขนมจีนลืมตาโตหน้าซีดเผือด

“ฉัน...ฝันอีกแล้ว” เธอกระซิบแผ่ว

“ฝัน คุณฝันหรือ”

“ฉันเห็นคุณแสง...ถูกลงโทษให้ขาดน้ำขาดอาหารจนตาย แล้วคุณหลวงก็เอากำไลงาช้างคืนไป เพราะอย่างนี้เขาถึง...” เธอกลืนน้ำลายลงคอ

“ผมงงไปหมดแล้ว มันเกิดอะไรขึ้น”

“เธอถึงตามมาเอากำไลนี้คืน”

“เรืองมันเป็นยังไง เล่าให้ผมฟังซิ”

เธอจึงเล่าย้อนความไปถึงคุณแสงที่วางยาคุณชบาแล้วเป็นใหญ่ในบ้าน แต่ด้วยความที่มากราคะจึงทำให้เธอมากรักไปด้วยทั้งคนขายผ้า จนคุณหลวงจับได้เขาจึงลงโทษเธอโดยการจับขังไว้ใต้ดินบังคับให้อาหารอดน้ำจนกระทั่งตาย เธอเล่าไปน้ำตาไหลอาบแก้มใส

“ฉัน...ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ฝันแบบนี้”

“คงเพราะคุณหลวงท่านอยากให้คุณฝันแบบนี้ก็เป็นได้”

“เพราะอะไรคะ”

“กำไลนี่อยู่กับคุณ และคุณก็เป็นคุณชบากลับชาติมาเกิด ยังมีอะไรอีกล่ะ”

“นั่นสินะ แล้วทำไมฉันต้องเป็นผู้สวมกำไลนี้ด้วย ทำไมถึงไม่ให้คุณแสงไปล่ะ”

“เพราะคุณแสงไม่ควรได้รับมันน่ะสิ เป็นคุณที่เหมาะสมแล้ว”

ขนมจีนมองหน้าเขา เป็นเพราะเธอหรือที่คู่ควรกับกำไล

และเป็นเธอที่ถูกคุณแสงอาฆาตมาดร้าย ให้ตายตกตามกัน

“ฉันกลัว....” เธอกลืนก้อนแข็ง ๆ ในลำคอ “กลัวว่าถ้ากลับไปแล้ว วิญญาณคุณแสงจะเคียดแค้นฉันที่แย่งกำไลเขามา”

“ไม่ต้องกลัวหรอก เพราะผมจะอยู่ใกล้ ๆ คุณเอง”

“คุณไม่กลัวเหรอ”

“ผมไม่กลัว ถ้าหากว่าผมปกป้องคุณได้” เขายิ้มบาง ๆ พลางถือมือหลังจูบที่มือเธอเบา ๆ “ผมสาบานว่าจะคุ้มครองคุณให้ได้”

“ธีร์...” เธอกระซิบแผ่ว

“แล้วคุณล่ะ อาการดีขึ้นหรือเปล่า รู้ไหมผมตกใจหมดเลยตอนที่คุณหมดสติไป”

“จริงสิ ขาฉันถูกสาหร่ายพันเอาไว้ไม่ใช่เหรอ”

“ใช่”

“แล้วใครเป็นคนช่วยฉันขึ้นมา พี่นราหรือ”

“แล้วคิดว่าใครล่ะ” เขายิ้มบาง ๆ

“คุณเหรอ”

“ใช่ แล้วก็จะบอกว่าริมฝีปากของคุณมันเย็นมาก ๆ เลย” เขาทำหน้าทะเล้น ทำเอาขนมจีนหน้าแดง
ก่ำ
“บ้า นี่คุณ...” ขนมจีนหน้าแดงก่ำนึกถึงจูบเมื่อคืน “แล้วคุณรินดา...”

“คุณรินดาก็ส่วนคุณรินดา ผมไม่สนใจใครอีกแล้วนอกจากคุณ”

“แต่วา...ฉัน”

“ไม่ต้องพูดแล้ว ผมรักคุณมากที่สุดเข้าใจหรือเปล่า” เขากอดขนมจีนไว้ในอ้อมแขน เธอหลับตาลงน้ำตาเอ่อล้นลงแก้มใส มือโอบกอดร่างเขาแน่น

เธอรักเขา...และเขาก็รักเธอ

“เอาเถอะ นอนอีกสักพักแล้วเราค่อยทานข้าวต้มกัน” เขาจับเธอกดลงกับที่นอน

ขนมจีนถอนหายใจยาวไม่ต้องบอกว่ารู้ว่าคนที่กล้าจูบเธอ

...มีแต่เขาแต่คนเดียว

********




เบลินญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 เม.ย. 2556, 18:00:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 เม.ย. 2556, 18:00:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 2113





<< บทที่ 16 รอยจูบ   บทที่ 18 ครอบครัวล้มเหลว >>
เบลินญา 3 เม.ย. 2556, 18:10:34 น.
ตอบเม้นท์ค่ะ

คุณ จิรารัตน์ >>> นั่นสิคะ ยุ่งจริง ๆ
kaelek >> คุณรินดาาาา
zephyr >> ใช่ค่ะ เรื่องนี้ยังไม่ได้รีไรท์ก่อนส่งค่ะ


จิรารัตน์ 4 เม.ย. 2556, 14:36:48 น.
อ้าว.....คุณชบามาเกิดแต่คุณหลวงไม่ได้ไหน


Zephyr 6 เม.ย. 2556, 09:35:25 น.
ชักมึน กะยายแสงนี่จริงๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account