เล่ห์รักพรหมลิขิต
พรหมลิขิตกำหนดความรัก แต่ความรักของเขาต้องใช้เล่ห์เข้ามาช่วย เพื่อครอบครอบหัวใจเธอ
Tags: พรหมลิขิต

ตอน: ตอนที่ 3 เกิดเหตุ

เสียงเครื่องยนต์ของรถกระบะที่ดังมาแต่ไกล ทำให้วันวิสาข์และแม่บ้านชาวเหนือที่กำลังตัดปลายก้านของดอกทิวลิปให้รวมกันเป็นช่อหันไปมอง เพราะมีรถไม่คุ้นตากำลังตรงเข้ามาที่บ้านหลังใหญ่แห่งนี้
“ใครมานะ? ตอนนี้คุณพ่อไม่อยู่ด้วยสิ” วันวิสาข์พูดกับแม่บ้าน
“นั่นมันจักรยานคุณหนูรินทร์ใช่ก่อเจ้า” วันวิสาข์จึงลุกขึ้นไปที่ลานจอดรถ เป็นจังหวะเดียวกับรถกระบะได้ถึงที่หน้าบ้านพอดี วารินทร์จึงเปิดประตูออกมา
“ขอบคุณพี่เสือมากนะคะที่มาส่ง” วารินทร์ยกมือไหว้
“ไม่เป็นไรจ๊ะ น้องรินทร์เข้าบ้านเถอะ เดี๋ยวจะเป็นหวัด”
“รินทร์! เอ๊ะ!...นั่นพี่เสือหรือเปล่าคะ?” วันวิสาข์แปลกใจที่เห็นทั้งคู่มาด้วยกัน
“สวัสดีครับน้องสาข์” เสือทัก
“สวัสดีค่ะ” วินวิสาข์ยกมือไหว้ เสือยกมือรับไหว้ “มาด้วยกันได้ยังไงคะ? แล้วทำไมเปียกด้วยกันทั้งคู่?”
“น้องรินทร์กระโดดลงน้ำไปช่วยเด็กน่ะครับ แต่ไม่ยอมขึ้นมาสักที ผมก็เลยต้องลงไปช่วย แต่ดันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันน่ะครับ”
“เข้าใจผิด?” วันวิสาข์งง วารินทร์เลยกระซิบ
“หนูดันใส่เสื้อสีขาวลงไปน่ะสิคะ พอเปียกน้ำก็....หนูเลยไม่กล้าขึ้น คนอยู่เยอะเลย”
“ตายจริง! แล้วขึ้นมาได้ยังไง?” วันวิสาข์จึงหันไปกระซิบกับน้องด้วยความกังวล “แล้วพี่เสือไม่เห็นหมดเหรอ”
“นี่ไงคะ” วารินทร์ให้ดูผ้าขนหนูที่หุ้มไหล่อยู่ “พี่เสือให้คนของเขายื่นมาให้ค่ะ” วันวิสาข์ถึงกับโล่งใจ
“สาข์ขอบคุณพี่เสือด้วยนะคะ ที่ช่วยยัยรินทร์ และพามาส่งถึงที่”
“ไม่เป็นไรครับ งั้นพี่กลับก่อนนะ”
“สวัสดีค่ะ” วันวิสาข์และวารินทร์ยกมือไหว้ เสือยิ้มรับและจึงขับรถออกไป
“ดีนะที่วันนี้คุณพ่อไม่อยู่ ไม่งั้นล่ะก็ บ้านแตกแน่” วันวิสาข์หันมาคุยกับน้อง
“ทำไมคะ? คุณพ่อไม่ชอบพี่เสือเหรอ?”
“ไม่ใช่ไม่ชอบแค่พี่เสือนะ แต่ไม่ชอบคนที่ไร่แสงตะวันทั้งหมดเลยต่างหาก ชาวบ้านที่นี่ลือกันให้ทั่ว ว่าคนที่ไร่แสงตะวันมักจะได้ที่ดินสวยๆ ก่อนคุณพ่อเสมอ ชาวบ้านชอบคนของไร่ทางนู้นมากกว่า เขาบอกว่าทางไร่แสงตะวันมีน้ำใจ หวังพึ่งได้ แต่ทางเราจะต้องมีผลประโยชน์มาแลกเปลี่ยน ไม่งั้นคงไม่ได้ที่ดินจำนวนมากพวกนี้ เพราะเรื่องนี้นั่นแหละ..เมื่อคุณพ่อรู้เข้า ท่านเลยพาลโกรธ ไม่พอใจคนของไร่แสงตะวันไปหมดทุกคน”
“แค่ข่าวลือนี่นะ”
“อืม..ก็เพราะข่าวลือนี่แหละ มันก็เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนที่จะมาทำงานกับเรา ขายที่ให้เรา ไม่งั้นเค้าจะเรียกว่า Word Of Mouth เหรอจ๊ะ”
“อ้าว! แล้วยิ่งมีเรื่องที่ดินแถวห้วยไคร้อีกละพี่สาข์”
“ไม่รู้สิ พี่ว่าอาจจะเป็นหนักกว่าเดิมมั้ง” เมื่อฟังพี่สาวเล่าจบ วารินทร์ได้แต่หนักใจ เพราะข่าวลือทำให้บิดามีอคติ และเหมือนจะมีกำแพงในใจกับทางไร่แสงตะวัน วารินทร์เชื่อว่าในไม่ช้าความยุ่งยากก็อาจจะต้องตามมา

ในช่วงสายของวัน วารินทร์และวันวิสาข์ได้เดินมาเลือกซื้อของที่ตลาดเพื่อจะนำกลับไปให้แม่บ้านทำอาหารมื้อเย็นให้กับคนงานที่ไร่ โดยมีคนขับรถมาส่งที่ตลาดในตัวเมืองเชียงราย
“เดี๋ยวลุงมั่นรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ สาข์จะไปซื้อของใช้กับน้องก่อน แล้วค่อยไปซื้อของสดให้แม่บ้านด้วยกัน” วันวิสาข์บอกคนขับรถ
“ของเยอะไหมครับคุณหนู ให้ผมไปช่วยถือไหม?”
“ไม่เยอะหรอกจ๊ะ เดี๋ยวมานะ อีกสิบห้านาที”
“ครับ”
วารินทร์และวันวิสาข์เดินเข้าไปที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ตลาด พลางดูรายการที่จดในกระดาษด้วยกัน
“ซื้อสบู่สิบโหล แป้งยี่สิบกระป๋อง ยาสีฟัน...”วารินทร์พูดทวน
“สาข์! นั่นสาข์ใช่ไหม” เสียงผู้ชายคนหนึ่งเรียกวันวิสาข์ ทั้งคู่จึงหันมา
“พี่อรรค!” วันวิสาข์ตกใจ และรีบคว้ามือวารินทร์เดินหนีทันที
“สาข์! เดี๋ยว!”
ทั้งคู่รีบเดินแกมวิ่ง แต่ช้าไปกว่าชายคนที่ชื่ออรรค เขามายืนขวางตรงข้างหน้านี่แล้ว
“สาข์! สาข์จะหนีพี่ทำไม? พี่โทรหาก็ไม่รับ พี่ติดต่อสาข์ไม่ได้เลย”
“พี่จะตามสาข์อีกทำไม?”
“เราต้องคุยกันนะสาข์ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด”
“พอเถอะพี่อรรค! เรื่องของเรามันจบลงแล้ว!”
“จบงั้นเหรอ? สาข์ทำกับพี่ยังนี้ได้ไง สาข์มีคนอื่นเหรอ?.ใช่ไหม? ใช่ไหมสาข์?”
“ว้าย” วันวิสาข์ร้องเมื่อโดนกระชากแขน วารินทร์ตกใจ
“ไปกับพี่เดี๋ยวนี้เลย ไปคุยกันให้รู้เรื่อง!”
“นี่! ปล่อยนะ! ปล่อยพี่สาข์นะ!” วารินทร์เข้ามาช่วยพี่สาวแกะมือ แต่ผู้ชายคนนี้กลับเบี่ยงตัวบังไว้
ความชุลมุนเกิดขึ้น เมื่อวารินทร์พยายามจะแกะมือผู้ชายชื่ออรรค ไม่ว่าจะทั้งผลัก ทั้งตี แต่ผู้ชายคนนี้ก็ไม่สะเทือนเลยแม้แต่น้อย แถมยังพยายามลากพี่สาวเธอที่ส่งเสียงหวีดร้องด้วยความตกใจโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ท่ามกลางความตกตะลึงของชาวบ้านที่อยู่แถวตลาดบริเวณนั้น จนหันมามองทั้งสามคนเป็นตาเดียวกัน
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วยค่ะ!” วันวิสาข์ร้อง ชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นพยายามจะเข้ามาช่วย พอเห็นว่าคนที่อรรคเป็นใคร ต่างก็ไม่กล้าที่จะเข้ามา
“อย่าเข้ามานะโว้ย!” ผู้ชายคนนี้ข่มขู่คนที่จะเข้ามาช่วย แต่ไม่ทันระวังก็มีพลเมืองดีมาช่วย
“ผลั๊ก!!” เสียงถีบที่หลังเต็มแรง ทำให้คนที่ชื่ออรรคหน้าคะมำล้มลงไปข้างหน้า
“โครม!!”
“โอ๊ย!!” ร่างสูงล้มลงไปกองที่พื้นด้วยความเจ็บปวด ท่ามกลางเสียงวี๊ดว้ายของผู้หญิงที่อยู่ในเหตุการณ์
“พี่เสือ!!” เสียงวารินทร์ร้อง เมื่อมองเห็นพลเมืองดีที่มาช่วยพี่สาวของเธอ
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” เสือถาม
“ไม่เป็นไรค่ะ” วันวิสาข์ตอบ วารินทร์รีบเข้าประคอง
“เฮ้ย! แกเป็นใครวะ มายุ่งอะไรเรื่องของกู” เมื่อลุกขึ้นได้ ผู้ชายคนนี้ก็พร้อมหาเรื่องคนทำให้เจ็บตัว และอับอาย
“แล้วแกเป็นใคร มายุ่งอะไรกับน้องสาข์?” เสือย้อน
“ฉันเป็นแฟนกับผู้หญิงคนนี้ เรามีปัญหา กำลังจะไปเคลียร์กัน แต่แกดันมายุ่ง ไอ้บ้าเอ้ย!”
“เป็นแค่แฟน ถึงกับมาลากกันกลางถนนนี่นะ ดูท่าที..เขาไม่อยากจะไปกับแกเลยด้วยซ้ำ แกอยากเข้าคุกหรือไง?”
“ฮ่าๆๆ” ผู้ชายชื่ออรรคหัวเราะ “แกไม่รู้รึไง ว่าฉันเป็นลูกนายตำรวจใหญ่ที่นี่ ไม่มีใครหน้าไหนกล้ายุ่งกับฉันด้วยซ้ำ นี่แกกล้าดียังไง? อยากลองดีใช่ไหม?”
“นอกจากนิสัยแย่ แล้วยังอวดเบ่งอีกต่างหาก ก็เอาสิ! อย่าคิดว่าเป็นลูกนายตำรวจใหญ่แล้วจะไม่โดนรุมกระทืบ ก็เอาสิ” เสือท้า
อรรคถึงกับถอย เมื่อเห็นลูกน้องที่ไร่ของเสือที่ติดตามมาด้วยถึงสามคนด้านหลัง แต่ละคนรูปร่างล่ำสัน และดูมีฝีมือ หากโดนรุมกระทืบ โชคดีหน่อยอาจจะต้องหยอดน้ำข้าวต้มไปหลายวัน
“ไอ้บ้า! ฝากไว้ก่อนเถอะมึง!” พูดทิ้งท้ายไว้ อรรคก็วิ่งหนีออกไป เสือจึงหันมาที่สองสาวแทน
“เป็นยังไงบ้างครับ น้องสาข์”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่เสือ ขอบคุณมากนะคะ” วันวิสาข์ยกมือไหว้
“แล้วนี่มายังไงครับ ทำไมถึงเกิดเรื่องขึ้น”
“เราสองคนมากับลุงมั่นคนขับรถน่ะค่ะ แกจอดรถตรงนู้น เรามาแวะซื้อของให้กับคนงานน่ะค่ะ แต่เราขอมาซื้อของใช้กันก่อน ไม่คิดว่าจะโชคร้ายเจอผู้ชายคนนั้น เรื่องก็เลยเป็นอย่างที่เห็นค่ะ” วารินทร์บอก
“คนนั้นชื่ออรรค ลูกชายสารวัตรใหญ่ที่นี่ค่ะ เคยเป็นแฟนสาข์ แต่เราเลิกกันไปสักพักแล้วค่ะ”
เสือพยักหน้ารับรู้
“มิน่า ถึงทำตัวกร่าง ไม่กลัวใครเลยนะ..แล้วนี่ให้พี่ไปส่งไหม?”
“ไม่แล้วล่ะค่ะ สาข์ว่าอาจจะให้แม่บ้านมาซื้อเองดีกว่า สาข์อาจจะกลับบ้านเลยค่ะ”
“อ้าว? เลยไม่ได้อะไรสักอย่าง งั้นให้พี่กับน้องรินทร์ซื้อดีกว่าไหม จะได้ไม่เสียเวลา”
วันวิสาข์มองเสือด้วยความแปลกใจ ก่อนจะหันมามองน้องสาวด้วยความลำบากใจ ทั้งสองคนพี่น้องมองหน้ากันพักหนึ่ง วันวิสาข์จึงตัดสินใจ
“ถ้างั้น สาข์ฝากพี่เสือกับรินทร์ซื้อของให้ด้วยนะคะ..พี่ไปรอในรถกับลุงมั่นนะรินทร์ ซื้อของเสร็จแล้วมาหาพี่ที่รถนะ”
“ค่ะ” วารินทร์พูด พร้อมกับรับใบรายการจากพี่สาว
‘ท่าทางจะหวงน้องน่าดูเลยนะนี่ นึกว่าจะให้เราไปส่งที่บ้านซะอีก’ เสือคิดขำๆ
ระหว่างทางที่เสือกับวารินทร์เดินซื้อของอยู่ อรรคที่ยังไม่ไปไหน นั่งอยู่ในรถกับลูกน้องคนหนึ่งที่จอดอยู่ข้างทาง โดยจับตามองคู่ชายหญิงที่กำลังเลือกซื้อของตามรายการอยู่ด้วยสายตามุ่งร้าย
“ไอ้จ็อต! แกเห็นผู้ชายคนนั้นไหมวะ” อรรคถามลูกน้อง
“คนไหนอ่ะนาย เห็นมีหลายคน”
“โธ่เว้ย! ก็คนที่สูงๆ ยืนอยู่หน้าร้านขายผัก พร้อมน้องรินทร์ไง” จ็อตเพ่งมอง ตามที่นายตัวเองชี้นิ้วออกไป
“อ๋อ! คนนั้นชื่อนายเสือ ลูกพ่อเลี้ยงสิงห์ เจ้าของไร่แสงตะวันไงครับนาย”
“ไร่แสงตะวันเลยเหรอ?” อรรคพึมพำ ไม่คาดคิดว่าเสือจะเป็นทายาทเจ้าของไร่แสงตะวันที่มีชื่อเสียง เขาครุ่นคิดหาวิธีเอาคืนด้วยความมุ่งมั่น ก่อนจะแสยะยิ้มออกมา
“ไอ้จ็อต! ฉันมีงานให้แกทำสนุกๆแล้วว่ะ” จ๊อตหันมามองนายด้วยความสงสัย
“คราวนี้ฉันจะเอาคืนแกให้สาสมเลย รับรอง.. แกได้จำมันจนตายแน่ ไอ้เสือ!”

หลังจากที่เลือกซื้อของและแยกกับวารินทร์แล้ว เสือกับลูกน้องอีกสามคนก็ขับรถกลับมาที่ไร่แสงตะวัน เมื่อรถโฟร์วีลสีน้ำเงินเข้มเคลื่อนตัวมาจอดที่ลานจอดรถ เสือก็เห็นชายมีอายุคนหนึ่งยืนคุยกับบิดาและมารดาของเขาที่หน้าประตู ทั้งสามคนดูแล้วหน้าตาเคร่งเครียด เสือจึงบอกลูกน้องให้กลับไปที่พัก ส่วนตัวเองก้เดินตรงมาทางกลุ่มคนทั้งสาม
“คุณพ่อครับ..” เสือเรียกพร้อมยกมือไหว้ทั้งสาม ทั้งสามจึงรับไหว้
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมกลับก่อนนะครับ ลาล่ะครับพ่อเลี้ยงสิงห์ พ่อเลี้ยงการะเกด” ชายสูงอายุรีบกลับทันที พร้อมกับก้มศรีษะให้เสือเล็กน้อย ก่อนจะกลับรถยนต์ที่จอดข้างเสือออกไป
“ใครกันครับคุณพ่อ?”
“ก็คนที่จะขายที่ดินที่ห้วยไร่นั่นแหละ” พ่อเลี้ยงสิงห์มีสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อตอบลูกชายไป
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ ดูไม่น่าจะเป็นเรื่องดีเลย”
“ก็คนที่ไร่ภูคำนึง พ่อเลี้ยงราเชนทร์น่ะสิเสือ ส่งคนมาข่มขู่ว่าจะยึดที่ดินผืนนั้น เขาบอกว่าจะให้เงินเพิ่มไปตั้งหลักอีกก้อนใหญ่ โดยให้เจ้าของที่ดินมาคุยกับพ่อเราโดยตรง ว่าจะไม่ขายที่ให้แล้ว ถ้าไม่อย่างนั้น ที่ดินก็จะถูกยึดโดยทันที และจะไม่ได้อะไรอีก เพราะถือว่าที่ดินผืนนั้นเป็นค่าชำระหนี้ที่ยืมไปหมดแล้ว” แม่เลี้ยงการะเกดพูดสรุป
“ทำไมเขาทำแบบนี้ครับ! ไหนบอกว่าขอเวลาสามวัน พรุ่งนี้ก็ครบสามวันแล้ว ทำไมพ่อเลี้ยงราเชนทร์ไม่มีสัจจะเลยครับ!” เสือร้องด้วยความโมโห
“เขาคงวางแผนว่าจะไม่ให้ที่ดินเราตั้งแต่แรกแล้วล่ะ ที่ขอเวลาสามวันก็เพื่อให้เราตายใจ ไม่ให้รู้เรื่องตอนที่พวกเขาเข้าไปขู่เจ้าของที่น่ะสิ” พ่อเลี้ยงสิงห์พูด
“แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะคะ? ที่ดินตรงนั้นเราก็วางแผนทำรูปร่างโรงอบลำไยไว้แล้ว ออร์เดอร์ที่เข้ามาอีกล่ะคะ? ช่วงนี้ไม่ค่อยมีใครแถวนี้ขายที่มากกว่าสิบไร่เลยสักคน” แม่เลี้ยงเริ่มกังวล
“ผมจะไปคุยกับพ่อเลี้ยงราเชนทร์เองครับ!”
“เสือ!!” ทั้งบิดาและมารดาร้องด้วยความตกใจ แต่เสือไม่ฟังใครแล้ว เขารีบหันหลัง สตาร์ทรถโฟร์วีลสีน้ำเงินคู่ใจ ทะยานออกไปโดยเร็ว
“เฮ้ย! รีบตามไปเร็ว! คุณรีบไปเรียกไอ้ชุนไอ้นุ เร็ว!” พ่อเลี้ยงสิงห์รีบตะโกนสั่งงาน เพื่อจะรีบตามเสือที่กำลังอยู่ในอารมณ์ฉุนเฉียวไปยังไร่ภูคำนึง
รถของเสือทะยานด้วยด้วยความเร็ว จนฝุ่นสีแดงฟุ้งกระจาย เขาเปิดลิ้นชัก หยิบปืนพกสั้นหนึ่งกระบอกขึ้นมาเสียบไว้ที่น่องขาที่มีสายรัดอยู่แล้ว และเหยียบคันเร่งลงไปอีกเพื่อจะได้รีบไปให้ถึงคนที่ทำให้ไร่ของเขาปั่นป่วน ด้วยความเอาเรื่องอย่างที่สุด เสียงรถดังสนั่นเนื่องจากขับมาด้วยความเร็ว จนทำให้คนที่อยู่ในไร่ภูคำนึงต้องออกมาดูกัน ว่าใครกล้าบุกมาถึงไร่ภูคำนึงด้วยความเร็วเช่นนี้
“ใครวะ? อยากตายรึไง? ขับมาที่นี่ซะเร็วเลย” ลูกน้องคนที่หนึ่งที่อยู่หน้าบ้านหลังใหญ่บ่นด้วยความแปลกใจ
“เฮ้ย! นั่นมันรถของไอ้เสือ ไร่แสงตะวันนี่หว่า!” ลูกน้องคนที่สองตะโกน
“ตายล่ะ! แกไปเรียกพ่อเลี้ยงเร็ว!” ลูกน้องคนที่หนึ่งสั่ง ลูกน้องคนที่สองรีบตาลีตาเหลือกเข้าไป
“เอี๊ยดดด!!” เสียงเบรกสนั่นหวั่นไหว เสือเปิดประตูออกมาแล้วปิดดัง “ปัง!” เดินเข้ามาด้วยความโมโห
“พ่อเลี้ยงราเชนทร์อยู่ไหน!?” เสือถามลูกน้องคนที่หนึ่งพร้อมกับย่างสามขุมเข้ามา
“เฮ้ย! แก!” ลูกน้องคนที่หนึ่งเข้าขวาง พร้อมกระชากหมัดจะเข้ามาต่อย เสือที่จับตาดูอยู่แล้วจึงเบี่ยงตัวหลบ ทำให้ชายคนนั้นเสียหลักต่อยอากาศ เสือจึงจับมือประสานและใช้ท่อนแขนสองข้างกระแทกเข้าไปที่หลังด้วยความรวดเร็ว ทำให้คู่ต่อสู้ล้มลง “โครม!!”
“เฮ้ย! หยุดนะ!” พ่อเลี้ยงราเชนทร์เดินออกมาพร้อมปืนลูกซอง พร้อมลูกน้องอีกสองคนที่ถือปืนพกและเล่งมาที่เขาอยู่ เสือเห็นดังนั้นจึงหยิบปืนที่อยู่ที่น่องออกมาและเล่งไปที่พ่อเลี้ยงเหมือนกัน
“แกกล้าดียังไง ถึงบุกมาที่นี่คนเดียว หา! ไอ้เสือ!”
“ใครว่ามาคนเดียว กูด้วยโว้ย!” พ่อเลี้ยงสิงห์และลูกน้องคือชุนและนุก็ถือปืนลูกซองเดินเข้ามาและเล่งที่พ่อเลี้ยงราเชนทร์ด้วย
“พวกแกมีปัญหาอะไร? ถึงได้เข้ามาบุกไร่ฉัน!?” พ่อเลี้ยงราเชนทร์ถาม
“จะอะไรซะอีก ก็เรื่องที่ดินที่คุยกันยังไงล่ะครับพ่อเลี้ยงราเชนทร์ ถึงกับส่งเจ้าของที่ให้มายกเลิก ทั้งที่คุยกันไว้แล้ว พ่อเลี้ยงนี่ ช่างไม่รักษาคำพูดเลยนะครับ!” เสือย้อน
“ไอ้เสือ! แกว่าผู้ใหญ่ยังงี้ได้ไงวะ เจ้าของที่ดินติดหนี้ฉัน มันก็สมควรชดใช้ แต่เมื่อไม่มีเงินคืนให้ ก็เปลี่ยนเป็นที่ดินแทน มันไม่ใช่เรื่องแปลกนะโว้ย!” พ่อเลี้ยงราเชนทร์ตอกกลับ
“มันจะไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าเจ้าของเขาไม่อยากขายให้ด้วยใจจริง แต่มันแปลกที่เขาเคยบอกว่าอยากเก็บให้ฉันทำสวนทำไร่ โดยการพูดคุยและทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรกับฉันไว้ก่อนแล้ว ถ้าไม่มีคนเข้าไปข่มขู่ เพื่อจะมายึดมาเป็นของตัวเอง อย่างหน้าด้านๆแบบแก” พ่อเลี้ยงสิงห์อดไม่ได้จึงด่ากลับ
“เฮ้ย! นี่พวกแก วอนหาเรื่องนี่หว่า พวกเรา ลุย!” พ่อเลี้ยงราเชนทร์สั่งลูกน้อง ทุกคนเตรียมพร้อม แม้กระทั่งเสือและพ่อเลี้ยงสิงห์ เมื่อเตรียมตัวลั่นไกปืน ทันใดนั่นก็มีเสียงรถเข้ามาด้วยความเร็ว
“หยุด! นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ!” เสียงตำรวจพูดในโทรโข่งในรถตำรวจที่เปิดไซเรนกำลังวิ่งเข้ามา ทุกคนตกใจ ลูกน้องบางคนถึงกับวิ่งหนีคนละทาง นุ มีสติจึงรีบหยิบกุญแจในกระเป๋ากางเกงด้านหลังของเสือ แล้ววิ่งไปสตาร์ทรถโฟร์วีลรอ เพื่อจะพาเจ้านายหนีไปอีกทาง
“นายเสือ พ่อเลี้ยงสิงห์ รีบไปเถอะ!” ชุนเรียกนายทั้งสอง
“ฝากไว้ก่อนเถอะพ่อเลี้ยง ผมจะเอาคืนแน่!” เสือพูดทิ้งท้ายกับพ่อเลี้ยงราเชนทร์ ก่อนโดนพ่อเลี้ยงสิงห์กระชากออกไป
“โหย! ไอ้เด็กเมื่อวานซืน จะมีปัญญาทำอะไรกูได้” พ่อเลี้ยงราเชนทร์พูดไล่หลัง แต่เสือก็ไม่ได้เสียยินแล้ว
เมื่อตำรวจจอดรถ ก็พบว่ามีแต่พ่อเลี้ยงราเชนทร์และลูกน้องอีกคนยืนอยู่ จึงเข้ามาถาม
“พี่ผู้หญิงคนหนึ่งโทรไปว่ามีคนเข้ามาบุกรุกที่ไร่ภูคำนึง ไม่ทราบว่าพ่อเลี้ยงราเชนทร์พบเจอบุคคลต้องสงสัยบ้างหรือเปล่าครับ” พ่อเลี้ยงราเชนทร์นึกไปถึงลูกสาวคนใดคนหนึ่งของตัวเอง
“ไม่มีครับ เป็นเรื่องเข้าใจผิด” พ่อเลี้ยงราเชนทร์จำต้องโกหก เพราะไม่อยากให้เรื่องนี้แพร่กระจายออกไป เพราะไร่แสงตะวันมีภาษีดีกว่าตน หากข่าวแพร่กระจายออกไปว่าคนของไร่แสงตะวันบุกมาเพราะเรื่องการข่มขู่ที่ดินของเขา เรื่องอาจจะบานปลาย และจะเสียเครดิตอีกมาก
เมื่อกลับมาถึงไร่แสงตะวัน เสือก็ปิดประตูห้อง นอนคิดหาวิธีที่จะได้ที่ดินมาขยายธุรกิจของครอบครัวต่อไปได้ยังไง เสือรู้สึกกังวลจนนอนไม่หลับ จึงได้แต่นอนก่ายหน้าผากอยู่อย่างนั้น..
เช้าวันถัดมา เสือที่นอนไม่หลับเกือบรุ่งสางของวัน ได้ขับรถโฟร์วีลคู่ใจมายังที่ดินเจ้าปัญหา ที่บัดนี้กำลังจะกลายเป็นของพ่อเลี้ยงราเชนทร์เพียงคนเดียวไปแล้ว
“ที่สวยอย่างที่เขาลือกันจริงๆ” เสือลงจากรถ ทอดมองที่ดินจำนวนเกือบห้าสิบไร่ที่กว้างใหญ่ ที่มีต้นหญ้าเล็กๆขึ้นอยู่ไม่มาก หากถูกแบ่งครึ่งและไถกลบหน้าดิน ก็จะสามารถขยายการเพาะปลูกส้มและลำไยได้อีกมาก และโรงอบลำไยก็สามารถทำได้กว้างใหญ่กว่าที่มีอยู่ นอกจากนั้นยังสามารถมองเห็นภูเขาลูกเล็กๆอยู่ไกลๆ ทำให้บรรยากาศที่นี่ดีอย่างไม่น่าเชื่อ เสือจึงนั่งลงมองที่ดินและครุ่นคิดคนเดียวเงียบๆ
เนื่องจากไม่ทันระวังภัยที่อาจมาถึงตัว เสือไม่รู้เลยว่าจะมีคนคิดปองร้ายเขาอยู่ และคนนั้นก็อ้อมมาด้านหลัง โดยที่เสือไม่ทันสังเกต
“ปึก!!”
“โอ้ย!!” เสียงท่อนไม้กระทบศีรษะของเสือ ทำให้เสือล้มลง หน้าคว่ำลงกับพื้น พลันสติก็ดับวูบลง
“เอาไงดี นาย” เสียงคนสองคนคุยกัน
“ลากไปขึ้นรถ” สิ้นเสียง ชายคนหนึ่งในนั้นก็พูดกับเสือที่ยังไม่มีสติอยู่
“คราวนี้ แกจะได้รับการแก้แค้นอย่างสาสม!! ฮ่าๆๆ” อรรคหัวเราะ

จบตอนที่ 3



ไอยสวรรค์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 เม.ย. 2556, 00:05:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 เม.ย. 2556, 22:15:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 1047





<< ตอนที่ 2 ช่วยเหลือ   เข้าใจผิด (100%) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account