บ่วงพราย
ขนมงจีนถูกส่งไปที่คฤหาสน์สีขาว ที่นั่นเป็นบ้านของคุณหลวง ทว่า...เธอได้พบกับวิญญานชายหนุ่ม ที่แม้แต่ที่อยู่และสถานที่ที่ตัวเองตาย ก็ยังไม่รูั้เลย แล้วเธอจะทำอะไรดีเนี่ย
Tags: รักหวานแหวว หวานซึ้ง พล็อดสนุก สนุกสนาน
ตอน: บทที่ 20 คนค้ายาเสพติด
บทที่ 20
คนค้ายาเสพติด
“อะไรนะ ยายแววน่ะเหรอ ฉันไม่เชื่อเด็ดขาด ไม่จริง”
ป้าผการ้องลั่นแทบร้องไห้ แววน่ะหรือฆ่าผู้จัดการร้านบาร์เพราะเรื่องเมียน้อย เธอไม่มีทางเชื่อไม่มีทางเด็ดขาด เธอรีบเอากุญแจรถวิ่งออกไปที่หน้าบ้าน ชนเข้ากับชิตที่เอามือง้างปากที่เขียวช้ำ
“โธ่ เบา ๆ สิแม่”
“ตาชิต แกไปไหนมายายแววถูกตำรวจจับแล้วรู้ไหม”
“เรื่องอะไรกันล่ะแม่”
“ก็เรื่องผัวมันมีผู้หญิงน่ะสิ โธ่...แม่จะบ้าตาย แล้วนั่นแกไปโดนอะไรมาหน้าตาถึงเขียวช้ำไปหมด” ป้าผากขมวดคิ้วเมื่อเห็นสารรูปของลูกชาย
“เรื่องไม่เป็นเรื่องน่ะแม่ แม่จะไปโรงพักเหรอ”
“ใช่ แกไปด้วยกันสิ”
“ไม่เอาล่ะ ผมเกลียดพวกตำรวจ”
“แกเกลียดตำรวจ แล้วพวกที่แกค้ายากับมันก็ไม่ใช่พวกตำรวจเหรอ”
“มันก็ใช่อยู่หรอกแม่ แต่ว่าพวกตำรวจเลว ๆ มันก็มีนี่นา” ตาชิตเบ้ปาก “แม่ไปเถอะ มีอะไรก็โทรหาผมก็แล้วกัน”
“ตาชิต เดี๋ยวก่อน”
ที่ประตูหน้าบ้านมีเสียงกริ่งดัง หล่อนหันไปมองทันทีก็เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสามนายคอยยืนอยู่ที่หน้าบ้าน เธอขมวดคิ้วเมื่อกี้เพิ่งจะโทรมานี่นา แล้วนี่ยังมาทำอะไรอีก
“ตำรวจนี่ มาทำไมกันนะ”
“ตำรวจเหรอ แย่ล่ะ”
ป้าผกาเดินออกไปเปิดประตูรั้ว พร้อมกับถามว่ายังทีอะไรอีก
“คุณตำรวจ ฉันกำลังจะไปเยี่ยมลูกสาว มาทำไมอีกล่ะ”
“ผมมาควบคุมนายชิต ข้อหาค้ายาเสพติดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอเชิญไปโรงพักด้วยครับ”
“หา อะ..อะไรนะ”
ป้าผกาแทบเป็นลม ผีซ้ำด้ำพลอยไอ้เรื่องยัยแววยังไม่ทันหายดันมีเรื่องตาชิตมาทำลายล้างตระกูลเธออีกหรือเนี่ย โอ้ยฉันจะเป็นลม
“ขอค้นภายในบ้านนะครับ นี่หมายค้น”
“เดี๋ยวก่อน นี่จะมาค้นบ้านกันอย่างนี้ไม่ได้นะ”
“เข้าไปค้นเลย”
“เดี๋ยว นี่พวกแก..หนีไปให้พ้นตาชิต” เมื่อถึงที่สุดป้าผกาก็จับแขนตำรวจท่านหนึ่งไว้เพื่อไม่ให้เขาไปจับนายชิตแต่ว่าพวกตำรวจมีกันตั้งสามนายเธอคนเดียวใช่ว่าจะเอาอยู่ ได้แต่ตะโกนร้องบอกนายชิตให้รีบหนีไป
พวกตำรวจสามนายถือปืนเข้าไปในบ้านเพื่อบุกค้นผู้ต้องหา นายชิตใช่ว่าจะยอมให้จับได้ง่าย ๆ เขาถือปืนออกมายิงสวนใสพวกตำรวจ เกิดการยิงกระสุนใสกันนานหลายนาที ป้าผกาหวีดร้องเพราะไม่คิดว่าบ้านของเธอจะกลายเป็นแหล่งซ่องสุมโจร
“นี่ตำรวจ วางอาวุธซะ”
“ไม่มีทางหรอกโว้ย”
เปรี้ยง ๆ
“ตาชิต ยอมมอบตัวเถอะลูก”
“เข้ามาเลยสิวะ ไอ้ชาติชั่ว”
ตำรวจยิงทะลุไหล่ซ้ายของมัน จนนายชิตร้องอ๊ากก่อนที่ตำรวจพวกที่เหลือจะเข้าไปรุมสกัด คนหนึ่งมัดมือไหล่หลังใส่กุญแจมือส่วนอีกคนจับไหล่ซ้ายให้ก้มต่ำเสื้อผ้าเขามีรอยเลือดเปรอะเปื้อน ชายหนุ่มขบกรามแน่นด้วยความเจ็บปวด ป้าผกาเห็นรอยเลือดของลูกชายแทบทรุดลงอยากจะเป็นลม
“โธ่...ลูกแม่ ไม่น่าเลย”
“เพราะแม่นั่นแหละ ผมถึงได้เป็นแบบนี้” ลูกทรพีเอ่ยเสียงกร้าว
“เพราะแม่เหรอ”
“เพราะแม่แต่เล่นไพ่ งานบ้านเลี้ยงลูกไม่เคยดูแล ยายแววก็เหมือนกันที่เป็นแบบนี้ก็เพราะแม่นั้นแหละรู้ไว้ด้วย” นายชิตตะโกนใส่แม่ที่หน้าซีดเผือด
“ไปได้แล้ว ไปให้การที่โรงพัก”
ลูกชายพาเดินไปขึ้นรถ เธอถึงกับทรุดนั่งลงบนพื้นไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วที่จะมานั่งแก้ตัว จริงของลูกเธอมีแต่เล่นไพ่จนหมดเนื้อหมดตัว จนสุดท้ายก็ต้องเสียลูกรักไปถึงสองคน...
วันนี้เธอกับธีร์ออกมาเดินซื้อของข้างนอกเข้าบ้านและแวะกินข้าวนอกบ้านกันสองคน ร้านอาหารริมถนนเป็นร้านที่จัดการเก้าอี้และรูปภาพได้อย่างเป็นระเบียบ ที่ทำอาหารก็อยู่หลังร้านทั้งคู่นั่งอยู่ริมหน้าต่างสามารถมองเห็นคนที่เดินผ่านไปมาได้เป็นอย่างดี ขนมจีนก้มหน้าก้มตากินอย่างเอร็ดอร่อย เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาที่กำลังมองมาแล้วเอ่ยว่า
“ทำไมเหรอ หน้าฉันมีอะไร”
“เปล่าหรอก คุณนี่กินเก่งจริง ๆ นะ” เขายิ้มบาง ๆ
“ก็มันหิวนี่นา” เธอแก้มแดงปลั่ง “แล้วคุณไม่เห็นทานเลย”
“ผมทานแล้ว แต่ยังไม่หิว”
“งั้น...เอามานี่มา เดี๋ยวฉันกินให้” เธอตักกุ้งมากินจนหมด
“โอ้โห ผมยังไม่ทันได้บอกว่าไม่กินเลย ตักไปซะอย่างนั้น”
หญิงสาวลอยหน้าลอยตาตอบ
“ช่วยไม่ได้ คุณอยากช้าเองทำไม เออนี่..ที่คอนโดของคุณไม่มีคนอยู่ ไม่กลัวของหายมั่งเลยเหรอ
“ไม่นะ ที่นั่นเขาป้องกันดีมีกล้องวงจรปิด ทำไมเหรอ”
“อืม...ก็แต่อยากรู้น่ะ” เธอก้มลงกินอาหารต่อ แต่ก็ต้องแทบสำลักเมื่อได้ยินเขาพูดอีกว่า
“หรือว่าคุณอยากจะไปนอนค้างคอนโดผม”
“อย่ามาพูดบ้า ๆ นะ ดูสิเกือบสำลักแน่ะ” เธอเอามือปิดจมูก “บ้าจริง ๆ เชียว”
เธอหน้าแดงปลั่ง จ้างให้เธอก็ไม่ไปนอนกับเขาหรอก ถึงคฤหาสน์สีขาวจะมีผีเยอะก็เถอะแต่เธอไม่ยอมนอนค้างกับเขาแน่ ๆ
“ล้อเล่นน่ะ อะไรติดแก้มแน่ะ”
“ตรงไหนเหรอ” เธอแก้มแดงเป็นสีระเรื่อ ซอสพริกติดตรงริมปาก
“ตรงนี้น่ะ” เธอเอื้อมมือไปลูกแก้มเธอ ความอบอุ่นและอ่อนโยนทำเอาเธอหัวใจเต้นระรัว ใบหน้าคมคายนั้นหล่อนจมูกโด่งเรียวปากเป็นสัน จะว่าไปแล้วก่อนหน้านี้ทำไมเธอไม่เห็นว่าเขาค่อนข้างดูดีแบบนี้นะ
นี่หรือเปล่า ที่ว่าความรักทำให้สายตาคนเราเปลี่ยนไป...
“อะไรหรือ”
“นี่...แกล้งกันเหรอ” เธอแก้มแดงเม้มปากแน่น
“แกล้งหรือ ผมแกล้งว่าอะไร”
“เอ่อ...ก็แกล้งเวลาอยู่ต่อหน้าสารธารณะน่ะสิ มาจับแก้มกันแบบนี้...”
“คุณก็เลยอาย” เขายิ้มบาง ๆ “แปลกนะ คุณอายเป็นด้วยเหรอ”
“ฉันไมได้หน้าหนาเหมือนคุณนี่” เธอร้องเสียงดัง
คำพูดของเธอทำเอาคนที่นั่งอยู่ในร้านต่างหันมามองเธอเป็นจุดเดียว ทำเอาเธอทำหน้าตาไม่ถูกจะโทษเขาก็ไม่ได้แต่จะโทษเธอคนเดียวมันก็ไม่ค่อยจะถูกนัก
“เพราะคุณนั่นแหละ ดูสิชาวบ้านหันมามองหมดเลย”
“เพราะผมเหรอ ผมจำไม่ได้ว่าตะโกนเสียงดังตั้งแต่เมื่อไหร่”
“คุณนี่...” เธอเตรียมโวย
“ดูนั่นสิ ข้างนอกนั่น”
เธอมองตามเขาออกไปข้างนอกหน้าต่าง ก็เห็นพี่นราเดินเคียงคู่กับคุณรินดาทั้งคู่ดูสนิทสนมกันมากดูจากมือที่จับกันไว้แน่น พี่นราดูมีความสุขมากเช่นเดียวกับคุณรินดาก็มีความสุขเช่นเดียวกัน เขาทั้งสองเดินไปด้วยกันคนหนึ่งสวมชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวส่วนอีกคนสวมกระโปรงสีหวานลายดอกไม้ ดูพวกเขาคงจะมีธุระไปที่ไหนสักแห่ง คงจะไปทานข้าวหรือไม่ก็พากันไปเที่ยวตามประสาคู่รัก
“พี่นรานี่นา...” เธอร้องเบา ๆ
“คุณรินดาด้วย”
“ไปทักเขาเสียหน่อยดีกว่า” เธอทำท่าจะลุกขึ้นไปแต่ถูกชายหนุ่มคว้าต้นแขนเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อน คุณจะไปไหนน่ะ”
“ก็...ไปทักเขาไง” เธอกระพริบตาถี่ ๆ
“ไปทักเขาให้เสียบรรยากาศทำไม ไม่เห็นหรือว่าตอนนี้เขามีความสุขแค่ไหน หรือคุณอยากให้คุณรินดากับคุณนรากินแหนงแคลงใจกันไม่ทราบ”
จริงด้วยสิ เธอลืมเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างธีร์กับคุณรินดาไปเสียสนิทเลย
“จริงด้วยสิ”
“ต่างคนต่างไป เรามาทานอาหารของเราก่อนดีกว่า”
“ทั้งสองคนดูมีความสุขมากเลยนะ” เธอยิ้มบาง ๆ ดูท่าคนทั้งสองจะยิ้มให้กันและกันมือจับกันอย่างมีความสุขเป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นและอ่อนโยน
“อืม คุณรินดาเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนมาก คุณนราเป็นผู้ชายที่โชคดีจริง ๆ”
คำว่าอบอุ่นและอ่อนโยนจากปากเขา ทำให้เธอเงยหน้ามองเขา
“อะไรหรือ”
“ถ้าเธออ่อนโยน แล้วทำไมคุณถึงไม่เลือกเขาล่ะ” เธอถามอย่างพาซื่อ
“นั่นเพราะ...หัวใจเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงกันไม่ได้น่ะสิ” เขายิ้มบาง ๆ “ความรักมันเปลี่ยนแปลงกันได้ซะที่ไหนล่ะ”
แก้มใสของขนมจีนแดงปลั่ง
“งั้นเหรอ”
“ใช่ เอ้ารีบกินเถอะ จะได้ไปบ้านกัน”
บ้านเหรอ...เธอกับเขาเมื่อไหร่จะได้อยู่บ้านเดียวกันนะ
ขนมจีนแก้มแดงปลั่ง เธอคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ เพ้อเจ้อกันไปใหญ่แล้ว....
คุณหลวง...
เสียงกระซิบแผ่ว ดังมาจากเงาในความมืด
เมื่อไหร่จะยกโทษให้ฉันสักที ฉันเหงา...
เสียงกรีดร้องดังแว่วหวาน
กำไลงาช้างนั่น ฉันจะต้องได้มัน...ไม่ว่าจะทำให้คนต่อใครต้องตายก็ตาม...
“นั่นเสียงอะไรน่ะ” เธอเอ่ยหลังจากกลับมาที่คฤหาสน์สีขาวเตรียมตัวจะเข้านอน
“อะไรหรือ”
“ไม่รู้สิ ได้ยินคล้าย ๆ กับเสียงผู้หญิงร้องไห้”
“เพ้อเจ้อกันไปใหญ่ คุณขึ้นไปนอนเถอะ”
“แต่ว่า...แล้วคุณล่ะ”
“ผมก็นอนที่โซฟาชั้นล่างเหมือนเดิมไง”
เธอไม่รู่ว่าทำไมจึงรู้สึกหวาดวิตกนัก คืนนี้ก็เป็นคืนที่เหมือนเช่นปกติทุก ๆ วัน
แต่...ทำไมเธอถึงรู้สึกอึดอัดยังไงก็ไม่รู้
“เป็นอะไรไป”
“เปล่า ฉันก็แค่ถามดู” เพราะกลัวเสียหน้าก็เลยตอบเลี่ยง ๆ ไป
“หรือคุณอยากนอนเป็นเพื่อนผมก็ได้นะ” เขายิ้มบาง ๆ
นอนด้วยกันเหรอ ฝันไปเถอะว่าเธอจะนอนด้วย
“พอทีเถอะ ราตรีสวัสดิ์”
“ครับ ราตรีสวัสดิ์” เขาเอาสองนิ้วเป็นเชิงนอนหลับฝันดี
ประตูปิดสนิทลง เธอถอนหายใจยาว...ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอจึงรู้สึกวิตกกังวลได้ขนาดนี้ เธอห่มผ้านอนแล้วเปิดไฟหัวเตียงเอาไว้ เผื่อว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกลางดึก เธอเดินเข้าไปประล็อกประตูแต่ว่า...คิดไปคิดมาอย่าเลยดีกว่า เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนก่อนจะนอนหลับและค่อย ๆ หลับสนิทในไม่ช้า
นังชบา...
ขนมจีนรู้สึกคล้ายกับมีใครบางคนเรียกชื่อ
เพราะแกทำให้คุณหลวงมอบกำไลให้แก จงตายซะเถอะ
“ไม่...ไม่ใช่นะ” เธอหลับตาพลิกศีรษะไปมา
ฉันรอคอยแกมาตั้งนานแล้ว ฉันจะบีบคอแก
“ห๊ะ” ขนมจีน เปิดเปลือกตาแล้วก็ต้องตกใจสุดขีด
เมื่อผู้หญิงผมยาวจรดพื้นใบหน้าซีดเผือดเต็มไปด้วยเลือดเต็มแผ่นหลังกำลังลอยอยู่เหนือเธอ เธอคนนี้มีกรงเล็บที่ยาวเพื่อที่จะทะลวงเธอจรดเตียง เรียวปากของเธอแสยะยิ้มนัยน์ตาแดงฉาน เธอตัวแข็งไปทั้งร่างพูดอะไรก็พูดไม่ออกเนื้อตัวเธอสั่นเทาไปหมด แม้แต่แขนข้างที่สวมกำไลก็ยังรัดแน่นถอดไม่ออก
แกต้องตาย ต้องตาย
“กรี้ด-ด-ด !!”
เสียงร้องลั่นของขนมจีนดังลั่น เธอเบี่ยงหน้าหลบกรงเล็บที่จิกมาบนคอหอย และฝืนดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองได้เป็นอิสระ เธอไม่ยอมหรอกทำไมต้องมาแค้นคนที่ใส่กำไลนี้ด้วย
“ช่วยด้วย ธีร์ ช่วยฉันด้วย”
แกตาย
“ไม่ !” เธอร้องเสียงดัง ร้อนไปถึงคนที่อยู่เบื้องล่าง
เขาสะบัดผ้าห่มออกแล้วรีบวิ่งขึ้นไปด้านบน เธอจะต้องอยู่ภายในห้องพร้อมกับวิญญาณของคุณแสงแน่ ๆ เขาพยายามเปิดประตูแต่ไม่ได้ผล แรงอาฆาตของวิญญาณของคุณแสงทำให้มันล็อกไว้ เธอกรีดร้องเพื่อวิญญาณของคุณแสงโกรธเกรี้ยวจนทำให้กำแสงสั่นไหวและข้าวของภายในห้องปั่นป่วนไปหมด
“ว้าย อย่านะ” เธอหวีดร้อง
กำแสงและหนังสือฟุ้งกระจายเกลื่อนไปรอบห้องราวกับพายุหมุน จนเธอต้องก้มหลบหนังสือและเศษแก้วที่แตกร้าวมาจากทางระเบียง มันต่างพุ่งเข้าใส่เธอจนเธอต้องกลิ้งตัวหลบจนทำให้มันเฉี่ยวถูกแขนเธอจนเลือดไหลเป็นทาง แต่นั่นก็ยังไม่สาแก่ใจ กระจกพุ่งเข้าปักพื้นล้อมลอบข้อเท้าของเธอทำให้วิ่งหนีไม่ได้ เธอหน้าซีดเผือดราวกับเศษกระดาษ ก่อนจะร้องเมื่อกรงเล็บของเธอพุ่งเข้าบีบคอเธอลอยขึ้นจากพื้น
“อย่า..แค่ก”
ฉันจะฆ่าแก นังชบา
“ฉันไม่ใช่....คุณชบา”
แกมันตัวมาร ฉันจะฆ่าแกแล้วเอากำไลคืนมา
“อย่า แค่ก ๆ” เธอร้อง
“ขนมจีน ประตูล็อก ผมเปิดไม่ออก” ธีร์ตะโกนก้อง เธออยากจะบอกเหลือเกินว่าแรงอาฆาตของวิญญาณตนนี้ทำให้ประตูล็อก เธอจะต้องรู้ว่าเธอมีคนอยู่ด้วยจึงทำทุกอย่างเพื่อให้เธออยู่คนเดียว ห้ามไม่ให้คนอื่นมายุ่งเกี่ยว แล้วเธอก็ทำสำเร็จ
“บัดซบ” ธีร์พยายามพังประตูเข้ามาแต่ก็ไม่เป็นผล เขาพยายามอยู่หลายครั้งแต่มันก็แน่นหนาราวกับมีอะไรบางอย่างมากดทับมันไว้
“ช่วยด้วย คุณธีร์”
“ขนมจีน”
“แค่ก..” เมื่ออาศัยใครไม่ได้เธอจึงออกแรงสู้เป็นครั้งสุดท้าย เมื่อวิญญาณเธอกางเล็บเข้าใส่คอหอยของเธอ หญิงสาวก็หลบวูบแล้วจับแขนของเธอเอาไว้ ใช้เท้าดันร่างนั้นออกเธอกรีดร้องอย่างอาฆาตแค้น เธอไม่รอช้ารีบวิ่งไปเปิดประตูแต่ทว่าแรงคลั่งแค้นของเธอยังคงปิดไว้แน่น
“ฉันเปิดประตูไม่ออก” เธอร้องเสียงดัง
“ขนมจีน วิ่งไปที่ระเบียง เร็วเข้า”
แกตาย เสียงหัวเราะของคุณแสงแหบพร่า
ขนมจีนหันกลับมาแล้วกรงเล็บก็เสียบทะลุไม้ไปด้านหลัง เธอหน้าซีดเผือดแรงอาฆาตของคนเรามันเคียดแค้นกันถึงขนาดนี้เลยหรือ เธอร้องว้ายเมื่อเธอเสียบเข้ามาถึงคอเธอ หญิงสาวก้มลงแล้ววิ่งอ้อมไปตรงระเบียง แต่นางแสงกรีดร้องหันกรงเล็บยาวออก
แกจะไปตายที่ระเบียงหรือ ได้สิ ฮ่าๆ
“อ๊ะ” หญิงสาวหน้าซีดเผือด จู่ ๆ เธอก็ขยับปลายเท้าไม่ได้และมือก็ขยับไม่ได้อีก
ไปลงนรกซะ
“ธีร์ เดี๋ยวก่อน ไม่นะ” เธอร้องตะโกน เมื่อถูกบังคับให้เปิดกระจกหน้าต่างออกไปตรงระเบียง เธอหน้าซีดเผือดถ้าหากว่าเธอตกลงไปจากบนนี้ ร่างกายคงจะแหลกเละเป็นแน่ เท้าที่ไร้การควบคุมของเธอค่อย ๆ เดินออกไปสู่ระเบียงและมือก็ยื่นออกไปตรงหน้า
เธอกำลังจะตกลงไปแล้ว
“ไม่นะ อย่า” เธอกระซิบแผ่วน้ำตาไหลอาบแก้ม
กระโดดลงไปสิ
“ไม่นะ อย่าทำแบบนี้”
กระโดดลงไป
“อย่า !!” เธอกรีดร้องกระโดดลงไปจากระเบียงด้านล่าง เป็นจังหวะเดียวกับที่ธีร์ออกมาทันจังหวะที่เธอกระโดดลงมา
****************
ขอบคุณทุกคนที่ช่วยเม้นท์นะคะ ^^
คนค้ายาเสพติด
“อะไรนะ ยายแววน่ะเหรอ ฉันไม่เชื่อเด็ดขาด ไม่จริง”
ป้าผการ้องลั่นแทบร้องไห้ แววน่ะหรือฆ่าผู้จัดการร้านบาร์เพราะเรื่องเมียน้อย เธอไม่มีทางเชื่อไม่มีทางเด็ดขาด เธอรีบเอากุญแจรถวิ่งออกไปที่หน้าบ้าน ชนเข้ากับชิตที่เอามือง้างปากที่เขียวช้ำ
“โธ่ เบา ๆ สิแม่”
“ตาชิต แกไปไหนมายายแววถูกตำรวจจับแล้วรู้ไหม”
“เรื่องอะไรกันล่ะแม่”
“ก็เรื่องผัวมันมีผู้หญิงน่ะสิ โธ่...แม่จะบ้าตาย แล้วนั่นแกไปโดนอะไรมาหน้าตาถึงเขียวช้ำไปหมด” ป้าผากขมวดคิ้วเมื่อเห็นสารรูปของลูกชาย
“เรื่องไม่เป็นเรื่องน่ะแม่ แม่จะไปโรงพักเหรอ”
“ใช่ แกไปด้วยกันสิ”
“ไม่เอาล่ะ ผมเกลียดพวกตำรวจ”
“แกเกลียดตำรวจ แล้วพวกที่แกค้ายากับมันก็ไม่ใช่พวกตำรวจเหรอ”
“มันก็ใช่อยู่หรอกแม่ แต่ว่าพวกตำรวจเลว ๆ มันก็มีนี่นา” ตาชิตเบ้ปาก “แม่ไปเถอะ มีอะไรก็โทรหาผมก็แล้วกัน”
“ตาชิต เดี๋ยวก่อน”
ที่ประตูหน้าบ้านมีเสียงกริ่งดัง หล่อนหันไปมองทันทีก็เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสามนายคอยยืนอยู่ที่หน้าบ้าน เธอขมวดคิ้วเมื่อกี้เพิ่งจะโทรมานี่นา แล้วนี่ยังมาทำอะไรอีก
“ตำรวจนี่ มาทำไมกันนะ”
“ตำรวจเหรอ แย่ล่ะ”
ป้าผกาเดินออกไปเปิดประตูรั้ว พร้อมกับถามว่ายังทีอะไรอีก
“คุณตำรวจ ฉันกำลังจะไปเยี่ยมลูกสาว มาทำไมอีกล่ะ”
“ผมมาควบคุมนายชิต ข้อหาค้ายาเสพติดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอเชิญไปโรงพักด้วยครับ”
“หา อะ..อะไรนะ”
ป้าผกาแทบเป็นลม ผีซ้ำด้ำพลอยไอ้เรื่องยัยแววยังไม่ทันหายดันมีเรื่องตาชิตมาทำลายล้างตระกูลเธออีกหรือเนี่ย โอ้ยฉันจะเป็นลม
“ขอค้นภายในบ้านนะครับ นี่หมายค้น”
“เดี๋ยวก่อน นี่จะมาค้นบ้านกันอย่างนี้ไม่ได้นะ”
“เข้าไปค้นเลย”
“เดี๋ยว นี่พวกแก..หนีไปให้พ้นตาชิต” เมื่อถึงที่สุดป้าผกาก็จับแขนตำรวจท่านหนึ่งไว้เพื่อไม่ให้เขาไปจับนายชิตแต่ว่าพวกตำรวจมีกันตั้งสามนายเธอคนเดียวใช่ว่าจะเอาอยู่ ได้แต่ตะโกนร้องบอกนายชิตให้รีบหนีไป
พวกตำรวจสามนายถือปืนเข้าไปในบ้านเพื่อบุกค้นผู้ต้องหา นายชิตใช่ว่าจะยอมให้จับได้ง่าย ๆ เขาถือปืนออกมายิงสวนใสพวกตำรวจ เกิดการยิงกระสุนใสกันนานหลายนาที ป้าผกาหวีดร้องเพราะไม่คิดว่าบ้านของเธอจะกลายเป็นแหล่งซ่องสุมโจร
“นี่ตำรวจ วางอาวุธซะ”
“ไม่มีทางหรอกโว้ย”
เปรี้ยง ๆ
“ตาชิต ยอมมอบตัวเถอะลูก”
“เข้ามาเลยสิวะ ไอ้ชาติชั่ว”
ตำรวจยิงทะลุไหล่ซ้ายของมัน จนนายชิตร้องอ๊ากก่อนที่ตำรวจพวกที่เหลือจะเข้าไปรุมสกัด คนหนึ่งมัดมือไหล่หลังใส่กุญแจมือส่วนอีกคนจับไหล่ซ้ายให้ก้มต่ำเสื้อผ้าเขามีรอยเลือดเปรอะเปื้อน ชายหนุ่มขบกรามแน่นด้วยความเจ็บปวด ป้าผกาเห็นรอยเลือดของลูกชายแทบทรุดลงอยากจะเป็นลม
“โธ่...ลูกแม่ ไม่น่าเลย”
“เพราะแม่นั่นแหละ ผมถึงได้เป็นแบบนี้” ลูกทรพีเอ่ยเสียงกร้าว
“เพราะแม่เหรอ”
“เพราะแม่แต่เล่นไพ่ งานบ้านเลี้ยงลูกไม่เคยดูแล ยายแววก็เหมือนกันที่เป็นแบบนี้ก็เพราะแม่นั้นแหละรู้ไว้ด้วย” นายชิตตะโกนใส่แม่ที่หน้าซีดเผือด
“ไปได้แล้ว ไปให้การที่โรงพัก”
ลูกชายพาเดินไปขึ้นรถ เธอถึงกับทรุดนั่งลงบนพื้นไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วที่จะมานั่งแก้ตัว จริงของลูกเธอมีแต่เล่นไพ่จนหมดเนื้อหมดตัว จนสุดท้ายก็ต้องเสียลูกรักไปถึงสองคน...
วันนี้เธอกับธีร์ออกมาเดินซื้อของข้างนอกเข้าบ้านและแวะกินข้าวนอกบ้านกันสองคน ร้านอาหารริมถนนเป็นร้านที่จัดการเก้าอี้และรูปภาพได้อย่างเป็นระเบียบ ที่ทำอาหารก็อยู่หลังร้านทั้งคู่นั่งอยู่ริมหน้าต่างสามารถมองเห็นคนที่เดินผ่านไปมาได้เป็นอย่างดี ขนมจีนก้มหน้าก้มตากินอย่างเอร็ดอร่อย เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาที่กำลังมองมาแล้วเอ่ยว่า
“ทำไมเหรอ หน้าฉันมีอะไร”
“เปล่าหรอก คุณนี่กินเก่งจริง ๆ นะ” เขายิ้มบาง ๆ
“ก็มันหิวนี่นา” เธอแก้มแดงปลั่ง “แล้วคุณไม่เห็นทานเลย”
“ผมทานแล้ว แต่ยังไม่หิว”
“งั้น...เอามานี่มา เดี๋ยวฉันกินให้” เธอตักกุ้งมากินจนหมด
“โอ้โห ผมยังไม่ทันได้บอกว่าไม่กินเลย ตักไปซะอย่างนั้น”
หญิงสาวลอยหน้าลอยตาตอบ
“ช่วยไม่ได้ คุณอยากช้าเองทำไม เออนี่..ที่คอนโดของคุณไม่มีคนอยู่ ไม่กลัวของหายมั่งเลยเหรอ
“ไม่นะ ที่นั่นเขาป้องกันดีมีกล้องวงจรปิด ทำไมเหรอ”
“อืม...ก็แต่อยากรู้น่ะ” เธอก้มลงกินอาหารต่อ แต่ก็ต้องแทบสำลักเมื่อได้ยินเขาพูดอีกว่า
“หรือว่าคุณอยากจะไปนอนค้างคอนโดผม”
“อย่ามาพูดบ้า ๆ นะ ดูสิเกือบสำลักแน่ะ” เธอเอามือปิดจมูก “บ้าจริง ๆ เชียว”
เธอหน้าแดงปลั่ง จ้างให้เธอก็ไม่ไปนอนกับเขาหรอก ถึงคฤหาสน์สีขาวจะมีผีเยอะก็เถอะแต่เธอไม่ยอมนอนค้างกับเขาแน่ ๆ
“ล้อเล่นน่ะ อะไรติดแก้มแน่ะ”
“ตรงไหนเหรอ” เธอแก้มแดงเป็นสีระเรื่อ ซอสพริกติดตรงริมปาก
“ตรงนี้น่ะ” เธอเอื้อมมือไปลูกแก้มเธอ ความอบอุ่นและอ่อนโยนทำเอาเธอหัวใจเต้นระรัว ใบหน้าคมคายนั้นหล่อนจมูกโด่งเรียวปากเป็นสัน จะว่าไปแล้วก่อนหน้านี้ทำไมเธอไม่เห็นว่าเขาค่อนข้างดูดีแบบนี้นะ
นี่หรือเปล่า ที่ว่าความรักทำให้สายตาคนเราเปลี่ยนไป...
“อะไรหรือ”
“นี่...แกล้งกันเหรอ” เธอแก้มแดงเม้มปากแน่น
“แกล้งหรือ ผมแกล้งว่าอะไร”
“เอ่อ...ก็แกล้งเวลาอยู่ต่อหน้าสารธารณะน่ะสิ มาจับแก้มกันแบบนี้...”
“คุณก็เลยอาย” เขายิ้มบาง ๆ “แปลกนะ คุณอายเป็นด้วยเหรอ”
“ฉันไมได้หน้าหนาเหมือนคุณนี่” เธอร้องเสียงดัง
คำพูดของเธอทำเอาคนที่นั่งอยู่ในร้านต่างหันมามองเธอเป็นจุดเดียว ทำเอาเธอทำหน้าตาไม่ถูกจะโทษเขาก็ไม่ได้แต่จะโทษเธอคนเดียวมันก็ไม่ค่อยจะถูกนัก
“เพราะคุณนั่นแหละ ดูสิชาวบ้านหันมามองหมดเลย”
“เพราะผมเหรอ ผมจำไม่ได้ว่าตะโกนเสียงดังตั้งแต่เมื่อไหร่”
“คุณนี่...” เธอเตรียมโวย
“ดูนั่นสิ ข้างนอกนั่น”
เธอมองตามเขาออกไปข้างนอกหน้าต่าง ก็เห็นพี่นราเดินเคียงคู่กับคุณรินดาทั้งคู่ดูสนิทสนมกันมากดูจากมือที่จับกันไว้แน่น พี่นราดูมีความสุขมากเช่นเดียวกับคุณรินดาก็มีความสุขเช่นเดียวกัน เขาทั้งสองเดินไปด้วยกันคนหนึ่งสวมชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวส่วนอีกคนสวมกระโปรงสีหวานลายดอกไม้ ดูพวกเขาคงจะมีธุระไปที่ไหนสักแห่ง คงจะไปทานข้าวหรือไม่ก็พากันไปเที่ยวตามประสาคู่รัก
“พี่นรานี่นา...” เธอร้องเบา ๆ
“คุณรินดาด้วย”
“ไปทักเขาเสียหน่อยดีกว่า” เธอทำท่าจะลุกขึ้นไปแต่ถูกชายหนุ่มคว้าต้นแขนเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อน คุณจะไปไหนน่ะ”
“ก็...ไปทักเขาไง” เธอกระพริบตาถี่ ๆ
“ไปทักเขาให้เสียบรรยากาศทำไม ไม่เห็นหรือว่าตอนนี้เขามีความสุขแค่ไหน หรือคุณอยากให้คุณรินดากับคุณนรากินแหนงแคลงใจกันไม่ทราบ”
จริงด้วยสิ เธอลืมเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างธีร์กับคุณรินดาไปเสียสนิทเลย
“จริงด้วยสิ”
“ต่างคนต่างไป เรามาทานอาหารของเราก่อนดีกว่า”
“ทั้งสองคนดูมีความสุขมากเลยนะ” เธอยิ้มบาง ๆ ดูท่าคนทั้งสองจะยิ้มให้กันและกันมือจับกันอย่างมีความสุขเป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นและอ่อนโยน
“อืม คุณรินดาเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนมาก คุณนราเป็นผู้ชายที่โชคดีจริง ๆ”
คำว่าอบอุ่นและอ่อนโยนจากปากเขา ทำให้เธอเงยหน้ามองเขา
“อะไรหรือ”
“ถ้าเธออ่อนโยน แล้วทำไมคุณถึงไม่เลือกเขาล่ะ” เธอถามอย่างพาซื่อ
“นั่นเพราะ...หัวใจเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงกันไม่ได้น่ะสิ” เขายิ้มบาง ๆ “ความรักมันเปลี่ยนแปลงกันได้ซะที่ไหนล่ะ”
แก้มใสของขนมจีนแดงปลั่ง
“งั้นเหรอ”
“ใช่ เอ้ารีบกินเถอะ จะได้ไปบ้านกัน”
บ้านเหรอ...เธอกับเขาเมื่อไหร่จะได้อยู่บ้านเดียวกันนะ
ขนมจีนแก้มแดงปลั่ง เธอคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ เพ้อเจ้อกันไปใหญ่แล้ว....
คุณหลวง...
เสียงกระซิบแผ่ว ดังมาจากเงาในความมืด
เมื่อไหร่จะยกโทษให้ฉันสักที ฉันเหงา...
เสียงกรีดร้องดังแว่วหวาน
กำไลงาช้างนั่น ฉันจะต้องได้มัน...ไม่ว่าจะทำให้คนต่อใครต้องตายก็ตาม...
“นั่นเสียงอะไรน่ะ” เธอเอ่ยหลังจากกลับมาที่คฤหาสน์สีขาวเตรียมตัวจะเข้านอน
“อะไรหรือ”
“ไม่รู้สิ ได้ยินคล้าย ๆ กับเสียงผู้หญิงร้องไห้”
“เพ้อเจ้อกันไปใหญ่ คุณขึ้นไปนอนเถอะ”
“แต่ว่า...แล้วคุณล่ะ”
“ผมก็นอนที่โซฟาชั้นล่างเหมือนเดิมไง”
เธอไม่รู่ว่าทำไมจึงรู้สึกหวาดวิตกนัก คืนนี้ก็เป็นคืนที่เหมือนเช่นปกติทุก ๆ วัน
แต่...ทำไมเธอถึงรู้สึกอึดอัดยังไงก็ไม่รู้
“เป็นอะไรไป”
“เปล่า ฉันก็แค่ถามดู” เพราะกลัวเสียหน้าก็เลยตอบเลี่ยง ๆ ไป
“หรือคุณอยากนอนเป็นเพื่อนผมก็ได้นะ” เขายิ้มบาง ๆ
นอนด้วยกันเหรอ ฝันไปเถอะว่าเธอจะนอนด้วย
“พอทีเถอะ ราตรีสวัสดิ์”
“ครับ ราตรีสวัสดิ์” เขาเอาสองนิ้วเป็นเชิงนอนหลับฝันดี
ประตูปิดสนิทลง เธอถอนหายใจยาว...ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอจึงรู้สึกวิตกกังวลได้ขนาดนี้ เธอห่มผ้านอนแล้วเปิดไฟหัวเตียงเอาไว้ เผื่อว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกลางดึก เธอเดินเข้าไปประล็อกประตูแต่ว่า...คิดไปคิดมาอย่าเลยดีกว่า เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนก่อนจะนอนหลับและค่อย ๆ หลับสนิทในไม่ช้า
นังชบา...
ขนมจีนรู้สึกคล้ายกับมีใครบางคนเรียกชื่อ
เพราะแกทำให้คุณหลวงมอบกำไลให้แก จงตายซะเถอะ
“ไม่...ไม่ใช่นะ” เธอหลับตาพลิกศีรษะไปมา
ฉันรอคอยแกมาตั้งนานแล้ว ฉันจะบีบคอแก
“ห๊ะ” ขนมจีน เปิดเปลือกตาแล้วก็ต้องตกใจสุดขีด
เมื่อผู้หญิงผมยาวจรดพื้นใบหน้าซีดเผือดเต็มไปด้วยเลือดเต็มแผ่นหลังกำลังลอยอยู่เหนือเธอ เธอคนนี้มีกรงเล็บที่ยาวเพื่อที่จะทะลวงเธอจรดเตียง เรียวปากของเธอแสยะยิ้มนัยน์ตาแดงฉาน เธอตัวแข็งไปทั้งร่างพูดอะไรก็พูดไม่ออกเนื้อตัวเธอสั่นเทาไปหมด แม้แต่แขนข้างที่สวมกำไลก็ยังรัดแน่นถอดไม่ออก
แกต้องตาย ต้องตาย
“กรี้ด-ด-ด !!”
เสียงร้องลั่นของขนมจีนดังลั่น เธอเบี่ยงหน้าหลบกรงเล็บที่จิกมาบนคอหอย และฝืนดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองได้เป็นอิสระ เธอไม่ยอมหรอกทำไมต้องมาแค้นคนที่ใส่กำไลนี้ด้วย
“ช่วยด้วย ธีร์ ช่วยฉันด้วย”
แกตาย
“ไม่ !” เธอร้องเสียงดัง ร้อนไปถึงคนที่อยู่เบื้องล่าง
เขาสะบัดผ้าห่มออกแล้วรีบวิ่งขึ้นไปด้านบน เธอจะต้องอยู่ภายในห้องพร้อมกับวิญญาณของคุณแสงแน่ ๆ เขาพยายามเปิดประตูแต่ไม่ได้ผล แรงอาฆาตของวิญญาณของคุณแสงทำให้มันล็อกไว้ เธอกรีดร้องเพื่อวิญญาณของคุณแสงโกรธเกรี้ยวจนทำให้กำแสงสั่นไหวและข้าวของภายในห้องปั่นป่วนไปหมด
“ว้าย อย่านะ” เธอหวีดร้อง
กำแสงและหนังสือฟุ้งกระจายเกลื่อนไปรอบห้องราวกับพายุหมุน จนเธอต้องก้มหลบหนังสือและเศษแก้วที่แตกร้าวมาจากทางระเบียง มันต่างพุ่งเข้าใส่เธอจนเธอต้องกลิ้งตัวหลบจนทำให้มันเฉี่ยวถูกแขนเธอจนเลือดไหลเป็นทาง แต่นั่นก็ยังไม่สาแก่ใจ กระจกพุ่งเข้าปักพื้นล้อมลอบข้อเท้าของเธอทำให้วิ่งหนีไม่ได้ เธอหน้าซีดเผือดราวกับเศษกระดาษ ก่อนจะร้องเมื่อกรงเล็บของเธอพุ่งเข้าบีบคอเธอลอยขึ้นจากพื้น
“อย่า..แค่ก”
ฉันจะฆ่าแก นังชบา
“ฉันไม่ใช่....คุณชบา”
แกมันตัวมาร ฉันจะฆ่าแกแล้วเอากำไลคืนมา
“อย่า แค่ก ๆ” เธอร้อง
“ขนมจีน ประตูล็อก ผมเปิดไม่ออก” ธีร์ตะโกนก้อง เธออยากจะบอกเหลือเกินว่าแรงอาฆาตของวิญญาณตนนี้ทำให้ประตูล็อก เธอจะต้องรู้ว่าเธอมีคนอยู่ด้วยจึงทำทุกอย่างเพื่อให้เธออยู่คนเดียว ห้ามไม่ให้คนอื่นมายุ่งเกี่ยว แล้วเธอก็ทำสำเร็จ
“บัดซบ” ธีร์พยายามพังประตูเข้ามาแต่ก็ไม่เป็นผล เขาพยายามอยู่หลายครั้งแต่มันก็แน่นหนาราวกับมีอะไรบางอย่างมากดทับมันไว้
“ช่วยด้วย คุณธีร์”
“ขนมจีน”
“แค่ก..” เมื่ออาศัยใครไม่ได้เธอจึงออกแรงสู้เป็นครั้งสุดท้าย เมื่อวิญญาณเธอกางเล็บเข้าใส่คอหอยของเธอ หญิงสาวก็หลบวูบแล้วจับแขนของเธอเอาไว้ ใช้เท้าดันร่างนั้นออกเธอกรีดร้องอย่างอาฆาตแค้น เธอไม่รอช้ารีบวิ่งไปเปิดประตูแต่ทว่าแรงคลั่งแค้นของเธอยังคงปิดไว้แน่น
“ฉันเปิดประตูไม่ออก” เธอร้องเสียงดัง
“ขนมจีน วิ่งไปที่ระเบียง เร็วเข้า”
แกตาย เสียงหัวเราะของคุณแสงแหบพร่า
ขนมจีนหันกลับมาแล้วกรงเล็บก็เสียบทะลุไม้ไปด้านหลัง เธอหน้าซีดเผือดแรงอาฆาตของคนเรามันเคียดแค้นกันถึงขนาดนี้เลยหรือ เธอร้องว้ายเมื่อเธอเสียบเข้ามาถึงคอเธอ หญิงสาวก้มลงแล้ววิ่งอ้อมไปตรงระเบียง แต่นางแสงกรีดร้องหันกรงเล็บยาวออก
แกจะไปตายที่ระเบียงหรือ ได้สิ ฮ่าๆ
“อ๊ะ” หญิงสาวหน้าซีดเผือด จู่ ๆ เธอก็ขยับปลายเท้าไม่ได้และมือก็ขยับไม่ได้อีก
ไปลงนรกซะ
“ธีร์ เดี๋ยวก่อน ไม่นะ” เธอร้องตะโกน เมื่อถูกบังคับให้เปิดกระจกหน้าต่างออกไปตรงระเบียง เธอหน้าซีดเผือดถ้าหากว่าเธอตกลงไปจากบนนี้ ร่างกายคงจะแหลกเละเป็นแน่ เท้าที่ไร้การควบคุมของเธอค่อย ๆ เดินออกไปสู่ระเบียงและมือก็ยื่นออกไปตรงหน้า
เธอกำลังจะตกลงไปแล้ว
“ไม่นะ อย่า” เธอกระซิบแผ่วน้ำตาไหลอาบแก้ม
กระโดดลงไปสิ
“ไม่นะ อย่าทำแบบนี้”
กระโดดลงไป
“อย่า !!” เธอกรีดร้องกระโดดลงไปจากระเบียงด้านล่าง เป็นจังหวะเดียวกับที่ธีร์ออกมาทันจังหวะที่เธอกระโดดลงมา
****************
ขอบคุณทุกคนที่ช่วยเม้นท์นะคะ ^^

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 เม.ย. 2556, 11:29:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 เม.ย. 2556, 11:29:37 น.
จำนวนการเข้าชม : 2086
<< บทที่ 19 น้ำกรด | ตอนที่ 21 ค่ำคืนที่ยาวนาน >> |


Auuuu 10 เม.ย. 2556, 13:25:28 น.
ตัวเองทำตัวเองแท้ๆ เลยมาหาว่าคนอื่นแย่งกำไล เพลีย
ตัวเองทำตัวเองแท้ๆ เลยมาหาว่าคนอื่นแย่งกำไล เพลีย

Zephyr 11 เม.ย. 2556, 10:23:14 น.
เฮ้อ ยาย คุณยาย จิตมั่วจริง ความจำสับสนเรอะ
ป้าแสง ป้าทำตัวเองนะ คุณชบามิได้ทำซะหน่อย ยิ่งขนมจีนยิ่งไม่รู้เรื่องเลย
เฮ้อออออออออ เซงดับ
เฮ้อ ยาย คุณยาย จิตมั่วจริง ความจำสับสนเรอะ
ป้าแสง ป้าทำตัวเองนะ คุณชบามิได้ทำซะหน่อย ยิ่งขนมจีนยิ่งไม่รู้เรื่องเลย
เฮ้อออออออออ เซงดับ
