เพทายพ่ายตะวัน
เมื่อเธอคือ กุหลาบแดง แห่ง "เรือนกุหลาบ" และเขาคือ ศัลยแพทย์ ผู้มีฝีปากเชือดเฉือนยิ่งกว่ามีดผ่าตัด..ยุทธการปราบพยศครั้งนี้..มีหัวใจเป็นเดิมพัน!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: เพทายพ่ายตะวัน บทที่ ๘ เพลงพิณ ๑/๓

*หมายเหตุ : เพทายพ่ายตะวัน บทที่ ๗ สิทธิของผู้ชนะ ๒/๒ ต้องคลิกย้อนหลังไปอ่านนะคะ พอดีเมื่อวานโพสแล้วมันไม่ขึ้นหน้าเว็บ ขออภัยในความไม่สะดวกด้วยค่ะ
------

เช้ามืดวันเสาร์ ประมาณเป็นเวลาสากลก็ราวๆตีสี่ครึ่ง ตายายสองคนในครัวบ้านเดี่ยว ลึกสุดซอยหมู่บ้านจัดสรรหลังหนึ่ง กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารใส่บาตรพระเช้านี้ หญิงชราผมสีดอกเลากำลังใช้ทัพพีตักข้าวจากหม้อลงมาแบ่งไว้ในสำรับ หล่อนสะดุดกึกเมื่อแว่วเสียงเครื่องดนตรีบางชนิดลอยผ่านมาตามกระแสลมอ่อนๆ เสียงนั้นเบาจนแทบจะกลืนไปกับพระพาย ทว่าแฝงความกังวานอยู่เป็นระยะ จนหล่อนมั่นใจว่าไม่ได้หูฝาด

“ตาเอิบ..แกได้ยินเสียงอะไรไหม เหมือนเสียงพิณ” ยายสะกิดผู้เป็นสามี วางทัพพีลงในหม้อชั่วคราว
“อืม..เหมือน” ชายชราพยักหน้าเห็นด้วย พลางเงี่ยหูฟังให้ถนัดอีกครั้ง เขาผงกศีรษะอีกคำรบ ผู้ผ่านร้อนหนาวมามาก เริ่มนึกอะไรได้ “ฉันว่าเสียงพิณเปี๊ยะนะยาย..ใช่แน่ๆ”

“เสียงอะไรนะตา ฉันไม่เคยได้ยิน” หญิงชราขมวดคิ้วด้วยอารามสงสัย
“พิณเปี๊ยะ..พิณล้านนา ไพเราะจับใจเหมือนเสียงสวรรค์อย่างนี้แหละ”

คำตอบของตาค่อยๆกลืนหายไปกับสายลม ก่อนจะลอยหวนทวนขึ้นไปตามเสียงสายพิณประหลาด เสียงเบาแต่กังวานของเครื่องดนตรีล้านนาชนิดดีดชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ หน้าต่างห้องชั้นสองของบ้านเดี่ยวไม่ไกลจากบ้านของสองตายายถูกเปิดทิ้งไว้สองบานเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า

เจ้าของพิณเปี๊ยะกำลังบรรจงขับขานท่วงทำนองเพลง ‘พิณเปี๊ยะ’ อยู่ตรงเก้าอี้โยกริมกรอบไม้อย่างต่อเนื่อง

ชัดเจนประคองเครื่องดนตรีที่มีลักษณะคล้ายพิณน้ำเต้าด้วยสองมืออย่างทะนุถนอม มองผาดเผินอาจดูคล้ายด้ามธนูที่มีกะลามะพร้าวผูกติดไว้บริเวณส่วนหนึ่งในสี่ของด้ามไม้ยาว ซึ่งด้ามไม้นั้นเรียกว่าคันทวน ยาวประมาณ 1 เมตร กะลามะพร้าวเรียก..กระโหลก พิณนี้ยังกอปรด้วยลูกบิดขนาดยาว 18 เซนติเมตร สายพิณทำจากทองเหลืองโยงยาวลงมาจรดหัวเปี๊ยะ สายโยงสองสายถูกคล้องไว้ด้วยเชือกสำหรับเร่งเสียงไต่ระดับตามต้องการ

‘หัวเปี๊ยะ’ ทำด้วยสำริดเป็นรูปหัวช้างชูงวงงามสง่า

พระพายแผ่วผ่านผิวกายท่อนบนของชายหนุ่มเป็นระลอกๆ แผ่นอกผึ่งผายสมชายชาตรี วรรณะขาวสล้างผุดผ่องอย่างชาวเหนือโดยกำเนิด กล้ามเนื้อส่วนอกล่ำสันเป็นอีกส่วนสำคัญที่ช่วยในการควบคุมเสียงผ่านกล่องเสียงซึ่งทำจากกะลามะพร้าว

ปลายนิ้วมือขวาขยับดีดสายทองเหลืองของ ‘พิณเปี๊ยะ’ เกิดแรงสั่นสะเทือนส่งเลยไปถึงหัวเปี๊ยะ ระบบเสียงพิเศษส่งผ่านตามสายมายังกล่องเสียง ซึ่งก็คือกะลามะพร้าวผ่าครึ่งที่แนบกับหน้าอกเจ้าของพิณ คลื่นเสียงผ่านอากาศในช่องของกล่องเสียงไปสะท้อนกับแผ่นอก แล้วสะท้อนออกมาทางช่องว่างระหว่างกะลากับหน้าอก

ชายหนุ่มปรับขนาดช่องว่างนี้ด้วยมือซ้ายเพียงมือเดียว เพื่อให้ได้น้ำเสียงที่นุ่มนวลและทุ้มแหลม หนักเบา เป็นโทนเสียงต่างๆอย่างต่อเนื่อง การบรรเลงพิณเปี๊ยะให้ได้ความไพเราะ เสนาะโสตจับจิตถึงเพียงนี้ คือเหตุผลที่ทำให้ผู้เล่นต้องเปลือยกายท่อนบน แต่ถึงกระนั้น หากขาดความชำนาญจากการฝึกฝนตั้งแต่วัยเยาว์ โดยผู้ฝึกสอนคือ บิดาผู้เชี่ยวชาญและรักเครื่องดนตรีล้านนาประจำบ้านเกิดเป็นชีวิตจิตใจ ชัดเจนก็ไม่อาจบรรเลง เพลงที่ชื่อ ‘พิณเปี๊ยะ’ เพลงนี้ได้สมบูรณ์แบบ และน่าประทับใจมาได้จนถึงทุกวันนี้

“รู้ไหมเจ้าหนู..เพลงนี้แหละที่ทำให้แม่หลงรักพ่อ”

คือประโยคบอกเล่าที่บิดามักพร่ำบอกเขาประจำ ขณะอยู่ในชั่วโมงการฝึกสอนดีดพิณเปี๊ยะ ตั้งแต่ชัดเจนยังอายุได้เพียงเจ็ดขวบ ผู้เป็นพ่อตั้งใจถ่ายทอดการเล่นดนตรีชนิดนี้ให้เขานับจากนั้นเรื่อยมา จนกระทั่งชำนาญในหลักสูตรตอนอายุสิบขวบ

เหนือสิ่งอื่นใด..บุคคลสำคัญที่ทำให้เขานึกถึงได้มากกว่าพ่อ ทุกครั้งที่หยิบจับพิณเปี๊ยะขึ้นมาบรรเลง..นั่นคือ ปางทิพย์ รักครั้งแรก ซึ่งไม่เคยตายไปจากความทรงจำ แม้เจ้าหล่อนจะไม่ได้อยู่ให้เขาพบเจออีกแล้วในโลกใบนี้

หญิงสาวมีเชื้อสายของชาวล้านนาโดยกำเนิด เกิดที่จังหวัดเชียงใหม่เช่นเดียวกับเขา หล่อนเป็นคนผิวขาวเหลือง ดวงหน้าสวยหวานตามแบบสาวล้านนาโดยแท้ ยิ่งมาอยู่ในชุดพยาบาล ยิ่งส่งให้หล่อนเสมือนนางฟ้าในชุดขาว รอยยิ้มพิมพ์ใจกับกรอบตากลมโตลุ่มลึกตราตรึงเขาไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน หล่อนชอบเครื่องดนตรีชนิดนี้เป็นชีวิตจิตใจ ถึงจะเล่นไม่ได้ แต่หล่อนก็ชอบฟัง..โดยเฉพาะหากผู้เล่นพิณเปี๊ยะเป็นเขา หล่อนจะตั้งใจฟังเป็นพิเศษ บางคราวก็ส่งเสียงหวานกังวานขับขานเป็นเพลงคลอเคล้าเสียงพิณ

และเพลงที่หล่อนมักขับขานร่วมกับเขาขณะเล่นพิณเปี๊ยะเป็นประจำ นั่นก็คือเพลงชื่อเดียวกับเครื่องดนตรี...เพลง’พิณเปี๊ยะ’ เพลงนี้ที่ชัดเจนเพิ่งบรรเลงจบไปเมื่อครู่นั่นเอง

ทุกครั้งที่เขาหยิบจับพิณคู่ใจขึ้นมาเล่น ปล่อยอารมณ์ และจิตวิญญาณไปตามสายลมและเสียงทุ้มกังวาน เผื่อแผ่ให้เพือนบ้านได้ยลยิน นั่นไม่ใช่เพราะเขาคิดถึงพ่อ..

แต่เขาคิดถึง..ปางทิพย์

ผู้หญิงที่เขาสัญญากับตัวเองไว้แล้ว ว่าจะให้หล่อนร้องเพลงนี้ได้แต่เพียงคนเดียว ทุกขณะที่เขาดีดพิณ..ไม่มีใครแทนที่หล่อนได้เด็ดขาด


“ทิพย์จะร้องละนะ ชัดเล่นให้ฟังเสียทีสิ..แต่เตือนไว้ก่อน ฟังแล้วห้ามหยุดเล่นเพราะเสียงเพี้ยนๆของทิพย์ก็แล้วกัน”

หล่อนจะชักชวนแกมอ้อนวอนด้วยประโยคเดิมๆทุกครั้ง ที่ต้องการฟังเขาเล่นพิณเปี๊ยะ..และเสียงของหล่อนก็ตรงข้ามกับคำว่าเพี้ยนโดยสิ้นเชิง เพราะมันหวาน กังวานแว่ว ชวนให้รำลึกถึงอยู่ไม่เสื่อมคลาย หน้าตักแข็งแรงของเขาเสมือนมีหล่อนนอนเอนกาย เอาศีรษะงามมนอิงแอบพักพิงอยู่ตลอดเวลาที่บรรเลงเพลงนี้ สายลมรำเพยพัดผ่านมาอีกครั้ง ชัดเจนค่อยๆปิดเปลือกตา วางเครื่องดนตรีลงอย่างเบามือ สัมผัสหยดวารินน้อยๆปริ่มรื้นบริเวณขอบตา


*งาม....หนอไหนมาเปรียบปาน
สาย...ลมพริ้วพัดผ่าน
กาสะลองดอกน้อยกลีบบาน
หอมนวลกรุ่นอวลซาบซ่านดังวิมานเพลงพิณ


ใจ .....ข้าเจ้าถวิล
โบก....โบยบิน.. คิดถึง
บอกเมฆขาว ลมหนาวตราตรึง
เสียงพิณประสานซาบซึ้ง เฝ้ารำพึงถึงเธอ


** เพลงพิณนี้ดั่งมนต์สวรรค์
มานพหนุ่มน้อยคนธรรพ์แดนสวรรค์ฉิมพลี
ฮ่วมกันบรรเลง เพลงพิณเปี๊ยะตามสายนที
ล่องลอยเหนือห้วงวารีกล่อมโลกนี้ชื่นบาน

ลม...หนาวครวญแผ่วมา
แว่ว...พิณเปี๊ยะ ลานนา
มวลบุปผาดอกหอมโรยรา
หมอกเหมยเจ้าเย้ยใจข้า จำต้องลาเพลงพิณ




------
*เพลงพิณเปี๊ยะ ขับร้องโดย คำหล้า ธัญยพร



ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 เม.ย. 2556, 14:37:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 เม.ย. 2556, 16:58:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 1699





<< บทที่ ๗ สิทธิของผู้ชนะ ๒/๒   บทที่ ๘ เพลงพิณ ๒/๓ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account