เล่ห์รักพรหมลิขิต
พรหมลิขิตกำหนดความรัก แต่ความรักของเขาต้องใช้เล่ห์เข้ามาช่วย เพื่อครอบครอบหัวใจเธอ
Tags: พรหมลิขิต

ตอน: ตอนที่ 5 : คิดถึง (100%)

ณ ไร่แสงตะวัน เนื่องจากเมื่อคืนได้มีฝนโปรยปราย จึงทำให้เช้าวันนี้อากาศแจ่มใส มีน้ำค้างเกาะจากต้นหญ้า ได้หยดลงมาลงสู่พื้นดิน ทำให้เช้าวันนี้ไม่มีแสงแดดที่ร้อนอบอ้าวเหมือนหลายวันผ่านมา พวกคนงานในไร่เริ่มทยอยออกมาเก็บส้มและลำไยในตะกร้า เพื่อจะนำเข้าบรรจุกล่อง และแปรรูปในขั้นตอนต่อไป
แม่เลี้ยงการะเกดเปิดหน้าต่างรับความสดชื่นในยามเช้า เสือเดินเข้ามาพบที่ห้องส่วนตัวหลังจากแม่บ้านได้รับคำสั่งให้เรียกหา เมื่อเสือมาถึงแล้ว แม่เลี้ยงการะเกดจึงหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงจากตู้เซฟ ยื่นออกมาให้เสือ
“นี่เป็นแหวนหมั้นรูปหยดน้ำของคุณยาย สวยไหมเสือ?” แม่เลี้ยงการะเกดเปิดกล่องกำมะหยี่สีแดง ก็พบแหวนทองคำขาวประดับเพชรรูปหยดน้ำเม็ดใหญ่สวยงาม
“ครับ..สวยครับ”
“แหวนวงนี้เป็นแหวนหมั้นของคุณตาให้คุณยาย คุณยายมอบให้แม่มาหลายปีแล้ว แม่ไม่เคยใช้ออกงานไหนเลย แต่คราวนี้ แม่ให้เสือ เอาไว้หมั้นหนูรินทร์นะ”
“นี่คุณแม่จะให้เสือใช้ในวันหมั้นวันนี้เหรอครับ?” แม่เลี้ยงพยักหน้า
“มันเป็นของสำคัญของคุณยายนะครับ ผมไม่กล้ารับไว้หรอก ผมว่าผมไปเลือกซื้อที่ร้านเพชรข้างนอกดีกว่าครับ เพื่อนของผมก็เปิดร้านเพชรอยู่ตั้งหลายคน”
“อย่าเลย..แม่ว่าเสือเอาแหวนนี่ไปใช้ดีกว่า วันสำคัญอย่างนี้ แม่คิดว่าคุณยายจะดีใจล่ะไม่ว่า ที่หลานชายคนโปรดจะใช้แหวนของคุณยายเอง ไปหมั้นกับผู้หญิงที่ตัวเองรัก”
“สถานการณ์บังคับต่างหากล่ะครับ เขายังไม่ได้รักผมเลย” เสือแย้ง
“แต่เสือรักเขา จริงหรือเปล่าล่ะ?” แม่เลี้ยงถามยิ้มๆ
“ผมทำตามที่ตกลงกันไว้ต่างหากล่ะครับ” เสือเฉไฉ
“เอาเถอะๆ ตกลงว่าเสือรับไปดีกว่านะ ถือว่าเป็นของขวัญจากแม่และคุณยาย”
แม่เลี้ยงพยายามยัดเยียดใส่มือให้ เมื่อเห็นมารดาต้องการให้ใช้แหวนวงนี้ เสือจึงไม่ขัดอีกต่อไป
“ก็ได้ครับ ขอบคุณนะครับ” เสือไหว้ รับกล่องกำมะหยี่สีแดงที่ข้างในบรรจุแหวนทองคำขาวเม็ดงามไว้ ทันใดนั้นแม่บ้านก็เดินเข้ามาเรียกเสือ
“นายเสือคะ มีคนจากไร่ภูคำนึงมาหาค่ะ” เสือและมารดากันมามองกันด้วยความแปลกใจ ก่อนที่เสือจะพยักหน้าให้กับแม่บ้าน
“ขอบใจ ช่วยบอกว่าเดี๋ยวฉันออกไป”
“ค่ะ” แม่บ้านรับคำแล้วเดินออกไป เสือจึงหยิบกล่องบรรจุแหวนลงกระเป๋ากางเกง
“ทำไมคนที่ไร่ภูคำนึงมากันแต่เช้านะ น่าแปลก” แม่เลี้ยงพูด เสือนิ่งเงียบ ครุ่นคิด
หลังจากที่แม่บ้านเดินออกไปแล้ว เสือกับแม่เลี้ยงจึงเดินออกมาจากห้อง เพื่อมาพบแขกจากไร่ภูคำนึง ที่มากันแต่เช้า ก็เจอกับพ่อเลี้ยงราเชนทร์และวันวิสาข์ พร้อมลูกน้องอีกสองคนยืนรออยู่แล้ว
“พ่อเลี้ยงราเชนทร์ สวัสดีครับ” เสือยกมือไหว้ทัก พ่อเลี้ยงราเชนทร์จึงรับไหว้ด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี
“สวัสดีค่ะแม่เลี้ยงการะเกด พี่เสือ” วันวิสาข์ยกเสือไหว้แม่เลี้ยงการะเกดและเสือบ้าง
“สวัสดีค่ะ” แม่เลี้ยงรับไหว้ “มากันแต่เช้าเลย มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ? เท่าที่จำได้ เสือต้องไปที่ไร่ภูคำนึงตอนบ่ายโมงนี่คะ” แม่เลี้ยงการะเกดถาม
“ผมเอาเอกสารที่ดินและเอกสารตกลงการหมั้นมาให้น่ะครับ” พ่อเลี้ยงราเชนทร์พูด วันวิสาข์จึงหยิบเอกสารที่ถือมาด้วยมอบให้เสือ เสือจึงเปิดดูพร้อมแม่เลี้ยง
“นี่เป็นเอกสารที่ดินฉบับจริง ที่ได้ทำเรื่องแบ่งที่ดินกันไว้ คนละยี่สิบห้าไร่ ประมาณสองสามวันเราค่อยไปทำเรื่องที่กรมที่ดินกันอีกที ส่วนอีกชุดเป็นใบเอกสารการหมั้นทั้งหมดสองฉบับ ซึ่งลูกรินทร์ได้เซ็นต์ไว้แล้ว ส่วนอีกช่องให้เสือเซ็นต์ รบกวนแม่เลี้ยงและพ่อเลี้ยงสิงห์เซ็นต์ตรงช่องพยานให้ด้วย โดยเราก็เก็บไว้กันคนละชุด”
เสือเปิดอีกชุด ก็เจอลายเซ็นต์ของวารินทร์ที่ช่องลงนามด้านขวา และช่องพยานที่พ่อเลี้ยงราเชนทร์และวันวิสาข์เซ็นต์ไว้แล้ว ส่วนอีกช่องเว้นว่างไว้เขาเซ็นต์ พร้อมช่องพยานที่เว้นว่างให้กับบิดาและมารดาของเขาเซ็นต์รับรอง
“แล้วทำไมเราต้องเซ็นต์ตอนนี้ด้วยล่ะครับ? ไม่ต้องไปเซ็นต์กันที่ไร่ภูคำนึงเหรอ?” เสือถาม พ่อเลี้ยงราเชนทร์และวันวิสาข์นิ่งเงียบ กลั้นความรู้สึก
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ? พ่อเลี้ยงคิดจะทำอะไรกันแน่ครับ?” เสือเค้นเสียง เริ่มโกรธ
“ไม่มีอะไรแล้วอีกแล้วเสือ ฉันพยายามปกป้องชื่อเสียงลูกสาวฉันเต็มที่ นายก็รู้” พ่อเลี้ยงราเชนทร์พูดด้วยความหนักแน่น แต่แววตาเต็มไปด้วยความเสียใจ วันวิสาข์ขอบตาเริ่มแดง
“แล้วทำไมถึงทำเหมือนมีอะไรปิดบังผมอีก? น้องรินทร์ล่ะครับ?”
“ตอนนี้น้องรินทร์ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว น้องรินทร์ไปอังกฤษแล้วค่ะ!”
“อะไรนะ!?” จบคำพูดของวันวิสาข์ เสือและแม่เลี้ยงตกใจจนเอกสารแทบหลุดมือ
“ไปอังกฤษ? ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?” เสือพยายามถาม
“ไปเมื่อเช้ามืดนี่เองค่ะ น้องรินทร์จองตั๋วได้พอดี เลยให้คนขับรถไปส่งที่สนามบิน คุณพ่อก็เพิ่งทราบพร้อมสาข์เองค่ะ เราเจอเอกสารที่ห้องน้องรินทร์ที่เซ็นต์ไว้แล้วก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมงเองค่ะ” วันวิสาข์อธิบายด้วยขอบตาแดงก่ำ “น้องไม่ยอมบอกใครเลย หลังจากกลับมาก็ปิดประตูอยู่แต่ในห้อง สาข์ไม่นึกว่าพอเช้ามืดน้องจะแอบจองตั๋วหนีไปอังกฤษ สาข์เช็คกับคนขับรถที่ไปส่งน้องกับสลิปจองตั๋วถึงได้รู้”
แม่เลี้ยงการะเกดหันไปมองเสือที่ตอนนี้ได้แต่นิ่งเงียบด้วยความสงสาร เสือเริ่มตัวสั่นเนื่องจากกลั้นน้ำตาไว้จนสุดความสามารถ
‘นี่น้องรินทร์เกลียดพี่ จนถึงขนาดหนีไปในวันที่จะหมั้นกันเลยเหรอ?’ เสือคิดด้วยความเสียใจ
“ถ้าเสือจะตามไป ฉันก็ไม่ว่านะ ฉันจะเอาที่อยู่ให้ คิดว่าลูกรินทร์คงจะไปอยู่กับแม่เขา และอาจเรียนต่อที่นั่นเลย” พ่อเลี้ยงราเชนทร์เห็นใจเสือ ซึ่งดูแล้วก็เสียใจไม่ต่างกับเขา
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะรอวันนั้น วันที่น้องรินทร์เรียนจบกลับมา ถึงจะไม่รู้ว่ากลับมาเมื่อไหร่ก็ตาม แต่เมื่อผมรับปากไว้แล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับน้องรินทร์ก่อนเรียนจบ ผมก็จะทำตามที่ผมเคยพูดเอาไว้ครับ”

นั่นเป็นคำพูดของเขาเมื่อปีที่แล้ว ครั้งนั้นเขาได้เก็บเอาความเสียใจ มามุ่งมั่นพัฒนาที่ดินที่ได้แบ่งครึ่งกับพ่อเลี้ยงราเชนทร์มาเป็นพื้นที่ในการปลูกไร่ส้มและสวนลำไย โดยมีหัวหน้างานคนใหม่ชื่อ “เดี่ยว” ลูกชายหัวหน้างานคนเก่าที่เกษียณตัวเองออกไปเมื่ออายุมากแล้ว ได้ส่งลูกชายมารับงานต่อจากตน
“ผมฝากไอ้ลูกชายคนนี้ทำงานแทนผมด้วยนะครับคุณเสือ”
“ได้ครับ” เสือตอบรับชายมีอายุคนนั้น แล้วจึงหันไปที่ชายหนุ่มคนนั้น “ชื่ออะไรน่ะ?”
“ผมชื่อเดี่ยวครับนาย”เดี่ยวพูดพร้อมยกมือไหว้
“เคยทำสวนทำไร่มาก่อนหรือเปล่า งานหนักไหวไหม?” เสือถาม
“โอ้ย! สบายครับ แบกปูน แบกหินยังไหวเลยครับนาย” เดี่ยวตอบด้วยความทะเล้น
เสือยิ้มมองเดี่ยวอย่างถูกใจ เป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย จึงหันไปบอกกับหัวหน้าคนงานคนเก่าแก่
“ช่วงนี้อาจจะให้เดี่ยวเรียนรู้งานกับน้าไปก่อน เพราะผมต้องกลับไปเรียนต่อให้จบ ผมจะพยายามแวะมาที่ไร่ทุกอาทิตย์นะครับ”เมื่อเสือพูดจบ เดี่ยวจึงยกมือไหว้ขอบคุณ
หลังจากนั้นเดี่ยว ก็ช่วยงานได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าเสือจะปลูกต้นกล้าลำไยหรือต้นส้ม เขาและคนงานก็จะคอยขุดดิน เอาต้นกล้าลง โดยมีเสือคอยทำให้ดูเป็นตัวอย่างเสมอ เดี่ยวและคนงานหมั่นรดน้ำ พรวนดิน คอยดูแลไร่ส้มและลำไย แถมยังช่วยกันสร้างโรงอบลำไยอบแห้ง โดยมีพ่อเลี้ยงสิงห์และแม่เลี้ยงการะเกดคอยกำกับดูแลเสมอ นอกจากนั้นพ่อเลี้ยงราเชนทร์ก็ได้เปลี่ยนมาพูดคุยกับเสือมากขึ้น และยังคอยแอบติดตามการทำงานของเสือและคนงานด้วยความชื่นชม เมื่อเห็นความมานะพยายามและความตั้งใจของเสือในการพัฒนาที่ดินให้เป็นรูปเป็นร่าง

เสือนั่งอยู่บนที่นอนในห้องส่วนตัว เมื่อย้อนภาพเมื่อเกือบสิบปีที่แล้วเขามีภาคภูมิใจในสิ่งที่ได้ทำ เขาเปิดลิ้นชักบนโต๊ะออก เห็นกล่องกำมะหยี่สีแดงข้างใน คิ้วเข้มเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด เสือเอื้อมมือหยิบเอากล่องกำมะหยี่สีแดงออกมาจากลิ้นชัก แล้วเปิดออก แหวนทองคำขาวที่มีเพชรรูปหยดน้ำยังคงส่องแสงเป็นประกายงดงาม
“สิบปีมาแล้วสินะ ที่สนามบิน พี่เห็นน้องรินทร์ดูเปลี่ยนไปเยอะเลย ไม่รู้ว่าหัวใจน้องรินทร์จะเป็นยังไงบ้างนะ?” เสือพูดกับแหวนในกล่องกำมะหยี่สีแดง แล้วครุ่นคิดอยู่ในห้องตามลำพัง

“ยัยรินทร์!” วันวิสาข์ถลาวิ่งมากอดวารินทร์ เมื่อเห็นว่าคนที่บิดาพาเข้ามาในบ้านเป็นใคร
“พี่สาข์..” วารินทร์ยิ้มด้วยความดีใจเมื่อโดนอ้อมกอดของพี่สาวเต็มรัก
“เป็นยังไงบ้าง” วันวิสาข์ผละออกสำรวจน้องสาว “ได้แต่คุยโทรศัพท์กับอินเตอร์เน็ต ไม่ยอมกลับมาบ้านบ้างเลย”
“ก็กว่ารินทร์เรียนจบโทด้านบริหาร ก็ต้องอยู่คอยช่วยแม่ทำงานต่ออีก เลยไม่ได้กลับมาเลย คิดถึงพี่สาข์จัง” พูดจบก็กอดพี่สาวอีกครั้ง
“อ้อ! คุณพ่อด้วยนะคะ” ว่าแล้วก็เข้าไปกอดพ่อเลี้ยงราเชนทร์ที่ยืนยิ้มรออยู่แล้ว
“คราวนี้อยู่นานๆหน่อยนะ จะต้องกลับไปอีกไหม?” วันวิสาข์ถาม
“คุณพ่อเรียกตัวมา สงสัยจะให้อยู่นาน ใช่ไหมคะ?” วารินทร์หันไปถามบิดา
“ที่พ่อเรียกตัวรินทร์มาคราวนี้ พ่อจะให้รินทร์กลับมาพัฒนาที่ดิน ที่อยู่ใกล้ภูเขาแถวห้วยไคร้ยังไงล่ะลูก”
“ที่ดินผืนนั้น ยังเป็นของเราเหรอคะ?” วารินทร์ถาม บิดาพยักหน้ารับ
“เป็นของเราครึ่งหนึ่ง ที่เหลือเป็นของไร่แสงตะวัน ส่วนของเรายังเป็นที่ว่าง พ่ออยากให้ลูกรินทร์ช่วยพ่อขยายรีสอร์ตเพิ่ม โดยให้พี่สาข์คอยช่วยอยู่ห่างๆ เพราะพี่เราต้องช่วยพ่อทำงานทางนี้ด้วย พ่อเห็นที่ดินมันว่างมาหลายปี ลูกรินทร์น่าจะกลับมาพัฒนามันได้แล้ว แต่ว่าเราจะไม่ยอมกลับมาสักที พ่อโทรไปทีไรก็บอกต้องสอบเรียนต่อบ้างละ ช่วยแม่อยู่บ้างละ ถ้าพ่อไม่โทรไปบอกว่าทำงานไม่ไหวแล้ว ลูกรินทร์จะกลับมาไหมนี่?” พ่อเลี้ยงราเชนทร์ถามด้วยความเอ็นดู
“กลับสิคะ แหม..” วารินทร์กอดบิดาไว้แน่น ทั้งที่ความจริงแล้ว หญิงสาวไม่อยากกลับมาก็เพราะกลัวจะเจอใครบางคนที่นี่ ใครบางคนที่หลอกใช้เธอและทำให้อับอายจนไม่กล้าสู้หน้าใคร
“คุณพ่อก็รู้ว่าทำไมรินทร์ถึงไม่อยากกลับมา”
“พ่อรู้ แต่รินทร์จะเอาแต่หนีไม่ได้นะ ลูกสาวพ่อเป็นคนเก่งไม่ใช่หรือ?” พ่อเลี้ยงราเชนทร์ลูบผมหญิงสาว วารินทร์ยิ้มและพยักหน้ารับ
“แล้วนี่จะให้รินทร์เริ่มงานเมื่อไหร่คะ?”
“พรุ่งนี้เลย” วันวิสาข์ตอบ วารินทร์ชะงัก
“โอ้ย! เร็วจังพี่สาข์ รินทร์เพิ่งกลับมาเอง”
“อ้าว..ยิ่งเร็วสิยิ่งดี ช่วงนี้ใกล้จะช่วง High Season แล้ว เขารณรงค์ให้จังหวัดเรา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในช่วงฤดูหนาวกันอยู่ ที่พักทุกที่ก็จะเต็ม ไม่เพียงพอกับนักท่องเที่ยว ยิ่งทางไร่แสงตะวันจะทำเป็นสถานที่เปิดให้เที่ยวชมไร่ด้วย เราต้องรีบกันแล้วนะยัยรินทร์ ปีนี้คนน่าจะมากันเยอะ อย่ามัวแต่ชักช้าอยู่” เมื่อฟังวันวิสาข์พูดจบ วารินทร์จึงหันไปทำหน้าอ่อนใจกับบิดา ที่ยิ้มขำกับลูกสาวคนเล็กของตัวเอง

เช้าวันใหม่ วารินทร์ออกไปสำรวจที่ดินที่ห้วยไคร้ ซึ่งเป็นที่ดินว่างของตัวเอง โดยถือปากกาเพื่อจะคอยจดข้อมูลคร่าวๆลงในสมุดบันทึกเล่มเล็ก ที่พกมากับกระเป๋าเป้ใบโปรดของตัวเอง โดยมีคนขับรถมาคอยดูแลรับส่งตามคำสั่งของพ่อเลี้ยงราเชนทร์ หญิงสาวจดรายละเอียดเกี่ยวกับที่ดินและวาดรูปแปลนคร่าวๆ
“เดี๋ยวน้าคอยอยู่ตรงนี้ก่อนนะ รินทร์จะเดินไปดูตรงนู้นหน่อย” วารินทร์บอกคนขับรถ
“อย่าไปไกลมากนะครับคุณหนู”
“จ๊ะ! รอก่อนนะ” วารินทร์ยิ้มแล้วเดินออกไป
วารินทร์เดินดูพื้นที่ที่มองเห็นภูเขา เพื่อสำรวจระยะห่างที่จะพอสร้างทุ่งดอกไม้เมืองหนาว และรีสอร์ตลงในสมุดบันทึก
“ตรงนี้ น่าจะสร้างเป็นรีสอร์ต ขนาดแปดถึงสิบเมตร สักสิบหลัง ข้างหน้าน่าจะทำลานน้ำพุ กับสวนดอกทิวลิปกับคาเนชั่นได้” วารินทร์คาดคะเน และเดินไปเรื่อยๆ “ถ้าเป็นรีสอร์ตต้องถามพี่สาข์เรื่องการออกแบบว่าจะเอาแบบไหนดี”
วันวิสาข์เดินไปเรื่อยๆก็พบรั้วกำแพงสูงกั้นระหว่างสองที่ดินไว้ เพื่อแยกอาณาเขตการแบ่งอย่างชัดเจน
“นี่คงจะเป็นรั้วที่กั้นไร่แสงตะวันไว้สินะ คุณพ่อเคยโทรมาชมใหญ่ ว่าที่นี่พัฒนาเร็วจนจะเปิดอย่างเป็นทางการแล้ว” วารินทร์นิ่งคิด “จะพัฒนาเร็วแบบไหนนะ?”
“ลองแอบปีนไปดูนิดเดียวคงไม่เป็นไรมั้ง?” วารินทร์พูดกับตัวเอง แอบมองรถตัวเองไกลๆ แล้วจึงหันไปมองซ้ายขวาเพื่อสำรวจผู้คน เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้ จึงเก็บปากกาและสมุดใส่กระเป๋าเป้ และปีนรั้วขึ้นไป เมื่อปีนมาถึงข้างบนสุดของรั้ว วารินทร์ถึงกับตาโตอย่างตกใจ
“โอ้โห! ทำไมสวยอย่างนี้! ไม่อยากจะเชื่อเลย..”
ภาพที่วารินทร์เห็น เป็นบ้านหลังสีขาวออกครีมขนาดสองชั้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส หลังคาสี่เหลี่ยมสีแดงยื่นออกไป โดยมีกล้วยไม้หลากสีอยู่ตามระเบียง ดูกลมกลืนกับทุ่งหญ้าสีเขียวโดยรอบ ที่มีต้นนางพญาเสือโคร่งสีขาวต้นใหญ่อยู่ใกล้ๆ ข้างหน้าเป็นสระน้ำขนาดเล็กที่มีดอกบัวสีชมพูทั้งตูม ทั้งบานอยู่เต็มสระ มองเลยสระบัวไปนิดก็จะเห็นไร่ส้มอยู่ทางขวามือ และต้นลำไยหลายต้นอยู่ทางซ้ายมือ โดยมีโรงอบลำไยแห้งอยู่ตรงกลาง ระหว่างไร่ส้มกับต้นลำไย มองเห็นคนงานหลายคนกำลังเก็บผลผลิตอยู่ไม่ไกล
“นี่ถ้าทำรีสอร์ตด้วยคงจะดีไม่น้อยเลย ขอแอบดูตัวบ้านหน่อยนะ” วารินทร์กระโดดลงจากรั้ว แอบย่องเข้าไปข้างหลังบ้านเพื่อสำรวจบ้านหลังสวยหลังนี้ทางหน้าต่าง
“ข้างในตกแต่งสวยดี ผ้าม่านสีโอรส แสงสีเหลืองขาวเหรอ” วารินทร์เดินไปรอบๆ
“มีโรงเก็บรถข้างๆด้วย.. ว้าย!!” วารินทร์ตกใจที่มีคนเปิดประตูข้างหลังออกมา คนที่เปิดก็ตกใจเช่นกัน ทั้งสองคนต่างตกตะลึง ต่างจ้องกันอย่างไม่วางตา
“น้องรินทร์..”เสือพึมพำ แทบไม่เชื่อสายตา
“พี่เสือ!” วารินทร์ขยับตัวถอยห่าง เมื่อเตรียมตัวจะออกวิ่ง แต่ก็โดนเสือคว้าแขนเอาไว้
“ว้าย! ทำอะไรน่ะ?!” วารินทร์ตกใจที่โดนเสือจับแขนเอาไว้
“จะไปไหน? เจอหน้ากันไม่คิดจะทักกันบ้างเลยเหรอ?” เสือถามแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือ วารินทร์ตกใจแต่ก็พยายามเรียกสติ
“พะ พี่เสือปล่อยก่อนสิคะ”
“จะให้พี่ปล่อยเหรอ?” เสือถาม วารินทร์พยักหน้าช้าๆ
“ได้!”
“ว้าย!!” วารินทร์ตกใจที่ถูกเสือกระชากแขนเข้าหาตัว ทำให้ร่างบางปะทะเข้ากับอกชายหนุ่ม เสือใช้เสี้ยววินาทีนั้นรัดร่างบางเข้าหา แล้วกอดไว้แน่น ชายหนุ่มก้มลงแล้วจูบลงที่แก้มนุ่มหอม วารินทร์ตะลึงช็อค
“พี่เสือ! ทำอะไร!? ปล่อยนะ!” วารินทร์ร้องโวยวาย ตกใจจนแทบทรุด มือก็พยายามผลักออก แต่เสือกลับจะก้มลงไปหอมแก้มอีกข้าง
“ขอพี่ชื่นใจหน่อยนะ...รู้ไหมว่าพี่คิดถึงน้องรินทร์มากแค่ไหน” วารินทร์พยายามเอนตัวหนี เมื่อเสือก้มหน้าลงมาแทบชิดแก้มหอมที่อยู่อีกข้าง
“อย่าทำแบบนี้พี่เสือ! ปล่อย!”วารินทร์ปากคอสั่น “เดี๋ยวจะมีใครมาเห็นเข้านะ!” เสือหยุด หันมามองตาหญิงสาว
“ใครเห็นก็ช่างครับ! ตอนนี้...วินาทีนี้ พี่อยากจะกอดน้องรินทร์ไว้ รู้ไหมว่าพี่คิดถึงน้องรินทร์มากแค่ไหน? หลายปีที่ผ่านมาพี่คิดว่าจะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก ต่อให้เกิดอะไรขึ้นก็ตาม ตอนนี้พี่จะไม่ยอมปล่อยน้องรินทร์ไปอีกแน่นอน” เสือพุดด้วยความมุ่งมั่น และโน้มหน้าลงเพื่อจะสัมผัสกับแก้มอีกข้าง
“ว้าย! หยุดก่อนพี่เสือ เรามาคุยกันดีๆก่อนนะ อย่าทำแบบนี้... รินทร์ขอร้อง” วารินทร์พูดน้ำตาคลอที่ถูกรังแก
เมื่อเสือเห็นหญิงสาวมีน้ำตาก็หยุด ปล่อยจากการโอบรัดออก แล้วใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำตาให้
“ไม่เอานะ..อย่าร้องนะครับคนดี พี่ขอโทษ..”
เสือเปลี่ยนจากโอบรัด มาจับมือวารินทร์ไว้แทน
“เราไปคุยที่ระเบียงกันดีกว่า พี่อยากรู้ว่าน้องรินทร์มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” ว่าแล้วก็จูงมือหญิงสาวเดินออกไปด้านหน้า เพื่อจะพาไปนั่งที่ระเบียง
“น้องรินทร์มาที่นี่ได้ยังไงกันครับ พี่ตกใจหมดเลยที่เปิดประตูแล้วเจอน้องรินทร์อยู่ข้างหลังบ้าน” เสือถามเมื่อทั้งสองนั่งตรงระเบียงด้วยกันแล้ว
“เอ่อ...คือ…เอ่อ...” วารินทร์นั่งคิด ไม่กล้าบอกว่าแอบมาดูโครงสร้างของบ้าน เพื่อจะเอาข้อมูลไปใช้ประยุกต์ทำรีสอร์ต หญิงสาวหันซ้ายหันขวาเพื่อจะหาข้ออ้าง แต่เมื่อหันมามองคนข้างๆก็เจอสายตาคมๆและรอยยิ้มที่ผุดอยู่มุมปากของเสือ จนวารินทร์รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมา
“พี่เสือมองรินทร์ทำไมคะ? หน้ารินทร์มีอะไรติดอยู่เหรอ?” วารินทร์ใช้มือเช็ดแก้มไปด้วยด้วยความกังวลที่ถูกมองมาตรงๆ
“ไม่มีอะไรติดหน้าหรอกครับ พี่มองคนสวยอยู่” เสือพูดจบ วารินทร์ถึงกับหน้าร้อน จนแก้มเปล่งเริ่มมีสีแดงเลยทีเดียว
“พี่เสือ...อย่าล้อเล่นสิคะ รินทร์ก็ยังเหมือนเดิมแหละค่ะ” วารินทร์ยิ้ม หันไปมองอีกทาง พยายามไม่สบตากับคนข้างๆที่จ้องมองตาแทบไม่กระพริบ
หากโบราณเคยกล่าวไว้ว่า ‘ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ’ วารินทร์จะเชื่อทันทีว่าผู้ชายตรงหน้าได้เปิดหัวใจออกทางดวงตา จนเห็นได้อย่างชัดเจน
‘ไม่นะวารินทร์ เธอเคยตกหลุมพรางมาก่อน เคยโดนใช้วิธีหลอกล่อให้ตายใจ แล้วตลบหลัง จนคุณพ่อต้องเสียที่ดินไปครึ่งหนึ่งและเธอเองก็ยังเสียชื่อเสียง อับอายขายหน้าอีก’ วารินทร์คิด พยายามตั้งสติ
‘ดีล่ะ...เราก็ใช้วิธีเดียวกัน ล้วงข้อมูลพี่เสือมาพัฒนาที่ดิน ทำให้ดีมากกว่า หากแผนสำเร็จ ธุรกิจรีสอร์ตก็จะเจริญรุดหน้า แถมอาจจะดึงนักท่องเที่ยวมาที่ไร่ภูคำนึงได้มากกว่าไร่แสงตะวันก็ได้ แล้วจากนั้นก็ทำให้นายเสือได้รู้รสชาติของความช้ำใจ อับอายขายหน้าซะบ้าง’ หญิงสาวคิดคนเดียวในใจ จนเผลอยิ้มออกมา เสือที่มองคนข้างหน้าอยู่ก็ยิ้ม เข้าใจว่าหญิงสาวยิ้มด้วยความเขินอาย
เสือมองวารินทร์ตาปรอย ตอนนี้หญิงสาวแทบไม่เหลือเค้าของเด็กสาวน่ารักรูปร่างบอบบาง เหมือนตุ๊กตาอย่างคราวที่แล้วอีกต่อไป ในตอนนี้วารินทร์ได้เปลี่ยนเป็นสาวเต็มตัว ผิวขาวอมชมพู รูปร่างยังคงบอบบางเหมือนเดิม ผมยาวยักศกสีน้ำตาลธรรมชาติ ถูกมัดเปียคาดไว้ด้านหน้า แล้วปล่อยผมยาวสลวยเต็มแผ่นหลัง ทำให้วารินทร์ดูเป็นสาวและสวยมาก เสือแทบลืมหายใจเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว เขาได้สูดความหอมจากแก้มของหญิงสาวที่หอมกรุ่นไปทั้งตัว ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนอิเหนาที่กำลังตกหลุมรักนางบุษบา จนจะถอนตัวไม่ขึ้นอยู่แล้ว
“เดี๋ยวนี้ น้องรินทร์ไม่แทนตัวเอง ว่าหนูแล้วเหรอ?”
“แหม...ตอนนี้รินทร์โตจจวนะสามสิบแล้วนะคะ เรียกหนูไม่ได้แล้วล่ะค่ะ”วารินทร์ยิ้ม
“ที่อังกฤษคงอากาศดีสินะ คุณแม่เป็นยังไงบ้างครับ”
“คุณแม่สบายดีค่ะ แต่ก็ยังยุ่งเหมือนเดิม ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณพ่อให้กลับมาเร็วจัง เพราะคุณแม่ยังหาคนแทนรินทร์ยังไม่ได้เลย”
“สงสัยให้กลับมาช่วยงานที่ไร่ล่ะมั้งครับ เห็นพ่อเลี้ยงราเชนทร์เคยบอกว่าจะพัฒนาที่ดินข้างไร่นี้อยู่ สงสัยเขาคงคิดจะให้น้องรินทร์มาช่วยงานละมั้ง”
“พี่เสือรู้ได้ไงคะ?” วารินทร์แปลกใจ หันมามองเสือตาโต
“กะ..ก็ พี่สาวน้องรินทร์ น้องสาข์ไงครับ เขาเคยบอกว่าจะให้รินทร์กลับมาช่วยงานพ่อเลี้ยงราเชนทร์อยู่ พี่เจอน้องสาข์บ่อยนะ” เสือตอบ รินทร์พยักหน้ารับรู้
“น้องรินทร์จะเข้าไปดูไร่ส้มกับสวนลำไยบ้างไหม? เผื่อจะมีความคิดอะไรดีๆบ้าง”
“โอ๊ะ...อย่าดีกว่าค่ะ รินทร์มากับคนขับรถ ป่านนี้คงจะรอนานแล้ว” วารินทร์ขยับตัวลุกขึ้นยืน “ป่านนี้คงจะรอนานแล้วด้วย งั้นรินทร์กลับก่อนนะคะ” วารินทร์กำลังจะยกมือไหว้เอ่ยลา แต่ก็โดนเสือคว้าแขนไว้
“ไปกับพี่ดีว่านะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ละ แล้ว..คนขับรถล่ะคะ?”
“พี่จะให้คนงานไปบอกให้” พูดจบจึงหันออกไปข้างนอก และยกมือเรียกคนงานทำลังเก็บส้มไม่ไกลให้เข้ามา
“เดี่ยว! มานี่” เมื่อเห็นนายกวักมือเรียก เดี่ยวจึงวิ่งเข้าไปหา
“นาย! มีอะไรครับ..อะ อ้าว..เฮ้ย?” เดี่ยวงง ที่เจอวารินทร์อยู่ที่บ้านด้วย แล้วมองวารินทร์นิ่ง
“เดี๋ยวปีนรั้วกำแพงนี่ ออกไปบอกคนขับรถของไร่ภูคำนึงด้วยว่า ไม่ต้องรอน้องรินทร์แล้ว เดี๋ยวฉันจะไปส่ง” เสือสั่งงาน แต่เดี่ยวยังยืนนิ่ง ไม่ไหวติง
“ไอ้เดี่ยว! ไอ้เดี่ยว!” เสือเรียกดังขึ้น “ไอ้เดี่ยว!!”
“คะ ครับ!!”
“ฉันบอกให้ปีนรั้วไปบอกคนขับรถที่รออยู่ข้างรั้วนี่ ว่าไม่ต้องรอน้องรินทร์แล้ว ฉันจะไปส่ง ได้ยินไหม!?”
“ได้ยินแล้วนาย..ตะโกนออกมาได้..แก้วหูหลุดแล้วมั้งนี่” เดี่ยวรับคำ แล้วเดินออกไปข้างหลัง ปากก็บ่นพึมพำไปตลอดทาง วารินทร์ยิ้มขำ
“นั่นไอ้เดี่ยว หัวหน้าคนงานที่นี่ ลูกน้องพี่เอง”
“ดูท่าจะสนิทกับพี่เสือนะคะ” วารินทร์ยิ้ม
“มันแทบจะปีนเกลียวพี่อยู่แล้วล่ะ” เสือยิ้มตอบ พลางเดินนำหน้าหญิงสาวออกไปยังไร่
ภาพของเสือและวารินทร์เดินตามกันมา ทำให้คนงานแอบมองด้วยความสนใจและงงงวย เพราะไม่เคยเห็นวารินทร์มาก่อน หลายคนซุบซิบถามกันด้วยความแปลกใจ
“น้องรินทร์รู้เรื่องพันธุ์ลำไยมาก่อนไหม?”
“รินทร์เคยได้ยินแต่พันธุ์สีชมพูกับอีดอค่ะ”
“ครับ ที่เชียงใหม่กับเชียงรายนิยมปลูกสองสายพันธุ์นี้ ทั่วทั้งประเทศมีตั้งหกสิบแปดสายพันธุ์ แต่ส่วนใหญ่จะปลูกพันธุ์สีชมพู อีดอ พันธุ์แห้ว พันธุ์เบี้ยวเขียว พันธุ์เพชรสาคร พันธุ์ตลับนาค ลำไยกะโหลก เยอะแยะไปหมดเลยนะครับ”
“แล้วที่พี่เสือจะปลูกนี่พันธุ์อะไรคะ?” วารินทร์ชี้ไปต้นกล้าลำไยที่วางเรียงกันเป็นแถวหลายแถว
“นี่เป็นพันธุ์สีชมพูครับ กำลังจะเอาลงปลูกไปกี่วันนี้ น้องรินทร์เห็นโรงอบลำไยไหม?” เสือชี้ให้ดู
“การอบแห้งสามารถทำได้ทุกสายพันธุ์เลยนะ แต่ส่วนใหญ่เราเน้นพันธุ์อีดอ ส่งออกไปทางจีนกับตะวันออกกลางมากกว่า”
“ส่วนใหญ่ส่งแบบอบแห้งไปเหรอคะ?”
“ครับ..ส่วนใหญ่จะเน้นอบแห้ง เขามักจะเอาไปทำยา ทำสมุนไพร ทำเครื่องสำอางค์ก็ได้ด้วยนะ”
“โห...น่าสนใจมากเลยนะคะ”
เมื่อเห็นหญิงสาวสนใจ เสือจึงให้ลองชิมรสชาติลำไยจากต้น เพื่อเทียบกันแต่ละสายพันธุ์ พร้อมกับอธิบายไปด้วย โดยมีสายตาหลายคู่มองด้วยความชื่นชม เพราะภาพชายหนุ่มหญิงสาว ดูเหมาะสมกันมาก
เดี่ยวเมื่อเดินไปบอกคนขับรถเสร็จแล้ว จึงเดินกลับมายังไร่ เพื่อจะทำงานต่อ ก็เจอกลุ่มคนงานหลายคนนั่งซุบซิบกันอยู่
“หัวหน้าๆ” คนงานคนหนึ่งเรียก
“ว่าไง มานั่งจับกลุ่มอะไรตรงนี้?” เดี่ยวเดินมาเมื่อได้ยินเสียงเรียก
“นั่นใครอ่ะหัวหน้า? ไม่คุ้นหน้าเลย” คนงานคนเดิมถามพร้อมกับชี้ไปยังชายหนุ่มและหญิงสาว
“ไม่เหมือนผู้หญิงคนก่อนๆ ที่เข้ามาหานายเสือที่ไร่เลยนะ” คนงานอีกคนพูด เดี่ยวจึงเพ่งมอง
“อ๋อ…นั่นน่ะ คุณหนูวารินทร์ ลูกสาวพ่อเลี้ยงราเชนทร์ ไร่ภูคำนึงไง”
“คุณหนูวารินทร์เหรอ? ทำไมคนที่ไร่ภูคำนึงมาที่นี่ได้นะ” เสียงคนงานพูดคุยกันจอแจ
“ไม่เคยเห็นหน้าเลยนะ”
“ห้า! ใช่แล้ว! คนที่เคยมีข่าวว่ามีผัวแล้วสิบปีที่แล้วไง” เสียงคนงานคนหนึ่งพูด ทำให้คนงานหลายคนที่เหลือเริ่มฮือฮา ทำให้เสียงซุบซิบดังขึ้นกว่าเดิมอีก
“แล้วทำไมมาอยู่กับนายเสือได้ล่ะ?”
“เลิกกับผัวแล้วมั้ง คงหวังมาจับนาย” ผู้หญิงคนงานคนหนึ่งพูด ทำให้เกิดเสียงฮือฮา
“นายเสือจะรู้ไหมว่ะ”
“ต้องบอกนายแล้วล่ะ!”
“เฮ้ย!! ไม่ต้อง!” เดี่ยวร้อง เมื่อเหล่าคนงานกำลังจะลุกฮือกันไป
“เราต้องบอกนายนะหัวหน้า” คนงานร้องบอก หลายคนแย่งกันพูดเซ็งแซ่
“ไปทำไม?! ก็ผัวคุณหนูวารินทร์ ก็คือนายเสือยังไงล่ะ!!อุ๊บ!” เดี่ยวเอามือปิดปาก แต่ไม่ทันแล้ว
“หา!!เมียนายเสือ!!” เหล่าคนงานตกตะลึง ช็อคกันทั่วหน้า
“โอ้ย!! ซวยซะแล้วกู ไอ้เดี่ยวเอ้ย!”

จบตอนที่ 5



ไอยสวรรค์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 เม.ย. 2556, 01:00:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 เม.ย. 2556, 21:21:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 1134





<< เข้าใจผิด (100%)   คู่แข่ง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account