เล่ห์รักพรหมลิขิต
พรหมลิขิตกำหนดความรัก แต่ความรักของเขาต้องใช้เล่ห์เข้ามาช่วย เพื่อครอบครอบหัวใจเธอ
Tags: พรหมลิขิต
ตอน: คู่แข่ง
วารินทร์ เดินตามหลังเสือที่กำลังชี้ให้ดูสวนส้มสายน้ำผึ้งและส้มเขียวหวาน มีหลายต้นออกดอกออกผลให้เก็บแล้ว คนงานหลายคนใช้กรรไกรคอยตัดก้านผลส้ม และคอยตัดขั้วออกอีกครั้ง เพื่อไม่ให้ส้มเกิดรอยแผลระหว่างเก็บเกี่ยว
“น้องรินทร์ลองชิมส้มสายน้ำผึ้งจากสวนของพี่ดูไหม? เสือชวน พร้อมกับยื่นผลส้มสายน้ำผึ้งผลสวยให้
“ขอบคุณค่ะ” วารินทร์เอื้อมมือมาหยิบ เมื่อแกะผลส้มออกนิดเดียว ก็ได้กลิ่นหอมของส้มลอยมา จึงหยิบเปลือกที่แกะออกมาดมอีกครั้ง พร้อมกับแกะส้มชิ้นหนึ่งเข้าปาก
“โห! อร่อยมากค่ะ เนื้อส้มแน่นมาก กลิ่นหอม และเปลือกบางด้วย ปกติรินทร์ทานส้ม เปลือกจะหนากว่านี้นะคะ”
“เป็นเพราะสภาพอากาศ และการดูแลเอาใจใส่ของคนงานที่นี่น่ะครับ” เสือยิ้มให้ “ยิ่งช่วงใกล้ฤดูหนาว ส้มจะออกผลเยอะ ทางไร่พี่ก็จะเอาไปแปรรูปหลายอย่างเลย ทั้งทำแยม ทำน้ำส้ม ของที่ระลึก และเปลือกยังสามารถเอาไปทำยาสมุนไพร เครื่องทำอางค์ และไล่ยุงได้ด้วยนะครับ”
“ได้ความรู้เยอะเลยค่ะ” วารินทร์ยิ้มให้ มองไปรอบๆและเอ่ยชม “ที่นี่สวยมากจริงๆนะคะ พัฒนาเร็วมาก คนงานดูมีความสุขนะคะ แถมมีบ้านหลังเล็กๆน่าอยู่ด้วย”
เสือหยุดเดิน หันมาสบตากับคนข้างๆ
“อยากอยู่ไหมล่ะครับ อยู่กับพี่ได้นะ”
เมื่อเสือจ้องหันมาสบตาจริงจัง วารินทร์ถึงกับยิ้มค้าง เหมือนโลกหยุดหมุน เมื่อคนตรงหน้ามองมานิ่งๆอีกครั้ง หัวใจหญิงสาวเริ่มเต้นเร็วและแรง จึงต้องรีบหลบสายตาไปทางอื่น
“เราไปทางนั้นดีกว่าค่ะ รินทร์อยากไปดูเขาอบลำไย” วารินทร์รีบเปลี่ยนเรื่องข่มความอาย และเดินเร็วหนีออกไป
วารินทร์มาถึงโรงอบลำไยพื้นที่เกือบสามไร่ ก็พบกล่องบรรจุลำไยหลายกล่องที่หุ้มพลาสติกอยู่บนพาเลตไม้ที่ผ่านการรมควันไว้แล้ว ภายใน มีคนงานหลายคนกำลังคัดแยกลำไย ชั่งน้ำหนัก และบรรจุกล่อง โดยมีกระบะเครื่องอบลมร้อนทำงานอยู่ เมื่อคนงานเห็นวารินทร์และเสือเดินเข้ามาก็ร้องทัก
“นายเสือ! วันนี้พาเมียมาด้วยเหรอ?” คนงานคนหนึ่งร้องทัก ทำให้เกิดเสียงโห่ฮาตามมา เสือและวารินทร์ตกใจ โดยเฉพาะวารินทร์ที่หน้าเหรอหรา หันไปมองเสือ ชายหนุ่มก็สั่นศีรษะเหมือนให้สัญญาณว่าไม่รู้เรื่อง
“นายแต่งงานเมื่อไหร่ ไม่เห็นบอกพวกเราเลย”
“เมียนายสวยจังนะ” คนงานหลายคนแย่งกันพูด วารินทร์อายจนแทบแทรกแผ่นเดินหนี
‘ทำไมพวกนี้ต้องพูดว่าเราเป็นเมียนายเสือ พวกนี้รู้เรื่องข่าวลือได้ยังไง’ หญิงสาวคิด หันไปมองเสือด้วยความรู้สึกอับอายและโกรธ เมื่ออยู่ต่อหน้าคนเยอะๆ วารินทร์จึงไม่กล้าพูดอะไร นอกจากยิ้มให้กับพวกคนงาน และหันไปสบตากับเสือที่มองมาอย่างลุแก่โทษ
เมื่ออยู่ในรถกันตามลำพัง เสือซึ่งขับรถโฟร์วีลสีน้ำเงินคันโปรด ออกจากไร่ของตัวเอง เพื่อมุ่งหน้าไปส่งวารินทร์ยังไร่ภูคำนึง ได้หันมามองหญิงสาวเป็นระยะๆ ทั้งสองไม่มีใครพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว รถวิ่งไปเรื่อยๆ เหมือนคนขับไม่ได้รีบร้อนอะไร ทั้งคู่รู้สึกอึดอัด และมีคำถาม วารินทร์จึงตัดสินใจทำลายความเงียบนั้นลง
“ทำไมพวกคนงานถึงรู้เรื่องวันนั้นคะ?” วารินทร์ถาม เสือนิ่ง “พี่เสือได้ให้สัญญากับคุณพ่อรินทร์แล้ว ว่าจะไม่เอ่ยถึงเรื่องนั้นอีก แล้วทำไมพวกเขาถึงรู้เรื่องวันนั้นกันเกือบหมดทุกคน”
“พี่ไม่รู้เหมือนกันมาออกมาได้ยังไง พี่ก็เพิ่งรู้มาเมื่อไม่กี่วันนี้เอง หลังจากเกิดเรื่องเมื่อวันนั้น ข่าวลือเกี่ยวกับน้องรินทร์ได้แพร่กระจายมานานแล้ว มีแต่พวกเราเท่านั้นที่ไม่เคยได้ยิน”
“ข่าวลือว่ายังไงคะ ที่พี่เสือได้ยิน?” วารินทร์ถาม พยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้โกรธ เสือหันไปมองด้วยความเห็นใจ
“น้องรินทร์อย่าเสียใจเลยนะ ถ้าได้ยินสิ่งที่พี่พูด” วารินทร์พยักหน้า เสือจึงตัดสินใจบอก
“เขาลือกันมานานแล้วว่าน้องรินทร์มีสามีตั้งแต่อายุสิบแปด และพ่อเลี้ยงราเชนทร์ไปเจอเข้าตอนอยู่ที่รีสอร์ตกับผู้ชาย พ่อเลี้ยงราเชนทร์ตกใจและอับอาย จึงส่งน้องรินทร์ไปเรียนเมืองนอก เพื่อไม่ให้ใครรู้เรื่องนี้เพราะกลัวเสื่อมเสียชื่อเสียง พี่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าว”
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรนี่” วารินทร์ตกใจโกรธจนน้ำตาซึม เสือเห็นวารินทร์มีน้ำตาก็รู้สึกแย่ อยากจะจับมือแต่ก็รั้งเอาไว้ เขาหยุดรถจอดลงข้างทางเมื่อผ่านป้ายคำว่าไร่ภูคำนึงมาแล้ว
“พวกเขาไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือพี่ จนไม่กี่วันมานี้ ที่พี่รู้ข่าว พี่ถึงได้บอกว่าผู้ชายคนนั้นเป็นพี่เอง”
วารินทร์อึ้งที่เสือยอมรับออกมาเสียอย่างนั้น
“ความจริง พี่เสือไม่ต้องยอมรับก็ได้นะคะ ปล่อยให้เรื่องนี้มันจบไปตั้งแต่วันนั้นจะดีกว่า” วารินทร์หันมามองน้ำตาเริ่มซึมออกมา “ชาวบ้านจะลือยังไงก็ช่างแล้วแต่เขา ถ้าเราไม่ยอมรับ เรื่องก็คงจบไปเอง”
“พี่ทำยังงั้นไม่ได้หรอก” เสือหันมามองวารินทร์ “พี่เป็นคนก่อเรื่อง พี่ต้องรับผิดชอบ”
“รับผิดชอบงั้นเหรอ?” วารินทร์เริ่มโกรธน้ำตาเริ่มไหล “ทุกอย่างมันเป็นอุบัติเหตุ! รินทร์รู้ว่าพี่เสือไม่ได้ก่อเรื่องตั้งแต่ต้น พี่เสือโดนตีหัวมา รินทร์โดนยาสลบ เราถูกทำร้าย แต่บังเอิญที่พี่เสืออยากได้ที่ดินคืน พี่เสือเลยเอารินทร์มาต่อรองกับคุณพ่อ ตอนนี้พี่เสือก็ได้คืนแล้ว ทุกอย่างก็ควรจะจบได้แล้ว เรื่องของเรามันเป็นเรื่องโกหก! พี่เสือโกหกทุกคน เราไม่ได้มีอะไรกัน ทำไมพี่เสือไม่ยอมอธิบายความจริงสักที!”
“ให้พี่อธิบายกับทุกคน แล้วให้น้องรินทร์ไปจากพี่อย่างงั้นเหรอ!?” เสือเริ่มโมโหบ้าง
“พี่เสือบอกจะรับผิดชอบยังไงคะ? บอกความจริงทุกคนสิคะ” วารินทร์น้ำตาไหล “ถือว่ารินทร์ขอร้อง..”
เสือเห็นวารินทร์น้ำตาไหล ก็รู้สึกแย่ จึงเอื้อมมือไปจับมือหญิงสาวไว้
“ได้ครับ..พี่จะรับผิดชอบ” เสือพูด “พี่จะพูดเรื่องของเรากับทุกคนเอง”
วารินทร์ยิ้มให้เสืออย่างดีใจ และเช็ดน้ำตา
“ขอบคุณมากนะคะ รินทร์อยากให้พี่เสืออธิบายเรื่องนี้กับทุกคนมานานแล้ว”
“พี่จะรับผิดชอบเรื่องของเรา ด้วยการแต่งกับน้องรินทร์ให้เร็วที่สุด พี่จะไม่ยอมเสียน้องรินทร์ไปอีกแน่นอน”
วารินทร์อึ้ง ยิ้มค้าง ส่วนเสือคิดด้วยความมุ่งมั่นและเอาจริง
โลกหยุดหมุนไปกี่นาทีไม่อาจจะรู้ วารินทร์พยายามเรียกสติ พยายามเอ่ยปากถามเสือด้วยความไม่เข้าใจ
“พะ..พี่เสือพูดอย่างกับ...พี่เสือ....รักรินทร์เหรอคะ?”
เสือนิ่งเงียบ วารินทร์มองเสือด้วยความสับสนกับการแสดงออกของเสือ ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วย “พี่ไม่รู้เหมือนกัน” เสือพยายามพูดออกมาด้วยความยากลำบาก เขาเองก็สับสน “พี่รู้แต่เพียงว่าพี่อยากอยู่ใกล้ อยากเห็นน้องรินทร์ยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้” เสือหันมามองตา วารินทร์แทบลืมหายใจ
“มันอาจจะเป็นการประทับใจสักอย่าง แต่ถ้าถามว่าพี่รักน้องรินทร์ไหม พี่ว่า...พี่ไม่ได้รักน้องรินทร์”
จบคำพูดเสือ หัวใจที่เต้นอย่างรุนแรงเมื่อกี้แทบจะหยุดลง วารินทร์ก้มหน้า พยายามซ่อนน้ำตาที่เจียนจะหยดเมื่อได้ฟังคำตอบเมื่อครู่
‘นี่เธอหวังอะไรไว้เหรอ เขาแค่เกิดความประทับใจ เขาอยากปกป้องชื่อเสียงเธอต่างหาก เขาได้ที่ดินคืนแล้วแต่อยากปกป้องน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้นเอง” วารินทร์คิดเงียบๆกับความคิดตนเอง
ทั้งสองไม่มีใครพูดอะไรออกมา เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่อาจทราบได้ ในที่สุดวารินทร์ก็เอ่ยออกมาด้วยความยากเย็น
“พี่เสือคงเห็นว่ารินทร์เป็นน้องสาวที่ควรปกป้องชื่อเสียงมั้งคะ” วารินทร์หันมามอง ก่อนตัดสินใจ “ขอบคุณนะคะ แต่ไม่ต้องหรอกค่ะ รินทร์จะยืนด้วยตัวเอง ไม่ว่าใครจะพูดยังไง รินทร์จะพิสูจน์ให้ทุกคนรู้เองว่าที่พี่เสือพูดมันเป็นเรื่องจำเป็น พี่เสืออยากได้ที่ดินคืน แต่เมื่อได้คืนไปแล้ว ทุกอย่างถือว่าจบ ส่วนรินทร์ ก็จะพยายามเรียนรู้งาน และจะไม่ยอมให้ที่ดินที่ได้รับมาต้องสูญเปล่ากับการแลกมาพร้อมชื่อเสียงของรินทร์เอง รินทร์ขอร้องอย่างเดียว ตั้งแต่วันนี้ไป...หยุดบอกใครต่อใครว่าพี่เสือเป็นสามีรินทร์อีก ส่วนคนที่รู้ก็ช่างเขา สักวันเขาจะต้องเข้าใจรินทร์เองค่ะ” วารินทร์เปิดประตูออก “ขอบคุณมากนะคะที่มาส่ง”
“ปัง!” วารินทร์ปิดประตู ซ่อนมือเล็กๆที่กำลังสั่นด้วยการกอดกระเป๋าสะพายแนบกับลำตัวด้านหน้า เดินช้าๆไปตามทางของถนนของไร่ภูคำนึง โดยมีเสือที่นั่งอยู่ในรถมองตามแผ่นหลังที่กำลังเดินช้าๆออกไป
‘ปึก!ปึก!” เสือทุบพวงมาลัยระบายอารมณ์ แล้วซบหน้ากับพวงมาลัยนั้น
‘นี่เขาเป็นอะไร? ทำไมเขาต้องพูดแบบนั้น…เขากำลังสับสนอะไรอยู่ ที่เขาเฝ้ารอเวลาเธอกลับมาเกือบสิบปี เพราะเห็นว่าเธอเป็นน้องสาวที่ควรปกป้อง อย่างที่เธอพูดจริงๆหรือ…’
หากวารินทร์หันกลับมามองด้านหลังสักนิด คงจะสามารถสังเกตเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังซบพวงมาลัยด้วยความเสียใจอย่างที่สุด แถมเนื้อตัวยังสั่นเทาจากการหลั่งน้ำตาอยู่....
“ยัยรินทร์!” วันวิสาข์ตกใจเรียก เมื่อเห็นน้องสาวเดินเข้ามาในบ้านด้วยสภาพย่ำแย่ ขอบตาบวมช้ำ หากใครมองก็รู้ได้ทันทีว่าผ่านการร้องไห้มา
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? คนขับรถกลับมาบอกพี่ ว่าพี่เสือจะมาส่งรินทร์ แล้วทำไมกลับมาแบบนี้?” วันวิสาข์ถามน้องสาว วารินทร์ที่พยายามกลั้นน้ำตาก็อดทนไม่ไหว
“พี่สาข์..” วารินทร์โผเข้ากอดพี่สาวไว้และร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น วันวิสาข์งง แต่ไม่ถามอะไรออกมา จึงได้แต่ลูบหลังน้องสาวเพื่อคอยปลอบใจ
เมื่ออยู่กันตามลำพังในห้องนอนของวารินทร์ วันวิสาข์ยื่นแก้วนมอุ่นๆให้ วารินทร์เอื้อมมือรับพร้อมกล่าวขอบคุณหลังจากผ่านการร้องไห้อย่างหนัก
“พี่ไม่อยากเชื่อเลยว่าที่พี่เสือทำไปทั้งหมด เพราะอยากรับผิดชอบชื่อเสียงรินทร์ในฐานะที่เป็นน้องสาวคนหนี่ง” วันวิสาข์พึมพำเบาๆ เมื่อได้ฟังเรื่องราวคร่าวๆจากน้องสาวตนเอง โดยที่วารินทร์เว้นเรื่องที่เสือเคยลวมลามตนไว้
“พี่เสือต้องการเอาชนะคุณพ่อค่ะ แต่เมื่อได้ทุกอย่างกลับคืนแล้ว เขาก็ไม่คิดว่าจะเกิดการแพร่กระจายข่าวลือออกไป เขาเลยยอมรับว่าเขาเป็นคนก่อเรื่อง และอ้างว่าเป็นสามีของรินทร์ เพื่อปกป้องชื่อเสียงรินทร์ค่ะ” วารินทร์อธิบายให้พี่สาวฟัง
“พี่ว่าการกระทำมันขัดแย้งกันนะ ตอนที่รินทร์หนีไปเมืองนอก พี่กับคุณพ่อไปแจ้งข่าวให้เขารู้ เขาเหมือนคนเสียใจมากเลยนะ แถมเวลาพี่เจอเขาทีไร เขาถามแต่เรื่องรินทร์กับพี่ทุกที ทำไมเขาถึงบอกว่าเขาไม่ได้รักรินทร์เลย พี่ไม่เข้าใจ”
“ช่างเขาเถอะค่ะ รินทร์ไม่อยากรับรู้เรื่องนี้แล้ว นับจากนี้ไป เขาจะคิดอะไรก็เรื่องของเขา รินทร์ก็อยู่ส่วนรินทร์ เขาก็อยู่ส่วนเขา”
“แล้วถ้าบังเอิญเจอกันล่ะ จะทำยังไง เพราะเราต้องทำงานใกล้เขาด้วย” วันวิสาข์ถาม
“ถ้าเลี่ยงไม่ได้ รินทร์ก็จะคุยตามปกติค่ะ คิดเสียว่าเขาเป็นพี่ชายคนหนึ่งเหมือนกัน ดีซะอีกที่เขาบอกตรงๆให้รู้ จะได้ไม่คิดเอาเองว่าเขาทำเหมือนสนใจเรา”
“งั้นรินทร์พักผ่อนนะ พรุ่งนี้เข้าไปพบคุณพ่อด้วยนะ เห็นเขาบอกพี่ว่าจะให้รินทร์เข้าไปคุยเรื่องงานด้วย” วันวิสาข์บอกน้อง
“ขอบคุณพี่สาข์นะคะ ที่คอยอยู่เป็นเพื่อนรินทร์”
“จ๊ะ รินทร์พักผ่อนนะ อย่าคิดอะไรมาก” วันวิสาข์พูดด้วยความเป็นห่วง “งั้นพี่ไปนะ”
วารินทร์พยักหน้ายิ้มให้ เมื่อวันวิสาข์เดินออกไป
เมื่ออยู่คนเดียววารินทร์เดินไปล้มตัวลงบนที่นอน พร้อมหลับตาลงเพื่อเก็บความช้ำใจเอาไว้ ก่อนจะลืมตาพร้อมตั้งปนิธานด้วยความมุ่งมั่น
‘พรุ่งนี้..เราจะต้องทำให้ทุกคนเห็น ว่าเราสามารถขยายรีสอร์ตของคุณพ่อและสร้างความรุ่งเรืองลงบนที่ดินผืนนั้นเองได้ โดยที่ไม่มีพี่เสือมาคอยปกป้องชื่อเสียงอีก หากคิดให้ดีๆ บางที..พี่เสืออาจจะอยากได้ที่ดินทั้งหมดเลยต้องดึงเรามาเกี่ยวข้อง...หากเป็นอย่างหลัง ขอบอกไว้เลยว่าฝันไปเถอะ...’
“เสือ..” แม่เลี้ยงการะเกดเอ่ยทัก เมื่อเห็นเสือเดินเข้ามาในบ้านแล้ว เสือจึงหยุดเดิน ก้มหน้าลง
“คุณแม่มีอะไรหรือเปล่าครับ? วันนี้ผมเหนื่อยจัง”
“วันนี้มีคนงานมาบอกแม่ เรื่องที่หนูรินทร์ไปที่ไร่” แม่เลี้ยงการะเกดเดินเข้ามาหาและสังเกตมองเสือ
“เอ๊ะ! เสือเป็นอะไรหรือเปล่า? ทำไมหน้าตาไม่ค่อยดีเลย” ความจริงแม่เลี้ยงสังเกตเห็นขอบตาแดงๆของลูกชาย แต่เลี่ยงไม่เอ่ยถาม
“ผมขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบก็เดินลิ่วออกไป แม่เลี้ยงการะเกดได้แต่ถามค้างอยู่ตรงนั้น
เมื่อเดินเลี้ยงแม่เลี้ยงการะเกดเข้ามาในห้องแล้ว เสือก็เข้าห้องน้ำ หมุนก็อกน้ำให้เปิด ทั้งแต่ยังไม่ได้ถอดเสื้อผ้าออก น้ำเย็นที่ไหลจากฝักบัวเริ่มแรงขึ้นตามแรงหมุนของก็อก น้ำเย็นๆราดรดบนศีรษะของชายหนุ่มที่ก้มหน้ารับกับความเย็นของละอองน้ำไว้แล้ว ตอนนี้เขาแทบไม่รู้สึกถึงความเย็นสดชื่นของมันเลย อาจเป็นเพราะตอนนี้หัวใจเขากำลังเจ็บช้ำ และทรมาณอย่างรุนแรง
เช้าวันใหม่ วารินทร์ที่นอนหลับๆตื่นๆตลอดทั้งคืน จึงตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนแรง ดีที่วันนี้รอบบวมแดงเนื่องจากผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักกับวันวิสาข์เริ่มลดน้อยลง เนื่องจากไม่ได้ร้องไห้เพิ่มหลังจากพี่สาวออกจากห้องไปแล้ว วารินทร์จึงแต่งหน้าเข้มกว่าเดิมเพื่อปกปิดร่องรอยเอาไว้ ทั้งที่โดยปกติไม่ค่อยแต่งหน้าเท่าไหร่ นอกจากครีมบำรุงผิวและแป้งเด็ก
“รินทร์..” พ่อเลี้ยงราเชนทร์เรียก เมื่อเห็นวารินทร์เดินผ่านมาตรงขอบประตูห้องรับแขก
ตอนแรกหญิงสาวเห็นว่าบิดามีแขกอยู่ จึงจะเดินเลี่ยงออกไป แต่บิดาเห็นเธอก่อน จึงเรียกให้เข้ามาข้างใน หญิงสาวจึงเดินเข้ามาในห้องรับแขกนั้น ก็เจอผู้ชายหน้าตาดีนั่งอยู่กับบิดาและมีวันวิสาข์นั่งอยู่ตรงข้ามด้วย
“นี่..วารินทร์ ลูกสาวคนเล็กของผม” พ่อเลี้ยงราเชนทร์แนะนำ แล้วจึงหันไปบอกวารินทร์ “ นี่..คุณตุลสิทธิ์ สถาปนิกที่จะมาออกแบบและควบคุมงานสร้างรีสอร์ตให้กับเรา”
“สวัสดีค่ะ” วารินทร์ยกมือไหว้ ชายหนุ่มจึงยกมือไหว้รับ พร้อมกล่าวทักทายตอบ
“เรียกพี่ตุลย์ก็ได้ครับ พี่ว่าพี่น่าจะอายุมากกว่าน้องรินทร์ บางทีอาจจะมากกว่าคุณสาข์ด้วยซ้ำ” ตุลสิทธิ์ยิ้มให้
“เมื่อลูกรินทร์มาก็ดีแล้ว เดี๋ยวเราช่วยพาพี่เขาไปดูที่ดินที่ห้วยไคร้หน่อย และค่อยกลับมาช่วยกันวางแผนออกแบบรีสอร์ตนะ” พ่อเลี้ยงราเชนทร์พูด
“ได้ค่ะ” วารินทร์รับคำ แล้วจึงหันมาทางชายหนุ่ม “เชิญค่ะ พี่ตุลย์”
ตุลสิทธิ์พยักหน้ารับ แล้วจึงกล่าวขอตัวกับพ่อเลี้ยงราเชนทร์และวันวิสาข์ และเดินตามหลังวารินทร์ออกไป
ณ ไร่แสงตะวัน พ่อเลี้ยงสิงห์กำลังจดรายละเอียดเกี่ยวกับความร้อนชื้นของเมล็ดกาแฟพันธุ์อราบิก้า โดยมีคนงานบางส่วนคอยช่วยกันวัดค่าความชื้น และบางคนก็เอาไปชั่งน้ำหนัก เพื่อที่จะเอาไปคั่วแล้วส่งออกในลำดับต่อไป เสือที่เดินเข้าพบบิดา เนื่องจากมีคนงานเรียกเข้าพบ จึงเอ่ยทัก
“คุณพ่อเรียกผมเหรอครับ?” พ่อได้ยินเสียงลูกชาย พ่อเลี้ยงสิงห์จึงหันมา
“พ่อว่าจะฝากเมล็ดกาแฟพันธุ์อราบิก้าพวกนี้ ไปส่งที่ตลาดให้หน่อย เห็นว่าเป็นทางผ่านก่อนที่เสือจะไปไร่แถวห้วยไคร้ ”
“ได้ครับ”
เสือและคนงานจึงช่วยกันจัดแจงลงใส่กล่อง และให้คนงานยกไปที่รถ
“เสือ..เมื่อคืนแม่บอกพ่อว่าหนูรินทร์ไปที่ไร่ของเรา จริงไหม?” พ่อเลี้ยงสิงห์ถาม
“ครับ”
“รู้ไหมคนที่ไร่แตกตื่นกันใหญ่ เรื่องของเรากับหนูรินทร์”
“ครับ ข่าวแพร่กระจายออกไปเร็วมาก ผมก็เพิ่งทราบไม่กี่วัน”
“แล้วเราจะทำยังไงต่อไป?”
“ผมได้ออกตัวรับผิดชอบเรื่องนี้แล้ว แต่น้องรินทร์เขาบอกว่าเขาไม่ต้องการ”ชายหนุ่มนิ่ง พยายามเก็บความรู้สึกเจ็บปวดไว้ข้างใน
“เราทำเต็มที่แล้ว พ่อเข้าใจ” พ่อเลี้ยงสิงห์ตบบ่าให้กำลังลูกชาย ถึงเสือจะไม่ยอมอธิบายมากกว่านี้ แต่เขาเชื่อมั่นว่าสักวันทุกอย่างจะต้องคลี่คลาย
เสือและเดี่ยวไปส่งเมล็ดกาแฟที่ตลาดเสร็จ เดี่ยวจึงขับรถต่อโดยมีเสือนั่งข้างๆ เพื่อจะไปยังไร่ของตัวเองที่ถูกพัฒนาจนสวยงามแถวห้วยไคร้ เมื่อรถขับผ่านที่ดินว่างข้างๆไร่ ก็ต้องแปลกใจเพราะมีโฟร์วีลสีดำที่ติดป้ายสติ๊กเกอร์ว่า ‘ไร่ภูคำนึง’ จอดอยู่ข้างๆที่ดินว่างผืนนั้น
เสือใจเต้นแรง เมื่อคิดว่าคนที่จอดรถมาดูที่ดินไม่พ้นต้องเป็นวารินทร์เป็นแน่แท้ ก่อนที่เดี่ยวจะขับเลยออกไป เขาพยายามมองผ่านกระจกรถออกไปเพื่อมองหาหญิงสาว โดยมีเดี่ยวคอยแอบชำเลืองนายของตนอยู่
“จอดรถก่อนไหมนาย? เผื่อนายจะแวะเจอคุณหนูรินทร์ก่อน แล้วค่อยไปที่ไร่”
“ไม่ต้องหรอก ขับไปเถอะ” ปากว่าแต่ตายังไม่ยอมละสายตามองหาหญิงสาว
เดี่ยวจึงพึมพำออกมาด้วยความหมั่นไส้
“บอกให้ขับไป แต่ใจหล่นอยู่แถวๆนี้แล้วล่ะนาย พูดแล้วจะเสียใ....อุ้ย!!”
เดี่ยวพูดยังไม่ทันจบ ก็เห็นชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งกำลังยืนสเก็ตภาพกันอยู่ไกลๆ ทั้งสองกำลังหัวเราะให้กันอย่างมีความสุข โดยไม่มีคนขับรถมาส่งเหมือนอย่างที่เคย ประหนึ่งว่าโลกนี้มีเพียงสองคน เสือที่มองอยู่แล้วถึงกับอึ้งกับภาพที่เห็น
“นาย.....” เดี่ยวหันมาขอความเห็น เพราะภาพที่เห็นคงจะบาดใจนายเสืออย่างมาก
“ขับไปต่อเถอะ”
เสือจึงหันกลับมานั่งตัวตรง โดยที่เดี่ยวได้แต่ชำเลืองมองด้วยความเห็นใจ แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากถาม
เมื่อรถขับมาถึงไร่ได้นานแล้ว เสือก็เดินไปทำงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขากำลังช่วยคนงานตัดผลส้มลงตะกร้าอยู่ เดี่ยวที่มองนาย ก็ได้เก็บความสงสัยไว้ในใจ
“นายเดี่ยว! นายเดี่ยว! ” เดี่ยวหันมามองตามเสียงเรียก
“อุ้ย! คุณหนูแพร! ตายแล้วนายเสือ วันนี้มันวันอะไรกันนี่!” เดี่ยวอุทาน เมื่อคนเรียกเป็นหญิงสาวลูกสาวของตำรวจใหญ่แห่งเมืองเชียงราย กำลังเดินเข้ามาตนเพื่อถามหานายเสือเป็นแน่แท้ เพราะหญิงสาวถือตะกร้าของฝากมาด้วย ผมยาวถูเปียเป็นสองข้างพร้อมสวมหมวกปีกกว้างสีขาวน่ารักเดินเข้ามาหา
ความจริงแล้ว ‘คุณหนูแพร’เป็นหญิงสาวเป็นคนที่ดูน่ารัก ผิวขาว รูปร่างบอบบาง อายุน่าจะประมาณวารินทร์ หากดูหน้าตาและฐานะถือว่าเหมาะกับนายเสืออยู่ไม่น้อย หากหญิงสาวไม่มีกิริยาเย่อหยิ่งถือตัว และเป็นน้องสาวของคู่ปรับของนายตัวเอง..อย่างนายอรรค
เสือได้ยินใครบางคนตะโกนไกลๆแต่ฟังไม่ถนัด จึงหันมองเดี่ยวที่ทำสัญลักษณ์มาหล่อนมาแล้ว เขาจึงรีบหลบออกไป
คุณหนูแพรที่เดินมาจวนถึงเดี่ยวแล้ว หันมองซ้ายขวา
“พี่เสือล่ะ?อยู่ไหน?”
“เอ่อ...คือ ไม่ทราบครับ”
“ไม่ทราบ? แกไม่ได้มาพร้อมพี่เสือเหรอ?”
“มาพร้อมกันครับ แต่ไม่รู้นายไปอยู่ไหนตอนนี้”
หญิงสาวมองลูกน้องคนสนิทของนายเสืออย่างไม่เชื่อ
“แน่นะ ไม่ได้จะปิดบังฉันไม่ให้เจอพี่เสือนะยะ” หญิงสาวจ้องหน้าเดี่ยวเพื่อจับผิด เดี่ยวจึงเบนสายตาหนีหลบ
“ก็ได้...ฉันไปหาเองก็ได้ อย่าให้รู้ว่าปิดบังฉันละกัน” หญิงสาวจึงเดินกระแทกไหล่เดี่ยวออกไป เขาแทบจะล้มลง ดีที่ร่างกายเขาบึกบึน จึงแค่เซไปเล็กน้อยเพราะไม่ทันตั้งตัว
“โห....แรงผู้หญิงหรือวะนี่” เดี่ยวบ่นตามหลัง แต่คนชนไม่ได้ยินแล้ว
ตุลสิทธิ์ลงมือเขียนรูปโครงสร้างรีสอร์ตคร่าวๆ ตามแบบที่วารินทร์ต้องการ โดยเน้นความต้องการของวารินทร์เป็นหลัก โดยเฉพาะภายในตัวบ้านที่วารินทร์พยายามจะใช้แบบจำลองของบ้านเสือมาเป็นแบบในการทำรีสอร์ตในครั้งนี้
“เอาล่ะครับ นี่เป็นแบบคร่าวๆที่น้องรินทร์ต้องการนะครับ” เขาให้วารินทร์ดูแบบที่เขาสเก็ตคร่าวๆในกระดาษ วารินทร์มองแล้วยิ้มรับด้วยความพึงใจ
“ที่เหลือพี่จะเอารายละเอียดตรงนี้ ไปสร้างแบบจำลองออกมาอีกที แล้วเราค่อยมาคุยเรื่องรายละเอียดวัสดุที่จะใช้ พี่จะประสานงานกับผู้รับเหมาและวิศวกรหลังจากเราทำสัญญาตกลงกันแล้ว พี่คาดว่าไม่กี่วัน เราคงจะได้เริ่มก่อสร้างกันซะทีนะครับ”
“ค่ะ รินทร์อยากจะให้เริ่มไวๆแล้วล่ะค่ะ”
“ได้ยินคุณวันวิสาข์บอกว่าน้องรินทร์จะทำสวนดอกไม้ด้วย”
“ค่ะ พี่สาข์จะช่วยรินทร์ด้านการจัดสวน เพราะพี่สาข์ถนัดทางนี้ เอ๊ะ!รู้สึกพี่สาข์ก็จบมัณฑนากรมหาวิทยาลัยเดียวกับพี่ตุลย์เลยนะคะ” วารินทร์เพิ่งนึกขึ้นได้
“เหรอครับ มิน่าล่ะพี่ว่าหน้าคุ้นๆ แต่เราเรียนคนละปี และคนละคณะ เราอาจจะเคยเจอผ่านๆก็เป็นได้นะครับ”
“ค่ะ” วารินทร์ยิ้ม
“แล้วนี่ใกล้เที่ยงแล้ว น้องรินทร์หิวหรือยังครับ? เราออกไปหาอะไรทานก่อนกลับไปที่ไร่ก่อนไหม?”
“หิวแล้ว!” เสียงนี้ไม่ใช่เสียงของวารินทร์ ทั้งคู่จึงหันไปมอง
“พี่เสือ!” วารินทร์ตกใจ เพราะไม่รู้ว่าเสือ มายืนอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ เสือจึงเดินเข้ามาที่คนทั้งคู่ วารินทร์รู้สึกอึดอัด แม้จะทำใจว่าจะต้องเจอเข้าสักวัน แต่เมื่อเจอเข้าจริงๆ ยังเกือบเก็บอาการไว้ไม่อยู่
“น้องรินทร์จะไปทานข้าวเหรอ พี่ไปด้วยคนนะ” เสือพูดกับวารินทร์ยิ้มแย้ม ก่อนหันไปมองชายอีกคนที่ยังยืนงงอยู่
“สวัสดีครับ คุณ...”
“ผมตุลยสิทธิ์ครับ สถาปนิกที่จะมาออกแบบรีสอร์ตที่นี่” เขาพูดพร้อมยกมือขึ้นไปข้างหน้าเพื่อจะจับมือ
“ผมเสือครับ เจ้าของไร่ข้างๆนี่เอง” เขาพูดพร้อมจับมือตอบ
“คุณเสือ..ถ้าเดาไม่ผิด คุณคือเสือ ลูกชายพ่อเลี้ยงสิงห์ ไร่แสงตะวันหรือเปล่าครับ?”
“ใช่ครับ” เสืองง ที่ตุลยสิทธิ์รู้จักเขาด้วย ทั้งที่เป็นคนต่างถิ่น
“คุณนี่เอง...สามีของน้องรินทร์ งั้นเชิญทานข้าวด้วยกันเลยนะครับ” พูดจบก็เดินไปยังรถก่อน ปล่อยให้คนทั้งคู่ตกใจ อ้าปากค้างอยู่ที่เดิม เสือที่กะจะมาเป็นก้างขวางคอ ถึงกับตกใจพูดไม่ออก เพราะไม่คิดว่าคนๆนี้จะรู้เรื่องข่าวลือด้วย
จบตอนที่ 6
“น้องรินทร์ลองชิมส้มสายน้ำผึ้งจากสวนของพี่ดูไหม? เสือชวน พร้อมกับยื่นผลส้มสายน้ำผึ้งผลสวยให้
“ขอบคุณค่ะ” วารินทร์เอื้อมมือมาหยิบ เมื่อแกะผลส้มออกนิดเดียว ก็ได้กลิ่นหอมของส้มลอยมา จึงหยิบเปลือกที่แกะออกมาดมอีกครั้ง พร้อมกับแกะส้มชิ้นหนึ่งเข้าปาก
“โห! อร่อยมากค่ะ เนื้อส้มแน่นมาก กลิ่นหอม และเปลือกบางด้วย ปกติรินทร์ทานส้ม เปลือกจะหนากว่านี้นะคะ”
“เป็นเพราะสภาพอากาศ และการดูแลเอาใจใส่ของคนงานที่นี่น่ะครับ” เสือยิ้มให้ “ยิ่งช่วงใกล้ฤดูหนาว ส้มจะออกผลเยอะ ทางไร่พี่ก็จะเอาไปแปรรูปหลายอย่างเลย ทั้งทำแยม ทำน้ำส้ม ของที่ระลึก และเปลือกยังสามารถเอาไปทำยาสมุนไพร เครื่องทำอางค์ และไล่ยุงได้ด้วยนะครับ”
“ได้ความรู้เยอะเลยค่ะ” วารินทร์ยิ้มให้ มองไปรอบๆและเอ่ยชม “ที่นี่สวยมากจริงๆนะคะ พัฒนาเร็วมาก คนงานดูมีความสุขนะคะ แถมมีบ้านหลังเล็กๆน่าอยู่ด้วย”
เสือหยุดเดิน หันมาสบตากับคนข้างๆ
“อยากอยู่ไหมล่ะครับ อยู่กับพี่ได้นะ”
เมื่อเสือจ้องหันมาสบตาจริงจัง วารินทร์ถึงกับยิ้มค้าง เหมือนโลกหยุดหมุน เมื่อคนตรงหน้ามองมานิ่งๆอีกครั้ง หัวใจหญิงสาวเริ่มเต้นเร็วและแรง จึงต้องรีบหลบสายตาไปทางอื่น
“เราไปทางนั้นดีกว่าค่ะ รินทร์อยากไปดูเขาอบลำไย” วารินทร์รีบเปลี่ยนเรื่องข่มความอาย และเดินเร็วหนีออกไป
วารินทร์มาถึงโรงอบลำไยพื้นที่เกือบสามไร่ ก็พบกล่องบรรจุลำไยหลายกล่องที่หุ้มพลาสติกอยู่บนพาเลตไม้ที่ผ่านการรมควันไว้แล้ว ภายใน มีคนงานหลายคนกำลังคัดแยกลำไย ชั่งน้ำหนัก และบรรจุกล่อง โดยมีกระบะเครื่องอบลมร้อนทำงานอยู่ เมื่อคนงานเห็นวารินทร์และเสือเดินเข้ามาก็ร้องทัก
“นายเสือ! วันนี้พาเมียมาด้วยเหรอ?” คนงานคนหนึ่งร้องทัก ทำให้เกิดเสียงโห่ฮาตามมา เสือและวารินทร์ตกใจ โดยเฉพาะวารินทร์ที่หน้าเหรอหรา หันไปมองเสือ ชายหนุ่มก็สั่นศีรษะเหมือนให้สัญญาณว่าไม่รู้เรื่อง
“นายแต่งงานเมื่อไหร่ ไม่เห็นบอกพวกเราเลย”
“เมียนายสวยจังนะ” คนงานหลายคนแย่งกันพูด วารินทร์อายจนแทบแทรกแผ่นเดินหนี
‘ทำไมพวกนี้ต้องพูดว่าเราเป็นเมียนายเสือ พวกนี้รู้เรื่องข่าวลือได้ยังไง’ หญิงสาวคิด หันไปมองเสือด้วยความรู้สึกอับอายและโกรธ เมื่ออยู่ต่อหน้าคนเยอะๆ วารินทร์จึงไม่กล้าพูดอะไร นอกจากยิ้มให้กับพวกคนงาน และหันไปสบตากับเสือที่มองมาอย่างลุแก่โทษ
เมื่ออยู่ในรถกันตามลำพัง เสือซึ่งขับรถโฟร์วีลสีน้ำเงินคันโปรด ออกจากไร่ของตัวเอง เพื่อมุ่งหน้าไปส่งวารินทร์ยังไร่ภูคำนึง ได้หันมามองหญิงสาวเป็นระยะๆ ทั้งสองไม่มีใครพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว รถวิ่งไปเรื่อยๆ เหมือนคนขับไม่ได้รีบร้อนอะไร ทั้งคู่รู้สึกอึดอัด และมีคำถาม วารินทร์จึงตัดสินใจทำลายความเงียบนั้นลง
“ทำไมพวกคนงานถึงรู้เรื่องวันนั้นคะ?” วารินทร์ถาม เสือนิ่ง “พี่เสือได้ให้สัญญากับคุณพ่อรินทร์แล้ว ว่าจะไม่เอ่ยถึงเรื่องนั้นอีก แล้วทำไมพวกเขาถึงรู้เรื่องวันนั้นกันเกือบหมดทุกคน”
“พี่ไม่รู้เหมือนกันมาออกมาได้ยังไง พี่ก็เพิ่งรู้มาเมื่อไม่กี่วันนี้เอง หลังจากเกิดเรื่องเมื่อวันนั้น ข่าวลือเกี่ยวกับน้องรินทร์ได้แพร่กระจายมานานแล้ว มีแต่พวกเราเท่านั้นที่ไม่เคยได้ยิน”
“ข่าวลือว่ายังไงคะ ที่พี่เสือได้ยิน?” วารินทร์ถาม พยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้โกรธ เสือหันไปมองด้วยความเห็นใจ
“น้องรินทร์อย่าเสียใจเลยนะ ถ้าได้ยินสิ่งที่พี่พูด” วารินทร์พยักหน้า เสือจึงตัดสินใจบอก
“เขาลือกันมานานแล้วว่าน้องรินทร์มีสามีตั้งแต่อายุสิบแปด และพ่อเลี้ยงราเชนทร์ไปเจอเข้าตอนอยู่ที่รีสอร์ตกับผู้ชาย พ่อเลี้ยงราเชนทร์ตกใจและอับอาย จึงส่งน้องรินทร์ไปเรียนเมืองนอก เพื่อไม่ให้ใครรู้เรื่องนี้เพราะกลัวเสื่อมเสียชื่อเสียง พี่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าว”
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรนี่” วารินทร์ตกใจโกรธจนน้ำตาซึม เสือเห็นวารินทร์มีน้ำตาก็รู้สึกแย่ อยากจะจับมือแต่ก็รั้งเอาไว้ เขาหยุดรถจอดลงข้างทางเมื่อผ่านป้ายคำว่าไร่ภูคำนึงมาแล้ว
“พวกเขาไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือพี่ จนไม่กี่วันมานี้ ที่พี่รู้ข่าว พี่ถึงได้บอกว่าผู้ชายคนนั้นเป็นพี่เอง”
วารินทร์อึ้งที่เสือยอมรับออกมาเสียอย่างนั้น
“ความจริง พี่เสือไม่ต้องยอมรับก็ได้นะคะ ปล่อยให้เรื่องนี้มันจบไปตั้งแต่วันนั้นจะดีกว่า” วารินทร์หันมามองน้ำตาเริ่มซึมออกมา “ชาวบ้านจะลือยังไงก็ช่างแล้วแต่เขา ถ้าเราไม่ยอมรับ เรื่องก็คงจบไปเอง”
“พี่ทำยังงั้นไม่ได้หรอก” เสือหันมามองวารินทร์ “พี่เป็นคนก่อเรื่อง พี่ต้องรับผิดชอบ”
“รับผิดชอบงั้นเหรอ?” วารินทร์เริ่มโกรธน้ำตาเริ่มไหล “ทุกอย่างมันเป็นอุบัติเหตุ! รินทร์รู้ว่าพี่เสือไม่ได้ก่อเรื่องตั้งแต่ต้น พี่เสือโดนตีหัวมา รินทร์โดนยาสลบ เราถูกทำร้าย แต่บังเอิญที่พี่เสืออยากได้ที่ดินคืน พี่เสือเลยเอารินทร์มาต่อรองกับคุณพ่อ ตอนนี้พี่เสือก็ได้คืนแล้ว ทุกอย่างก็ควรจะจบได้แล้ว เรื่องของเรามันเป็นเรื่องโกหก! พี่เสือโกหกทุกคน เราไม่ได้มีอะไรกัน ทำไมพี่เสือไม่ยอมอธิบายความจริงสักที!”
“ให้พี่อธิบายกับทุกคน แล้วให้น้องรินทร์ไปจากพี่อย่างงั้นเหรอ!?” เสือเริ่มโมโหบ้าง
“พี่เสือบอกจะรับผิดชอบยังไงคะ? บอกความจริงทุกคนสิคะ” วารินทร์น้ำตาไหล “ถือว่ารินทร์ขอร้อง..”
เสือเห็นวารินทร์น้ำตาไหล ก็รู้สึกแย่ จึงเอื้อมมือไปจับมือหญิงสาวไว้
“ได้ครับ..พี่จะรับผิดชอบ” เสือพูด “พี่จะพูดเรื่องของเรากับทุกคนเอง”
วารินทร์ยิ้มให้เสืออย่างดีใจ และเช็ดน้ำตา
“ขอบคุณมากนะคะ รินทร์อยากให้พี่เสืออธิบายเรื่องนี้กับทุกคนมานานแล้ว”
“พี่จะรับผิดชอบเรื่องของเรา ด้วยการแต่งกับน้องรินทร์ให้เร็วที่สุด พี่จะไม่ยอมเสียน้องรินทร์ไปอีกแน่นอน”
วารินทร์อึ้ง ยิ้มค้าง ส่วนเสือคิดด้วยความมุ่งมั่นและเอาจริง
โลกหยุดหมุนไปกี่นาทีไม่อาจจะรู้ วารินทร์พยายามเรียกสติ พยายามเอ่ยปากถามเสือด้วยความไม่เข้าใจ
“พะ..พี่เสือพูดอย่างกับ...พี่เสือ....รักรินทร์เหรอคะ?”
เสือนิ่งเงียบ วารินทร์มองเสือด้วยความสับสนกับการแสดงออกของเสือ ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วย “พี่ไม่รู้เหมือนกัน” เสือพยายามพูดออกมาด้วยความยากลำบาก เขาเองก็สับสน “พี่รู้แต่เพียงว่าพี่อยากอยู่ใกล้ อยากเห็นน้องรินทร์ยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้” เสือหันมามองตา วารินทร์แทบลืมหายใจ
“มันอาจจะเป็นการประทับใจสักอย่าง แต่ถ้าถามว่าพี่รักน้องรินทร์ไหม พี่ว่า...พี่ไม่ได้รักน้องรินทร์”
จบคำพูดเสือ หัวใจที่เต้นอย่างรุนแรงเมื่อกี้แทบจะหยุดลง วารินทร์ก้มหน้า พยายามซ่อนน้ำตาที่เจียนจะหยดเมื่อได้ฟังคำตอบเมื่อครู่
‘นี่เธอหวังอะไรไว้เหรอ เขาแค่เกิดความประทับใจ เขาอยากปกป้องชื่อเสียงเธอต่างหาก เขาได้ที่ดินคืนแล้วแต่อยากปกป้องน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้นเอง” วารินทร์คิดเงียบๆกับความคิดตนเอง
ทั้งสองไม่มีใครพูดอะไรออกมา เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่อาจทราบได้ ในที่สุดวารินทร์ก็เอ่ยออกมาด้วยความยากเย็น
“พี่เสือคงเห็นว่ารินทร์เป็นน้องสาวที่ควรปกป้องชื่อเสียงมั้งคะ” วารินทร์หันมามอง ก่อนตัดสินใจ “ขอบคุณนะคะ แต่ไม่ต้องหรอกค่ะ รินทร์จะยืนด้วยตัวเอง ไม่ว่าใครจะพูดยังไง รินทร์จะพิสูจน์ให้ทุกคนรู้เองว่าที่พี่เสือพูดมันเป็นเรื่องจำเป็น พี่เสืออยากได้ที่ดินคืน แต่เมื่อได้คืนไปแล้ว ทุกอย่างถือว่าจบ ส่วนรินทร์ ก็จะพยายามเรียนรู้งาน และจะไม่ยอมให้ที่ดินที่ได้รับมาต้องสูญเปล่ากับการแลกมาพร้อมชื่อเสียงของรินทร์เอง รินทร์ขอร้องอย่างเดียว ตั้งแต่วันนี้ไป...หยุดบอกใครต่อใครว่าพี่เสือเป็นสามีรินทร์อีก ส่วนคนที่รู้ก็ช่างเขา สักวันเขาจะต้องเข้าใจรินทร์เองค่ะ” วารินทร์เปิดประตูออก “ขอบคุณมากนะคะที่มาส่ง”
“ปัง!” วารินทร์ปิดประตู ซ่อนมือเล็กๆที่กำลังสั่นด้วยการกอดกระเป๋าสะพายแนบกับลำตัวด้านหน้า เดินช้าๆไปตามทางของถนนของไร่ภูคำนึง โดยมีเสือที่นั่งอยู่ในรถมองตามแผ่นหลังที่กำลังเดินช้าๆออกไป
‘ปึก!ปึก!” เสือทุบพวงมาลัยระบายอารมณ์ แล้วซบหน้ากับพวงมาลัยนั้น
‘นี่เขาเป็นอะไร? ทำไมเขาต้องพูดแบบนั้น…เขากำลังสับสนอะไรอยู่ ที่เขาเฝ้ารอเวลาเธอกลับมาเกือบสิบปี เพราะเห็นว่าเธอเป็นน้องสาวที่ควรปกป้อง อย่างที่เธอพูดจริงๆหรือ…’
หากวารินทร์หันกลับมามองด้านหลังสักนิด คงจะสามารถสังเกตเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังซบพวงมาลัยด้วยความเสียใจอย่างที่สุด แถมเนื้อตัวยังสั่นเทาจากการหลั่งน้ำตาอยู่....
“ยัยรินทร์!” วันวิสาข์ตกใจเรียก เมื่อเห็นน้องสาวเดินเข้ามาในบ้านด้วยสภาพย่ำแย่ ขอบตาบวมช้ำ หากใครมองก็รู้ได้ทันทีว่าผ่านการร้องไห้มา
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? คนขับรถกลับมาบอกพี่ ว่าพี่เสือจะมาส่งรินทร์ แล้วทำไมกลับมาแบบนี้?” วันวิสาข์ถามน้องสาว วารินทร์ที่พยายามกลั้นน้ำตาก็อดทนไม่ไหว
“พี่สาข์..” วารินทร์โผเข้ากอดพี่สาวไว้และร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น วันวิสาข์งง แต่ไม่ถามอะไรออกมา จึงได้แต่ลูบหลังน้องสาวเพื่อคอยปลอบใจ
เมื่ออยู่กันตามลำพังในห้องนอนของวารินทร์ วันวิสาข์ยื่นแก้วนมอุ่นๆให้ วารินทร์เอื้อมมือรับพร้อมกล่าวขอบคุณหลังจากผ่านการร้องไห้อย่างหนัก
“พี่ไม่อยากเชื่อเลยว่าที่พี่เสือทำไปทั้งหมด เพราะอยากรับผิดชอบชื่อเสียงรินทร์ในฐานะที่เป็นน้องสาวคนหนี่ง” วันวิสาข์พึมพำเบาๆ เมื่อได้ฟังเรื่องราวคร่าวๆจากน้องสาวตนเอง โดยที่วารินทร์เว้นเรื่องที่เสือเคยลวมลามตนไว้
“พี่เสือต้องการเอาชนะคุณพ่อค่ะ แต่เมื่อได้ทุกอย่างกลับคืนแล้ว เขาก็ไม่คิดว่าจะเกิดการแพร่กระจายข่าวลือออกไป เขาเลยยอมรับว่าเขาเป็นคนก่อเรื่อง และอ้างว่าเป็นสามีของรินทร์ เพื่อปกป้องชื่อเสียงรินทร์ค่ะ” วารินทร์อธิบายให้พี่สาวฟัง
“พี่ว่าการกระทำมันขัดแย้งกันนะ ตอนที่รินทร์หนีไปเมืองนอก พี่กับคุณพ่อไปแจ้งข่าวให้เขารู้ เขาเหมือนคนเสียใจมากเลยนะ แถมเวลาพี่เจอเขาทีไร เขาถามแต่เรื่องรินทร์กับพี่ทุกที ทำไมเขาถึงบอกว่าเขาไม่ได้รักรินทร์เลย พี่ไม่เข้าใจ”
“ช่างเขาเถอะค่ะ รินทร์ไม่อยากรับรู้เรื่องนี้แล้ว นับจากนี้ไป เขาจะคิดอะไรก็เรื่องของเขา รินทร์ก็อยู่ส่วนรินทร์ เขาก็อยู่ส่วนเขา”
“แล้วถ้าบังเอิญเจอกันล่ะ จะทำยังไง เพราะเราต้องทำงานใกล้เขาด้วย” วันวิสาข์ถาม
“ถ้าเลี่ยงไม่ได้ รินทร์ก็จะคุยตามปกติค่ะ คิดเสียว่าเขาเป็นพี่ชายคนหนึ่งเหมือนกัน ดีซะอีกที่เขาบอกตรงๆให้รู้ จะได้ไม่คิดเอาเองว่าเขาทำเหมือนสนใจเรา”
“งั้นรินทร์พักผ่อนนะ พรุ่งนี้เข้าไปพบคุณพ่อด้วยนะ เห็นเขาบอกพี่ว่าจะให้รินทร์เข้าไปคุยเรื่องงานด้วย” วันวิสาข์บอกน้อง
“ขอบคุณพี่สาข์นะคะ ที่คอยอยู่เป็นเพื่อนรินทร์”
“จ๊ะ รินทร์พักผ่อนนะ อย่าคิดอะไรมาก” วันวิสาข์พูดด้วยความเป็นห่วง “งั้นพี่ไปนะ”
วารินทร์พยักหน้ายิ้มให้ เมื่อวันวิสาข์เดินออกไป
เมื่ออยู่คนเดียววารินทร์เดินไปล้มตัวลงบนที่นอน พร้อมหลับตาลงเพื่อเก็บความช้ำใจเอาไว้ ก่อนจะลืมตาพร้อมตั้งปนิธานด้วยความมุ่งมั่น
‘พรุ่งนี้..เราจะต้องทำให้ทุกคนเห็น ว่าเราสามารถขยายรีสอร์ตของคุณพ่อและสร้างความรุ่งเรืองลงบนที่ดินผืนนั้นเองได้ โดยที่ไม่มีพี่เสือมาคอยปกป้องชื่อเสียงอีก หากคิดให้ดีๆ บางที..พี่เสืออาจจะอยากได้ที่ดินทั้งหมดเลยต้องดึงเรามาเกี่ยวข้อง...หากเป็นอย่างหลัง ขอบอกไว้เลยว่าฝันไปเถอะ...’
“เสือ..” แม่เลี้ยงการะเกดเอ่ยทัก เมื่อเห็นเสือเดินเข้ามาในบ้านแล้ว เสือจึงหยุดเดิน ก้มหน้าลง
“คุณแม่มีอะไรหรือเปล่าครับ? วันนี้ผมเหนื่อยจัง”
“วันนี้มีคนงานมาบอกแม่ เรื่องที่หนูรินทร์ไปที่ไร่” แม่เลี้ยงการะเกดเดินเข้ามาหาและสังเกตมองเสือ
“เอ๊ะ! เสือเป็นอะไรหรือเปล่า? ทำไมหน้าตาไม่ค่อยดีเลย” ความจริงแม่เลี้ยงสังเกตเห็นขอบตาแดงๆของลูกชาย แต่เลี่ยงไม่เอ่ยถาม
“ผมขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบก็เดินลิ่วออกไป แม่เลี้ยงการะเกดได้แต่ถามค้างอยู่ตรงนั้น
เมื่อเดินเลี้ยงแม่เลี้ยงการะเกดเข้ามาในห้องแล้ว เสือก็เข้าห้องน้ำ หมุนก็อกน้ำให้เปิด ทั้งแต่ยังไม่ได้ถอดเสื้อผ้าออก น้ำเย็นที่ไหลจากฝักบัวเริ่มแรงขึ้นตามแรงหมุนของก็อก น้ำเย็นๆราดรดบนศีรษะของชายหนุ่มที่ก้มหน้ารับกับความเย็นของละอองน้ำไว้แล้ว ตอนนี้เขาแทบไม่รู้สึกถึงความเย็นสดชื่นของมันเลย อาจเป็นเพราะตอนนี้หัวใจเขากำลังเจ็บช้ำ และทรมาณอย่างรุนแรง
เช้าวันใหม่ วารินทร์ที่นอนหลับๆตื่นๆตลอดทั้งคืน จึงตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนแรง ดีที่วันนี้รอบบวมแดงเนื่องจากผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักกับวันวิสาข์เริ่มลดน้อยลง เนื่องจากไม่ได้ร้องไห้เพิ่มหลังจากพี่สาวออกจากห้องไปแล้ว วารินทร์จึงแต่งหน้าเข้มกว่าเดิมเพื่อปกปิดร่องรอยเอาไว้ ทั้งที่โดยปกติไม่ค่อยแต่งหน้าเท่าไหร่ นอกจากครีมบำรุงผิวและแป้งเด็ก
“รินทร์..” พ่อเลี้ยงราเชนทร์เรียก เมื่อเห็นวารินทร์เดินผ่านมาตรงขอบประตูห้องรับแขก
ตอนแรกหญิงสาวเห็นว่าบิดามีแขกอยู่ จึงจะเดินเลี่ยงออกไป แต่บิดาเห็นเธอก่อน จึงเรียกให้เข้ามาข้างใน หญิงสาวจึงเดินเข้ามาในห้องรับแขกนั้น ก็เจอผู้ชายหน้าตาดีนั่งอยู่กับบิดาและมีวันวิสาข์นั่งอยู่ตรงข้ามด้วย
“นี่..วารินทร์ ลูกสาวคนเล็กของผม” พ่อเลี้ยงราเชนทร์แนะนำ แล้วจึงหันไปบอกวารินทร์ “ นี่..คุณตุลสิทธิ์ สถาปนิกที่จะมาออกแบบและควบคุมงานสร้างรีสอร์ตให้กับเรา”
“สวัสดีค่ะ” วารินทร์ยกมือไหว้ ชายหนุ่มจึงยกมือไหว้รับ พร้อมกล่าวทักทายตอบ
“เรียกพี่ตุลย์ก็ได้ครับ พี่ว่าพี่น่าจะอายุมากกว่าน้องรินทร์ บางทีอาจจะมากกว่าคุณสาข์ด้วยซ้ำ” ตุลสิทธิ์ยิ้มให้
“เมื่อลูกรินทร์มาก็ดีแล้ว เดี๋ยวเราช่วยพาพี่เขาไปดูที่ดินที่ห้วยไคร้หน่อย และค่อยกลับมาช่วยกันวางแผนออกแบบรีสอร์ตนะ” พ่อเลี้ยงราเชนทร์พูด
“ได้ค่ะ” วารินทร์รับคำ แล้วจึงหันมาทางชายหนุ่ม “เชิญค่ะ พี่ตุลย์”
ตุลสิทธิ์พยักหน้ารับ แล้วจึงกล่าวขอตัวกับพ่อเลี้ยงราเชนทร์และวันวิสาข์ และเดินตามหลังวารินทร์ออกไป
ณ ไร่แสงตะวัน พ่อเลี้ยงสิงห์กำลังจดรายละเอียดเกี่ยวกับความร้อนชื้นของเมล็ดกาแฟพันธุ์อราบิก้า โดยมีคนงานบางส่วนคอยช่วยกันวัดค่าความชื้น และบางคนก็เอาไปชั่งน้ำหนัก เพื่อที่จะเอาไปคั่วแล้วส่งออกในลำดับต่อไป เสือที่เดินเข้าพบบิดา เนื่องจากมีคนงานเรียกเข้าพบ จึงเอ่ยทัก
“คุณพ่อเรียกผมเหรอครับ?” พ่อได้ยินเสียงลูกชาย พ่อเลี้ยงสิงห์จึงหันมา
“พ่อว่าจะฝากเมล็ดกาแฟพันธุ์อราบิก้าพวกนี้ ไปส่งที่ตลาดให้หน่อย เห็นว่าเป็นทางผ่านก่อนที่เสือจะไปไร่แถวห้วยไคร้ ”
“ได้ครับ”
เสือและคนงานจึงช่วยกันจัดแจงลงใส่กล่อง และให้คนงานยกไปที่รถ
“เสือ..เมื่อคืนแม่บอกพ่อว่าหนูรินทร์ไปที่ไร่ของเรา จริงไหม?” พ่อเลี้ยงสิงห์ถาม
“ครับ”
“รู้ไหมคนที่ไร่แตกตื่นกันใหญ่ เรื่องของเรากับหนูรินทร์”
“ครับ ข่าวแพร่กระจายออกไปเร็วมาก ผมก็เพิ่งทราบไม่กี่วัน”
“แล้วเราจะทำยังไงต่อไป?”
“ผมได้ออกตัวรับผิดชอบเรื่องนี้แล้ว แต่น้องรินทร์เขาบอกว่าเขาไม่ต้องการ”ชายหนุ่มนิ่ง พยายามเก็บความรู้สึกเจ็บปวดไว้ข้างใน
“เราทำเต็มที่แล้ว พ่อเข้าใจ” พ่อเลี้ยงสิงห์ตบบ่าให้กำลังลูกชาย ถึงเสือจะไม่ยอมอธิบายมากกว่านี้ แต่เขาเชื่อมั่นว่าสักวันทุกอย่างจะต้องคลี่คลาย
เสือและเดี่ยวไปส่งเมล็ดกาแฟที่ตลาดเสร็จ เดี่ยวจึงขับรถต่อโดยมีเสือนั่งข้างๆ เพื่อจะไปยังไร่ของตัวเองที่ถูกพัฒนาจนสวยงามแถวห้วยไคร้ เมื่อรถขับผ่านที่ดินว่างข้างๆไร่ ก็ต้องแปลกใจเพราะมีโฟร์วีลสีดำที่ติดป้ายสติ๊กเกอร์ว่า ‘ไร่ภูคำนึง’ จอดอยู่ข้างๆที่ดินว่างผืนนั้น
เสือใจเต้นแรง เมื่อคิดว่าคนที่จอดรถมาดูที่ดินไม่พ้นต้องเป็นวารินทร์เป็นแน่แท้ ก่อนที่เดี่ยวจะขับเลยออกไป เขาพยายามมองผ่านกระจกรถออกไปเพื่อมองหาหญิงสาว โดยมีเดี่ยวคอยแอบชำเลืองนายของตนอยู่
“จอดรถก่อนไหมนาย? เผื่อนายจะแวะเจอคุณหนูรินทร์ก่อน แล้วค่อยไปที่ไร่”
“ไม่ต้องหรอก ขับไปเถอะ” ปากว่าแต่ตายังไม่ยอมละสายตามองหาหญิงสาว
เดี่ยวจึงพึมพำออกมาด้วยความหมั่นไส้
“บอกให้ขับไป แต่ใจหล่นอยู่แถวๆนี้แล้วล่ะนาย พูดแล้วจะเสียใ....อุ้ย!!”
เดี่ยวพูดยังไม่ทันจบ ก็เห็นชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งกำลังยืนสเก็ตภาพกันอยู่ไกลๆ ทั้งสองกำลังหัวเราะให้กันอย่างมีความสุข โดยไม่มีคนขับรถมาส่งเหมือนอย่างที่เคย ประหนึ่งว่าโลกนี้มีเพียงสองคน เสือที่มองอยู่แล้วถึงกับอึ้งกับภาพที่เห็น
“นาย.....” เดี่ยวหันมาขอความเห็น เพราะภาพที่เห็นคงจะบาดใจนายเสืออย่างมาก
“ขับไปต่อเถอะ”
เสือจึงหันกลับมานั่งตัวตรง โดยที่เดี่ยวได้แต่ชำเลืองมองด้วยความเห็นใจ แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากถาม
เมื่อรถขับมาถึงไร่ได้นานแล้ว เสือก็เดินไปทำงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขากำลังช่วยคนงานตัดผลส้มลงตะกร้าอยู่ เดี่ยวที่มองนาย ก็ได้เก็บความสงสัยไว้ในใจ
“นายเดี่ยว! นายเดี่ยว! ” เดี่ยวหันมามองตามเสียงเรียก
“อุ้ย! คุณหนูแพร! ตายแล้วนายเสือ วันนี้มันวันอะไรกันนี่!” เดี่ยวอุทาน เมื่อคนเรียกเป็นหญิงสาวลูกสาวของตำรวจใหญ่แห่งเมืองเชียงราย กำลังเดินเข้ามาตนเพื่อถามหานายเสือเป็นแน่แท้ เพราะหญิงสาวถือตะกร้าของฝากมาด้วย ผมยาวถูเปียเป็นสองข้างพร้อมสวมหมวกปีกกว้างสีขาวน่ารักเดินเข้ามาหา
ความจริงแล้ว ‘คุณหนูแพร’เป็นหญิงสาวเป็นคนที่ดูน่ารัก ผิวขาว รูปร่างบอบบาง อายุน่าจะประมาณวารินทร์ หากดูหน้าตาและฐานะถือว่าเหมาะกับนายเสืออยู่ไม่น้อย หากหญิงสาวไม่มีกิริยาเย่อหยิ่งถือตัว และเป็นน้องสาวของคู่ปรับของนายตัวเอง..อย่างนายอรรค
เสือได้ยินใครบางคนตะโกนไกลๆแต่ฟังไม่ถนัด จึงหันมองเดี่ยวที่ทำสัญลักษณ์มาหล่อนมาแล้ว เขาจึงรีบหลบออกไป
คุณหนูแพรที่เดินมาจวนถึงเดี่ยวแล้ว หันมองซ้ายขวา
“พี่เสือล่ะ?อยู่ไหน?”
“เอ่อ...คือ ไม่ทราบครับ”
“ไม่ทราบ? แกไม่ได้มาพร้อมพี่เสือเหรอ?”
“มาพร้อมกันครับ แต่ไม่รู้นายไปอยู่ไหนตอนนี้”
หญิงสาวมองลูกน้องคนสนิทของนายเสืออย่างไม่เชื่อ
“แน่นะ ไม่ได้จะปิดบังฉันไม่ให้เจอพี่เสือนะยะ” หญิงสาวจ้องหน้าเดี่ยวเพื่อจับผิด เดี่ยวจึงเบนสายตาหนีหลบ
“ก็ได้...ฉันไปหาเองก็ได้ อย่าให้รู้ว่าปิดบังฉันละกัน” หญิงสาวจึงเดินกระแทกไหล่เดี่ยวออกไป เขาแทบจะล้มลง ดีที่ร่างกายเขาบึกบึน จึงแค่เซไปเล็กน้อยเพราะไม่ทันตั้งตัว
“โห....แรงผู้หญิงหรือวะนี่” เดี่ยวบ่นตามหลัง แต่คนชนไม่ได้ยินแล้ว
ตุลสิทธิ์ลงมือเขียนรูปโครงสร้างรีสอร์ตคร่าวๆ ตามแบบที่วารินทร์ต้องการ โดยเน้นความต้องการของวารินทร์เป็นหลัก โดยเฉพาะภายในตัวบ้านที่วารินทร์พยายามจะใช้แบบจำลองของบ้านเสือมาเป็นแบบในการทำรีสอร์ตในครั้งนี้
“เอาล่ะครับ นี่เป็นแบบคร่าวๆที่น้องรินทร์ต้องการนะครับ” เขาให้วารินทร์ดูแบบที่เขาสเก็ตคร่าวๆในกระดาษ วารินทร์มองแล้วยิ้มรับด้วยความพึงใจ
“ที่เหลือพี่จะเอารายละเอียดตรงนี้ ไปสร้างแบบจำลองออกมาอีกที แล้วเราค่อยมาคุยเรื่องรายละเอียดวัสดุที่จะใช้ พี่จะประสานงานกับผู้รับเหมาและวิศวกรหลังจากเราทำสัญญาตกลงกันแล้ว พี่คาดว่าไม่กี่วัน เราคงจะได้เริ่มก่อสร้างกันซะทีนะครับ”
“ค่ะ รินทร์อยากจะให้เริ่มไวๆแล้วล่ะค่ะ”
“ได้ยินคุณวันวิสาข์บอกว่าน้องรินทร์จะทำสวนดอกไม้ด้วย”
“ค่ะ พี่สาข์จะช่วยรินทร์ด้านการจัดสวน เพราะพี่สาข์ถนัดทางนี้ เอ๊ะ!รู้สึกพี่สาข์ก็จบมัณฑนากรมหาวิทยาลัยเดียวกับพี่ตุลย์เลยนะคะ” วารินทร์เพิ่งนึกขึ้นได้
“เหรอครับ มิน่าล่ะพี่ว่าหน้าคุ้นๆ แต่เราเรียนคนละปี และคนละคณะ เราอาจจะเคยเจอผ่านๆก็เป็นได้นะครับ”
“ค่ะ” วารินทร์ยิ้ม
“แล้วนี่ใกล้เที่ยงแล้ว น้องรินทร์หิวหรือยังครับ? เราออกไปหาอะไรทานก่อนกลับไปที่ไร่ก่อนไหม?”
“หิวแล้ว!” เสียงนี้ไม่ใช่เสียงของวารินทร์ ทั้งคู่จึงหันไปมอง
“พี่เสือ!” วารินทร์ตกใจ เพราะไม่รู้ว่าเสือ มายืนอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ เสือจึงเดินเข้ามาที่คนทั้งคู่ วารินทร์รู้สึกอึดอัด แม้จะทำใจว่าจะต้องเจอเข้าสักวัน แต่เมื่อเจอเข้าจริงๆ ยังเกือบเก็บอาการไว้ไม่อยู่
“น้องรินทร์จะไปทานข้าวเหรอ พี่ไปด้วยคนนะ” เสือพูดกับวารินทร์ยิ้มแย้ม ก่อนหันไปมองชายอีกคนที่ยังยืนงงอยู่
“สวัสดีครับ คุณ...”
“ผมตุลยสิทธิ์ครับ สถาปนิกที่จะมาออกแบบรีสอร์ตที่นี่” เขาพูดพร้อมยกมือขึ้นไปข้างหน้าเพื่อจะจับมือ
“ผมเสือครับ เจ้าของไร่ข้างๆนี่เอง” เขาพูดพร้อมจับมือตอบ
“คุณเสือ..ถ้าเดาไม่ผิด คุณคือเสือ ลูกชายพ่อเลี้ยงสิงห์ ไร่แสงตะวันหรือเปล่าครับ?”
“ใช่ครับ” เสืองง ที่ตุลยสิทธิ์รู้จักเขาด้วย ทั้งที่เป็นคนต่างถิ่น
“คุณนี่เอง...สามีของน้องรินทร์ งั้นเชิญทานข้าวด้วยกันเลยนะครับ” พูดจบก็เดินไปยังรถก่อน ปล่อยให้คนทั้งคู่ตกใจ อ้าปากค้างอยู่ที่เดิม เสือที่กะจะมาเป็นก้างขวางคอ ถึงกับตกใจพูดไม่ออก เพราะไม่คิดว่าคนๆนี้จะรู้เรื่องข่าวลือด้วย
จบตอนที่ 6
ไอยสวรรค์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 เม.ย. 2556, 00:06:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 เม.ย. 2556, 16:03:54 น.
จำนวนการเข้าชม : 1131
<< ตอนที่ 5 : คิดถึง (100%) | สับสน 60% >> |