บ่วงพราย
ขนมงจีนถูกส่งไปที่คฤหาสน์สีขาว ที่นั่นเป็นบ้านของคุณหลวง ทว่า...เธอได้พบกับวิญญานชายหนุ่ม ที่แม้แต่ที่อยู่และสถานที่ที่ตัวเองตาย ก็ยังไม่รูั้เลย แล้วเธอจะทำอะไรดีเนี่ย
Tags: รักหวานแหวว หวานซึ้ง พล็อดสนุก สนุกสนาน
ตอน: บุญไม่อาจช่วยเหลือ
บทที่ 22
บุญไม่อาจช่วยเหลือ
ตอนรุ่งเช้าเธอและธีร์ก็ไปซื้อสังฆทานมาถวายวัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เธอซื้อสังฆทานชุดใหญ่มีของเยอะแยะมากมายมีผ้าสไบและข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ มาเก้ารูป เธอหลับตานึกถึงคุณแสงขออโหสิกรรมในชุด ๆ ชาติ บรรยากาศภายในวัดมีพระพุทธรูปมากมายและมีต้นไม้โดยเฉพาะต้นโพธิ์ใหญ่ที่ใบไม้ร่วงมากมาย มีคนกวาดต้นไม้และทำความสะอาดวัดดูอบอุ่นร่มรื่นมากกว่าที่เคยเป็นมา
“หนูขออโหสิกรรมให้กับคุณแสง อานิสงส์ใด ๆ ขอให้เธอได้รับด้วยเถอะค่ะ” เธอกระซิบแผ่วขณะถวายวัดทั้งเก้ารูป
“โยม ความอาฆาตแค้น ผลบุญใด ๆ ส่งให้เขา เขาปฏิเสธที่จะให้อภัยมันก็ยากอยู่หรอกนะ”
“ถ้างั้น หนูควรทำอย่างไรดีคะ”
“โยมก็บอกเขาให้ทราบว่า อะไรก็ตามที่เขาอยากจะได้คืนไปมันมีการเกิดและการดับ ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่คนเราสามารถเป็นเจ้าของได้ แม้แต่ตัวนางเอง”
ขนมจีนรู้ว่าพระรูปนี้มีญาน จึงรู้ว่าที่เธอมาทำให้เขาไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น
“ถ้าหากว่าหนูอธิบายแล้ว แล้วเขาไม่ฟังล่ะคะ”
“งั้นก็ต้องปล่อยเขาไป ไปสู่เวรกรรมที่เขาต้องชดใช้”
เวรกรรมที่เธอต้องชดใช้งั้นเหรอ...
จะมีใครสักกี่คนนะ ที่รอให้ถึงเวลาชดใช้แล้วจะเพิ่งกลับตัว
“แล้วเราจะทำยังไงดีครับ” ธีร์เอ่ยปาก
“ก็สุดแล้วแต่เวรกรรมของนางเถอะ”
“ค่ะ หนูขอลาละค่ะ”
ขนมจีนและธีร์กราบลาหลวงพ่อ เธอหันไปมอบหน้าธีร์แล้วคิดเหมือนกันว่าความอาฆาตแค้นของนางแสงคงไม่มีวันจางหายจนกว่าจะได้แก้แค้น
“ขาคุณเป็นอย่างไรบ้าง”
“ดีขึ้นแล้วล่ะ หายเจ็บเกือบเป็นปกติแล้ว
“ดีจัง...เรื่องคุณแสงฉันจะทำยังไงดีล่ะ”
“ฉันจะไปหาโซ่ล่ามเท้าเธอ”
“คุณจะส่งเธอไปนรกจริง ๆ น่ะเหรอ” เธอกระซิบแผ่ว
“ใช่ ถ้ามันจำเป็น”
ตรงห้องที่ปิดตาย มีบางอย่างซ่อนอยู่ในนั้น....
ขนมจีนคิดย้อนไปถึงคำพูดของคุณหลวง ตรงห้องที่ปิดตายมีบางอย่างซ่อนอยู่ แต่ว่ามันเป็นอะไรกันล่ะคุณหลวงถึงไม่อยากให้เธอรู้ความจริง เธอครุ่นคิดมากว่าสองวันแล้ว คุณแสงก็ดูเหมือนจะหายตัวไปด้วย เธอนอนห้องเดียวกับธีร์ตั้งแต่วันที่กลับมาคฤหาสน์สีขาว
...แต่ว่าเธอก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดี
“ห้องที่ปิดตายเหรอ...” เธอกระซิบแผ่ว “มันมีอะไรซ่อนอยู่นะ”
“อะไรเหรอ”
“ฉันนึกไปถึงคำพูดของคุณหลวง....ที่พูดถึงห้องที่ปิดตายน่ะ เขาบอกว่ามีบางอย่างซ่อนอยู่ในนั้น”
“อืม...น่าคิดนะ”
“คุณว่ามันจะเกี่ยวกับคุณแสงหรือเปล่า” เธอเอ่ย
“ถามผมตอนนี้ ผมก็ไม่รู้หรอกจนกว่าเราจะมามันเจอ”
“ถ้างั้น...ฉันจะหาห้องลับภายในคฤหาสน์สีขาว บางทีอาจจะเจอก็ได้นะ” ขนมจีนกล่าว
และพวกเธอก็หาห้องลับภายในคฤหาสน์สีขาวจริง ๆ เธอคอยเคาะประตูดูว่ามีช่องว่างหรือเปล่าจะได้เปิดออก ส่วนธีร์มองหาใต้รูปภาพหลายใบแต่ก็ไม่เป็นผล เธอยกแจกันดอกไม้ขึ้นมองหาช่องว่างแต่ก็ไม่มี เธอและเขาหากันหลายชั่วโมงจนคิดว่าคงจะไม่มีแน่ ๆ
“ฉันหาหมดแล้ว แต่ก็ไม่มี”
“ผมก็เหมือนกัน” ธีร์ถอนหายใจยาว ๆ
ขนมจีนเดินลงบันไดมาพร้อมกับธีร์ เธอคิดหาตำแหน่งที่น่าจะมีห้องลับซ่อนอยู่ จนกระทั่งเดินมาถึงพื้นที่ไม่ค่อยเรียบก็ทำเอาเธอสะดุดหกล้มตรงบันไดขั้นสุดท้าย เธอล้มลงหัวเข่าเป็นแผลใบหน้าหวานเม้มปากแน่น
“เจ็บจัง...อะไรน่ะ” เธอแลเห็นรอยแยกตรงบันได จึงเอามือเอื้อมไปจับ “ตรงนี้มีห้องลับด้วย”
“เป็นยังไงบ้าง” ธีร์ปรากฏกายตรงที่เธอนั่งอยู่ “เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่รู้สิ หัวเข่าเป็นแผลนิดหน่อย แต่ดูนี่สิตรง ๆ นี้มีห้องลับด้วย”
“ไหน”
ห้อง ๆ ลับอยู่ใต้บันได เธอเอามือเอื้อมมันจนกระทั่งดันออกไปเหลือเพียงช่องแคบ ๆ ที่พอจะให้คน ๆ หนึ่งเล็ดรอดออกไปได้ เธอเม้มปากแน่นเธอต้องการรู้ว่าข้างในนั้นมีอะไรอยู่ เธอต้องรู้ให้ได้
“ฉันจะเข้าไปในนั้น”
“เดี๋ยวก่อนสิ คุณจะเข้าไปคนเดียวหรือ”
“ใช่”
“ผมไม่อยากปฏิเสธคุณนะ แต่มันอันตรายเกินไปที่คุณจะลงไปคนเดียว”
“แต่ฉันอยากรู้ถึงคำที่คุณหลวงบอกในคืนนั้น ในนั้นจะต้องมีอะไรแน่ ๆ ฉันมั่นใจ”
“งั้นผมจะนำไปก่อน แล้วคุณค่อยตามไปทีหลัง”
“แต่ว่า..”
“ไม่มีแต่ ระหว่างคุณกับผมอย่างไรมันอันตรายกว่ากัน”
หญิงสาวเม้มปากแน่น มันก็จริงที่ว่าเธอลงไปคนเดียวมันอันตรายมากกว่า ทั้งคู่ลงไปชั้นล่างโดยมีขนมจีนคลานเข้าไป เธอปิดปากเมื่อราและความชื้นแตะจมูก เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าสถานที่แบบนี้จะมีคนอยู่ด้วย และถ้าหากว่ามีจริงนั่นคงเป็นนักโทษที่ทำผิดมหันต์ ในที่สุดเธอก็คลานออกมาตรงที่แคบ ๆ เป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก แต่สิ่งที่ทำให้เธอหน้าซีดเผือดก็คือรอยขีดข่วนจากรอยเล็บมนุษย์อยู่เต็มไปหมด
“นี่มันรอยข่วนของมนุษย์นี่นา”
“คนถูกขังคงทุกข์ทรมานมาก”
“นี่มัน....เขาถูกขังไว้กี่เดือนแล้วนะ รอยเล็บข่วนกำแสงเต็มไปหมดเลย”
“คงหลายวันได้”
“แค่หลายวันเหรอ”
“หรือคุณคิดว่าคนเราจะอดอาหารได้สักกี่วันกันล่ะ อย่างน้อยก็น่าจะสักอาทิตย์หนึ่ง” เขาเอ่ยเสียงเรียบ
หลายวันเหรอ...
ดูจากสภาพแล้วน่าจะหลายเดือนมากกว่า บางทีเขาอาจให้อาหารทีละน้อยจนกว่าเธอจะอดตายก็ได้
“เขาอยู่ที่ไหนน่ะ”
“ใครเหรอ”
“ก็คนที่ถูกรัดเท้าไว้จนตายไงล่ะ”
หญิงสาวตัวชาวาบ จริงด้วยในเมื่อด้านบนเขาถูกปิดตายแล้วข้างล่างก็เต็มไปด้วยรอยเล็บข่วน เธอไม่อยากคิดเลยว่าผู้หญิงที่นอนอยู่ตรงนี้จะกรีดร้องในยามค่ำคืนด้วยความทุกข์ทรมานขนาดไหน เธอมองเห็นรอยคราบเลือดเป็นทางยาว
“ระวัง”
หญิงสาวหันมามองเขา แต่แล้วข้างหลังเธอก็ปรากฏโครงกระดูกผู้หญิงในชุดเสื้อผ้ารุ่งริ่งโผล่มากอดเธอเอาไว้ ขนมจีนร้องอุทาน มือของมันมีแต่กระดูกหน้าตาก็เหมือนกัน เธอมาจากตรงไหนก็ไม่รู้พอเธอมาก็ร่วงมากอดเธอไว้ ทำเอาขนมจีนร้องลั่น
“ว้าย อย่านะ”
“ใจเย็น ๆ ก่อน ผมจะเอาออกให้เดี๋ยวนี้”
“เอาออกไปนะ”
ขนมจีนร้องลั่นอยู่นาน กว่าที่โครงกระดูกจะหลุด ลงไปนอนกองกับพื้นเธอถอยไปชิตกำแสงด้านหลังหน้าตาซีดเผือด ปากคอสั่นตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยกลัวมากขนาดนี้มาก่อนเลย
“นะ...นั่นมันคุณแสง”
“ไม่รู้สิ...แต่ดูจากสภาพศพแล้วน่าจะใช่มากกว่า”
“คุณแสง” เธอร้องเสียงดัง “แปลว่าคุณหลวงของฉันท่านขังคุณแสงไว้แล้ว...ให้อดข้าวอดน้ำจนกว่าจะตายงั้นเหรอ” เธอกระซิบแผ่ว
“ใช่”
“ไม่จริง...” เธอกระซิบแผ่ว “ฉันไม่เชื่อหรอก”
“แต่เราก็ล่วงรู้ความจริงแล้ว คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตามแต่”
ขนมจีนมองหน้าชายหนุ่ม
“ทำไม...มันโหดร้ายเกินไปแล้ว”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“เราช่วยเราร่างของเขาไปส่งวิญญาณที่วัดกันเถอะ”
“เดี๋ยวก่อน”
“ทำไมเหรอ”
“ดูนี่สิ” เขาเอ่ยเสียงเรียบจับโครงกระดูกขึ้นมา “ตรงนี้เหมือนรอยอะไรหรือเปล่า”
ขนมจีนมองดูเนื้อแห้งติดกระดูกมันคล้ายกับมีรอยอะไรสักอย่าง เธอหน้าซีดเผือดเลือดในกายจับตัวเป็นก้อนแข็งหันมามองกำไลงาช้างของเธอทันที
“กำไลงาช้าง”
“ใช่”
“ถ้าอย่างนั้น ที่เขามากวนฉันก็เพราะว่า...ต้องการได้กำไลคืนงั้นเหรอ”
“น่าจะเป็นอย่างนั้น”
“ทำไมล่ะ ฉันไม่รู้เรื่องด้วยสักหน่อย กำไลนี้น่ะฉันก็ถอดมันไม่ออกด้วย”
“ระวังตัวไว้ด้วยล่ะ งานนี้เจ้าของกำไลต้องไม่ยอมอยู่เฉยแน่ เขาต้องการกำไลที่คุณสวมอยู่นั่น”
ขนมจีนหน้าซีดเผือด
“อะไรกัน”
“เอาล่ะ เรารีบขึ้นไปข้างบนกันดีกว่า” เขาเอื้อมมือมาดึงแขนเธอ แต่ขนมจีนอึกอัก
“แล้วร่างเขาล่ะ”
“เราทำอะไรไม่ได้แล้วตอนนี้ เห็นทีคงต้องเผาทิ้งไปเขาจะได้ไปผุดไปเกิดสักที”
“ทำไมเราถึงไม่นำร่างเขาไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดล่ะ”
“คุณคิดว่าคนอื่นเขาจะเชื่อ และยอมมาอยู่คฤหาสน์กันหรือไง เชื่อผมเถอะคุณหลวงของคุณต้องไม่คิดที่จะเอามาทำพิธีทางศาสนา อีกอย่างเรายังไม่รู้เลยว่าเขาอาฆาตแค้นเราหรือเปล่า”
“แปลว่า...คุณจะจุดไฟเผาเขาเหรอ”
“เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลังเถอะ”
เธอคลานขึ้นไปบนชั้นสอง ไปแค่ก ๆ ไปตลอดทางด้วยความชื้นและรา เธอหน้าซีดเผือดเมื่อรู้ว่าใต้ดินมีคนตายอยู่นับสิบ ๆ ปี ขนมจีนเกาะเขาไว้แน่น ธีร์ก้มลงมองเธอด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอย่างไรบ้าง”
“ฉัน...ปวดหัว เหมือนจะมีไข้ยังไงก็ไม่รู้”
“นอนพักสักหน่อยเถอะ คุณอาจไม่ชิตกับสภาพอากาศข้างล่างนั่น”
“ประคองฉันเข้าไปนอนหน่อยได้ไหม”
“มาเถอะ”
ขนมจีนถูกพาเข้าไปนอนบนเตียงของเธอ เธอปวดหัวเหมือนจะมีไข้ นัยน์ตาพราวระยับจ้องมองไปยังธีร์ราวกับจะบอกให้เขาอยู่เป็นเพื่อนเธอจนกว่าเธอจะหลับสนิท
“เป็นอะไร” เขาเอ่ยถาม
“อยู่ใกล้ ๆ ฉันนะ อย่าทิ้งฉันไปจนกว่าฉันจะหลับ”
ธีร์ยิ้ม พลางเอานิ้วมือดีดจมูกเธอ
“ใครล่ะจะไปกล้าทิ้งลง เด็กดื้ออย่างนี้น่ะ”
“ฉันไม่ได้ดื้อสักหน่อย” เธอทำปากย่นจับจมูกตัวเอง “แค่เถียงเก่งไปหน่อยเท่านั้นเอง”
“นั่นแหละที่เขาเรียกว่าดื้อ”
ขนมจีนยิ้มบาง ๆ หลับตาลง เธอปล่อยให้ความนึกคิดไปสู่ห้วงฝันแล้วก็หลับสนิท...
ธีร์ครุ่นคิด...นางแสงอยู่ที่นี่แล้วโซ่มัดขาของเธอเล่าอยู่ที่ไหน เขามองไปยังขนมจีนที่หลับสนิทเธอมีไข้หน่อย ๆ และเขาก็ควรไปหาตอนนี้ คิดว่าคุณหลวงคงเก็บเอาไว้ที่ไหนสักแห่งเพราะกลัวว่าเธอจะออกมาอาละวาดแล้วไม่มีผู้ใดเอาโซ่ล่ามขาเธอไปเผาทำลาย...
*************
บุญไม่อาจช่วยเหลือ
ตอนรุ่งเช้าเธอและธีร์ก็ไปซื้อสังฆทานมาถวายวัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เธอซื้อสังฆทานชุดใหญ่มีของเยอะแยะมากมายมีผ้าสไบและข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ มาเก้ารูป เธอหลับตานึกถึงคุณแสงขออโหสิกรรมในชุด ๆ ชาติ บรรยากาศภายในวัดมีพระพุทธรูปมากมายและมีต้นไม้โดยเฉพาะต้นโพธิ์ใหญ่ที่ใบไม้ร่วงมากมาย มีคนกวาดต้นไม้และทำความสะอาดวัดดูอบอุ่นร่มรื่นมากกว่าที่เคยเป็นมา
“หนูขออโหสิกรรมให้กับคุณแสง อานิสงส์ใด ๆ ขอให้เธอได้รับด้วยเถอะค่ะ” เธอกระซิบแผ่วขณะถวายวัดทั้งเก้ารูป
“โยม ความอาฆาตแค้น ผลบุญใด ๆ ส่งให้เขา เขาปฏิเสธที่จะให้อภัยมันก็ยากอยู่หรอกนะ”
“ถ้างั้น หนูควรทำอย่างไรดีคะ”
“โยมก็บอกเขาให้ทราบว่า อะไรก็ตามที่เขาอยากจะได้คืนไปมันมีการเกิดและการดับ ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่คนเราสามารถเป็นเจ้าของได้ แม้แต่ตัวนางเอง”
ขนมจีนรู้ว่าพระรูปนี้มีญาน จึงรู้ว่าที่เธอมาทำให้เขาไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น
“ถ้าหากว่าหนูอธิบายแล้ว แล้วเขาไม่ฟังล่ะคะ”
“งั้นก็ต้องปล่อยเขาไป ไปสู่เวรกรรมที่เขาต้องชดใช้”
เวรกรรมที่เธอต้องชดใช้งั้นเหรอ...
จะมีใครสักกี่คนนะ ที่รอให้ถึงเวลาชดใช้แล้วจะเพิ่งกลับตัว
“แล้วเราจะทำยังไงดีครับ” ธีร์เอ่ยปาก
“ก็สุดแล้วแต่เวรกรรมของนางเถอะ”
“ค่ะ หนูขอลาละค่ะ”
ขนมจีนและธีร์กราบลาหลวงพ่อ เธอหันไปมอบหน้าธีร์แล้วคิดเหมือนกันว่าความอาฆาตแค้นของนางแสงคงไม่มีวันจางหายจนกว่าจะได้แก้แค้น
“ขาคุณเป็นอย่างไรบ้าง”
“ดีขึ้นแล้วล่ะ หายเจ็บเกือบเป็นปกติแล้ว
“ดีจัง...เรื่องคุณแสงฉันจะทำยังไงดีล่ะ”
“ฉันจะไปหาโซ่ล่ามเท้าเธอ”
“คุณจะส่งเธอไปนรกจริง ๆ น่ะเหรอ” เธอกระซิบแผ่ว
“ใช่ ถ้ามันจำเป็น”
ตรงห้องที่ปิดตาย มีบางอย่างซ่อนอยู่ในนั้น....
ขนมจีนคิดย้อนไปถึงคำพูดของคุณหลวง ตรงห้องที่ปิดตายมีบางอย่างซ่อนอยู่ แต่ว่ามันเป็นอะไรกันล่ะคุณหลวงถึงไม่อยากให้เธอรู้ความจริง เธอครุ่นคิดมากว่าสองวันแล้ว คุณแสงก็ดูเหมือนจะหายตัวไปด้วย เธอนอนห้องเดียวกับธีร์ตั้งแต่วันที่กลับมาคฤหาสน์สีขาว
...แต่ว่าเธอก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดี
“ห้องที่ปิดตายเหรอ...” เธอกระซิบแผ่ว “มันมีอะไรซ่อนอยู่นะ”
“อะไรเหรอ”
“ฉันนึกไปถึงคำพูดของคุณหลวง....ที่พูดถึงห้องที่ปิดตายน่ะ เขาบอกว่ามีบางอย่างซ่อนอยู่ในนั้น”
“อืม...น่าคิดนะ”
“คุณว่ามันจะเกี่ยวกับคุณแสงหรือเปล่า” เธอเอ่ย
“ถามผมตอนนี้ ผมก็ไม่รู้หรอกจนกว่าเราจะมามันเจอ”
“ถ้างั้น...ฉันจะหาห้องลับภายในคฤหาสน์สีขาว บางทีอาจจะเจอก็ได้นะ” ขนมจีนกล่าว
และพวกเธอก็หาห้องลับภายในคฤหาสน์สีขาวจริง ๆ เธอคอยเคาะประตูดูว่ามีช่องว่างหรือเปล่าจะได้เปิดออก ส่วนธีร์มองหาใต้รูปภาพหลายใบแต่ก็ไม่เป็นผล เธอยกแจกันดอกไม้ขึ้นมองหาช่องว่างแต่ก็ไม่มี เธอและเขาหากันหลายชั่วโมงจนคิดว่าคงจะไม่มีแน่ ๆ
“ฉันหาหมดแล้ว แต่ก็ไม่มี”
“ผมก็เหมือนกัน” ธีร์ถอนหายใจยาว ๆ
ขนมจีนเดินลงบันไดมาพร้อมกับธีร์ เธอคิดหาตำแหน่งที่น่าจะมีห้องลับซ่อนอยู่ จนกระทั่งเดินมาถึงพื้นที่ไม่ค่อยเรียบก็ทำเอาเธอสะดุดหกล้มตรงบันไดขั้นสุดท้าย เธอล้มลงหัวเข่าเป็นแผลใบหน้าหวานเม้มปากแน่น
“เจ็บจัง...อะไรน่ะ” เธอแลเห็นรอยแยกตรงบันได จึงเอามือเอื้อมไปจับ “ตรงนี้มีห้องลับด้วย”
“เป็นยังไงบ้าง” ธีร์ปรากฏกายตรงที่เธอนั่งอยู่ “เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่รู้สิ หัวเข่าเป็นแผลนิดหน่อย แต่ดูนี่สิตรง ๆ นี้มีห้องลับด้วย”
“ไหน”
ห้อง ๆ ลับอยู่ใต้บันได เธอเอามือเอื้อมมันจนกระทั่งดันออกไปเหลือเพียงช่องแคบ ๆ ที่พอจะให้คน ๆ หนึ่งเล็ดรอดออกไปได้ เธอเม้มปากแน่นเธอต้องการรู้ว่าข้างในนั้นมีอะไรอยู่ เธอต้องรู้ให้ได้
“ฉันจะเข้าไปในนั้น”
“เดี๋ยวก่อนสิ คุณจะเข้าไปคนเดียวหรือ”
“ใช่”
“ผมไม่อยากปฏิเสธคุณนะ แต่มันอันตรายเกินไปที่คุณจะลงไปคนเดียว”
“แต่ฉันอยากรู้ถึงคำที่คุณหลวงบอกในคืนนั้น ในนั้นจะต้องมีอะไรแน่ ๆ ฉันมั่นใจ”
“งั้นผมจะนำไปก่อน แล้วคุณค่อยตามไปทีหลัง”
“แต่ว่า..”
“ไม่มีแต่ ระหว่างคุณกับผมอย่างไรมันอันตรายกว่ากัน”
หญิงสาวเม้มปากแน่น มันก็จริงที่ว่าเธอลงไปคนเดียวมันอันตรายมากกว่า ทั้งคู่ลงไปชั้นล่างโดยมีขนมจีนคลานเข้าไป เธอปิดปากเมื่อราและความชื้นแตะจมูก เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าสถานที่แบบนี้จะมีคนอยู่ด้วย และถ้าหากว่ามีจริงนั่นคงเป็นนักโทษที่ทำผิดมหันต์ ในที่สุดเธอก็คลานออกมาตรงที่แคบ ๆ เป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก แต่สิ่งที่ทำให้เธอหน้าซีดเผือดก็คือรอยขีดข่วนจากรอยเล็บมนุษย์อยู่เต็มไปหมด
“นี่มันรอยข่วนของมนุษย์นี่นา”
“คนถูกขังคงทุกข์ทรมานมาก”
“นี่มัน....เขาถูกขังไว้กี่เดือนแล้วนะ รอยเล็บข่วนกำแสงเต็มไปหมดเลย”
“คงหลายวันได้”
“แค่หลายวันเหรอ”
“หรือคุณคิดว่าคนเราจะอดอาหารได้สักกี่วันกันล่ะ อย่างน้อยก็น่าจะสักอาทิตย์หนึ่ง” เขาเอ่ยเสียงเรียบ
หลายวันเหรอ...
ดูจากสภาพแล้วน่าจะหลายเดือนมากกว่า บางทีเขาอาจให้อาหารทีละน้อยจนกว่าเธอจะอดตายก็ได้
“เขาอยู่ที่ไหนน่ะ”
“ใครเหรอ”
“ก็คนที่ถูกรัดเท้าไว้จนตายไงล่ะ”
หญิงสาวตัวชาวาบ จริงด้วยในเมื่อด้านบนเขาถูกปิดตายแล้วข้างล่างก็เต็มไปด้วยรอยเล็บข่วน เธอไม่อยากคิดเลยว่าผู้หญิงที่นอนอยู่ตรงนี้จะกรีดร้องในยามค่ำคืนด้วยความทุกข์ทรมานขนาดไหน เธอมองเห็นรอยคราบเลือดเป็นทางยาว
“ระวัง”
หญิงสาวหันมามองเขา แต่แล้วข้างหลังเธอก็ปรากฏโครงกระดูกผู้หญิงในชุดเสื้อผ้ารุ่งริ่งโผล่มากอดเธอเอาไว้ ขนมจีนร้องอุทาน มือของมันมีแต่กระดูกหน้าตาก็เหมือนกัน เธอมาจากตรงไหนก็ไม่รู้พอเธอมาก็ร่วงมากอดเธอไว้ ทำเอาขนมจีนร้องลั่น
“ว้าย อย่านะ”
“ใจเย็น ๆ ก่อน ผมจะเอาออกให้เดี๋ยวนี้”
“เอาออกไปนะ”
ขนมจีนร้องลั่นอยู่นาน กว่าที่โครงกระดูกจะหลุด ลงไปนอนกองกับพื้นเธอถอยไปชิตกำแสงด้านหลังหน้าตาซีดเผือด ปากคอสั่นตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยกลัวมากขนาดนี้มาก่อนเลย
“นะ...นั่นมันคุณแสง”
“ไม่รู้สิ...แต่ดูจากสภาพศพแล้วน่าจะใช่มากกว่า”
“คุณแสง” เธอร้องเสียงดัง “แปลว่าคุณหลวงของฉันท่านขังคุณแสงไว้แล้ว...ให้อดข้าวอดน้ำจนกว่าจะตายงั้นเหรอ” เธอกระซิบแผ่ว
“ใช่”
“ไม่จริง...” เธอกระซิบแผ่ว “ฉันไม่เชื่อหรอก”
“แต่เราก็ล่วงรู้ความจริงแล้ว คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตามแต่”
ขนมจีนมองหน้าชายหนุ่ม
“ทำไม...มันโหดร้ายเกินไปแล้ว”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“เราช่วยเราร่างของเขาไปส่งวิญญาณที่วัดกันเถอะ”
“เดี๋ยวก่อน”
“ทำไมเหรอ”
“ดูนี่สิ” เขาเอ่ยเสียงเรียบจับโครงกระดูกขึ้นมา “ตรงนี้เหมือนรอยอะไรหรือเปล่า”
ขนมจีนมองดูเนื้อแห้งติดกระดูกมันคล้ายกับมีรอยอะไรสักอย่าง เธอหน้าซีดเผือดเลือดในกายจับตัวเป็นก้อนแข็งหันมามองกำไลงาช้างของเธอทันที
“กำไลงาช้าง”
“ใช่”
“ถ้าอย่างนั้น ที่เขามากวนฉันก็เพราะว่า...ต้องการได้กำไลคืนงั้นเหรอ”
“น่าจะเป็นอย่างนั้น”
“ทำไมล่ะ ฉันไม่รู้เรื่องด้วยสักหน่อย กำไลนี้น่ะฉันก็ถอดมันไม่ออกด้วย”
“ระวังตัวไว้ด้วยล่ะ งานนี้เจ้าของกำไลต้องไม่ยอมอยู่เฉยแน่ เขาต้องการกำไลที่คุณสวมอยู่นั่น”
ขนมจีนหน้าซีดเผือด
“อะไรกัน”
“เอาล่ะ เรารีบขึ้นไปข้างบนกันดีกว่า” เขาเอื้อมมือมาดึงแขนเธอ แต่ขนมจีนอึกอัก
“แล้วร่างเขาล่ะ”
“เราทำอะไรไม่ได้แล้วตอนนี้ เห็นทีคงต้องเผาทิ้งไปเขาจะได้ไปผุดไปเกิดสักที”
“ทำไมเราถึงไม่นำร่างเขาไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดล่ะ”
“คุณคิดว่าคนอื่นเขาจะเชื่อ และยอมมาอยู่คฤหาสน์กันหรือไง เชื่อผมเถอะคุณหลวงของคุณต้องไม่คิดที่จะเอามาทำพิธีทางศาสนา อีกอย่างเรายังไม่รู้เลยว่าเขาอาฆาตแค้นเราหรือเปล่า”
“แปลว่า...คุณจะจุดไฟเผาเขาเหรอ”
“เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลังเถอะ”
เธอคลานขึ้นไปบนชั้นสอง ไปแค่ก ๆ ไปตลอดทางด้วยความชื้นและรา เธอหน้าซีดเผือดเมื่อรู้ว่าใต้ดินมีคนตายอยู่นับสิบ ๆ ปี ขนมจีนเกาะเขาไว้แน่น ธีร์ก้มลงมองเธอด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอย่างไรบ้าง”
“ฉัน...ปวดหัว เหมือนจะมีไข้ยังไงก็ไม่รู้”
“นอนพักสักหน่อยเถอะ คุณอาจไม่ชิตกับสภาพอากาศข้างล่างนั่น”
“ประคองฉันเข้าไปนอนหน่อยได้ไหม”
“มาเถอะ”
ขนมจีนถูกพาเข้าไปนอนบนเตียงของเธอ เธอปวดหัวเหมือนจะมีไข้ นัยน์ตาพราวระยับจ้องมองไปยังธีร์ราวกับจะบอกให้เขาอยู่เป็นเพื่อนเธอจนกว่าเธอจะหลับสนิท
“เป็นอะไร” เขาเอ่ยถาม
“อยู่ใกล้ ๆ ฉันนะ อย่าทิ้งฉันไปจนกว่าฉันจะหลับ”
ธีร์ยิ้ม พลางเอานิ้วมือดีดจมูกเธอ
“ใครล่ะจะไปกล้าทิ้งลง เด็กดื้ออย่างนี้น่ะ”
“ฉันไม่ได้ดื้อสักหน่อย” เธอทำปากย่นจับจมูกตัวเอง “แค่เถียงเก่งไปหน่อยเท่านั้นเอง”
“นั่นแหละที่เขาเรียกว่าดื้อ”
ขนมจีนยิ้มบาง ๆ หลับตาลง เธอปล่อยให้ความนึกคิดไปสู่ห้วงฝันแล้วก็หลับสนิท...
ธีร์ครุ่นคิด...นางแสงอยู่ที่นี่แล้วโซ่มัดขาของเธอเล่าอยู่ที่ไหน เขามองไปยังขนมจีนที่หลับสนิทเธอมีไข้หน่อย ๆ และเขาก็ควรไปหาตอนนี้ คิดว่าคุณหลวงคงเก็บเอาไว้ที่ไหนสักแห่งเพราะกลัวว่าเธอจะออกมาอาละวาดแล้วไม่มีผู้ใดเอาโซ่ล่ามขาเธอไปเผาทำลาย...
*************

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 เม.ย. 2556, 08:31:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 เม.ย. 2556, 12:24:50 น.
จำนวนการเข้าชม : 1630
<< ตอนที่ 21 ค่ำคืนที่ยาวนาน | บทที่ 23 บ่วงกรรม >> |


Zephyr 12 เม.ย. 2556, 15:04:19 น.
งงค่ะ 555 ร่างมันไม่ติดกับโซ่รึคะ
มันน่าจะอยู่ด้วยกันมั้ย ไม่งั้นจะล่ามไว้ได้ไง ???
สุขสันวันสงกรานต์เช่นกันค่ะ
งงค่ะ 555 ร่างมันไม่ติดกับโซ่รึคะ
มันน่าจะอยู่ด้วยกันมั้ย ไม่งั้นจะล่ามไว้ได้ไง ???
สุขสันวันสงกรานต์เช่นกันค่ะ