เพทายพ่ายตะวัน
เมื่อเธอคือ กุหลาบแดง แห่ง "เรือนกุหลาบ" และเขาคือ ศัลยแพทย์ ผู้มีฝีปากเชือดเฉือนยิ่งกว่ามีดผ่าตัด..ยุทธการปราบพยศครั้งนี้..มีหัวใจเป็นเดิมพัน!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๙ ธาตุแท้ ๑/๒

ความเงียบปกคลุมบุคคลทั้งสามชั่วระยะเวลาหนึ่ง ต่างคนต่างความรู้สึก เหตุการณ์เมื่อครู่เกิดขึ้นรวดเร็ว ระทึกขวัญ และเต็มไปด้วยความหวาดกลัว หลังจากกระโดดขึ้นรถหนีกระสุนปืนมาได้อย่างหวุดหวิด ยังไม่มีใครเอ่ยปากไถ่ถาม พูดคุย แม้แต่ตัวเจ้าของรถ รายนั้นมีสีหน้าเครียดเข้มหนักกว่าครั้งไหนที่เคยมีมา

มยุเรศลอบระบายลมหายใจแผ่วเบา เด็กสาวนั่งเงียบอยู่บนเบาะด้านหลัง มองทะลุกระจกด้านข้างออกไป เรื่องชุลมุน ใหญ่โต และน่าสะพรึงกลัวที่สุดในชีวิตของหล่อนสงบลงแล้ว..อย่างน้อยก็ชั่วคราว แก๊งชุดดำนั่นคงหาทางตามติดมาเอาหล่อนกับเพทายถึงตาย เพราะความลับที่ได้มา เป็นลับเฉพาะที่สามารถดับอนาคตของคลินิก และคุณหมอผู้ฉาบทาด้วยเปลือกสวยหรูทางสังคมโดยสิ้นเชิง

ฝุ่นควันริมถนนแถบนั้นฟุ้งตลบ ถนนลาดคอนกรีตคลาคล่ำด้วยผู้คนสองฝั่งบาทวิถี ร้านค้าเปิดทำการอย่างคึกคักดาษดื่น แสงแดดจัดจ้าจากดวงตะวันลอยเด่นพอดีศีรษะบอกเวลาเที่ยงตรง เส้นทางสู่ถนนใหญ่เห็นอยู่ไกลสายตาลิบๆ ตรงเส้นขอบฟ้าเบื้องหน้า

ความคิดของเด็กสาวลอยกลับไปถึงยามบ่ายของวันวาน ก่อนเรื่องราวใหญ่โตไม่คาดฝันจะบังเกิด
“จริงเหรอคะพี่..คลินิกไอ้หมอนั่นจะถูกทลาย”
มยุเรศถามย้ำ น้ำเสียงตื่นเต้นระคนสะใจจนคนฟังนึกสงสัย
“ก็ใช่น่ะซี แต่มีข้อแม้เดียวคือถ้าเธอไม่ทำแผนฉันพังก่อนเวลาอันควร ไอ้หมอเถื่อนศรันย์ติดคุกหัวโตแน่ รวมถึงลูกน้องมันทุกคน..คลินิกลวงโลกจะถูกทลาย ปิดตายไปตลอดกาล”

“แล้วทำไมเธอต้องทำเสียงดีใจขนาดนั้นด้วย..ได้ข่าวว่าเป็นลูกค้าประจำ?”
คราวนี้มยุเรศหุบปากสนิท ทว่าคนอย่างเพทายมีหรือจะปล่อยให้ปัญหาคาใจพ้นผ่านไปได้ง่าย
“บอกมาเดี๋ยวนี้..ไม่งั้นนอกจากจะไม่ฉีดยาแก้ปวด จะไม่ขูดมดลูกให้ด้วย เอาให้ตกเลือดตายไปเลย เธอเชื่อไหมล่ะ..ว่าคนเลือดเย็นอย่างฉันทำได้!”

สีหน้าท่าทาง แววตาเอาจริงของนักวางแผน ทำให้มยุเรศเชื่อจริงๆนั่นแหละว่าหล่อนทำได้อย่างที่พูด และอีกเหตุผลหนึ่ง หล่อนก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเหตุใดจึงไว้วางใจหญิงสาวคนนี้ กระทั่งยอมบอกเรื่องลับเฉพาะที่แม้แต่คนในครอบครัวยังให้รู้ไม่ได้..ไม่รู้สิ..อาจเพราะพี่สาวนัยน์ตาดุมีกระแสความเปิดเผย จริงใจ และเป็นคนจริงอย่างที่หล่อนไม่เคยสัมผัสได้จากใครมาก่อน หล่อนเชื่อลึกๆว่า เพทายไม่ใช่บุคคลอันตรายสำหรับหล่อน

“ไอ้ศรันย์มันบังคับให้หนูมีอะไรกับมัน..ไม่งั้นจะบอกพี่ชายหนูเรื่องหนูท้องแล้วมาทำแท้ง..”
เพทายทำเสียงฮึดฮัดในลำคอ มองเด็กสาวด้วยความเวทนา
“ยัยบ้าเอ๊ย! แล้วเธอก็เชื่อมันง่ายๆ..มีสมองรึเปล่าเนี่ย หรือเอาไว้ใส่ขี้เลื่อย”
คำด่าแบบขวานผ่าซากนั้นทำให้มยุเรศถึงกับผงะ ไม่เคยเจอใครที่รู้จักกันครั้งแรกแล้วกล้าพูดจาแบบนี้ใส่หล่อน

“มันบอกพี่ชายเธอก็โง่แล้ว นี่โง่ หรือ โง่..อย่างงกับคำถามนี้เพราะฉันมีช้อยเดียวให้เลือก นึกคำจำกัดความอื่นไม่ออกจริงๆ โทษทีเถอะ”

“บอกพี่ชายเธอ..คลินิกมันก็ตายโหง เท่ากับเผยความลับ เรียกตำรวจมาจับตัวเอง ฆ่าตัวตายชัดๆ”
มยุเรศเพิ่งถึงบางอ้อ..นึกตามคำบอกนั้นแล้วให้รู้สึกเจ็บแค้นระคนหดหู่..หล่อนก็โง่สมคำปรามาสจริงๆ โง่ได้โล่เลยทีเดียว

“มันหลอกมีอะไรกับเธอได้..มันต้องเอาไว้หลอกใช้อย่างอื่นด้วยแหงๆ”
เพทายโยนหินถามทาง ซึ่งเด็กสาวก็ยอมบอกหมดเปลือก ถึงตรงนี้น้ำหูน้ำตาร่วงพรูนองสองแก้ม
“มันให้หนูหาลูกค้าให้มัน เรียกคนมาทำแท้ง มาซื้อยาเยอะๆ”


ชัดเจนมองถนนแน่วนิ่ง กรามขึ้นเป็นสันนูน กรอบตาเคียวคมแข็งกร้าว มีดวงไฟน้อยๆปะทุเป็นเงาอยู่ในนั้น เขาบังคับพวงมาลัยให้รถพุ่งตรงไปเบื้องหน้าอย่างเดียว สมองตื้อ ความรู้สึกหลากหลายประดังประเดเข้ามา ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง แล้วเรียกความรู้สึกเหล่านี้ว่าอะไร เขาตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน

สายวันนี้เขาออกจากบ้าน เพื่อมาเตรียมงานประชุมวิชาการกับเพื่อนร่วมงาน ไม่มีคิวผ่าตัด ไม่มีเวรออกตรวจคลินิกผู้ป่วยนอกเหมือนทุกวัน ระหว่างทางที่เข้ามาตามถนนเส้นคุ้นเคย มุ่งสู่โรงพยาบาลประจำจังหวัด เขาก็เห็นท้ายรถญี่ปุ่นคันหนึ่ง กระตุกความสนใจให้รีบบังคับพวงมาลัยตามไปโดยแทบไม่ต้องเสียเวลาคิด

“รถใครวะ..ดัดจริตมีลายกุหลาบแดงตีกรอบทะเบียนรถ”
คือคำถามที่เอ่ยทำนองอุทานกับตัวเองมากกว่าจะอยากได้คำตอบจริง เมื่อเห็นรถคันแดงจอดสนิทในโรงรถบ้านนลัศ วันที่เขาถูกท้าประลองแบด แล้วก็ได้ชัยชนะมาอย่างไม่ค่อยสมศักดิ์ศรีเท่าที่ควร

“รถคุณเพทายค่ะ..หนูว่าเก๋ดีออกนะคะ”
เสียงเด็กรับใช้ประจำบ้าน เสนอตอบเข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ เขาเพิ่งรู้ตัวว่าไม่ได้ทอดน่องอยู่แถวนั้นคนเดียว เด็กคนนั้นยืนกวาดเศษใบไม้อยู่ก่อนแล้ว แต่ด้วยความที่เป็นคนตัวเล็ก และปฏิบัติงานอยู่ตรงมุมเสาสังเกตเห็นได้ยาก ชัดเจนเลยไม่ทันระวังปาก

นั่นแหละ..เขาถึงจำได้แม่นว่าเป็นรถของหล่อน นึกสนุกอยากหาเรื่องชวนทะเลาะ และอยากรู้อยากเห็นว่าหล่อนมาทำอะไรแถวนี้ จึงแอบขับตามไปสอดแนม โดยที่เหยื่อไม่ทันรู้ตัว

และเขาก็ได้รู้..รถญี่ปุ่นคันแดงจอดสนิทเทียบยกพื้นคอนกรีต หน้าคลินิกของผู้มีอิทธิพลมืดประจำท้องถิ่น ซึ่งชาวบ้านแถบนี้ต่างก็รู้ดี และไม่มีใครคิดแหยม

หล่อนมาทำอะไร..มาซื้อยา?

นั่นคือคำถามแรกที่ผุดขึ้นในใจ แต่เขาก็ให้คำตอบกับตัวเองแทบจะทันที..
ไม่มีทาง..ผู้หญิงอย่างเพทายจะทำเรื่องพรรค์นี้..ไม่ใช่หรอก..จะมีใครกล้ามายุ่งกับคนอย่างหล่อนจนเกิดเรื่องพรรค์นี้ได้ต่างหาก!

และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เขาแอบจอดรถ รอดูเหตุการณ์อยู่หลังกำแพงซอยเล็กๆแห่งนั้น เขาได้เห็นทุกอย่างตั้งแต่มีเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งลงจากรถ จนกระทั่งกลับมาที่รถ แล้วแก๊งชายชุดดำพวกนั้นตามมาประกบทั้งด้านคนขับและคนนั่ง กระทั่ง..สุดท้าย เสียงปืนดังสนั่น!

“คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไง..บ้า หรือ โง่?!”
เหมือนเป็นคำสบถมากกว่าอยากตั้งคำถาม คนก่อเรื่องหันขวับมาทำตาเขียวใส่เขาทันที

“คุณนั่นแหละบ้า อยู่ดีๆมาว่าฉันทำไม”

มยุเรศหลุดหัวเราะกิ๊กออกมา หล่อนจำได้ลางๆว่าคำด่านี่มันคลับคล้ายที่หล่อนเคยโดนกระทำจากเพทาย ความหวาดกลัวจางใจไปมากแล้ว เวลานี้หล่อนรู้สึกผ่อนคลายลงมาก ไม่ได้ยินเสียงปืนดังไล่หลัง มีแต่ภาพยานพาหนะแออัดเต็มท้องถนน มองจากป้ายสีเขียวโดดเด่นเบื้องหน้า เจ้าของรถพาหล่อนเข้าสู่เขตกรุงเทพฯ ถนนใหญ่สายนี้สร้างความอุ่นใจให้อย่างบอกไม่ถูก อาจเป็นเพราะสิ่งแวดล้อมเดิมๆถูกกลบกลืนหายไป

สายตาราวสายฟ้าฟาดที่ชัดเจนมองผ่านกระจกรถทำให้มยุเรศหุบปากสนิท หยุดหัวเราะฉับพลัน

“ยังไม่รู้ตัวอีกหรือว่าทำอะไรลงไป..คุณเกือบเอาชีวิตไม่รอด ไปยุ่งทำไมพวกอิทธิพลเถื่อน”
“ฉันทำภารกิจสำคัญแห่งชาติย่ะ..ไม่รู้เรื่องก็อยู่เฉยๆดีกว่า”
“คุณนั่นแหละเล่นไม่รู้เรื่อง ตัวจะตายยังทำปากเก่ง!”
“แต่ฉันก็ทำสำเร็จของฉันละกัน คุณคอยดูเถอะ พรุ่งนี้ต้องเป็นข่าวหน้าหนึ่งทุกฉบับ!”
“ข่าวหน้าหนึ่งว่ามีหญิงสาระแนคนนึงดับอนาถคาที่ล่ะสิ”

ไม่มีใครยอมใครมาตั้งแต่ต้น..แต่ที่สำคัญเหนืออื่นใดคือ..ไม่มีใครฟังเหตุผลใครต่างหาก

สุดท้ายเพทายอดรนทนไม่ได้ จึงถามเขาทั้งที่เลือดขึ้นหน้า

“คุณจะไม่ถามฉันเสียหน่อยหรือ..ว่าฉันไปทำอะไรมา เอาแต่ด่าๆๆลูกเดียว!”

เสียงอัดเทปในโทรศัพท์มือถือดังขึ้นจากเบาะหลัง มยุเรศอดรนทนไม่ได้ที่จะนั่งฟังผู้ใหญ่เขาทะเลาะกันโดยไม่มีเหตุผลอีกต่อไป..

“เอ..ว่าแต่พี่หมอไปทำอะไรในห้องวีดีโอวงจรปิดหรือคะ?”
เด็กสาวแสร้งถามหน้าตาไร้เดียงสา

“เอ้า..ลืมไปแล้วหรือคะ ทุกสองวันคุณหมอจะต้องย้อนดูความเคลื่อนไหวของคลินิกเรา เผื่อมีอะไรผิดสังเกตจะได้ไหวตัวทันไงคะ”

พยาบาลสาวตอบพาซื่อ ไม่มีความคิดในหัวแม้แต่น้อยว่าเด็กสาวหน้าโง่คนหนึ่งจะมีอะไรต้องระแวดระวัง
“มันไม่น่าจะมีอะไรผิดสังเกตเลยนะคะ ใครจะมาสงสัย คลินิกพี่หมอก็ดูปลอดภัยไร้กังวล เหมือนคลินิกทั่วๆไป”

พยาบาลสาววัยกลางคนตีเผียะเข้าที่ต้นแขนมยุเรศอย่างนึกเอ็นดูในความไร้เดียงสา
“แหม..น้องดาวก็รู้ๆอยู่ วันนึงมีคนเข้าออกต้องเท่าไหร่ แล้วยิ่งเดี๋ยวนี้คนไข้มาซื้อยาหน้าใหม่เพิ่มขึ้นเป็นกอง คุณหมอก็ต้องระวังเป็นธรรมดา”

“ยาอะไรคะ..” มยุเรศรีบยิงคำถามไม่รอช้า
“เอ้า..ก็ทุกวันนี้น้องดาวมาซื้อยาอะไรล่ะคะ ถามได้..เล่นมุกรึเปล่าเนี่ย”
หญิงสาวหัวร่อต่อกระซิก มยุเรศตอบกลับเสียงดังฟังชัดเป็นเชิงขอคำยืนยัน

“ยาเหน็บ..ยาขับเลือดทำแท้ง?”
“ก็ใช่น่ะซีคะ..แถมเดี๋ยวนี้มีหลายรายใจกล้าไม่กลัวเจ็บกลัวปวด ขอรับบริการขูดมดลูก ใช้เครื่องดูดช่วยทำแท้งให้เร็วขึ้น เด็กพวกนี้ใจร้อน แล้วก็ขี้เกียจไปขูดมดลูกกันต่อที่โรงพยาบาลหลังเหน็บยา”

เมื่อเห็นรูปการแล้วว่าเหยื่อสาวค่อยๆตกหลุมพรางมากขึ้นเรื่อยๆ มยุเรศก็ไม่รอช้า รีบฉวยโอกาสเจาะลึกข้อมูล เพื่อให้เจ้าของคลินิกจำนนต่อหลักฐานชนิดหาข้อค้านไม่เจอ

“เอ..พี่หมอศรันย์ เจ้าของคลินิกเค้านามสกุลอะไรนะคะ พอดีเมื่อวานไปเจอคนในวงการบันเทิงคนนึงตอนออกงานกับพี่ชาย นามสกุลคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยิน”
พยาบาลสาวหัวเราะดังขึ้นอีกเมื่อได้ยินคำถามแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยของลูกค้าวีไอพี

“เล่นมุกอีกแล้วนะคะน้องดาว แหม..พูดจาถึงพี่หมอซะดูห่างเหินขนาดนั้น คนคุ้นเคยกันแท้ๆเชียว”
มยุเรศยกมือเกาท้ายทอยประกอบการแสดง หล่อนยังทำตาใสไร้เดียงสาได้อย่างแนบเนียน

“ช่วงนี้พักผ่อนน้อย สมองกลับมั้งคะ เรื่องสำคัญในชีวิตประจำวัน แม้แต่เรื่องคนที่บ้านดาวยังลืมเลยค่ะ”
“สุขพัฒนา ไงคะ..คุณหมอศรัณย์ สุขพัฒนา พี่บอกคราวนี้แล้วห้ามลืมอีกนะคะ คุณหมอท่านรู้ว่าน้องดาวลืม งอนแย่เลย จะหาว่าพี่ไม่เตือน”

มยุเรศยิ้มรับ พยักหน้าเป็นเชิงให้สัญญา..ภารกิจพิเศษเสร็จสิ้นบริบูรณ์เสียทีสินะ

“งั้นขอรับยาเลยดีกว่าค่ะ ใกล้ถึงเวลานัดพี่ชายแล้ว”

บทสนทนาในเทปจบลงแค่นั้น ชัดเจนพูดอะไรไม่ออก มองเด็กสาวแปลกหน้าเบาะหลัง สลับกับสาวตัวแสบข้างกาย ประกายตาเขาเปลี่ยนไปจากเดิม


ไม่รู้ว่าจะทึ่งในตัวหล่อน..หรือต้องระมัดระวังคนอย่างเพทายให้มากกว่าเก่า!




ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 เม.ย. 2556, 08:48:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 เม.ย. 2556, 12:41:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 1686





<< บทที่ ๘ เพลงพิณ ๓/๓   บทที่ ๙ ธาตุแท้ ๒/๒ >>
sai 14 เม.ย. 2556, 13:27:08 น.
อ่านไปลุ้นไป


ศิลาริน 14 เม.ย. 2556, 18:51:41 น.
@sai ร่วมลุ้นกับหนูเพนะคะ อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account