บ่วงพราย
ขนมงจีนถูกส่งไปที่คฤหาสน์สีขาว ที่นั่นเป็นบ้านของคุณหลวง ทว่า...เธอได้พบกับวิญญานชายหนุ่ม ที่แม้แต่ที่อยู่และสถานที่ที่ตัวเองตาย ก็ยังไม่รูั้เลย แล้วเธอจะทำอะไรดีเนี่ย
Tags: รักหวานแหวว หวานซึ้ง พล็อดสนุก สนุกสนาน

ตอน: คืนริษยาและแรงอาฆาต

บทที่
คืนริษยาและแรงอาฆาต

“ใช่สิ คุณจะรีบไปไหน”

“คุณหายไปไหนมา รู้หรือเปล่าว่าฉันตามหาคุณแค่ไหน”

“คุณออกไปหลังบ้านมา ไม่ได้ยินเสียงที่คุณเรียกมีอะไรเหรอ”

“หายไปหลังบ้าน”

“ใช่”

“ฉัน...เอ่อ..คิดว่าคุณจะถูกเล่นงานเสียแล้ว” เธอน้ำตาเอ่อล้นยกมือขึ้นปาดแก้มใส จนธีร์ขมวดคิ้ว

“คุณร้องไห้หรือ”

“ไม่ใช่ ผงมันเข้าตาต่างหาก” เรื่องอะไรเธอจะบอกว่าร้องไห้ล่ะ มันเสียฟอร์มแย่

เขายิ้มบาง ๆ มองดูเธอด้วยแววตาเป็นประกาย

“บ้านมันเก่า ผงก็เลยเยอะเป็นธรรมดา” เขาเอ่ย

“แกล้งกันเหรอ” เธอย้อน

“เปล่าหรอก แค่ไม่อยากให้คุณเสียหน้าน่ะ”

แน่ล่ะ เธอไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไรเวลาอยู่ต่อหน้าเขา ธีร์รู้เรื่องดีทุกอย่างเพียงแต่เขาไม่ยอมพูดเท่านั้น แม้แต่หัวใจเธอรู้สึกอย่างไร เขาย่อมรู้ดีที่สุด

“ฉันทำอาหารให้คุณทาน คุณทานอะไรหรือยังล่ะ”

“ยังเลย”

“งั้นฉันทำอาหารแกงมัสมั่นไก่ให้คุณกินนะ”

“เอาสิ มาผมช่วยถือ”

เขาเดินมาช่วยถือพวกถุงข้าวของ เธอเหลือบมองเขานิดหนึ่งใบหน้าของเขาตอนนี้ดูดีมาก อาจเป็นเพราะเขาเพิ่งโกนเครามาใหม่ ๆ เส้นผมก็บัดเสียขึ้นจมูกก็เลยโด่งเป็นสัน ดวงตา...ก็เป็นสีนิล เธอมองเขาจนธีร์หันมามองเธอ ทำเอาเธอสะดุ้งหน้าแดงก่ำ

“เป็นอะไร หน้าผมมีอะไรติดอยู่หรือ”

“เปล่า แค่อยากมอง” เธอเสแสร้งไปอย่างอื่น

“แค่นั้นเองหรือ”

“อย่าเลยนะ พอแล้วฉันไปทำอาหารดีกว่า” เธอเอ่ยขัด ก่อนเดินตรงไปยังห้องครัว

เธอเปิดไฟในครัวแล้วเริ่มลงมือปอกผลไม้ เธอปอกเปลือกมันแล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อฝ่ามือฝ่ามือโอบมือถือเธอมือไว้ เธอร้องอุทานแผ่ว มือไม้เริ่มจับมีดไม่อยู่

“คุณ ทำอะไรน่ะ”

“ผมจะช่วยปอกมัน เรื่องปอกผมทำได้ถนัดนักล่ะ”

“ไม่ต้อง ฉันทำเองได้”

“ผมช่วยเอง คุณไปทำอย่างอื่นเถอะ”

“นี่ บอกว่าไม่ต้องไง อุ้ย”

จนได้ บอกแล้วว่าไม่ต้องมาช่วยเห็นไหมมีดบาดมือเธอจนได้ เธอขมวดคิ้วเพราะเขานั่นแหละบอกแล้วแท้ ๆ ว่าไม่ต้องมาช่วย เป็นยังไงล่ะ

“เจ็บจัง...คุณนี่ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ต้องมาช่วย”

“ขอโทษที เป็นอะไรมากหรือเปล่า”

“เป็นสิ เป็นมากด้วย ทำยังไงล่ะทีนี้” เธอแหวเสียงดังแล้วก็พูดไม่ออกเมื่อเขาจับนิ้วเธอล้างน้ำ สายน้ำรินไหลผ่านมือที่บาดเย็นจัดแต่ความอบอุ่นที่ผ่านมือมามันกลับอบอุ่นอ่อนโยน

“เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นหรือเปล่า”

“มันคงไม่ดีขึ้นหรอก ถ้าไม่ได้พลาสเตอร์มาปิดแผล”

“งั้นเอาอย่างนี้ มื้อนี้ผมทำเอง คุณไปหาพลาสเตอร์ปิดแผลแล้วนั่งรอก่อนเถอะ”

“คุณทำเป็นเหรอ”

ไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายอย่างเขาจะทำเป็นด้วย ขนาดเธอกว่าจะปอกมันเป็นยังแทบแย่

“ทำเป็นสิ คุณไปเถอะ”

“แต่ว่า...” เธอจะพูดต่อว่าไม่เป็นไร

“ขนมจีน ถ้าคุณไม่อยากอยู่ใกล้ผม จนถูกมีดบาดอีกล่ะก็ไปรออยู่ข้างนอก” เขาเอ่ยเสียงต่ำ

“ไปก็ได้...ทำเองก็แล้วกัน”

เธอเดินไปที่พลาสเตอร์แล้วเอามาปิดแผล ความอ่อนโยนที่ส่งผ่านมือของเขามายังมือของเธอมันช่างอบอุ่นเสียจนเธออดยิ้มออกมาไม่ได้ เธอมองเขาที่อยู่ในห้องครัวแล้วอมยิ้มออกมา เธอกับเขาอยู่ร่วมบ้านกันได้หลายวันแล้ว เธอไม่อยากจะรู้หรอกว่าคนแถวนี้เขาจะว่า ๆ เธอกับเขาเป็นอะไรกัน แต่เธอก็รู้ดีที่สุดถึงความเป็นสุภาพบุรุษของเขา ถึงแม้จะมีบ้างแต่เขาก็ควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี

ซึ่งนั่นทำให้เธอเชื่อว่าเขาจะปกป้องเธอ

“เสร็จแล้วครับ” เขาเอ่ยอย่างอารมณ์ดี หน้าตาแกงมัสมั่นไก่หน้าตาน่ากินยกมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ ทำให้เธอกระพริบตาถี่ ๆ อย่างไม่อยากเชื่อ

“คุณทำเองเหรอ”

“ใช่”

“โอ้โห น่ากินจังเลย คุณทำเองเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่กันน่ะ”

“ผมทำเองตั้งแต่สมัยเรียน คุณลองชิมดูสิ”

เมื่อเขาพูดอย่างนั้น เธอจึงลองตักชิมดูรสชาติหวานหอมจนเธอยิ้มออกมา

“อร่อยดีค่ะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณสามารถทำได้ถึงขนาดนี้”

“แล้วคุณเห็นว่าเป็นอย่างไรบ้าง”

ขนมจีนชะงักกึก หมายความว่ายังไงนะ

“อะไรนะคะ”

ธีร์มองหน้าเธอดวงตาเป็นประกาย แต่ว่าเขารู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่สมควรพูดเรื่องการอยู่ร่วมกันทั้ง ๆ ที่ยังมีเรื่องคุณแสงอยู่อย่างนี้ จึงได้แต่เงียบไปดีกว่า

“เปล่า ผมหมายถึงคุณเวลาทำกับข้าวรสชาติดีอย่างนี้หรือเปล่า” เขายิ้มบาง ๆ

“ก็ไม่ค่อยเท่าไหร่หรอกค่ะ ส่วนใหญ่..แม่ทำให้กิน”

ชายหนุ่มมองดูหน้าของขนมจีน เวลามองเธอพูดถึงคุณพ่อคุณแม่

“พ่อแม่คุณท่านจากไปเพราะอะไร”

ขนมจีนเงียบไปเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไร

“อุบัติเหตุค่ะ ตอนที่ท่านจากไปฉันไปรับปริญญา” เธอเอ่ยเบา ๆ “เวลานั้นควรเป็นเวลาที่ฉันมีความสุขที่สุด”

ขนมจีนคิดคำนึกไปถึงวันที่เธอรับปริญญาแล้วโทรศัพท์บอกพ่อแม่ว่าเธอจบการศึกษาแล้วแต่คนที่รับกลับเป็นคุณหมอจากโรงพยาบาล พ่อของเธอขับรถปาดหน้ารถบรรทุกกระจกรถทะลุรถทั้งคันแหลกละเอียดตอนนี้พ่อกับแม่อยู่ในขั้นโคม่าก่อนจะเสียชีวิตในที่สุด เธอน้ำตาไหลอาบแก้มรีบทิ้งงานรับปริญญาของตัวเองเพื่อไปดูหน้าพ่อและแม่ที่โรงพยาบาลแต่มันก็สายไปแล้ว

พ่อและแม่ของเธอเสียชีวิตไปแล้วทั้งคู่

วันนั้นเธอร้องไห้ ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหลอีก..และจากวันนั้นอีกหลายอาทิตย์เธอก็มาอยู่ที่คฤหาสน์หลังสีขาวเพื่อมาเจอกับเขา

“วันนั้นท่านทั้งสองเสียชีวิต แล้วฉันก็มาเจอกับคุณ”

“ผมขอโทษนะ”

“ทานอาหารกันเถอะค่ะ มันอร่อยมาก..มากเสียจนฉันนึกถึงอาหารของแม่เลย” เธอเอ่ยเบา ๆ

ธีร์ยิ้มบาง ๆ ถึงแม้เธอจะเสียพ่อและแม่ไป...ก็ยังมีเขาอยู่กับเธอตลอดเวลา

ขนมจีนอนหลับบนเตียงนอน เขาพลิกตัวเข้าหาเธอแล้วโอบกอดเธอเอาไว้ ขนมจีนซุกหน้าหาไออุ่นจากแผ่นอกของเขาพลางเบียดกายเข้าใกล้เขา ธีร์ก้มหน้าจูบหน้าผากมนเบา ๆ เขาปรารถนาที่จะได้อยู่เคียงข้างเธอ และโอบกอดเธอเอาไว้แนบอก หูของเขาคอยฟังเสียงรอบกาย ที่จะมาในความมืด เสียงนั่นอีกแล้ว...เสียงร้องโหยหวนที่อาฆาตรุนแรง เธอยังคงหลับสนิท แต่เขาคอยฟังตลอดเวลา

“มาแล้วหรือ” เขากระซิบแผ่ว

กำไลงาช้าง เอากำไลคืนมา

“ขนมจีน” เขาตัดสินใจเรียกเธอที่ข้างหู

ขนมจีนยังคงหลับสนิทไม่ได้ยินเสียงอะไร

“ขนมจีน คุณตื่นอยู่หรือเปล่า”

“อืม...ธีร์อะไรเหรอ”

“คุณได้ยินเสียงนั่นหรือเปล่า”

ประโยคนั้นทำให้ขนมจีนลืมตาโตโดยอัตโนมัติ ตัวเธอสั่นเทานั่นเป็นเสียงร้องโหยหวนอาฆาตแค้นของคุณแสง เธอจำได้ดี

“ธีร์ นั่นมันเสียงของ...” เธอไม่กล้าพูด

“คุณแสง”

ขาดคำที่ทั้งคู่ลุกขึ้นมามอง พลันก็เกิดพายุหมุนขึ้นในห้องพัดพาเอาข้าวของกับกองหนังสือกระจัดกระจายเกลื่อน เงามืดออกมาจากเพดานผมของเธอยาวสลวยจรดพื้น นัยน์ตาแดงฉานถึงแม้เนื้อตัวจะมีรอยเปรอะเปื้อนแต่ด้วยอานิสงส์ผลบุญที่เธอทำไปให้ทำให้วิญญาณของเธอได้ผลดี แต่ทว่าภายในใจของเธอมันเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น และเธอก็กางเล็บยาวเหยียดนัยน์ตาแดงฉานเต็มไปด้วยน้ำตาเลือด

นังชบา ฉันจะฆ่าแก

“ไม่นะ ว้าย” เธอหวีดร้อง ลมพายุหมุนได้หอบเอาหนังสือเป็นสิบเล่มพุ่งเข้าใส่ตัวเธอ ธีร์เห็นดังนั้นจึงรีบหมอบร่างเธอลงกับพื้นแล้วกอดเธอไว้แน่น หนังสือจึงโผเข้าใส่เขา

“คุณธีร์ ไม่นะ”

“หมอบไว้ ขนมจีนผมไม่เป็นไรหรอก”

ฮ่า ๆ แกต้องตาย

โยม ความอาฆาตแค้น ผลบุญใด ๆ ส่งให้ หากเขาปฏิเสธที่จะให้ไม่รับ อานิสงส์ผลบุญก็จะไม่เป็นผล

“คุณแสง อย่าทำอย่างนี้ อานิสงส์ผลบุญที่ฉันส่งไปให้คุณ คุณไม่ได้รับมันเลยเหรอ”

ฉันไม่รับ ฉันไม่รับอะไรทั้งนั้น ขอแค่ได้ฆ่าแกฉันก็สาแก่ใจแล้ว

“ขนมจีน รีบวิ่งออกไปจากตรงนี้เถอะ รีบออกไปข้างล่าง” ธีร์ร้องตะโกน แต่ขนมจีนเม้มปากแน่น ความอาฆาตโกรธแค้นมันมีแต่จะทำลายทุกอย่าง

“ไม่ ฉันไม่ไป ฉันจะต้องสู้กับเขาให้ถึงที่สุด”

“ขนมจีน”

ฮ่า ๆ ฉันจะฉีกกระชากแกให้เป็นชิ้น ๆ

“ว้าย” เธอถูกตบจนกลิ้งลงกับพื้น เล็บยาว ๆ ของเขาเสียบทะลุลงบนพื้นข้างแก้ม เธอใบหน้าซีดเผือดนึกไปถึงคำพูดสุดท้ายของหลวงพ่อ

อะไรก็ตามที่เขาอยากจะได้คืน...มันมีการเกิดและการดับ ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่คนเราสามารถเป็นเจ้าของได้ แม้แต่ตัวนางเอง

“คุณแสง กำไลงาช้างวงนี้มันเป็นของสำคัญของคุณมากงั้นเหรอ” เธอกระซิบเสียงแหบพร่า

มันเป็นของ ๆ ฉัน

“ถ้างั้นก็เอาไปสิ ฉันถอดมันออกไม่ได้ ฉันเอามันออกไม่ได้เข้าใจหรือเปล่า”

กรี๊ดด ฉันจะเอาของฉันคืน

“ว้าย” เธอหันหน้าหนีเมื่อปลายกรงเล็บกระชากพื้นปูนและหนังสือจนมันขาดวิ่น

“ขนมจีน” ธีร์ร้องลั่นรีบดึงเธอขึ้นมากอดไว้ แล้วเปิดประตูพาลงไปด้านล่าง “รีบหนีไป ไปข้างล่าง”

“ไม่ ฉันไม่ไป”

“คุณจะบ้าเหรอ คุณแสงเป็นวิญญาณแล้วคุณมีสิทธิ์ไปบอกให้เขากลับใจงั้นเหรอ” ธีร์โกรธหนัก เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าขนมจีนจะมีความคิดบ้า ๆ ได้ขนาดนี้

“ฉัน..ฉันไม่รู้จะทำอย่างไร ฉันคิดอะไรไม่ออก”

“ไปกับผม ผมจะส่งวิญญาณเขาลงนรก”

“วิญญาณเหรอ คุณจะทำอะไร”

จะหนีไปไหน แกตาย

“อย่านะ คุณได้กำไลงาช้างแล้วจะมีอำนาจควบคุมใครในบ้าน ในเมื่อคฤหาสน์หลังนี้ทุกคนก็ตายกันไปหมดแล้ว ไม่มีใครอยู่ให้คุณคอยสั่งการได้อีกแล้ว”

ภพหน้ายังไงล่ะ

“อะไรนะ”

ถึงแม้ว่าคฤหาสน์หลังนี้มันจะแหลกสลายไปหมด แต่ฉันก็จะครองกำไล..เพื่อที่จะได้ใช้ในภพหน้า เพราะฉะนั้นแกตายซะเถอะ

งั้นก็ต้องปล่อยเขาไป ไปสู่เวรกรรมที่เขาต้องชดใช้

คำพูดสุดท้ายของพระคุณเจ้าดังมาให้เธอได้ยินเป็นครั้งสุดท้าย

“ไม่นะ” ลมหอบเอากระจกในเล็กมาใส่ขนมจีน จนเธอพลัดตกลงไปบันไดชั้นล่างศีรษะของเธอกระแทกขอบบันไดจนหมดสติไป เธอนอนหงายบนบันไดชั้นล่างธีร์ตะโกนลั่น ร่างสูงประคองร่างเธอขึ้นมาแล้วตะโกนเรียกชื่อเธอลั่น หน้าตาของเขาซีดเผือด

“ขนมจีน”

ขนมจีนยังคงหมดสติ เธอนอนนิ่งในอ้อมกอดของเขา

“ขนมจีน คุณต้องไม่เป็นอะไรนะ”

กำไลงาช้างยังคงอยู่ที่แขนซ้ายของเธอ ยังคงไม่หลุดไปไหนเธอเป็นคุณชบามาเกิดใหม่ และไม่มีใครเหมาะสมที่จะได้กำไลงาช้างอันนี้...

ธีร์ขบกรามแน่น เขาเหลือบมองวิญญาณร้ายเล็บยาวเหยียด

ฮ่า ๆ

วิญญาณของเธอหน้าแดงเถือกไปด้วยน้ำตาเลือด เส้นผมยาวเหยียดลงสู่พื้นมือทั้งสิบข้างมีเล็บยาวเหยียด เลือดของเธอแดงฉานถึงแม้อานิสงส์ผลบุญที่พวกเขาทำให้เธอ แต่เธอปฏิเสธที่จะรับก็คงต้องปล่อยให้เธอลงนรกไปชดใช้เวรกรรมของเธอจนมอดไหม้

ขนมจีนยังคงหมดสติ หากว่าเธอถูกทำร้ายตอนนี้เธอก็คงตายตกตามกัน ธีร์ขบกรามแน่นเขาหันไปเห็นถังน้ำมันตรงประตูหลังเขาวิ่งหลบพายุหมุนที่พัดพาเอามีดเข้าใส่ ธีร์เทน้ำมันลงไปบนพื้นด้านหน้าและทั่วทุกแห่งภายในบ้าน ก่อนจะจุดไฟแช็คลงไปจนมันมอดไหม้เป็นพายุหมุน

“จงลงนรกไปซะเถอะ” เขาเอ่ยเสียงแหบพร่า พลางอุ้มขนมจีนไว้แนบอก ต่อให้ตายเขาก็ต้องประคองกอดเธอไว้แนบอกไม่ให้หลุดไปเด็ดขาด

นังแสงกรีดร้องโหยหวน

แก คิดว่าไฟแค่นี้จะทำอะไรฉันได้เหรอ

“ไม่คิดหรอก แต่คุณหลวงได้บอกวิธีส่งแกลงนรกให้ฉันแล้ว”

นัยน์ตาแดงฉานสีเลือดเบิกโต เมื่อเห็นธีร์หยิบเอาโซ่ล่ามเท้าของเธอออกมาถือไว้เหนือกองไฟที่ลุกท่วมบ้าน ใบหน้าของธีร์ขบกรามแน่น

“คิดว่านรกคงมีที่ว่างสำหรับเธอ”



************
คราวนี้ตายแน่ ๆ ค่ะ



เบลินญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 เม.ย. 2556, 15:06:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 เม.ย. 2556, 15:06:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 1485





<< บทที่ 23 บ่วงกรรม   เสียงกรีดร้อง >>
เบลินญา 20 เม.ย. 2556, 15:07:26 น.
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ^_^


Auuuu 20 เม.ย. 2556, 17:55:29 น.
ไอ้หย่ะะะ ธีร์เลิศมาก


เบลินญา 20 เม.ย. 2556, 18:48:21 น.
5555+


Zephyr 20 เม.ย. 2556, 21:19:52 น.
แล้วโซ่มันจะละลายมั้ยอ่ะ ไฟแรงพอมะ อยากเข้าไปช่วยเผาๆๆๆๆๆ


kaelek 21 เม.ย. 2556, 02:17:09 น.
โอ๊ะโอ ธีร์แอบแรงอ่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account