พันธนาการหวาม
ถ้าคุณชื่นชอบ เส้นทางระหว่างหัวใจ คุณก็ไม่ควรพลาดเรื่องนี้
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่6
๖
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป...
ถ้านับจากวันแรกในการทำงานของโสภิตา นั่นก็ควรจะเป็นสิ่งอันน่ายินดีกับการที่โสภณสามารถทำให้น้องสาวเรียนรู้ถึงการทำงานในระดับล่างสุดด้วยความรับผิดชอบ ทว่าความรู้สึกนั้นกับเป็นสิ่งตรงข้าม เมื่อเขาได้รับรายงานที่ชวนให้รู้สึกปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน
“ว่าไงคุณวลัย” เจ้านายหนุ่มเอ่ยถามผู้ที่เขาวางใจให้สอนงานน้องสาวตัวป่วน
“เอ่อ...คือ...” วลัยรู้สึกกระอักกระอวลกับคำตอบที่จะมีให้เจ้านาย ไม่ว่าจะตอบไปในเรื่องจริงหรือโกหก มันก็กลายเป็นผลร้ายของนางทั้งนั้น
“คืออะไร...ผมขอความจริงนะ...กรุณาตอบให้ชัดด้วย การทำงานของเจนนี่เป็นยังไง” โสภณเร่ง
“คือจะว่าไปแล้วคุณเจนนี่เธอมีความสามารถในการเรียนรู้งานได้อย่างรวดเร็วและดีเยี่ยมค่ะ เพียงแต่ว่า...” วลัยหยุดไตร่ตรองถึงสิ่งที่นางจะพูดต่อไปว่าสมควรหรือไม่ เพราะฟังดูก็เหมือนนางเป็นคนช่างฟ้อง
“เพียงแต่...” เสียงของโสภณเข้มขึ้น
“คุณเจนนี่เธอไม่ได้ทำงานด้วยตัวเองค่ะ เธอจ้างพนักงานอีกต่อหนึ่ง ไม่อยากทำก็ต้องทำเพราะไม่มีใครกล้าขัด” วลัยรายงานไปตามความเป็นจริง
“ตั้งแต่เมื่อไหร่” โสภณถามเสียงเรียบ แม้ใบหน้าจะไม่ได้แสดงอาการเช่นน้ำเสียงก็เถอะ
“ก็ตั้งแต่วันแรกเลยค่ะ...แต่คุณเจนนี่เธอก็ทำได้นะคะ...ถ้าเธอทำเอง ฝีมือการจัดการห้องพักก็ถือว่าใช้ได้เชียวคะ” วลัยพยายามทำให้บรรยากาศการสอบสวนดีขึ้น
“แต่ก็ไม่ทำ...มันน่าจับตีก้นจริงๆเลย ไอ้น้องคนนี้” โสภณกัดฟัดกรอดด้วยความรู้สึกหมั่นเขี้ยว
วลัยถึงกับหลบตาคมดุนั้นอย่างขลาดๆ แม้จะไม่ใช่ความผิดตรงๆ แต่คุณเจนนี่ก็ถือว่าเป็นคนที่นางต้องรับผิดชอบดูแล เมื่อการดูแลไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่เจ้านายวางไว้ ก็คงต้องโทษผู้ได้รับมอบหมาย
“แล้วเจนนี่ไปอยู่ที่ไหน ในช่วงเวลางาน ทำไมผมไม่เห็นเธอเลย”
“เธอไปทุกที่ทุกแผนกค่ะ แต่แผนกที่อยู่นานหน่อย และไปบ่อยที่สุดเห็นจะเป็นแผนกเบเกอรี่”
“มิน่า...ช่วงหลังๆกินข้าวน้อยลง บางวันก็ไม่กินเลย...โธ่เอ๋ย ไอ้เราก็นึกว่ายังงอนเรื่องงานอยู่” โสภณเอ่ยแกมบ่นกับตัวเอง เมื่อคิดไปถึงพฤติกรรมของน้องสาว อีกทั้งคิดต่อไปถึงเสียงบ่นของแผนกครัวเรื่องตัวป่วนที่ทำให้วัสดุดิบในครัวต้องซื้อเพิ่มเติม และทดแทนทั้งๆที่ของบางอย่างก็ไม่น่าจะหมดเร็วขนาดนี้ ที่แท้ก็แม่น้องสาวตัวดีนี่เองที่เข้าไปวุ่นวายกับเขา
เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาระหว่างเจ้านายกับหัวหน้าแผนกแม่บ้าน ก่อนบานประตูจะเปิดให้คนที่อยู่ภายนอกเดินเข้ามาสมทบได้หลังได้ยินเสียงอนุญาต
“มีอะไรครับคุณยงยุทธ”
ผู้จัดการโรงแรมนามยงยุทธล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋ากางเกงออกมาซับเหงื่อ พยายามรวบรวมสติให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว ก่อนจะเอ่ยถึงธุระสำคัญที่ต้องแจ้งให้เจ้านายทราบ
“เอ่อ...มีลูกค้าของเราท่านหนึ่งเข้ามาร้องเรียนว่า ถูกพนักงานทำความสะอาดของเราทำร้ายร่างกายครับ”
“หา...ว่าไงนะ” โสภณถึงกับทะลึ่งตัวขึ้นยืน ดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“ลูกค้าของเราร้องเรียนว่าถูกทำร้ายร่างกายครับ” ยงยุทธรายงานซ้ำ
“ฝีมือใคร”
“เอ่อ...คุณเจนนี่ครับ”
“อีกแล้วเหรอ” โสภณทิ้งตัวลงนั่งที่เดิมอย่างหมดแรง คิ้วเข้มของเขายังคงมัดขมวดเป็นปม ดูแล้วยิ่งทำให้คนที่ยืนรายงานอยู่ตรงหน้าถึงกับตัวหดลีบ
“แล้วแขกคนไหนที่ถูกทำร้าย”
“เอ่อ...เป็นคุณวัฒนา บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ข่าวใหม่ ครับ”
“ตายล่ะ... ชื่อเสียงโรงแรมเราเห็นจะป่นปี้หมดก็คราวนี้”
“ได้ข่าวมาว่าคุณวัฒนาคนนี้ค่อนข้างจะเข้าใจอะไรต่อมิอะไรยากซะด้วยสิครับ” ยงยุทธถอนหายใจด้วยความกังวล
“เจนนี่อยู่ไหน ใครก็ได้ไปตามตัวมาซิ”
“ไม่ต้องเสียเวลาไปตามหรอกค่ะ เจนนี่อยู่นี่แล้ว” เสียงใสๆดังขึ้นทันทีที่ประตูเปิดออก และปิดตามมา เรียกสายตาทุกคู่ให้หันไปมอง
เมื่อโสภิตาเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่กลางห้องทั้งวลัยและยงยุทธก็ได้รับอนุญาตให้กลับออกไปได้ งานนี้คงต้องเจรจากับแม่ตัวดีเป็นการส่วนตัวระหว่างพี่น้อง นานหน่อย เขาจึงไม่อยากให้มีบุคคลที่สามมาร่วมรับรู้ถ้าหากเกิดเขาสติแตกเผลอจับน้องหวดก้นขึ้นมาจริงๆ
“ไหนลองบอกเหตุผลที่เราไปทำร้ายร่างกายแขกให้พี่ฟังซิ” โสภณเริ่มสอบ ทันทีที่อยู่ตามลำพัง
“ไอ้บ้ากามนั่นมันแต๊ะอั๋งหนูวรรณ” เจนนี่เอ่ยเสียงเรียบ ทั้งที่ดวงตาของเธอวาวโรจน์
“ยังไง...”
“มันลูบก้นหนูวรรณ เจนนี่เห็นก็เลยสั่งสอนมัน ดีนะที่แค่ตีด้วยไม้กวาด ไม่เอาแจกันทุ่มหัวให้ เกลียดนักเชียวไอ้พวกผู้ชายบ้ากามเห็นผู้หญิงเป็นของเล่นแบบนี้” โสภิตาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโมโหแทนพนักงานทำความสะอาดที่เธอจ้างพิเศษให้ทำงานแทน
“แล้วเรารู้หรือเปล่าว่าที่ทำน่ะมันผิด”
“แล้วทีไอ้บ้ากามคนนั้นมันทำ พี่ภณคิดว่ามันถูกหรือไง” ผู้เป็นน้องสาวสวนกลับทันที
“ก็เปล่า เพียงแต่ พี่อยากให้เจนนี่ใจเย็นๆเอาไว้ก่อน ถ้าไอ้หมอนั่นมันมีพฤติกรรมเลวร้ายอย่างนั้น ก็เรียก ร.ป.ภ. หาพยานเพิ่ม จะได้ดำเนินคดี ไม่ใช่ไปลงไม้ลงมือเองแบบนี้ มันจะเสียหายไปถึงชื่อเสียงของโรงแรม”ผู้เป็นพี่ชายสอน
“ก็พอดีหนูวรรณได้ถูกมันข่มขืน”
โสภิตาไม่ยอมที่จะเชื่อฟังตามความเห็นของพี่ชาย ยังไงเธอก็คิดว่าเธอทำถูกต้องที่สุดแล้ว ไม่มีผู้ชายคนไหนรู้ความรู้ซึ้งถึงความรู้สึกของผู้หญิงหรอกว่าการถูกลวนลามเอารัดเอาเปรียบในเรื่องเพศมันทำให้อับอายขายหน้ามากมายแค่ไหน ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห พาลโมโหไปถึง ไอ้คนบ้าหน้าฝรั่งคนนั้นที่แม้เวลาผ่านไปนานเท่าใด เธอก็ยังรู้สึกได้ถึงรอยประทับของริมฝีปากฝังติดแน่นอยู่จนบัดนี้
“เอาล่ะๆ...ถือว่าแล้วกันไปก็แล้วกัน เดี๋ยวพี่จะไปจัดการเคลียร์ปัญหาให้เอง จ่ายค่าทำขวัญไปสักหน่อยก็คงจบ” โสภณถอนหายใจเฮือก
“เขาต่างหากที่สมควรจ่ายค่าทำขวัญให้หนูวรรณ” ผู้เป็นน้องสาวเถียงขึ้น
“เงียบเถอะ...วันนี้กลับบ้านไปก่อนเถอะ ไปปรับอารมณ์ของตัวเองให้เย็นลง จะได้รู้จักคิดอะไรให้มันกว้างขึ้น” โสภณเอ่ยปากไล่น้องสาว
“พี่โสภณ!...”
“กลับให้ถึงบ้านล่ะ แล้วพี่จะโทรถามคุณพลอยว่าเราถึงหรือยัง ถ้ายังคงมีการคิดบัญชีกันเพิ่ม”
โสภิตาจ้องพี่ชายเขม็ง ก่อนจะเชิดหน้าแล้วหมุนตัวเดินออกประตูไป ด้วยความร้อนที่ระอุอยู่เต็มอก อย่างที่ใครเห็นก็คงยากจะเข้าหน้าติด
โสภณได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงตก มันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตนักหากคนที่โสภิตาทำร้ายเป็นเพียงแขกผู้เข้าพักธรรมดา เพียงแค่พูดจาตกลงกัน แล้วจ่ายค่าทำขวัญไปสักจำนวนหนึ่งเรื่องมันก็คงจบลงด้วยดี แต่นี่เขาเป็นถึงบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ชื่อดังของเมืองไทย หากไม่ได้รับการไกล่เกลี่ยจนเป็นที่น่าพอใจแล้วล่ะก็ เชื่อเถอะว่าโรงแรมของเขาคงได้มีชื่อเสียกระฉ่อนจนแก้ข่าวไม่หวาดไม่ไหวแน่
“ผมไม่รู้จะทำยังไงกับเจนนี่แล้วนะครับ...”
โสภณเอ่ยกับภรรยาอย่างหงุดหงิดเมื่ออยู่กันตามลำพังกับภรรยาในห้องนอนหลังจากผจญเรื่องอันชวนปวดเศียรเวียนเกล้ามาตลอดทั้งวัน
“เรื่องอะไรคะ” ภรรยาสาวรินน้ำเย็นๆจากขวดใส่แก้วส่งให้สามี ด้วยหวังว่ามันจะทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น
“คุณพลอยช่วยผมคิดที ผมคิดจนหัวจะระเบิดอยู่แล้ว” โสภณขอความช่วยเหลือด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง หลังดื่มน้ำเย็นๆแล้วส่งให้ภรรยานำไปวางไว้บนโต๊ะใกล้ๆ
“ทำไมเหรอคะ...คุณเจนนี่ทำอะไรให้คุณหนักใจอีก” พิมพ์พลอยถาม น้ำเสียงนุ่มนวลอย่างคนใจเย็น
“เยอะแยะ... ยัยตัวแสบนั่นสร้างวีรกรรมจนโรงแรมป่วนไปหมด ผมล่ะไม่อยากเชื่อจริงๆว่าน้องสาวของผมจะมีอายุยี่สิบสามยี่สิบสี่ นี่ถ้าไปเล่าให้ใครฟังเขาคงคิดว่ายัยตัวป่วนของผมอายุแปดเก้าขวบ” คำบ่นของโสภณมีผลให้ผู้เป็นภรรยาหัวเราะเสียงใส
“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ...นี่เพิ่งจะผ่านไปแค่สัปดาห์เดียวเอง”
“ก็นั่นนะสิ ผมล่ะกลุ้ม” โสภณถอนหายใจเฮือกอย่างที่ต้องการระบายความอึดอัดออกมาจากอก
“แล้วปัญหามันอยู่ตรงไหนคะ”
“ปัญหามันอยู่ตรงที่เขาเป็นน้องสาวของผม ใครๆก็เกรงใจเขาไปหมด เขานึกอยากทำอะไรก็ทำ ไม่มีใครกล้าว่ากล่าวตักเตือน แล้วอย่างนี้เจนนี่จะเรียนรู้อะไรได้”
“อืม...มันก็จริงนะคะ แต่เราจะโทษคุณเจนนี่ก็ไม่ได้ เธอเกิดมาพร้อมกับความเพียบพร้อมทุกด้าน ทั้งฐานะและความรักการเอาอกเอาใจของคนในครอบครัว แต่เธอก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ออกจะน่ารักซะด้วยซ้ำ พลอยว่าอนุญาตให้เธอได้ทำตามที่เธออยากทำเถอะค่ะ” พิมพ์พลอยแสดงความคิดเห็น
“ไม่ได้หรอก...ก็เพราะรักเพราะตามใจมากนี่แหละ ยัยเจนนี่ถึงได้เสียเด็ก ผมต้องหาวิธีดัดนิสัยน้องสาวคนนี้ให้ได้”
เมื่อสามีไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของเธอ พิมพ์พลอยก็หาได้ปล่อยให้คนที่เธอรักตกอยู่ในห้วงกังวลเพียงลำพัง สำหรับเธอผู้ได้รับฉายาจากมธุรสผู้เป็นเพื่อนสนิทว่าเป็นขงเบ้ง ก็น่าจะไม่ใช่เรื่องยากที่เธอจะคิดอ่านแก้ปัญหาช่วยสามี
“เอาอย่างนี้สิคะคุณ” พิมพ์พลอยเอ่ยขึ้นหลังจากหยุดใช้ความคิดอยู่นาน
“ยังไงครับ” โสภณหันมาสบตาภรรยาสาวด้วยแววตาที่ฉายแววแห่งความหวังขึ้นอย่างเรืองรอง
“ในเมื่อปัญหามันอยู่ที่ว่า พนักงานที่โรงแรมเกรงใจคุณเจนนี่ ไม่มีใครกล้าสั่งหรือกล้าขัดใจเธอ เราก็ส่งเธอไปฝึกงานที่อื่นสิคะ อย่างเช่นที่ปราณบุรี”
“ความคิดของคุณมันเป็นความคิดที่ดีทีเดียวครับ แต่รีสอร์ตของไอ้กสิณคงไม่เหมาะ”
“ทำไมคะ...ที่นั่นเป็นรีสอร์ตเพื่อนสนิทของคุณไม่ใช่เหรอ ผมว่าเจนนี่น่าจะเกรงใจคุณกสิณบ้างล่ะ” พิมพ์พลอยคิดไปถึงรีสอร์ตสุดหรู สถานที่แห่งความรักที่เธอบอกตัวเองเอาไว้ว่าจะจดจำมันเอาไว้ในหัวใจไม่ลืม
“ไม่มีทาง...คุณไม่รู้อะไร ยัยป่วนไปที่นั่นบ่อยซะจนจะเรียกได้ว่าเป็นบ้านที่สองได้แล้วมั๊ง กับเจ้าสิณเอง เจนนี่ให้ความสำคัญพอๆกับพี่ชายแท้ๆ ดีไม่ดีสองคนนั่นมันสนิทสนมกันมากกว่าที่ผมสนิทกับน้องซะอีก ไม่มีทางที่เจ้าสิณจะขัดใจเจนนี่ได้”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นพลอยก็ไม่รู้จะช่วยคุณยังไงแล้วละคะ” พิมพ์พลอยทำหน้าเศร้า
โสภณดึงร่างภรรยาเข้ามากอด จุมพิตหนักๆที่ขมับหอม ทั้งส่งยิ้มขอบคุณในความอาทรของภรรยาที่มีให้ เขารู้สึกดีใจที่มีพิมพ์พลอยเคียงข้าง ถือว่าเขาโชคดีที่มีภรรยาเป็นเพื่อนช่วยคิดอีกคน
“แค่นี้ผมก็ซึ้งใจแล้วครับที่รัก”
ริมฝีปากได้รูปเคลื่อนลงมาครอบครองเรียวปากนุ่มของภรรยาสาว ไม่ว่าจะเนิ่นนานสักแค่ไหน เขาก็ไม่เคยคิดเบื่อความหอมหวานซ่านทรวงที่ได้รับจากภรรยา มันเปรียบเสมือนยาทิพย์ที่ช่วยชโลมหัวใจให้สดชื่นมีความสุขพร้อมสู้กับปัญหาทุกปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในแต่ละวัน
“เอ่อ...เดี๋ยวค่ะ พลอยมีเรื่องจะถาม” ภรรยาสาวรีบขยับตัวออกห่างสามีที่มือไม้ชักเริ่มอยู่ไม่สุข
“ครับ...” ดวงตาคมกล้าฉ่ำเยิ้มไปตามฤทธิ์เสน่หา
“ความต้องการของคุณคืออยากให้คุณเจนนี่เรียนรู้ ถึงคุณค่าของงาน ของเวลา และของคนเท่านั้นใช่ไหมคะ”
“ครับ...”
“แสดงว่าไม่เกี่ยวกับว่าจะเป็นงานของโรงแรมใช่หรือเปล่า”
“ครับ...จะอะไรก็ได้ที่เป็นงานบริการโดยสุจริต เป็นสัมมาอาชีพที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน”
“ถ้าอย่างนั้นพลอยมีที่แห่งหนึ่งจะแนะนำ อาจไกลหน่อยแต่พลอยเชื่อว่าที่นั่นน่าจะมีศักยภาพมากพอที่จะอบรมบ่มนิสัยให้คุณเจนนี่กลับมาสมบูรณ์แบบได้
“ที่ไหนครับ”
“ภูเก็ต...”
“ภูเก็ต?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง ก่อนจะขมวดเป็นปม
“ค่ะ...แต่ไม่ใช่ที่โรงแรมภูเก็ตนะคะ” พิมพ์พลอยยิ้มเมื่อเห็นความสงสัยฉายอยู่บนใบหน้าของสามี “พลอยหมายถึงที่บริษัทท่องเที่ยวทางทะเลของมิสเตอร์ไบรอันน่ะค่ะ”
“ให้ไปทำงานกับไอ้เจ้าเพียวน่ะเหรอ...” น้ำเสียงเริ่มห้วนขึ้นแสดงถึงความไม่พอใจในข้อเสนอของภรรยา
“อือฮึ...” พิมพ์พลอยตอบรับด้วยการทำเสียงในลำคอ
“เรื่องอะไร...ผมยังเจ็บใจไม่หายที่มันพาคุณหนีไปจากผม” โสภณทำหน้ายุ่ง
“เขาไม่ได้พาพลอยหนีสักหน่อย แค่พามาส่งที่ท่ารถทัวร์ ก็พลอยจะกลับบ้านนี่”
“ไม่รู้ล่ะ ผมหึง ผมหวงเมียผม” โสภณคว้าร่างภรรยามากอดไว้กับอกอย่างหวงแหน
“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันแค่นั้นเอง เพียวกับพลอยเราเป็นแค่เพื่อน...”
“ยังไงผมก็ไม่ให้ยัยเจนนี่ไปทำงานที่บริษัททัวร์ทางทะเลของมัน”
“คุณภณคะ...ถ้าคุณทำแบบนี้แสดงว่าคุณไม่เคยไว้ใจพลอยเลยใช่ไหมคะ คุณกำลังทำให้พลอยคิดและเข้าใจว่าคุณเห็นพลอยเป็นผู้หญิงใจง่ายมักมากในความรัก” น้ำเสียงของพิมพ์พลอยเบาหวิวตัดพ้อ
“โอ๊ะ...เปล่าครับ ผมไม่เคยคิดอย่างนั้น ผมรักคุณ และทราบดีว่าคุณเองก็รักผมมากไม่ต่างกัน แต่...”
“ไม่มีแต่ค่ะถ้าคุณเชื่อใจพลอย คุณก็ต้องเชื่อวิธีของพลอย บางทีการได้ไปอยู่ในที่ต่างถิ่น อาจทำให้อะไรต่อมิอะไรดีขึ้นก็ได้นะคะ”
โสภณนิ่งคิดประมวลเหตุการณ์ล่วงหน้า มันคงเป็นเรื่องที่ชวนให้สะใจได้ไม่น้อยหากไอ้เจ้าเพียวนั่นจะเจอฤทธิ์ป่วนประสาทของยัยตัวแสบ อย่างน้อยนั่นก็ถือได้ว่าเป็นการเอาคืนเล็กๆที่พิมพ์พลอยเองก็คงไม่รู้ในส่วนนี้ แล้วนายนั่นมันจะได้ซาบซึ้งถึงคำว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เลิกมายุ่งวุ่นวายกับภรรยาเขาอย่างเด็ดขาดซะที
“ก็ได้ครับผมเชื่อพลอย แต่ไม่รู้ว่าเจนนี่จะยอมหรือเปล่านะ”
หลังจากคิดใคร่ครวญแล้วโสภณก็ยอมรับตามข้อเสนอของภรรยา นอกจากเหตุผลตามความคิดนั้นแล้ว อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญก็คือ เมื่อภรรยาพูดดักทางเช่นนี้ โสภณหรือจะกล้าโต้แย้งได้อีก
“ไม่ต้องห่วงค่ะ พลอยจัดการเอง จะลองโทรถามความสะดวกทางโน้นก่อนแล้วค่อยมากล่อมคุณเจนนี่ พลอยมั่นใจว่า ไม่มีปัญหาแน่นอน”
รหัสประเทศหน้าเบอร์โทรศัพท์โชว์ที่หน้าจอทำให้รู้ว่าต้นทางของสัญญาณคือประเทศไทยพร้อมเสียงกริ่งเพลงหวานดังขึ้นขณะที่เพียวกำลังนั่งรอแพทย์เข้าตรวจร่างกายน้องชายอยู่นอกห้องพักฟื้นผู้ป่วย เขาจึงไม่รีรอที่จะกดรับด้วยสีหน้าแสดงความประหลาดใจ
“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มกรอกเสียงทักทายไปอย่างนุ่มนวล
“สวัสดีค่ะคุณเพียว นี่พลอยเองนะคะ เอ่อ...ไม่ทราบว่าพลอยโทรมารบกวนหรือเปล่า” พิมพ์พลอยเอ่ยอย่างเกรงใจ
“คุณพลอยเองหรือครับ...ไม่หรอกครับไม่ได้รบกวนอะไร ว่าแต่คุณพลอยมมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ” เพียวตอบปฏิเสธทั้งยังเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้พูดธุระในการติดต่อกับเขา
“อย่าเรียกว่าเป็นการรับใช้เลยคะ เพราะพลอยถือว่าพลอยมาขอความช่วยเหลือจากคุณเพียวมากกว่า”
“เรื่องอะไรครับ สำคัญมากเลยเหรอ”
“ว่าสำคัญก็พอได้ค่ะ คือพลอยอยากจะฝากเด็กไปฝึกงานที่บริษัทท่องเที่ยวทางทะเลของคุณเพียวสักคนน่ะค่ะ” พิมพ์พลอยบอกจุดประสงค์โดยไม่คิดรีรอให้มากความ
“ใครครับ เด็กฝึกงานที่ว่า”
“อ๋อเป็นน้องของคุณโสภณสามีของพลอยเองค่ะ เพิ่งเรียนจบ พี่ชายเขายังไม่อยากให้รับงานใหญ่ไปทำ อยากให้ฝึกประสบการณ์ในการทำงานสักพักก่อนค่อยจะให้รับตำแหน่งกิจการ คุณเพียวพอจะสะดวกหรือเปล่าคะ” พิมพ์พลอยบอกเหตุผลที่ไปที่มา
“ผมเพิ่งรู้นะครับว่าคุณโสภณมีน้อง...ว่าแต่ทำไมไม่ให้ฝึกงานที่โรงแรมล่ะครับ ได้อยู่ใกล้หูใกล้ตา”
“ตอนแรกก็ให้ฝึกที่โรงแรมล่ะค่ะ แต่เพราะเป็นน้องเจ้าของโรงแรมใครๆก็เลยเกรงใจกันใหญ่ ไม่กล้าบอกไม่กล้าเตือนหรือท้วงติง อีกอย่างน้องเค้านิสัยค่อนข้างดื้อรั้นอยู่ซักหน่อย เพิ่งไปก่อเหตุทำร้ายร่างกายแขกที่พักในโรงแรมมาเมื่อวาน คุณภณหนักใจมาก”
“โห...ดูน่านักเลงใช่ย่อยนะครับเนี่ย แล้วอย่างนี้ผมจะคุมเขาไหวเหรอครับ”
“เขาเป็นคนรักความยุติธรรมค่ะ เพราะแขกที่เข้าพักโรงแรมคนนั้นลวนลามพนักงานหญิงของเรา ก็เลยเจอดี”พิมพ์พลอยอธิบาย
“ว้าว...โอเคเลยครับ พวกรักความยุติธรรมผมชอบ”
“ค่ะ..เพราะรักความยุติธรรมนี่แหละเลยเกิดเรื่อง ลูกค้าคนนั้นเขาไม่ยอม เขาให้เราไล่คนที่ทำร้ายร่างกายเขาออก คุณโสภณก็เลยตัดปัญหา ยกเลิกการฝึกงานที่โรงแรม พลอยคิดว่าถ้าได้ไปทำงานในที่ที่ไม่ใช่ถิ่นอำนาจของเขา ก็น่าจะทำให้อะไรต่อมิอะไรดีขึ้น”
“ได้ครับไม่มีปัญหา แต่...” เพียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงใจ และท้ายเสียงบ่งบอกให้รู้ถึงความกังวล
“อะไรคะ...”
“ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่เมืองไทยครับ ผมอยู่อเมริกา ยังไม่ทราบกำหนดกลับที่แน่นอน”
“ว้า...”
“ไม่เป็นไรครับ คุณพลอยให้คุณโสภณติดต่อคุณพ่อผมเลยก็แล้วกัน ท่านคงไม่ขัดข้องเช่นกัน คุณโสภณเป็นเพื่อนของท่านอยู่แล้วนี่ครับ...ว่าแต่น้องสามีคุณพลอยเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงครับ ถ้าให้เดาผมเดาว่าเป็นผู้ชายแน่ๆ เพราะงั้นคงไม่มีเรื่องชกต่อยกับใคร” เพียวยิ้มเมื่อคิดวาดภาพเด็กหนุ่มเลือดร้อนขี้โมโหที่ถอดแบบพี่ชายมาไม่ผิดเพี้ยน
“น้องคุณโสภณเป็น...”
ยังไม่ทันที่ปลายสัญญาณจะเฉลยจนจบประโยค ความสนใจของเพียวก็ถูกดึงไปยังประตูห้องที่เปิดออกด้วยสีหน้าบ่งบอกว่ามีบางอย่างที่ต้องพูดกับเขา
“แค่นี้ก่อนนะครับคุณพลอย ยังไงก็โทรติดต่อคุณพ่อได้เลย เสร็จธุระทางนี้แล้วผมจะกลับไปดูแลให้” เพียวตัดสัญญาณโทรศัพท์ทันที ทั้งลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับแพทย์
“มีอะไรครับหมอ” สีหน้าของเพียวส่อแววกังวลให้เห็นอย่างชัดเจน
“มีครับ แต่เป็นข่าวดี” นายแพทย์เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
“ข่าวดี? ข่าวอะไรครับ” เพียวถามกลับ สีหน้าของเขาเริ่มดีขึ้น
“น้องชายของคุณเริ่มมีอาการตอบสนองในการกระตุ้นบ้างแล้วครับ ถ้าผลการรักษาอยู่ในระดับนี้ คาดว่าอีกไม่นานคนป่วยจะฟื้นคืนสติ”
“โอ้...เป็นข่าวดีจริงๆครับ ขอบคุณมากครับหมอ” เพียวยิ้มกว้าง
“เป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้วครับ เอาล่ะ...ผมเห็นจะต้องขอตัวไปดูคนป่วยรายอื่นต่อ”
“ครับเชิญตามสบายเลยครับไ
แพทย์เดินจากไปแล้ว เพียวจึงขยับไปยังประตูด้วยหัวใจที่เต้นแรงด้วยความตื่นเต้น เขาอยากจะรีบเข้าไปดูอาการของน้องชายโดยเร็ว ดูในสิ่งที่แพทย์บอกให้มั่นใจก่อนจะโทรบอกข่าวดีชิ้นนี้ให้ป้าลิซทราบ ทว่าเขาทำได้เพียงแค่จับที่ลูกบิดเท่านั้น เมื่อมีเสียงหนึ่งเรียกเอาไว้
“ขอโทษค่ะ คุณเป็นญาติของมิสเตอร์สมิทธิ์ใช่ไหมคะ”
“ครับ”
“ทางตำรวจส่งของพวกนี้มาให้ค่ะ บอกว่าเป็นของคนมิสเตอร์จอร์ซ” พยาบาลยื่นถุงพลาสติกใสที่มีสิ่งของหลายๆชิ้นบรรจุอยู่ภายใน
“ขอบคุณครับ” เพียวรับมาถือไว้กับมือ เขาส่งยิ้มขอบคุณไปให้อีกครั้งก่อนพยาบาลจะเดินจากไป
เพียวมองผ่านของจุกจิกที่บรรจุอยู่ในถุงใสใบนั้น มีบางสิ่งที่ทำให้เขาถึงกับอุ่นวาบในอก เมื่อสายตากวาดไปพบเส้นโลหะเส้นหนึ่งที่บรรจุอยู่ด้วย มันคงไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เขาดีใจเท่าการที่เขาเห็นจี้ของสร้อยเส้นนี้ ใช่แล้วมันคือลูกกุญแจดอกเล็กๆที่เขาหวังว่าจะใช้ไขสมุดบันทึกปริศนานั้นได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาอยากรู้จะได้กระจ่างแจ้งซะที
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป...
ถ้านับจากวันแรกในการทำงานของโสภิตา นั่นก็ควรจะเป็นสิ่งอันน่ายินดีกับการที่โสภณสามารถทำให้น้องสาวเรียนรู้ถึงการทำงานในระดับล่างสุดด้วยความรับผิดชอบ ทว่าความรู้สึกนั้นกับเป็นสิ่งตรงข้าม เมื่อเขาได้รับรายงานที่ชวนให้รู้สึกปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน
“ว่าไงคุณวลัย” เจ้านายหนุ่มเอ่ยถามผู้ที่เขาวางใจให้สอนงานน้องสาวตัวป่วน
“เอ่อ...คือ...” วลัยรู้สึกกระอักกระอวลกับคำตอบที่จะมีให้เจ้านาย ไม่ว่าจะตอบไปในเรื่องจริงหรือโกหก มันก็กลายเป็นผลร้ายของนางทั้งนั้น
“คืออะไร...ผมขอความจริงนะ...กรุณาตอบให้ชัดด้วย การทำงานของเจนนี่เป็นยังไง” โสภณเร่ง
“คือจะว่าไปแล้วคุณเจนนี่เธอมีความสามารถในการเรียนรู้งานได้อย่างรวดเร็วและดีเยี่ยมค่ะ เพียงแต่ว่า...” วลัยหยุดไตร่ตรองถึงสิ่งที่นางจะพูดต่อไปว่าสมควรหรือไม่ เพราะฟังดูก็เหมือนนางเป็นคนช่างฟ้อง
“เพียงแต่...” เสียงของโสภณเข้มขึ้น
“คุณเจนนี่เธอไม่ได้ทำงานด้วยตัวเองค่ะ เธอจ้างพนักงานอีกต่อหนึ่ง ไม่อยากทำก็ต้องทำเพราะไม่มีใครกล้าขัด” วลัยรายงานไปตามความเป็นจริง
“ตั้งแต่เมื่อไหร่” โสภณถามเสียงเรียบ แม้ใบหน้าจะไม่ได้แสดงอาการเช่นน้ำเสียงก็เถอะ
“ก็ตั้งแต่วันแรกเลยค่ะ...แต่คุณเจนนี่เธอก็ทำได้นะคะ...ถ้าเธอทำเอง ฝีมือการจัดการห้องพักก็ถือว่าใช้ได้เชียวคะ” วลัยพยายามทำให้บรรยากาศการสอบสวนดีขึ้น
“แต่ก็ไม่ทำ...มันน่าจับตีก้นจริงๆเลย ไอ้น้องคนนี้” โสภณกัดฟัดกรอดด้วยความรู้สึกหมั่นเขี้ยว
วลัยถึงกับหลบตาคมดุนั้นอย่างขลาดๆ แม้จะไม่ใช่ความผิดตรงๆ แต่คุณเจนนี่ก็ถือว่าเป็นคนที่นางต้องรับผิดชอบดูแล เมื่อการดูแลไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่เจ้านายวางไว้ ก็คงต้องโทษผู้ได้รับมอบหมาย
“แล้วเจนนี่ไปอยู่ที่ไหน ในช่วงเวลางาน ทำไมผมไม่เห็นเธอเลย”
“เธอไปทุกที่ทุกแผนกค่ะ แต่แผนกที่อยู่นานหน่อย และไปบ่อยที่สุดเห็นจะเป็นแผนกเบเกอรี่”
“มิน่า...ช่วงหลังๆกินข้าวน้อยลง บางวันก็ไม่กินเลย...โธ่เอ๋ย ไอ้เราก็นึกว่ายังงอนเรื่องงานอยู่” โสภณเอ่ยแกมบ่นกับตัวเอง เมื่อคิดไปถึงพฤติกรรมของน้องสาว อีกทั้งคิดต่อไปถึงเสียงบ่นของแผนกครัวเรื่องตัวป่วนที่ทำให้วัสดุดิบในครัวต้องซื้อเพิ่มเติม และทดแทนทั้งๆที่ของบางอย่างก็ไม่น่าจะหมดเร็วขนาดนี้ ที่แท้ก็แม่น้องสาวตัวดีนี่เองที่เข้าไปวุ่นวายกับเขา
เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาระหว่างเจ้านายกับหัวหน้าแผนกแม่บ้าน ก่อนบานประตูจะเปิดให้คนที่อยู่ภายนอกเดินเข้ามาสมทบได้หลังได้ยินเสียงอนุญาต
“มีอะไรครับคุณยงยุทธ”
ผู้จัดการโรงแรมนามยงยุทธล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋ากางเกงออกมาซับเหงื่อ พยายามรวบรวมสติให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว ก่อนจะเอ่ยถึงธุระสำคัญที่ต้องแจ้งให้เจ้านายทราบ
“เอ่อ...มีลูกค้าของเราท่านหนึ่งเข้ามาร้องเรียนว่า ถูกพนักงานทำความสะอาดของเราทำร้ายร่างกายครับ”
“หา...ว่าไงนะ” โสภณถึงกับทะลึ่งตัวขึ้นยืน ดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“ลูกค้าของเราร้องเรียนว่าถูกทำร้ายร่างกายครับ” ยงยุทธรายงานซ้ำ
“ฝีมือใคร”
“เอ่อ...คุณเจนนี่ครับ”
“อีกแล้วเหรอ” โสภณทิ้งตัวลงนั่งที่เดิมอย่างหมดแรง คิ้วเข้มของเขายังคงมัดขมวดเป็นปม ดูแล้วยิ่งทำให้คนที่ยืนรายงานอยู่ตรงหน้าถึงกับตัวหดลีบ
“แล้วแขกคนไหนที่ถูกทำร้าย”
“เอ่อ...เป็นคุณวัฒนา บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ข่าวใหม่ ครับ”
“ตายล่ะ... ชื่อเสียงโรงแรมเราเห็นจะป่นปี้หมดก็คราวนี้”
“ได้ข่าวมาว่าคุณวัฒนาคนนี้ค่อนข้างจะเข้าใจอะไรต่อมิอะไรยากซะด้วยสิครับ” ยงยุทธถอนหายใจด้วยความกังวล
“เจนนี่อยู่ไหน ใครก็ได้ไปตามตัวมาซิ”
“ไม่ต้องเสียเวลาไปตามหรอกค่ะ เจนนี่อยู่นี่แล้ว” เสียงใสๆดังขึ้นทันทีที่ประตูเปิดออก และปิดตามมา เรียกสายตาทุกคู่ให้หันไปมอง
เมื่อโสภิตาเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่กลางห้องทั้งวลัยและยงยุทธก็ได้รับอนุญาตให้กลับออกไปได้ งานนี้คงต้องเจรจากับแม่ตัวดีเป็นการส่วนตัวระหว่างพี่น้อง นานหน่อย เขาจึงไม่อยากให้มีบุคคลที่สามมาร่วมรับรู้ถ้าหากเกิดเขาสติแตกเผลอจับน้องหวดก้นขึ้นมาจริงๆ
“ไหนลองบอกเหตุผลที่เราไปทำร้ายร่างกายแขกให้พี่ฟังซิ” โสภณเริ่มสอบ ทันทีที่อยู่ตามลำพัง
“ไอ้บ้ากามนั่นมันแต๊ะอั๋งหนูวรรณ” เจนนี่เอ่ยเสียงเรียบ ทั้งที่ดวงตาของเธอวาวโรจน์
“ยังไง...”
“มันลูบก้นหนูวรรณ เจนนี่เห็นก็เลยสั่งสอนมัน ดีนะที่แค่ตีด้วยไม้กวาด ไม่เอาแจกันทุ่มหัวให้ เกลียดนักเชียวไอ้พวกผู้ชายบ้ากามเห็นผู้หญิงเป็นของเล่นแบบนี้” โสภิตาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโมโหแทนพนักงานทำความสะอาดที่เธอจ้างพิเศษให้ทำงานแทน
“แล้วเรารู้หรือเปล่าว่าที่ทำน่ะมันผิด”
“แล้วทีไอ้บ้ากามคนนั้นมันทำ พี่ภณคิดว่ามันถูกหรือไง” ผู้เป็นน้องสาวสวนกลับทันที
“ก็เปล่า เพียงแต่ พี่อยากให้เจนนี่ใจเย็นๆเอาไว้ก่อน ถ้าไอ้หมอนั่นมันมีพฤติกรรมเลวร้ายอย่างนั้น ก็เรียก ร.ป.ภ. หาพยานเพิ่ม จะได้ดำเนินคดี ไม่ใช่ไปลงไม้ลงมือเองแบบนี้ มันจะเสียหายไปถึงชื่อเสียงของโรงแรม”ผู้เป็นพี่ชายสอน
“ก็พอดีหนูวรรณได้ถูกมันข่มขืน”
โสภิตาไม่ยอมที่จะเชื่อฟังตามความเห็นของพี่ชาย ยังไงเธอก็คิดว่าเธอทำถูกต้องที่สุดแล้ว ไม่มีผู้ชายคนไหนรู้ความรู้ซึ้งถึงความรู้สึกของผู้หญิงหรอกว่าการถูกลวนลามเอารัดเอาเปรียบในเรื่องเพศมันทำให้อับอายขายหน้ามากมายแค่ไหน ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห พาลโมโหไปถึง ไอ้คนบ้าหน้าฝรั่งคนนั้นที่แม้เวลาผ่านไปนานเท่าใด เธอก็ยังรู้สึกได้ถึงรอยประทับของริมฝีปากฝังติดแน่นอยู่จนบัดนี้
“เอาล่ะๆ...ถือว่าแล้วกันไปก็แล้วกัน เดี๋ยวพี่จะไปจัดการเคลียร์ปัญหาให้เอง จ่ายค่าทำขวัญไปสักหน่อยก็คงจบ” โสภณถอนหายใจเฮือก
“เขาต่างหากที่สมควรจ่ายค่าทำขวัญให้หนูวรรณ” ผู้เป็นน้องสาวเถียงขึ้น
“เงียบเถอะ...วันนี้กลับบ้านไปก่อนเถอะ ไปปรับอารมณ์ของตัวเองให้เย็นลง จะได้รู้จักคิดอะไรให้มันกว้างขึ้น” โสภณเอ่ยปากไล่น้องสาว
“พี่โสภณ!...”
“กลับให้ถึงบ้านล่ะ แล้วพี่จะโทรถามคุณพลอยว่าเราถึงหรือยัง ถ้ายังคงมีการคิดบัญชีกันเพิ่ม”
โสภิตาจ้องพี่ชายเขม็ง ก่อนจะเชิดหน้าแล้วหมุนตัวเดินออกประตูไป ด้วยความร้อนที่ระอุอยู่เต็มอก อย่างที่ใครเห็นก็คงยากจะเข้าหน้าติด
โสภณได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงตก มันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตนักหากคนที่โสภิตาทำร้ายเป็นเพียงแขกผู้เข้าพักธรรมดา เพียงแค่พูดจาตกลงกัน แล้วจ่ายค่าทำขวัญไปสักจำนวนหนึ่งเรื่องมันก็คงจบลงด้วยดี แต่นี่เขาเป็นถึงบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ชื่อดังของเมืองไทย หากไม่ได้รับการไกล่เกลี่ยจนเป็นที่น่าพอใจแล้วล่ะก็ เชื่อเถอะว่าโรงแรมของเขาคงได้มีชื่อเสียกระฉ่อนจนแก้ข่าวไม่หวาดไม่ไหวแน่
“ผมไม่รู้จะทำยังไงกับเจนนี่แล้วนะครับ...”
โสภณเอ่ยกับภรรยาอย่างหงุดหงิดเมื่ออยู่กันตามลำพังกับภรรยาในห้องนอนหลังจากผจญเรื่องอันชวนปวดเศียรเวียนเกล้ามาตลอดทั้งวัน
“เรื่องอะไรคะ” ภรรยาสาวรินน้ำเย็นๆจากขวดใส่แก้วส่งให้สามี ด้วยหวังว่ามันจะทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น
“คุณพลอยช่วยผมคิดที ผมคิดจนหัวจะระเบิดอยู่แล้ว” โสภณขอความช่วยเหลือด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง หลังดื่มน้ำเย็นๆแล้วส่งให้ภรรยานำไปวางไว้บนโต๊ะใกล้ๆ
“ทำไมเหรอคะ...คุณเจนนี่ทำอะไรให้คุณหนักใจอีก” พิมพ์พลอยถาม น้ำเสียงนุ่มนวลอย่างคนใจเย็น
“เยอะแยะ... ยัยตัวแสบนั่นสร้างวีรกรรมจนโรงแรมป่วนไปหมด ผมล่ะไม่อยากเชื่อจริงๆว่าน้องสาวของผมจะมีอายุยี่สิบสามยี่สิบสี่ นี่ถ้าไปเล่าให้ใครฟังเขาคงคิดว่ายัยตัวป่วนของผมอายุแปดเก้าขวบ” คำบ่นของโสภณมีผลให้ผู้เป็นภรรยาหัวเราะเสียงใส
“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ...นี่เพิ่งจะผ่านไปแค่สัปดาห์เดียวเอง”
“ก็นั่นนะสิ ผมล่ะกลุ้ม” โสภณถอนหายใจเฮือกอย่างที่ต้องการระบายความอึดอัดออกมาจากอก
“แล้วปัญหามันอยู่ตรงไหนคะ”
“ปัญหามันอยู่ตรงที่เขาเป็นน้องสาวของผม ใครๆก็เกรงใจเขาไปหมด เขานึกอยากทำอะไรก็ทำ ไม่มีใครกล้าว่ากล่าวตักเตือน แล้วอย่างนี้เจนนี่จะเรียนรู้อะไรได้”
“อืม...มันก็จริงนะคะ แต่เราจะโทษคุณเจนนี่ก็ไม่ได้ เธอเกิดมาพร้อมกับความเพียบพร้อมทุกด้าน ทั้งฐานะและความรักการเอาอกเอาใจของคนในครอบครัว แต่เธอก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ออกจะน่ารักซะด้วยซ้ำ พลอยว่าอนุญาตให้เธอได้ทำตามที่เธออยากทำเถอะค่ะ” พิมพ์พลอยแสดงความคิดเห็น
“ไม่ได้หรอก...ก็เพราะรักเพราะตามใจมากนี่แหละ ยัยเจนนี่ถึงได้เสียเด็ก ผมต้องหาวิธีดัดนิสัยน้องสาวคนนี้ให้ได้”
เมื่อสามีไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของเธอ พิมพ์พลอยก็หาได้ปล่อยให้คนที่เธอรักตกอยู่ในห้วงกังวลเพียงลำพัง สำหรับเธอผู้ได้รับฉายาจากมธุรสผู้เป็นเพื่อนสนิทว่าเป็นขงเบ้ง ก็น่าจะไม่ใช่เรื่องยากที่เธอจะคิดอ่านแก้ปัญหาช่วยสามี
“เอาอย่างนี้สิคะคุณ” พิมพ์พลอยเอ่ยขึ้นหลังจากหยุดใช้ความคิดอยู่นาน
“ยังไงครับ” โสภณหันมาสบตาภรรยาสาวด้วยแววตาที่ฉายแววแห่งความหวังขึ้นอย่างเรืองรอง
“ในเมื่อปัญหามันอยู่ที่ว่า พนักงานที่โรงแรมเกรงใจคุณเจนนี่ ไม่มีใครกล้าสั่งหรือกล้าขัดใจเธอ เราก็ส่งเธอไปฝึกงานที่อื่นสิคะ อย่างเช่นที่ปราณบุรี”
“ความคิดของคุณมันเป็นความคิดที่ดีทีเดียวครับ แต่รีสอร์ตของไอ้กสิณคงไม่เหมาะ”
“ทำไมคะ...ที่นั่นเป็นรีสอร์ตเพื่อนสนิทของคุณไม่ใช่เหรอ ผมว่าเจนนี่น่าจะเกรงใจคุณกสิณบ้างล่ะ” พิมพ์พลอยคิดไปถึงรีสอร์ตสุดหรู สถานที่แห่งความรักที่เธอบอกตัวเองเอาไว้ว่าจะจดจำมันเอาไว้ในหัวใจไม่ลืม
“ไม่มีทาง...คุณไม่รู้อะไร ยัยป่วนไปที่นั่นบ่อยซะจนจะเรียกได้ว่าเป็นบ้านที่สองได้แล้วมั๊ง กับเจ้าสิณเอง เจนนี่ให้ความสำคัญพอๆกับพี่ชายแท้ๆ ดีไม่ดีสองคนนั่นมันสนิทสนมกันมากกว่าที่ผมสนิทกับน้องซะอีก ไม่มีทางที่เจ้าสิณจะขัดใจเจนนี่ได้”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นพลอยก็ไม่รู้จะช่วยคุณยังไงแล้วละคะ” พิมพ์พลอยทำหน้าเศร้า
โสภณดึงร่างภรรยาเข้ามากอด จุมพิตหนักๆที่ขมับหอม ทั้งส่งยิ้มขอบคุณในความอาทรของภรรยาที่มีให้ เขารู้สึกดีใจที่มีพิมพ์พลอยเคียงข้าง ถือว่าเขาโชคดีที่มีภรรยาเป็นเพื่อนช่วยคิดอีกคน
“แค่นี้ผมก็ซึ้งใจแล้วครับที่รัก”
ริมฝีปากได้รูปเคลื่อนลงมาครอบครองเรียวปากนุ่มของภรรยาสาว ไม่ว่าจะเนิ่นนานสักแค่ไหน เขาก็ไม่เคยคิดเบื่อความหอมหวานซ่านทรวงที่ได้รับจากภรรยา มันเปรียบเสมือนยาทิพย์ที่ช่วยชโลมหัวใจให้สดชื่นมีความสุขพร้อมสู้กับปัญหาทุกปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในแต่ละวัน
“เอ่อ...เดี๋ยวค่ะ พลอยมีเรื่องจะถาม” ภรรยาสาวรีบขยับตัวออกห่างสามีที่มือไม้ชักเริ่มอยู่ไม่สุข
“ครับ...” ดวงตาคมกล้าฉ่ำเยิ้มไปตามฤทธิ์เสน่หา
“ความต้องการของคุณคืออยากให้คุณเจนนี่เรียนรู้ ถึงคุณค่าของงาน ของเวลา และของคนเท่านั้นใช่ไหมคะ”
“ครับ...”
“แสดงว่าไม่เกี่ยวกับว่าจะเป็นงานของโรงแรมใช่หรือเปล่า”
“ครับ...จะอะไรก็ได้ที่เป็นงานบริการโดยสุจริต เป็นสัมมาอาชีพที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน”
“ถ้าอย่างนั้นพลอยมีที่แห่งหนึ่งจะแนะนำ อาจไกลหน่อยแต่พลอยเชื่อว่าที่นั่นน่าจะมีศักยภาพมากพอที่จะอบรมบ่มนิสัยให้คุณเจนนี่กลับมาสมบูรณ์แบบได้
“ที่ไหนครับ”
“ภูเก็ต...”
“ภูเก็ต?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง ก่อนจะขมวดเป็นปม
“ค่ะ...แต่ไม่ใช่ที่โรงแรมภูเก็ตนะคะ” พิมพ์พลอยยิ้มเมื่อเห็นความสงสัยฉายอยู่บนใบหน้าของสามี “พลอยหมายถึงที่บริษัทท่องเที่ยวทางทะเลของมิสเตอร์ไบรอันน่ะค่ะ”
“ให้ไปทำงานกับไอ้เจ้าเพียวน่ะเหรอ...” น้ำเสียงเริ่มห้วนขึ้นแสดงถึงความไม่พอใจในข้อเสนอของภรรยา
“อือฮึ...” พิมพ์พลอยตอบรับด้วยการทำเสียงในลำคอ
“เรื่องอะไร...ผมยังเจ็บใจไม่หายที่มันพาคุณหนีไปจากผม” โสภณทำหน้ายุ่ง
“เขาไม่ได้พาพลอยหนีสักหน่อย แค่พามาส่งที่ท่ารถทัวร์ ก็พลอยจะกลับบ้านนี่”
“ไม่รู้ล่ะ ผมหึง ผมหวงเมียผม” โสภณคว้าร่างภรรยามากอดไว้กับอกอย่างหวงแหน
“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันแค่นั้นเอง เพียวกับพลอยเราเป็นแค่เพื่อน...”
“ยังไงผมก็ไม่ให้ยัยเจนนี่ไปทำงานที่บริษัททัวร์ทางทะเลของมัน”
“คุณภณคะ...ถ้าคุณทำแบบนี้แสดงว่าคุณไม่เคยไว้ใจพลอยเลยใช่ไหมคะ คุณกำลังทำให้พลอยคิดและเข้าใจว่าคุณเห็นพลอยเป็นผู้หญิงใจง่ายมักมากในความรัก” น้ำเสียงของพิมพ์พลอยเบาหวิวตัดพ้อ
“โอ๊ะ...เปล่าครับ ผมไม่เคยคิดอย่างนั้น ผมรักคุณ และทราบดีว่าคุณเองก็รักผมมากไม่ต่างกัน แต่...”
“ไม่มีแต่ค่ะถ้าคุณเชื่อใจพลอย คุณก็ต้องเชื่อวิธีของพลอย บางทีการได้ไปอยู่ในที่ต่างถิ่น อาจทำให้อะไรต่อมิอะไรดีขึ้นก็ได้นะคะ”
โสภณนิ่งคิดประมวลเหตุการณ์ล่วงหน้า มันคงเป็นเรื่องที่ชวนให้สะใจได้ไม่น้อยหากไอ้เจ้าเพียวนั่นจะเจอฤทธิ์ป่วนประสาทของยัยตัวแสบ อย่างน้อยนั่นก็ถือได้ว่าเป็นการเอาคืนเล็กๆที่พิมพ์พลอยเองก็คงไม่รู้ในส่วนนี้ แล้วนายนั่นมันจะได้ซาบซึ้งถึงคำว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เลิกมายุ่งวุ่นวายกับภรรยาเขาอย่างเด็ดขาดซะที
“ก็ได้ครับผมเชื่อพลอย แต่ไม่รู้ว่าเจนนี่จะยอมหรือเปล่านะ”
หลังจากคิดใคร่ครวญแล้วโสภณก็ยอมรับตามข้อเสนอของภรรยา นอกจากเหตุผลตามความคิดนั้นแล้ว อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญก็คือ เมื่อภรรยาพูดดักทางเช่นนี้ โสภณหรือจะกล้าโต้แย้งได้อีก
“ไม่ต้องห่วงค่ะ พลอยจัดการเอง จะลองโทรถามความสะดวกทางโน้นก่อนแล้วค่อยมากล่อมคุณเจนนี่ พลอยมั่นใจว่า ไม่มีปัญหาแน่นอน”
รหัสประเทศหน้าเบอร์โทรศัพท์โชว์ที่หน้าจอทำให้รู้ว่าต้นทางของสัญญาณคือประเทศไทยพร้อมเสียงกริ่งเพลงหวานดังขึ้นขณะที่เพียวกำลังนั่งรอแพทย์เข้าตรวจร่างกายน้องชายอยู่นอกห้องพักฟื้นผู้ป่วย เขาจึงไม่รีรอที่จะกดรับด้วยสีหน้าแสดงความประหลาดใจ
“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มกรอกเสียงทักทายไปอย่างนุ่มนวล
“สวัสดีค่ะคุณเพียว นี่พลอยเองนะคะ เอ่อ...ไม่ทราบว่าพลอยโทรมารบกวนหรือเปล่า” พิมพ์พลอยเอ่ยอย่างเกรงใจ
“คุณพลอยเองหรือครับ...ไม่หรอกครับไม่ได้รบกวนอะไร ว่าแต่คุณพลอยมมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ” เพียวตอบปฏิเสธทั้งยังเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้พูดธุระในการติดต่อกับเขา
“อย่าเรียกว่าเป็นการรับใช้เลยคะ เพราะพลอยถือว่าพลอยมาขอความช่วยเหลือจากคุณเพียวมากกว่า”
“เรื่องอะไรครับ สำคัญมากเลยเหรอ”
“ว่าสำคัญก็พอได้ค่ะ คือพลอยอยากจะฝากเด็กไปฝึกงานที่บริษัทท่องเที่ยวทางทะเลของคุณเพียวสักคนน่ะค่ะ” พิมพ์พลอยบอกจุดประสงค์โดยไม่คิดรีรอให้มากความ
“ใครครับ เด็กฝึกงานที่ว่า”
“อ๋อเป็นน้องของคุณโสภณสามีของพลอยเองค่ะ เพิ่งเรียนจบ พี่ชายเขายังไม่อยากให้รับงานใหญ่ไปทำ อยากให้ฝึกประสบการณ์ในการทำงานสักพักก่อนค่อยจะให้รับตำแหน่งกิจการ คุณเพียวพอจะสะดวกหรือเปล่าคะ” พิมพ์พลอยบอกเหตุผลที่ไปที่มา
“ผมเพิ่งรู้นะครับว่าคุณโสภณมีน้อง...ว่าแต่ทำไมไม่ให้ฝึกงานที่โรงแรมล่ะครับ ได้อยู่ใกล้หูใกล้ตา”
“ตอนแรกก็ให้ฝึกที่โรงแรมล่ะค่ะ แต่เพราะเป็นน้องเจ้าของโรงแรมใครๆก็เลยเกรงใจกันใหญ่ ไม่กล้าบอกไม่กล้าเตือนหรือท้วงติง อีกอย่างน้องเค้านิสัยค่อนข้างดื้อรั้นอยู่ซักหน่อย เพิ่งไปก่อเหตุทำร้ายร่างกายแขกที่พักในโรงแรมมาเมื่อวาน คุณภณหนักใจมาก”
“โห...ดูน่านักเลงใช่ย่อยนะครับเนี่ย แล้วอย่างนี้ผมจะคุมเขาไหวเหรอครับ”
“เขาเป็นคนรักความยุติธรรมค่ะ เพราะแขกที่เข้าพักโรงแรมคนนั้นลวนลามพนักงานหญิงของเรา ก็เลยเจอดี”พิมพ์พลอยอธิบาย
“ว้าว...โอเคเลยครับ พวกรักความยุติธรรมผมชอบ”
“ค่ะ..เพราะรักความยุติธรรมนี่แหละเลยเกิดเรื่อง ลูกค้าคนนั้นเขาไม่ยอม เขาให้เราไล่คนที่ทำร้ายร่างกายเขาออก คุณโสภณก็เลยตัดปัญหา ยกเลิกการฝึกงานที่โรงแรม พลอยคิดว่าถ้าได้ไปทำงานในที่ที่ไม่ใช่ถิ่นอำนาจของเขา ก็น่าจะทำให้อะไรต่อมิอะไรดีขึ้น”
“ได้ครับไม่มีปัญหา แต่...” เพียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงใจ และท้ายเสียงบ่งบอกให้รู้ถึงความกังวล
“อะไรคะ...”
“ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่เมืองไทยครับ ผมอยู่อเมริกา ยังไม่ทราบกำหนดกลับที่แน่นอน”
“ว้า...”
“ไม่เป็นไรครับ คุณพลอยให้คุณโสภณติดต่อคุณพ่อผมเลยก็แล้วกัน ท่านคงไม่ขัดข้องเช่นกัน คุณโสภณเป็นเพื่อนของท่านอยู่แล้วนี่ครับ...ว่าแต่น้องสามีคุณพลอยเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงครับ ถ้าให้เดาผมเดาว่าเป็นผู้ชายแน่ๆ เพราะงั้นคงไม่มีเรื่องชกต่อยกับใคร” เพียวยิ้มเมื่อคิดวาดภาพเด็กหนุ่มเลือดร้อนขี้โมโหที่ถอดแบบพี่ชายมาไม่ผิดเพี้ยน
“น้องคุณโสภณเป็น...”
ยังไม่ทันที่ปลายสัญญาณจะเฉลยจนจบประโยค ความสนใจของเพียวก็ถูกดึงไปยังประตูห้องที่เปิดออกด้วยสีหน้าบ่งบอกว่ามีบางอย่างที่ต้องพูดกับเขา
“แค่นี้ก่อนนะครับคุณพลอย ยังไงก็โทรติดต่อคุณพ่อได้เลย เสร็จธุระทางนี้แล้วผมจะกลับไปดูแลให้” เพียวตัดสัญญาณโทรศัพท์ทันที ทั้งลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับแพทย์
“มีอะไรครับหมอ” สีหน้าของเพียวส่อแววกังวลให้เห็นอย่างชัดเจน
“มีครับ แต่เป็นข่าวดี” นายแพทย์เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
“ข่าวดี? ข่าวอะไรครับ” เพียวถามกลับ สีหน้าของเขาเริ่มดีขึ้น
“น้องชายของคุณเริ่มมีอาการตอบสนองในการกระตุ้นบ้างแล้วครับ ถ้าผลการรักษาอยู่ในระดับนี้ คาดว่าอีกไม่นานคนป่วยจะฟื้นคืนสติ”
“โอ้...เป็นข่าวดีจริงๆครับ ขอบคุณมากครับหมอ” เพียวยิ้มกว้าง
“เป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้วครับ เอาล่ะ...ผมเห็นจะต้องขอตัวไปดูคนป่วยรายอื่นต่อ”
“ครับเชิญตามสบายเลยครับไ
แพทย์เดินจากไปแล้ว เพียวจึงขยับไปยังประตูด้วยหัวใจที่เต้นแรงด้วยความตื่นเต้น เขาอยากจะรีบเข้าไปดูอาการของน้องชายโดยเร็ว ดูในสิ่งที่แพทย์บอกให้มั่นใจก่อนจะโทรบอกข่าวดีชิ้นนี้ให้ป้าลิซทราบ ทว่าเขาทำได้เพียงแค่จับที่ลูกบิดเท่านั้น เมื่อมีเสียงหนึ่งเรียกเอาไว้
“ขอโทษค่ะ คุณเป็นญาติของมิสเตอร์สมิทธิ์ใช่ไหมคะ”
“ครับ”
“ทางตำรวจส่งของพวกนี้มาให้ค่ะ บอกว่าเป็นของคนมิสเตอร์จอร์ซ” พยาบาลยื่นถุงพลาสติกใสที่มีสิ่งของหลายๆชิ้นบรรจุอยู่ภายใน
“ขอบคุณครับ” เพียวรับมาถือไว้กับมือ เขาส่งยิ้มขอบคุณไปให้อีกครั้งก่อนพยาบาลจะเดินจากไป
เพียวมองผ่านของจุกจิกที่บรรจุอยู่ในถุงใสใบนั้น มีบางสิ่งที่ทำให้เขาถึงกับอุ่นวาบในอก เมื่อสายตากวาดไปพบเส้นโลหะเส้นหนึ่งที่บรรจุอยู่ด้วย มันคงไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เขาดีใจเท่าการที่เขาเห็นจี้ของสร้อยเส้นนี้ ใช่แล้วมันคือลูกกุญแจดอกเล็กๆที่เขาหวังว่าจะใช้ไขสมุดบันทึกปริศนานั้นได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาอยากรู้จะได้กระจ่างแจ้งซะที

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 เม.ย. 2556, 06:12:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 เม.ย. 2556, 06:12:15 น.
จำนวนการเข้าชม : 2406
<< ตอนที่5 | ตอนที่7 >> |

Siang 22 เม.ย. 2556, 08:26:55 น.
เจนนี่น่าจะโดนดัดนิสัยขนานใหญ่เลยทีเดียว
เจนนี่น่าจะโดนดัดนิสัยขนานใหญ่เลยทีเดียว

supayalak 22 เม.ย. 2556, 14:31:38 น.
ลุ้นลุ้นลุ้น คุณเพียงจะไขปริศนาของจอร์ซ ได้ไหมน้า ส่วนหนูเจนนีของเราจะป่วนคุณเพียวได้ขนาดไหนกัน
ลุ้นลุ้นลุ้น คุณเพียงจะไขปริศนาของจอร์ซ ได้ไหมน้า ส่วนหนูเจนนีของเราจะป่วนคุณเพียวได้ขนาดไหนกัน

